Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๔๒๐] ๔. สุมงฺคลชาตกวณฺณนา

    [420] 4. Sumaṅgalajātakavaṇṇanā

    ภุสมฺหิ กุโทฺธติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ราโชวาทสุตฺตํ อารพฺภ กเถสิฯ ตทา ปน สตฺถา รญฺญา ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Bhusamhi kuddhoti idaṃ satthā jetavane viharanto rājovādasuttaṃ ārabbha kathesi. Tadā pana satthā raññā yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพโตฺต วยปฺปโตฺต ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ กาเรสิ, มหาทานํ ปวเตฺตสิฯ ตสฺส สุมงฺคโล นาม อุยฺยานปาโล อโหสิฯ อเถโก ปเจฺจกพุโทฺธ นนฺทมูลกปพฺภารา นิกฺขมิตฺวา จาริกํ จรมาโน พาราณสิํ ปตฺวา อุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส นครํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ ตเมนํ ราชา ทิสฺวา ปสนฺนจิโตฺต วนฺทิตฺวา ปาสาทํ อาโรเปตฺวา ราชาสเน นิสีทาเปตฺวา นานคฺครเสหิ ขาทนียโภชนีเยหิ ปริวิสิตฺวา อนุโมทนํ สุตฺวา ปสโนฺน อตฺตโน อุยฺยาเน วสนตฺถาย ปฎิญฺญํ คาหาเปตฺวา อุยฺยานํ ปเวเสตฺวา สยมฺปิ ภุตฺตปาตราโส ตตฺถ คนฺตฺวา รตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐานาทีนิ สํวิทหิตฺวา สุมงฺคลํ นาม อุยฺยานปาลํ เวยฺยาวจฺจกรํ กตฺวา นครํ ปาวิสิฯ ปเจฺจกพุโทฺธ ตโต ปฎฺฐาย นิพทฺธํ ราชเคเห ภุญฺชโนฺต ตตฺถ จิรํ วสิ, สุมงฺคโลปิ นํ สกฺกจฺจํ อุปฎฺฐหิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto tassa aggamahesiyā kucchimhi nibbatto vayappatto pitu accayena rajjaṃ kāresi, mahādānaṃ pavattesi. Tassa sumaṅgalo nāma uyyānapālo ahosi. Atheko paccekabuddho nandamūlakapabbhārā nikkhamitvā cārikaṃ caramāno bārāṇasiṃ patvā uyyāne vasitvā punadivase nagaraṃ piṇḍāya pāvisi. Tamenaṃ rājā disvā pasannacitto vanditvā pāsādaṃ āropetvā rājāsane nisīdāpetvā nānaggarasehi khādanīyabhojanīyehi parivisitvā anumodanaṃ sutvā pasanno attano uyyāne vasanatthāya paṭiññaṃ gāhāpetvā uyyānaṃ pavesetvā sayampi bhuttapātarāso tattha gantvā rattiṭṭhānadivāṭṭhānādīni saṃvidahitvā sumaṅgalaṃ nāma uyyānapālaṃ veyyāvaccakaraṃ katvā nagaraṃ pāvisi. Paccekabuddho tato paṭṭhāya nibaddhaṃ rājagehe bhuñjanto tattha ciraṃ vasi, sumaṅgalopi naṃ sakkaccaṃ upaṭṭhahi.

