Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อปทาน-อฎฺฐกถา • Apadāna-aṭṭhakathā

    สุเมธกถา

    Sumedhakathā

    กปฺปสตสหสฺสาธิกานญฺหิ จตุนฺนํ อสเงฺขฺยยฺยานํ มตฺถเก ทสหิ สเทฺทหิ อวิวิตฺตํ ‘‘อมรวตี’’ติ จ ‘‘อมร’’นฺติ จ ลทฺธนามํ นครํ อโหสิ, ยํ สนฺธาย พุทฺธวํเส วุตฺตํ –

    Kappasatasahassādhikānañhi catunnaṃ asaṅkhyeyyānaṃ matthake dasahi saddehi avivittaṃ ‘‘amaravatī’’ti ca ‘‘amara’’nti ca laddhanāmaṃ nagaraṃ ahosi, yaṃ sandhāya buddhavaṃse vuttaṃ –

    ‘‘กเปฺป จ สตสหเสฺส, จตุโร จ อสงฺขิเย;

    ‘‘Kappe ca satasahasse, caturo ca asaṅkhiye;

    อมรํ นาม นครํ, ทสฺสเนยฺยํ มโนรมํ;

    Amaraṃ nāma nagaraṃ, dassaneyyaṃ manoramaṃ;

    ทสหิ สเทฺทหิ อวิวิตฺตํ, อนฺนปานสมายุต’’นฺติฯ (พุ. วํ. ๒.๑-๒);

    Dasahi saddehi avivittaṃ, annapānasamāyuta’’nti. (bu. vaṃ. 2.1-2);

    ตตฺถ ทสหิ สเทฺทหิ อวิวิตฺตนฺติ หตฺถิสเทฺทน อสฺสสเทฺทน รถสเทฺทน เภริสเทฺทน มุทิงฺคสเทฺทน วีณาสเทฺทน คีตสเทฺทน สงฺขสเทฺทน สมฺมสเทฺทน ตาฬสเทฺทน ‘‘อสฺนาถ ปิวถ ขาทถา’’ติ ทสเมน สเทฺทนาติ อิเมหิ ทสหิ สเทฺทหิ อวิวิตฺตํ อโหสิฯ เตสํ ปน สทฺทานํ เอกเทสเมว คเหตฺวา –

    Tattha dasahi saddehi avivittanti hatthisaddena assasaddena rathasaddena bherisaddena mudiṅgasaddena vīṇāsaddena gītasaddena saṅkhasaddena sammasaddena tāḷasaddena ‘‘asnātha pivatha khādathā’’ti dasamena saddenāti imehi dasahi saddehi avivittaṃ ahosi. Tesaṃ pana saddānaṃ ekadesameva gahetvā –

    ‘‘หตฺถิสทฺทํ อสฺสสทฺทํ, เภริสงฺขรถานิ จ;

    ‘‘Hatthisaddaṃ assasaddaṃ, bherisaṅkharathāni ca;

    ขาทถ ปิวถ เจว, อนฺนปาเนน โฆสิต’’นฺติฯ –

    Khādatha pivatha ceva, annapānena ghosita’’nti. –

    พุทฺธวํเส (พุ. วํ. ๒.๓-๕) อิมํ คาถํ วตฺวา –

    Buddhavaṃse (bu. vaṃ. 2.3-5) imaṃ gāthaṃ vatvā –

    ‘‘นครํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ, สพฺพกมฺมมุปาคตํ;

    ‘‘Nagaraṃ sabbaṅgasampannaṃ, sabbakammamupāgataṃ;

    สตฺตรตนสมฺปนฺนํ, นานาชนสมากุลํ;

    Sattaratanasampannaṃ, nānājanasamākulaṃ;

    สมิทฺธํ เทวนครํว, อาวาสํ ปุญฺญกมฺมินํฯ

    Samiddhaṃ devanagaraṃva, āvāsaṃ puññakamminaṃ.

    ‘‘นคเร อมรวติยา, สุเมโธ นาม พฺราหฺมโณ;

    ‘‘Nagare amaravatiyā, sumedho nāma brāhmaṇo;

    อเนกโกฎิสนฺนิจโย, ปหูตธนธญฺญวาฯ

    Anekakoṭisannicayo, pahūtadhanadhaññavā.

    ‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;

    ‘‘Ajjhāyako mantadharo, tiṇṇaṃ vedāna pāragū;

    ลกฺขเณ อิติหาเส จ, สธเมฺม ปารมิํ คโต’’ติฯ – วุตฺตํ;

    Lakkhaṇe itihāse ca, sadhamme pāramiṃ gato’’ti. – vuttaṃ;

    อเถกทิวสํ โส สุเมธปณฺฑิโต อุปริปาสาทวรตเล รโหคโต หุตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสิโนฺน เอวํ จิเนฺตสิ – ‘‘ปุนพฺภเว, ปณฺฑิต, ปฎิสนฺธิคฺคหณํ นาม ทุกฺขํ, ตถา นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฎฺฐาเน สรีรสฺส เภทนํ, อหญฺจ ชาติธโมฺม, ชราธโมฺม, พฺยาธิธโมฺม, มรณธโมฺม, เอวํภูเตน มยา อชาติํ อชรํ อพฺยาธิํ อมรณํ อทุกฺขํ สุขํ สีตลํ อมตมหานิพฺพานํ ปริเยสิตุํ วฎฺฎติฯ อวสฺสํ ภวโต มุจฺจิตฺวา นิพฺพานคามินา เอเกน มเคฺคน ภวิตพฺพ’’นฺติฯ เตน วุตฺตํ –

    Athekadivasaṃ so sumedhapaṇḍito uparipāsādavaratale rahogato hutvā pallaṅkaṃ ābhujitvā nisinno evaṃ cintesi – ‘‘punabbhave, paṇḍita, paṭisandhiggahaṇaṃ nāma dukkhaṃ, tathā nibbattanibbattaṭṭhāne sarīrassa bhedanaṃ, ahañca jātidhammo, jarādhammo, byādhidhammo, maraṇadhammo, evaṃbhūtena mayā ajātiṃ ajaraṃ abyādhiṃ amaraṇaṃ adukkhaṃ sukhaṃ sītalaṃ amatamahānibbānaṃ pariyesituṃ vaṭṭati. Avassaṃ bhavato muccitvā nibbānagāminā ekena maggena bhavitabba’’nti. Tena vuttaṃ –

    ‘‘รโหคโต นิสีทิตฺวา, เอวํ จิเนฺตสหํ ตทา;

    ‘‘Rahogato nisīditvā, evaṃ cintesahaṃ tadā;

    ทุโกฺข ปุนพฺภโว นาม, สรีรสฺส จ เภทนํฯ

    Dukkho punabbhavo nāma, sarīrassa ca bhedanaṃ.

    ‘‘ชาติธโมฺม ชราธโมฺม, พฺยาธิธโมฺม สหํ ตทา;

    ‘‘Jātidhammo jarādhammo, byādhidhammo sahaṃ tadā;

    อชรํ อมรํ เขมํ, ปริเยสิสฺสามิ นิพฺพุติํฯ

    Ajaraṃ amaraṃ khemaṃ, pariyesissāmi nibbutiṃ.

    ‘‘ยํนูนิมํ ปูติกายํ, นานากุณปปูริตํ;

    ‘‘Yaṃnūnimaṃ pūtikāyaṃ, nānākuṇapapūritaṃ;

    ฉฑฺฑยิตฺวาน คเจฺฉยฺยํ, อนเปโกฺข อนตฺถิโกฯ

    Chaḍḍayitvāna gaccheyyaṃ, anapekkho anatthiko.

    ‘‘อตฺถิ เหหิติ โส มโคฺค, น โส สกฺกา น เหตุเย;

    ‘‘Atthi hehiti so maggo, na so sakkā na hetuye;

    ปริเยสิสฺสามิ ตํ มคฺคํ, ภวโต ปริมุตฺติยา’’ติฯ

    Pariyesissāmi taṃ maggaṃ, bhavato parimuttiyā’’ti.

