Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / พุทฺธวํส-อฎฺฐกถา • Buddhavaṃsa-aṭṭhakathā |
๑๓. สุเมธพุทฺธวํสวณฺณนา
13. Sumedhabuddhavaṃsavaṇṇanā
ปทุมุตฺตเร ปน สมฺมาสมฺพุเทฺธ ปรินิพฺพุเต สาสเนปิสฺส อนฺตรหิเต สตฺตติกปฺปสหสฺสานิ พุทฺธา นุปฺปชฺชิํสุ, พุทฺธสุญฺญานิ อเหสุํฯ อิโต ปฎฺฐาย ติํสกปฺปสหสฺสานํ มตฺถเก เอกสฺมิํ กเปฺป สุเมโธ สุชาโต จาติ เทฺว สมฺมาสมฺพุทฺธา นิพฺพตฺติํสุฯ ตตฺถ อธิคตเมโธ สุเมโธ นาม โพธิสโตฺต ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา สุทสฺสนนคเร สุทตฺตสฺส นาม รโญฺญ อคฺคมเหสิยา สุทตฺตาย นาม เทวิยา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวา ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน สุทสฺสนุยฺยาเน ตรุณทิวสกโร วิย สลิลธรวิวรคโต มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิฯ โส นววสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิฯ ตสฺส กิร สุจนฺทน-กญฺจน-สิริวฑฺฒนนามกา ตโย ปาสาทา อเหสุํฯ สุมนมหาเทวิปฺปมุขานิ อฎฺฐจตฺตาลีสอิตฺถิสหสฺสานิ ปจฺจุปฎฺฐิตานิ อเหสุํฯ
Padumuttare pana sammāsambuddhe parinibbute sāsanepissa antarahite sattatikappasahassāni buddhā nuppajjiṃsu, buddhasuññāni ahesuṃ. Ito paṭṭhāya tiṃsakappasahassānaṃ matthake ekasmiṃ kappe sumedho sujāto cāti dve sammāsambuddhā nibbattiṃsu. Tattha adhigatamedho sumedho nāma bodhisatto pāramiyo pūretvā tusitapure nibbattitvā tato cavitvā sudassananagare sudattassa nāma rañño aggamahesiyā sudattāya nāma deviyā kucchismiṃ paṭisandhiṃ gahetvā dasannaṃ māsānaṃ accayena sudassanuyyāne taruṇadivasakaro viya saliladharavivaragato mātukucchito nikkhami. So navavassasahassāni agāraṃ ajjhāvasi. Tassa kira sucandana-kañcana-sirivaḍḍhananāmakā tayo pāsādā ahesuṃ. Sumanamahādevippamukhāni aṭṭhacattālīsaitthisahassāni paccupaṭṭhitāni ahesuṃ.
โส จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา สุมนเทวิยา ปุนพฺพสุมิเตฺต นาม ปุเตฺต ชาเต หตฺถิยาเนน มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิฯ มนุสฺสานญฺจ โกฎิสตมนุปพฺพชิฯ โส เตหิ ปริวุโต อฑฺฒมาสํ ปธานจริยํ จริตฺวา วิสาขปุณฺณมาย นกุลนิคเม นกุลเสฎฺฐิธีตาย ทินฺนํ มธุปายาสํ ปริภุญฺชิตฺวา สาลวเน ทิวาวิหารํ วีตินาเมตฺวา สิริวฑฺฒาชีวเกน ทินฺนา อฎฺฐ ติณมุฎฺฐิโย คเหตฺวา นีปโพธิมูเล วีสติหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา สมารํ มารพลํ วิธมิตฺวา อภิสโมฺพธิํ ปาปุณิตฺวา ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป.… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺตสตฺตาหํ โพธิสมีเปเยว วีตินาเมตฺวา อฎฺฐเม สตฺตาเห พฺรหฺมุโน ธมฺมเทสนายาจนํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ภพฺพปุคฺคเล โอโลเกโนฺต อตฺตโน กนิฎฺฐภาติกํ สรณกุมารญฺจ สพฺพกามิกุมารญฺจ อตฺตนา สทฺธิํ ปพฺพชิตานํ ภิกฺขูนญฺจ โกฎิสตํ จตุสจฺจธมฺมปฎิเวธสมเตฺถ ทิสฺวา อากาเสน คนฺตฺวา สุทสฺสนนครสมีเป สุทสฺสนุยฺยาเน โอตริตฺวา อุยฺยานปาเลน อตฺตโน ภาติเก ปโกฺกสาเปตฺวา เตสํ ปริวารานํ มเชฺฌ ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสิฯ ตทา โกฎิสตสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, อยํ ปฐโม อภิสมโยฯ เตน วุตฺตํ –
So cattāri nimittāni disvā sumanadeviyā punabbasumitte nāma putte jāte hatthiyānena mahābhinikkhamanaṃ nikkhamitvā pabbaji. Manussānañca koṭisatamanupabbaji. So tehi parivuto aḍḍhamāsaṃ padhānacariyaṃ caritvā visākhapuṇṇamāya nakulanigame nakulaseṭṭhidhītāya dinnaṃ madhupāyāsaṃ paribhuñjitvā sālavane divāvihāraṃ vītināmetvā sirivaḍḍhājīvakena dinnā aṭṭha tiṇamuṭṭhiyo gahetvā nīpabodhimūle vīsatihatthavitthataṃ tiṇasantharaṃ santharitvā samāraṃ mārabalaṃ vidhamitvā abhisambodhiṃ pāpuṇitvā ‘‘anekajātisaṃsāraṃ…pe… taṇhānaṃ khayamajjhagā’’ti udānaṃ udānetvā sattasattāhaṃ bodhisamīpeyeva vītināmetvā aṭṭhame sattāhe brahmuno dhammadesanāyācanaṃ sampaṭicchitvā bhabbapuggale olokento attano kaniṭṭhabhātikaṃ saraṇakumārañca sabbakāmikumārañca attanā saddhiṃ pabbajitānaṃ bhikkhūnañca koṭisataṃ catusaccadhammapaṭivedhasamatthe disvā ākāsena gantvā sudassananagarasamīpe sudassanuyyāne otaritvā uyyānapālena attano bhātike pakkosāpetvā tesaṃ parivārānaṃ majjhe dhammacakkaṃ pavattesi. Tadā koṭisatasahassānaṃ dhammābhisamayo ahosi, ayaṃ paṭhamo abhisamayo. Tena vuttaṃ –
๑.
1.
‘‘ปทุมุตฺตรสฺส อปเรน, สุเมโธ นาม นายโก;
‘‘Padumuttarassa aparena, sumedho nāma nāyako;
ทุราสโท อุคฺคเตโช, สพฺพโลกุตฺตโม มุนิฯ
Durāsado uggatejo, sabbalokuttamo muni.
๒.
2.
‘‘ปสนฺนเนโตฺต สุมุโข, พฺรหา อุชุ ปตาปวา;
‘‘Pasannanetto sumukho, brahā uju patāpavā;
หิเตสี สพฺพสตฺตานํ, พหู โมเจสิ พนฺธนาฯ
Hitesī sabbasattānaṃ, bahū mocesi bandhanā.
๓.
3.
‘‘ยทา พุโทฺธ ปาปุณิตฺวา, เกวลํ โพธิมุตฺตมํ;
‘‘Yadā buddho pāpuṇitvā, kevalaṃ bodhimuttamaṃ;
สุทสฺสนมฺหิ นคเร, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยิฯ
Sudassanamhi nagare, dhammacakkaṃ pavattayi.
๔.
4.
‘‘ตสฺสาภิสมยา ตีณิ, อเหสุํ ธมฺมเทสเน;
‘‘Tassābhisamayā tīṇi, ahesuṃ dhammadesane;
โกฎิสตสหสฺสานํ, ปฐมาภิสมโย อหู’’ติฯ
Koṭisatasahassānaṃ, paṭhamābhisamayo ahū’’ti.
