Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๔. สุมนวโคฺค
4. Sumanavaggo
๑. สุมนสุตฺตวณฺณนา
1. Sumanasuttavaṇṇanā
๓๑. จตุตฺถสฺส ปฐเม สุมนา ราชกุมารีติ มหาสกฺการํ กตฺวา ปตฺถนํ ปเตฺถตฺวา เอวํ ลทฺธนามา ราชกญฺญาฯ วิปสฺสิสมฺมาสมฺพุทฺธกาลสฺมิํ หิ นาคเรสุ ‘‘ยุทฺธมฺปิ กตฺวา สตฺถารํ อมฺหากํ คณฺหิสฺสามา’’ติ เสนาปติํ นิสฺสาย พุทฺธปฺปมุขํ สงฺฆํ ลภิตฺวา ปฎิปาฎิยา ปุญฺญานิ กาตุํ อารเทฺธสุ สพฺพปฐมทิวโส เสนาปติสฺส วาโร อโหสิฯ ตสฺมิํ ทิวเส เสนาปติ มหาทานํ สเชฺชตฺวา ‘‘อชฺช ยถา อโญฺญ โกจิ เอกภิกฺขมฺปิ น เทติ, เอวํ รกฺขถา’’ติ สมนฺตา ปุริเส ฐเปสิฯ ตํทิวสํ เสฎฺฐิภริยา โรทมานา ปญฺจหิ กุมาริกาสเตหิ สทฺธิํ กีฬิตฺวา อาคตํ ธีตรํ อาห – ‘‘สเจ, อมฺม, ตว ปิตา ชีเวยฺย, อชฺชาหํ ปฐมํ ทสพลํ โภเชยฺย’’นฺติฯ สา ตํ อาห – ‘‘อมฺม, มา จินฺตยิ, อหํ ตถา กริสฺสามิ, ยถา พุทฺธปฺปมุโข สโงฺฆ อมฺหากํ ปฐมํ ภิกฺขํ ภุญฺชิสฺสตี’’ติฯ ตโต สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณปาติยา นิรุทกปายาสํ ปูเรตฺวา สปฺปิมธุสกฺขราทีหิ อภิสงฺขริตฺวา อญฺญิสฺสา ปาติยา ปฎิกุชฺชิตฺวา ตํ สุมนมาลาคุเฬหิ ปริกฺขิปิตฺวา มาลาคุฬสทิสํ กตฺวา ภควโต คามํ ปวิสนเวลาย สยเมว อุกฺขิปิตฺวา ธาติคณปริวุตา ฆรา นิกฺขมิฯ
31. Catutthassa paṭhame sumanā rājakumārīti mahāsakkāraṃ katvā patthanaṃ patthetvā evaṃ laddhanāmā rājakaññā. Vipassisammāsambuddhakālasmiṃ hi nāgaresu ‘‘yuddhampi katvā satthāraṃ amhākaṃ gaṇhissāmā’’ti senāpatiṃ nissāya buddhappamukhaṃ saṅghaṃ labhitvā paṭipāṭiyā puññāni kātuṃ āraddhesu sabbapaṭhamadivaso senāpatissa vāro ahosi. Tasmiṃ divase senāpati mahādānaṃ sajjetvā ‘‘ajja yathā añño koci ekabhikkhampi na deti, evaṃ rakkhathā’’ti samantā purise ṭhapesi. Taṃdivasaṃ seṭṭhibhariyā rodamānā pañcahi kumārikāsatehi saddhiṃ kīḷitvā āgataṃ dhītaraṃ āha – ‘‘sace, amma, tava pitā jīveyya, ajjāhaṃ paṭhamaṃ dasabalaṃ bhojeyya’’nti. Sā taṃ āha – ‘‘amma, mā cintayi, ahaṃ tathā karissāmi, yathā buddhappamukho saṅgho amhākaṃ paṭhamaṃ bhikkhaṃ bhuñjissatī’’ti. Tato satasahassagghanikāya suvaṇṇapātiyā nirudakapāyāsaṃ pūretvā sappimadhusakkharādīhi abhisaṅkharitvā aññissā pātiyā paṭikujjitvā taṃ sumanamālāguḷehi parikkhipitvā mālāguḷasadisaṃ katvā bhagavato gāmaṃ pavisanavelāya sayameva ukkhipitvā dhātigaṇaparivutā gharā nikkhami.