    ตโต อุตฺตริปิ เอวํ จิเนฺตสิ – ‘‘ยถา หิ โลเก ทุกฺขสฺส ปฎิปกฺขภูตํ สุขํ นาม อตฺถิ, เอวํ ภเว สติ ตปฺปฎิปเกฺขน วิภเวนาปิ ภวิตพฺพํฯ ยถา จ อุเณฺห สติ ตสฺส วูปสมภูตํ สีตลมฺปิ อตฺถิ, เอวํ ราคคฺคิอาทีนํ วูปสเมน นิพฺพาเนนาปิ ภวิตพฺพํฯ ยถา นาม ปาปสฺส ลามกสฺส ธมฺมสฺส ปฎิปกฺขภูโต กลฺยาโณ อนวชฺชภูโต ธโมฺมปิ อตฺถิเยว, เอวเมว ปาปิกาย ชาติยา สติ สพฺพชาติเขปนโต อชาติสงฺขาเตน นิพฺพาเนนาปิ ภวิตพฺพเมวา’’ติฯ เตน วุตฺตํ –

    Tato uttaripi evaṃ cintesi – ‘‘yathā hi loke dukkhassa paṭipakkhabhūtaṃ sukhaṃ nāma atthi, evaṃ bhave sati tappaṭipakkhena vibhavenāpi bhavitabbaṃ. Yathā ca uṇhe sati tassa vūpasamabhūtaṃ sītalampi atthi, evaṃ rāgaggiādīnaṃ vūpasamena nibbānenāpi bhavitabbaṃ. Yathā nāma pāpassa lāmakassa dhammassa paṭipakkhabhūto kalyāṇo anavajjabhūto dhammopi atthiyeva, evameva pāpikāya jātiyā sati sabbajātikhepanato ajātisaṅkhātena nibbānenāpi bhavitabbamevā’’ti. Tena vuttaṃ –

    ‘‘ยถาปิ ทุเกฺข วิชฺชเนฺต, สุขํ นามปิ วิชฺชติ;

    ‘‘Yathāpi dukkhe vijjante, sukhaṃ nāmapi vijjati;

    เอวํ ภเว วิชฺชมาเน, วิภโวปิจฺฉิตพฺพโกฯ

    Evaṃ bhave vijjamāne, vibhavopicchitabbako.

    ‘‘ยถาปิ อุเณฺห วิชฺชเนฺต, อปรํ วิชฺชติ สีตลํ;

    ‘‘Yathāpi uṇhe vijjante, aparaṃ vijjati sītalaṃ;

    เอวํ ติวิธคฺคิ วิชฺชเนฺต, นิพฺพานมฺปิจฺฉิตพฺพกํฯ

    Evaṃ tividhaggi vijjante, nibbānampicchitabbakaṃ.

    ‘‘ยถาปิ ปาเป วิชฺชเนฺต, กลฺยาณมปิ วิชฺชติ;

    ‘‘Yathāpi pāpe vijjante, kalyāṇamapi vijjati;

    เอวเมว ชาติ วิชฺชเนฺต, อชาติปิจฺฉิตพฺพก’’นฺติฯ

    Evameva jāti vijjante, ajātipicchitabbaka’’nti.

    อปรมฺปิ จิเนฺตสิ – ‘‘ยถา นาม คูถราสิมฺหิ นิมุเคฺคน ปุริเสน ทูรโตว ปญฺจวณฺณปทุมสญฺฉนฺนํ มหาตฬากํ ทิสฺวา ‘กตเรน นุ โข มเคฺคน เอตฺถ คนฺตพฺพ’นฺติ ตํ ตฬากํ คเวสิตุํ ยุตฺตํฯ ยํ ตสฺส อคเวสนํ, น โส ตฬากสฺส โทโส, ปุริสเสฺสว โทโสฯ เอวํ กิเลสมลโธวเน อมตมหานิพฺพานตฬาเก วิชฺชเนฺต ยํ ตสฺส อคเวสนํ, น โส อมตมหานิพฺพานตฬากสฺส โทโส, ปุริสเสฺสว โทโสฯ ยถา จ โจเรหิ สมฺปริวาริโต ปุริโส ปลายนมเคฺค วิชฺชมาเนปิ สเจ น ปลายติ, น โส มคฺคสฺส โทโส, ปุริสเสฺสว โทโสฯ เอวเมว กิเลเสหิ ปริวาเรตฺวา คหิตสฺส ปุริสสฺส วิชฺชมาเนเยว นิพฺพานคามิมฺหิ สิเว มเคฺค มคฺคสฺส อคเวสนํ นาม น มคฺคสฺส โทโส, ปุริสเสฺสว โทโสฯ ยถา จ พฺยาธิปีฬิโต ปุริโส วิชฺชมาเน พฺยาธิติกิจฺฉเก เวเชฺช สเจ ตํ เวชฺชํ คเวสิตฺวา พฺยาธิํ น ติกิจฺฉาเปติ, น โส เวชฺชสฺส โทโส, ปุริสเสฺสว โทโสฯ เอวเมว โย กิเลสพฺยาธิปีฬิโต กิเลสวูปสมมคฺคโกวิทํ วิชฺชมานเมว อาจริยํ น คเวสติ, ตเสฺสว โทโส, น กิเลสวินาสกสฺส อาจริยสฺส โทโส’’ติฯ เตน วุตฺตํ –

    Aparampi cintesi – ‘‘yathā nāma gūtharāsimhi nimuggena purisena dūratova pañcavaṇṇapadumasañchannaṃ mahātaḷākaṃ disvā ‘katarena nu kho maggena ettha gantabba’nti taṃ taḷākaṃ gavesituṃ yuttaṃ. Yaṃ tassa agavesanaṃ, na so taḷākassa doso, purisasseva doso. Evaṃ kilesamaladhovane amatamahānibbānataḷāke vijjante yaṃ tassa agavesanaṃ, na so amatamahānibbānataḷākassa doso, purisasseva doso. Yathā ca corehi samparivārito puriso palāyanamagge vijjamānepi sace na palāyati, na so maggassa doso, purisasseva doso. Evameva kilesehi parivāretvā gahitassa purisassa vijjamāneyeva nibbānagāmimhi sive magge maggassa agavesanaṃ nāma na maggassa doso, purisasseva doso. Yathā ca byādhipīḷito puriso vijjamāne byādhitikicchake vejje sace taṃ vejjaṃ gavesitvā byādhiṃ na tikicchāpeti, na so vejjassa doso, purisasseva doso. Evameva yo kilesabyādhipīḷito kilesavūpasamamaggakovidaṃ vijjamānameva ācariyaṃ na gavesati, tasseva doso, na kilesavināsakassa ācariyassa doso’’ti. Tena vuttaṃ –

    ‘‘ยถา คูถคโต ปุริโส, ตฬากํ ทิสฺวาน ปูริตํ;

    ‘‘Yathā gūthagato puriso, taḷākaṃ disvāna pūritaṃ;

    น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส ตฬากสฺส โสฯ

    Na gavesati taṃ taḷākaṃ, na doso taḷākassa so.

    ‘‘เอวํ กิเลสมลโธเว, วิชฺชเนฺต อมตนฺตเฬ;

    ‘‘Evaṃ kilesamaladhove, vijjante amatantaḷe;

    น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส อมตนฺตเฬฯ

    Na gavesati taṃ taḷākaṃ, na doso amatantaḷe.

    ‘‘ยถา อรีหิ ปริรุโทฺธ, วิชฺชเนฺต คมนมฺปเถ;

    ‘‘Yathā arīhi pariruddho, vijjante gamanampathe;

    น ปลายติ โส ปุริโส, น โทโส อญฺชสสฺส โสฯ

    Na palāyati so puriso, na doso añjasassa so.

    ‘‘เอวํ กิเลสปริรุโทฺธ, วิชฺชมาเน สิเว ปเถ;

    ‘‘Evaṃ kilesapariruddho, vijjamāne sive pathe;

    น คเวสติ ตํ มคฺคํ, น โทโส สิวมญฺชเสฯ

    Na gavesati taṃ maggaṃ, na doso sivamañjase.

    ‘‘ยถาปิ พฺยาธิโต ปุริโส, วิชฺชมาเน ติกิจฺฉเก;

    ‘‘Yathāpi byādhito puriso, vijjamāne tikicchake;

    น ติกิจฺฉาเปติ ตํ พฺยาธิํ, น โทโส โส ติกิจฺฉเกฯ

    Na tikicchāpeti taṃ byādhiṃ, na doso so tikicchake.

    ‘‘เอวํ กิเลสพฺยาธีหิ, ทุกฺขิโต ปริปีฬิโต;

    ‘‘Evaṃ kilesabyādhīhi, dukkhito paripīḷito;

    น คเวสติ ตํ อาจริยํ, น โทโส โส วินายเก’’ติฯ

    Na gavesati taṃ ācariyaṃ, na doso so vināyake’’ti.