ตตฺถ อุคฺคเตโชติ อุคฺคตเตโชฯ ปสนฺนเนโตฺตติ สุฎฺฐุ ปสนฺนนยโน, โธวิตฺวา มชฺชิตฺวา ฐปิตมณิคุฬิกา วิย ปสนฺนานิ เนตฺตานิ โหนฺติฯ ตสฺมา โส ‘‘ปสนฺนเนโตฺต’’ติ วุโตฺตฯ มุทุสินิทฺธนีลวิมลสุขุมปขุมาจิตสุปฺปสนฺนนยโนติ อโตฺถฯ ‘‘สุปฺปสนฺนปญฺจนยโน’’ติปิ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ สุมุโขติ ปริปุณฺณสรทสมยจนฺทสทิสวทโนฯ พฺรหาติ อฎฺฐาสีติหตฺถปฺปมาณสรีรตฺตา พฺรหา มหโนฺต, อเญฺญหิ อสาธารณสรีรปฺปมาโณติ อโตฺถฯ อุชูติ พฺรหฺมุชุคโตฺต อุชุเมว อุคฺคตสรีโร เทวนคเร สมุสฺสิตสุวณฺณโตรณสทิสวรสรีโรติ อโตฺถฯ ปตาปวาติ วิโชฺชตมานสรีโรฯ หิเตสีติ หิตคเวสีฯ อภิสมยา ตีณีติ อภิสมยา ตโย, ลิงฺควิปลฺลาโส กโตติฯ
Tattha uggatejoti uggatatejo. Pasannanettoti suṭṭhu pasannanayano, dhovitvā majjitvā ṭhapitamaṇiguḷikā viya pasannāni nettāni honti. Tasmā so ‘‘pasannanetto’’ti vutto. Mudusiniddhanīlavimalasukhumapakhumācitasuppasannanayanoti attho. ‘‘Suppasannapañcanayano’’tipi vattuṃ vaṭṭati. Sumukhoti paripuṇṇasaradasamayacandasadisavadano. Brahāti aṭṭhāsītihatthappamāṇasarīrattā brahā mahanto, aññehi asādhāraṇasarīrappamāṇoti attho. Ujūti brahmujugatto ujumeva uggatasarīro devanagare samussitasuvaṇṇatoraṇasadisavarasarīroti attho. Patāpavāti vijjotamānasarīro. Hitesīti hitagavesī. Abhisamayā tīṇīti abhisamayā tayo, liṅgavipallāso katoti.
ยทา ปน ภควา กุมฺภกณฺณสทิสานุภาวํ กุมฺภกณฺณํ นาม มนุสฺสภกฺขํ ยกฺขํ มหาอฎวิมุเข สนฺทิสฺสมานโฆรสรีรํ วตฺตนิอฎวิสญฺจารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา ปวตฺตมานํ ปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฎฺฐาย โลกํ โอโลเกโนฺต ทิสฺวา เอกโกว อสหาโย ตสฺส ยกฺขสฺส ภวนํ คนฺตฺวา อโนฺต ปวิสิตฺวา ปญฺญเตฺต สิริสยเน นิสีทิฯ อถ โข โส ยโกฺข มกฺขํ อสหมาโน ทณฺฑาหโต โฆรวิโส อาสิวิโส วิย สํกุโทฺธ ทสพลํ ภิํสาเปตุกาโม อตฺตโน อตฺตภาวํ โฆรตรํ กตฺวา ปพฺพตสทิสํ สีสํ กตฺวา สูริยมณฺฑลสทิสานิ อกฺขีนิ นิมฺมินิตฺวา นงฺคลสีสสทิสาติทีฆวิปุลติขิณทาฐาโย กตฺวา โอลมฺพนีลวิปุลวิสโมทโร ตาลกฺขนฺธสทิสพาหุจิปิฎกวิรูปวงฺกนาโส ปพฺพตพิลสทิสวิปุลรตฺตมุโข ถูลปิงฺคลขรผรุสเกโส อติภยานกทสฺสโน หุตฺวา อาคนฺตฺวา สุเมธสฺส ภควโต ปุรโต ฐตฺวา ปธูปายโนฺต ปชฺชลโนฺต ปาสาณปพฺพตคฺคิชาล-สลิล-กทฺทม-ฉาริกายุธงฺคาร-วาลุกปฺปการา นววิธา วสฺสวุฎฺฐิโย วเสฺสตฺวาปิ ภควโต โลมคฺคมตฺตมฺปิ จาเลตุํ อสโกฺกโนฺต ‘‘ภควนฺตํ ปญฺหํ ปุจฺฉิตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ อาฬวโก วิย ปญฺหํ ปุจฺฉิฯ อยํ ภควา ปญฺหาพฺยากรเณน ตํ ยกฺขํ วินยมุปเนสิฯ ตโต ทุติยทิวเส กิรสฺส รฎฺฐวาสิโน มนุสฺสา สกฎภริเตน ภเตฺตน สห ราชกุมารํ อาหริตฺวา ยกฺขสฺส อทํสุฯ อถ ยโกฺข ราชกุมารํ พุทฺธสฺส อทาสิฯ อฎวิทฺวาเร ฐิตมนุสฺสา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิํสุฯ ตทา ตสฺมิํ สมาคเม ทสพโล ยกฺขสฺส มโนนุกูลํ ธมฺมํ เทเสโนฺตฯ นวุติโกฎิสหสฺสานํ ปาณีนํ ธมฺมจกฺขุํ อุปฺปาเทสิ, โส ทุติโย ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –
Yadā pana bhagavā kumbhakaṇṇasadisānubhāvaṃ kumbhakaṇṇaṃ nāma manussabhakkhaṃ yakkhaṃ mahāaṭavimukhe sandissamānaghorasarīraṃ vattaniaṭavisañcāraṃ pacchinditvā pavattamānaṃ paccūsasamaye mahākaruṇāsamāpattiṃ samāpajjitvā tato vuṭṭhāya lokaṃ olokento disvā ekakova asahāyo tassa yakkhassa bhavanaṃ gantvā anto pavisitvā paññatte sirisayane nisīdi. Atha kho so yakkho makkhaṃ asahamāno daṇḍāhato ghoraviso āsiviso viya saṃkuddho dasabalaṃ bhiṃsāpetukāmo attano attabhāvaṃ ghorataraṃ katvā pabbatasadisaṃ sīsaṃ katvā sūriyamaṇḍalasadisāni akkhīni nimminitvā naṅgalasīsasadisātidīghavipulatikhiṇadāṭhāyo katvā olambanīlavipulavisamodaro tālakkhandhasadisabāhucipiṭakavirūpavaṅkanāso pabbatabilasadisavipularattamukho thūlapiṅgalakharapharusakeso atibhayānakadassano hutvā āgantvā sumedhassa bhagavato purato ṭhatvā padhūpāyanto pajjalanto pāsāṇapabbataggijāla-salila-kaddama-chārikāyudhaṅgāra-vālukappakārā navavidhā vassavuṭṭhiyo vassetvāpi bhagavato lomaggamattampi cāletuṃ asakkonto ‘‘bhagavantaṃ pañhaṃ pucchitvā māressāmī’’ti āḷavako viya pañhaṃ pucchi. Ayaṃ bhagavā pañhābyākaraṇena taṃ yakkhaṃ vinayamupanesi. Tato dutiyadivase kirassa raṭṭhavāsino manussā sakaṭabharitena bhattena saha rājakumāraṃ āharitvā yakkhassa adaṃsu. Atha yakkho rājakumāraṃ buddhassa adāsi. Aṭavidvāre ṭhitamanussā bhagavantaṃ upasaṅkamiṃsu. Tadā tasmiṃ samāgame dasabalo yakkhassa manonukūlaṃ dhammaṃ desento. Navutikoṭisahassānaṃ pāṇīnaṃ dhammacakkhuṃ uppādesi, so dutiyo dhammābhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –
๕.
5.
‘‘ปุนาปรํ กุมฺภกณฺณํ, ยกฺขํ โส ทมยี ชิโน;
‘‘Punāparaṃ kumbhakaṇṇaṃ, yakkhaṃ so damayī jino;
นวุติโกฎิสหสฺสานํ, ทุติยาภิสมโย อหู’’ติฯ
Navutikoṭisahassānaṃ, dutiyābhisamayo ahū’’ti.