อนฺตรามเคฺค เสนาปติโน อุปฎฺฐากา, ‘‘อมฺม, มา อิโต อาคมา’’ติ วทนฺติฯ มหาปุญฺญา นาม มนาปกถา โหนฺติ, น จ เตสํ ปุนปฺปุนํ ภณนฺตานํ กถา ปฎิกฺขิปิตุํ สกฺกา โหติฯ สา ‘‘จูฬปิต, มหาปิต, มาตุล, กิสฺส ตุเมฺห คนฺตุํ น เทถา’’ติ อาหฯ เสนาปตินา ‘‘อญฺญสฺส กสฺสจิ ขาทนียํ โภชนียํ มา เทถา’’ติ ฐปิตมฺห, อมฺมาติฯ กิํ ปน มม หเตฺถ ขาทนียํ โภชนียํ ปสฺสถาติ? มาลาคุฬํ ปสฺสามาติฯ กิํ ตุมฺหากํ เสนาปติ มาลาปูชมฺปิ กาตุํ น เทตีติ? เทติ, อมฺมาติฯ เตน หิ อเปถาติ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มาลาคุฬํ คณฺหถ ภควา’’ติ อาหฯ ภควา เอกํ เสนาปติสฺส อุปฎฺฐากํ โอโลเกตฺวา มาลาคุฬํ คณฺหาเปสิฯ สา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภวาภวาภินิพฺพตฺติยํ เม สติ ปริตสฺสนชีวิตํ นาม มา โหตุ, อยํ สุมนมาลา วิย นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฎฺฐาเน ปิยาว โหมิ, นาเมน จ สุมนาเยวา’’ติ ปตฺถนํ กตฺวา สตฺถารา ‘‘สุขินี โหหี’’ติ วุตฺตา วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ
Antarāmagge senāpatino upaṭṭhākā, ‘‘amma, mā ito āgamā’’ti vadanti. Mahāpuññā nāma manāpakathā honti, na ca tesaṃ punappunaṃ bhaṇantānaṃ kathā paṭikkhipituṃ sakkā hoti. Sā ‘‘cūḷapita, mahāpita, mātula, kissa tumhe gantuṃ na dethā’’ti āha. Senāpatinā ‘‘aññassa kassaci khādanīyaṃ bhojanīyaṃ mā dethā’’ti ṭhapitamha, ammāti. Kiṃ pana mama hatthe khādanīyaṃ bhojanīyaṃ passathāti? Mālāguḷaṃ passāmāti. Kiṃ tumhākaṃ senāpati mālāpūjampi kātuṃ na detīti? Deti, ammāti. Tena hi apethāti bhagavantaṃ upasaṅkamitvā ‘‘mālāguḷaṃ gaṇhatha bhagavā’’ti āha. Bhagavā ekaṃ senāpatissa upaṭṭhākaṃ oloketvā mālāguḷaṃ gaṇhāpesi. Sā bhagavantaṃ vanditvā ‘‘bhavābhavābhinibbattiyaṃ me sati paritassanajīvitaṃ nāma mā hotu, ayaṃ sumanamālā viya nibbattanibbattaṭṭhāne piyāva homi, nāmena ca sumanāyevā’’ti patthanaṃ katvā satthārā ‘‘sukhinī hohī’’ti vuttā vanditvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi.
ภควาปิ เสนาปติสฺส เคหํ คนฺตฺวา ปญฺญตฺตาสเน นิสีทิฯ เสนาปติ ยาคุํ คเหตฺวา อุปคญฺฉิ, สตฺถา หเตฺถน ปตฺตํ ปิทหิฯ นิสิโนฺน, ภเนฺต, ภิกฺขุสโงฺฆติ ฯ อตฺถิ โน เอโก อนฺตรามเคฺค ปิณฺฑปาโต ลโทฺธติ? มาลํ อปเนตฺวา ปิณฺฑปาตํ อทฺทสฯ จูฬุปฎฺฐาโก อาห – ‘‘สามิ มาลาติ มํ วตฺวา มาตุคาโม วเญฺจสี’’ติฯ ปายาโส ภควนฺตํ อาทิํ กตฺวา สพฺพภิกฺขูนํ ปโหสิฯ เสนาปติ อตฺตโน เทยฺยธมฺมํ อทาสิฯ สตฺถา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา มงฺคลํ วตฺวา ปกฺกามิฯ เสนาปติ ‘‘กา นาม สา ปิณฺฑปาตมทาสี’’ติ ปุจฺฉิฯ เสฎฺฐิธีตา สามีติฯ สปฺปญฺญา อิตฺถี, เอวรูปาย ฆเร วสนฺติยา ปุริสสฺส สคฺคสมฺปตฺติ นาม น ทุลฺลภาติ กํ อาเนตฺวา เชฎฺฐกฎฺฐาเน ฐเปสิ?