    อปรมฺปิ จิเนฺตสิ – ‘‘ยถา มณฺฑนกชาติโก ปุริโส กเณฺฐ อาสตฺตํ กุณปํ ฉเฑฺฑตฺวา สุขํ คเจฺฉยฺย, เอวํ มยาปิ อิมํ ปูติกายํ ฉเฑฺฑตฺวา อนเปเกฺขน นิพฺพานนครํ ปวิสิตพฺพํฯ ยถา จ นรนาริโย อุกฺการภูมิยํ อุจฺจารปสฺสาวํ กตฺวา น ตํ อุจฺฉเงฺคน วา อาทาย, ทุสฺสเนฺตน วา เวเฐตฺวา คจฺฉนฺติ, ชิคุจฺฉมานา ปน อนเปกฺขาว, ฉเฑฺฑตฺวา คจฺฉนฺติ, เอวํ มยาปิ อิมํ ปูติกายํ อนเปเกฺขน ฉเฑฺฑตฺวา อมตนิพฺพานนครํ ปวิสิตุํ วฎฺฎติฯ ยถา จ นาวิกา นาม ชชฺชรํ นาวํ อนเปกฺขาว ฉเฑฺฑตฺวา คจฺฉนฺติ, เอวํ อหมฺปิ อิมํ นวหิ วณมุเขหิ ปคฺฆรนฺตํ กายํ ฉเฑฺฑตฺวา อนเปโกฺข นิพฺพานปุรํ ปวิสิสฺสามิฯ ยถา จ ปุริโส นานารตนานิ อาทาย โจเรหิ สทฺธิํ มคฺคํ คจฺฉโนฺต อตฺตโน รตนนาสภเยน เต ฉเฑฺฑตฺวา เขมํ มคฺคํ คณฺหาติ, เอวํ อยมฺปิ กรชกาโย รตนวิโลปกโจรสทิโสฯ สจาหํ เอตฺถ ตณฺหํ กริสฺสามิ, อริยมคฺคกุสลธมฺมรตนํ เม นสฺสิสฺสติ, ตสฺมา มยา อิมํ โจรสทิสํ กายํ ฉเฑฺฑตฺวา อมตมหานิพฺพานนครํ ปวิสิตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ เตน วุตฺตํ –

    Aparampi cintesi – ‘‘yathā maṇḍanakajātiko puriso kaṇṭhe āsattaṃ kuṇapaṃ chaḍḍetvā sukhaṃ gaccheyya, evaṃ mayāpi imaṃ pūtikāyaṃ chaḍḍetvā anapekkhena nibbānanagaraṃ pavisitabbaṃ. Yathā ca naranāriyo ukkārabhūmiyaṃ uccārapassāvaṃ katvā na taṃ ucchaṅgena vā ādāya, dussantena vā veṭhetvā gacchanti, jigucchamānā pana anapekkhāva, chaḍḍetvā gacchanti, evaṃ mayāpi imaṃ pūtikāyaṃ anapekkhena chaḍḍetvā amatanibbānanagaraṃ pavisituṃ vaṭṭati. Yathā ca nāvikā nāma jajjaraṃ nāvaṃ anapekkhāva chaḍḍetvā gacchanti, evaṃ ahampi imaṃ navahi vaṇamukhehi paggharantaṃ kāyaṃ chaḍḍetvā anapekkho nibbānapuraṃ pavisissāmi. Yathā ca puriso nānāratanāni ādāya corehi saddhiṃ maggaṃ gacchanto attano ratananāsabhayena te chaḍḍetvā khemaṃ maggaṃ gaṇhāti, evaṃ ayampi karajakāyo ratanavilopakacorasadiso. Sacāhaṃ ettha taṇhaṃ karissāmi, ariyamaggakusaladhammaratanaṃ me nassissati, tasmā mayā imaṃ corasadisaṃ kāyaṃ chaḍḍetvā amatamahānibbānanagaraṃ pavisituṃ vaṭṭatī’’ti. Tena vuttaṃ –

    ‘‘ยถาปิ กุณปํ ปุริโส, กเณฺฐ พทฺธํ ชิคุจฺฉิย;

    ‘‘Yathāpi kuṇapaṃ puriso, kaṇṭhe baddhaṃ jigucchiya;

    โมจยิตฺวาน คเจฺฉยฺย, สุขี เสรี สยํวสีฯ

    Mocayitvāna gaccheyya, sukhī serī sayaṃvasī.

    ‘‘ตเถวิมํ ปูติกายํ, นานากุณปสญฺจยํ;

    ‘‘Tathevimaṃ pūtikāyaṃ, nānākuṇapasañcayaṃ;

    ฉฑฺฑยิตฺวาน คเจฺฉยฺยํ, อนเปโกฺข อนตฺถิโกฯ

    Chaḍḍayitvāna gaccheyyaṃ, anapekkho anatthiko.

    ‘‘ยถา อุจฺจารฎฺฐานมฺหิ, กรีสํ นรนาริโย;

    ‘‘Yathā uccāraṭṭhānamhi, karīsaṃ naranāriyo;

    ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉนฺติ, อนเปกฺขา อนตฺถิกาฯ

    Chaḍḍayitvāna gacchanti, anapekkhā anatthikā.

    ‘‘เอวเมวาหํ อิมํ กายํ, นานากุณปปูริตํ;

    ‘‘Evamevāhaṃ imaṃ kāyaṃ, nānākuṇapapūritaṃ;

    ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉิสฺสํ, วจฺจํ กตฺวา ยถา กุฎิํฯ

    Chaḍḍayitvāna gacchissaṃ, vaccaṃ katvā yathā kuṭiṃ.

    ‘‘ยถาปิ ชชฺชรํ นาวํ, ปลุคฺคํ อุทคาหินิํ;

    ‘‘Yathāpi jajjaraṃ nāvaṃ, paluggaṃ udagāhiniṃ;

    สามี ฉเฑฺฑตฺวา คจฺฉนฺติ, อนเปกฺขา อนตฺถิกาฯ

    Sāmī chaḍḍetvā gacchanti, anapekkhā anatthikā.

    ‘‘เอวเมวาหํ อิมํ กายํ, นวจฺฉิทฺทํ ธุวสฺสวํ;

    ‘‘Evamevāhaṃ imaṃ kāyaṃ, navacchiddaṃ dhuvassavaṃ;

    ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉิสฺสํ, ชิณฺณนาวํว สามิกาฯ

    Chaḍḍayitvāna gacchissaṃ, jiṇṇanāvaṃva sāmikā.

    ‘‘ยถาปิ ปุริโส โจเรหิ, คจฺฉโนฺต ภณฺฑมาทิย;

    ‘‘Yathāpi puriso corehi, gacchanto bhaṇḍamādiya;

    ภณฺฑเจฺฉทภยํ ทิสฺวา, ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉติฯ

    Bhaṇḍacchedabhayaṃ disvā, chaḍḍayitvāna gacchati.

    ‘‘เอวเมว อยํ กาโย, มหาโจรสโม วิย;

    ‘‘Evameva ayaṃ kāyo, mahācorasamo viya;

    ปหายิมํ คมิสฺสามิ, กุสลเจฺฉทนา ภยา’’ติฯ

    Pahāyimaṃ gamissāmi, kusalacchedanā bhayā’’ti.

    เอวํ สุเมธปณฺฑิโต นานาวิธาหิ อุปมาหิ อิมํ เนกฺขมฺมูปสํหิตํ อตฺถํ จิเนฺตตฺวา สกนิเวสเน อปริมิตโภคกฺขนฺธํ เหฎฺฐา วุตฺตนเยน กปณทฺธิกาทีนํ วิสฺสเชฺชตฺวา มหาทานํ ทตฺวา วตฺถุกาเม จ กิเลสกาเม จ ปหาย อมรนครโต นิกฺขมิตฺวา เอกโกว หิมวเนฺต ธมฺมิกํ นาม ปพฺพตํ นิสฺสาย อสฺสมํ กตฺวา ตตฺถ ปณฺณสาลญฺจ จงฺกมญฺจ มาเปตฺวา ปญฺจหิ นีวรณโทเสหิ วชฺชิตํ ‘‘เอวํ สมาหิเต จิเตฺต’’ติอาทินา นเยน วุเตฺตหิ อฎฺฐหิ การณคุเณหิ สมุเปตํ อภิญฺญาสงฺขาตํ พลํ อาหริตุํ ตสฺมิํ อสฺสมปเท นวโทสสมนฺนาคตํ สาฎกํ ปชหิตฺวา, ทฺวาทสคุณสมนฺนาคตํ วากจีรํ นิวาเสตฺวา, อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิฯ เอวํ ปพฺพชิโต อฎฺฐโทสสมากิณฺณํ ตํ ปณฺณสาลํ ปหาย ทสคุณสมนฺนาคตํ รุกฺขมูลํ อุปคนฺตฺวา สพฺพํ ธญฺญวิกติํ ปหาย ปวตฺตผลโภชโน หุตฺวา นิสชฺชฎฺฐานจงฺกมนวเสเนว ปธานํ ปทหโนฺต สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว อฎฺฐนฺนํ สมาปตฺตีนํ ปญฺจนฺนญฺจ อภิญฺญานํ ลาภี อโหสิฯ เอวํ ตํ ยถาปตฺถิตํ อภิญฺญาพลํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ –

    Evaṃ sumedhapaṇḍito nānāvidhāhi upamāhi imaṃ nekkhammūpasaṃhitaṃ atthaṃ cintetvā sakanivesane aparimitabhogakkhandhaṃ heṭṭhā vuttanayena kapaṇaddhikādīnaṃ vissajjetvā mahādānaṃ datvā vatthukāme ca kilesakāme ca pahāya amaranagarato nikkhamitvā ekakova himavante dhammikaṃ nāma pabbataṃ nissāya assamaṃ katvā tattha paṇṇasālañca caṅkamañca māpetvā pañcahi nīvaraṇadosehi vajjitaṃ ‘‘evaṃ samāhite citte’’tiādinā nayena vuttehi aṭṭhahi kāraṇaguṇehi samupetaṃ abhiññāsaṅkhātaṃ balaṃ āharituṃ tasmiṃ assamapade navadosasamannāgataṃ sāṭakaṃ pajahitvā, dvādasaguṇasamannāgataṃ vākacīraṃ nivāsetvā, isipabbajjaṃ pabbaji. Evaṃ pabbajito aṭṭhadosasamākiṇṇaṃ taṃ paṇṇasālaṃ pahāya dasaguṇasamannāgataṃ rukkhamūlaṃ upagantvā sabbaṃ dhaññavikatiṃ pahāya pavattaphalabhojano hutvā nisajjaṭṭhānacaṅkamanavaseneva padhānaṃ padahanto sattāhabbhantareyeva aṭṭhannaṃ samāpattīnaṃ pañcannañca abhiññānaṃ lābhī ahosi. Evaṃ taṃ yathāpatthitaṃ abhiññābalaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ –

    ‘‘เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, เนกโกฎิสตํ ธนํ;

    ‘‘Evāhaṃ cintayitvāna, nekakoṭisataṃ dhanaṃ;

    นาถานาถานํ ทตฺวาน, หิมวนฺตมุปาคมิํฯ

    Nāthānāthānaṃ datvāna, himavantamupāgamiṃ.

    ‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, ธมฺมิโก นาม ปพฺพโต;

    ‘‘Himavantassāvidūre, dhammiko nāma pabbato;

    อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตาฯ

    Assamo sukato mayhaṃ, paṇṇasālā sumāpitā.

    ‘‘จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสิํ, ปญฺจโทสวิวชฺชิตํ;

    ‘‘Caṅkamaṃ tattha māpesiṃ, pañcadosavivajjitaṃ;

    อฎฺฐคุณสมุเปตํ, อภิญฺญาพลมาหริํฯ

    Aṭṭhaguṇasamupetaṃ, abhiññābalamāhariṃ.

    ‘‘สาฎกํ ปชหิํ ตตฺถ, นวโทสมุปาคตํ;

    ‘‘Sāṭakaṃ pajahiṃ tattha, navadosamupāgataṃ;

    วากจีรํ นิวาเสสิํ, ทฺวาทสคุณมุปาคตํฯ

    Vākacīraṃ nivāsesiṃ, dvādasaguṇamupāgataṃ.

    ‘‘อฎฺฐโทสสมากิณฺณํ, ปชหิํ ปณฺณสาลกํ;

    ‘‘Aṭṭhadosasamākiṇṇaṃ, pajahiṃ paṇṇasālakaṃ;

    อุปาคมิํ รุกฺขมูลํ, คุเณ ทสหุปาคตํฯ

    Upāgamiṃ rukkhamūlaṃ, guṇe dasahupāgataṃ.

    ‘‘วาปิตํ โรปิตํ ธญฺญํ, ปชหิํ นิรวเสสโต;

    ‘‘Vāpitaṃ ropitaṃ dhaññaṃ, pajahiṃ niravasesato;

    อเนกคุณสมฺปนฺนํ, ปวตฺตผลมาทิยิํฯ

    Anekaguṇasampannaṃ, pavattaphalamādiyiṃ.

    ‘‘ตตฺถปฺปธานํ ปทหิํ, นิสชฺชฎฺฐานจงฺกเม;

    ‘‘Tatthappadhānaṃ padahiṃ, nisajjaṭṭhānacaṅkame;

    อพฺภนฺตรมฺหิ สตฺตาเห, อภิญฺญาพล ปาปุณิ’’นฺติฯ

    Abbhantaramhi sattāhe, abhiññābala pāpuṇi’’nti.

    ตตฺถ ‘‘อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา’’ติ อิมาย ปน ปาฬิยา สุเมธปณฺฑิเตน อสฺสมปณฺณสาลจงฺกมา สหตฺถา มาปิตา วิย วุตฺตาฯ อยํ ปเนตฺถ อโตฺถ – มหาสตฺตญฺหิ ‘‘หิมวนฺตํ อโชฺฌคาเหตฺวา อชฺช ธมฺมิกปพฺพตํ ปวิสิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา สโกฺก วิสฺสกมฺมเทวปุตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘‘ตาต, อยํ สุเมธปณฺฑิโต ‘ปพฺพชิสฺสามี’ติ นิกฺขโนฺต, เอตสฺส วสนฎฺฐานํ มาเปหี’’ติฯ โส ตสฺส วจนํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา รมณียํ อสฺสมํ, สุคุตฺตํ ปณฺณสาลํ, มโนรมํ จงฺกมญฺจ มาเปสิฯ ภควา ปน ตทา อตฺตโน ปุญฺญานุภาเวน นิปฺผนฺนํ ตํ อสฺสมปทํ สนฺธาย ‘‘สาริปุตฺต, ตสฺมิํ ธมฺมิกปพฺพเต –

    Tattha ‘‘assamo sukato mayhaṃ, paṇṇasālā sumāpitā’’ti imāya pana pāḷiyā sumedhapaṇḍitena assamapaṇṇasālacaṅkamā sahatthā māpitā viya vuttā. Ayaṃ panettha attho – mahāsattañhi ‘‘himavantaṃ ajjhogāhetvā ajja dhammikapabbataṃ pavisissatī’’ti disvā sakko vissakammadevaputtaṃ āmantesi – ‘‘tāta, ayaṃ sumedhapaṇḍito ‘pabbajissāmī’ti nikkhanto, etassa vasanaṭṭhānaṃ māpehī’’ti. So tassa vacanaṃ sampaṭicchitvā ramaṇīyaṃ assamaṃ, suguttaṃ paṇṇasālaṃ, manoramaṃ caṅkamañca māpesi. Bhagavā pana tadā attano puññānubhāvena nipphannaṃ taṃ assamapadaṃ sandhāya ‘‘sāriputta, tasmiṃ dhammikapabbate –

    ‘‘อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา;

    ‘‘Assamo sukato mayhaṃ, paṇṇasālā sumāpitā;

    จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสิํ, ปญฺจโทสวิวชฺชิต’’’นฺติฯ –

    Caṅkamaṃ tattha māpesiṃ, pañcadosavivajjita’’’nti. –

    อาหฯ ตตฺถ สุกโต มยฺหนฺติ สุฎฺฐุ กโต มยาฯ ปณฺณสาลา สุมาปิตาติ ปณฺณจฺฉทนสาลาปิ เม สุมาปิตา อโหสิฯ

    Āha. Tattha sukato mayhanti suṭṭhu kato mayā. Paṇṇasālā sumāpitāti paṇṇacchadanasālāpi me sumāpitā ahosi.