ยทา ปน อุปการินคเร สิรินนฺทนุยฺยาเน จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาสยิ, ตทา อสีติโกฎิสตสหสฺสานํ ตติโย ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –
Yadā pana upakārinagare sirinandanuyyāne cattāri saccāni pakāsayi, tadā asītikoṭisatasahassānaṃ tatiyo dhammābhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –
๖.
6.
‘‘ปุนาปรํ อมิตยโส, จตุสจฺจํ ปกาสยิ;
‘‘Punāparaṃ amitayaso, catusaccaṃ pakāsayi;
อสีติโกฎิสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติฯ
Asītikoṭisahassānaṃ, tatiyābhisamayo ahū’’ti.
สุเมธสฺสาปิ ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํฯ ปฐมสนฺนิปาเต สุทสฺสนนคเร โกฎิสตขีณาสวา อเหสุํฯ ปุน เทวกูเฎ ปพฺพเต กถินตฺถเต ทุติเย นวุติโกฎิโยฯ ปุน ตติเย ภควติ จาริกํ จรมาเน อสีติโกฎิโย อเหสุํฯ เตน วุตฺตํ –
Sumedhassāpi bhagavato tayo sāvakasannipātā ahesuṃ. Paṭhamasannipāte sudassananagare koṭisatakhīṇāsavā ahesuṃ. Puna devakūṭe pabbate kathinatthate dutiye navutikoṭiyo. Puna tatiye bhagavati cārikaṃ caramāne asītikoṭiyo ahesuṃ. Tena vuttaṃ –
๗.
7.
‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, สุเมธสฺส มเหสิโน;
‘‘Sannipātā tayo āsuṃ, sumedhassa mahesino;
ขีณาสวานํ วิมลานํ, สนฺตจิตฺตาน ตาทินํฯ
Khīṇāsavānaṃ vimalānaṃ, santacittāna tādinaṃ.
๘.
8.
‘‘สุทสฺสนํ นาม นครํ, อุปคญฺฉิ ชิโน ยทา;
‘‘Sudassanaṃ nāma nagaraṃ, upagañchi jino yadā;
ตทา ขีณาสวา ภิกฺขู, สมิํสุ สตโกฎิโยฯ
Tadā khīṇāsavā bhikkhū, samiṃsu satakoṭiyo.
๙.
9.
‘‘ปุนาปรํ เทวกูเฎ, ภิกฺขูนํ กถินตฺถเต;
‘‘Punāparaṃ devakūṭe, bhikkhūnaṃ kathinatthate;
ตทา นวุติโกฎีนํ, ทุติโย อาสิ สมาคโมฯ
Tadā navutikoṭīnaṃ, dutiyo āsi samāgamo.
๑๐.
10.
‘‘ปุนาปรํ ทสพโล, ยทา จรติ จาริกํ;
‘‘Punāparaṃ dasabalo, yadā carati cārikaṃ;
ตทา อสีติโกฎีนํ, ตติโย อาสิ สมาคโม’’ติฯ
Tadā asītikoṭīnaṃ, tatiyo āsi samāgamo’’ti.
ตทา อมฺหากํ โพธิสโตฺต อุตฺตโร นาม สพฺพชนุตฺตโร มาณโว หุตฺวา นิทหิตฺวา ฐปิตํเยว อสีติโกฎิธนํ วิสฺสเชฺชตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ตทา ทสพลสฺส ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฎฺฐาย นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิฯ โสปิ นํ สตฺถา โภชนานุโมทนํ กโรโนฺต – ‘‘อนาคเต โคตโม นาม พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิฯ เตน วุตฺตํ –
Tadā amhākaṃ bodhisatto uttaro nāma sabbajanuttaro māṇavo hutvā nidahitvā ṭhapitaṃyeva asītikoṭidhanaṃ vissajjetvā buddhappamukhassa saṅghassa mahādānaṃ datvā tadā dasabalassa dhammaṃ sutvā saraṇesu patiṭṭhāya nikkhamitvā pabbaji. Sopi naṃ satthā bhojanānumodanaṃ karonto – ‘‘anāgate gotamo nāma buddho bhavissatī’’ti byākāsi. Tena vuttaṃ –
๑๑.
11.