Bhagavāpi senāpatissa gehaṃ gantvā paññattāsane nisīdi. Senāpati yāguṃ gahetvā upagañchi, satthā hatthena pattaṃ pidahi. Nisinno, bhante, bhikkhusaṅghoti . Atthi no eko antarāmagge piṇḍapāto laddhoti? Mālaṃ apanetvā piṇḍapātaṃ addasa. Cūḷupaṭṭhāko āha – ‘‘sāmi mālāti maṃ vatvā mātugāmo vañcesī’’ti. Pāyāso bhagavantaṃ ādiṃ katvā sabbabhikkhūnaṃ pahosi. Senāpati attano deyyadhammaṃ adāsi. Satthā bhattakiccaṃ katvā maṅgalaṃ vatvā pakkāmi. Senāpati ‘‘kā nāma sā piṇḍapātamadāsī’’ti pucchi. Seṭṭhidhītā sāmīti. Sappaññā itthī, evarūpāya ghare vasantiyā purisassa saggasampatti nāma na dullabhāti kaṃ ānetvā jeṭṭhakaṭṭhāne ṭhapesi?
สา ปิตุเคเห จ เสนาปติเคเห จ ธนํ คเหตฺวา ยาวตายุกํ ตถาคตสฺส ทานํ ทตฺวา ปุญฺญานิ กริตฺวา ตโต จุตา กามาวจรเทวโลเก นิพฺพตฺติฯ นิพฺพตฺตกฺขเณเยว ชาณุปฺปมาเณน โอธินา สกลํ เทวโลกํ ปริปูรยมานํ สุมนวสฺสํ วสฺสิฯ เทวตา ‘‘อยํ อตฺตนาว อตฺตโน นามํ คเหตฺวา อาคตา’’ติ ‘‘สุมนา เทวธีตา’’เตฺววสฺสา นามํ อกํสุฯ สา เอกนวุติกเปฺป เทเวสุ จ มนุเสฺสสุ จ สํสรนฺตี นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฎฺฐาเน อวิชหิตสุมนวสฺสา ‘‘สุมนา สุมนา’’เตฺวว นามา อโหสิฯ อิมสฺมิํ ปน กาเล โกสลรโญฺญ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ ตาปิ ปญฺจสตา กุมาริกา ตํทิวสเญฺญว ตสฺมิํ ตสฺมิํ กุเล ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวา เอกทิวเสเยว สพฺพา มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิํสุฯ ตํขณํเยว ชาณุปฺปมาเณน โอธินา สุมนวสฺสํ วสฺสิฯ ตํ ทิสฺวา ราชา ‘‘ปุเพฺพ กตาภินีหารา เอสา ภวิสฺสตี’’ติ ตุฎฺฐมานโส ‘‘ธีตา เม อตฺตนาว อตฺตโน นามํ คเหตฺวา อาคตา’’ติ สุมนาเตฺววสฺสา นามํ กตฺวา ‘‘มยฺหํ ธีตา น เอกิกาว นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ นครํ วิจินาเปโนฺต ‘ปญฺจ ทาริกาสตานิ ชาตานี’’ติ สุตฺวา สพฺพา อตฺตนาว โปสาเปสิฯ มาเส มาเส สมฺปเต ‘‘อาเนตฺวา มม ธีตุ ทเสฺสถา’’ติ อาหฯ เอวเมสา มหาสกฺการํ กตฺวา ปตฺถนํ ปเตฺถตฺวา เอวํลทฺธนามาติ เวทิตพฺพาฯ
Sā pitugehe ca senāpatigehe ca dhanaṃ gahetvā yāvatāyukaṃ tathāgatassa dānaṃ datvā puññāni karitvā tato cutā kāmāvacaradevaloke nibbatti. Nibbattakkhaṇeyeva jāṇuppamāṇena odhinā sakalaṃ devalokaṃ paripūrayamānaṃ sumanavassaṃ vassi. Devatā ‘‘ayaṃ attanāva attano nāmaṃ gahetvā āgatā’’ti ‘‘sumanā devadhītā’’tvevassā nāmaṃ akaṃsu. Sā ekanavutikappe devesu ca manussesu ca saṃsarantī nibbattanibbattaṭṭhāne avijahitasumanavassā ‘‘sumanā sumanā’’tveva nāmā