    ปญฺจโทสวิวชฺชิตนฺติ ปญฺจิเม จงฺกมโทสา นาม ถทฺธวิสมตา, อโนฺตรุกฺขตา, คหนจฺฉนฺนตา , อติสมฺพาธตา, อติวิสาลตาติฯ ถทฺธวิสมภูมิภาคสฺมิญฺหิ จงฺกเม จงฺกมนฺตสฺส ปาทา รุชฺชนฺติ, โผฎา อุฎฺฐหนฺติ, จิตฺตํ เอกคฺคตํ น ลภติ, กมฺมฎฺฐานํ วิปชฺชติฯ มุทุสมตเล ปน ผาสุวิหารํ อาคมฺม กมฺมฎฺฐานํ สมฺปชฺชติฯ ตสฺมา ถทฺธวิสมภูมิภาคตา เอโก โทโสติ เวทิตโพฺพฯ จงฺกมสฺส อโนฺต วา มเชฺฌ วา โกฎิยํ วา รุเกฺข สติ ปมาทมาคมฺม จงฺกมนฺตสฺส นลาฎํ วา สีสํ วา ปฎิหญฺญตีติ อโนฺตรุกฺขตา ทุติโย โทโสฯ ติณลตาทิคหนจฺฉเนฺน จงฺกเม จงฺกมโนฺต อนฺธการเวลายํ อุรคาทิเก ปาเณ อกฺกมิตฺวา วา มาเรติ, เตหิ วา ทโฎฺฐ ทุกฺขํ อาปชฺชตีติ คหนจฺฉนฺนตา ตติโย โทโสฯ อติสมฺพาเธ จงฺกเม วิตฺถารโต รตนิเก วา อฑฺฒรตนิเก วา จงฺกมนฺตสฺส ปริเจฺฉเท ปกฺขลิตฺวา นขาปิ องฺคุลิโยปิ ภิชฺชนฺตีติ อติสมฺพาธตา จตุโตฺถ โทโสฯ อติวิสาเล จงฺกเม จงฺกมนฺตสฺส จิตฺตํ วิธาวติ, เอกคฺคตํ น ลภตีติ อติวิสาลตา ปญฺจโม โทโสฯ ปุถุลโต ปน ทิยฑฺฒรตนํ ทฺวีสุ ปเสฺสสุ รตนมตฺตํ อนุจงฺกมํ ทีฆโต สฎฺฐิหตฺถํ มุทุตลํ สมวิปฺปกิณฺณวาลุกํ จงฺกมํ วฎฺฎติ เจติยคิริมฺหิ ทีปปฺปสาทกมหามหินฺทเตฺถรสฺส จงฺกมํ วิย, ตาทิสํ ตํ อโหสิฯ เตนาห – ‘‘จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสิํ, ปญฺจโทสวิวชฺชิต’’นฺติฯ

    Pañcadosavivajjitanti pañcime caṅkamadosā nāma thaddhavisamatā, antorukkhatā, gahanacchannatā , atisambādhatā, ativisālatāti. Thaddhavisamabhūmibhāgasmiñhi caṅkame caṅkamantassa pādā rujjanti, phoṭā uṭṭhahanti, cittaṃ ekaggataṃ na labhati, kammaṭṭhānaṃ vipajjati. Mudusamatale pana phāsuvihāraṃ āgamma kammaṭṭhānaṃ sampajjati. Tasmā thaddhavisamabhūmibhāgatā eko dosoti veditabbo. Caṅkamassa anto vā majjhe vā koṭiyaṃ vā rukkhe sati pamādamāgamma caṅkamantassa nalāṭaṃ vā sīsaṃ vā paṭihaññatīti antorukkhatā dutiyo doso. Tiṇalatādigahanacchanne caṅkame caṅkamanto andhakāravelāyaṃ uragādike pāṇe akkamitvā vā māreti, tehi vā daṭṭho dukkhaṃ āpajjatīti gahanacchannatā tatiyo doso. Atisambādhe caṅkame vitthārato ratanike vā aḍḍharatanike vā caṅkamantassa paricchede pakkhalitvā nakhāpi aṅguliyopi bhijjantīti atisambādhatā catuttho doso. Ativisāle caṅkame caṅkamantassa cittaṃ vidhāvati, ekaggataṃ na labhatīti ativisālatā pañcamo doso. Puthulato pana diyaḍḍharatanaṃ dvīsu passesu ratanamattaṃ anucaṅkamaṃ dīghato saṭṭhihatthaṃ mudutalaṃ samavippakiṇṇavālukaṃ caṅkamaṃ vaṭṭati cetiyagirimhi dīpappasādakamahāmahindattherassa caṅkamaṃ viya, tādisaṃ taṃ ahosi. Tenāha – ‘‘caṅkamaṃ tattha māpesiṃ, pañcadosavivajjita’’nti.

    อฎฺฐคุณสมุเปตนฺติ อฎฺฐหิ สมณสุเขหิ อุเปตํฯ อฎฺฐิมานิ สมณสุขานิ นาม ธนธญฺญปริคฺคหาภาโว, อนวชฺชปิณฺฑปาตปริเยสนภาโว, นิพฺพุตปิณฺฑปาตภุญฺชนภาโว, รฎฺฐํ ปีเฬตฺวา ธนสารํ วา สีสกหาปณาทีนิ วา คณฺหเนฺตสุ ราชกุเลสุ รฎฺฐปีฬนกิเลสาภาโว, อุปกรเณสุ นิจฺฉนฺทราคภาโว, โจรวิโลเป นิพฺภยภาโว, ราชราชมหามเตฺตหิ อสํสฎฺฐภาโว, จตูสุ ทิสาสุ อปฺปฎิหตภาโวติ ฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ยถา ตสฺมิํ อสฺสเม วสเนฺตน สกฺกา โหนฺติ อิมานิ อฎฺฐ สุขานิ วินฺทิตุํ, เอวํ อฎฺฐคุณสมุเปตํ ตํ อสฺสมํ มาเปสิ’’นฺติฯ

    Aṭṭhaguṇasamupetanti aṭṭhahi samaṇasukhehi upetaṃ. Aṭṭhimāni samaṇasukhāni nāma dhanadhaññapariggahābhāvo, anavajjapiṇḍapātapariyesanabhāvo, nibbutapiṇḍapātabhuñjanabhāvo, raṭṭhaṃ pīḷetvā dhanasāraṃ vā sīsakahāpaṇādīni vā gaṇhantesu rājakulesu raṭṭhapīḷanakilesābhāvo, upakaraṇesu nicchandarāgabhāvo, coravilope nibbhayabhāvo, rājarājamahāmattehi asaṃsaṭṭhabhāvo, catūsu disāsu appaṭihatabhāvoti . Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘yathā tasmiṃ assame vasantena sakkā honti imāni aṭṭha sukhāni vindituṃ, evaṃ aṭṭhaguṇasamupetaṃ taṃ assamaṃ māpesi’’nti.

    อภิญฺญาพลมาหรินฺติ ปจฺฉา ตสฺมิํ อสฺสเม วสโนฺต กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อภิญฺญานญฺจ สมาปตฺตีนญฺจ อุปฺปาทนตฺถาย อนิจฺจโต จ ทุกฺขโต จ วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ถามปฺปตฺตํ วิปสฺสนาพลํ อาหริํฯ ยถา ตสฺมิํ วสโนฺต ตํ พลํ อาหริตุํ สโกฺกมิ, เอวํ ตํ อสฺสมํ อภิญฺญตฺถาย วิปสฺสนาพลสฺส อนุจฺฉวิกํ กตฺวา มาเปสินฺติ อโตฺถฯ

    Abhiññābalamāharinti pacchā tasmiṃ assame vasanto kasiṇaparikammaṃ katvā abhiññānañca samāpattīnañca uppādanatthāya aniccato ca dukkhato ca vipassanaṃ ārabhitvā thāmappattaṃ vipassanābalaṃ āhariṃ. Yathā tasmiṃ vasanto taṃ balaṃ āharituṃ sakkomi, evaṃ taṃ assamaṃ abhiññatthāya vipassanābalassa anucchavikaṃ katvā māpesinti attho.

    สาฎกํ ปชหิํ ตตฺถ, นวโทสมุปาคตนฺติ เอตฺถายํ อนุปุพฺพิกถาฯ ตทา กิร กุฎิเลณจงฺกมาทิปฎิมณฺฑิตํ ปุปฺผูปคผลูปครุกฺขสญฺฉนฺนํ รมณียํ มธุรสลิลาสยํ อปคตวาฬมิคภิํสนกสกุณํ ปวิเวกกฺขมํ อสฺสมํ มาเปตฺวา อลงฺกตจงฺกมสฺส อุโภสุ อเนฺตสุ อาลมฺพนผลกํ สํวิธาย นิสีทนตฺถาย จงฺกมเวมเชฺฌ สมตลํ มุคฺควณฺณสิลํ มาเปตฺวา อโนฺต ปณฺณสาลาย ชฎามณฺฑลวากจีรติทณฺฑกุณฺฑิกาทิเก ตาปสปริกฺขาเร มณฺฑเป ปานียฆฎปานียสงฺขปานียสราวานิ, อคฺคิสาลายํ องฺคารกปลฺลทารุอาทีนีติ เอวํ ยํ ยํ ปพฺพชิตานํ อุปการาย สํวตฺตติ, ตํ สพฺพํ มาเปตฺวา ปณฺณสาลาย ภิตฺติยํ – ‘‘เย เกจิ ปพฺพชิตุกามา อิเม ปริกฺขาเร คเหตฺวา ปพฺพชนฺตู’’ติ อกฺขรานิ ฉินฺทิตฺวา เทวโลกเมว คเต วิสฺสกมฺมเทวปุเตฺต สุเมธปณฺฑิโต หิมวนฺตปาเท คิริกนฺทรานุสาเรน อตฺตโน นิวาสานุรูปํ ผาสุกฎฺฐานํ โอโลเกโนฺต นทีนิวตฺตเน วิสฺสกมฺมนิมฺมิตํ สกฺกทตฺติยํ รมณียํ อสฺสมํ ทิสฺวา จงฺกมนโกฎิํ คนฺตฺวา ปทวฬญฺชํ อปสฺสโนฺต ‘‘ธุวํ ปพฺพชิตา ธุรคาเม ภิกฺขํ ปริเยสิตฺวา กิลนฺตรูปา อาคนฺตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนา ภวิสฺสนฺตี’’ติ จิเนฺตตฺวา โถกํ อาคเมตฺวา ‘‘อติวิย จิรายนฺติ, ชานิสฺสามี’’ติ ปณฺณสาลทฺวารํ วิวริตฺวา อโนฺต ปวิสิตฺวา อิโต จิโต จ โอโลเกโนฺต มหาภิตฺติยํ อกฺขรานิ วาเจตฺวา ‘‘มยฺหํ กปฺปิยปริกฺขารา เอเต, อิเม คเหตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อตฺตนา นิวตฺถปารุตํ สาฎกยุคํ ปชหิฯ เตนาห ‘‘สาฎกํ ปชหิํ ตตฺถา’’ติฯ เอวํ ปวิโฎฺฐ อหํ, สาริปุตฺต, ตสฺสํ ปณฺณสาลายํ สาฎกํ ปชหิํฯ