    อเถกทิวสํ ปเจฺจกพุโทฺธ สุมงฺคลํ อามเนฺตตฺวา ‘‘อหํ กติปาหํ อสุกคามํ นิสฺสาย วสิตฺวา อาคจฺฉิสฺสามิ, รโญฺญ อาโรเจหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิฯ สุมงฺคโลปิ รโญฺญ อาโรเจสิฯ ปเจฺจกพุโทฺธ กติปาหํ ตตฺถ วสิตฺวา สายํ สูริเย อตฺถงฺคเต ตํ อุยฺยานํ ปจฺจาคมิฯ สุมงฺคโล ตสฺส อาคตภาวํ อชานโนฺต อตฺตโน เคหํ อคมาสิฯ ปเจฺจกพุโทฺธปิ ปตฺตจีวรํ ปฎิสาเมตฺวา โถกํ จงฺกมิตฺวา ปาสาณผลเก นิสีทิฯ ตํ ทิวสํ ปน อุยฺยานปาลสฺส ฆรํ ปาหุนกา อาคมิํสุฯ โส เตสํ สูปพฺยญฺชนตฺถาย ‘‘อุยฺยาเน อภยลทฺธํ มิคํ มาเรสฺสามี’’ติ ธนุํ อาทาย อุยฺยานํ คนฺตฺวา มิคํ อุปธาเรโนฺต ปเจฺจกพุทฺธํ ทิสฺวา ‘‘มหามิโค ภวิสฺสตี’’ติ สญฺญาย สรํ สนฺนยฺหิตฺวา วิชฺฌิฯ ปเจฺจกพุโทฺธ สีสํ วิวริตฺวา ‘‘สุมงฺคลา’’ติ อาหฯ โส สํเวคปฺปโตฺต วนฺทิตฺวา ‘‘ภเนฺต, อหํ ตุมฺหากํ อาคตภาวํ อชานโนฺต ‘มิโค’ติ สญฺญาย วิชฺฌิํ, ขมถ เม’’ติ วตฺวา ‘‘โหตุ ทานิ กิํ กริสฺสสิ, เอหิ สรํ ลุญฺจิตฺวา คณฺหาหี’’ติ วุเตฺต วนฺทิตฺวา สรํ ลุญฺจิ, มหตี เวทนา อุปฺปชฺชิฯ ปเจฺจกพุโทฺธ ตเตฺถว ปรินิพฺพายิฯ อุยฺยานปาโล ‘‘สเจ ราชา ชานิสฺสติ, นาเสสฺสตี’’ติ ปุตฺตทารํ คเหตฺวา ตโตว ปลายิฯ ตาวเทว ‘‘ปเจฺจกพุโทฺธ ปรินิพฺพุโต’’ติ เทวตานุภาเวน สกลนครํ เอกโกลาหลํ ชาตํฯ

    Athekadivasaṃ paccekabuddho sumaṅgalaṃ āmantetvā ‘‘ahaṃ katipāhaṃ asukagāmaṃ nissāya vasitvā āgacchissāmi, rañño ārocehī’’ti vatvā pakkāmi. Sumaṅgalopi rañño ārocesi. Paccekabuddho katipāhaṃ tattha vasitvā sāyaṃ sūriye atthaṅgate taṃ uyyānaṃ paccāgami. Sumaṅgalo tassa āgatabhāvaṃ ajānanto attano gehaṃ agamāsi. Paccekabuddhopi pattacīvaraṃ paṭisāmetvā thokaṃ caṅkamitvā pāsāṇaphalake nisīdi. Taṃ divasaṃ pana uyyānapālassa gharaṃ pāhunakā āgamiṃsu. So tesaṃ sūpabyañjanatthāya ‘‘uyyāne abhayaladdhaṃ migaṃ māressāmī’’ti dhanuṃ ādāya uyyānaṃ gantvā migaṃ upadhārento paccekabuddhaṃ disvā ‘‘mahāmigo bhavissatī’’ti saññāya saraṃ sannayhitvā vijjhi. Paccekabuddho sīsaṃ vivaritvā ‘‘sumaṅgalā’’ti āha. So saṃvegappatto vanditvā ‘‘bhante, ahaṃ tumhākaṃ āgatabhāvaṃ ajānanto ‘migo’ti saññāya vijjhiṃ, khamatha me’’ti vatvā ‘‘hotu dāni kiṃ karissasi, ehi saraṃ luñcitvā gaṇhāhī’’ti vutte vanditvā saraṃ luñci, mahatī vedanā uppajji. Paccekabuddho tattheva parinibbāyi. Uyyānapālo ‘‘sace rājā jānissati, nāsessatī’’ti puttadāraṃ gahetvā tatova palāyi. Tāvadeva ‘‘paccekabuddho parinibbuto’’ti devatānubhāvena sakalanagaraṃ ekakolāhalaṃ jātaṃ.