ahosi. Imasmiṃ pana kāle kosalarañño aggamahesiyā kucchismiṃ paṭisandhiṃ gaṇhi. Tāpi pañcasatā kumārikā taṃdivasaññeva tasmiṃ tasmiṃ kule paṭisandhiṃ gahetvā ekadivaseyeva sabbā mātukucchito nikkhamiṃsu. Taṃkhaṇaṃyeva jāṇuppamāṇena odhinā sumanavassaṃ vassi. Taṃ disvā rājā ‘‘pubbe katābhinīhārā esā bhavissatī’’ti tuṭṭhamānaso ‘‘dhītā me attanāva attano nāmaṃ gahetvā āgatā’’ti sumanātvevassā nāmaṃ katvā ‘‘mayhaṃ dhītā na ekikāva nibbattissatī’’ti nagaraṃ vicināpento ‘pañca dārikāsatāni jātānī’’ti sutvā sabbā attanāva posāpesi. Māse māse sampate ‘‘ānetvā mama dhītu dassethā’’ti āha. Evamesā mahāsakkāraṃ katvā patthanaṃ patthetvā evaṃladdhanāmāti veditabbā.
ตสฺสา สตฺตวสฺสิกกาเล อนาถปิณฺฑิเกน วิหารํ นิฎฺฐาเปตฺวา ตถาคตสฺส ทูเต เปสิเต สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร สาวตฺถิํ อคมาสิฯ อนาถปิณฺฑิโก คนฺตฺวา ราชานํ เอวมาห – ‘‘มหาราช, สตฺถุ อิธาคมนํ อมฺหากมฺปิ มงฺคลํ ตุมฺหากมฺปิ มงฺคลเมว, สุมนํ ราชกุมาริํ ปญฺจหิ ทาริกาสเตหิ สทฺธิํ ปุณฺณฆเฎ จ คนฺธมาลาทีนิ จ คาหาเปตฺวา ทสพลสฺส ปจฺจุคฺคมนํ เปเสถา’’ติฯ ราชา ‘‘สาธุ มหาเสฎฺฐี’’ติ ตถา อกาสิฯ สาปิ รญฺญา วุตฺตนเยเนว คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ สตฺถา ตสฺสา ธมฺมํ เทเสสิฯ สา ปญฺจหิ กุมาริกาสเตหิ สทฺธิํ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาสิฯ อญฺญานิปิ ปญฺจ ทาริกาสตานิ ปญฺจ มาตุคามสตานิ ปญฺจ อุปาสกสตานิ ตสฺมิํเยว ขเณ โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิํสุฯ เอวํ ตสฺมิํ ทิวเส อนฺตรามเคฺคเยว เทฺว โสตาปนฺนสหสฺสานิ ชาตานิฯ
Tassā sattavassikakāle anāthapiṇḍikena vihāraṃ niṭṭhāpetvā tathāgatassa dūte pesite satthā bhikkhusaṅghaparivāro sāvatthiṃ agamāsi. Anāthapiṇḍiko gantvā rājānaṃ evamāha – ‘‘mahārāja, satthu idhāgamanaṃ amhākampi maṅgalaṃ tumhākampi maṅgalameva, sumanaṃ rājakumāriṃ pañcahi dārikāsatehi saddhiṃ puṇṇaghaṭe ca gandhamālādīni ca gāhāpetvā dasabalassa paccuggamanaṃ pesethā’’ti. Rājā ‘‘sādhu mahāseṭṭhī’’ti tathā akāsi. Sāpi raññā vuttanayeneva gantvā satthāraṃ vanditvā gandhamālādīhi pūjetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Satthā tassā dhammaṃ desesi. Sā pañcahi kumārikāsatehi saddhiṃ sotāpattiphale patiṭṭhāsi. Aññānipi pañca dārikāsatāni pañca mātugāmasatāni pañca upāsakasatāni tasmiṃyeva khaṇe sotāpattiphalaṃ pāpuṇiṃsu. Evaṃ tasmiṃ divase antarāmaggeyeva dve sotāpannasahassāni jātāni.
เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ กสฺมา อุปสงฺกมีติ? ปญฺหํ ปุจฺฉิตุกามตายฯ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล กิร สหายกา เทฺว ภิกฺขู อเหสุํฯ เตสุ เอโก สารณียธมฺมํ ปูเรติ, เอโก ภตฺตคฺควตฺตํฯ สารณียธมฺมปูรโก อิตรํ อาห – ‘‘อาวุโส, อทินฺนสฺส ผลํ นาม นตฺถิ, อตฺตนา ลทฺธํ ปเรสํ ทตฺวา ภุญฺชิตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ อิตโร ปน อาห – ‘‘อาวุโส, ตฺวํ น ชานาสิ, เทยฺยธมฺมํ นาม วินิปาเตตุํ น วฎฺฎติ, อตฺตโน ยาปนมตฺตเมว คณฺหเนฺตน ภตฺตคฺควตฺตํ ปูเรตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ เตสุ เอโกปิ เอกํ อตฺตโน โอวาเท โอตาเรตุํ นาสกฺขิฯ เทฺวปิ อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปูเรตฺวา ตโต จุตา กามาวจรเทวโลเก นิพฺพตฺติํสุฯ ตตฺถ สารณียธมฺมปูรโก อิตรํ ปญฺจหิ ธเมฺมหิ อธิคณฺหิฯ
Yena bhagavā tenupasaṅkamīti kasmā upasaṅkamīti? Pañhaṃ pucchitukāmatāya. Kassapasammāsambuddhakāle kira sahāyakā dve bhikkhū ahesuṃ. Tesu eko sāraṇīyadhammaṃ pūreti, eko bhattaggavattaṃ. Sāraṇīyadhammapūrako itaraṃ āha – ‘‘āvuso, adinnassa phalaṃ nāma natthi, attanā laddhaṃ paresaṃ datvā bhuñjituṃ vaṭṭatī’’ti. Itaro pana āha – ‘‘āvuso, tvaṃ na jānāsi, deyyadhammaṃ nāma vinipātetuṃ na vaṭṭati, attano yāpanamattameva gaṇhantena bhattaggavattaṃ pūretuṃ vaṭṭatī’’ti. Tesu ekopi ekaṃ attano ovāde otāretuṃ nāsakkhi. Dvepi attano paṭipattiṃ pūretvā tato cutā kāmāvacaradevaloke nibbattiṃsu. Tattha sāraṇīyadhammapūrako itaraṃ pañcahi dhammehi adhigaṇhi.
เอวํ เต เทเวสุ จ มนุเสฺสสุ จ สํสรนฺตา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เขเปตฺวา อิมสฺมิํ กาเล สาวตฺถิยํ นิพฺพตฺติํสุฯ สารณียธมฺมปูรโก โกสลรโญฺญ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิ , อิตโร ตสฺสาเยว อุปฎฺฐากอิตฺถิยา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ เต เทฺวปิ ชนา เอกทิวเสเนว ชายิํสุฯ เต นามคฺคหณทิวเส นฺหาเปตฺวา สิริคเพฺภ นิปชฺชาเปตฺวา ทฺวินฺนมฺปิ มาตโร พหิ สกฺการํ สํวิทหิํสุฯ เตสุ สารณียธมฺมปูรโก อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา มหนฺตํ เสตจฺฉตฺตํ สุปญฺญตฺตํ สิริสยนํ อลงฺกตปฎิยตฺตญฺจ นิเวสนํ ทิสฺวา ‘‘เอกสฺมิํ ราชกุเล นิพฺพโตฺตสฺมี’’ติ อญฺญาสิฯ โส ‘‘กิํ นุ โข กมฺมํ กตฺวา อิธ นิพฺพโตฺตสฺมี’’ติ อาวเชฺชโนฺต ‘‘สารณียธมฺมนิสฺสเนฺทนา’’ติ ญตฺวา ‘‘สหาโย เม กุหิํ นุ โข นิพฺพโตฺต’’ติ อาวเชฺชโนฺต นีจสยเน นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ภตฺตคฺควตฺตํ ปูเรมีติ มม วจนํ น คณฺหิ, อิมสฺมิํ อิทานิ ตํ ฐาเน นิคฺคณฺหิตุํ วฎฺฎตี’’ติ ‘‘สมฺม มม วจนํ นากาสี’’ติ อาหฯ อถ กิํ ชาตนฺติฯ ปสฺส มยฺหํ สมฺปตฺติํ, เสตจฺฉตฺตสฺส เหฎฺฐา สิริสยเน นิปโนฺนสฺมิ, ตฺวํ นีจมเญฺจ ถทฺธอตฺถรณมเตฺต นิปโนฺนสีติฯ กิํ ปน ตฺวํ เอตํ นิสฺสาย มานํ กโรสิ, นนุ เวฬุสลากาหิ กตฺวา ปิโลติกาย ปลิเวฐิตํ สพฺพเมตํ ปถวีธาตุมตฺตเมวาติ?