    Sāṭakaṃ pajahiṃ tattha, navadosamupāgatanti etthāyaṃ anupubbikathā. Tadā kira kuṭileṇacaṅkamādipaṭimaṇḍitaṃ pupphūpagaphalūpagarukkhasañchannaṃ ramaṇīyaṃ madhurasalilāsayaṃ apagatavāḷamigabhiṃsanakasakuṇaṃ pavivekakkhamaṃ assamaṃ māpetvā alaṅkatacaṅkamassa ubhosu antesu ālambanaphalakaṃ saṃvidhāya nisīdanatthāya caṅkamavemajjhe samatalaṃ muggavaṇṇasilaṃ māpetvā anto paṇṇasālāya jaṭāmaṇḍalavākacīratidaṇḍakuṇḍikādike tāpasaparikkhāre maṇḍape pānīyaghaṭapānīyasaṅkhapānīyasarāvāni, aggisālāyaṃ aṅgārakapalladāruādīnīti evaṃ yaṃ yaṃ pabbajitānaṃ upakārāya saṃvattati, taṃ sabbaṃ māpetvā paṇṇasālāya bhittiyaṃ – ‘‘ye keci pabbajitukāmā ime parikkhāre gahetvā pabbajantū’’ti akkharāni chinditvā devalokameva gate vissakammadevaputte sumedhapaṇḍito himavantapāde girikandarānusārena attano nivāsānurūpaṃ phāsukaṭṭhānaṃ olokento nadīnivattane vissakammanimmitaṃ sakkadattiyaṃ ramaṇīyaṃ assamaṃ disvā caṅkamanakoṭiṃ gantvā padavaḷañjaṃ apassanto ‘‘dhuvaṃ pabbajitā dhuragāme bhikkhaṃ pariyesitvā kilantarūpā āgantvā paṇṇasālaṃ pavisitvā nisinnā bhavissantī’’ti cintetvā thokaṃ āgametvā ‘‘ativiya cirāyanti, jānissāmī’’ti paṇṇasāladvāraṃ vivaritvā anto pavisitvā ito cito ca olokento mahābhittiyaṃ akkharāni vācetvā ‘‘mayhaṃ kappiyaparikkhārā ete, ime gahetvā pabbajissāmī’’ti attanā nivatthapārutaṃ sāṭakayugaṃ pajahi. Tenāha ‘‘sāṭakaṃ pajahiṃ tatthā’’ti. Evaṃ paviṭṭho ahaṃ, sāriputta, tassaṃ paṇṇasālāyaṃ sāṭakaṃ pajahiṃ.

    นวโทสมุปาคตนฺติ สาฎกํ ปชหโนฺต นว โทเส ทิสฺวา ปชหินฺติ ทีเปติฯ ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตานญฺหิ สาฎกสฺมิํ นว โทสา อุปฎฺฐหนฺติฯ มหคฺฆภาโว เอโก โทโส, ปรปฎิพทฺธตาย อุปฺปชฺชนภาโว เอโก, ปริโภเคน ลหุํ กิลิสฺสนภาโว เอโก, กิลิโฎฺฐ หิ โธวิตโพฺพ จ รชิตโพฺพ จ โหติ, ปริโภเคน ชีรณภาโว เอโก, ชิณฺณสฺส หิ ตุนฺนํ วา อคฺคฬทานํ วา กาตพฺพํ โหติ, ปุน ปริเยสนาย ทุรภิสมฺภวภาโว เอโก, ตาปสปพฺพชฺชาย อสารุปฺปภาโว เอโก, ปจฺจตฺถิกานํ สาธารณภาโว เอโก, ยถา หิ นํ ปจฺจตฺถิกา น คณฺหนฺติ, เอวํ โคเปตโพฺพ โหติ, ปริภุญฺชนฺตสฺส วิภูสนฎฺฐานภาโว เอโก, คเหตฺวา วิจรนฺตสฺส ขนฺธภารมหิจฺฉภาโว เอโกติฯ

    Navadosamupāgatanti sāṭakaṃ pajahanto nava dose disvā pajahinti dīpeti. Tāpasapabbajjaṃ pabbajitānañhi sāṭakasmiṃ nava dosā upaṭṭhahanti. Mahagghabhāvo eko doso, parapaṭibaddhatāya uppajjanabhāvo eko, paribhogena lahuṃ kilissanabhāvo eko, kiliṭṭho hi dhovitabbo ca rajitabbo ca hoti, paribhogena jīraṇabhāvo eko, jiṇṇassa hi tunnaṃ vā aggaḷadānaṃ vā kātabbaṃ hoti, puna pariyesanāya durabhisambhavabhāvo eko, tāpasapabbajjāya asāruppabhāvo eko, paccatthikānaṃ sādhāraṇabhāvo eko, yathā hi naṃ paccatthikā na gaṇhanti, evaṃ gopetabbo hoti, paribhuñjantassa vibhūsanaṭṭhānabhāvo eko, gahetvā vicarantassa khandhabhāramahicchabhāvo ekoti.

    วากจีรํ นิวาเสสินฺติ ตทาหํ, สาริปุตฺต, อิเม นว โทเส ทิสฺวา สาฎกํ ปหาย วากจีรํ นิวาเสสิํ, มุญฺชติณํ หีรํ หีรํ กตฺวา คเนฺถตฺวา กตํ วากจีรํ นิวาสนปารุปนตฺถาย อาทิยินฺติ อโตฺถฯ

    Vākacīraṃ nivāsesinti tadāhaṃ, sāriputta, ime nava dose disvā sāṭakaṃ pahāya vākacīraṃ nivāsesiṃ, muñjatiṇaṃ hīraṃ hīraṃ katvā ganthetvā kataṃ vākacīraṃ nivāsanapārupanatthāya ādiyinti attho.

    ทฺวาทส คุณมุปาคตนฺติ ทฺวาทสหิ อานิสํเสหิ สมนฺนาคตํฯ วากจีรสฺมิญฺหิ ทฺวาทส อานิสํสา – อปฺปคฺฆํ สุนฺทรํ กปฺปิยนฺติ อยํ ตาว เอโก อานิสํโส, สหตฺถา กาตุํ สกฺกาติ อยํ ทุติโย, ปริโภเคน สณิกํ กิลิสฺสติ, โธวิยมาเนปิ ปปโญฺจ นตฺถีติ อยํ ตติโย, ปริโภเคน ชิเณฺณปิ สิพฺพิตพฺพาภาโว จตุโตฺถ, ปุน ปริเยสนฺตสฺส สุเขน กรณภาโว ปญฺจโม, ตาปสปพฺพชฺชาย สารุปฺปภาโว ฉโฎฺฐ, ปจฺจตฺถิกานํ นิรุปโภคภาโว สตฺตโม, ปริภุญฺชนฺตสฺส วิภูสนฎฺฐานาภาโว อฎฺฐโม, ธารเณ สลฺลหุกภาโว นวโม, จีวรปจฺจเย อปฺปิจฺฉภาโว ทสโม, วากุปฺปตฺติยา ธมฺมิกอนวชฺชภาโว เอกาทสโม, วากจีเร นเฎฺฐปิ อนเปกฺขภาโว ทฺวาทสโมติฯ

    Dvādasa guṇamupāgatanti dvādasahi ānisaṃsehi samannāgataṃ. Vākacīrasmiñhi dvādasa ānisaṃsā – appagghaṃ sundaraṃ kappiyanti ayaṃ tāva eko ānisaṃso, sahatthā kātuṃ sakkāti ayaṃ dutiyo, paribhogena saṇikaṃ kilissati, dhoviyamānepi papañco natthīti ayaṃ tatiyo, paribhogena jiṇṇepi sibbitabbābhāvo catuttho, puna pariyesantassa sukhena karaṇabhāvo pañcamo, tāpasapabbajjāya sāruppabhāvo chaṭṭho, paccatthikānaṃ nirupabhogabhāvo sattamo, paribhuñjantassa vibhūsanaṭṭhānābhāvo aṭṭhamo, dhāraṇe sallahukabhāvo navamo, cīvarapaccaye appicchabhāvo dasamo, vākuppattiyā dhammikaanavajjabhāvo ekādasamo, vākacīre naṭṭhepi anapekkhabhāvo dvādasamoti.