‘‘อหํ เตน สมเยน, อุตฺตโร นาม มาณโว;
‘‘Ahaṃ tena samayena, uttaro nāma māṇavo;
อสีติโกฎิโย มยฺหํ, ฆเร สนฺนิจิตํ ธนํฯ
Asītikoṭiyo mayhaṃ, ghare sannicitaṃ dhanaṃ.
๑๒.
12.
‘‘เกวลํ สพฺพํ ทตฺวาน, สสเงฺฆ โลกนายเก;
‘‘Kevalaṃ sabbaṃ datvāna, sasaṅghe lokanāyake;
สรณํ ตสฺสูปคญฺฉิํ, ปพฺพชฺชญฺจาภิโรจยิํฯ
Saraṇaṃ tassūpagañchiṃ, pabbajjañcābhirocayiṃ.
๑๓.
13.
‘‘โสปิ มํ พุโทฺธ พฺยากาสิ, กโรโนฺต อนุโมทนํ;
‘‘Sopi maṃ buddho byākāsi, karonto anumodanaṃ;
ติํสกปฺปสหสฺสมฺหิ, อยํ พุโทฺธ ภวิสฺสติฯ
Tiṃsakappasahassamhi, ayaṃ buddho bhavissati.
๑๔.
14.
‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน…เป.… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ’’ฯ
‘‘Padhānaṃ padahitvāna…pe… hessāma sammukhā imaṃ’’.
พฺยากรณคาถา วิตฺถาเรตพฺพาฯ
Byākaraṇagāthā vitthāretabbā.
๑๕.
15.
‘‘ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา, ภิโยฺย จิตฺตํ ปสาทยิํ;
‘‘Tassāpi vacanaṃ sutvā, bhiyyo cittaṃ pasādayiṃ;
อุตฺตริํ วตมธิฎฺฐาสิํ, ทสปารมิปูริยาฯ
Uttariṃ vatamadhiṭṭhāsiṃ, dasapāramipūriyā.
๑๖.
16.
‘‘สุตฺตนฺตํ วินยํ จาปิ, นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ;
‘‘Suttantaṃ vinayaṃ cāpi, navaṅgaṃ satthusāsanaṃ;
สพฺพํ ปริยาปุณิตฺวาน, โสภยิํ ชินสาสนํฯ
Sabbaṃ pariyāpuṇitvāna, sobhayiṃ jinasāsanaṃ.
๑๗.
17.
‘‘ตตฺถปฺปมโตฺต วิหรโนฺต, นิสชฺชฎฺฐานจงฺกเม;
‘‘Tatthappamatto viharanto, nisajjaṭṭhānacaṅkame;
อภิญฺญาปารมิํ คนฺตฺวา, พฺรหฺมโลกมคญฺฉห’’นฺติฯ
Abhiññāpāramiṃ gantvā, brahmalokamagañchaha’’nti.
ตตฺถ สนฺนิจิตนฺติ นิทหิตํ นิธานวเสนฯ เกวลนฺติ สกลนฺติ อโตฺถฯ สพฺพนฺติ อเสสโต ทตฺวาฯ สสเงฺฆติ สสงฺฆสฺสฯ ตสฺสูปคญฺฉินฺติ ตํ อุปคญฺฉิํ, อุปโยคเตฺถ สามิวจนํฯ อภิโรจยินฺติ ปพฺพชิํฯ ติํสกปฺปสหสฺสมฺหีติ ติํสกปฺปสหเสฺสสุ อติกฺกเนฺตสูติ อโตฺถฯ
Tattha sannicitanti nidahitaṃ nidhānavasena. Kevalanti sakalanti attho. Sabbanti asesato datvā. Sasaṅgheti sasaṅghassa. Tassūpagañchinti taṃ upagañchiṃ, upayogatthe sāmivacanaṃ. Abhirocayinti pabbajiṃ. Tiṃsakappasahassamhīti tiṃsakappasahassesu atikkantesūti attho.