    ปุนทิวเส มนุสฺสา อุยฺยานํ คนฺตฺวา ปเจฺจกพุทฺธํ ทิสฺวา ‘‘อุยฺยานปาโล ปเจฺจกพุทฺธํ มาเรตฺวา ปลาโต’’ติ รโญฺญ กถยิํสุฯ ราชา มหเนฺตน ปริวาเรน อุยฺยานํ คนฺตฺวา สตฺตาหํ สรีรปูชํ กตฺวา มหเนฺตน สกฺกาเรน ฌาเปตฺวา ธาตุโย อาทาย เจติยํ กตฺวา ตํ ปูเชโนฺต ธเมฺมน รชฺชํ กาเรสิฯ สุมงฺคโลปิ เอกสํวจฺฉรํ วีตินาเมตฺวา ‘‘รโญฺญ จิตฺตํ ชานิสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา เอกํ อมจฺจํ ปสฺสิตฺวา ‘‘มยิ รโญฺญ จิตฺตํ ชานาหี’’ติ อาหฯ อมโจฺจปิ รโญฺญ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตสฺส คุณํ กเถสิฯ ราชา อสุณโนฺต วิย อโหสิฯ ปุน กิญฺจิ อวตฺวา รโญฺญ อนตฺตมนภาวํ สุมงฺคลสฺส กเถสิฯ โส ทุติยสํวจฺฉเรปิ อาคนฺตฺวา ตเถว ราชา ตุณฺหี อโหสิฯ ตติยสํวจฺฉเร อาคนฺตฺวา ปุตฺตทารํ คเหตฺวาว อาคมิฯ อมโจฺจ รโญฺญ จิตฺตมุทุภาวํ ญตฺวา ตํ ราชทฺวาเร ฐเปตฺวา ตสฺสาคตภาวํ รโญฺญ กเถสิฯ ราชา ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ปฎิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘สุมงฺคล, กสฺมา ตยา มม ปุญฺญเกฺขตฺตํ ปเจฺจกพุโทฺธ มาริโต’’ติ ปุจฺฉิฯ โส ‘‘นาหํ, เทว, ‘ปเจฺจกพุทฺธํ มาเรมี’ติ มาเรสิํ, อปิจ โข อิมินา นาม การเณน อิทํ นาม อกาสิ’’นฺติ ตํ ปวตฺติํ อาจิกฺขิฯ อถ นํ ราชา ‘‘เตน หิ มา ภายี’’ติ สมสฺสาเสตฺวา ปุน อุยฺยานปาลเมว อกาสิฯ

    Punadivase manussā uyyānaṃ gantvā paccekabuddhaṃ disvā ‘‘uyyānapālo paccekabuddhaṃ māretvā palāto’’ti rañño kathayiṃsu. Rājā mahantena parivārena uyyānaṃ gantvā sattāhaṃ sarīrapūjaṃ katvā mahantena sakkārena jhāpetvā dhātuyo ādāya cetiyaṃ katvā taṃ pūjento dhammena rajjaṃ kāresi. Sumaṅgalopi ekasaṃvaccharaṃ vītināmetvā ‘‘rañño cittaṃ jānissāmī’’ti āgantvā ekaṃ amaccaṃ passitvā ‘‘mayi rañño cittaṃ jānāhī’’ti āha. Amaccopi rañño santikaṃ gantvā tassa guṇaṃ kathesi. Rājā asuṇanto viya ahosi. Puna kiñci avatvā rañño anattamanabhāvaṃ sumaṅgalassa kathesi. So dutiyasaṃvaccharepi āgantvā tatheva rājā tuṇhī ahosi. Tatiyasaṃvacchare āgantvā puttadāraṃ gahetvāva āgami. Amacco rañño cittamudubhāvaṃ ñatvā taṃ rājadvāre ṭhapetvā tassāgatabhāvaṃ rañño kathesi. Rājā taṃ pakkosāpetvā paṭisanthāraṃ katvā ‘‘sumaṅgala, kasmā tayā mama puññakkhettaṃ paccekabuddho mārito’’ti pucchi. So ‘‘nāhaṃ, deva, ‘paccekabuddhaṃ māremī’ti māresiṃ, apica kho iminā nāma kāraṇena idaṃ nāma akāsi’’nti taṃ pavattiṃ ācikkhi. Atha naṃ rājā ‘‘tena hi mā bhāyī’’ti samassāsetvā puna uyyānapālameva akāsi.