Evaṃ te devesu ca manussesu ca saṃsarantā ekaṃ buddhantaraṃ khepetvā imasmiṃ kāle sāvatthiyaṃ nibbattiṃsu. Sāraṇīyadhammapūrako kosalarañño aggamahesiyā kucchismiṃ paṭisandhiṃ gaṇhi , itaro tassāyeva upaṭṭhākaitthiyā kucchismiṃ paṭisandhiṃ gaṇhi. Te dvepi janā ekadivaseneva jāyiṃsu. Te nāmaggahaṇadivase nhāpetvā sirigabbhe nipajjāpetvā dvinnampi mātaro bahi sakkāraṃ saṃvidahiṃsu. Tesu sāraṇīyadhammapūrako akkhīni ummīletvā mahantaṃ setacchattaṃ supaññattaṃ sirisayanaṃ alaṅkatapaṭiyattañca nivesanaṃ disvā ‘‘ekasmiṃ rājakule nibbattosmī’’ti aññāsi. So ‘‘kiṃ nu kho kammaṃ katvā idha nibbattosmī’’ti āvajjento ‘‘sāraṇīyadhammanissandenā’’ti ñatvā ‘‘sahāyo me kuhiṃ nu kho nibbatto’’ti āvajjento nīcasayane nipannaṃ disvā ‘‘ayaṃ bhattaggavattaṃ pūremīti mama vacanaṃ na gaṇhi, imasmiṃ idāni taṃ ṭhāne niggaṇhituṃ vaṭṭatī’’ti ‘‘samma mama vacanaṃ nākāsī’’ti āha. Atha kiṃ jātanti. Passa mayhaṃ sampattiṃ, setacchattassa heṭṭhā sirisayane nipannosmi, tvaṃ nīcamañce thaddhaattharaṇamatte nipannosīti. Kiṃ pana tvaṃ etaṃ nissāya mānaṃ karosi, nanu veḷusalākāhi katvā pilotikāya paliveṭhitaṃ sabbametaṃ pathavīdhātumattamevāti?
สุมนา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘มม ภาติกานํ สนฺติเก โกจิ นตฺถี’’ติ เตสํ สมีปํ คจฺฉนฺตี ทฺวารํ นิสฺสาย ฐิตา ‘‘ธาตู’’ติ วจนํ สุตฺวา ‘‘อิทํ ธาตูติ วจนํ พหิทฺธา นตฺถิฯ มม ภาติกา สมณเทวปุตฺตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ จิเนฺตตฺวา – ‘‘สจาหํ ‘อิเม เอวํ กเถนฺตี’ติ มาตาปิตูนํ กเถสฺสามิ, ‘อมนุสฺสา เอเต’ติ นีหราเปสฺสนฺติฯ อิทํ การณํ อญฺญสฺส อกเถตฺวา กงฺขเจฺฉทกํ ปุริสเหรญฺญิกํ มม ปิตรํ มหาโคตมทสพลํเยว ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ ภุตฺตปาตราสา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ทสพลสฺส อุปฎฺฐานํ คมิสฺสามี’’ติ อาหฯ ราชา ปญฺจ รถสตานิ โยชาเปสิฯ ชมฺพุทีปตลสฺมิญฺหิ ติโสฺสว กุมาริโย ปิตูนํ สนฺติกา ปญฺจ รถสตานิ ลภิํสุ – พิมฺพิสารรโญฺญ ธีตา จุนฺที ราชกญฺญา, ธนญฺจยสฺส เสฎฺฐิสฺส ธีตา วิสาขา, อยํ สุมนา ราชกญฺญาติฯ สา คนฺธมาลํ อาทาย รเถ ฐิตา ปญฺจรถสตปริวารา ‘‘อิมํ ปญฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิฯ
Sumanā tesaṃ kathaṃ sutvā ‘‘mama bhātikānaṃ santike koci natthī’’ti tesaṃ samīpaṃ gacchantī dvāraṃ nissāya ṭhitā ‘‘dhātū’’ti vacanaṃ sutvā ‘‘idaṃ dhātūti vacanaṃ bahiddhā natthi. Mama bhātikā samaṇadevaputtā bhavissantī’’ti cintetvā – ‘‘sacāhaṃ ‘ime evaṃ kathentī’ti mātāpitūnaṃ kathessāmi, ‘amanussā ete’ti nīharāpessanti. Idaṃ kāraṇaṃ aññassa akathetvā kaṅkhacchedakaṃ purisaheraññikaṃ mama pitaraṃ mahāgotamadasabalaṃyeva pucchissāmī’’ti bhuttapātarāsā rājānaṃ upasaṅkamitvā ‘‘dasabalassa upaṭṭhānaṃ gamissāmī’’ti āha. Rājā pañca rathasatāni yojāpesi. Jambudīpatalasmiñhi tissova kumāriyo pitūnaṃ santikā pañca rathasatāni labhiṃsu – bimbisārarañño dhītā cundī rājakaññā, dhanañcayassa seṭṭhissa dhītā visākhā, ayaṃ sumanā rājakaññāti. Sā gandhamālaṃ ādāya rathe ṭhitā pañcarathasataparivārā ‘‘imaṃ pañhaṃ pucchissāmī’’ti yena bhagavā tenupasaṅkami.
อิธสฺสูติ อิธ ภเวยฺยุํฯ เอโก ทายโกติ เอโก อตฺตนา ลทฺธลาภโต ปรสฺส ทตฺวา ปริภุญฺชนโก สารณียธมฺมปูรโกฯ เอโก อทายโกติ เอโก อตฺตนา ลทฺธํ ปรสฺส อทตฺวา ปริภุญฺชนโก ภตฺตคฺควตฺตปูรโกฯ เทวภูตานํ ปน เนสนฺติ เทวภูตานํ เอเตสํฯ อธิคณฺหาตีติ อธิภวิตฺวา คณฺหาติ อโชฺฌตฺถรติ อติเสติฯ อาธิปเตเยฺยนาติ เชฎฺฐกการเณนฯ อิเมหิ ปญฺจหิ ฐาเนหีติ เสสเทเว สโกฺก เทวราชา วิย อิเมหิ ปญฺจหิ การเณหิ อธิคณฺหาติฯ มานุสเกนาติอาทีสุ อายุนา มหากสฺสปเตฺถโร วิย พากุลเตฺถโร วิย อานนฺทเตฺถโร วิย จ, วเณฺณน มหาคติมฺพอภยเตฺถโร วิย ภณฺฑาคารอมโจฺจ วิย จ, สุเขน รฎฺฐปาลกุลปุโตฺต วิย โสณเสฎฺฐิปุโตฺต วิย ยสทารโก วิย จ, ยเสน ธมฺมาโสโก วิย, ตถา อาธิปเจฺจนาติ อิเมหิ ปญฺจหิ การเณหิ อติเรโก เชฎฺฐโก โหติฯ
Idhassūti idha bhaveyyuṃ. Eko dāyakoti eko attanā laddhalābhato parassa datvā paribhuñjanako sāraṇīyadhammapūrako. Eko adāyakoti eko attanā laddhaṃ parassa adatvā paribhuñjanako bhattaggavattapūrako. Devabhūtānaṃ pana nesanti devabhūtānaṃ etesaṃ. Adhigaṇhātīti adhibhavitvā gaṇhāti ajjhottharati atiseti. Ādhipateyyenāti jeṭṭhakakāraṇena. Imehi pañcahi ṭhānehīti sesadeve sakko devarājā viya imehi pañcahi kāraṇehi adhigaṇhāti. Mānusakenātiādīsu āyunā mahākassapatthero viya bākulatthero viya ānandatthero viya ca, vaṇṇena mahāgatimbaabhayatthero viya bhaṇḍāgāraamacco viya ca, sukhena raṭṭhapālakulaputto viya soṇaseṭṭhiputto viya yasadārako viya ca, yasena dhammāsoko viya, tathā ādhipaccenāti imehi pañcahi kāraṇehi atireko jeṭṭhako hoti.
ยาจิโตว พหุลนฺติ พากุลเตฺถร-สีวลิเตฺถร-อานนฺทเตฺถราทโย วิย ยาจิโตว พหุลํ จีวราทีนิ ปริภุญฺชตีติ อิเมหิ การเณหิ อติเรโก โหติ เชฎฺฐโกฯ ยทิทํ วิมุตฺติยา วิมุตฺตินฺติ ยํ เอกสฺส วิมุตฺติยา สทฺธิํ อิตรสฺส วิมุตฺติํ อารพฺภ นานากรณํ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, ตํ น วทามีติ อโตฺถฯ สตฺตวสฺสิกทารโก วา หิ วิมุตฺติํ ปฎิวิชฺฌตุ วสฺสสติกเตฺถโร วา ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา อุปาสโก วา อุปาสิกา วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา, ปฎิวิทฺธโลกุตฺตรมเคฺค นานตฺตํ นาม นตฺถิฯ อลเมวาติ ยุตฺตเมวฯ ยตฺร หิ นามาติ ยานิ นามฯ
Yācitova bahulanti bākulatthera-sīvalitthera-ānandattherādayo viya yācitova bahulaṃ cīvarādīni paribhuñjatīti imehi kāraṇehi atireko hoti jeṭṭhako. Yadidaṃ vimuttiyā vimuttinti yaṃ ekassa vimuttiyā saddhiṃ itarassa vimuttiṃ ārabbha nānākaraṇaṃ vattabbaṃ bhaveyya, taṃ na vadāmīti attho. Sattavassikadārako vā hi vimuttiṃ paṭivijjhatu vassasatikatthero vā bhikkhu vā bhikkhunī vā upāsako vā upāsikā vā devo vā māro vā brahmā vā, paṭividdhalokuttaramagge nānattaṃ nāma natthi. Alamevāti yuttameva. Yatra hi nāmāti yāni nāma.
คจฺฉํ อากาสธาตุยาติ อากาเสน คจฺฉโนฺตฯ สโทฺธติ รตนตฺตยคุณานํ สทฺธาตาฯ ถนยนฺติ คชฺชโนฺตฯ วิชฺชุมาลีติ มาลาสทิสาย เมฆมุเข จรนฺติยา วิชฺชุลตาย สมนฺนาคโตฯ สตกฺกกูติ สตกูโฎ, อิโต จิโต จ อุฎฺฐิเตน วลาหกกูฎสเตน สมนฺนาคโตติ อโตฺถฯ ทสฺสนสมฺปโนฺนติ โสตาปโนฺนฯ โภคปริพฺยูโฬฺหติ อุทโกเฆน วิย ทานวเสน ทียมาเนหิ โภเคหิ ปริพฺยูโฬฺห, เทวโลกํ สมฺปาปิโตติ อโตฺถฯ เปจฺจาติ ปรโลเกฯ สเคฺค ปโมทตีติ ยสฺมิํ สเคฺค อุปฺปชฺชติ, ตเตฺถว โมทตีติฯ
Gacchaṃ ākāsadhātuyāti ākāsena gacchanto. Saddhoti ratanattayaguṇānaṃ saddhātā. Thanayanti gajjanto. Vijjumālīti mālāsadisāya meghamukhe carantiyā vijjulatāya samannāgato. Satakkakūti satakūṭo, ito cito ca uṭṭhitena valāhakakūṭasatena samannāgatoti attho. Dassanasampannoti sotāpanno. Bhogaparibyūḷhoti udakoghena viya dānavasena dīyamānehi bhogehi paribyūḷho, devalokaṃ sampāpitoti attho. Peccāti paraloke. Sagge pamodatīti yasmiṃ sagge uppajjati, tattheva modatīti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑. สุมนสุตฺตํ • 1. Sumanasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑. สุมนสุตฺตวณฺณนา • 1. Sumanasuttavaṇṇanā