ตสฺส ปน สุเมธสฺส ภควโต สุทสฺสนํ นาม นครํ อโหสิ, สุทโตฺต นาม ราชา ปิตา, มาตา สุทตฺตา นาม, สรโณ จ สพฺพกาโม จ เทฺว อคฺคสาวกา, สาคโร นามุปฎฺฐาโก, รามา จ สุรามา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, มหานีปรุโกฺข โพธิ, สรีรํ อฎฺฐาสีติหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, อายุ นวุติวสฺสสหสฺสานิ, นววสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิ, สุมนา นามสฺส อคฺคมเหสี, ปุนพฺพสุมิโตฺต นาม ปุโตฺต, หตฺถิยาเนน นิกฺขมิฯ เสสํ คาถาสุ ทิสฺสติฯ เตน วุตฺตํ –
Tassa pana sumedhassa bhagavato sudassanaṃ nāma nagaraṃ ahosi, sudatto nāma rājā pitā, mātā sudattā nāma, saraṇo ca sabbakāmo ca dve aggasāvakā, sāgaro nāmupaṭṭhāko, rāmā ca surāmā ca dve aggasāvikā, mahānīparukkho bodhi, sarīraṃ aṭṭhāsītihatthubbedhaṃ ahosi, āyu navutivassasahassāni, navavassasahassāni agāraṃ ajjhāvasi, sumanā nāmassa aggamahesī, punabbasumitto nāma putto, hatthiyānena nikkhami. Sesaṃ gāthāsu dissati. Tena vuttaṃ –
๑๘.
18.
‘‘สุทสฺสนํ นาม นครํ, สุทโตฺต นาม ขตฺติโย;
‘‘Sudassanaṃ nāma nagaraṃ, sudatto nāma khattiyo;
สุทตฺตา นาม ชนิกา, สุเมธสฺส มเหสิโนฯ
Sudattā nāma janikā, sumedhassa mahesino.
๒๓.
23.
‘‘สรโณ สพฺพกาโม จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;
‘‘Saraṇo sabbakāmo ca, ahesuṃ aggasāvakā;
สาคโร นามุปฎฺฐาโก, สุเมธสฺส มเหสิโนฯ
Sāgaro nāmupaṭṭhāko, sumedhassa mahesino.
๒๔.
24.
‘‘รามา เจว สุรามา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;
‘‘Rāmā ceva surāmā ca, ahesuṃ aggasāvikā;
โพธิ ตสฺส ภควโต, มหานีโปติ วุจฺจติฯ
Bodhi tassa bhagavato, mahānīpoti vuccati.
๒๖.
26.
‘‘อฎฺฐาสีติรตนานิ, อจฺจุคฺคโต มหามุนิ;
‘‘Aṭṭhāsītiratanāni, accuggato mahāmuni;
โอภาเสติ ทิสา สพฺพา, จโนฺท ตารคเณ ยถาฯ
Obhāseti disā sabbā, cando tāragaṇe yathā.
๒๗.
27.
‘‘จกฺกวตฺติมณี นาม, ยถา ตปติ โยชนํ;
‘‘Cakkavattimaṇī nāma, yathā tapati yojanaṃ;
ตเถว ตสฺส รตนํ, สมนฺตา ผรติ โยชนํฯ
Tatheva tassa ratanaṃ, samantā pharati yojanaṃ.
๒๘.
28.
‘‘นวุติวสฺสสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;
‘‘Navutivassasahassāni, āyu vijjati tāvade;
ตาวตา ติฎฺฐมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํฯ
Tāvatā tiṭṭhamāno so, tāresi janataṃ bahuṃ.
๒๙.
29.
‘‘เตวิชฺชฉฬภิเญฺญหิ , พลปฺปเตฺตหิ ตาทิหิ;
‘‘Tevijjachaḷabhiññehi , balappattehi tādihi;
สมากุลมิทํ อาสิ, อรหเนฺตหิ สาธุหิฯ
Samākulamidaṃ āsi, arahantehi sādhuhi.
๓๐.
30.
‘‘เตปิ สเพฺพ อมิตยสา, วิปฺปมุตฺตา นิรูปธี;
‘‘Tepi sabbe amitayasā, vippamuttā nirūpadhī;
ญาณาโลกํ ทสฺสยิตฺวา, นิพฺพุตา เต มหายสา’’ติฯ
Ñāṇālokaṃ dassayitvā, nibbutā te mahāyasā’’ti.
ตตฺถ จโนฺท ตารคเณ ยถาติ ยถา นาม คคเน ปริปุณฺณจโนฺท ตาราคเณ โอภาเสติ ปกาเสติ, เอวเมว สพฺพาปิ ทิสา โอภาเสตีติ อโตฺถฯ เกจิ ‘‘จโนฺท ปนฺนรโส ยถา’’ติ ปฐนฺติ, โส อุตฺตานโตฺถวฯ
Tattha cando tāragaṇe yathāti yathā nāma gagane paripuṇṇacando tārāgaṇe obhāseti pakāseti, evameva sabbāpi disā obhāsetīti attho. Keci ‘‘cando pannaraso yathā’’ti paṭhanti, so uttānatthova.
จกฺกวตฺติมณี นามาติ ยถา นาม จกฺกวตฺติรโญฺญ มณิรตนํ จตุหตฺถายามํ สกฎนาภิสมปริณาหํ จตุราสีติมณิสหสฺสปริวารํ ตาราคณปริวุตสฺส สรทสมยปริปุณฺณรชนิกรสฺส สิริสมุทยโสภํ อวฺหยนฺตมิว เวปุลฺลปพฺพตโต ปรมรมณียทสฺสนํ มณิรตนมาคจฺฉติ, ตเสฺสวํ อาคจฺฉนฺตสฺส สมนฺตโต โยชนปฺปมาณํ โอกาสํ อาภา ผรติ, เอวเมว ตสฺส สุเมธสฺสาปิ ภควโต สรีรโต อาภารตนํ สมนฺตโต โยชนํ ผรตีติ อโตฺถฯ
Cakkavattimaṇī nāmāti yathā nāma cakkavattirañño maṇiratanaṃ catuhatthāyāmaṃ sakaṭanābhisamapariṇāhaṃ caturāsītimaṇisahassaparivāraṃ tārāgaṇaparivutassa saradasamayaparipuṇṇarajanikarassa sirisamudayasobhaṃ avhayantamiva vepullapabbatato paramaramaṇīyadassanaṃ maṇiratanamāgacchati, tassevaṃ āgacchantassa samantato yojanappamāṇaṃ okāsaṃ ābhā pharati, evameva tassa sumedhassāpi bhagavato sarīrato ābhāratanaṃ samantato yojanaṃ pharatīti attho.
เตวิชฺชฉฬภิเญฺญหีติ เตวิเชฺชหิ ฉฬภิเญฺญหิ จาติ อโตฺถฯ พลปฺปเตฺตหีติ อิทฺธิพลปฺปเตฺตหิฯ ตาทิหีติ ตาทิภาวปฺปเตฺตหิฯ สมากุลนฺติ สงฺกิณฺณํ เอกกาสาวปโชฺชตํฯ อิทนฺติ สาสนํ สนฺธายาห, มหีตลํ วาฯ อมิตยสาติ อมิตปริวารา, อตุลกิตฺติโฆโส วาฯ นิรูปธีติ จตุรูปธิวิรหิตาฯ เสสเมตฺถ คาถาสุ สพฺพตฺถ ปากฎเมวาติฯ
Tevijjachaḷabhiññehīti tevijjehi chaḷabhiññehi cāti attho. Balappattehīti iddhibalappattehi. Tādihīti tādibhāvappattehi. Samākulanti saṅkiṇṇaṃ ekakāsāvapajjotaṃ. Idanti sāsanaṃ sandhāyāha, mahītalaṃ vā. Amitayasāti amitaparivārā, atulakittighoso vā. Nirūpadhīti caturūpadhivirahitā. Sesamettha gāthāsu sabbattha pākaṭamevāti.
สุเมธพุทฺธวํสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sumedhabuddhavaṃsavaṇṇanā niṭṭhitā.
นิฎฺฐิโต เอกาทสโม พุทฺธวํโสฯ
Niṭṭhito ekādasamo buddhavaṃso.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / พุทฺธวํสปาฬิ • Buddhavaṃsapāḷi / ๑๓. สุเมธพุทฺธวํโส • 13. Sumedhabuddhavaṃso