    อถ นํ โส อมโจฺจ ปุจฺฉิ ‘‘เทว, กสฺมา ตุเมฺห เทฺว วาเร สุมงฺคลสฺส คุณํ สุตฺวาปิ กิญฺจิ น กถยิตฺถ, กสฺมา ปน ตติยวาเร สุตฺวา ตํ ปโกฺกสิตฺวา อนุกมฺปิตฺถา’’ติ? ราชา ‘‘ตาต, รญฺญา นาม กุเทฺธน สหสา กิญฺจิ กาตุํ น วฎฺฎติ, เตนาหํ ปุเพฺพ ตุณฺหี หุตฺวา ตติยวาเร สุมงฺคเล มม จิตฺตสฺส มุทุภาวํ ญตฺวา ตํ ปโกฺกสาเปสิ’’นฺติ ราชวตฺตํ กเถโนฺต อิมา คาถา อาห –

    Atha naṃ so amacco pucchi ‘‘deva, kasmā tumhe dve vāre sumaṅgalassa guṇaṃ sutvāpi kiñci na kathayittha, kasmā pana tatiyavāre sutvā taṃ pakkositvā anukampitthā’’ti? Rājā ‘‘tāta, raññā nāma kuddhena sahasā kiñci kātuṃ na vaṭṭati, tenāhaṃ pubbe tuṇhī hutvā tatiyavāre sumaṅgale mama cittassa mudubhāvaṃ ñatvā taṃ pakkosāpesi’’nti rājavattaṃ kathento imā gāthā āha –

    ๒๗.

    27.

    ‘‘ภุสมฺหิ กุโทฺธติ อเวกฺขิยาน, น ตาว ทณฺฑํ ปณเยยฺย อิสฺสโร;

    ‘‘Bhusamhi kuddhoti avekkhiyāna, na tāva daṇḍaṃ paṇayeyya issaro;

    อฎฺฐานโส อปฺปติรูปมตฺตโน, ปรสฺส ทุกฺขานิ ภุสํ อุทีรเยฯ

    Aṭṭhānaso appatirūpamattano, parassa dukkhāni bhusaṃ udīraye.

    ๒๘.

    28.

    ‘‘ยโต จ ชาเนยฺย ปสาทมตฺตโน, อตฺถํ นิยุเญฺชยฺย ปรสฺส ทุกฺกฎํ;

    ‘‘Yato ca jāneyya pasādamattano, atthaṃ niyuñjeyya parassa dukkaṭaṃ;

    ตทายมโตฺถติ สยํ อเวกฺขิย, อถสฺส ทณฺฑํ สทิสํ นิเวสเยฯ

    Tadāyamatthoti sayaṃ avekkhiya, athassa daṇḍaṃ sadisaṃ nivesaye.

    ๒๙.

    29.

    ‘‘น จาปิ ฌาเปติ ปรํ น อตฺตนํ, อมุจฺฉิโต โย นยเต นยานยํ;

    ‘‘Na cāpi jhāpeti paraṃ na attanaṃ, amucchito yo nayate nayānayaṃ;

    โย ทณฺฑธาโร ภวตีธ อิสฺสโร, ส วณฺณคุโตฺต สิริยา น ธํสติฯ

    Yo daṇḍadhāro bhavatīdha issaro, sa vaṇṇagutto siriyā na dhaṃsati.

    ๓๐.

    30.

    ‘‘เย ขตฺติยา เส อนิสมฺมการิโน, ปเณนฺติ ทณฺฑํ สหสา ปมุจฺฉิตา;

    ‘‘Ye khattiyā se anisammakārino, paṇenti daṇḍaṃ sahasā pamucchitā;

    อวณฺณสํยุตา ชหนฺติ ชีวิตํ, อิโต วิมุตฺตาปิ จ ยนฺติ ทุคฺคติํฯ

    Avaṇṇasaṃyutā jahanti jīvitaṃ, ito vimuttāpi ca yanti duggatiṃ.

    ๓๑.

    31.

    ‘‘ธเมฺม จ เย อริยปฺปเวทิเต รตา, อนุตฺตรา เต วจสา มนสา กมฺมุนา จ;

    ‘‘Dhamme ca ye ariyappavedite ratā, anuttarā te vacasā manasā kammunā ca;

    เต สนฺติโสรจฺจสมาธิสณฺฐิตา, วชนฺติ โลกํ ทุภยํ ตถาวิธาฯ

    Te santisoraccasamādhisaṇṭhitā, vajanti lokaṃ dubhayaṃ tathāvidhā.

    ๓๒.

    32.

    ‘‘ราชาหมสฺมิ นรปมทานมิสฺสโร, สเจปิ กุชฺฌามิ ฐเปมิ อตฺตนํ;

    ‘‘Rājāhamasmi narapamadānamissaro, sacepi kujjhāmi ṭhapemi attanaṃ;

    นิเสธยโนฺต ชนตํ ตถาวิธํ, ปเณมิ ทณฺฑํ อนุกมฺป โยนิโส’’ติฯ

    Nisedhayanto janataṃ tathāvidhaṃ, paṇemi daṇḍaṃ anukampa yoniso’’ti.

    ตตฺถ อเวกฺขิยานาติ อเวกฺขิตฺวา ชานิตฺวาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต, ปถวิสฺสโร ราชา นาม ‘‘อหํ ภุสํ กุโทฺธ พลวโกธาภิภูโต’’ติ ญตฺวา อฎฺฐวตฺถุกาทิเภทํ ทณฺฑํ ปรสฺส น ปณเยยฺย น วเตฺตยฺยฯ กิํการณา? กุโทฺธ หิ อฎฺฐวตฺถุกํ โสฬสวตฺถุกํ กตฺวา อฎฺฐาเนน อการเณน อตฺตโน ราชภาวสฺส อนนุรูปํ ‘‘อิมํ เอตฺตกํ นาม อาหรถ, อิทญฺจ ตสฺส กโรถา’’ติ ปรสฺส ภุสํ ทุกฺขานิ พลวทุกฺขานิ อุทีรเยฯ

    Tattha avekkhiyānāti avekkhitvā jānitvā. Idaṃ vuttaṃ hoti – tāta, pathavissaro rājā nāma ‘‘ahaṃ bhusaṃ kuddho balavakodhābhibhūto’’ti ñatvā aṭṭhavatthukādibhedaṃ daṇḍaṃ parassa na paṇayeyya na vatteyya. Kiṃkāraṇā? Kuddho hi aṭṭhavatthukaṃ soḷasavatthukaṃ katvā aṭṭhānena akāraṇena attano rājabhāvassa ananurūpaṃ ‘‘imaṃ ettakaṃ nāma āharatha, idañca tassa karothā’’ti parassa bhusaṃ dukkhāni balavadukkhāni udīraye.

    ยโตติ ยทาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทา ปน ราชา ปรสฺมิํ อุปฺปนฺนํ อตฺตโน ปสาทํ ชาเนยฺย, อถ ปรสฺส ทุกฺกฎํ อตฺถํ นิยุเญฺชยฺย อุปปริเกฺขยฺย, ตทา เอวํ นิยุญฺชโนฺต ‘‘อยํ นาเมตฺถ อโตฺถ, อยํ เอตสฺส โทโส’’ติ สยํ อตฺตปจฺจกฺขํ กตฺวา อถสฺส อปราธการกสฺส อฎฺฐวตฺถุกเหตุ อเฎฺฐว, โสฬสวตฺถุกเหตุ โสฬเสว กหาปเณ คณฺหมาโน ทณฺฑํ สทิสํ กตโทสานุรูปํ นิเวสเย ฐเปยฺย ปวเตฺตยฺยาติฯ

    Yatoti yadā. Idaṃ vuttaṃ hoti – yadā pana rājā parasmiṃ uppannaṃ attano pasādaṃ jāneyya, atha parassa dukkaṭaṃ atthaṃ niyuñjeyya upaparikkheyya, tadā evaṃ niyuñjanto ‘‘ayaṃ nāmettha attho, ayaṃ etassa doso’’ti sayaṃ attapaccakkhaṃ katvā athassa aparādhakārakassa aṭṭhavatthukahetu aṭṭheva, soḷasavatthukahetu soḷaseva kahāpaṇe gaṇhamāno daṇḍaṃ sadisaṃ katadosānurūpaṃ nivesaye ṭhapeyya pavatteyyāti.

    อมุจฺฉิโตติ ฉนฺทาทีหิ อคติกิเลเสหิ อมุจฺฉิโต อนภิภูโต หุตฺวา โย นยานยํ นยเต อุปปริกฺขติ, โส เนว ปรํ ฌาเปติ, น อตฺตานํฯ ฉนฺทาทิวเสน หิ อเหตุกํ ทณฺฑํ ปวเตฺตโนฺต ปรมฺปิ เตน ทเณฺฑน ฌาเปติ ทหติ ปีเฬติ, อตฺตานมฺปิ ตโตนิทาเนน ปาเปนฯ อยํ ปน น ปรํ ฌาเปติ, น อตฺตานํฯ โย ทณฺฑธาโร ภวตีธ อิสฺสโรติ โย อิธ ปถวิสฺสโร ราชา อิธ สตฺตโลเก โทสานุจฺฉวิกํ ทณฺฑํ ปวเตฺตโนฺต ทณฺฑธาโร โหติฯ ส วณฺณคุโตฺตติ คุณวเณฺณน เจว ยสวเณฺณน จ คุโตฺต รกฺขิโต สิริยา น ธํสติ น ปริหายติ ฯ อวณฺณสํยุตา ชหนฺตีติ อธมฺมิกา โลลราชาโน อวเณฺณน ยุตฺตา หุตฺวา ชีวิตํ ชหนฺติฯ

    Amucchitoti chandādīhi agatikilesehi amucchito anabhibhūto hutvā yo nayānayaṃ nayate upaparikkhati, so neva paraṃ jhāpeti, na attānaṃ. Chandādivasena hi ahetukaṃ daṇḍaṃ pavattento parampi tena daṇḍena jhāpeti dahati pīḷeti, attānampi tatonidānena pāpena. Ayaṃ pana na paraṃ jhāpeti, na attānaṃ. Yo daṇḍadhāro bhavatīdha issaroti yo idha pathavissaro rājā idha sattaloke dosānucchavikaṃ daṇḍaṃ pavattento daṇḍadhāro hoti. Sa vaṇṇaguttoti guṇavaṇṇena ceva yasavaṇṇena ca gutto rakkhito siriyā na dhaṃsati na parihāyati . Avaṇṇasaṃyutā jahantīti adhammikā lolarājāno avaṇṇena yuttā hutvā jīvitaṃ jahanti.