    อฎฺฐโทสสมากิณฺณํ, ปชหิํ ปณฺณสาลกนฺติ กถํ ปชหิํ? โส กิร วรสาฎกยุคํ โอมุญฺจโนฺต จีวรวํเส ลคฺคิตํ อโนชปุปฺผทามสทิสํ รตฺตํ วากจีรํ คเหตฺวา นิวาเสตฺวา ตสฺสูปริ อปรํ สุวณฺณวณฺณํ วากจีรํ ปริทหิตฺวา ปุนฺนาคปุปฺผสนฺถรสทิสํ สขุรํ อชินจมฺมํ เอกํสํ กตฺวา ชฎามณฺฑลํ ปฎิมุญฺจิตฺวา จูฬาย สทฺธิํ นิจฺจลภาวกรณตฺถํ สารสูจิํ ปเวเสตฺวา มุตฺตาชาลสทิสาย สิกฺกาย ปวาฬวณฺณํ กุณฺฑิกํ โอทหิตฺวา ตีสุ ฐาเนสุ วงฺกํ กาชํ อาทาย เอกิสฺสา กาชโกฎิยา กุณฺฑิกํ, เอกิสฺสา องฺกุสปจฺฉิติทณฺฑกาทีนิ โอลเคฺคตฺวา ขาริกาชํ อํเส กตฺวา ทกฺขิเณน หเตฺถน กตฺตรทณฺฑํ คเหตฺวา ปณฺณสาลโต นิกฺขมิตฺวา สฎฺฐิหเตฺถ มหาจงฺกเม อปราปรํ จงฺกมโนฺต อตฺตโน เวสํ โอโลเกตฺวา – ‘‘มยฺหํ มโนรโถ มตฺถกํ ปโตฺต, โสภติ วต เม ปพฺพชฺชา, พุทฺธปเจฺจกพุทฺธาทีหิ สเพฺพหิ ธีรปุริเสหิ วณฺณิตา โถมิตา อยํ ปพฺพชฺชา นาม, ปหีนํ เม คิหิพนฺธนํ, นิกฺขโนฺตสฺมิ เนกฺขมฺมํ, ลทฺธา เม อุตฺตมปพฺพชฺชา, กริสฺสามิ สมณธมฺมํ, ลภิสฺสามิ มคฺคผลสุข’’นฺติ อุสฺสาหชาโต ขาริกาชํ โอตาเรตฺวา จงฺกมเวมเชฺฌ มุคฺควณฺณสิลาปเฎฺฎ สุวณฺณปฎิมา วิย นิสิโนฺน ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมยํ ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา พิทลมญฺจกปเสฺส กฎฺฐตฺถริกาย นิปโนฺน สรีรํ อุตุํ คาหาเปตฺวา พลวปจฺจูเส ปพุชฺฌิตฺวา อตฺตโน อาคมนํ อาวเชฺชสิ – ‘‘อหํ ฆราวาเส อาทีนวํ ทิสฺวา อมิตโภคํ อนนฺตยสํ ปหาย อรญฺญํ ปวิสิตฺวา เนกฺขมฺมคเวสโก หุตฺวา ปพฺพชิโตฯ อิโต ทานิ ปฎฺฐาย ปมาทจารํ จริตุํ น วฎฺฎติ, ปวิเวกญฺหิ ปหาย วิจรนฺตํ มิจฺฉาวิตกฺกมกฺขิกา ขาทนฺติ, อิทานิ มยา วิเวกมนุพฺรูเหตุํ วฎฺฎติ, อหญฺหิ ฆราวาสํ ปลิโพธโต ทิสฺวา นิกฺขโนฺต, อยญฺจ มนาปา ปณฺณสาลา, เพลุวปกฺกวณฺณา ปริภณฺฑกตา ภูมิ, รชตวณฺณา เสตภิตฺติโย, กโปตปาทวณฺณํ ปณฺณจฺฉทนํ, วิจิตฺตตฺถรณวโณฺณ พิทลมญฺจโก, นิวาสผาสุกํ วสนฎฺฐานํ, น เอโตฺต อติเรกตรา วิย เม เคหสมฺปทา ปญฺญายตี’’ติ ปณฺณสาลาย โทเส วิจินโนฺต อฎฺฐ โทเส ปสฺสิฯ

    Aṭṭhadosasamākiṇṇaṃ, pajahiṃ paṇṇasālakanti kathaṃ pajahiṃ? So kira varasāṭakayugaṃ omuñcanto cīvaravaṃse laggitaṃ anojapupphadāmasadisaṃ rattaṃ vākacīraṃ gahetvā nivāsetvā tassūpari aparaṃ suvaṇṇavaṇṇaṃ vākacīraṃ paridahitvā punnāgapupphasantharasadisaṃ sakhuraṃ ajinacammaṃ ekaṃsaṃ katvā jaṭāmaṇḍalaṃ paṭimuñcitvā cūḷāya saddhiṃ niccalabhāvakaraṇatthaṃ sārasūciṃ pavesetvā muttājālasadisāya sikkāya pavāḷavaṇṇaṃ kuṇḍikaṃ odahitvā tīsu ṭhānesu vaṅkaṃ kājaṃ ādāya ekissā kājakoṭiyā kuṇḍikaṃ, ekissā aṅkusapacchitidaṇḍakādīni olaggetvā khārikājaṃ aṃse katvā dakkhiṇena hatthena kattaradaṇḍaṃ gahetvā paṇṇasālato nikkhamitvā saṭṭhihatthe mahācaṅkame aparāparaṃ caṅkamanto attano vesaṃ oloketvā – ‘‘mayhaṃ manoratho matthakaṃ patto, sobhati vata me pabbajjā, buddhapaccekabuddhādīhi sabbehi dhīrapurisehi vaṇṇitā thomitā ayaṃ pabbajjā nāma, pahīnaṃ me gihibandhanaṃ, nikkhantosmi nekkhammaṃ, laddhā me uttamapabbajjā, karissāmi samaṇadhammaṃ, labhissāmi maggaphalasukha’’nti ussāhajāto khārikājaṃ otāretvā caṅkamavemajjhe muggavaṇṇasilāpaṭṭe suvaṇṇapaṭimā viya nisinno divasabhāgaṃ vītināmetvā sāyanhasamayaṃ paṇṇasālaṃ pavisitvā bidalamañcakapasse kaṭṭhattharikāya nipanno sarīraṃ utuṃ gāhāpetvā balavapaccūse pabujjhitvā attano āgamanaṃ āvajjesi – ‘‘ahaṃ gharāvāse ādīnavaṃ disvā amitabhogaṃ anantayasaṃ pahāya araññaṃ pavisitvā nekkhammagavesako hutvā pabbajito. Ito dāni paṭṭhāya pamādacāraṃ carituṃ na vaṭṭati, pavivekañhi pahāya vicarantaṃ micchāvitakkamakkhikā khādanti, idāni mayā vivekamanubrūhetuṃ vaṭṭati, ahañhi gharāvāsaṃ palibodhato disvā nikkhanto, ayañca manāpā paṇṇasālā, beluvapakkavaṇṇā paribhaṇḍakatā bhūmi, rajatavaṇṇā setabhittiyo, kapotapādavaṇṇaṃ paṇṇacchadanaṃ, vicittattharaṇavaṇṇo bidalamañcako, nivāsaphāsukaṃ vasanaṭṭhānaṃ, na etto atirekatarā viya me gehasampadā paññāyatī’’ti paṇṇasālāya dose vicinanto aṭṭha dose passi.

    ปณฺณสาลปริโภคสฺมิญฺหิ อฎฺฐ อาทีนวา – มหาสมารเมฺภน ทพฺพสมฺภาเร สโมธาเนตฺวา กรณปริเยสนภาโว เอโก อาทีนโว, ติณปณฺณมตฺติกาสุ ปติตาสุ ตาสํ ปุนปฺปุนํ ฐเปตพฺพตาย นิพทฺธชคฺคนภาโว ทุติโย, เสนาสนํ นาม มหลฺลกสฺส ปาปุณาติ, อเวลาย วุฎฺฐาปิยมานสฺส จิเตฺตกคฺคตา น โหตีติ อุฎฺฐาปนียภาโว ตติโย, สีตุณฺหาทิปฎิฆาเตน กายสฺส สุขุมาลกรณภาโว จตุโตฺถ , เคหํ ปวิเฎฺฐน ยํกิญฺจิ ปาปํ สกฺกา กาตุนฺติ ครหาปฎิจฺฉาทนภาโว ปญฺจโม, ‘‘มยฺห’’นฺติ ปริคฺคหกรณภาโว ฉโฎฺฐ, เคหสฺส อตฺถิภาโว นาเมส สทุติยกวาโส วิยาติ สตฺตโม, อูกามงฺคุลฆรโคฬิกาทีนํ สาธารณตาย พหุสาธารณภาโว อฎฺฐโมฯ อิติ อิเม อฎฺฐ อาทีนเว ทิสฺวา มหาสโตฺต ปณฺณสาลํ ปชหิฯ เตนาห – ‘‘อฎฺฐโทสสมากิณฺณํ, ปชหิํ ปณฺณสาลก’’นฺติฯ

    Paṇṇasālaparibhogasmiñhi aṭṭha ādīnavā – mahāsamārambhena dabbasambhāre samodhānetvā karaṇapariyesanabhāvo eko ādīnavo, tiṇapaṇṇamattikāsu patitāsu tāsaṃ punappunaṃ ṭhapetabbatāya nibaddhajagganabhāvo dutiyo, senāsanaṃ nāma mahallakassa pāpuṇāti, avelāya vuṭṭhāpiyamānassa cittekaggatā na hotīti uṭṭhāpanīyabhāvo tatiyo, sītuṇhādipaṭighātena kāyassa sukhumālakaraṇabhāvo catuttho , gehaṃ paviṭṭhena yaṃkiñci pāpaṃ sakkā kātunti garahāpaṭicchādanabhāvo pañcamo, ‘‘mayha’’nti pariggahakaraṇabhāvo chaṭṭho, gehassa atthibhāvo nāmesa sadutiyakavāso viyāti sattamo, ūkāmaṅgulagharagoḷikādīnaṃ sādhāraṇatāya bahusādhāraṇabhāvo aṭṭhamo. Iti ime aṭṭha ādīnave disvā mahāsatto paṇṇasālaṃ pajahi. Tenāha – ‘‘aṭṭhadosasamākiṇṇaṃ, pajahiṃ paṇṇasālaka’’nti.

    อุปาคมิํ รุกฺขมูลํ, คุเณ ทสหุปาคตนฺติ ฉนฺนํ ปฎิกฺขิปิตฺวา ทสหิ คุเณหิ อุเปตํ รุกฺขมูลํ อุปคโตสฺมีติ วทติฯ ตตฺริเม ทส คุณา – อปฺปสมารมฺภตา เอโก คุโณ, อุปคมนมตฺตกเมว หิ ตตฺถ โหตีติฯ อปฺปฎิชคฺคนตา ทุติโย, ตญฺหิ สมฺมฎฺฐมฺปิ อสมฺมฎฺฐมฺปิ ปริโภคผาสุกํ โหติเยวฯ อนุฎฺฐาปนียภาโว ตติโยฯ ครหํ นปฺปฎิจฺฉาเทติ, ตตฺถ หิ ปาปํ กโรโนฺต ลชฺชตีติ ครหาย อปฺปฎิจฺฉนฺนภาโว จตุโตฺถฯ อโพฺภกาสวาโส วิย กายํ น สนฺถเมฺภตีติ กายสฺส อสนฺถมฺภนภาโว ปญฺจโม, ปริคฺคหกรณาภาโว ฉโฎฺฐ, เคหาลยปฎิเกฺขโป สตฺตโมฯ พหุสาธารเณ เคเห วิย ‘‘ปฎิชคฺคิสฺสามิ นํ, นิกฺขมถา’’ติ นีหรณกาภาโว อฎฺฐโม, วสนฺตสฺส สปฺปีติกภาโว นวโม, รุกฺขมูลเสนาสนสฺส คตคตฎฺฐาเน สุลภตาย อนเปกฺขภาโว ทสโมติ อิเม ทสคุเณ ทิสฺวา รุกฺขมูลํ อุปคโตสฺมีติ วทติฯ

    Upāgamiṃ rukkhamūlaṃ, guṇe dasahupāgatanti channaṃ paṭikkhipitvā dasahi guṇehi upetaṃ rukkhamūlaṃ upagatosmīti vadati. Tatrime dasa guṇā – appasamārambhatā eko guṇo, upagamanamattakameva hi tattha hotīti. Appaṭijagganatā dutiyo, tañhi sammaṭṭhampi asammaṭṭhampi paribhogaphāsukaṃ hotiyeva. Anuṭṭhāpanīyabhāvo tatiyo. Garahaṃ nappaṭicchādeti, tattha hi pāpaṃ karonto lajjatīti garahāya appaṭicchannabhāvo catuttho. Abbhokāsavāso viya kāyaṃ na santhambhetīti kāyassa asanthambhanabhāvo pañcamo, pariggahakaraṇābhāvo chaṭṭho, gehālayapaṭikkhepo sattamo. Bahusādhāraṇe gehe viya ‘‘paṭijaggissāmi naṃ, nikkhamathā’’ti nīharaṇakābhāvo aṭṭhamo, vasantassa sappītikabhāvo navamo, rukkhamūlasenāsanassa gatagataṭṭhāne sulabhatāya anapekkhabhāvo dasamoti ime dasaguṇe disvā rukkhamūlaṃ upagatosmīti vadati.

    อิมานิ หิ เอตฺตกานิ การณานิ สลฺลเกฺขตฺวา มหาสโตฺต ปุนทิวเส ภิกฺขาย คามํ ปาวิสิฯ อถสฺส สมฺปตฺตคาเม มนุสฺสา มหเนฺตน อุสฺสาเหน ภิกฺขํ อทํสุฯ โส ภตฺตกิจฺจํ นิฎฺฐาเปตฺวา อสฺสมํ อาคมฺม นิสีทิตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘นาหํ ‘อาหารํ ลภามี’ติ ปพฺพชิโต, สินิทฺธาหาโร นาเมส มานมทปุริสมเท วเฑฺฒติ, อาหารมูลกสฺส จ ทุกฺขสฺส อโนฺต นตฺถิ, ยํนูนาหํ วาปิตโรปิตธญฺญนิพฺพตฺตกํ อาหารํ ปชหิตฺวา ปวตฺตผลโภชโน ภเวยฺย’’นฺติฯ โส ตโต ปฎฺฐาย ตถา กตฺวา ฆเฎโนฺต วายมโนฺต สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว อฎฺฐ สมาปตฺติโย ปญฺจ จ อภิญฺญาโย นิพฺพเตฺตสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Imāni hi ettakāni kāraṇāni sallakkhetvā mahāsatto punadivase bhikkhāya gāmaṃ pāvisi. Athassa sampattagāme manussā mahantena ussāhena bhikkhaṃ adaṃsu. So bhattakiccaṃ niṭṭhāpetvā assamaṃ āgamma nisīditvā cintesi – ‘‘nāhaṃ ‘āhāraṃ labhāmī’ti pabbajito, siniddhāhāro nāmesa mānamadapurisamade vaḍḍheti, āhāramūlakassa ca dukkhassa anto natthi, yaṃnūnāhaṃ vāpitaropitadhaññanibbattakaṃ āhāraṃ pajahitvā pavattaphalabhojano bhaveyya’’nti. So tato paṭṭhāya tathā katvā ghaṭento vāyamanto sattāhabbhantareyeva aṭṭha samāpattiyo pañca ca abhiññāyo nibbattesi. Tena vuttaṃ –

    ‘‘วาปิตํ โรปิตํ ธญฺญํ, ปชหิํ นิรวเสสโต;

    ‘‘Vāpitaṃ ropitaṃ dhaññaṃ, pajahiṃ niravasesato;

    อเนกคุณสมฺปนฺนํ, ปวตฺตผลมาทิยิํฯ

    Anekaguṇasampannaṃ, pavattaphalamādiyiṃ.

    ‘‘ตตฺถปฺปธานํ ปทหิํ, นิสชฺชฎฺฐานจงฺกเม;

    ‘‘Tatthappadhānaṃ padahiṃ, nisajjaṭṭhānacaṅkame;

    อพฺภนฺตรมฺหิ สตฺตาเห, อภิญฺญาพล ปาปุณิ’’นฺติฯ

    Abbhantaramhi sattāhe, abhiññābala pāpuṇi’’nti.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact