Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā |
๓. สุมงฺคลมาตุเถรีคาถาวณฺณนา
3. Sumaṅgalamātutherīgāthāvaṇṇanā
สุมุตฺติกาติอาทิกา สุมงฺคลมาตาย เถริยา คาถาฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ ทลิทฺทกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺตา อญฺญตรสฺส นฬการสฺส ทินฺนา ปฐมคเพฺภเยว ปจฺฉิมภวิกํ ปุตฺตํ ลภิฯ ตสฺส สุมงฺคโลติ นามํ อโหสิฯ ตโต ปฎฺฐาย สา สุมงฺคลมาตาติ ปญฺญายิตฺถฯ ยสฺมา ปนสฺสา นามโคตฺตํ น ปากฎํ, ตสฺมา ‘‘อญฺญตรา เถรี ภิกฺขุนี อปญฺญาตา’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํฯ โสปิสฺสา ปุโตฺต วิญฺญุตํ ปโตฺต ปพฺพชิตฺวา สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา สุมงฺคลเตฺถโรติ ปากโฎ อโหสิฯ ตสฺส มาตา ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตี เอกทิวสํ คิหิกาเล อตฺตนา ลทฺธทุกฺขํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สํเวคชาตา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา อุทาเนนฺตี –
Sumuttikātiādikā sumaṅgalamātāya theriyā gāthā. Ayampi purimabuddhesu katādhikārā tattha tattha bhave kusalaṃ upacinitvā imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ daliddakule nibbattitvā vayappattā aññatarassa naḷakārassa dinnā paṭhamagabbheyeva pacchimabhavikaṃ puttaṃ labhi. Tassa sumaṅgaloti nāmaṃ ahosi. Tato paṭṭhāya sā sumaṅgalamātāti paññāyittha. Yasmā panassā nāmagottaṃ na pākaṭaṃ, tasmā ‘‘aññatarā therī bhikkhunī apaññātā’’ti pāḷiyaṃ vuttaṃ. Sopissā putto viññutaṃ patto pabbajitvā saha paṭisambhidāhi arahattaṃ patvā sumaṅgalattheroti pākaṭo ahosi. Tassa mātā bhikkhunīsu pabbajitvā vipassanāya kammaṃ karontī ekadivasaṃ gihikāle attanā laddhadukkhaṃ paccavekkhitvā saṃvegajātā vipassanaṃ vaḍḍhetvā saha paṭisambhidāhi arahattaṃ patvā udānentī –
๒๓.
23.
‘‘สุมุตฺติกา สุมุตฺติกา, สาธุมุตฺติกามฺหิ มุสลสฺส;
‘‘Sumuttikā sumuttikā, sādhumuttikāmhi musalassa;
อหิริโก เม ฉตฺตกํ วาปิ, อุกฺขลิกา เม เทฑฺฑุภํ วาติฯ
Ahiriko me chattakaṃ vāpi, ukkhalikā me deḍḍubhaṃ vāti.
๒๔.
24.
‘‘ราคญฺจ อหํ โทสญฺจ, จิจฺจิฎิ จิจฺจิฎีติ วิหนามิ;
‘‘Rāgañca ahaṃ dosañca, cicciṭi cicciṭīti vihanāmi;
สา รุกฺขมูลมุปคมฺม, ‘อโห สุข’นฺติ สุขโต ฌายามี’’ติฯ –
Sā rukkhamūlamupagamma, ‘aho sukha’nti sukhato jhāyāmī’’ti. –
อิมา เทฺว คาถา อภาสิฯ
Imā dve gāthā abhāsi.
ตตฺถ สุมุตฺติกาติ สุมุตฺตาฯ ก-กาโร ปทปูรณมตฺตํ, สุฎฺฐุ มุตฺตา วตาติ อโตฺถฯ สา สาสเน อตฺตนา ปฎิลทฺธสมฺปตฺติํ ทิสฺวา ปสาทวเสน, ตสฺสา วา ปสํสาวเสน อามเนฺตตฺวา วุตฺตํ ‘‘สุมุตฺติกา สุมุตฺติกา’’ติฯ ยํ ปน คิหิกาเล วิเสสโต ชิคุจฺฉติ, ตโต วิมุตฺติํ ทเสฺสนฺตี ‘‘สาธุมุตฺติกามฺหี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สาธุมุตฺติกามฺหีติ สมฺมเทว มุตฺตา วต อมฺหิฯ มุสลสฺสาติ มุสลโตฯ อยํ กิร ทลิทฺทภาเวน คิหิกาเล สยเมว มุสลกมฺมํ กโรติ, ตสฺมา เอวมาหฯ อหิริโก เมติ มม สามิโก อหิริโก นิลฺลโชฺช, โส มม น รุจฺจตีติ วจนเสโสฯ ปกติยาว กาเมสุ วิรตฺตจิตฺตตาย กามาธิมุตฺตานํ ปวตฺติํ ชิคุจฺฉนฺตี วทติฯ ฉตฺตกํ วาปีติ ชีวิตเหตุเกน กรียมานํ ฉตฺตกมฺปิ เม น รุจฺจตีติ อโตฺถฯ วา-สโทฺท อวุตฺตสมุจฺจยโตฺถ, เตน เปฬาจโงฺกฎกาทิํ สงฺคณฺหาติฯ เวฬุทณฺฑาทีนิ คเหตฺวา ทิวเส ทิวเส ฉตฺตาทีนํ กรณวเสน ทุกฺขชีวิตํ ชิคุจฺฉนฺตี วทติฯ ‘‘อหิตโก เม วาโต วาตี’’ติ เกจิ วตฺวา อหิตโก ชราวโห คิหิกาเล มม สรีเร วาโต วายตีติ อตฺถํ วทนฺติฯ อปเร ปน ‘‘อหิตโก ปเรสํ ทุคฺคนฺธตโร จ มม สรีรโต วาโต วายตี’’ติ อตฺถํ วทนฺติฯ อุกฺขลิกา เม เทฑฺฑุภํ วาตีติ เม มม ภตฺตปจนภาชนํ จิรปาริวาสิกภาเวน อปริสุทฺธตาย อุทกสปฺปคนฺธํ วายติ, ตโต อหํ สาธุมุตฺติกามฺหีติ โยชนาฯ
Tattha sumuttikāti sumuttā. Ka-kāro padapūraṇamattaṃ, suṭṭhu muttā vatāti attho. Sā sāsane attanā paṭiladdhasampattiṃ disvā pasādavasena, tassā vā pasaṃsāvasena āmantetvā vuttaṃ ‘‘sumuttikā sumuttikā’’ti. Yaṃ pana gihikāle visesato jigucchati, tato vimuttiṃ dassentī ‘‘sādhumuttikāmhī’’tiādimāha. Tattha sādhumuttikāmhīti sammadeva muttā vata amhi. Musalassāti musalato. Ayaṃ kira daliddabhāvena gihikāle sayameva musalakammaṃ karoti, tasmā evamāha. Ahiriko meti mama sāmiko ahiriko nillajjo, so mama na ruccatīti vacanaseso. Pakatiyāva kāmesu virattacittatāya kāmādhimuttānaṃ pavattiṃ jigucchantī vadati. Chattakaṃ vāpīti jīvitahetukena karīyamānaṃ chattakampi me na ruccatīti attho. Vā-saddo avuttasamuccayattho, tena peḷācaṅkoṭakādiṃ saṅgaṇhāti. Veḷudaṇḍādīni gahetvā divase divase chattādīnaṃ karaṇavasena dukkhajīvitaṃ jigucchantī vadati. ‘‘Ahitako me vāto vātī’’ti keci vatvā ahitako jarāvaho gihikāle mama sarīre vāto vāyatīti atthaṃ vadanti. Apare pana ‘‘ahitako paresaṃ duggandhataro ca mama sarīrato vāto vāyatī’’ti atthaṃ vadanti. Ukkhalikā me deḍḍubhaṃ vātīti me mama bhattapacanabhājanaṃ cirapārivāsikabhāvena aparisuddhatāya udakasappagandhaṃ vāyati, tato ahaṃ sādhumuttikāmhīti yojanā.
ราคญฺจ อหํ โทสญฺจ, จิจฺจิฎิ จิจฺจิฎีติ วิหนามีติ อหํ กิเลสเชฎฺฐกํ ราคญฺจ โทสญฺจ จิจฺจิฎิ จิจฺจิฎีติ อิมินา สเทฺทน สทฺธิํ วิหนามิ วินาเสมิ, ปชหามีติ อโตฺถฯ สา กิร อตฺตโน สามิกํ ชิคุจฺฉนฺตี เตน ทิวเส ทิวเส ผาลิยมานานํ สุกฺขานํ เวฬุทณฺฑาทีนํ สทฺทํ ครหนฺตี ตสฺส ปหานํ ราคโทสปหาเนน สมํ กตฺวา อโวจฯ สา รุกฺขมูลมุปคมฺมาติ สา อหํ สุมงฺคลมาตา วิวิตฺตํ รุกฺขมูลํ อุปสงฺกมิตฺวาฯ สุขโต ฌายามีติ สุขนฺติ ฌายามิ, กาเลน กาลํ สมาปชฺชนฺตี ผลสุขํ นิพฺพานสุขญฺจ ปฎิสํเวทิยมานา ผลชฺฌาเนน ฌายามีติ อโตฺถฯ อโห สุขนฺติ อิทํ ปนสฺสา สมาปตฺติโต ปจฺฉา ปวตฺตมนสิการวเสน วุตฺตํ, ปุพฺพาโภควเสนาติปิ ยุชฺชเตวฯ
Rāgañca ahaṃ dosañca, cicciṭi cicciṭīti vihanāmīti ahaṃ kilesajeṭṭhakaṃ rāgañca dosañca cicciṭi cicciṭīti iminā saddena saddhiṃ vihanāmi vināsemi, pajahāmīti attho. Sā kira attano sāmikaṃ jigucchantī tena divase divase phāliyamānānaṃ sukkhānaṃ veḷudaṇḍādīnaṃ saddaṃ garahantī tassa pahānaṃ rāgadosapahānena samaṃ katvā avoca. Sā rukkhamūlamupagammāti sā ahaṃ sumaṅgalamātā vivittaṃ rukkhamūlaṃ upasaṅkamitvā. Sukhato jhāyāmīti sukhanti jhāyāmi, kālena kālaṃ samāpajjantī phalasukhaṃ nibbānasukhañca paṭisaṃvediyamānā phalajjhānena jhāyāmīti attho. Aho sukhanti idaṃ panassā samāpattito pacchā pavattamanasikāravasena vuttaṃ, pubbābhogavasenātipi yujjateva.
สุมงฺคลมาตุเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sumaṅgalamātutherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๓. สุมงฺคลมาตาเถรีคาถา • 3. Sumaṅgalamātātherīgāthā