    ธเมฺม จ เย อริยปฺปเวทิเตติ เย ราชาโน อาจารอริเยหิ ธมฺมิกราชูหิ ปเวทิเต ทสวิเธ ราชธเมฺม รตาฯ อนุตฺตรา เตติ เต วจสา มนสา กมฺมุนา จ ตีหิปิ เอเตหิ อนุตฺตรา เชฎฺฐกาฯ เต สนฺติโสรจฺจสมาธิสณฺฐิตาติ เต อคติปหาเนน กิเลสสนฺติยญฺจ สุสีลฺยสงฺขาเต โสรเจฺจ จ เอกคฺคตาสมาธิมฺหิ จ สณฺฐิตา ปติฎฺฐิตา ธมฺมิกราชาโนฯ วชนฺติ โลกํ ทุภยนฺติ ธเมฺมน รชฺชํ กาเรตฺวา มนุสฺสโลกโต เทวโลกํ, เทวโลกโต มนุสฺสโลกนฺติ อุภยโลกเมว วชนฺติ, นิรยาทีสุ น นิพฺพตฺตนฺติฯ นรปมทานนฺติ นรานญฺจ นารีนญฺจฯ ฐเปมิ อตฺตนนฺติ กุโทฺธปิ โกธวเสน อคนฺตฺวา อตฺตานํ โปราณกราชูหิ ฐปิตนยสฺมิํเยว ธเมฺม ฐเปมิ, วินิจฺฉยธมฺมํ น ภินฺทามีติฯ

    Dhamme ca ye ariyappavediteti ye rājāno ācāraariyehi dhammikarājūhi pavedite dasavidhe rājadhamme ratā. Anuttarā teti te vacasā manasā kammunā ca tīhipi etehi anuttarā jeṭṭhakā. Te santisoraccasamādhisaṇṭhitāti te agatipahānena kilesasantiyañca susīlyasaṅkhāte soracce ca ekaggatāsamādhimhi ca saṇṭhitā patiṭṭhitā dhammikarājāno. Vajanti lokaṃ dubhayanti dhammena rajjaṃ kāretvā manussalokato devalokaṃ, devalokato manussalokanti ubhayalokameva vajanti, nirayādīsu na nibbattanti. Narapamadānanti narānañca nārīnañca. Ṭhapemi attananti kuddhopi kodhavasena agantvā attānaṃ porāṇakarājūhi ṭhapitanayasmiṃyeva dhamme ṭhapemi, vinicchayadhammaṃ na bhindāmīti.

    เอวํ ฉหิ คาถาหิ รญฺญา อตฺตโน คุเณ กถิเต สพฺพาปิ ราชปริสา ตุฎฺฐา ‘‘อยํ สีลาจารคุณสมฺปตฺติ ตุมฺหากเญฺญว อนุรูปา’’ติ รโญฺญ คุเณ กเถสุํฯ สุมงฺคโล ปน ปริสาย กถิตาวสาเน อุฎฺฐาย ราชานํ วนฺทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคยฺห รโญฺญ ถุติํ กโรโนฺต ติโสฺส คาถา อภาสิ –

    Evaṃ chahi gāthāhi raññā attano guṇe kathite sabbāpi rājaparisā tuṭṭhā ‘‘ayaṃ sīlācāraguṇasampatti tumhākaññeva anurūpā’’ti rañño guṇe kathesuṃ. Sumaṅgalo pana parisāya kathitāvasāne uṭṭhāya rājānaṃ vanditvā añjaliṃ paggayha rañño thutiṃ karonto tisso gāthā abhāsi –

    ๓๓.

    33.

    ‘‘สิรี จ ลกฺขี จ ตเวว ขตฺติย, ชนาธิป มา วิชหิ กุทาจนํ;

    ‘‘Sirī ca lakkhī ca taveva khattiya, janādhipa mā vijahi kudācanaṃ;

    อโกฺกธโน นิจฺจปสนฺนจิโตฺต, อนีโฆ ตุวํ วสฺสสตานิ ปาลยฯ

    Akkodhano niccapasannacitto, anīgho tuvaṃ vassasatāni pālaya.

    ๓๔.

    34.

    ‘‘คุเณหิ เอเตหิ อุเปต ขตฺติย, ฐิตมริยวตฺตี สุวโจ อโกธโน;

    ‘‘Guṇehi etehi upeta khattiya, ṭhitamariyavattī suvaco akodhano;

    สุขี อนุปฺปีฬ ปสาส เมทินิํ, อิโต วิมุโตฺตปิ จ ยาหิ สุคฺคติํฯ

    Sukhī anuppīḷa pasāsa mediniṃ, ito vimuttopi ca yāhi suggatiṃ.

    ๓๕.

    35.

    ‘‘เอวํ สุนีเตน สุภาสิเตน, ธเมฺมน ญาเยน อุปายโส นยํ;

    ‘‘Evaṃ sunītena subhāsitena, dhammena ñāyena upāyaso nayaṃ;

    นิพฺพาปเย สงฺขุภิตํ มหาชนํ, มหาว เมโฆ สลิเลน เมทินิ’’นฺติฯ

    Nibbāpaye saṅkhubhitaṃ mahājanaṃ, mahāva megho salilena medini’’nti.

    ตตฺถ สิรี จ ลกฺขี จาติ ปริวารสมฺปตฺติ จ ปญฺญา จฯ อนีโฆติ นิทฺทุโกฺข หุตฺวาฯ อุเปต ขตฺติยาติ อุเปโต ขตฺติย, อยเมว วา ปาโฐฯ ฐิตมริยวตฺตีติ ฐิตอริยวตฺติ, อริยวตฺติ นาม ทสราชธมฺมสงฺขาตํ โปราณราชวตฺตํ, ตตฺถ ปติฎฺฐิตตฺตา ฐิตราชธโมฺม หุตฺวาติ อโตฺถฯ อนุปฺปีฬ ปสาส เมทินินฺติ อนุปฺปีฬํ ปสาส เมทินิญฺจ, อยเมว วา ปาโฐฯ สุนีเตนาติ สุนเยน สุฎฺฐุ การเณนฯ ธเมฺมนาติ ทสกุสลกมฺมปถธเมฺมนฯ ญาเยนาติ ปุริมปทเสฺสว เววจนํฯ อุปายโสติ อุปายโกสเลฺลนฯ นยนฺติ นยโนฺต รชฺชํ อนุสาสโนฺต ธมฺมิกราชาฯ นิพฺพาปเยติ อิมาย ปฎิปตฺติยา กายิกเจตสิกทุกฺขํ ทรถํ อปเนโนฺต กายิกเจตสิกทุกฺขสงฺขุภิตมฺปิ มหาชนํ มหาเมโฆ สลิเลน เมทินิํ วิย นิพฺพาเปยฺย, ตฺวมฺปิ ตเถว นิพฺพาเปหีติ ทเสฺสโนฺต เอวมาหฯ

    Tattha sirī ca lakkhī cāti parivārasampatti ca paññā ca. Anīghoti niddukkho hutvā. Upeta khattiyāti upeto khattiya, ayameva vā pāṭho. Ṭhitamariyavattīti ṭhitaariyavatti, ariyavatti nāma dasarājadhammasaṅkhātaṃ porāṇarājavattaṃ, tattha patiṭṭhitattā ṭhitarājadhammo hutvāti attho. Anuppīḷa pasāsa medininti anuppīḷaṃ pasāsa mediniñca, ayameva vā pāṭho. Sunītenāti sunayena suṭṭhu kāraṇena. Dhammenāti dasakusalakammapathadhammena. Ñāyenāti purimapadasseva vevacanaṃ. Upāyasoti upāyakosallena. Nayanti nayanto rajjaṃ anusāsanto dhammikarājā. Nibbāpayeti imāya paṭipattiyā kāyikacetasikadukkhaṃ darathaṃ apanento kāyikacetasikadukkhasaṅkhubhitampi mahājanaṃ mahāmegho salilena mediniṃ viya nibbāpeyya, tvampi tatheva nibbāpehīti dassento evamāha.

    สตฺถา โกสลรโญฺญ โอวาทวเสน อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปเจฺจกพุโทฺธ ปรินิพฺพุโต, สุมงฺคโล อานโนฺท อโหสิ, ราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā kosalarañño ovādavasena imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā paccekabuddho parinibbuto, sumaṅgalo ānando ahosi, rājā pana ahameva ahosi’’nti.

    สุมงฺคลชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ

    Sumaṅgalajātakavaṇṇanā catutthā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๒๐. สุมงฺคลชาตกํ • 420. Sumaṅgalajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact