Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / พุทฺธวํส-อฎฺฐกถา • Buddhavaṃsa-aṭṭhakathā

    ๒. สุเมธปตฺถนากถาวณฺณนา

    2. Sumedhapatthanākathāvaṇṇanā

    อิทานิ –

    Idāni –

    ๑-๒.

    1-2.

    ‘‘กเปฺป จ สตสหเสฺส, จตุโร จ อสงฺขิเย;

    ‘‘Kappe ca satasahasse, caturo ca asaṅkhiye;

    อมรํ นาม นครํ, ทสฺสเนยฺยํ มโนรม’’นฺติฯ –

    Amaraṃ nāma nagaraṃ, dassaneyyaṃ manorama’’nti. –

    อาทินยปฺปวตฺตาย พุทฺธวํสวณฺณนาย โอกาโส อนุปฺปโตฺตฯ สา ปเนสา พุทฺธวํสวณฺณนา ยสฺมา สุตฺตนิเกฺขปํ วิจาเรตฺวา วุจฺจมานา ปากฎา โหติ, ตสฺมา สุตฺตนิเกฺขปวิจารณา ตาว เวทิตพฺพาฯ จตฺตาโร หิ สุตฺตนิเกฺขปา อตฺตชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโย ปุจฺฉาวสิโก อฎฺฐุปฺปตฺติโกติฯ ตตฺถ ยานิ สุตฺตานิ ภควา ปเรหิ อนชฺฌิโฎฺฐ เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยน กเถสิฯ เสยฺยถิทํ – อากเงฺขยฺยสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๖๔ อาทโย) วตฺถสุตฺตนฺติ (ม. นิ. ๑.๗๐ อาทโย) เอวมาทีนิ, เตสํ อตฺตชฺฌาสโย นิเกฺขโปฯ

    Ādinayappavattāya buddhavaṃsavaṇṇanāya okāso anuppatto. Sā panesā buddhavaṃsavaṇṇanā yasmā suttanikkhepaṃ vicāretvā vuccamānā pākaṭā hoti, tasmā suttanikkhepavicāraṇā tāva veditabbā. Cattāro hi suttanikkhepā attajjhāsayo parajjhāsayo pucchāvasiko aṭṭhuppattikoti. Tattha yāni suttāni bhagavā parehi anajjhiṭṭho kevalaṃ attano ajjhāsayena kathesi. Seyyathidaṃ – ākaṅkheyyasuttaṃ (ma. ni. 1.64 ādayo) vatthasuttanti (ma. ni. 1.70 ādayo) evamādīni, tesaṃ attajjhāsayo nikkhepo.

    ยานิ วา ปน ‘‘ปริปกฺกา โข ราหุลสฺส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา, ยํนูนาหํ ราหุลํ อุตฺตริํ อาสวานํ ขเย วิเนยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๑๒๑) เอวํ ปเรสํ อชฺฌาสยํ ขนฺติํ มนํ พุชฺฌนกภาวญฺจ โอโลเกตฺวา ปรชฺฌาสยวเสน กถิตานิฯ เสยฺยถิทํ – ราหุโลวาทสุตฺตํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๓ อาทโย; ปฎิ. ม. ๒.๓๐) เอวมาทีนิ, เตสํ ปรชฺฌาสโย นิเกฺขโปฯ

    Yāni vā pana ‘‘paripakkā kho rāhulassa vimuttiparipācanīyā dhammā, yaṃnūnāhaṃ rāhulaṃ uttariṃ āsavānaṃ khaye vineyya’’nti (saṃ. ni. 4.121) evaṃ paresaṃ ajjhāsayaṃ khantiṃ manaṃ bujjhanakabhāvañca oloketvā parajjhāsayavasena kathitāni. Seyyathidaṃ – rāhulovādasuttaṃdhammacakkappavattanasuttanti (saṃ. ni. 5.1081; mahāva. 13 ādayo; paṭi. ma. 2.30) evamādīni, tesaṃ parajjhāsayo nikkhepo.

    ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เต เต เทวมนุสฺสา ปญฺหํ ปุจฺฉนฺติฯ เอวํ ปุเฎฺฐน ปน ภควตา ยานิ กถิตานิ เทวตาสํยุตฺต (สํ. นิ. ๑.๑ อาทโย) โพชฺฌงฺคสํยุตฺตาทีนิ (สํ. นิ. ๕.๑๘๒ อาทโย) เตสํ ปุจฺฉาวสิโก นิเกฺขโปฯ

    Bhagavantaṃ upasaṅkamitvā te te devamanussā pañhaṃ pucchanti. Evaṃ puṭṭhena pana bhagavatā yāni kathitāni devatāsaṃyutta (saṃ. ni. 1.1 ādayo) bojjhaṅgasaṃyuttādīni (saṃ. ni. 5.182 ādayo) tesaṃ pucchāvasiko nikkhepo.

    ยานิ วา ปน อุปฺปนฺนํ การณํ ปฎิจฺจ เทสิตานิ ธมฺมทายาท- (ม. นิ. ๑.๒๙ อาทโย) ปุตฺตมํสูปมาทีนิ (สํ. นิ. ๒.๖๓), เตสํ อฎฺฐุปฺปตฺติโก นิเกฺขโปฯ เอวเมเตสุ จตูสุ สุตฺตนิเกฺขเปสุ อิมสฺส พุทฺธวํสสฺส ปุจฺฉาวสิโก นิเกฺขโปฯ ปุจฺฉาวเสน หิ ภควตา อยํ นิกฺขิโตฺตฯ กสฺส ปุจฺฉาวเสน? อายสฺมโต สาริปุตฺตเตฺถรสฺสฯ วุตฺตเญฺหตํ อสฺมิํ นิทานสฺมิํ เอว –

    Yāni vā pana uppannaṃ kāraṇaṃ paṭicca desitāni dhammadāyāda- (ma. ni. 1.29 ādayo) puttamaṃsūpamādīni (saṃ. ni. 2.63), tesaṃ aṭṭhuppattiko nikkhepo. Evametesu catūsu suttanikkhepesu imassa buddhavaṃsassa pucchāvasiko nikkhepo. Pucchāvasena hi bhagavatā ayaṃ nikkhitto. Kassa pucchāvasena? Āyasmato sāriputtattherassa. Vuttañhetaṃ asmiṃ nidānasmiṃ eva –

    ‘‘สาริปุโตฺต มหาปโญฺญ, สมาธิชฺฌานโกวิโท;

    ‘‘Sāriputto mahāpañño, samādhijjhānakovido;

    ปญฺญาย ปารมิปฺปโตฺต, ปุจฺฉติ โลกนายกํ;

    Paññāya pāramippatto, pucchati lokanāyakaṃ;

    กีทิโส เต มหาวีร, อภินีหาโร นรุตฺตมา’’ติฯ (พุ. วํ. ๑.๗๔-๗๕) –

    Kīdiso te mahāvīra, abhinīhāro naruttamā’’ti. (bu. vaṃ. 1.74-75) –

    อาทิฯ เตเนสา พุทฺธวํสเทสนา ปุจฺฉาวสิกาติ เวทิตพฺพาฯ

    Ādi. Tenesā buddhavaṃsadesanā pucchāvasikāti veditabbā.

    ตตฺถ กเปฺป จ สตสหเสฺสติ เอตฺถ กปฺป-สโทฺท ปนายํ อภิสทฺทหนโวหารกาลปญฺญตฺติเฉทนวิกปฺปนเลสสมนฺตภาวอายุกปฺปมหากปฺปาทีสุ ทิสฺสติฯ ตถา หิ ‘‘โอกปฺปนียเมตํ โภโต โคตมสฺสฯ ยถา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) อภิสทฺทหเน ทิสฺสติฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปญฺจหิ สมณกเปฺปหิ ผลํ ปริภุญฺชิตุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๒๕๐) โวหาเรฯ ‘‘เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) กาเลฯ ‘‘อิจฺจายสฺมา กโปฺป’’ติ (สุ. นิ. ๑๐๙๘; จูฬนิ. กปฺปมาณวปุจฺฉา ๑๑๗; กปฺปมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๖๑) จ, ‘‘นิโคฺรธกโปฺป อิติ ตสฺส นามํ, ตยา กตํ ภควา พฺราหฺมณสฺสา’’ติ จ เอวมาทีสุ (สุ. นิ. ๓๔๖) ปญฺญตฺติยํฯ ‘‘อลงฺกโต กปฺปิตเกสมสฺสู’’ติ เอวมาทีสุ (ชา. ๒.๒๒.๑๓๖๘) เฉทเนฯ ‘‘กปฺปติ ทฺวงฺคุลกโปฺป’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๔๔๖) วิกเปฺปฯ ‘‘อตฺถิ กโปฺป นิปชฺชิตุ’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๘๐) เลเสฯ ‘‘เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา’’ติอาทีสุ สมนฺตภาเวฯ ‘‘ติฎฺฐตุ, ภเนฺต, ภควา กปฺปํ, ติฎฺฐตุ สุคโต กปฺป’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๑๗๘; อุทา. ๕๑) เอตฺถ อายุกเปฺปฯ ‘‘กีว ทีโฆ นุ โข, ภเนฺต, กโปฺป’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๘-๑๒๙) เอตฺถ มหากเปฺปฯ อาทิสเทฺทน ‘‘สตฺถุกเปฺปน วต กิร, โภ, มยํ สาวเกน สทฺธิํ มนฺตยมานา น ชานิมฺหา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๖๐) เอตฺถ ปฎิภาเคฯ ‘‘กโปฺป นโฎฺฐ โหติฯ กปฺปกโตกาโส ชิโณฺณ โหตี’’ติ (ปาจิ. ๓๗๑) เอตฺถ วินยกเปฺปฯ อิธ ปน มหากเปฺป ทฎฺฐโพฺพฯ ตสฺมา กเปฺป จ สตสหเสฺสติ มหากปฺปานํ สตสหสฺสานนฺติ อโตฺถ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๙; ๓.๒๗๕; สํ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๑; อ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓.๑๒๘; ขุ. ปา. อฎฺฐ. ๕.มงฺคลสุตฺต, เอวมิจฺจาทิปาฐวณฺณนา; สุ. นิ. อฎฺฐ. ๒.มงฺคลสุตฺตวณฺณนา; จริยา. อฎฺฐ. นิทานกถา.๑; จูฬนิ. อฎฺฐ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิเทฺทสวณฺณนา)ฯ จตุโร จ อสงฺขิเยติ ‘‘จตุนฺนํ อสเงฺขฺยยฺยานํ มตฺถเก’’ติ วจนเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสเงฺขฺยยฺยานํ มตฺถเกติ อโตฺถฯ อมรํ นาม นครนฺติ ‘‘อมร’’นฺติ จ ‘‘อมรวตี’’ติ จ ลทฺธนามํ นครํ อโหสิฯ เกจิ ปเนตฺถ อเญฺญนาปิ ปกาเรน วณฺณยนฺติ, กิํ เตหิ, นามมตฺตํ ปเนตํ ตสฺส นครสฺสฯ ทสฺสเนยฺยนฺติ สุวิภตฺตวิจิตฺร-จจฺจรทฺวาร-จตุกฺกสิงฺฆาฎิก-ปาการ-ปริเกฺขปปาสาท- หมฺมิย-ภวน-สมลงฺกตตฺตา ทสฺสนียํฯ มโนรมนฺติ สมสุจิปรมรมณียภูมิภาคตฺตา ฉายูทกสมฺปนฺนตฺตา สุลภาหารตฺตา สโพฺพปกรณยุตฺตตฺตา จ สมิทฺธตฺตา เทวมนุสฺสาทีนํ มโน รมยตีติ มโนรมํฯ

    Tattha kappe ca satasahasseti ettha kappa-saddo panāyaṃ abhisaddahanavohārakālapaññattichedanavikappanalesasamantabhāvaāyukappamahākappādīsu dissati. Tathā hi ‘‘okappanīyametaṃ bhoto gotamassa. Yathā taṃ arahato sammāsambuddhassā’’tiādīsu (ma. ni. 1.387) abhisaddahane dissati. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, pañcahi samaṇakappehi phalaṃ paribhuñjitu’’nti evamādīsu (cūḷava. 250) vohāre. ‘‘Yena sudaṃ niccakappaṃ viharāmī’’tiādīsu (ma. ni. 1.387) kāle. ‘‘Iccāyasmā kappo’’ti (su. ni. 1098; cūḷani. kappamāṇavapucchā 117; kappamāṇavapucchāniddesa 61) ca, ‘‘nigrodhakappo iti tassa nāmaṃ, tayā kataṃ bhagavā brāhmaṇassā’’ti ca evamādīsu (su. ni. 346) paññattiyaṃ. ‘‘Alaṅkato kappitakesamassū’’ti evamādīsu (jā. 2.22.1368) chedane. ‘‘Kappati dvaṅgulakappo’’tiādīsu (cūḷava. 446) vikappe. ‘‘Atthi kappo nipajjitu’’ntiādīsu (a. ni. 8.80) lese. ‘‘Kevalakappaṃ jetavanaṃ obhāsetvā’’tiādīsu samantabhāve. ‘‘Tiṭṭhatu, bhante, bhagavā kappaṃ, tiṭṭhatu sugato kappa’’nti (dī. ni. 2.178; udā. 51) ettha āyukappe. ‘‘Kīva dīgho nu kho, bhante, kappo’’ti (saṃ. ni. 2.128-129) ettha mahākappe. Ādisaddena ‘‘satthukappena vata kira, bho, mayaṃ sāvakena saddhiṃ mantayamānā na jānimhā’’ti (ma. ni. 1.260) ettha paṭibhāge. ‘‘Kappo naṭṭho hoti. Kappakatokāso jiṇṇo hotī’’ti (pāci. 371) ettha vinayakappe. Idha pana mahākappe daṭṭhabbo. Tasmā kappe ca satasahasseti mahākappānaṃ satasahassānanti attho (dī. ni. aṭṭha. 1.29; 3.275; saṃ. ni. aṭṭha. 1.1.1; a. ni. aṭṭha. 2.3.128; khu. pā. aṭṭha. 5.maṅgalasutta, evamiccādipāṭhavaṇṇanā; su. ni. aṭṭha. 2.maṅgalasuttavaṇṇanā; cariyā. aṭṭha. nidānakathā.1; cūḷani. aṭṭha. khaggavisāṇasuttaniddesavaṇṇanā). Caturo ca asaṅkhiyeti ‘‘catunnaṃ asaṅkhyeyyānaṃ matthake’’ti vacanaseso daṭṭhabbo. Kappasatasahassādhikānaṃ catunnaṃ asaṅkhyeyyānaṃ matthaketi attho. Amaraṃ nāma nagaranti ‘‘amara’’nti ca ‘‘amaravatī’’ti ca laddhanāmaṃ nagaraṃ ahosi. Keci panettha aññenāpi pakārena vaṇṇayanti, kiṃ tehi, nāmamattaṃ panetaṃ tassa nagarassa. Dassaneyyanti suvibhattavicitra-caccaradvāra-catukkasiṅghāṭika-pākāra-parikkhepapāsāda- hammiya-bhavana-samalaṅkatattā dassanīyaṃ. Manoramanti samasuciparamaramaṇīyabhūmibhāgattā chāyūdakasampannattā sulabhāhārattā sabbopakaraṇayuttattā ca samiddhattā devamanussādīnaṃ mano ramayatīti manoramaṃ.

    ทสหิ สเทฺทหิ อวิวิตฺตนฺติ หตฺถิสเทฺทน อสฺสสเทฺทน รถสเทฺทน เภริสเทฺทน สงฺขสเทฺทน มุทิงฺคสเทฺทน วีณาสเทฺทน คีตสเทฺทน สมฺมตาฬสเทฺทน ‘‘ภุญฺชถ ปิวถ ขาทถา’’ติ ทสเมน สเทฺทนาติ; อิเมหิ ทสหิ สเทฺทหิ อวิวิตฺตํ อโหสิ, สพฺพกาลํ อนุปมุสฺสวสมชฺชนาฎกา กีฬนฺตีติ อโตฺถฯ อนฺนปานสมายุตนฺติ อเนฺนน จตุพฺพิเธนาหาเรน จ ปาเนน จ สุฎฺฐุ อายุตํ อนฺนปานสมายุตํ, อิมินา สุภิกฺขตา ทสฺสิตา, พหุอนฺนปานสมายุตนฺติ อโตฺถฯ

    Dasahi saddehi avivittanti hatthisaddena assasaddena rathasaddena bherisaddena saṅkhasaddena mudiṅgasaddena vīṇāsaddena gītasaddena sammatāḷasaddena ‘‘bhuñjatha pivatha khādathā’’ti dasamena saddenāti; imehi dasahi saddehi avivittaṃ ahosi, sabbakālaṃ anupamussavasamajjanāṭakā kīḷantīti attho. Annapānasamāyutanti annena catubbidhenāhārena ca pānena ca suṭṭhu āyutaṃ annapānasamāyutaṃ, iminā subhikkhatā dassitā, bahuannapānasamāyutanti attho.

    อิทานิ เต ทส สเทฺท วตฺถุโต ทสฺสนตฺถํ –

    Idāni te dasa sadde vatthuto dassanatthaṃ –

    ‘‘หตฺถิสทฺทํ อสฺสสทฺทํ, เภริสงฺขรถานิ จ;

    ‘‘Hatthisaddaṃ assasaddaṃ, bherisaṅkharathāni ca;

    ขาทถ ปิวถ เจว, อนฺนปาเนน โฆสิต’’นฺติฯ – วุตฺตํ;

    Khādatha pivatha ceva, annapānena ghosita’’nti. – vuttaṃ;

    ตตฺถ หตฺถิสทฺทนฺติ หตฺถีนํ โกญฺจนาทสเทฺทน, กรณเตฺถ อุปโยควจนํ ทฎฺฐพฺพํฯ เอส นโย เสสปเทสุปิฯ เภริสงฺขรถานิ จาติ เภริสเทฺทน จ สงฺขสเทฺทน จ รถสเทฺทน จาติ อโตฺถฯ ลิงฺควิปริยาเสน วุตฺตํ, ‘ขาทถ ปิวถา’ติ เอวมาทินยปฺปวเตฺตน อนฺนปานปฎิสํยุเตฺตน โฆสิตํ อภินาทิตนฺติ อโตฺถฯ เอตฺถาห – เตสํ ปน สทฺทานํ เอกเทโสว ทสฺสิโต, น สกโลติ? น เอกเทโส สกโล ทสวิโธ ทสฺสิโตวฯ กถํ? เภริสเทฺทน มุทิงฺคสโทฺท สงฺคหิโต, สงฺขสเทฺทน วีณาคีตสมฺมตาฬสทฺทา สงฺคหิตาติ ทเสว ทสฺสิตาฯ

    Tattha hatthisaddanti hatthīnaṃ koñcanādasaddena, karaṇatthe upayogavacanaṃ daṭṭhabbaṃ. Esa nayo sesapadesupi. Bherisaṅkharathāni cāti bherisaddena ca saṅkhasaddena ca rathasaddena cāti attho. Liṅgavipariyāsena vuttaṃ, ‘khādatha pivathā’ti evamādinayappavattena annapānapaṭisaṃyuttena ghositaṃ abhināditanti attho. Etthāha – tesaṃ pana saddānaṃ ekadesova dassito, na sakaloti? Na ekadeso sakalo dasavidho dassitova. Kathaṃ? Bherisaddena mudiṅgasaddo saṅgahito, saṅkhasaddena vīṇāgītasammatāḷasaddā saṅgahitāti daseva dassitā.

    เอวํ เอเกน ปริยาเยน นครสมฺปตฺติํ วเณฺณตฺวา ปุน ตเมว ทเสฺสตุํ –

    Evaṃ ekena pariyāyena nagarasampattiṃ vaṇṇetvā puna tameva dassetuṃ –

    .

    3.

    ‘‘นครํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ, สพฺพกมฺมมุปาคตํ, สตฺตรตนสมฺปนฺนํ, นานาชนสมากุลํ;

    ‘‘Nagaraṃ sabbaṅgasampannaṃ, sabbakammamupāgataṃ, sattaratanasampannaṃ, nānājanasamākulaṃ;

    สมิทฺธํ เทวนครํว, อาวาสํ ปุญฺญกมฺมิน’’นฺติฯ – วุตฺตํ;

    Samiddhaṃ devanagaraṃva, āvāsaṃ puññakammina’’nti. – vuttaṃ;

    ตตฺถ สพฺพงฺคสมฺปนฺนนฺติ ปาการโคปุรฎฺฎาลกาทิสพฺพนคราวยวสมฺปนฺนํ, ปริปุณฺณสพฺพวิตฺตูปกรณธนธญฺญติณกโฎฺฐทกนฺติ วา อโตฺถฯ สพฺพกมฺมมุปาคตนฺติ สพฺพกมฺมเนฺตน อุปคตํ, สมุปคตสพฺพกมฺมนฺตนฺติ อโตฺถฯ สตฺตรตนสมฺปนฺนนฺติ ปริปุณฺณมุตฺตาทิสตฺตรตนํ, จกฺกวตฺตินิวาสภูมิโต วา หตฺถิรตนาทีหิ สตฺตรตเนหิ สมฺปนฺนํฯ นานาชนสมากุลนฺติ นานาวิธเทสภาเสหิ ชเนหิ สมากุลํฯ สมิทฺธนฺติ มนุโสฺสปโภคสโพฺพปกรเณหิ สมิทฺธํ ผีตํฯ เทวนครํ วาติ เทวนครํ วิย อาลกมนฺทา วิย อมรวตี สมิทฺธนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อาวาสํ ปุญฺญกมฺมินนฺติ อาวสนฺติ เอตฺถ ปุญฺญกมฺมิโน ชนาติ อาวาโสฯ ‘‘อาวาโส’’ติ วตฺตเพฺพ ‘‘อาวาส’’นฺติ ลิงฺคเภทํ กตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ปญฺญายติ เตนาติ ปุญฺญํ, กุลรูปมหาโภคิสฺสริยวเสน ปญฺญายตีติ อโตฺถฯ ปุนาตีติ วา ปุญฺญํฯ สพฺพกุสลมลรชาปวาหกตฺตา ปุญฺญํ กมฺมํ เยสํ อตฺถิ เต ปุญฺญกมฺมิโน, เตสํ ปุญฺญกมฺมินํ อาวาสภูตนฺติ อโตฺถฯ

    Tattha sabbaṅgasampannanti pākāragopuraṭṭālakādisabbanagarāvayavasampannaṃ, paripuṇṇasabbavittūpakaraṇadhanadhaññatiṇakaṭṭhodakanti vā attho. Sabbakammamupāgatanti sabbakammantena upagataṃ, samupagatasabbakammantanti attho. Sattaratanasampannanti paripuṇṇamuttādisattaratanaṃ, cakkavattinivāsabhūmito vā hatthiratanādīhi sattaratanehi sampannaṃ. Nānājanasamākulanti nānāvidhadesabhāsehi janehi samākulaṃ. Samiddhanti manussopabhogasabbopakaraṇehi samiddhaṃ phītaṃ. Devanagaraṃ vāti devanagaraṃ viya ālakamandā viya amaravatī samiddhanti vuttaṃ hoti. Āvāsaṃ puññakamminanti āvasanti ettha puññakammino janāti āvāso. ‘‘Āvāso’’ti vattabbe ‘‘āvāsa’’nti liṅgabhedaṃ katvā vuttanti veditabbaṃ. Paññāyati tenāti puññaṃ, kularūpamahābhogissariyavasena paññāyatīti attho. Punātīti vā puññaṃ. Sabbakusalamalarajāpavāhakattā puññaṃ kammaṃ yesaṃ atthi te puññakammino, tesaṃ puññakamminaṃ āvāsabhūtanti attho.

    ตตฺถ สุเมโธ นาม พฺราหฺมโณ ปฎิวสติ อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา กุลปริวฎฺฎา อกฺขิโตฺต อนุปกุโฎฺฐ ชาติวาเทน, อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต, โส ติณฺณํ เวทานํ ปารคู อโหสิ สนิฆณฺฑุเกฎุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปญฺจมานํ ปทโก เวยฺยากรโณ อนวโย โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุฯ ตสฺส ปน ทหรกาเลเยว มาตาปิตโร กาลมกํสุฯ อถสฺส ราสิวฑฺฒโก อมโจฺจ อายโปตฺถกํ อาหริตฺวา สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาทิวิวิธรตนภริเต คเพฺภ วิวริตฺวา – ‘‘เอตฺถกํ เต, กุมาร, มาตุ สนฺตกํ, เอตฺถกํ ปิตุ สนฺตกํ, เอตฺถกํ อยฺยกปยฺยกาน’’นฺติ ยาว สตฺตมา กุลปริวฎฺฎา ธนํ อาจิกฺขิตฺวา – ‘‘เอตํ ปฎิปชฺชาหี’’ติ นิยฺยาเตสิฯ โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ปุญฺญานิ กโรโนฺต อคารํ อชฺฌาวสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Tattha sumedho nāma brāhmaṇo paṭivasati ubhato sujāto mātito ca pitito ca, saṃsuddhagahaṇiko yāva sattamā kulaparivaṭṭā akkhitto anupakuṭṭho jātivādena, abhirūpo dassanīyo pāsādiko paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgato, so tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū ahosi sanighaṇḍukeṭubhānaṃ sākkharappabhedānaṃ itihāsapañcamānaṃ padako veyyākaraṇo anavayo lokāyatamahāpurisalakkhaṇesu. Tassa pana daharakāleyeva mātāpitaro kālamakaṃsu. Athassa rāsivaḍḍhako amacco āyapotthakaṃ āharitvā suvaṇṇarajatamaṇimuttādivividharatanabharite gabbhe vivaritvā – ‘‘etthakaṃ te, kumāra, mātu santakaṃ, etthakaṃ pitu santakaṃ, etthakaṃ ayyakapayyakāna’’nti yāva sattamā kulaparivaṭṭā dhanaṃ ācikkhitvā – ‘‘etaṃ paṭipajjāhī’’ti niyyātesi. So ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā puññāni karonto agāraṃ ajjhāvasi. Tena vuttaṃ –

    .

    4.

    ‘‘นคเร อมรวติยา, สุเมโธ นาม พฺราหฺมโณ;

    ‘‘Nagare amaravatiyā, sumedho nāma brāhmaṇo;

    อเนกโกฎิสนฺนิจโย, ปหูตธนธญฺญวาฯ

    Anekakoṭisannicayo, pahūtadhanadhaññavā.

    .

    5.

    ‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;

    ‘‘Ajjhāyako mantadharo, tiṇṇaṃ vedāna pāragū;

    ลกฺขเณ อิติหาเส จ, สธเมฺม ปารมิํ คโต’’ติฯ

    Lakkhaṇe itihāse ca, sadhamme pāramiṃ gato’’ti.

    ตตฺถ นคเร อมรวติยาติ อมรวตีสงฺขาเต นคเรฯ สุเมโธ นามาติ เอตฺถ ‘‘เมธา’’ติ ปญฺญา วุจฺจติฯ สา ตสฺส สุนฺทรา ปสตฺถาติ สุเมโธติ ปญฺญายิตฺถฯ พฺราหฺมโณติ พฺรหฺมํ อณติ สิกฺขตีติ พฺราหฺมโณ, มเนฺต สชฺฌายตีติ อโตฺถ ฯ อกฺขรจินฺตกา ปน ‘‘พฺรหฺมุโน อปจฺจํ พฺราหฺมโณ’’ติ วทนฺติฯ อริยา ปน พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมณาติฯ อเนกโกฎิสนฺนิจโยติ โกฎีนํ สนฺนิจโย โกฎิสนฺนิจโย, อเนโก โกฎิสนฺนิจโย ยสฺส โสยํ อเนกโกฎิสนฺนิจโย, อเนกโกฎิ ธนสนฺนิจโยติ อโตฺถฯ ปหูตธนธญฺญวาติ พหุลธนธญฺญวาฯ ปุริมํ ภูมิคตคพฺภคตธนธญฺญวเสน วุตฺตํ, อิทํ นิจฺจปริโภคูปคตธนธญฺญวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Tattha nagare amaravatiyāti amaravatīsaṅkhāte nagare. Sumedho nāmāti ettha ‘‘medhā’’ti paññā vuccati. Sā tassa sundarā pasatthāti sumedhoti paññāyittha. Brāhmaṇoti brahmaṃ aṇati sikkhatīti brāhmaṇo, mante sajjhāyatīti attho . Akkharacintakā pana ‘‘brahmuno apaccaṃ brāhmaṇo’’ti vadanti. Ariyā pana bāhitapāpattā brāhmaṇāti. Anekakoṭisannicayoti koṭīnaṃ sannicayo koṭisannicayo, aneko koṭisannicayo yassa soyaṃ anekakoṭisannicayo, anekakoṭi dhanasannicayoti attho. Pahūtadhanadhaññavāti bahuladhanadhaññavā. Purimaṃ bhūmigatagabbhagatadhanadhaññavasena vuttaṃ, idaṃ niccaparibhogūpagatadhanadhaññavasena vuttanti veditabbaṃ.

    อชฺฌายโกติ น ฌายตีติ อชฺฌายโก, ฌานภาวนารหิโตติ อโตฺถฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘น ทานิเม ฌายนฺตีติฯ น ทานิเม ฌายนฺตีติ โข, วาเสฎฺฐ, ‘อชฺฌายกา อชฺฌายกา’ เตฺวว ตติยํ อกฺขรํ อุปนิพฺพตฺต’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๓๒) เอวํ ปฐมกปฺปิกกาเล ฌานวิรหิตานํ พฺราหฺมณานํ ครหวจนํ อุปฺปนฺนํฯ อิทานิ มนฺตํ ฌายตีติ อชฺฌายโก, มเนฺต ปริวเตฺตตีติ อิมินา อเตฺถน ปสํสวจนํ กตฺวา โวหรนฺติฯ มเนฺต ธาเรตีติ มนฺตธโรติณฺณํ เวทานนฺติ อิรุเวทยชุเวทสามเวทานํ ติณฺณํ เวทานํฯ อยํ ปน เวท-สโทฺท ญาณโสมนสฺสคเนฺถสุ ทิสฺสติฯ ตถา เหส – ‘‘ยํ พฺราหฺมณํ เวทคุมาภิชญฺญา, อกิญฺจนํ กามภเว อสตฺต’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๐๖๕) ญาเณ ทิสฺสติฯ ‘‘เย เวทชาตา วิจรนฺติ โลเก’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๕๗) โสมนเสฺสฯ ‘‘ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฎุภาน’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๖) คเนฺถฯ อิธาปิ คเนฺถ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๗๕)ฯ ปารคูติ ติณฺณํ เวทานํ โอฎฺฐปหตกรณมเตฺตน ปารํ คโตติ ปารคูฯ ลกฺขเณติ อิตฺถิลกฺขณปุริสลกฺขณมหาปุริสลกฺขณาทิเก ลกฺขเณฯ อิติหาเสติ อิติห อาส, อิติห อาสาติ อีทิสวจนปฎิสํยุเตฺต ปุราณสงฺขาเต คนฺถวิเสเสฯ สธเมฺมติ พฺราหฺมณานํ สเก ธเมฺม, สเก อาจริยเก วาฯ ปารมิํ คโตติ ปารํ คโต, ทิสาปาโมโกฺข อาจริโย อโหสีติ อโตฺถฯ

    Ajjhāyakoti na jhāyatīti ajjhāyako, jhānabhāvanārahitoti attho. Vuttañhetaṃ – ‘‘na dānime jhāyantīti. Na dānime jhāyantīti kho, vāseṭṭha, ‘ajjhāyakā ajjhāyakā’ tveva tatiyaṃ akkharaṃ upanibbatta’’nti (dī. ni. 3.132) evaṃ paṭhamakappikakāle jhānavirahitānaṃ brāhmaṇānaṃ garahavacanaṃ uppannaṃ. Idāni mantaṃ jhāyatīti ajjhāyako, mante parivattetīti iminā atthena pasaṃsavacanaṃ katvā voharanti. Mante dhāretīti mantadharo. Tiṇṇaṃ vedānanti iruvedayajuvedasāmavedānaṃ tiṇṇaṃ vedānaṃ. Ayaṃ pana veda-saddo ñāṇasomanassaganthesu dissati. Tathā hesa – ‘‘yaṃ brāhmaṇaṃ vedagumābhijaññā, akiñcanaṃ kāmabhave asatta’’ntiādīsu (su. ni. 1065) ñāṇe dissati. ‘‘Ye vedajātā vicaranti loke’’tiādīsu (a. ni. 4.57) somanasse. ‘‘Tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū sanighaṇḍukeṭubhāna’’ntiādīsu (dī. ni. 1.256) ganthe. Idhāpi ganthe (ma. ni. aṭṭha. 1.75). Pāragūti tiṇṇaṃ vedānaṃ oṭṭhapahatakaraṇamattena pāraṃ gatoti pāragū. Lakkhaṇeti itthilakkhaṇapurisalakkhaṇamahāpurisalakkhaṇādike lakkhaṇe. Itihāseti itiha āsa, itiha āsāti īdisavacanapaṭisaṃyutte purāṇasaṅkhāte ganthavisese. Sadhammeti brāhmaṇānaṃ sake dhamme, sake ācariyake vā. Pāramiṃ gatoti pāraṃ gato, disāpāmokkho ācariyo ahosīti attho.

    อเถกทิวสํ โส ทสคุณคณาราธิตปณฺฑิโต สุเมธปณฺฑิโต อุปริปาสาทวรตเล รโหคโต หุตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสิโนฺน จิเนฺตสิ – ‘‘ปุนพฺภเว ปฎิสนฺธิคฺคหณํ นาม ทุกฺขํ, ตถา นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฎฺฐาเน สรีรเภทนํ, อหญฺจ ชาติธโมฺม, ชราธโมฺม, พฺยาธิธโมฺม, มรณธโมฺม, เอวํภูเตน มยา อชาติํ อชรํ อพฺยาธิํ อมรณํ สุขํ สิวํ นิพฺพานํ ปริเยสิตุํ วฎฺฎติ, อวสฺสํ ภวจารกโต มุจฺจิตฺวา นิพฺพานคามินา เอเกน มเคฺคน ภวิตพฺพ’’นฺติฯ เตน วุตฺตํ –

    Athekadivasaṃ so dasaguṇagaṇārādhitapaṇḍito sumedhapaṇḍito uparipāsādavaratale rahogato hutvā pallaṅkaṃ ābhujitvā nisinno cintesi – ‘‘punabbhave paṭisandhiggahaṇaṃ nāma dukkhaṃ, tathā nibbattanibbattaṭṭhāne sarīrabhedanaṃ, ahañca jātidhammo, jarādhammo, byādhidhammo, maraṇadhammo, evaṃbhūtena mayā ajātiṃ ajaraṃ abyādhiṃ amaraṇaṃ sukhaṃ sivaṃ nibbānaṃ pariyesituṃ vaṭṭati, avassaṃ bhavacārakato muccitvā nibbānagāminā ekena maggena bhavitabba’’nti. Tena vuttaṃ –

    .

    6.

    ‘‘รโหคโต นิสีทิตฺวา, เอวํ จิเนฺตสหํ ตทา;

    ‘‘Rahogato nisīditvā, evaṃ cintesahaṃ tadā;

    ทุโกฺข ปุนพฺภโว นาม, สรีรสฺส จ เภทนํฯ

    Dukkho punabbhavo nāma, sarīrassa ca bhedanaṃ.

    .

    7.

    ‘‘ชาติธโมฺม ชราธโมฺม, พฺยาธิธโมฺม สหํ ตทา;

    ‘‘Jātidhammo jarādhammo, byādhidhammo sahaṃ tadā;

    อชรํ อมรํ เขมํ, ปริเยสิสฺสามิ นิพฺพุติํฯ

    Ajaraṃ amaraṃ khemaṃ, pariyesissāmi nibbutiṃ.

    .

    8.

    ‘‘ยํนูนิมํ ปูติกายํ, นานากุณปปูริตํ;

    ‘‘Yaṃnūnimaṃ pūtikāyaṃ, nānākuṇapapūritaṃ;

    ฉฑฺฑยิตฺวาน คเจฺฉยฺยํ, อนเปโกฺข อนตฺถิโกฯ

    Chaḍḍayitvāna gaccheyyaṃ, anapekkho anatthiko.

    .

    9.

    ‘‘อตฺถิ เหหิติ โส มโคฺค, น โส สกฺกา น เหตุเย;

    ‘‘Atthi hehiti so maggo, na so sakkā na hetuye;

    ปริเยสิสฺสามิ ตํ มคฺคํ, ภวโต ปริมุตฺติยา’’ติฯ

    Pariyesissāmi taṃ maggaṃ, bhavato parimuttiyā’’ti.

    เอตฺถ ปน คาถาสมฺพนฺธญฺจ อนุตฺตานปทานมตฺถญฺจ วตฺวาว คมิสฺสามฯ ตตฺถ รโหคโตติ รหสิ คโต, รหสิ ฐาเน นิสิโนฺนฯ เอวํ จิเนฺตสหนฺติ เอวํ จิเนฺตสิํ อหํฯ เอวนฺติ อิมินา จินฺตนาการํ ทเสฺสติฯ ตทาติ ตสฺมิํ สุเมธปณฺฑิตกาเลฯ ‘‘เอวํ จิเนฺตสห’’นฺติ ภควา อิมินา อตฺตนา สทฺธิํ สุเมธปณฺฑิตํ เอกตฺตํ กโรติฯ ตสฺมา ตทา โส สุเมโธ อหเมวาติ ปกาเสโนฺต ‘‘เอวํ จิเนฺตสหํ ตทา’’ติ ภควา อุตฺตมปุริสวเสนาหฯ ชาติธโมฺมติ ชาติสภาโวฯ เอส นโย เสสปเทสุปิฯ นิพฺพุตินฺติ นิพฺพานํฯ

    Ettha pana gāthāsambandhañca anuttānapadānamatthañca vatvāva gamissāma. Tattha rahogatoti rahasi gato, rahasi ṭhāne nisinno. Evaṃ cintesahanti evaṃ cintesiṃ ahaṃ. Evanti iminā cintanākāraṃ dasseti. Tadāti tasmiṃ sumedhapaṇḍitakāle. ‘‘Evaṃ cintesaha’’nti bhagavā iminā attanā saddhiṃ sumedhapaṇḍitaṃ ekattaṃ karoti. Tasmā tadā so sumedho ahamevāti pakāsento ‘‘evaṃ cintesahaṃ tadā’’ti bhagavā uttamapurisavasenāha. Jātidhammoti jātisabhāvo. Esa nayo sesapadesupi. Nibbutinti nibbānaṃ.

    ยํนูนาติ ปริวิตกฺกนเตฺถ นิปาโต, ยทิ ปนาหนฺติ อโตฺถฯ ปูติกายนฺติ ปูติภูตํ กายํฯ นานากุณปปูริตนฺติ มุตฺต-กรีส-ปุพฺพโลหิต-ปิตฺต-เสมฺห-เขฬสิงฺฆาณิกาทิอเนกกุณปปูริตํฯ อนเปโกฺขติ อนาลโยฯ อตฺถีติ อวสฺสํ อุปลพฺภติฯ เหหิตีติ ภวิสฺสติ, ปริวิตกฺกนวจนมิทํฯ น โส สกฺกา น เหตุเยติ เตน มเคฺคน น สกฺกา น ภวิตุํฯ โส ปน มโคฺค เหตุเยติ เหตุภาวาย น น โหติ, เหตุเยวาติ อโตฺถฯ ภวโต ปริมุตฺติยาติ ภวพนฺธนวิมุตฺติยาติ อโตฺถฯ

    Yaṃnūnāti parivitakkanatthe nipāto, yadi panāhanti attho. Pūtikāyanti pūtibhūtaṃ kāyaṃ. Nānākuṇapapūritanti mutta-karīsa-pubbalohita-pitta-semha-kheḷasiṅghāṇikādianekakuṇapapūritaṃ. Anapekkhoti anālayo. Atthīti avassaṃ upalabbhati. Hehitīti bhavissati, parivitakkanavacanamidaṃ. Na so sakkā na hetuyeti tena maggena na sakkā na bhavituṃ. So pana maggo hetuyeti hetubhāvāya na na hoti, hetuyevāti attho. Bhavato parimuttiyāti bhavabandhanavimuttiyāti attho.

    อิทานิ อตฺตนา ปริวิตกฺกิตมตฺถํ สมฺปาทยิตุํ ‘‘ยถาปี’’ติ อาทิมาหฯ ยถา หิ โลเก ทุกฺขสฺส ปฎิปกฺขภูตํ สุขํ นาม อตฺถิ, เอวํ ภเว สติ ตปฺปฎิปเกฺขน วิภเวนาปิ ภวิตพฺพํ , ยถา จ อุเณฺห สติ ตสฺส วูปสมภูตํ สีตลมฺปิ อตฺถิ, เอวํ ราคาทิอคฺคีนํ วูปสเมน นิพฺพาเนน ภวิตพฺพํฯ ยถา จ ปาปสฺส ลามกสฺส ธมฺมสฺส ปฎิปกฺขภูโต กลฺยาโณ อนวชฺชธโมฺมปิ อตฺถิเยว, เอวเมว ปาปิกาย ชาติยา สติ สพฺพชาติเขปนโต อชาติสงฺขาเตน นิพฺพาเนนาปิ ภวิตพฺพเมวาติฯ เตน วุตฺตํ –

    Idāni attanā parivitakkitamatthaṃ sampādayituṃ ‘‘yathāpī’’ti ādimāha. Yathā hi loke dukkhassa paṭipakkhabhūtaṃ sukhaṃ nāma atthi, evaṃ bhave sati tappaṭipakkhena vibhavenāpi bhavitabbaṃ , yathā ca uṇhe sati tassa vūpasamabhūtaṃ sītalampi atthi, evaṃ rāgādiaggīnaṃ vūpasamena nibbānena bhavitabbaṃ. Yathā ca pāpassa lāmakassa dhammassa paṭipakkhabhūto kalyāṇo anavajjadhammopi atthiyeva, evameva pāpikāya jātiyā sati sabbajātikhepanato ajātisaṅkhātena nibbānenāpi bhavitabbamevāti. Tena vuttaṃ –

    ๑๐.

    10.

    ‘‘ยถาปิ ทุเกฺข วิชฺชเนฺต, สุขํ นามปิ วิชฺชติ;

    ‘‘Yathāpi dukkhe vijjante, sukhaṃ nāmapi vijjati;

    เอวํ ภเว วิชฺชมาเน, วิภโวปิจฺฉิตพฺพโกฯ

    Evaṃ bhave vijjamāne, vibhavopicchitabbako.

    ๑๑.

    11.

    ‘‘ยถาปิ อุเณฺห วิชฺชเนฺต, อปรํ วิชฺชติ สีตลํ;

    ‘‘Yathāpi uṇhe vijjante, aparaṃ vijjati sītalaṃ;

    เอวํ ติวิธคฺคิ วิชฺชเนฺต, นิพฺพานํ อิจฺฉิตพฺพกํฯ

    Evaṃ tividhaggi vijjante, nibbānaṃ icchitabbakaṃ.

    ๑๒.

    12.

    ‘‘ยถาปิ ปาเป วิชฺชเนฺต, กลฺยาณมปิ วิชฺชติ;

    ‘‘Yathāpi pāpe vijjante, kalyāṇamapi vijjati;

    เอวเมว ชาติ วิชฺชเนฺต, อชาติปิจฺฉิตพฺพก’’นฺติฯ

    Evameva jāti vijjante, ajātipicchitabbaka’’nti.

    ตตฺถ ยถาปีติ โอปมฺมเตฺถ นิปาโตฯ สุขนฺติ กายิกเจตสิกสุขํ, สุฎฺฐุ ทุกฺขํ ขณตีติ สุขํฯ ภเวติ ชนเนฯ วิภโวติ อชนนํ, ชนเน วิชฺชมาเน อชนนธโมฺมปิ อิจฺฉิตโพฺพฯ ติวิธคฺคิ วิชฺชเนฺตติ ติวิเธ ราคาทิเก อคฺคิมฺหิ วิชฺชมาเนติ อโตฺถฯ นิพฺพานนฺติ ตสฺส ติวิธสฺส ราคาทิอคฺคิสฺส นิพฺพาปนํ อุปสมนํ นิพฺพานญฺจ อิจฺฉิตพฺพํฯ ปาเปติ อกุสเล ลามเกฯ กลฺยาณมปีติ กุสลมปิฯ เอวเมวาติ เอวเมวํฯ ชาติ วิชฺชเนฺตติ ชาติยา วิชฺชมานายาติ อโตฺถฯ ลิงฺคเภทญฺจ วิภตฺติโลปญฺจ กตฺวา วุตฺตํฯ อชาติปีติ ชาติเขปนํ อชาตินิพฺพานมฺปิ อิจฺฉิตพฺพํฯ

    Tattha yathāpīti opammatthe nipāto. Sukhanti kāyikacetasikasukhaṃ, suṭṭhu dukkhaṃ khaṇatīti sukhaṃ. Bhaveti janane. Vibhavoti ajananaṃ, janane vijjamāne ajananadhammopi icchitabbo. Tividhaggi vijjanteti tividhe rāgādike aggimhi vijjamāneti attho. Nibbānanti tassa tividhassa rāgādiaggissa nibbāpanaṃ upasamanaṃ nibbānañca icchitabbaṃ. Pāpeti akusale lāmake. Kalyāṇamapīti kusalamapi. Evamevāti evamevaṃ. Jāti vijjanteti jātiyā vijjamānāyāti attho. Liṅgabhedañca vibhattilopañca katvā vuttaṃ. Ajātipīti jātikhepanaṃ ajātinibbānampi icchitabbaṃ.

    อถาหํ ปรมฺปิ จิเนฺตสิํ – ‘‘ยถา นาม คูถราสิมฺหิ นิมุเคฺคน ปุริเสน ทูรโตว กมลกุวลยปุณฺฑรีกสณฺฑมณฺฑิตํ วิมลสลิลํ ตฬากํ ทิสฺวา – ‘กตเรน นุ โข มเคฺคน ตตฺถ คนฺตพฺพ’นฺติ ตฬากํ คเวสิตุํ ยุตฺตํฯ ยํ ตสฺส อคเวสนํ, น โส ตสฺส ตฬากสฺส โทโส, ตสฺส ปุริสเสฺสว โทโสฯ เอวเมว กิเลสมลโธวเน อมตมหาตฬาเก วิชฺชมาเน ยํ ตสฺส อคเวสนํ, น โส อมตสงฺขาตสฺส นิพฺพานมหาตฬากสฺส โทโส, ปุริสเสฺสว โทโสฯ ยถา ปน โจเรหิ สํปริวาริโต ปุริโส ปลายนมเคฺค วิชฺชมาเนปิ สเจ โส น ปลายติ, น โส ตสฺส มคฺคสฺส โทโส, ตสฺส ปุริสเสฺสว โทโสฯ เอวเมว กิเลสโจเรหิ ปริวาเรตฺวา คหิตสฺส ปุริสสฺส วิชฺชมาเนเยว นิพฺพานมหานครคามิมฺหิ สิเว มหามเคฺค ตสฺส มคฺคสฺส อคเวสนํ นาม น มคฺคสฺส โทโส, ปุริสเสฺสว โทโสฯ ยถา พฺยาธิปีฬิโต ปุริโส วิชฺชมาเน พฺยาธิติกิจฺฉเก เวเชฺช สเจ ตํ เวชฺชํ คเวสิตฺวา ตํ พฺยาธิํ น ติกิจฺฉาเปติ, น โส เวชฺชสฺส โทโส, ตสฺส ปุริสเสฺสว โทโสฯ เอวเมว ปน โย กิเลสพฺยาธิปริปีฬิโต กิเลสวูปสมมคฺคโกวิทํ วิชฺชมานเมว อาจริยํ น คเวสติ, ตเสฺสว โทโส, น กิเลสพฺยาธิวินายกสฺส อาจริยสฺส โทโส’’ติฯ เตน วุตฺตํ –

    Athāhaṃ parampi cintesiṃ – ‘‘yathā nāma gūtharāsimhi nimuggena purisena dūratova kamalakuvalayapuṇḍarīkasaṇḍamaṇḍitaṃ vimalasalilaṃ taḷākaṃ disvā – ‘katarena nu kho maggena tattha gantabba’nti taḷākaṃ gavesituṃ yuttaṃ. Yaṃ tassa agavesanaṃ, na so tassa taḷākassa doso, tassa purisasseva doso. Evameva kilesamaladhovane amatamahātaḷāke vijjamāne yaṃ tassa agavesanaṃ, na so amatasaṅkhātassa nibbānamahātaḷākassa doso, purisasseva doso. Yathā pana corehi saṃparivārito puriso palāyanamagge vijjamānepi sace so na palāyati, na so tassa maggassa doso, tassa purisasseva doso. Evameva kilesacorehi parivāretvā gahitassa purisassa vijjamāneyeva nibbānamahānagaragāmimhi sive mahāmagge tassa maggassa agavesanaṃ nāma na maggassa doso, purisasseva doso. Yathā byādhipīḷito puriso vijjamāne byādhitikicchake vejje sace taṃ vejjaṃ gavesitvā taṃ byādhiṃ na tikicchāpeti, na so vejjassa doso, tassa purisasseva doso. Evameva pana yo kilesabyādhiparipīḷito kilesavūpasamamaggakovidaṃ vijjamānameva ācariyaṃ na gavesati, tasseva doso, na kilesabyādhivināyakassa ācariyassa doso’’ti. Tena vuttaṃ –

    ๑๓.

    13.

    ‘‘ยถา คูถคโต ปุริโส, ตฬากํ ทิสฺวาน ปูริตํ;

    ‘‘Yathā gūthagato puriso, taḷākaṃ disvāna pūritaṃ;

    น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส ตฬากสฺส โสฯ

    Na gavesati taṃ taḷākaṃ, na doso taḷākassa so.

    ๑๔.

    14.

    ‘‘เอวํ กิเลสมลโธวํ, วิชฺชเนฺต อมตนฺตเฬ;

    ‘‘Evaṃ kilesamaladhovaṃ, vijjante amatantaḷe;

    น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส อมตนฺตเฬฯ

    Na gavesati taṃ taḷākaṃ, na doso amatantaḷe.

    ๑๕.

    15.

    ‘‘ยถา อรีหิ ปริรุโทฺธ, วิชฺชเนฺต คมนมฺปเถ;

    ‘‘Yathā arīhi pariruddho, vijjante gamanampathe;

    น ปลายติ โส ปุริโส, น โทโส อญฺชสสฺส โสฯ

    Na palāyati so puriso, na doso añjasassa so.

    ๑๖.

    16.

    ‘‘เอวํ กิเลสปริรุโทฺธ, วิชฺชมาเน สิเว ปเถ;

    ‘‘Evaṃ kilesapariruddho, vijjamāne sive pathe;

    น คเวสติ ตํ มคฺคํ, น โทโส สิวมญฺชเสฯ

    Na gavesati taṃ maggaṃ, na doso sivamañjase.

    ๑๗.

    17.

    ‘‘ยถาปิ พฺยาธิโต ปุริโส, วิชฺชมาเน ติกิจฺฉเก;

    ‘‘Yathāpi byādhito puriso, vijjamāne tikicchake;

    น ติกิจฺฉาเปติ ตํ พฺยาธิํ, น โทโส โส ติกิจฺฉเกฯ

    Na tikicchāpeti taṃ byādhiṃ, na doso so tikicchake.

    ๑๘.

    18.

    ‘‘เอวํ กิเลสพฺยาธีหิ, ทุกฺขิโต ปติปีฬิโต;

    ‘‘Evaṃ kilesabyādhīhi, dukkhito patipīḷito;

    น คเวสติ ตํ อาจริยํ, น โทโส โส วินายเก’’ติฯ

    Na gavesati taṃ ācariyaṃ, na doso so vināyake’’ti.

    ตตฺถ คูถคโตติ คูถกูปคโต, คูเถน คโต มกฺขิโต วาฯ กิเลสมลโธวนฺติ กิเลสมลโสธเน, ภุมฺมเตฺถ ปจฺจตฺตวจนํฯ อมตนฺตเฬติ อมตสงฺขาตสฺส ตฬากสฺส, สามิอเตฺถ ภุมฺมวจนํ ทฎฺฐพฺพํ, อนุสฺสรํ ปกฺขิปิตฺวา วุตฺตํฯ อรีหีติ ปจฺจตฺถิเกหิฯ ปริรุโทฺธติ สมนฺตโต นิรุโทฺธฯ คมนมฺปเถติ คมนปเถฯ ฉนฺทาวินาสตฺถํ อนุสฺสราคมนํ กตฺวา วุตฺตํฯ น ปลายตีติ ยทิ น ปลาเยยฺยฯ โส ปุริโสติ โส โจเรหิ ปริรุโทฺธ ปุริโสฯ อญฺชสสฺสาติ มคฺคสฺสฯ มคฺคสฺส หิ –

    Tattha gūthagatoti gūthakūpagato, gūthena gato makkhito vā. Kilesamaladhovanti kilesamalasodhane, bhummatthe paccattavacanaṃ. Amatantaḷeti amatasaṅkhātassa taḷākassa, sāmiatthe bhummavacanaṃ daṭṭhabbaṃ, anussaraṃ pakkhipitvā vuttaṃ. Arīhīti paccatthikehi. Pariruddhoti samantato niruddho. Gamanampatheti gamanapathe. Chandāvināsatthaṃ anussarāgamanaṃ katvā vuttaṃ. Na palāyatīti yadi na palāyeyya. So purisoti so corehi pariruddho puriso. Añjasassāti maggassa. Maggassa hi –

    ‘‘มโคฺค ปโนฺถ ปโถ ปโชฺช, อญฺชสํ วฎุมายนํ;

    ‘‘Maggo pantho patho pajjo, añjasaṃ vaṭumāyanaṃ;

    นาวา อุตฺตรเสตุ จ, กุโลฺล จ ภิสิ สงฺกโม’’ติฯ (จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิเทฺทส ๑๐๑) –

    Nāvā uttarasetu ca, kullo ca bhisi saṅkamo’’ti. (cūḷani. pārāyanatthutigāthāniddesa 101) –

    พหูนิ นามานิฯ สฺวายมิธ อญฺชสนาเมน วุโตฺตฯ สิเวติ สพฺพุปทฺทวาภาวโต สิเวฯ สิวมญฺชเสติ สิวสฺส อญฺชสสฺสาติ อโตฺถฯ ติกิจฺฉเกติ เวเชฺชฯ น ติกิจฺฉาเปตีติ น ติกิจฺฉาเปยฺยฯ น โทโส โส ติกิจฺฉเกติ ติกิจฺฉกสฺส โทโส นตฺถิ, พฺยาธิตเสฺสว โทโสติ อโตฺถฯ ทุกฺขิโตติ สญฺชาตกายิกเจตสิกทุโกฺขฯ อาจริยนฺติ โมกฺขมคฺคาจริยํฯ วินายเกติ อาจริยสฺสฯ

    Bahūni nāmāni. Svāyamidha añjasanāmena vutto. Siveti sabbupaddavābhāvato sive. Sivamañjaseti sivassa añjasassāti attho. Tikicchaketi vejje. Na tikicchāpetīti na tikicchāpeyya. Na doso so tikicchaketi tikicchakassa doso natthi, byādhitasseva dosoti attho. Dukkhitoti sañjātakāyikacetasikadukkho. Ācariyanti mokkhamaggācariyaṃ. Vināyaketi ācariyassa.

    เอวํ ปนาหํ จิเนฺตตฺวา อุตฺตริมฺปิ เอวํ จิเนฺตสิํ – ‘‘ยถาปิ มณฺฑนกชาติโก ปุริโส กเณฺฐ อาสตฺตํ กุณปํ ฉเฑฺฑตฺวา สุขี คเจฺฉยฺย, เอวํ มยาปิ อิมํ ปูติกายํ ฉเฑฺฑตฺวา อนเปเกฺขน นิพฺพานมหานครํ ปวิสิตพฺพํฯ ยถา จ นรนาริโย อุกฺการภูมิยํ อุจฺจารปสฺสาวํ กตฺวา น ตํ อุจฺฉเงฺคน วา อาทาย ทสเนฺต วา เวเฐตฺวา อาทาย คจฺฉนฺติ, อถ โข ชิคุจฺฉมานา โอโลเกตุมฺปิ อนิจฺฉนฺตา อนเปกฺขา ฉเฑฺฑตฺวา คจฺฉนฺติ, เอวํ มยาปิ อิมํ ปูติกายํ อนเปเกฺขน ฉเฑฺฑตฺวา อมตํ นิพฺพานนครํ ปวิสิตุํ วฎฺฎติฯ ยถา จ นาวิกา นาม ชชฺชรํ นาวํ อุทกคาหินิํ ฉเฑฺฑตฺวา อนเปกฺขาว คจฺฉนฺติ, เอวมหมฺปิ อิมํ นวหิ วณมุเขหิ ปคฺฆรนฺตํ กายํ ฉเฑฺฑตฺวา อนเปโกฺข นิพฺพานมหานครํ ปวิสิสฺสามิ ฯ ยถา จ โกจิ ปุริโส มุตฺตามณิเวฬุริยาทีนิ นานาวิธานิ รตนานิ อาทาย โจเรหิ สทฺธิํ มคฺคํ คจฺฉโนฺต อตฺตโน รตนวินาสภเยน เต โจเร ฉเฑฺฑตฺวา เขมํ มคฺคํ คณฺหาติ, เอวมยมฺปิ ปูติกาโย รตนวิโลปกโจรสทิโสฯ สจาหํ เอตฺถ ตณฺหํ กริสฺสามิ, อริยมคฺคกุสลธมฺมรตนานิ เม นสฺสิสฺสนฺติ, ตสฺมา มยา อิมํ มหาโจรสทิสํ กรชกายํ ฉเฑฺฑตฺวา นิพฺพานมหานครํ ปวิสิตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ เตน วุตฺตํ –

    Evaṃ panāhaṃ cintetvā uttarimpi evaṃ cintesiṃ – ‘‘yathāpi maṇḍanakajātiko puriso kaṇṭhe āsattaṃ kuṇapaṃ chaḍḍetvā sukhī gaccheyya, evaṃ mayāpi imaṃ pūtikāyaṃ chaḍḍetvā anapekkhena nibbānamahānagaraṃ pavisitabbaṃ. Yathā ca naranāriyo ukkārabhūmiyaṃ uccārapassāvaṃ katvā na taṃ ucchaṅgena vā ādāya dasante vā veṭhetvā ādāya gacchanti, atha kho jigucchamānā oloketumpi anicchantā anapekkhā chaḍḍetvā gacchanti, evaṃ mayāpi imaṃ pūtikāyaṃ anapekkhena chaḍḍetvā amataṃ nibbānanagaraṃ pavisituṃ vaṭṭati. Yathā ca nāvikā nāma jajjaraṃ nāvaṃ udakagāhiniṃ chaḍḍetvā anapekkhāva gacchanti, evamahampi imaṃ navahi vaṇamukhehi paggharantaṃ kāyaṃ chaḍḍetvā anapekkho nibbānamahānagaraṃ pavisissāmi . Yathā ca koci puriso muttāmaṇiveḷuriyādīni nānāvidhāni ratanāni ādāya corehi saddhiṃ maggaṃ gacchanto attano ratanavināsabhayena te core chaḍḍetvā khemaṃ maggaṃ gaṇhāti, evamayampi pūtikāyo ratanavilopakacorasadiso. Sacāhaṃ ettha taṇhaṃ karissāmi, ariyamaggakusaladhammaratanāni me nassissanti, tasmā mayā imaṃ mahācorasadisaṃ karajakāyaṃ chaḍḍetvā nibbānamahānagaraṃ pavisituṃ vaṭṭatī’’ti. Tena vuttaṃ –

    ๑๙.

    19.

    ‘‘ยถาปิ กุณปํ ปุริโส, กเณฺฐ พทฺธํ ชิคุจฺฉิย;

    ‘‘Yathāpi kuṇapaṃ puriso, kaṇṭhe baddhaṃ jigucchiya;

    โมจยิตฺวาน คเจฺฉยฺย, สุขี เสรี สยํวสีฯ

    Mocayitvāna gaccheyya, sukhī serī sayaṃvasī.

    ๒๐.

    20.

    ‘‘ตเถวิมํ ปูติกายํ, นานากุณปสญฺจยํ;

    ‘‘Tathevimaṃ pūtikāyaṃ, nānākuṇapasañcayaṃ;

    ฉฑฺฑยิตฺวาน คเจฺฉยฺยํ, อนเปโกฺข อนตฺถิโกฯ

    Chaḍḍayitvāna gaccheyyaṃ, anapekkho anatthiko.

    ๒๑.

    21.

    ‘‘ยถา อุจฺจารฎฺฐานมฺหิ, กรีสํ นรนาริโย;

    ‘‘Yathā uccāraṭṭhānamhi, karīsaṃ naranāriyo;

    ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉนฺติ, อนเปกฺขา อนตฺถิกาฯ

    Chaḍḍayitvāna gacchanti, anapekkhā anatthikā.

    ๒๒.

    22.

    ‘‘เอวเมวาหํ อิมํ กายํ, นานากุณปปูริตํ;

    ‘‘Evamevāhaṃ imaṃ kāyaṃ, nānākuṇapapūritaṃ;

    ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉิสฺสํ, วจฺจํ กตฺวา ยถา กุฎิํฯ

    Chaḍḍayitvāna gacchissaṃ, vaccaṃ katvā yathā kuṭiṃ.

    ๒๓.

    23.

    ‘‘ยถาปิ ชชฺชรํ นาวํ, ปลุคฺคํ อุทคาหินิํ;

    ‘‘Yathāpi jajjaraṃ nāvaṃ, paluggaṃ udagāhiniṃ;

    สามี ฉเฑฺฑตฺวา คจฺฉนฺติ, อนเปกฺขา อนตฺถิกาฯ

    Sāmī chaḍḍetvā gacchanti, anapekkhā anatthikā.

    ๒๔.

    24.

    ‘‘เอวเมวาหํ อิมํ กายํ, นวจฺฉิทฺทํ ธุวสฺสวํ;

    ‘‘Evamevāhaṃ imaṃ kāyaṃ, navacchiddaṃ dhuvassavaṃ;

    ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉิสฺสํ, ชิณฺณนาวํว สามิกาฯ

    Chaḍḍayitvāna gacchissaṃ, jiṇṇanāvaṃva sāmikā.

    ๒๕.

    25.

    ‘‘ยถาปิ ปุริโส โจเรหิ, คจฺฉโนฺต ภณฺฑมาทิย;

    ‘‘Yathāpi puriso corehi, gacchanto bhaṇḍamādiya;

    ภณฺฑเจฺฉทภยํ ทิสฺวา, ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉติฯ

    Bhaṇḍacchedabhayaṃ disvā, chaḍḍayitvāna gacchati.

    ๒๖.

    26.

    ‘‘เอวเมว อิมํ กาโย, มหาโจรสโม วิย;

    ‘‘Evameva imaṃ kāyo, mahācorasamo viya;

    ปหายิมํ คมิสฺสามิ, กุสลเจฺฉทนาภยา’’ติฯ

    Pahāyimaṃ gamissāmi, kusalacchedanābhayā’’ti.

    ตตฺถ ยถาปิ กุณปํ ปุริโสติ ยถาปิ ทหโร ยุวา มณฺฑนกชาติโก ปุริโส อหิกุณเปน วา กุกฺกุรกุณเปน วา มนุสฺสกุณเปน วา กเณฺฐ อาสเตฺตน อฎฺฎียิตฺวา หรายิตฺวา ชิคุจฺฉิตฺวา ตํ กุณปํ โมเจตฺวา คเจฺฉยฺยฯ สุขีติ สุขิโตฯ เสรีติ ยถิจฺฉกวิหารีฯ นานากุณปสญฺจยนฺติ อเนกวิธกุณปราสิภูตํ ‘‘นานากุณปปูริต’’นฺติปิ ปาโฐฯ

    Tattha yathāpi kuṇapaṃ purisoti yathāpi daharo yuvā maṇḍanakajātiko puriso ahikuṇapena vā kukkurakuṇapena vā manussakuṇapena vā kaṇṭhe āsattena aṭṭīyitvā harāyitvā jigucchitvā taṃ kuṇapaṃ mocetvā gaccheyya. Sukhīti sukhito. Serīti yathicchakavihārī. Nānākuṇapasañcayanti anekavidhakuṇaparāsibhūtaṃ ‘‘nānākuṇapapūrita’’ntipi pāṭho.

    อุจฺจารฎฺฐานมฺหีติ อุจฺจาเรนฺติ วจฺจํ กโรนฺติ เอตฺถาติ อุจฺจาโร, อุจฺจาโร จ โส ฐานํ เจติ อุจฺจารฎฺฐานํฯ อถ วา อุสฺสาสิยฺยตีติ อุสฺสาโส, วจฺจเสฺสตํ นามํ, ตสฺส ฐานํ อุสฺสาสฎฺฐานํ, ตสฺมิํ อุสฺสาสฎฺฐานมฺหิ, อุกฺการฎฺฐาเนติ อโตฺถฯ วจฺจํ กตฺวา ยถา กุฎินฺติ วจฺจํ กตฺวา กุฎิํ นรนาริโย วิยาติ อโตฺถฯ

    Uccāraṭṭhānamhīti uccārenti vaccaṃ karonti etthāti uccāro, uccāro ca so ṭhānaṃ ceti uccāraṭṭhānaṃ. Atha vā ussāsiyyatīti ussāso, vaccassetaṃ nāmaṃ, tassa ṭhānaṃ ussāsaṭṭhānaṃ, tasmiṃ ussāsaṭṭhānamhi, ukkāraṭṭhāneti attho. Vaccaṃ katvā yathā kuṭinti vaccaṃ katvā kuṭiṃ naranāriyo viyāti attho.

    ชชฺชรนฺติ ชิณฺณํฯ ปลุคฺคนฺติ ปลุชฺชนฺติํ, วิกิรนฺตินฺติ อโตฺถฯ อุทคาหินินฺติ อุทกคาหินิํ ฯ สามีติ นาวาสามิกาฯ นวจฺฉิทฺทนฺติ จกฺขุโสตาทีหิ นวหิ วณมุเขหิ ฉิทฺทาวจฺฉิเทฺทหิ ยุตฺตตฺตา นวจฺฉิทฺทํฯ ธุวสฺสวนฺติ ธุวนิสฺสนฺทํ, นิจฺจํ ปคฺฆรณาสุจินฺติ อโตฺถฯ

    Jajjaranti jiṇṇaṃ. Palugganti palujjantiṃ, vikirantinti attho. Udagāhininti udakagāhiniṃ . Sāmīti nāvāsāmikā. Navacchiddanti cakkhusotādīhi navahi vaṇamukhehi chiddāvacchiddehi yuttattā navacchiddaṃ. Dhuvassavanti dhuvanissandaṃ, niccaṃ paggharaṇāsucinti attho.

    ภณฺฑมาทิยาติ ยํกิญฺจิ รตนาทิกํ ภณฺฑํ อาทิยฯ ภณฺฑเจฺฉทภยํ ทิสฺวาติ ภณฺฑสฺส อจฺฉินฺทเนน ภยํ ทิสฺวาติ อโตฺถฯ เอวเมวาติ โส ภณฺฑมาทาย คจฺฉโนฺต ปุริโส วิยฯ อยํ กาโยติ อยํ ปน กุจฺฉิตานํ ปรมเชคุจฺฉานํ อาโยติ กาโยฯ อาโยติ อุปตฺติฎฺฐานํฯ อายนฺติ ตโตติ อาโย, กุจฺฉิตา เกสาทโยฯ อิติ กุจฺฉิตานํ เกสาทีนํ อาโยติ กาโยฯ มหาโจรสโม วิยาติ จกฺขุอาทีหิ รูปาทีสุ ปิยรูเปสุ สารชฺชนาทิวเสน ปาณาติปาตาทินฺนาทานาทิโจโร หุตฺวา สพฺพกุสลํ วิลุมฺปตีติ มหาโจรสโมฯ ตสฺมา ยถา โส รตนภณฺฑมาทาย โจเรหิ สทฺธิํ คจฺฉโนฺต ปุริโส เต โจเร ปหาย คจฺฉติ, เอวเมวาหมฺปิ อิมํ มหาโจรสมํ กายํ ปหาย อตฺตโน โสตฺถิภาวกรํ มคฺคํ คเวสิตุํ คมิสฺสามีติ อตฺถสมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ กุสลเจฺฉทนาภยาติ กุสลธมฺมวิโลปนภเยนาติ อโตฺถฯ

    Bhaṇḍamādiyāti yaṃkiñci ratanādikaṃ bhaṇḍaṃ ādiya. Bhaṇḍacchedabhayaṃdisvāti bhaṇḍassa acchindanena bhayaṃ disvāti attho. Evamevāti so bhaṇḍamādāya gacchanto puriso viya. Ayaṃ kāyoti ayaṃ pana kucchitānaṃ paramajegucchānaṃ āyoti kāyo. Āyoti upattiṭṭhānaṃ. Āyanti tatoti āyo, kucchitā kesādayo. Iti kucchitānaṃ kesādīnaṃ āyoti kāyo. Mahācorasamo viyāti cakkhuādīhi rūpādīsu piyarūpesu sārajjanādivasena pāṇātipātādinnādānādicoro hutvā sabbakusalaṃ vilumpatīti mahācorasamo. Tasmā yathā so ratanabhaṇḍamādāya corehi saddhiṃ gacchanto puriso te core pahāya gacchati, evamevāhampi imaṃ mahācorasamaṃ kāyaṃ pahāya attano sotthibhāvakaraṃ maggaṃ gavesituṃ gamissāmīti atthasambandho veditabbo. Kusalacchedanābhayāti kusaladhammavilopanabhayenāti attho.

    อเถวํ สุเมธปณฺฑิโต นานาวิธาหิ อุปมาหิ เนกฺขมฺมการณํ จิเนฺตตฺวา ปุนปิ จิเนฺตสิ – ‘‘อิมํ มหาธนราสิํ สํหริตฺวา มยฺหํ ปิตุปิตามหาทโย ปรโลกํ คจฺฉนฺตา เอกกหาปณมฺปิ คเหตฺวา น คตา, มยา ปน คเหตฺวา คมนการณํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ คนฺตฺวา รโญฺญ อาโรเจสิ – ‘‘อหํ, มหาราช, ชาติชราทีหิ อุปทฺทุตหทโย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามิ, มยฺหํ อเนกโกฎิสตสหสฺสํ ธนํ อตฺถิ, ตํ เทโว ปฎิปชฺชตู’’ติฯ ราชา อาห – ‘‘น มยฺหํ เต ธเนน อโตฺถ, ตฺวํเยว ยถิจฺฉกํ กโรหี’’ติฯ

    Athevaṃ sumedhapaṇḍito nānāvidhāhi upamāhi nekkhammakāraṇaṃ cintetvā punapi cintesi – ‘‘imaṃ mahādhanarāsiṃ saṃharitvā mayhaṃ pitupitāmahādayo paralokaṃ gacchantā ekakahāpaṇampi gahetvā na gatā, mayā pana gahetvā gamanakāraṇaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti gantvā rañño ārocesi – ‘‘ahaṃ, mahārāja, jātijarādīhi upaddutahadayo agārasmā anagāriyaṃ pabbajissāmi, mayhaṃ anekakoṭisatasahassaṃ dhanaṃ atthi, taṃ devo paṭipajjatū’’ti. Rājā āha – ‘‘na mayhaṃ te dhanena attho, tvaṃyeva yathicchakaṃ karohī’’ti.

    โส จ ‘‘สาธุ เทวา’’ติ นคเร เภริํ จราเปตฺวา มหาชนสฺส ทานํ ทตฺวา วตฺถุกาเม จ กิเลสกาเม จ ปหาย อมรวรนครสทิสโต อมรนครโต นิกฺขมิตฺวา เอกโกว นานามิคคณวเนฺต หิมวเนฺต ธมฺมิกํ นาม ปพฺพตํ นิสฺสาย อสฺสมํ กตฺวา ตตฺถ ปณฺณสาลํ กตฺวา ปญฺจโทสวิวชฺชิตํ จงฺกมํ มาเปตฺวา อฎฺฐคุณสมุเปตํ อภิญฺญาพลํ สมาหริตุํ นวโทสสมนฺนาคตํ สาฎกํ ปชหิตฺวา ทฺวาทสคุณมุปาคตํ วากจีรํ นิวาเสตฺวา ปพฺพชิฯ เอวํ ปน โส ปพฺพชิโต อฎฺฐโทสสมากิณฺณํ ปณฺณสาลํ ปหาย ทสคุณสมนฺนาคตํ รุกฺขมูลํ อุปคนฺตฺวา สพฺพธญฺญวิกติํ ปหาย ปวตฺตผลโภชโน หุตฺวา นิสชฺชฎฺฐานจงฺกมนวเสน ปธานํ ปทหโนฺต สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว อฎฺฐนฺนํ สมาปตฺตีนํ ปญฺจนฺนญฺจ อภิญฺญานํ ลาภี อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    So ca ‘‘sādhu devā’’ti nagare bheriṃ carāpetvā mahājanassa dānaṃ datvā vatthukāme ca kilesakāme ca pahāya amaravaranagarasadisato amaranagarato nikkhamitvā ekakova nānāmigagaṇavante himavante dhammikaṃ nāma pabbataṃ nissāya assamaṃ katvā tattha paṇṇasālaṃ katvā pañcadosavivajjitaṃ caṅkamaṃ māpetvā aṭṭhaguṇasamupetaṃ abhiññābalaṃ samāharituṃ navadosasamannāgataṃ sāṭakaṃ pajahitvā dvādasaguṇamupāgataṃ vākacīraṃ nivāsetvā pabbaji. Evaṃ pana so pabbajito aṭṭhadosasamākiṇṇaṃ paṇṇasālaṃ pahāya dasaguṇasamannāgataṃ rukkhamūlaṃ upagantvā sabbadhaññavikatiṃ pahāya pavattaphalabhojano hutvā nisajjaṭṭhānacaṅkamanavasena padhānaṃ padahanto sattāhabbhantareyeva aṭṭhannaṃ samāpattīnaṃ pañcannañca abhiññānaṃ lābhī ahosi. Tena vuttaṃ –

    ๒๗.

    27.

    ‘‘เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, เนกโกฎิสตํ ธนํ;

    ‘‘Evāhaṃ cintayitvāna, nekakoṭisataṃ dhanaṃ;

    นาถานาถานํ ทตฺวาน, หิมวนฺตมุปาคมิํฯ

    Nāthānāthānaṃ datvāna, himavantamupāgamiṃ.

    ๒๘.

    28.

    ‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, ธมฺมิโก นาม ปพฺพโต;

    ‘‘Himavantassāvidūre, dhammiko nāma pabbato;

    อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตาฯ

    Assamo sukato mayhaṃ, paṇṇasālā sumāpitā.

    ๒๙.

    29.

    ‘‘จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสิํ, ปญฺจโทสวิวชฺชิตํฯ

    ‘‘Caṅkamaṃ tattha māpesiṃ, pañcadosavivajjitaṃ.

    อฎฺฐคุณสมุเปตํ, อภิญฺญาพลมาหริํฯ

    Aṭṭhaguṇasamupetaṃ, abhiññābalamāhariṃ.

    ๓๐.

    30.

    ‘‘สาฎกํ ปชหิํ ตตฺถ, นวโทสมุปาคตํ;

    ‘‘Sāṭakaṃ pajahiṃ tattha, navadosamupāgataṃ;

    วากจีรํ นิวาเสสิํ, ทฺวาทสคุณมุปาคตํฯ

    Vākacīraṃ nivāsesiṃ, dvādasaguṇamupāgataṃ.

    ๓๑.

    31.

    ‘‘อฎฺฐโทสสมากิณฺณํ, ปชหิํ ปณฺณสาลกํ;

    ‘‘Aṭṭhadosasamākiṇṇaṃ, pajahiṃ paṇṇasālakaṃ;

    อุปาคมิํ รุกฺขมูลํ, คุเณ ทสหุปาคตํฯ

    Upāgamiṃ rukkhamūlaṃ, guṇe dasahupāgataṃ.

    ๓๒.

    32.

    ‘‘วาปิตํ โรปิตํ ธญฺญํ, ปชหิํ นิรวเสสโต;

    ‘‘Vāpitaṃ ropitaṃ dhaññaṃ, pajahiṃ niravasesato;

    อเนกคุณสมฺปนฺนํ, ปวตฺตผลมาทิยิํฯ

    Anekaguṇasampannaṃ, pavattaphalamādiyiṃ.

    ๓๓.

    33.

    ‘‘ตตฺถปฺปธานํ ปทหิํ, นิสฺสชฺชฎฺฐานจงฺกเม;

    ‘‘Tatthappadhānaṃ padahiṃ, nissajjaṭṭhānacaṅkame;

    อพฺภนฺตรมฺหิ สตฺตาเห, อภิญฺญาพลปาปุณิ’’นฺติฯ

    Abbhantaramhi sattāhe, abhiññābalapāpuṇi’’nti.

    ตตฺถ เอวาหนฺติ เอวํ อหํ, เหฎฺฐา วุตฺตปฺปกาเรน จิเนฺตตฺวาติ อโตฺถฯ นาถานาถานนฺติ สนาถานมนาถานญฺจ อฑฺฒานเญฺจว ทลิทฺทานญฺจ ‘‘อตฺถิกา คณฺหนฺตู’’ติ สห โกฎฺฐาคาเรหิ ทตฺวาติ อโตฺถฯ หิมวนฺตสฺสาวิทูเรติ หิมวนฺตปพฺพตราชสฺส อวิทูเร สมีเปฯ ธมฺมิโก นาม ปพฺพโตติ เอวํนามโก ปพฺพโตฯ กสฺมา ปนายํ ธมฺมิโกติ? เยภุเยฺยน ปน โพธิสตฺตา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตํ ปพฺพตํ อุปนิสฺสาย อภิญฺญาโย นิพฺพเตฺตตฺวา สมณธมฺมํ อกํสุฯ ตสฺมา สมณธมฺมสฺส นิสฺสยภูตตฺตา ‘‘ธมฺมิโก’’เตฺวว ปากโฎ อโหสิฯ อสฺสโม สุกโต มยฺหนฺติอาทินา สุเมธปณฺฑิเตน อสฺสมปณฺณสาลา จงฺกมา สหตฺถา มาปิตา วิย วุตฺตา, น จ ปน สหตฺถา มาปิตา, กินฺตุ สเกฺกน เทเวน เปสิเต วิสฺสกมฺมุนา เทวปุเตฺตน นิมฺมิตาฯ ภควา ปน ตทา อตฺตโน ปุญฺญานุภาเวน นิพฺพตฺตํ ตํ สมฺปทํ สนฺธาย – ‘‘สาริปุตฺต, ตสฺมิํ ปพฺพเต –

    Tattha evāhanti evaṃ ahaṃ, heṭṭhā vuttappakārena cintetvāti attho. Nāthānāthānanti sanāthānamanāthānañca aḍḍhānañceva daliddānañca ‘‘atthikā gaṇhantū’’ti saha koṭṭhāgārehi datvāti attho. Himavantassāvidūreti himavantapabbatarājassa avidūre samīpe. Dhammiko nāma pabbatoti evaṃnāmako pabbato. Kasmā panāyaṃ dhammikoti? Yebhuyyena pana bodhisattā isipabbajjaṃ pabbajitvā taṃ pabbataṃ upanissāya abhiññāyo nibbattetvā samaṇadhammaṃ akaṃsu. Tasmā samaṇadhammassa nissayabhūtattā ‘‘dhammiko’’tveva pākaṭo ahosi. Assamo sukato mayhantiādinā sumedhapaṇḍitena assamapaṇṇasālā caṅkamā sahatthā māpitā viya vuttā, na ca pana sahatthā māpitā, kintu sakkena devena pesite vissakammunā devaputtena nimmitā. Bhagavā pana tadā attano puññānubhāvena nibbattaṃ taṃ sampadaṃ sandhāya – ‘‘sāriputta, tasmiṃ pabbate –

    ‘อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา;

    ‘Assamo sukato mayhaṃ, paṇṇasālā sumāpitā;

    จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสิํ, ปญฺจโทสวิวชฺชิต’’’นฺติฯ – อาทิมาห;

    Caṅkamaṃ tattha māpesiṃ, pañcadosavivajjita’’’nti. – ādimāha;

    ตตฺถ ปณฺณสาลาติ ปณฺณฉทนสาลาฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ อสฺสมปเทฯ ปญฺจโทสวิวชฺชิตนฺติ ปญฺจหิ จงฺกมโทเสหิ วิวชฺชิตํฯ กตเม ปญฺจ จงฺกมโทสา นาม? ถทฺธวิสมตา, อโนฺตรุกฺขตา, คหนจฺฉนฺนตา, อติสมฺพาธตา, อติวิสาลตาติ อิเมหิ ปญฺจหิ โทเสหิ วิวชฺชิตํฯ อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉเทน ทีฆโต สฎฺฐิรตโน วิตฺถารโต ทิยฑฺฒรตโน จงฺกโม วุโตฺตฯ อถ วา ปญฺจโทสวิวชฺชิตนฺติ ปญฺจหิ นีวรณโทเสหิ วิวชฺชิตํ ปริหีนํ อภิญฺญาพลมาหรินฺติ อิมินา อุตฺตรปเทน สมฺพโนฺธ ทฎฺฐโพฺพ (ธ. ส. อฎฺฐ. นิทานกถา, สุเมธกถา)ฯ อฎฺฐคุณสมุเปตนฺติ ‘‘เอวํ สมาหิเต จิเตฺต ปริสุเทฺธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปเตฺต’’ติ เอวํ วุเตฺตหิ อฎฺฐคุเณหิ (ที. นิ. ๑.๒๔๔-๒๔๕; ม. นิ. ๑.๓๘๔-๓๘๖, ๔๓๑-๔๓๓; ปารา. ๑๒-๑๔) สมนฺนาคตํ อภิญฺญาพลํ อาหริํ อาเนสินฺติ อโตฺถฯ

    Tattha paṇṇasālāti paṇṇachadanasālā. Tatthāti tasmiṃ assamapade. Pañcadosavivajjitanti pañcahi caṅkamadosehi vivajjitaṃ. Katame pañca caṅkamadosā nāma? Thaddhavisamatā, antorukkhatā, gahanacchannatā, atisambādhatā, ativisālatāti imehi pañcahi dosehi vivajjitaṃ. Ukkaṭṭhaparicchedena dīghato saṭṭhiratano vitthārato diyaḍḍharatano caṅkamo vutto. Atha vā pañcadosavivajjitanti pañcahi nīvaraṇadosehi vivajjitaṃ parihīnaṃ abhiññābalamāharinti iminā uttarapadena sambandho daṭṭhabbo (dha. sa. aṭṭha. nidānakathā, sumedhakathā). Aṭṭhaguṇasamupetanti ‘‘evaṃ samāhite citte parisuddhe pariyodāte anaṅgaṇe vigatūpakkilese mudubhūte kammaniye ṭhite āneñjappatte’’ti evaṃ vuttehi aṭṭhaguṇehi (dī. ni. 1.244-245; ma. ni. 1.384-386, 431-433; pārā. 12-14) samannāgataṃ abhiññābalaṃ āhariṃ ānesinti attho.

    เกจิ ปน ‘‘อฎฺฐหิ สมณสุเขหิ อุเปตํ, อฎฺฐิมานิ สมณสุขานิ นาม ธนธญฺญปริคฺคหาภาโว, อนวชฺชปิณฺฑปาตปริเยสนภาโว, นิพฺพุตปิณฺฑภุญฺชนภาโว, รฎฺฐํ ปีเฬตฺวา ธนธญฺญาทีสุ คณฺหเนฺตสุ ราชปุริเสสุ รฎฺฐปีฬนกิเลสาภาโว, อุปกรเณสุ นิจฺฉนฺทราคภาโว, โจรวิโลปเน นิพฺภยภาโว, ราชราชมหามเตฺตหิ อสํสฎฺฐภาโว, จตูสุ ทิสาสุ อปฺปฎิหตภาโวติ อิเมหิ อฎฺฐหิ สมณสุเขหิ (อป. อฎฺฐ. ๑.ทูเรนิทาน, สุเมธกถา; ธ. ส. อฎฺฐ. นิทานกถา) อุเปตํ สมุเปตํ อสฺสมํ มาเปสิ’’นฺติ อสฺสเมน สมฺพนฺธํ กตฺวา วทนฺติ, ตํ ปาฬิยา น สเมติฯ

    Keci pana ‘‘aṭṭhahi samaṇasukhehi upetaṃ, aṭṭhimāni samaṇasukhāni nāma dhanadhaññapariggahābhāvo, anavajjapiṇḍapātapariyesanabhāvo, nibbutapiṇḍabhuñjanabhāvo, raṭṭhaṃ pīḷetvā dhanadhaññādīsu gaṇhantesu rājapurisesu raṭṭhapīḷanakilesābhāvo, upakaraṇesu nicchandarāgabhāvo, coravilopane nibbhayabhāvo, rājarājamahāmattehi asaṃsaṭṭhabhāvo, catūsu disāsu appaṭihatabhāvoti imehi aṭṭhahi samaṇasukhehi (apa. aṭṭha. 1.dūrenidāna, sumedhakathā; dha. sa. aṭṭha. nidānakathā) upetaṃ samupetaṃ assamaṃ māpesi’’nti assamena sambandhaṃ katvā vadanti, taṃ pāḷiyā na sameti.

    สาฎกนฺติ วตฺถํฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ อสฺสเมฯ นวโทสมุปาคตนฺติ, สาริปุตฺต, ตตฺถ วสโนฺต อตฺตโน นิวตฺถปารุตํ มหคฺฆสาฎกํ ปชหิํ ปริจฺจชิํฯ สาฎกํ ปชหโนฺต จ ตตฺถ นว โทเส ทิสฺวา ปชหินฺติ ทีเปติฯ ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตานญฺหิ สาฎกสฺมิํ นว โทสา ปกาสิตาฯ กตเม นว? สาฎกสฺส มหคฺฆภาโว, ปรปฎิพทฺธภาโว, ปริโภเคน ลหุกํ กิลิสฺสนภาโว, กิลิโฎฺฐ จ โธวิตโพฺพ ปุน รชิตโพฺพ จ โหติ ปริโภเคน ชีรณภาโว, ชิณฺณสฺส ปุน ตุนฺนกรณํ วา อคฺคฬทานํ วา กาตพฺพํ โหติ ปุน ปริเยสนาย ทุรภิสมฺภวภาโว, ตาปสปพฺพชฺชาย อนนุจฺฉวิกภาโว, ปจฺจตฺถิกานํ สาธารณภาโว, ยถา นํ น ปจฺจตฺถิกา คณฺหนฺติ, เอวํ โคเปตโพฺพ โหติ ปริทหโต วิภูสนฎฺฐานภาโว, คเหตฺวา จรนฺตสฺส มหิจฺฉภาโวติ เอเตหิ นวหิ โทเสหิ (อป. อฎฺฐ. ๑.ทูเรนิทาน, สุเมธกถา) อุปคตํ สาฎกํ ปหาย วากจีรํ นิวาเสสินฺติ ทีเปติฯ วากจีรนฺติ มุญฺชติณํ หีราหีรํ กตฺวา คเนฺถตฺวา กตํ วากมยจีรํ นิวาสนปารุปนตฺถาย อาทิยินฺติ อโตฺถฯ ทฺวาทสคุณมุปาคตนฺติ ทฺวาทสหิ อานิสํเสหิ อุเปตํฯ เอตฺถ คุณ-สโทฺท อานิสํสโฎฺฐ ‘‘สตคุณา ทกฺขิณา ปาฎิกงฺขิตพฺพา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๗๙) วิยฯ -กาโร ปทสนฺธิกโรฯ วากจีรสฺมิํ ทฺวาทสานิสํสา อปฺปคฺฆตา, อปรายตฺตตา, สหตฺถา กาตุํ สกฺกุเณยฺยตา, ปริโภเคน ชิเณฺณปิ สิพฺพิตพฺพาภาโว, โจรภยาภาโว ปริเยสนฺตสฺส สุเขน กรณภาโว, ตาปสปพฺพชฺชาย สารุปฺปภาโว, เสวมานสฺส วิภูสนฎฺฐานาภาโว, จีวรปฺปจฺจเย อปฺปิจฺฉภาโว , ปริโภคสุขภาโว, วากุปฺปตฺติยา สุลภภาโว, วากจีเร นเฎฺฐปิ อนเปกฺขภาโวติ อิเมหิ ทฺวาทสหิ คุเณหิ สมฺปนฺนํ (อป. อฎฺฐ. ๑.ทูเรนิทาน, สุเมธกถา; ธ. ส. อฎฺฐ. นิทานกถา)ฯ

    Sāṭakanti vatthaṃ. Tatthāti tasmiṃ assame. Navadosamupāgatanti, sāriputta, tattha vasanto attano nivatthapārutaṃ mahagghasāṭakaṃ pajahiṃ pariccajiṃ. Sāṭakaṃ pajahanto ca tattha nava dose disvā pajahinti dīpeti. Tāpasapabbajjaṃ pabbajitānañhi sāṭakasmiṃ nava dosā pakāsitā. Katame nava? Sāṭakassa mahagghabhāvo, parapaṭibaddhabhāvo, paribhogena lahukaṃ kilissanabhāvo, kiliṭṭho ca dhovitabbo puna rajitabbo ca hoti paribhogena jīraṇabhāvo, jiṇṇassa puna tunnakaraṇaṃ vā aggaḷadānaṃ vā kātabbaṃ hoti puna pariyesanāya durabhisambhavabhāvo, tāpasapabbajjāya ananucchavikabhāvo, paccatthikānaṃ sādhāraṇabhāvo, yathā naṃ na paccatthikā gaṇhanti, evaṃ gopetabbo hoti paridahato vibhūsanaṭṭhānabhāvo, gahetvā carantassa mahicchabhāvoti etehi navahi dosehi (apa. aṭṭha. 1.dūrenidāna, sumedhakathā) upagataṃ sāṭakaṃ pahāya vākacīraṃ nivāsesinti dīpeti. Vākacīranti muñjatiṇaṃ hīrāhīraṃ katvā ganthetvā kataṃ vākamayacīraṃ nivāsanapārupanatthāya ādiyinti attho. Dvādasaguṇamupāgatanti dvādasahi ānisaṃsehi upetaṃ. Ettha guṇa-saddo ānisaṃsaṭṭho ‘‘sataguṇā dakkhiṇā pāṭikaṅkhitabbā’’tiādīsu (ma. ni. 3.379) viya. Ma-kāro padasandhikaro. Vākacīrasmiṃ dvādasānisaṃsā appagghatā, aparāyattatā, sahatthā kātuṃ sakkuṇeyyatā, paribhogena jiṇṇepi sibbitabbābhāvo, corabhayābhāvo pariyesantassa sukhena karaṇabhāvo, tāpasapabbajjāya sāruppabhāvo, sevamānassa vibhūsanaṭṭhānābhāvo, cīvarappaccaye appicchabhāvo , paribhogasukhabhāvo, vākuppattiyā sulabhabhāvo, vākacīre naṭṭhepi anapekkhabhāvoti imehi dvādasahi guṇehi sampannaṃ (apa. aṭṭha. 1.dūrenidāna, sumedhakathā; dha. sa. aṭṭha. nidānakathā).

    อถ สุเมธปณฺฑิโต ตตฺถ ปณฺณสาลายํ วิหรโนฺต ปจฺจูสสมเย ปจฺจุฎฺฐาย อตฺตโน นิกฺขมนการณํ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ กิร จิเนฺตสิ – ‘‘อหํ ปน นวกนกกฎกนูปุราทิสงฺฆฎฺฎนสทฺทสมฺมิสฺสิต-มธุรหสิตกถิตเคหชนรมณียํ อุฬารวิภวโสภิตํ สุรวรภวนาการมคารํ เขฬปิณฺฑํ วิย ปหาย วิเวการามตาย สพฺพชนปาปปวาหนํ ตโปวนํ ปวิโฎฺฐสฺมิ, อิธ ปน เม ปณฺณสาลาย วาโส ทุติโย ฆราวาโส วิย โหติ, หนฺทาหํ รุกฺขมูเล วเสยฺย’’นฺติฯ เตน วุตฺตํ –

    Atha sumedhapaṇḍito tattha paṇṇasālāyaṃ viharanto paccūsasamaye paccuṭṭhāya attano nikkhamanakāraṇaṃ paccavekkhamāno evaṃ kira cintesi – ‘‘ahaṃ pana navakanakakaṭakanūpurādisaṅghaṭṭanasaddasammissita-madhurahasitakathitagehajanaramaṇīyaṃ uḷāravibhavasobhitaṃ suravarabhavanākāramagāraṃ kheḷapiṇḍaṃ viya pahāya vivekārāmatāya sabbajanapāpapavāhanaṃ tapovanaṃ paviṭṭhosmi, idha pana me paṇṇasālāya vāso dutiyo gharāvāso viya hoti, handāhaṃ rukkhamūle vaseyya’’nti. Tena vuttaṃ –

    ๓๑.

    31.

    ‘‘อฎฺฐโทสสมากิณฺณํ, ปชหิํ ปณฺณสาลก’’นฺติฯ

    ‘‘Aṭṭhadosasamākiṇṇaṃ, pajahiṃ paṇṇasālaka’’nti.

    ตตฺถ อฎฺฐโทสสมากิณฺณนฺติ อฎฺฐหิ โทเสหิ สมากิณฺณํ สํยุตฺตํฯ กตเมหิ อฎฺฐหิ? มหาสมฺภาเรหิ นิปฺผาทนียตา, ติณปณฺณมตฺติกาทีหิ นิจฺจํ ปฎิชคฺคนียตา, เสนาสนํ นาม มหลฺลกสฺส ปาปุณาตีติ อเวลาย วุฎฺฐาปิยมานสฺส จิเตฺตกคฺคตา น โหตีติ วุฎฺฐาปนียภาโว, สีตุณฺหสฺส ปฎิฆาเตน กายสฺส สุขุมาลกรณภาโว, ฆรํ ปวิเฎฺฐน ยํ กิญฺจิ ปาปํ สกฺกา กาตุนฺติ ครหปฎิจฺฉาทนกรณภาโว, ‘‘มยฺหมิท’’นฺติ สปริคฺคหภาโว, เคหสฺส อตฺถิภาโว สทุติยกวาโส, อูกามงฺคุลฆรโคฬิกาทีนํ สาธารณตาย พหุสาธารณภาโวติ อิติ อิเม อฎฺฐ อาทีนเว (อป. อฎฺฐ. ๑.ทูเรนิทาน, สุเมธกถา) ทิสฺวา มหาสโตฺต ปณฺณสาลํ ปชหิํฯ

    Tattha aṭṭhadosasamākiṇṇanti aṭṭhahi dosehi samākiṇṇaṃ saṃyuttaṃ. Katamehi aṭṭhahi? Mahāsambhārehi nipphādanīyatā, tiṇapaṇṇamattikādīhi niccaṃ paṭijagganīyatā, senāsanaṃ nāma mahallakassa pāpuṇātīti avelāya vuṭṭhāpiyamānassa cittekaggatā na hotīti vuṭṭhāpanīyabhāvo, sītuṇhassa paṭighātena kāyassa sukhumālakaraṇabhāvo, gharaṃ paviṭṭhena yaṃ kiñci pāpaṃ sakkā kātunti garahapaṭicchādanakaraṇabhāvo, ‘‘mayhamida’’nti sapariggahabhāvo, gehassa atthibhāvo sadutiyakavāso, ūkāmaṅgulagharagoḷikādīnaṃ sādhāraṇatāya bahusādhāraṇabhāvoti iti ime aṭṭha ādīnave (apa. aṭṭha. 1.dūrenidāna, sumedhakathā) disvā mahāsatto paṇṇasālaṃ pajahiṃ.

    คุเณ ทสหุปาคตนฺติ ฉนฺนํ ปฎิกฺขิปิตฺวา ทสหิ คุเณหิ อุเปตํ, รุกฺขมูลํ อุปคโตสฺมีติ อโตฺถฯ กตเมหิ ทสหิ? อปฺปสมารมฺภตา, อุปคมนมตฺตเมเวตฺถ โหตีติ สุลภานวชฺชตา, อภิณฺหํ ตรุปณฺณวิการทสฺสเนน อนิจฺจสญฺญาสมุฎฺฐาปนตา, เสนาสนมเจฺฉราภาโว, ตตฺถ หิ ปาปํ กโรโนฺต ลชฺชตีติ ปาปกรณารหาภาโว, ปริคฺคหกรณาภาโว, เทวตาหิ สห วาโส, ฉนฺนปฎิเกฺขโป, ปริโภคสุขตา, รุกฺขมูลเสนาสนสฺส คตคตฎฺฐาเน สุลภตาย อนเปกฺขภาโวติ อิติ อิเม ทส คุเณ (อป. อฎฺฐ. ๑.ทูเรนิทาน, สุเมธกถา) ทิสฺวา รุกฺขมูลํ อุปคโตสฺมีติ วทติฯ อาห จ –

    Guṇe dasahupāgatanti channaṃ paṭikkhipitvā dasahi guṇehi upetaṃ, rukkhamūlaṃ upagatosmīti attho. Katamehi dasahi? Appasamārambhatā, upagamanamattamevettha hotīti sulabhānavajjatā, abhiṇhaṃ tarupaṇṇavikāradassanena aniccasaññāsamuṭṭhāpanatā, senāsanamaccherābhāvo, tattha hi pāpaṃ karonto lajjatīti pāpakaraṇārahābhāvo, pariggahakaraṇābhāvo, devatāhi saha vāso, channapaṭikkhepo, paribhogasukhatā, rukkhamūlasenāsanassa gatagataṭṭhāne sulabhatāya anapekkhabhāvoti iti ime dasa guṇe (apa. aṭṭha. 1.dūrenidāna, sumedhakathā) disvā rukkhamūlaṃ upagatosmīti vadati. Āha ca –

    ‘‘วณฺณิโต พุทฺธเสเฎฺฐน, นิสฺสโยติ จ ภาสิโต;

    ‘‘Vaṇṇito buddhaseṭṭhena, nissayoti ca bhāsito;

    นิวาโส ปวิวิตฺตสฺส, รุกฺขมูลสโม กุโตฯ

    Nivāso pavivittassa, rukkhamūlasamo kuto.

    ‘‘อาวาสมเจฺฉรหเร, เทวตาปริปาลิเต;

    ‘‘Āvāsamaccherahare, devatāparipālite;

    ปวิวิเตฺต วสโนฺต หิ, รุกฺขมูลมฺหิ สุพฺพโตฯ

    Pavivitte vasanto hi, rukkhamūlamhi subbato.

    ‘‘อภิรตฺตานิ นีลานิ, ปณฺฑูนิ ปติตานิ จ;

    ‘‘Abhirattāni nīlāni, paṇḍūni patitāni ca;

    ปสฺสโนฺต ตรุปณฺณานิ, นิจฺจสญฺญํ ปนูทติฯ

    Passanto tarupaṇṇāni, niccasaññaṃ panūdati.

    ‘‘ตสฺมา หิ พุทฺธทายชฺชํ, ภาวนาภิรตาลยํ;

    ‘‘Tasmā hi buddhadāyajjaṃ, bhāvanābhiratālayaṃ;

    วิวิตฺตํ นาติมเญฺญยฺย, รุกฺขมูลํ วิจกฺขโณ’’ติฯ (วิสุทฺธิ. ๑.๓๒);

    Vivittaṃ nātimaññeyya, rukkhamūlaṃ vicakkhaṇo’’ti. (visuddhi. 1.32);

    อถ สุเมธปณฺฑิโต ปณฺณสาลาย ทิฎฺฐโทโส หุตฺวา รุกฺขมูลเสนาสเน ลทฺธานิสํโส วิหรโนฺต อุตฺตริปิ จิเนฺตสิ – ‘‘อาหารตฺถาย เม คามคมนํ อาหารปริเยสนทุกฺขํ, นาหํ เกนจิ ปาริชุเญฺญน นิกฺขมิตฺวา อาหารตฺถาย ปพฺพชิโต, อาหารปริเยสนมูลสฺส จ ทุกฺขสฺส ปมาณํ นตฺถิ, ยํนูนาหํ ปวตฺตผเลน ยาเปยฺย’’นฺติฯ อิมํ ปน อตฺถวิเสสํ ทีเปโนฺต –

    Atha sumedhapaṇḍito paṇṇasālāya diṭṭhadoso hutvā rukkhamūlasenāsane laddhānisaṃso viharanto uttaripi cintesi – ‘‘āhāratthāya me gāmagamanaṃ āhārapariyesanadukkhaṃ, nāhaṃ kenaci pārijuññena nikkhamitvā āhāratthāya pabbajito, āhārapariyesanamūlassa ca dukkhassa pamāṇaṃ natthi, yaṃnūnāhaṃ pavattaphalena yāpeyya’’nti. Imaṃ pana atthavisesaṃ dīpento –

    ๓๒-๓๓. ‘‘วาปิตํ โรปิตํ ธญฺญํ, ปชหิํ นิรวเสสโตฯ

    32-33. ‘‘Vāpitaṃ ropitaṃ dhaññaṃ, pajahiṃ niravasesato.

    อเนกคุณสมฺปนฺนํ, ปวตฺตผลมาทิยิ’’นฺติฯ – อาทิมาห;

    Anekaguṇasampannaṃ, pavattaphalamādiyi’’nti. – ādimāha;

    ตตฺถ วาปิตนฺติ วปิตฺวา นิปฺผนฺนํฯ โรปิตนฺติ โรปิตฺวา นิปฺผนฺนํ, วปนโรปนวเสน ทุวิธาว สสฺสนิปฺผตฺติ, ตํ ทุวิธมฺปิ อตฺตโน อปฺปิจฺฉตาย ปหาย ปวตฺตผเลน ยาเปสิํฯ ปวตฺตผลนฺติ สยเมว ปติตผลํฯ อาทิยินฺติ ปริภุญฺชิํฯ

    Tattha vāpitanti vapitvā nipphannaṃ. Ropitanti ropitvā nipphannaṃ, vapanaropanavasena duvidhāva sassanipphatti, taṃ duvidhampi attano appicchatāya pahāya pavattaphalena yāpesiṃ. Pavattaphalanti sayameva patitaphalaṃ. Ādiyinti paribhuñjiṃ.

    ‘‘ปวตฺตผลสนฺตุโฎฺฐ, อปรายตฺตชีวิโก;

    ‘‘Pavattaphalasantuṭṭho, aparāyattajīviko;

    ปหีนาหารโลลุโปฺป, โหติ จาตุทฺทิโส มุนิฯ

    Pahīnāhāraloluppo, hoti cātuddiso muni.

    ‘‘ชหาติ รสตณฺหญฺจ, อาชีโว ตสฺส สุชฺฌติ;

    ‘‘Jahāti rasataṇhañca, ājīvo tassa sujjhati;

    ตสฺมา หิ นาติมเญฺญยฺย, ปวตฺตผลโภชน’’นฺติฯ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๖ โถกํ วิสทิสํ) –

    Tasmā hi nātimaññeyya, pavattaphalabhojana’’nti. (visuddhi. 1.26 thokaṃ visadisaṃ) –

    เอวํ ปวตฺตมาโน สุเมธปณฺฑิโต นจิรเสฺสว อโนฺตสตฺตาเห อฎฺฐ สมาปตฺติโย ปญฺจ อภิญฺญาโย จ ปาปุณิฯ อิมมตฺถํ ปกาเสเนฺตน ‘‘ตตฺถปฺปธานํ ปทหิ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมิํ อสฺสเมฯ ปธานนฺติ วีริยํ, วีริยญฺหิ ปทหิตพฺพโต ปธานภาวกรณโต วา ‘‘ปธาน’’นฺติ วุจฺจติฯ ปทหินฺติ วีริยมารภิํฯ นิสฺสชฺชฎฺฐานจงฺกเมติ นิสชฺชาย จ ฐาเนน จ จงฺกเมน จฯ

    Evaṃ pavattamāno sumedhapaṇḍito nacirasseva antosattāhe aṭṭha samāpattiyo pañca abhiññāyo ca pāpuṇi. Imamatthaṃ pakāsentena ‘‘tatthappadhānaṃpadahi’’ntiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tasmiṃ assame. Padhānanti vīriyaṃ, vīriyañhi padahitabbato padhānabhāvakaraṇato vā ‘‘padhāna’’nti vuccati. Padahinti vīriyamārabhiṃ. Nissajjaṭṭhānacaṅkameti nisajjāya ca ṭhānena ca caṅkamena ca.

    สุเมธปณฺฑิโต ปน เสยฺยํ ปฎิกฺขิปิตฺวา นิสชฺชฎฺฐานจงฺกเมเหว รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมตฺวา สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว อภิญฺญาพลํ ปาปุณิฯ เอวํ ปน อภิญฺญาพลํ ปตฺวา สุเมธตาปเส สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมเนฺต ตทา สพฺพชนสงฺคหกโร มารพลภยํกโร ญาณทีปงฺกโร ทีปงฺกโร นาม สตฺถา โลเก อุทปาทิฯ

    Sumedhapaṇḍito pana seyyaṃ paṭikkhipitvā nisajjaṭṭhānacaṅkameheva rattindivaṃ vītināmetvā sattāhabbhantareyeva abhiññābalaṃ pāpuṇi. Evaṃ pana abhiññābalaṃ patvā sumedhatāpase samāpattisukhena vītināmente tadā sabbajanasaṅgahakaro mārabalabhayaṃkaro ñāṇadīpaṅkaro dīpaṅkaro nāma satthā loke udapādi.

    สเงฺขเปเนว ตสฺสายมานุปุพฺพิกถา – อยํ กิร ทีปงฺกโร นาม มหาสโตฺต สมตฺติํส ปารมิโย ปูเรตฺวา เวสฺสนฺตรตฺตภาวสทิเส อตฺตภาเว ฐิโต ปถวิกมฺปนาทีนิ มหาทานานิ ทตฺวา อายุปริโยสาเน ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ฐตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ สนฺนิปติตฺวา –

    Saṅkhepeneva tassāyamānupubbikathā – ayaṃ kira dīpaṅkaro nāma mahāsatto samattiṃsa pāramiyo pūretvā vessantarattabhāvasadise attabhāve ṭhito pathavikampanādīni mahādānāni datvā āyupariyosāne tusitapure nibbattitvā tattha yāvatāyukaṃ ṭhatvā dasasahassacakkavāḷadevatāhi sannipatitvā –

    ‘‘กาโล โข เต มหาวีร, อุปฺปชฺช มาตุกุจฺฉิยํ;

    ‘‘Kālo kho te mahāvīra, uppajja mātukucchiyaṃ;

    สเทวกํ ตารยโนฺต, พุชฺฌสฺสุ อมตํ ปท’’นฺติฯ (พุ. วํ. ๑.๖๗) –

    Sadevakaṃ tārayanto, bujjhassu amataṃ pada’’nti. (bu. vaṃ. 1.67) –

    วุเตฺต ตโต โส เทวตานํ วจนํ สุตฺวา จ ปญฺจ มหาวิโลกนานิ วิโลเกตฺวา ตโต จุโต รมฺมวตีนคเร อตฺตโน ยสวิภูติยา วิชิตวาสุเทวสฺส นรเทวสฺส สุเทวสฺส นาม รโญฺญ กุเล สุเมธาย เทวิยา กุจฺฉิสฺมิํ อาสาฬฺหิปุณฺณมิยา อุตฺตราสาฬฺหนกฺขเตฺตน ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวา มหตา ปริวาเรน ปริหริยมาโน มหาเทวิยา กุจฺฉิมฺหิ มณิกูฎคโต วิย เกนจิ อสุจินา อมกฺขิโต ทส มาเส วสิตฺวา สลิลธรวิวรคโต สรทกาลจโนฺท วิย ตสฺสา อุทรโต นิกฺขมิฯ

    Vutte tato so devatānaṃ vacanaṃ sutvā ca pañca mahāvilokanāni viloketvā tato cuto rammavatīnagare attano yasavibhūtiyā vijitavāsudevassa naradevassa sudevassa nāma rañño kule sumedhāya deviyā kucchismiṃ āsāḷhipuṇṇamiyā uttarāsāḷhanakkhattena paṭisandhiṃ gahetvā mahatā parivārena parihariyamāno mahādeviyā kucchimhi maṇikūṭagato viya kenaci asucinā amakkhito dasa māse vasitvā saliladharavivaragato saradakālacando viya tassā udarato nikkhami.

    ทฺวตฺติํส ปุพฺพนิมิตฺตานิ

    Dvattiṃsa pubbanimittāni

    ตสฺส ปน ทีปงฺกรกุมารสฺส ปฎิสนฺธิกฺขเณปิ วิชาตกฺขเณปิ ทฺวตฺติํส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาฎิหาริยานิ ปาตุรเหสุํฯ สพฺพสพฺพญฺญุโพธิสเตฺตสุ มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมเนฺตสุ นิกฺขมเนฺตสุ สมฺพุชฺฌเนฺตสุ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตเนฺตสูติ อิเมสุ จตูสุ ฐาเนสุ ทฺวตฺติํส ปาฎิหาริยานิ ปวตฺตเนฺตวฯ ตสฺมา มยา ปากฎตฺตา ทีปงฺกรกุมารสฺส ชาติยํ ทสฺสิตานิ –

    Tassa pana dīpaṅkarakumārassa paṭisandhikkhaṇepi vijātakkhaṇepi dvattiṃsa pubbanimittāni pāṭihāriyāni pāturahesuṃ. Sabbasabbaññubodhisattesu mātukucchiṃ okkamantesu nikkhamantesu sambujjhantesu dhammacakkaṃ pavattantesūti imesu catūsu ṭhānesu dvattiṃsa pāṭihāriyāni pavattanteva. Tasmā mayā pākaṭattā dīpaṅkarakumārassa jātiyaṃ dassitāni –

    ‘‘ทีปงฺกเร จารุกเร กุมาเร, สิวํกเร สนฺติกเรว ชาเต;

    ‘‘Dīpaṅkare cārukare kumāre, sivaṃkare santikareva jāte;

    ปกมฺปิ สงฺกมฺปิ ตทา สมนฺตา, สหสฺสสงฺขฺยา ทสโลกธาตุฯ

    Pakampi saṅkampi tadā samantā, sahassasaṅkhyā dasalokadhātu.

    ‘‘จกฺกวาฬสหเสฺสสุ, ทสสหเสฺสว เทวตา;

    ‘‘Cakkavāḷasahassesu, dasasahasseva devatā;

    เอกสฺมิํ จกฺกวาฬสฺมิํ, ตทา สนฺนิปติํสุ ตาฯ

    Ekasmiṃ cakkavāḷasmiṃ, tadā sannipatiṃsu tā.

    ‘‘โพธิสตฺตํ มหาสตฺตํ, ชาตมตฺตนฺตุ เทวตา;

    ‘‘Bodhisattaṃ mahāsattaṃ, jātamattantu devatā;

    ปฐมํ ปฎิคฺคณฺหิํสุ, ปจฺฉา ตํ มนุชา ปนฯ

    Paṭhamaṃ paṭiggaṇhiṃsu, pacchā taṃ manujā pana.

    ‘‘อวาทิตา เกนจิ จมฺมนทฺธา, สุโปกฺขรา ทุนฺทุภิโย จ วีณา;

    ‘‘Avāditā kenaci cammanaddhā, supokkharā dundubhiyo ca vīṇā;

    อฆฎฺฎิตานาภรณานิ ตสฺมิํ, ขเณ สมนฺตา มธุรํ รวิํสุฯ

    Aghaṭṭitānābharaṇāni tasmiṃ, khaṇe samantā madhuraṃ raviṃsu.

    ‘‘ฉิชฺชิํสุ สพฺพตฺถ จ พนฺธนานิ, สยํ วิคจฺฉิํสุ จ สพฺพโรคา;

    ‘‘Chijjiṃsu sabbattha ca bandhanāni, sayaṃ vigacchiṃsu ca sabbarogā;

    รูปานิ ปสฺสิํสุ จ ชาติอนฺธา, สทฺทํ สมนฺตา พธิรา สุณิํสุฯ

    Rūpāni passiṃsu ca jātiandhā, saddaṃ samantā badhirā suṇiṃsu.

    ‘‘อนุสฺสติํ ชาติชฬา มนุสฺสา, ลภิํสุ ยานํ ปทสาว ปงฺคุลา;

    ‘‘Anussatiṃ jātijaḷā manussā, labhiṃsu yānaṃ padasāva paṅgulā;

    วิเทสยาตา สยเมว นาวา, สปฎฺฎนํ สีฆมุปาคมิํสุฯ

    Videsayātā sayameva nāvā, sapaṭṭanaṃ sīghamupāgamiṃsu.

    ‘‘อากาสฎฺฐํ ภูมิคตญฺจ สพฺพํ, สยํ สมนฺตา รตนํ วิโรจิ;

    ‘‘Ākāsaṭṭhaṃ bhūmigatañca sabbaṃ, sayaṃ samantā ratanaṃ viroci;

    นิพฺพายิ โฆเร นิรเย หุตาโส, นทีสุ โตยมฺปิ จ นปฺปวตฺติฯ

    Nibbāyi ghore niraye hutāso, nadīsu toyampi ca nappavatti.

    ‘‘โลกนฺตเร ทุกฺขนิรนฺตเรปิ, ปภา อุฬารา วิปุลา อโหสิ;

    ‘‘Lokantare dukkhanirantarepi, pabhā uḷārā vipulā ahosi;

    ตถา ตทา สนฺตตรงฺคมาโล, มหาสมุโทฺท มธุโรทโกยํฯ

    Tathā tadā santataraṅgamālo, mahāsamuddo madhurodakoyaṃ.

    ‘‘น วายิ วาโต ผรุโส ขโร วา, สมฺผุลฺลปุปฺผา ตรโว อเหสุํ;

    ‘‘Na vāyi vāto pharuso kharo vā, samphullapupphā taravo ahesuṃ;

    วิโรจิ จโนฺท อธิกํ สตาโร, น จาปิ อุโณฺห สูริโย อโหสิฯ

    Viroci cando adhikaṃ satāro, na cāpi uṇho sūriyo ahosi.

    ‘‘ขคา นภมฺหาปิ จ รุกฺขโต จ, หฎฺฐาว เหฎฺฐา ปถวิํ ภชิํสุ;

    ‘‘Khagā nabhamhāpi ca rukkhato ca, haṭṭhāva heṭṭhā pathaviṃ bhajiṃsu;

    มหาจตุทฺทีปคโต จ เมโฆ, ปวสฺสิ โตยํ มธุรํ สมนฺตาฯ

    Mahācatuddīpagato ca megho, pavassi toyaṃ madhuraṃ samantā.

    ‘‘ฐตฺวาว ทิเพฺพ ภวเน สกสฺมิํ, ปสนฺนจิตฺตา ปน เทวตาโย;

    ‘‘Ṭhatvāva dibbe bhavane sakasmiṃ, pasannacittā pana devatāyo;

    นจฺจิํสุ คายิํสุ จ วาทยิํสุ, เสฬิํสุ ตา เกฬิมกํสุ เจวฯ

    Nacciṃsu gāyiṃsu ca vādayiṃsu, seḷiṃsu tā keḷimakaṃsu ceva.

    ‘‘สยํ กิร ทฺวารมหากวาฎา, ขเณว ตสฺมิํ วิวฎา อเหสุํ;

    ‘‘Sayaṃ kira dvāramahākavāṭā, khaṇeva tasmiṃ vivaṭā ahesuṃ;

    มหาชเน เนว ขุทา ปิปาสา, ปีเฬสิ โลกํ กิร กญฺจิ กญฺจิฯ

    Mahājane neva khudā pipāsā, pīḷesi lokaṃ kira kañci kañci.

    ‘‘เย นิจฺจเวรา ปน ปาณิสงฺฆา, เต เมตฺตจิตฺตํ ปรมํ ลภิํสุ;

    ‘‘Ye niccaverā pana pāṇisaṅghā, te mettacittaṃ paramaṃ labhiṃsu;

    กากา อุลูเกหิ จริํสุ สทฺธิํ, โกณา วราเหหิ อกํสุ เกฬิํฯ

    Kākā ulūkehi cariṃsu saddhiṃ, koṇā varāhehi akaṃsu keḷiṃ.

    ‘‘โฆราปิ สปฺปานมุขาปิ สปฺปา, กีฬิํสุ กามํ นกุเลหิ สทฺธิํ;

    ‘‘Ghorāpi sappānamukhāpi sappā, kīḷiṃsu kāmaṃ nakulehi saddhiṃ;

    คณฺหิํสุ มชฺชารสิเรสุ ยูกา, วิสฺสตฺถจิตฺตา ฆรมูสิกาปิฯ

    Gaṇhiṃsu majjārasiresu yūkā, vissatthacittā gharamūsikāpi.

    ‘‘พุทฺธนฺตเรนาปิ อลทฺธโตเย, ปิสาจโลเก วิคตา ปิปาสา;

    ‘‘Buddhantarenāpi aladdhatoye, pisācaloke vigatā pipāsā;

    ขุชฺชา อเหสุํ สมจารุกายา, มูคา จ วาจํ มธุรํ ลปิํสุฯ

    Khujjā ahesuṃ samacārukāyā, mūgā ca vācaṃ madhuraṃ lapiṃsu.

    ‘‘ปสนฺนจิตฺตา ปน ปาณิสงฺฆา, ตทญฺญมญฺญํ ปิยมาลปิํสุ;

    ‘‘Pasannacittā pana pāṇisaṅghā, tadaññamaññaṃ piyamālapiṃsu;

    อสฺสา จ เหสิํสุ ปหฎฺฐจิตฺตา, คชฺชิํสุ มตฺตา วรวารณาปิฯ

    Assā ca hesiṃsu pahaṭṭhacittā, gajjiṃsu mattā varavāraṇāpi.

    ‘‘สุรภิจนฺทนจุณฺณสมากุลา , กุสุมกุงฺกุมธูปสุคนฺธินี;

    ‘‘Surabhicandanacuṇṇasamākulā , kusumakuṅkumadhūpasugandhinī;

    วิวิธจารุมหทฺธชมาลินี, ทสสหสฺสิ อโหสิ สมนฺตโต’’ติฯ

    Vividhacārumahaddhajamālinī, dasasahassi ahosi samantato’’ti.

    ตตฺร หิสฺส ทสสหสฺสิโลกธาตุกโมฺป สพฺพญฺญุตญฺญาณปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, เทวตานํ เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปาโต ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนกาเล เอกปฺปหาเรเนว สนฺนิปติตฺวา ธมฺมปฎิคฺคหณสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ปฐมํ เทวตานํ ปฎิคฺคหณํ จตุนฺนํ รูปาวจรชฺฌานานํ ปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ปจฺฉา มนุสฺสานํ ปฎิคฺคหณํ จตุนฺนํ อรูปาวจรชฺฌานานํ ปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, จมฺมนทฺธทุนฺทุภีนํ สยเมว วชฺชนํ มหนฺติยา ธมฺมเภริยา อนุสาวนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, วีณาภรณานํ สยเมว วชฺชนํ อนุปุพฺพวิหารปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, พนฺธนานํ สยเมว เฉโท อสฺมิมานสมุเจฺฉทสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, มหาชนสฺส สพฺพโรควิคโม จตุสจฺจผลปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ชจฺจนฺธานํ รูปทสฺสนํ ทิพฺพจกฺขุปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, พธิรานํ สทฺทสฺสวนํ ทิพฺพโสตธาตุปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ

    Tatra hissa dasasahassilokadhātukampo sabbaññutaññāṇapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, devatānaṃ ekacakkavāḷe sannipāto dhammacakkappavattanakāle ekappahāreneva sannipatitvā dhammapaṭiggahaṇassa pubbanimittaṃ, paṭhamaṃ devatānaṃ paṭiggahaṇaṃ catunnaṃ rūpāvacarajjhānānaṃ paṭilābhassa pubbanimittaṃ, pacchā manussānaṃ paṭiggahaṇaṃ catunnaṃ arūpāvacarajjhānānaṃ paṭilābhassa pubbanimittaṃ, cammanaddhadundubhīnaṃ sayameva vajjanaṃ mahantiyā dhammabheriyā anusāvanassa pubbanimittaṃ, vīṇābharaṇānaṃ sayameva vajjanaṃ anupubbavihārapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, bandhanānaṃ sayameva chedo asmimānasamucchedassa pubbanimittaṃ, mahājanassa sabbarogavigamo catusaccaphalapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, jaccandhānaṃ rūpadassanaṃ dibbacakkhupaṭilābhassa pubbanimittaṃ, badhirānaṃ saddassavanaṃ dibbasotadhātupaṭilābhassa pubbanimittaṃ.

    ชาติชฬานํ อนุสฺสตุปฺปาโท จตุสติปฎฺฐานปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ปงฺคุลานํ ปทสา คมนํ จตุริทฺธิปาทปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, วิเทสคตานํ นาวานํ สปฎฺฎนาคมนํ จตุปฎิสมฺภิทาธิคมสฺส, รตนานํ สยเมว วิโรจนํ ธโมฺมภาสปฎิลาภสฺส, นิรเย อคฺคินิพฺพายนํ เอกาทสคฺคินิพฺพายนสฺส, นทีสุ โตยสฺส นปฺปวตฺตนํ จตุเวสารชฺชปฎิลาภสฺส, โลกนฺตเร อาโลโก อวิชฺชนฺธการํ วิธเมตฺวา ญาณโลกทสฺสนสฺส, มหาสมุทฺทสฺส มธุโรทกตา นิพฺพานรเสน เอกรสภาวสฺส, วาตสฺส อวายนํ ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิคตเภทนสฺส, ตรูนํ ปุปฺผิตภาโว วิมุตฺติปุเปฺผหิ ปุปฺผิตภาวสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํฯ

    Jātijaḷānaṃ anussatuppādo catusatipaṭṭhānapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, paṅgulānaṃ padasā gamanaṃ caturiddhipādapaṭilābhassa pubbanimittaṃ, videsagatānaṃ nāvānaṃ sapaṭṭanāgamanaṃ catupaṭisambhidādhigamassa, ratanānaṃ sayameva virocanaṃ dhammobhāsapaṭilābhassa, niraye agginibbāyanaṃ ekādasagginibbāyanassa, nadīsu toyassa nappavattanaṃ catuvesārajjapaṭilābhassa, lokantare āloko avijjandhakāraṃ vidhametvā ñāṇalokadassanassa, mahāsamuddassa madhurodakatā nibbānarasena ekarasabhāvassa, vātassa avāyanaṃ dvāsaṭṭhidiṭṭhigatabhedanassa, tarūnaṃ pupphitabhāvo vimuttipupphehi pupphitabhāvassa pubbanimittaṃ.

    จนฺทสฺส อติวิโรจนํ พหุชนกนฺตตาย ปุพฺพนิมิตฺตํ, สูริยสฺส นาติอุณฺหวิมลภาโว กายิกเจตสิกสุขุปฺปตฺติยา, ขคานํ นคาทีหิ ปถวิคมนํ โอวาทํ สุตฺวา มหาชนสฺส ปาเณหิ สรณคมนสฺส, มหโต จตุทฺทีปคตเมฆสฺส ปวสฺสนํ มหโต ธมฺมวสฺสสฺส, เทวตานํ สกสกภวเนเสฺวว ฐตฺวา นจฺจาทีหิ กีฬนํ พุทฺธภาวํ ปตฺวา อุทานุทานสฺส, ทฺวารกวาฎานํ สยเมว วิวรณํ อฎฺฐงฺคิกมคฺคทฺวารวิวรณสฺส, ขุทาปีฬนสฺส อภาโว วิมุตฺติสุเขน สุขิตภาวสฺส, เวรีนํ เมตฺตจิตฺตปฎิลาโภ จตุพฺรหฺมวิหารปฎิลาภสฺส, ทสสหสฺสิโลกธาตุยา เอกธชมาลิตา อริยธชมาลิตาย ปุพฺพนิมิตฺตํ, เสสวิเสสา ปน เสสพุทฺธคุณปฎิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตานีติ เวทิตพฺพาฯ

    Candassa ativirocanaṃ bahujanakantatāya pubbanimittaṃ, sūriyassa nātiuṇhavimalabhāvo kāyikacetasikasukhuppattiyā, khagānaṃ nagādīhi pathavigamanaṃ ovādaṃ sutvā mahājanassa pāṇehi saraṇagamanassa, mahato catuddīpagatameghassa pavassanaṃ mahato dhammavassassa, devatānaṃ sakasakabhavanesveva ṭhatvā naccādīhi kīḷanaṃ buddhabhāvaṃ patvā udānudānassa, dvārakavāṭānaṃ sayameva vivaraṇaṃ aṭṭhaṅgikamaggadvāravivaraṇassa, khudāpīḷanassa abhāvo vimuttisukhena sukhitabhāvassa, verīnaṃ mettacittapaṭilābho catubrahmavihārapaṭilābhassa, dasasahassilokadhātuyā ekadhajamālitā ariyadhajamālitāya pubbanimittaṃ, sesavisesā pana sesabuddhaguṇapaṭilābhassa pubbanimittānīti veditabbā.

    อถ ทีปงฺกรกุมาโร มหติยา สมฺปตฺติยา ปริจาริยมาโน อนุกฺกเมน ภทฺทํ โยพฺพนํ ปตฺวา ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเกสุ ตีสุ ปาสาเทสุ เทวโลกสิริํ วิย รชฺชสิริมนุภวโนฺต อุยฺยานกีฬาย คมนสมเย อนุกฺกเมน ชิณฺณพฺยาธิมตสงฺขาเต ตโย เทวทูเต ทิสฺวา สญฺชาตสํเวโค นิวตฺติตฺวา สุทสฺสนนครสทิสวิภวโสภํ รมฺมวตี นาม นครํ ปาวิสิฯ นครํ ปวิสิตฺวา ปุน จตุตฺถวาเร หตฺถาจริยํ ปโกฺกสาเปตฺวา เอตทโวจ – ‘‘อหํ, ตาต, อุยฺยานทสฺสนตฺถาย นิกฺขมิสฺสามิ หตฺถิยานานิ กปฺปาเปหี’’ติฯ โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ ปฎิสุณิตฺวา จตุราสีติหตฺถิสหสฺสานิ กปฺปาเปสิฯ อถ วิสฺสกโมฺม นาม เทวปุโตฺต โพธิสตฺตํ นานาวิราควสนนิวาสนํ อามุกฺกมุตฺตาหารเกยูรํ รุจิรนวกนกกฎกมกุฎกุณฺฑลธรํ ปรมสุรภิกุสุมมาลสมลงฺกตสิโรรุหํ สมลงฺกริ กิรฯ อถ ทีปงฺกรกุมาโร เทวกุมาโร วิย จตุราสีติยา หตฺถิสหเสฺสหิ ปริวุโต หตฺถิกฺขนฺธวรคโต มหตา พลกาเยน ปริวุโต รติชนนํ อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา หตฺถิกฺขนฺธโต โอรุยฺห ตํ อุยฺยานมนุสญฺจริตฺวา ปรมรุจิรทสฺสเน สกหทยสีตเล สิลาตเล นิสีทิตฺวา ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ ฯ ตงฺขณเญฺญว สุทฺธาวาสขีณาสโว มหาพฺรหฺมา อฎฺฐ สมณปริกฺขาเร อาทาย มหาปุริสสฺส จกฺขุปเถ ปาตุรโหสิฯ

    Atha dīpaṅkarakumāro mahatiyā sampattiyā paricāriyamāno anukkamena bhaddaṃ yobbanaṃ patvā tiṇṇaṃ utūnaṃ anucchavikesu tīsu pāsādesu devalokasiriṃ viya rajjasirimanubhavanto uyyānakīḷāya gamanasamaye anukkamena jiṇṇabyādhimatasaṅkhāte tayo devadūte disvā sañjātasaṃvego nivattitvā sudassananagarasadisavibhavasobhaṃ rammavatī nāma nagaraṃ pāvisi. Nagaraṃ pavisitvā puna catutthavāre hatthācariyaṃ pakkosāpetvā etadavoca – ‘‘ahaṃ, tāta, uyyānadassanatthāya nikkhamissāmi hatthiyānāni kappāpehī’’ti. So ‘‘sādhu, devā’’ti paṭisuṇitvā caturāsītihatthisahassāni kappāpesi. Atha vissakammo nāma devaputto bodhisattaṃ nānāvirāgavasananivāsanaṃ āmukkamuttāhārakeyūraṃ ruciranavakanakakaṭakamakuṭakuṇḍaladharaṃ paramasurabhikusumamālasamalaṅkatasiroruhaṃ samalaṅkari kira. Atha dīpaṅkarakumāro devakumāro viya caturāsītiyā hatthisahassehi parivuto hatthikkhandhavaragato mahatā balakāyena parivuto ratijananaṃ uyyānaṃ pavisitvā hatthikkhandhato oruyha taṃ uyyānamanusañcaritvā paramaruciradassane sakahadayasītale silātale nisīditvā pabbajjāya cittaṃ uppādesi . Taṅkhaṇaññeva suddhāvāsakhīṇāsavo mahābrahmā aṭṭha samaṇaparikkhāre ādāya mahāpurisassa cakkhupathe pāturahosi.

    มหาปุริโส ตํ ทิสฺวา – ‘‘กิมิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘สมณปริกฺขาโร’’ติ สุตฺวา อลงฺการภณฺฑํ โอมุญฺจิตฺวา ปสาธนภณฺฑาคาริกสฺส หเตฺถ ทตฺวา มงฺคลขคฺคมาทาย สทฺธิํ มกุเฎน เกเส ฉินฺทิตฺวา อนฺตลิเกฺข อากาเส อุกฺขิปิฯ อถ สโกฺก เทวราชา สุวณฺณจโงฺกฎเกน ตํ เกสมกุฎํ อาทาย สิเนรุมุทฺธนิ ติโยชนปฺปมาณํ อินฺทนีลมณิมยํ มกุฎเจติยํ นาม อกาสิฯ อถ มหาปุริโส เทวทตฺติยํ อรหตฺตธชํ กาสาวํ ปริทหิตฺวา สาฎกยุคํ อากาเส ขิปิฯ ตํ พฺรหฺมา ปฎิคฺคเหตฺวา พฺรหฺมโลเก ทฺวาทสโยชนิกํ สพฺพรตนมยํ เจติยมกาสิฯ ทีปงฺกรกุมารํ ปน ปพฺพชนฺตํ เอกา ปุริสโกฎิ อนุปพฺพชิฯ ตาย ปน ปริสาย ปริวุโต โพธิสโตฺต ทส มาเส ปธานจริยํ อจริฯ อถ วิสาขปุณฺณมาย อญฺญตรํ นครํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ

    Mahāpuriso taṃ disvā – ‘‘kimida’’nti pucchitvā, ‘‘samaṇaparikkhāro’’ti sutvā alaṅkārabhaṇḍaṃ omuñcitvā pasādhanabhaṇḍāgārikassa hatthe datvā maṅgalakhaggamādāya saddhiṃ makuṭena kese chinditvā antalikkhe ākāse ukkhipi. Atha sakko devarājā suvaṇṇacaṅkoṭakena taṃ kesamakuṭaṃ ādāya sinerumuddhani tiyojanappamāṇaṃ indanīlamaṇimayaṃ makuṭacetiyaṃ nāma akāsi. Atha mahāpuriso devadattiyaṃ arahattadhajaṃ kāsāvaṃ paridahitvā sāṭakayugaṃ ākāse khipi. Taṃ brahmā paṭiggahetvā brahmaloke dvādasayojanikaṃ sabbaratanamayaṃ cetiyamakāsi. Dīpaṅkarakumāraṃ pana pabbajantaṃ ekā purisakoṭi anupabbaji. Tāya pana parisāya parivuto bodhisatto dasa māse padhānacariyaṃ acari. Atha visākhapuṇṇamāya aññataraṃ nagaraṃ piṇḍāya pāvisi.

    ตสฺมิํ กิร นคเร ตํทิวสํ เทวตานํ พลิกรณตฺถาย นิรุทกปายาสํ ปจิํสุฯ ตสฺส ปน มหาสตฺตสฺส สปริสสฺส ปิณฺฑาย ปวิฎฺฐสฺส มนุสฺสา อทํสุฯ ตํ กิร สเพฺพสํ โกฎิสงฺขฺยายานํ ภิกฺขูนํ ปริยตฺตํ อโหสิฯ มหาปุริสสฺส ปน ปเตฺต เทวตา ทิโพฺพชํ ปกฺขิปิํสุฯ ตํ ปริภุญฺชิตฺวา ตเตฺถว สาลวเน ทิวาวิหารํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมเย ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐาย คณํ วิสฺสเชฺชตฺวา สุนเนฺทน นามาชีวเกน ทินฺนา อฎฺฐ ติณมุฎฺฐิโย คเหตฺวา ปิปฺผลิโพธิรุกฺขมูลํ คนฺตฺวา ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา นวุติหตฺถํ โพธิกฺขนฺธํ ปิฎฺฐิโต กตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา จตุรงฺควีริยํ อธิฎฺฐหิตฺวา โพธิรุกฺขมูเล นิสีทิฯ

    Tasmiṃ kira nagare taṃdivasaṃ devatānaṃ balikaraṇatthāya nirudakapāyāsaṃ paciṃsu. Tassa pana mahāsattassa saparisassa piṇḍāya paviṭṭhassa manussā adaṃsu. Taṃ kira sabbesaṃ koṭisaṅkhyāyānaṃ bhikkhūnaṃ pariyattaṃ ahosi. Mahāpurisassa pana patte devatā dibbojaṃ pakkhipiṃsu. Taṃ paribhuñjitvā tattheva sālavane divāvihāraṃ vītināmetvā sāyanhasamaye paṭisallānā vuṭṭhāya gaṇaṃ vissajjetvā sunandena nāmājīvakena dinnā aṭṭha tiṇamuṭṭhiyo gahetvā pipphalibodhirukkhamūlaṃ gantvā tiṇasantharaṃ santharitvā navutihatthaṃ bodhikkhandhaṃ piṭṭhito katvā pallaṅkaṃ ābhujitvā caturaṅgavīriyaṃ adhiṭṭhahitvā bodhirukkhamūle nisīdi.

    ตโต มารพลํ วิธมิตฺวา รตฺติยา ปฐมยาเม ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ปจฺฉิมยาเม อนุโลมปฎิโลมวเสน ปจฺจยาการํ สมฺมสิตฺวา อานาปานจตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฎฺฐาย ปญฺจสุ ขเนฺธสุ อภินิวิสิตฺวา อุทยพฺพยวเสน สมปญฺญาส ลกฺขณานิ ทิสฺวา ยาว โคตฺรภุญาณํ วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรุโณทเย อริยมเคฺคน สกลพุทฺธคุเณ ปฎิวิชฺฌิตฺวา พุทฺธสีหนาทํ นทิตฺวา สตฺตสตฺตาหํ โพธิสมีเปเยว วีตินาเมตฺวา พฺรหฺมุโน ธมฺมเทสนํ ปฎิญฺญาย สุนนฺทาราเม ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตตฺวา โกฎิสตานํ เทวมนุสฺสานํ ธมฺมามตํ ปาเยตฺวา จตุทฺทีปิกมหาเมโฆ วิย ธมฺมวสฺสํ วเสฺสโนฺต มหาชนสฺส พนฺธนโมกฺขํ กโรโนฺต ชนปทจาริกํ วิจริฯ

    Tato mārabalaṃ vidhamitvā rattiyā paṭhamayāme pubbenivāsaṃ anussaritvā majjhimayāme dibbacakkhuṃ visodhetvā pacchimayāme anulomapaṭilomavasena paccayākāraṃ sammasitvā ānāpānacatutthajjhānaṃ samāpajjitvā tato vuṭṭhāya pañcasu khandhesu abhinivisitvā udayabbayavasena samapaññāsa lakkhaṇāni disvā yāva gotrabhuñāṇaṃ vipassanaṃ vaḍḍhetvā aruṇodaye ariyamaggena sakalabuddhaguṇe paṭivijjhitvā buddhasīhanādaṃ naditvā sattasattāhaṃ bodhisamīpeyeva vītināmetvā brahmuno dhammadesanaṃ paṭiññāya sunandārāme dhammacakkaṃ pavattetvā koṭisatānaṃ devamanussānaṃ dhammāmataṃ pāyetvā catuddīpikamahāmegho viya dhammavassaṃ vassento mahājanassa bandhanamokkhaṃ karonto janapadacārikaṃ vicari.

    ตทา กิร สุเมธปณฺฑิโต สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมโนฺต เนว ปถวิกมฺปนมทฺทส น ตานิ นิมิตฺตานิฯ เตน วุตฺตํ –

    Tadā kira sumedhapaṇḍito samāpattisukhena vītināmento neva pathavikampanamaddasa na tāni nimittāni. Tena vuttaṃ –

    ๓๔.

    34.

    ‘‘เอวํ เม สิทฺธิปฺปตฺตสฺส, วสีภูตสฺส สาสเน;

    ‘‘Evaṃ me siddhippattassa, vasībhūtassa sāsane;

    ทีปงฺกโร นาม ชิโน, อุปฺปชฺชิ โลกนายโกฯ

    Dīpaṅkaro nāma jino, uppajji lokanāyako.

    ๓๕.

    35.

    ‘‘อุปฺปชฺชเนฺต จ ชายเนฺต, พุชฺฌเนฺต ธมฺมเทสเน;

    ‘‘Uppajjante ca jāyante, bujjhante dhammadesane;

    จตุโร นิมิเตฺต นาทฺทสํ, ฌานรติสมปฺปิโต’’ติฯ

    Caturo nimitte nāddasaṃ, jhānaratisamappito’’ti.

    ตตฺถ เอวนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพํ นิทเสฺสติฯ เมติ มมฯ สิทฺธิปฺปตฺตสฺสาติ ปญฺจาภิญฺญาสิทฺธิปฺปตฺตสฺสฯ วสีภูตสฺสาติ ภูตวสิสฺส, จิณฺณวสีภาวมุปคตสฺสาติ อโตฺถฯ สาสเนติ วิเวกมานสานํ สาสเน, อนาทรลกฺขเณ สามิวจนํ ทฎฺฐพฺพํฯ ชิโนติ กิเลสาริชยเนน ชิโนฯ

    Tattha evanti idāni vattabbaṃ nidasseti. Meti mama. Siddhippattassāti pañcābhiññāsiddhippattassa. Vasībhūtassāti bhūtavasissa, ciṇṇavasībhāvamupagatassāti attho. Sāsaneti vivekamānasānaṃ sāsane, anādaralakkhaṇe sāmivacanaṃ daṭṭhabbaṃ. Jinoti kilesārijayanena jino.

    อุปฺปชฺชเนฺตติ ปฎิสนฺธิคฺคหเณฯ ชายเนฺตติ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมเนฯ พุชฺฌเนฺตติ อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุชฺฌเนฺตฯ ธมฺมเทสเนติ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเนฯ จตุโร นิมิเตฺตติ จตฺตาริ นิมิตฺตานิฯ ทีปงฺกรสฺส ทสพลสฺส ปฎิสนฺธิ-ชาติ-โพธิ-ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเนสุ จตูสุ ฐาเนสุ ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปนาทีนิ นิมิตฺตานีติ อโตฺถฯ เอตฺถาห – ตานิ ปน พหูนิ นิมิตฺตานิ, กสฺมา ‘‘จตุโร นิมิเตฺต’’ติ วุตฺตํ, อยุตฺตํ นนูติ? นายุตฺตํ, ยทิปิ เอตานิ พหูนิ นิมิตฺตานิ, จตูสุ ฐาเนสุ ปน ปวตฺตตฺตา ‘‘จตุโร นิมิเตฺต’’ติ วุตฺตํฯ นาทฺทสนฺติ นาทฺทสิํฯ อิทานิ เตสํ จตุนฺนํ นิมิตฺตานํ อทสฺสเน การณํ นิทฺทิสโนฺต ‘‘ฌานรติสมปฺปิโต’’ติ อาหฯ ฌานรตีติ สมาปตฺติสุขเสฺสตํ อธิวจนํฯ ฌานรติยา สมปฺปิตตฺตา สมงฺคีภูตตฺตา ตานิ นิมิตฺตานิ นาทฺทสนฺติ อโตฺถฯ

    Uppajjanteti paṭisandhiggahaṇe. Jāyanteti mātukucchito nikkhamane. Bujjhanteti anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambujjhante. Dhammadesaneti dhammacakkappavattane. Caturonimitteti cattāri nimittāni. Dīpaṅkarassa dasabalassa paṭisandhi-jāti-bodhi-dhammacakkappavattanesu catūsu ṭhānesu dasasahassilokadhātukampanādīni nimittānīti attho. Etthāha – tāni pana bahūni nimittāni, kasmā ‘‘caturo nimitte’’ti vuttaṃ, ayuttaṃ nanūti? Nāyuttaṃ, yadipi etāni bahūni nimittāni, catūsu ṭhānesu pana pavattattā ‘‘caturo nimitte’’ti vuttaṃ. Nāddasanti nāddasiṃ. Idāni tesaṃ catunnaṃ nimittānaṃ adassane kāraṇaṃ niddisanto ‘‘jhānaratisamappito’’ti āha. Jhānaratīti samāpattisukhassetaṃ adhivacanaṃ. Jhānaratiyā samappitattā samaṅgībhūtattā tāni nimittāni nāddasanti attho.

    อถ ตสฺมิํ กาเล ทีปงฺกรทสพโล จตูหิ ขีณาสวสตสหเสฺสหิ ปริวุโต อนุปุเพฺพน จาริกํ จรมาโน ปรมรมฺมํ รมฺมํ นาม นครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฎิวสติฯ รมฺมนครวาสิโน ‘‘ทีปงฺกโร กิร ทสพโล อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจโกฺก อนุปุเพฺพน จาริกํ จรมาโน รมฺมนครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฎิวสตี’’ติ สุตฺวา สปฺปิอาทีนิ เภสชฺชานิ คเหตฺวา ภุตฺตปาตราสา สุทฺธุตฺตราสงฺคา ปุปฺผธูปคนฺธหตฺถา เยน พุโทฺธ เตนุปสงฺกมิํสุ, อุปสงฺกมิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปุปฺผาทีหิ ปูเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา อติมธุรํ ธมฺมกถํ สุตฺวา สฺวาตนาย ภควนฺตํ นิมเนฺตตฺวา อุฎฺฐายาสนา ทสพลํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมิํสุฯ

    Atha tasmiṃ kāle dīpaṅkaradasabalo catūhi khīṇāsavasatasahassehi parivuto anupubbena cārikaṃ caramāno paramarammaṃ rammaṃ nāma nagaraṃ patvā sudassanamahāvihāre paṭivasati. Rammanagaravāsino ‘‘dīpaṅkaro kira dasabalo anuttaraṃ sammāsambodhiṃ patvā pavattitavaradhammacakko anupubbena cārikaṃ caramāno rammanagaraṃ patvā sudassanamahāvihāre paṭivasatī’’ti sutvā sappiādīni bhesajjāni gahetvā bhuttapātarāsā suddhuttarāsaṅgā pupphadhūpagandhahatthā yena buddho tenupasaṅkamiṃsu, upasaṅkamitvā satthāraṃ vanditvā pupphādīhi pūjetvā ekamantaṃ nisīditvā atimadhuraṃ dhammakathaṃ sutvā svātanāya bhagavantaṃ nimantetvā uṭṭhāyāsanā dasabalaṃ padakkhiṇaṃ katvā pakkamiṃsu.

    เต ปุนทิวเส อสทิสมหาทานํ สเชฺชตฺวา มณฺฑปํ กาเรตฺวา วิมลโกมเลหิ นีลุปฺปเลหิ ฉาเทตฺวา จตุชฺชาติคเนฺธน ปริภณฺฑํ กาเรตฺวา ลาชปญฺจมานิ สุรภิกุสุมานิ วิกิริตฺวา มณฺฑปสฺส จตูสุ โกเณสุ สีตลมธุรวาริปุณฺณา จาฎิโย ฐเปตฺวา กทลิปเณฺณหิ ปิทหิตฺวา มณฺฑโปปริ ชยสุมนกุสุมสทิสํ ปรมรุจิรทสฺสนํ เจลวิตานํ พนฺธิตฺวา สุวณฺณมณิรชตตารกาหิ รจยิตฺวา ตตฺถ คนฺธทามปุปฺผทามปตฺตทามรตนทามานิ โอลเมฺพตฺวา ธูเปหิ ทุทฺทินํ กตฺวา สกลญฺจ ตํ รมฺมํ รมฺมนครํ สมฺมฎฺฐํ สผลกทลิโย จ ปุปฺผสมลงฺกเต ปุณฺณฆเฎ จ ฐปาเปตฺวา นานาวิราคา ธชปฎากาโย จ สมุสฺสาเปตฺวา มหาวีถิยา อุโภสุ ปเสฺสสุ สาณิปากาเรหิ ปริกฺขิปิตฺวา ทีปงฺกรทสพลสฺส อาคมนมคฺคํ อลงฺกโรนฺตา อุทกปริภินฺนฎฺฐาเนสุ ปํสุํ ปกฺขิปิตฺวา จิกฺขลฺลกมฺปิ ปถวิํ อสมํ สมํ กตฺวา มุตฺตาสทิสาหิ วาลุกาหิ อากิรนฺติ, ลาชปญฺจเมหิ จ ปุเปฺผหิ อากิรนฺติ, สผลกทลิกมุเก จ ปติฎฺฐาเปนฺติฯ

    Te punadivase asadisamahādānaṃ sajjetvā maṇḍapaṃ kāretvā vimalakomalehi nīluppalehi chādetvā catujjātigandhena paribhaṇḍaṃ kāretvā lājapañcamāni surabhikusumāni vikiritvā maṇḍapassa catūsu koṇesu sītalamadhuravāripuṇṇā cāṭiyo ṭhapetvā kadalipaṇṇehi pidahitvā maṇḍapopari jayasumanakusumasadisaṃ paramaruciradassanaṃ celavitānaṃ bandhitvā suvaṇṇamaṇirajatatārakāhi racayitvā tattha gandhadāmapupphadāmapattadāmaratanadāmāni olambetvā dhūpehi duddinaṃ katvā sakalañca taṃ rammaṃ rammanagaraṃ sammaṭṭhaṃ saphalakadaliyo ca pupphasamalaṅkate puṇṇaghaṭe ca ṭhapāpetvā nānāvirāgā dhajapaṭākāyo ca samussāpetvā mahāvīthiyā ubhosu passesu sāṇipākārehi parikkhipitvā dīpaṅkaradasabalassa āgamanamaggaṃ alaṅkarontā udakaparibhinnaṭṭhānesu paṃsuṃ pakkhipitvā cikkhallakampi pathaviṃ asamaṃ samaṃ katvā muttāsadisāhi vālukāhi ākiranti, lājapañcamehi ca pupphehi ākiranti, saphalakadalikamuke ca patiṭṭhāpenti.

    อถ ตสฺมิํ กาเล สุเมธตาปโส อตฺตโน อสฺสมปทโต อุคฺคนฺตฺวา รมฺมนครวาสีนํ เตสํ มนุสฺสานํ อุปริภาเคน อากาเสน คจฺฉโนฺต เต หฎฺฐปหเฎฺฐ มคฺคํ โสเธเนฺต จ อลงฺกโรเนฺต จ ทิสฺวา – ‘‘กิํ นุ โข การณ’’นฺติ จิเนฺตตฺวา สเพฺพสํ ปสฺสนฺตานเญฺญว อากาสโต โอรุยฺห เอกมเนฺต ฐตฺวา เต มนุเสฺส ปุจฺฉิ – ‘‘อโมฺภ! กสฺสตฺถาย ตุเมฺห อิมํ มคฺคํ โสเธถา’’ติ? เตน วุตฺตํ –

    Atha tasmiṃ kāle sumedhatāpaso attano assamapadato uggantvā rammanagaravāsīnaṃ tesaṃ manussānaṃ uparibhāgena ākāsena gacchanto te haṭṭhapahaṭṭhe maggaṃ sodhente ca alaṅkaronte ca disvā – ‘‘kiṃ nu kho kāraṇa’’nti cintetvā sabbesaṃ passantānaññeva ākāsato oruyha ekamante ṭhatvā te manusse pucchi – ‘‘ambho! Kassatthāya tumhe imaṃ maggaṃ sodhethā’’ti? Tena vuttaṃ –

    ๓๖.

    36.

    ‘‘ปจฺจนฺตเทสวิสเย, นิมเนฺตตฺวา ตถาคตํ;

    ‘‘Paccantadesavisaye, nimantetvā tathāgataṃ;

    ตสฺส อาคมนํ มคฺคํ, โสเธนฺติ ตุฎฺฐมานสาฯ

    Tassa āgamanaṃ maggaṃ, sodhenti tuṭṭhamānasā.

    ๓๗.

    37.

    ‘‘อหํ เตน สมเยน, นิกฺขมิตฺวา สกสฺสมา;

    ‘‘Ahaṃ tena samayena, nikkhamitvā sakassamā;

    ธุนโนฺต วากจีรานิ, คจฺฉามิ อมฺพเร ตทาฯ

    Dhunanto vākacīrāni, gacchāmi ambare tadā.

    ๓๘.

    38.

    ‘‘เวทชาตํ ชนํ ทิสฺวา, ตุฎฺฐหฎฺฐํ ปโมทิตํ;

    ‘‘Vedajātaṃ janaṃ disvā, tuṭṭhahaṭṭhaṃ pamoditaṃ;

    โอโรหิตฺวาน คคนา, มนุเสฺส ปุจฺฉิ ตาวเทฯ

    Orohitvāna gaganā, manusse pucchi tāvade.

    ๓๙.

    39.

    ‘‘ตุฎฺฐหโฎฺฐ ปมุทิโต, เวทชาโต มหาชโน;

    ‘‘Tuṭṭhahaṭṭho pamudito, vedajāto mahājano;

    กสฺส โสธียติ มโคฺค, อญฺชสํ วฎุมายน’’นฺติฯ

    Kassa sodhīyati maggo, añjasaṃ vaṭumāyana’’nti.

    ตตฺถ ปจฺจนฺตเทสวิสเยติ มชฺฌิมเทสเสฺสว เอกปเสฺส ปจฺจนฺตเทสสญฺญิเต ชนปเทฯ ตสฺส อาคมนํ มคฺคนฺติ เตน อาคนฺตพฺพํ มคฺคนฺติ อโตฺถฯ อหํ เตน สมเยนาติ อหํ ตสฺมิํ สมเย, ภุมฺมเตฺถ เจตํ กรณวจนํ ทฎฺฐพฺพํฯ สกสฺสมาติ อตฺตโน อสฺสมปทโต นิกฺขมิตฺวาฯ ธุนโนฺตติ โอธุนโนฺตฯ ‘‘เตน สมเยน’’ จ, ‘‘ตทา’’ จาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ ปทานํ เอกตฺถตฺตา ปุริมสฺส นิกฺขมนกิริยาย ปจฺฉิมสฺส จ คมนกิริยาย สทฺธิํ สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพ, อิตรถา ปุนรุตฺติโทสา น มุจฺจติฯ ตทาติ ตสฺมิํ สมเยฯ

    Tattha paccantadesavisayeti majjhimadesasseva ekapasse paccantadesasaññite janapade. Tassa āgamanaṃ magganti tena āgantabbaṃ magganti attho. Ahaṃ tena samayenāti ahaṃ tasmiṃ samaye, bhummatthe cetaṃ karaṇavacanaṃ daṭṭhabbaṃ. Sakassamāti attano assamapadato nikkhamitvā. Dhunantoti odhunanto. ‘‘Tena samayena’’ ca, ‘‘tadā’’ cāti imesaṃ dvinnaṃ padānaṃ ekatthattā purimassa nikkhamanakiriyāya pacchimassa ca gamanakiriyāya saddhiṃ sambandho veditabbo, itarathā punaruttidosā na muccati. Tadāti tasmiṃ samaye.

    เวทชาตนฺติ สญฺชาตโสมนสฺสํฯ ตุฎฺฐหฎฺฐํ ปโมทิตนฺติ อิมานิ ตีณิ ปทานิ อญฺญมญฺญเววจนานิ อญฺญมญฺญสฺส อตฺถทีปนานิฯ อถ วา สุเขน ตุฎฺฐํ, ปีติยา หฎฺฐํ, ปาโมเชฺชน ปมุทิตํโอโรหิตฺวานาติ โอตริตฺวาฯ มนุเสฺส ปุจฺฉีติ มานุเส ปุจฺฉิฯ อยเมว วา ปาโฐฯ ตาวเทติ ตทา, ตงฺขเณเยวาติ อโตฺถฯ อิทานิ ปุจฺฉิตมตฺถํ ทเสฺสเนฺตน ‘‘ตุฎฺฐหโฎฺฐ ปมุทิโต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อยํ มหาชโน ตุฎฺฐหโฎฺฐ ปโมทิตหทโย หุตฺวา มคฺคํ โสเธติ, กิํ การณา โสเธติ, กสฺสตฺถาย วา โสเธตีติ? เอวํ ‘‘โสเธติ’’ สทฺทํ อาหริตฺวา อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ, อิตรถา น ยุชฺชติฯ โสธียตีติ สุทฺธภาโว กรียติฯ มโคฺค อญฺชสํ วฎุมายนนฺติ มคฺคเสฺสเวตานิ เววจนานิฯ

    Vedajātanti sañjātasomanassaṃ. Tuṭṭhahaṭṭhaṃ pamoditanti imāni tīṇi padāni aññamaññavevacanāni aññamaññassa atthadīpanāni. Atha vā sukhena tuṭṭhaṃ, pītiyā haṭṭhaṃ, pāmojjena pamuditaṃ. Orohitvānāti otaritvā. Manusse pucchīti mānuse pucchi. Ayameva vā pāṭho. Tāvadeti tadā, taṅkhaṇeyevāti attho. Idāni pucchitamatthaṃ dassentena ‘‘tuṭṭhahaṭṭho pamudito’’tiādi vuttaṃ. Tattha ayaṃ mahājano tuṭṭhahaṭṭho pamoditahadayo hutvā maggaṃ sodheti, kiṃ kāraṇā sodheti, kassatthāya vā sodhetīti? Evaṃ ‘‘sodheti’’ saddaṃ āharitvā attho daṭṭhabbo, itarathā na yujjati. Sodhīyatīti suddhabhāvo karīyati. Maggo añjasaṃ vaṭumāyananti maggassevetāni vevacanāni.

    เอวํ เตน สุเมธตาปเสน ปุฎฺฐา เต มนุสฺสา อาหํสุ – ‘‘ภเนฺต สุเมธ, กิํ น ชานาถ ทีปงฺกโร นาม พุโทฺธ อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจโกฺก ชนปทจาริกํ จรมาโน อนุกฺกเมน อมฺหากํ นครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฎิวสติ, มยํ ตํ ภควนฺตํ นิมนฺตยิตฺวา ตเสฺสว พุทฺธสฺส ภควโต อาคมนมคฺคํ โสเธมา’’ติฯ ตโต ตํ สุตฺวา สุเมธปณฺฑิโต จิเนฺตสิ – ‘‘พุโทฺธติ โข ปเนส โฆโสปิ ทุลฺลโภ, ปเคว พุทฺธุปฺปาโท, เตน หิ มยาปิ อิเมหิ มนุเสฺสหิ สทฺธิํ ทสพลสฺส อาคมนมคฺคํ โสเธตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ โส เต มนุเสฺส อาห – ‘‘สเจ, โภ, ตุเมฺห อิมํ มคฺคํ พุทฺธสฺส โสเธถ, มยฺหมฺปิ เอกํ โอกาสํ เทถ, อหมฺปิ ตุเมฺหหิ สทฺธิํ พุทฺธสฺส มคฺคํ โสเธสฺสามี’’ติฯ ตโต เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา – ‘‘อยํ สุเมธปณฺฑิโต มหิทฺธิโก มหานุภาโว’’ติ ชานมานา ทุพฺพิโสธนํ อุทกสมฺภินฺนํ อติวิย วิสมํ เอกํ โอกาสํ สลฺลเกฺขตฺวา – ‘‘อิมํ โอกาสํ ตุเมฺห โสเธถ อลงฺกโรถ จา’’ติ อทํสุฯ ตโต สุเมธปณฺฑิโต พุทฺธารมฺมณํ ปีติํ อุปฺปาเทตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘อหํ ปน อิมํ โอกาสํ อิทฺธิยา ปรมทสฺสนียํ กาตุํ ปโหมิ, เอวํ กเต ปน มํ น ปริโตเสสฺสติฯ อชฺช ปน มยา กายเวยฺยาวจฺจํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ ปํสุํ อาหริตฺวา ตํ ปเทสํ ปูเรติฯ

    Evaṃ tena sumedhatāpasena puṭṭhā te manussā āhaṃsu – ‘‘bhante sumedha, kiṃ na jānātha dīpaṅkaro nāma buddho anuttaraṃ sammāsambodhiṃ patvā pavattitavaradhammacakko janapadacārikaṃ caramāno anukkamena amhākaṃ nagaraṃ patvā sudassanamahāvihāre paṭivasati, mayaṃ taṃ bhagavantaṃ nimantayitvā tasseva buddhassa bhagavato āgamanamaggaṃ sodhemā’’ti. Tato taṃ sutvā sumedhapaṇḍito cintesi – ‘‘buddhoti kho panesa ghosopi dullabho, pageva buddhuppādo, tena hi mayāpi imehi manussehi saddhiṃ dasabalassa āgamanamaggaṃ sodhetuṃ vaṭṭatī’’ti. So te manusse āha – ‘‘sace, bho, tumhe imaṃ maggaṃ buddhassa sodhetha, mayhampi ekaṃ okāsaṃ detha, ahampi tumhehi saddhiṃ buddhassa maggaṃ sodhessāmī’’ti. Tato te ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā – ‘‘ayaṃ sumedhapaṇḍito mahiddhiko mahānubhāvo’’ti jānamānā dubbisodhanaṃ udakasambhinnaṃ ativiya visamaṃ ekaṃ okāsaṃ sallakkhetvā – ‘‘imaṃ okāsaṃ tumhe sodhetha alaṅkarotha cā’’ti adaṃsu. Tato sumedhapaṇḍito buddhārammaṇaṃ pītiṃ uppādetvā cintesi – ‘‘ahaṃ pana imaṃ okāsaṃ iddhiyā paramadassanīyaṃ kātuṃ pahomi, evaṃ kate pana maṃ na paritosessati. Ajja pana mayā kāyaveyyāvaccaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti paṃsuṃ āharitvā taṃ padesaṃ pūreti.

    ตสฺส ปน ตสฺมิํ ปเทเส อโสธิเต วิปฺปกเตเยว รมฺมนครวาสิโน มนุสฺสา ภควโต กาลมาโรเจสุํ – ‘‘นิฎฺฐิตํ, ภเนฺต, ภตฺต’’นฺติฯ เอวํ เตหิ กาเล อาโรจิเต ทสพโล ชยสุมนกุสุมสทิสวณฺณํ ทุปฎฺฎจีวรํ ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา นิวาเสตฺวา ตสฺสุปริ สุวณฺณปามเงฺคน ชยสุมนกุสุมกลาปํ ปริกฺขิปโนฺต วิย วิชฺชุลตาสสฺสิริกํ กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา กนกคิริสิขรมตฺถเก ลาขารสํ ปริสิญฺจโนฺต วิย สุวณฺณเจติยํ ปวาฬชาเลน ปริกฺขิปโนฺต วิย จ สุวณฺณคฺฆิกํ รตฺตกมฺพเลน ปฎิมุญฺจโนฺต วิย จ สรทสมยรชนิกรํ รตฺตวลาหเกน ปฎิจฺฉาเทโนฺต วิย จ ลาขารเสน ตินฺตกิํสุกกุสุมสทิสวณฺณํ รตฺตวรปํสุกูลจีวรํ ปารุปิตฺวา คนฺธกุฎิทฺวารโต กญฺจนคุหโต สีโห วิย นิกฺขมิตฺวา คนฺธกุฎิปมุเข อฎฺฐาสิฯ อถ สเพฺพ ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย ภควนฺตํ ปริวารยิํสุฯ เต ปน ปริวาเรตฺวา ฐิตา ภิกฺขู เอวรูปา อเหสุํ –

    Tassa pana tasmiṃ padese asodhite vippakateyeva rammanagaravāsino manussā bhagavato kālamārocesuṃ – ‘‘niṭṭhitaṃ, bhante, bhatta’’nti. Evaṃ tehi kāle ārocite dasabalo jayasumanakusumasadisavaṇṇaṃ dupaṭṭacīvaraṃ timaṇḍalaṃ paṭicchādetvā nivāsetvā tassupari suvaṇṇapāmaṅgena jayasumanakusumakalāpaṃ parikkhipanto viya vijjulatāsassirikaṃ kāyabandhanaṃ bandhitvā kanakagirisikharamatthake lākhārasaṃ parisiñcanto viya suvaṇṇacetiyaṃ pavāḷajālena parikkhipanto viya ca suvaṇṇagghikaṃ rattakambalena paṭimuñcanto viya ca saradasamayarajanikaraṃ rattavalāhakena paṭicchādento viya ca lākhārasena tintakiṃsukakusumasadisavaṇṇaṃ rattavarapaṃsukūlacīvaraṃ pārupitvā gandhakuṭidvārato kañcanaguhato sīho viya nikkhamitvā gandhakuṭipamukhe aṭṭhāsi. Atha sabbe bhikkhū attano attano pattacīvaramādāya bhagavantaṃ parivārayiṃsu. Te pana parivāretvā ṭhitā bhikkhū evarūpā ahesuṃ –

    ‘‘อปฺปิจฺฉา ปน สนฺตุฎฺฐา, วตฺตาโร วจนกฺขมา;

    ‘‘Appicchā pana santuṭṭhā, vattāro vacanakkhamā;

    ปวิวิตฺตา อสํสฎฺฐา, วินีตา ปาปครหิโนฯ

    Pavivittā asaṃsaṭṭhā, vinītā pāpagarahino.

    ‘‘สเพฺพปิ สีลสมฺปนฺนา, สมาธิชฺฌานโกวิทา;

    ‘‘Sabbepi sīlasampannā, samādhijjhānakovidā;

    ปญฺญาวิมุตฺติสมฺปนฺนา, ติปญฺจจรณายุตาฯ

    Paññāvimuttisampannā, tipañcacaraṇāyutā.

    ‘‘ขีณาสวา วสิปฺปตฺตา, อิทฺธิมโนฺต ยสสฺสิโน;

    ‘‘Khīṇāsavā vasippattā, iddhimanto yasassino;

    สนฺตินฺทฺริยา ทมปฺปตฺตา, สุทฺธา ขีณปุนพฺภวา’’ติฯ

    Santindriyā damappattā, suddhā khīṇapunabbhavā’’ti.

    อิติ ภควา สยํ วีตราโค วีตราเคหิ วีตโทโส วีตโทเสหิ วีตโมโห วีตโมเหหิ ปริวุโต อติวิย วิโรจิตฺถฯ อถ สตฺถา มหานุภาวานํ ขีณาสวานํ ฉฬภิญฺญานํ จตูหิ สตสหเสฺสหิ ปริวุโต มรุคณปริวุโต ทสสตนยโน วิย พฺรหฺมคณปริวุโต หาริตมหาพฺรหฺมา วิย จ อปริมิตสมยสมุปจิตกุสลพลชนิตาย อโนปมาย พุทฺธลีฬาย ตาราคณปริวุโต สรทสมยรชนิกโร วิย จ คคนตลํ ตํ มคฺคํ อลงฺกตปฎิยตฺตํ ปฎิปชฺชิฯ

    Iti bhagavā sayaṃ vītarāgo vītarāgehi vītadoso vītadosehi vītamoho vītamohehi parivuto ativiya virocittha. Atha satthā mahānubhāvānaṃ khīṇāsavānaṃ chaḷabhiññānaṃ catūhi satasahassehi parivuto marugaṇaparivuto dasasatanayano viya brahmagaṇaparivuto hāritamahābrahmā viya ca aparimitasamayasamupacitakusalabalajanitāya anopamāya buddhalīḷāya tārāgaṇaparivuto saradasamayarajanikaro viya ca gaganatalaṃ taṃ maggaṃ alaṅkatapaṭiyattaṃ paṭipajji.

    ‘‘สุวณฺณวณฺณาย ปภาย ธีโร, สุวณฺณวเณฺณ กิร มคฺครุเกฺข;

    ‘‘Suvaṇṇavaṇṇāya pabhāya dhīro, suvaṇṇavaṇṇe kira maggarukkhe;

    สุวณฺณวเณฺณ กุสุเม กโรโนฺต, สุวณฺณวโณฺณ ปฎิปชฺชิ มคฺคํ’’ฯ

    Suvaṇṇavaṇṇe kusume karonto, suvaṇṇavaṇṇo paṭipajji maggaṃ’’.

    สุเมธตาปโสปิ เตน อลงฺกตปฎิยเตฺตน มเคฺคน อาคจฺฉนฺตสฺส ทีปงฺกรสฺส ภควโต ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณปฎิมณฺฑิตํ อสีติยา อนุพฺยญฺชเนหิ อนุรญฺชิตํ พฺยามปฺปภาย ปริเกฺขปํ สสฺสิริกํ อินฺทนีลมณิสทิสํ อากาเส นานปฺปการา วิชฺชุลตา วิย ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสเชฺชนฺตํ รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ อตฺตภาวํ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกตฺวา – ‘‘อชฺช มยา ทสพลสฺส ชีวิตปริจฺจาคํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ, ‘‘มา ภควา กลเล อกฺกมิ, มณิมยผลกเสตุํ อกฺกมโนฺต วิย สทฺธิํ จตูหิ ขีณาสวสตสหเสฺสหิ มม ปิฎฺฐิํ อกฺกมโนฺต คจฺฉตุ, ตํ เม ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ เกเส โมเจตฺวา อชินชฎาวากจีรานิ กาฬวเณฺณ กลเล ปตฺถริตฺวา ตเตฺถว กลลปิเฎฺฐ นิปชฺชิฯ เตน วุตฺตํ –

    Sumedhatāpasopi tena alaṅkatapaṭiyattena maggena āgacchantassa dīpaṅkarassa bhagavato dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇapaṭimaṇḍitaṃ asītiyā anubyañjanehi anurañjitaṃ byāmappabhāya parikkhepaṃ sassirikaṃ indanīlamaṇisadisaṃ ākāse nānappakārā vijjulatā viya chabbaṇṇabuddharasmiyo vissajjentaṃ rūpasobhaggappattaṃ attabhāvaṃ akkhīni ummīletvā oloketvā – ‘‘ajja mayā dasabalassa jīvitapariccāgaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti, ‘‘mā bhagavā kalale akkami, maṇimayaphalakasetuṃ akkamanto viya saddhiṃ catūhi khīṇāsavasatasahassehi mama piṭṭhiṃ akkamanto gacchatu, taṃ me bhavissati dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti kese mocetvā ajinajaṭāvākacīrāni kāḷavaṇṇe kalale pattharitvā tattheva kalalapiṭṭhe nipajji. Tena vuttaṃ –

    ๔๐.

    40.

    ‘‘เต เม ปุฎฺฐา วิยากํสุ, พุโทฺธ โลเก อนุตฺตโร;

    ‘‘Te me puṭṭhā viyākaṃsu, buddho loke anuttaro;

    ทีปงฺกโร นาม ชิโน, อุปฺปชฺชิ โลกนายโก;

    Dīpaṅkaro nāma jino, uppajji lokanāyako;

    ตสฺส โสธียติ มโคฺค, อญฺชสํ วฎุมายนํฯ

    Tassa sodhīyati maggo, añjasaṃ vaṭumāyanaṃ.

    ๔๑.

    41.

    ‘‘พุโทฺธติ วจนํ สุตฺวาน, ปีติ อุปฺปชฺชิ ตาวเท;

    ‘‘Buddhoti vacanaṃ sutvāna, pīti uppajji tāvade;

    พุโทฺธ พุโทฺธติ กถยโนฺต, โสมนสฺสํ ปเวทยิํฯ

    Buddho buddhoti kathayanto, somanassaṃ pavedayiṃ.

    ๔๒.

    42.

    ‘‘ตตฺถ ฐตฺวา วิจิเนฺตสิํ, ตุโฎฺฐ สํวิคฺคมานโส;

    ‘‘Tattha ṭhatvā vicintesiṃ, tuṭṭho saṃviggamānaso;

    อิธ พีชานิ โรปิสฺสํ, ขโณ เว มา อุปจฺจคาฯ

    Idha bījāni ropissaṃ, khaṇo ve mā upaccagā.

    ๔๓.

    43.

    ‘‘ยทิ พุทฺธสฺส โสเธถ, เอโกกาสํ ททาถ เม;

    ‘‘Yadi buddhassa sodhetha, ekokāsaṃ dadātha me;

    อหมฺปิ โสธยิสฺสามิ, อญฺชสํ วฎุมายนํฯ

    Ahampi sodhayissāmi, añjasaṃ vaṭumāyanaṃ.

    ๔๔.

    44.

    ‘‘อทํสุ เต มโมกาสํ, โสเธตุํ อญฺชสํ ตทา;

    ‘‘Adaṃsu te mamokāsaṃ, sodhetuṃ añjasaṃ tadā;

    พุโทฺธ พุโทฺธติ จิเนฺตโนฺต, มคฺคํ โสเธมหํ ตทาฯ

    Buddho buddhoti cintento, maggaṃ sodhemahaṃ tadā.

    ๔๕.

    45.

    ‘‘อนิฎฺฐิเต มโมกาเส, ทีปงฺกโร มหามุนิ;

    ‘‘Aniṭṭhite mamokāse, dīpaṅkaro mahāmuni;

    จตูหิ สตสหเสฺสหิ, ฉฬภิเญฺญหิ ตาทิหิ;

    Catūhi satasahassehi, chaḷabhiññehi tādihi;

    ขีณาสเวหิ วิมเลหิ, ปฎิปชฺชิ อญฺชสํ ชิโนฯ

    Khīṇāsavehi vimalehi, paṭipajji añjasaṃ jino.

    ๔๖.

    46.

    ‘‘ปจฺจุคฺคมนา วตฺตนฺติ, วชฺชนฺติ เภริโย พหู;

    ‘‘Paccuggamanā vattanti, vajjanti bheriyo bahū;

    อาโมทิตา นรมรู, สาธุการํ ปวตฺตยุํฯ

    Āmoditā naramarū, sādhukāraṃ pavattayuṃ.

    ๔๗.

    47.

    ‘‘เทวา มนุเสฺส ปสฺสนฺติ, มนุสฺสาปิ จ เทวตา;

    ‘‘Devā manusse passanti, manussāpi ca devatā;

    อุโภปิ เต ปญฺชลิกา, อนุยนฺติ ตถาคตํฯ

    Ubhopi te pañjalikā, anuyanti tathāgataṃ.

    ๔๘.

    48.

    ‘‘เทวา ทิเพฺพหิ ตุริเยหิ, มนุสฺสา มานุเสหิ จ;

    ‘‘Devā dibbehi turiyehi, manussā mānusehi ca;

    อุโภปิ เต วชฺชยนฺตา, อนุยนฺติ ตถาคตํฯ

    Ubhopi te vajjayantā, anuyanti tathāgataṃ.

    ๔๙.

    49.

    ‘‘ทิพฺพํ มนฺทารวํ ปุปฺผํ, ปทุมํ ปาริฉตฺตกํ;

    ‘‘Dibbaṃ mandāravaṃ pupphaṃ, padumaṃ pārichattakaṃ;

    ทิโสทิสํ โอกิรนฺติ, อากาสนภคตา มรูฯ

    Disodisaṃ okiranti, ākāsanabhagatā marū.

    ๕๐.

    50.

    ‘‘ทิพฺพํ จนฺทนจุณฺณญฺจ, วรคนฺธญฺจ เกวลํ;

    ‘‘Dibbaṃ candanacuṇṇañca, varagandhañca kevalaṃ;

    ทิโสทิสํ โอกิรนฺติ, อากาสนภคตา มรูฯ

    Disodisaṃ okiranti, ākāsanabhagatā marū.

    ๕๑.

    51.

    ‘‘จมฺปกํ สรลํ นีปํ, นาคปุนฺนาคเกตลํ;

    ‘‘Campakaṃ saralaṃ nīpaṃ, nāgapunnāgaketalaṃ;

    ทิโสทิสํ อุกฺขิปนฺติ, ภูมิตลคตา นราฯ

    Disodisaṃ ukkhipanti, bhūmitalagatā narā.

    ๕๒.

    52.

    ‘‘เกเส มุญฺจิตฺวาหํ ตตฺถ, วากจีรญฺจ จมฺมกํ;

    ‘‘Kese muñcitvāhaṃ tattha, vākacīrañca cammakaṃ;

    กลเล ปตฺถริตฺวาน, อวกุโชฺช นิปชฺชหํฯ

    Kalale pattharitvāna, avakujjo nipajjahaṃ.

    ๕๓.

    53.

    ‘‘อกฺกมิตฺวาน มํ พุโทฺธ, สห สิเสฺสหิ คจฺฉตุ;

    ‘‘Akkamitvāna maṃ buddho, saha sissehi gacchatu;

    มา นํ กลเล อกฺกมิตฺถ, หิตาย เม ภวิสฺสตี’’ติฯ

    Mā naṃ kalale akkamittha, hitāya me bhavissatī’’ti.

    ตตฺถ วิยากํสูติ พฺยากริํสุฯ ‘‘ทีปงฺกโร นาม ชิโน, ตสฺส โสธียติ ปโถ’’ติปิ ปาโฐฯ โสมนสฺสํ ปเวทยินฺติ โสมนสฺสมนุภวินฺติ อโตฺถฯ ตตฺถ ฐตฺวาติ ยสฺมิํ ปเทเส อากาสโต โอตริ, ตเตฺถว ฐตฺวาฯ สํวิคฺคมานโสติ ปีติวิมฺหิตมานโสฯ อิธาติ อิมสฺมิํ ทีปงฺกเร ปุญฺญเกฺขเตฺตฯ พีชานีติ กุสลพีชานิฯ โรปิสฺสนฺติ โรปิสฺสามิฯ ขโณติ อฎฺฐกฺขณวิรหิโต นวโม ขณสนฺนิปาโตฯ อติทุลฺลโภ โส มยา ปฎิลโทฺธฯ เวติ นิปาตมตฺตํฯ มา อุปจฺจคาติ โส มา อจฺจคมา, มา อติกฺกมีติ อโตฺถฯ ททาถาติ เทถฯ เตติ เย เม ปุฎฺฐา มนุสฺสา, เตติ อโตฺถฯ โสเธมหํ ตทาติ โสเธมิ อหํ ตทาฯ อนิฎฺฐิเตติ อปริโยสิเต วิปฺปกเตฯ ขีณาสเวหีติ เอตฺถ จตฺตาโร อาสวา – กามาสโว, ภวาสโว, ทิฎฺฐาสโว, อวิชฺชาสโวติ (จูฬนิ. ชตุกณฺณิมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๖๙) อิเม จตฺตาโร อาสวา เยสํ ขีณา ปหีนา สมุจฺฉินฺนา ปฎิปฺปสฺสทฺธา อภพฺพุปฺปตฺติกา ญาณคฺคินา ทฑฺฒา, เต ขีณาสวา, เตหิ ขีณาสเวหิฯ ขีณาสวตฺตาเยว วิมเลหิ

    Tattha viyākaṃsūti byākariṃsu. ‘‘Dīpaṅkaro nāma jino, tassa sodhīyati patho’’tipi pāṭho. Somanassaṃ pavedayinti somanassamanubhavinti attho. Tattha ṭhatvāti yasmiṃ padese ākāsato otari, tattheva ṭhatvā. Saṃviggamānasoti pītivimhitamānaso. Idhāti imasmiṃ dīpaṅkare puññakkhette. Bījānīti kusalabījāni. Ropissanti ropissāmi. Khaṇoti aṭṭhakkhaṇavirahito navamo khaṇasannipāto. Atidullabho so mayā paṭiladdho. Veti nipātamattaṃ. Mā upaccagāti so mā accagamā, mā atikkamīti attho. Dadāthāti detha. Teti ye me puṭṭhā manussā, teti attho. Sodhemahaṃ tadāti sodhemi ahaṃ tadā. Aniṭṭhiteti apariyosite vippakate. Khīṇāsavehīti ettha cattāro āsavā – kāmāsavo, bhavāsavo, diṭṭhāsavo, avijjāsavoti (cūḷani. jatukaṇṇimāṇavapucchāniddesa 69) ime cattāro āsavā yesaṃ khīṇā pahīnā samucchinnā paṭippassaddhā abhabbuppattikā ñāṇagginā daḍḍhā, te khīṇāsavā, tehi khīṇāsavehi. Khīṇāsavattāyeva vimalehi.

    เทวา มนุเสฺส ปสฺสนฺตีติ เอตฺถ เทวานํ มนุสฺสทสฺสเน วตฺตพฺพํ นตฺถิ, ปกติทสฺสนวเสน ปน ยถา มนุสฺสา อิธ ฐตฺวา ปสฺสนฺติ, เอวํ เทวาปิ มนุเสฺส ปสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ เทวตาติ เทเวฯ อุโภปีติ อุโภ เทวมนุสฺสาฯ ปญฺชลิกาติ กตปญฺชลิกา, อุโภปิ หเตฺถ สิรสิ ปติฎฺฐาเปตฺวาติ อโตฺถฯ อนุยนฺติ ตถาคตนฺติ ตถาคตสฺส ปจฺฉโต ยนฺติ, อนุโยเค สติ สามิอเตฺถ อุปโยควจนํ โหตีติ ลกฺขณํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อนุยนฺติ ตถาคต’’นฺติฯ วชฺชยนฺตาติ วาเทนฺตาฯ

    Devā manusse passantīti ettha devānaṃ manussadassane vattabbaṃ natthi, pakatidassanavasena pana yathā manussā idha ṭhatvā passanti, evaṃ devāpi manusse passantīti attho. Devatāti deve. Ubhopīti ubho devamanussā. Pañjalikāti katapañjalikā, ubhopi hatthe sirasi patiṭṭhāpetvāti attho. Anuyanti tathāgatanti tathāgatassa pacchato yanti, anuyoge sati sāmiatthe upayogavacanaṃ hotīti lakkhaṇaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘anuyanti tathāgata’’nti. Vajjayantāti vādentā.

    มนฺทารวนฺติ มนฺทารวปุปฺผํฯ ทิโสทิสนฺติ ทิสโต ทิสโตฯ โอกิรนฺตีติ อวกิรนฺติฯ อากาสนภคตาติ อากาสสงฺขาเต นภสิ คตาฯ อถ วา อากาสํ คตา สคฺคคตาวฯ ‘‘นโภ’’ติ หิ สโคฺค วุจฺจติฯ มรูติ อมราฯ สรลนฺติ สรลตรุกุสุมํฯ นีปนฺติ กทมฺพปุปฺผํฯ นาคปุนฺนาคเกตกนฺติ นาคปุนฺนาคเกตกปุปฺผานิ จฯ ภูมิตลคตาติ ภูมิคตาฯ

    Mandāravanti mandāravapupphaṃ. Disodisanti disato disato. Okirantīti avakiranti. Ākāsanabhagatāti ākāsasaṅkhāte nabhasi gatā. Atha vā ākāsaṃ gatā saggagatāva. ‘‘Nabho’’ti hi saggo vuccati. Marūti amarā. Saralanti saralatarukusumaṃ. Nīpanti kadambapupphaṃ. Nāgapunnāgaketakanti nāgapunnāgaketakapupphāni ca. Bhūmitalagatāti bhūmigatā.

    เกเส มุญฺจิตฺวาหนฺติ อหํ เกเส พทฺธา กลาปกุฎิลชฎา มุญฺจิตฺวา, วิปฺปกิริตฺวาติ อโตฺถฯ ตตฺถาติ มยฺหํ ทิเนฺน โอกาเสฯ จมฺมกนฺติ จมฺมกฺขณฺฑํฯ กลเลติ จิกฺขลฺลกทฺทเมฯ อวกุโชฺชติ อโธมุโข หุตฺวาฯ นิปชฺชหนฺติ นิปชฺชิํ อหํฯ มา นนฺติ เอตฺถ มาติ ปฎิเสธเตฺถ นิปาโตฯ นฺติ ปทปูรณเตฺถ นิปาโต, พุโทฺธ กลเล มา อกฺกมิตฺถาติ อโตฺถฯ หิตาย เม ภวิสฺสตีติ ตํ กลเล อนกฺกมนํ ทีฆรตฺตํ มม หิตตฺถาย ภวิสฺสตีติฯ ‘‘สุขาย เม ภวิสฺสตี’’ติปิ ปาโฐฯ

    Kesemuñcitvāhanti ahaṃ kese baddhā kalāpakuṭilajaṭā muñcitvā, vippakiritvāti attho. Tatthāti mayhaṃ dinne okāse. Cammakanti cammakkhaṇḍaṃ. Kalaleti cikkhallakaddame. Avakujjoti adhomukho hutvā. Nipajjahanti nipajjiṃ ahaṃ. Mā nanti ettha ti paṭisedhatthe nipāto. Nanti padapūraṇatthe nipāto, buddho kalale mā akkamitthāti attho. Hitāya me bhavissatīti taṃ kalale anakkamanaṃ dīgharattaṃ mama hitatthāya bhavissatīti. ‘‘Sukhāya me bhavissatī’’tipi pāṭho.

    ตโต สุเมธปณฺฑิโต กลลปิเฎฺฐ นิปโนฺน เอวํ จิเนฺตสิ – ‘‘สจาหํ อิเจฺฉยฺยํ สพฺพกิเลเส ฌาเปตฺวา สงฺฆนวโก หุตฺวา รมฺมนครํ ปวิเสยฺยํ, อญฺญาตกเวเสน ปน เม กิเลเส ฌาเปตฺวา นิพฺพานปฺปตฺติยา กิจฺจํ นตฺถิ, ยํนูนาหํ ทีปงฺกรทสพโล วิย ปรมาภิสโมฺพธิํ ปตฺวา ธมฺมนาวํ อาโรเปตฺวา มหาชนํ สํสารสาครา อุตฺตาเรตฺวา ปจฺฉา ปรินิพฺพาเยยฺยํ, อิทํ เม ปติรูป’’นฺติฯ ตโต อฎฺฐ ธเมฺม สโมธาเนตฺวา พุทฺธภาวาย อภินีหารํ กตฺวา นิปชฺชิฯ เตน วุตฺตํ –

    Tato sumedhapaṇḍito kalalapiṭṭhe nipanno evaṃ cintesi – ‘‘sacāhaṃ iccheyyaṃ sabbakilese jhāpetvā saṅghanavako hutvā rammanagaraṃ paviseyyaṃ, aññātakavesena pana me kilese jhāpetvā nibbānappattiyā kiccaṃ natthi, yaṃnūnāhaṃ dīpaṅkaradasabalo viya paramābhisambodhiṃ patvā dhammanāvaṃ āropetvā mahājanaṃ saṃsārasāgarā uttāretvā pacchā parinibbāyeyyaṃ, idaṃ me patirūpa’’nti. Tato aṭṭha dhamme samodhānetvā buddhabhāvāya abhinīhāraṃ katvā nipajji. Tena vuttaṃ –

    ๕๔.

    54.

    ‘‘ปถวิยํ นิปนฺนสฺส, เอวํ เม อาสิ เจตโส;

    ‘‘Pathaviyaṃ nipannassa, evaṃ me āsi cetaso;

    อิจฺฉมาโน อหํ อชฺช, กิเลเส ฌาปเย มมฯ

    Icchamāno ahaṃ ajja, kilese jhāpaye mama.

    ๕๕.

    55.

    ‘‘กิํ เม อญฺญาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;

    ‘‘Kiṃ me aññātavesena, dhammaṃ sacchikatenidha;

    สพฺพญฺญุตํ ปาปุณิตฺวา, พุโทฺธ เหสฺสํ สเทวเกฯ

    Sabbaññutaṃ pāpuṇitvā, buddho hessaṃ sadevake.

    ๕๖.

    56.

    ‘‘กิํ เม เอเกน ติเณฺณน, ปุริเสน ถามทสฺสินา;

    ‘‘Kiṃ me ekena tiṇṇena, purisena thāmadassinā;

    สพฺพญฺญุตํ ปาปุณิตฺวา, สนฺตาเรสฺสํ สเทวกํฯ

    Sabbaññutaṃ pāpuṇitvā, santāressaṃ sadevakaṃ.

    ๕๗.

    57.

    ‘‘อิมินา เม อธิกาเรน, กเตน ปุริสุตฺตเม;

    ‘‘Iminā me adhikārena, katena purisuttame;

    สพฺพญฺญุตํ ปาปุณิตฺวา, ตาเรมิ ชนตํ พหุํฯ

    Sabbaññutaṃ pāpuṇitvā, tāremi janataṃ bahuṃ.

    ๕๘.

    58.

    ‘‘สํสารโสตํ ฉินฺทิตฺวา, วิทฺธํเสตฺวา ตโย ภเว;

    ‘‘Saṃsārasotaṃ chinditvā, viddhaṃsetvā tayo bhave;

    ธมฺมนาวํ สมารุยฺห, สนฺตาเรสฺสํ สเทวก’’นฺติฯ

    Dhammanāvaṃ samāruyha, santāressaṃ sadevaka’’nti.

    ตตฺถ ปถวิยํ นิปนฺนสฺสาติ ปุถวิยา นิปนฺนสฺสฯ อยเมว วา ปาโฐฯ เจตโสติ เจตโส ปริวิตโกฺก อโหสีติ อโตฺถฯ ‘‘เอวํ เม อาสิ เจตนา’’ติปิ ปาโฐฯ อิจฺฉมาโนติ อากงฺขมาโนฯ กิเลเสติ กิลิสฺสนฺติ อุปตาเปนฺตีติ กิเลสา, ราคาทโย ทสฯ ฌาปเยติ ฌาเปยฺยํ, มม กิเลเส ฌาปเย อหนฺติ อโตฺถฯ

    Tattha pathaviyaṃ nipannassāti puthaviyā nipannassa. Ayameva vā pāṭho. Cetasoti cetaso parivitakko ahosīti attho. ‘‘Evaṃ me āsi cetanā’’tipi pāṭho. Icchamānoti ākaṅkhamāno. Kileseti kilissanti upatāpentīti kilesā, rāgādayo dasa. Jhāpayeti jhāpeyyaṃ, mama kilese jhāpaye ahanti attho.

    กินฺติ ปฎิเกฺขปวจนํฯ อญฺญาตเวเสนาติ อปากฎเวเสน, อวิญฺญาเตน ปฎิจฺฉเนฺนนฯ อิธ ปน ภิกฺขู วิย อาสวกฺขยํ กตฺวา กิํ, พุทฺธกเร ธเมฺม ปูเรตฺวา ปฎิสนฺธิชาติโพธิธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเนสุ มหาปถวิกมฺปนํ กตฺวา พุโทฺธ โพเธตา, ติโณฺณ ตาเรตา, มุโตฺต โมเจตา ภเวยฺยนฺติ อธิปฺปาโยฯ สเทวเกติ สเทวเก โลเกฯ

    Kinti paṭikkhepavacanaṃ. Aññātavesenāti apākaṭavesena, aviññātena paṭicchannena. Idha pana bhikkhū viya āsavakkhayaṃ katvā kiṃ, buddhakare dhamme pūretvā paṭisandhijātibodhidhammacakkappavattanesu mahāpathavikampanaṃ katvā buddho bodhetā, tiṇṇo tāretā, mutto mocetā bhaveyyanti adhippāyo. Sadevaketi sadevake loke.

    ถามทสฺสินาติ อตฺตโน ถามพลํ ปสฺสมาเนนฯ สนฺตาเรสฺสนฺติ สนฺตาเรสฺสามิฯ สเทวกนฺติ สเทวกํ สตฺตนิกายํ, สเทวกํ โลกํ วาฯ อธิกาเรนาติ อธิวิสิเฎฺฐน กาเรน, พุทฺธสฺส มม ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา กลลปิเฎฺฐ สยเนนาธิกาเรนาติ อโตฺถฯ

    Thāmadassināti attano thāmabalaṃ passamānena. Santāressanti santāressāmi. Sadevakanti sadevakaṃ sattanikāyaṃ, sadevakaṃ lokaṃ vā. Adhikārenāti adhivisiṭṭhena kārena, buddhassa mama jīvitaṃ pariccajitvā kalalapiṭṭhe sayanenādhikārenāti attho.

    สํสารโสตนฺติ กมฺมกิเลสวเสน โยนิคติวิญฺญาณฎฺฐิตินวสตฺตาวาเสสุ อิโต จิโต จ สํสรณํ สํสาโรฯ ยถาห –

    Saṃsārasotanti kammakilesavasena yonigativiññāṇaṭṭhitinavasattāvāsesu ito cito ca saṃsaraṇaṃ saṃsāro. Yathāha –

    ‘‘ขนฺธานญฺจ ปฎิปาฎิ, ธาตุอายตนานญฺจ;

    ‘‘Khandhānañca paṭipāṭi, dhātuāyatanānañca;

    อโพฺพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติฯ (วิสุทฺธิ. ๒.๖๑๙; ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๙๕ อปสาทนาวณฺณนา; สํ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒.๖๐; อ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๔.๑๙๙; ธ. ส. อฎฺฐ. นิทานกถา; วิภ. อฎฺฐ. ๒๒๖ สงฺขาปทนิเทฺทส; สุ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๕๒๓; อุทา. อฎฺฐ. ๓๙; อิติวุ. อฎฺฐ. ๑๔, ๕๘; เถรคา. อฎฺฐ. ๑.๖๗, ๙๙; จูฬนิ. อฎฺฐ. ๖; ปฎิ. ม. อฎฺฐ. ๒.๑.๑๑๗);

    Abbocchinnaṃ vattamānā, saṃsāroti pavuccatī’’ti. (visuddhi. 2.619; dī. ni. aṭṭha. 2.95 apasādanāvaṇṇanā; saṃ. ni. aṭṭha. 2.2.60; a. ni. aṭṭha. 2.4.199; dha. sa. aṭṭha. nidānakathā; vibha. aṭṭha. 226 saṅkhāpadaniddesa; su. ni. aṭṭha. 2.523; udā. aṭṭha. 39; itivu. aṭṭha. 14, 58; theragā. aṭṭha. 1.67, 99; cūḷani. aṭṭha. 6; paṭi. ma. aṭṭha. 2.1.117);

    สํสาโร จ โส โสตํ เจติ สํสารโสตํ, ตํ สํสารโสตํฯ อถ วา สํสารสฺส โสตํ สํสารโสตํ, สํสารการณํ ตณฺหาโสตํ ฉินฺทิตฺวาติ อโตฺถฯ ตโย ภเวติ กามรูปารูปภเวฯ ติภวนิพฺพตฺตกกมฺมกิเลสา ตโย ภวาติ อธิเปฺปตาฯ ธมฺมนาวนฺติ อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํฯ โส หิ จตุโรฆุตฺตรณเฎฺฐน ‘‘ธมฺมนาวา’’ติ วุจฺจติฯ สมารุยฺหาติ อารุยฺหฯ สนฺตาเรสฺสนฺติ สนฺตาเรสฺสามิฯ ยสฺมา ปน พุทฺธตฺตํ ปเตฺถนฺตสฺส –

    Saṃsāro ca so sotaṃ ceti saṃsārasotaṃ, taṃ saṃsārasotaṃ. Atha vā saṃsārassa sotaṃ saṃsārasotaṃ, saṃsārakāraṇaṃ taṇhāsotaṃ chinditvāti attho. Tayo bhaveti kāmarūpārūpabhave. Tibhavanibbattakakammakilesā tayo bhavāti adhippetā. Dhammanāvanti ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ. So hi caturoghuttaraṇaṭṭhena ‘‘dhammanāvā’’ti vuccati. Samāruyhāti āruyha. Santāressanti santāressāmi. Yasmā pana buddhattaṃ patthentassa –

    ๕๙.

    59.

    ‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;

    ‘‘Manussattaṃ liṅgasampatti, hetu satthāradassanaṃ;

    ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;

    Pabbajjā guṇasampatti, adhikāro ca chandatā;

    อฎฺฐธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌติ’’ฯ

    Aṭṭhadhammasamodhānā, abhinīhāro samijjhati’’.

    ตตฺถ มนุสฺสตฺตนฺติ มนุสฺสตฺตภาเวเยว ฐตฺวา พุทฺธตฺตํ ปเตฺถนฺตสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น นาคชาติอาทีสุ ฐิตานํฯ กสฺมาติ เจ? อเหตุกภาวโตฯ

    Tattha manussattanti manussattabhāveyeva ṭhatvā buddhattaṃ patthentassa patthanā samijjhati, na nāgajātiādīsu ṭhitānaṃ. Kasmāti ce? Ahetukabhāvato.

    ลิงฺคสมฺปตฺตีติ มนุสฺสตฺตภาเว วตฺตมานสฺสาปิ ปุริสลิเงฺค ฐิตเสฺสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น อิตฺถิยา วา ปณฺฑกนปุํสกอุภโตพฺยญฺชนกานํ วา สมิชฺฌติ ฯ กสฺมาติ เจ? ลกฺขณปาริปูริยา อภาวโตฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘อฎฺฐานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ อิตฺถี อรหํ อสฺส สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๓๐; อ. นิ. ๑.๒๗๙; วิภ. ๘๐๙) วิตฺถาโรฯ ตสฺมา อิตฺถิลิเงฺค ฐิตสฺส มนุสฺสชาติกสฺสาปิ ปตฺถนา น สมิชฺฌติฯ

    Liṅgasampattīti manussattabhāve vattamānassāpi purisaliṅge ṭhitasseva patthanā samijjhati, na itthiyā vā paṇḍakanapuṃsakaubhatobyañjanakānaṃ vā samijjhati . Kasmāti ce? Lakkhaṇapāripūriyā abhāvato. Vuttañhetaṃ – ‘‘aṭṭhānametaṃ, bhikkhave, anavakāso, yaṃ itthī arahaṃ assa sammāsambuddho’’ti (ma. ni. 3.130; a. ni. 1.279; vibha. 809) vitthāro. Tasmā itthiliṅge ṭhitassa manussajātikassāpi patthanā na samijjhati.

    เหตูติ ปุริสสฺสาปิ ตสฺมิํ อตฺตภาเว อรหตฺตปฺปตฺติยา เหตุสมฺปนฺนเสฺสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, โน อิตรสฺสฯ

    Hetūti purisassāpi tasmiṃ attabhāve arahattappattiyā hetusampannasseva patthanā samijjhati, no itarassa.

    สตฺถารทสฺสนนฺติ สเจ ชีวมานกพุทฺธเสฺสว สนฺติเก ปเตฺถติ ปตฺถนา สมิชฺฌติฯ ปรินิพฺพุเต ภควติ เจติยสฺส สนฺติเก วา โพธิรุกฺขมูเล วา ปฎิมาย วา ปเจฺจกพุทฺธพุทฺธสาวกานํ วา สนฺติเก ปตฺถนา น สมิชฺฌติฯ กสฺมา? ภพฺพาภพฺพเก ญตฺวา กมฺมวิปากปริเจฺฉทกญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา พฺยากาตุํ อสมตฺถตฺตาฯ ตสฺมา พุทฺธสฺส สนฺติเกเยว ปตฺถนา สมิชฺฌติฯ

    Satthāradassananti sace jīvamānakabuddhasseva santike pattheti patthanā samijjhati. Parinibbute bhagavati cetiyassa santike vā bodhirukkhamūle vā paṭimāya vā paccekabuddhabuddhasāvakānaṃ vā santike patthanā na samijjhati. Kasmā? Bhabbābhabbake ñatvā kammavipākaparicchedakañāṇena paricchinditvā byākātuṃ asamatthattā. Tasmā buddhassa santikeyeva patthanā samijjhati.

    ปพฺพชฺชาติ พุทฺธสฺส ภควโต สนฺติเก ปเตฺถนฺตสฺสาปิ กมฺมกิริยวาทีสุ ตาปเสสุ วา ภิกฺขูสุ วา ปพฺพชิตเสฺสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, โน คิหิลิเงฺค ฐิตสฺสฯ กสฺมา? ปพฺพชิตาเยว หิ โพธิสตฺตา สโมฺพธิํ อธิคจฺฉนฺติ, น คหฎฺฐาฯ ตสฺมา อาทิมฺหิ ปณิธานกาเลปิ ปพฺพชิเตเนว ภวิตพฺพํฯ

    Pabbajjāti buddhassa bhagavato santike patthentassāpi kammakiriyavādīsu tāpasesu vā bhikkhūsu vā pabbajitasseva patthanā samijjhati, no gihiliṅge ṭhitassa. Kasmā? Pabbajitāyeva hi bodhisattā sambodhiṃ adhigacchanti, na gahaṭṭhā. Tasmā ādimhi paṇidhānakālepi pabbajiteneva bhavitabbaṃ.

    คุณสมฺปตฺตีติ ปพฺพชิตสฺสาปิ อฎฺฐสมาปตฺติลาภิโน ปญฺจาภิญฺญเสฺสว สมิชฺฌติ, น ปน อิมาย คุณสมฺปตฺติยา วิรหิตสฺสฯ กสฺมา? นิคฺคุณสฺส ตทภาวโตฯ

    Guṇasampattīti pabbajitassāpi aṭṭhasamāpattilābhino pañcābhiññasseva samijjhati, na pana imāya guṇasampattiyā virahitassa. Kasmā? Nigguṇassa tadabhāvato.

    อธิกาโรติ คุณสมฺปเนฺนนาปิ เยน อตฺตโน ชีวิตํ พุทฺธานํ ปริจฺจตฺตํ โหติ, ตสฺส อิมินา อธิกาเรน สมฺปนฺนเสฺสว สมิชฺฌติ, น อิตรสฺสฯ

    Adhikāroti guṇasampannenāpi yena attano jīvitaṃ buddhānaṃ pariccattaṃ hoti, tassa iminā adhikārena sampannasseva samijjhati, na itarassa.

    ฉนฺทตาติ อภินีหารสมฺปนฺนสฺสาปิ ยสฺส พุทฺธการกธมฺมานํ อตฺถาย มหโนฺต ฉโนฺท วายาโม จ อุสฺสาโห จ ปริเยฎฺฐิ จ, ตเสฺสว สมิชฺฌติ, น อิตรสฺสฯ ตตฺริทํ ฉนฺทมหนฺตตาย โอปมฺมํ – สเจ หิ เอวมสฺส, ‘‘โย ปน สกลจกฺกวาฬคพฺภํ เอโกทกีภูตํ อตฺตโน พาหุพเลน อุตฺตริตฺวา ปารํ คนฺตุํ สมโตฺถ, โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาติฯ โย ปนิมํ อตฺตโน ทุกฺกรํ น มญฺญติ ‘อหํ อิมํ อุตฺตริตฺวา ปารํ คมิสฺสามี’’’ติ เอวํ มหตา ฉเนฺทน อุสฺสาเหน สมนฺนาคโต โหติ, ตสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส (สุ. นิ. อฎฺฐ. ๑.ขคฺควิสาณสุตฺตวณฺณนา; อป. อฎฺฐ. ๑.ทูเรนิทาน, สุเมธกถา; จริยา. อฎฺฐ. ปกิณฺณกกถา)ฯ

    Chandatāti abhinīhārasampannassāpi yassa buddhakārakadhammānaṃ atthāya mahanto chando vāyāmo ca ussāho ca pariyeṭṭhi ca, tasseva samijjhati, na itarassa. Tatridaṃ chandamahantatāya opammaṃ – sace hi evamassa, ‘‘yo pana sakalacakkavāḷagabbhaṃ ekodakībhūtaṃ attano bāhubalena uttaritvā pāraṃ gantuṃ samattho, so buddhattaṃ pāpuṇāti. Yo panimaṃ attano dukkaraṃ na maññati ‘ahaṃ imaṃ uttaritvā pāraṃ gamissāmī’’’ti evaṃ mahatā chandena ussāhena samannāgato hoti, tassa patthanā samijjhati, na itarassa (su. ni. aṭṭha. 1.khaggavisāṇasuttavaṇṇanā; apa. aṭṭha. 1.dūrenidāna, sumedhakathā; cariyā. aṭṭha. pakiṇṇakakathā).

    สุเมธปณฺฑิโต ปน อิเม อฎฺฐ ธเมฺม สโมธาเนตฺวาว พุทฺธภาวาย อภินีหารํ กตฺวา นิปชฺชิฯ ทีปงฺกโรปิ ภควา อาคนฺตฺวา สุเมธปณฺฑิตสฺส สีสภาเค ฐตฺวา กลลปิเฎฺฐ นิปนฺนํ สุเมธตาปสํ ทิสฺวา – ‘‘อยํ ตาปโส พุทฺธตฺตาย อภินีหารํ กตฺวา นิปโนฺน, อิชฺฌิสฺสติ นุ โข เอตสฺส ปตฺถนา, อุทาหุ โน’’ติ อนาคตํสญาณํ เปเสตฺวา อุปธาเรโนฺต – ‘‘อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ ญตฺวา ฐิตโกว ปริสมเชฺฌ พฺยากาสิ – ‘‘ปสฺสถ โน, ตุเมฺห ภิกฺขเว, อิมํ อุคฺคตปํ ตาปสํ กลลปิเฎฺฐ นิปนฺน’’นฺติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติฯ อยํ พุทฺธตฺตาย อภินีหารํ กตฺวา นิปโนฺน, สมิชฺฌิสฺสติ อิมสฺส ตาปสสฺส ปตฺถนา, อยญฺหิ อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสเงฺขฺยยฺยานํ มตฺถเก โคตโม นาม พุโทฺธ โลเก ภวิสฺสติฯ ตสฺมิํ ปนสฺส อตฺตภาเว กปิลวตฺถุ นาม นครํ นิวาโส ภวิสฺสติ, มหามายา นาม เทวี มาตา, สุโทฺธทโน นาม ราชา ปิตา, อุปติโสฺส จ โกลิโต จ เทฺว อคฺคสาวกา, อานโนฺท นาม อุปฎฺฐาโก, เขมา จ อุปฺปลวณฺณา จ เทฺว อคฺคสาวิกา ภวิสฺสนฺติ ฯ อยํ ปริปกฺกญาโณ หุตฺวา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา มหาปธานํ ปทหิตฺวา นิโคฺรธมูเล สุชาตาย นาม กุมาริยา ทินฺนํ ปายาสํ ปฎิคฺคเหตฺวา เนรญฺชราย ตีเร ปริภุญฺชิตฺวา โพธิมณฺฑํ อารุยฺห อสฺสตฺถรุกฺขมูเล อภิสมฺพุชฺฌิสฺสตีติฯ เตน วุตฺตํ –

    Sumedhapaṇḍito pana ime aṭṭha dhamme samodhānetvāva buddhabhāvāya abhinīhāraṃ katvā nipajji. Dīpaṅkaropi bhagavā āgantvā sumedhapaṇḍitassa sīsabhāge ṭhatvā kalalapiṭṭhe nipannaṃ sumedhatāpasaṃ disvā – ‘‘ayaṃ tāpaso buddhattāya abhinīhāraṃ katvā nipanno, ijjhissati nu kho etassa patthanā, udāhu no’’ti anāgataṃsañāṇaṃ pesetvā upadhārento – ‘‘ito kappasatasahassādhikāni cattāri asaṅkhyeyyāni atikkamitvā gotamo nāma buddho bhavissatī’’ti ñatvā ṭhitakova parisamajjhe byākāsi – ‘‘passatha no, tumhe bhikkhave, imaṃ uggatapaṃ tāpasaṃ kalalapiṭṭhe nipanna’’nti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti. Ayaṃ buddhattāya abhinīhāraṃ katvā nipanno, samijjhissati imassa tāpasassa patthanā, ayañhi ito kappasatasahassādhikānaṃ catunnaṃ asaṅkhyeyyānaṃ matthake gotamo nāma buddho loke bhavissati. Tasmiṃ panassa attabhāve kapilavatthu nāma nagaraṃ nivāso bhavissati, mahāmāyā nāma devī mātā, suddhodano nāma rājā pitā, upatisso ca kolito ca dve aggasāvakā, ānando nāma upaṭṭhāko, khemā ca uppalavaṇṇā ca dve aggasāvikā bhavissanti . Ayaṃ paripakkañāṇo hutvā mahābhinikkhamanaṃ nikkhamitvā mahāpadhānaṃ padahitvā nigrodhamūle sujātāya nāma kumāriyā dinnaṃ pāyāsaṃ paṭiggahetvā nerañjarāya tīre paribhuñjitvā bodhimaṇḍaṃ āruyha assattharukkhamūle abhisambujjhissatīti. Tena vuttaṃ –

    ๖๐.

    60.

    ‘‘ทีปงฺกโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฎิคฺคโห;

    ‘‘Dīpaṅkaro lokavidū, āhutīnaṃ paṭiggaho;

    อุสฺสีสเก มํ ฐตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรวิฯ

    Ussīsake maṃ ṭhatvāna, idaṃ vacanamabravi.

    ๖๑.

    61.

    ‘‘ปสฺสถ อิมํ ตาปสํ, ชฎิลํ อุคฺคตาปนํ;

    ‘‘Passatha imaṃ tāpasaṃ, jaṭilaṃ uggatāpanaṃ;

    อปริเมยฺยิโต กเปฺป, พุโทฺธ โลเก ภวิสฺสติฯ

    Aparimeyyito kappe, buddho loke bhavissati.

    ๖๒.

    62.

    ‘‘อหู กปิลวฺหยา รมฺมา, นิกฺขมิตฺวา ตถาคโต;

    ‘‘Ahū kapilavhayā rammā, nikkhamitvā tathāgato;

    ปธานํ ปทหิตฺวาน, กตฺวา ทุกฺกรการิกํฯ

    Padhānaṃ padahitvāna, katvā dukkarakārikaṃ.

    ๖๓.

    63.

    ‘‘อชปาลรุกฺขมูลสฺมิํ, นิสีทิตฺวา ตถาคโต;

    ‘‘Ajapālarukkhamūlasmiṃ, nisīditvā tathāgato;

    ตตฺถ ปายาสํ ปคฺคยฺห, เนรญฺชรมุเปหิติฯ

    Tattha pāyāsaṃ paggayha, nerañjaramupehiti.

    ๖๔.

    64.

    ‘‘เนรญฺชราย ตีรมฺหิ, ปายาสํ อท โส ชิโน;

    ‘‘Nerañjarāya tīramhi, pāyāsaṃ ada so jino;

    ปฎิยตฺตวรมเคฺคน, โพธิมูลมุเปหิติฯ

    Paṭiyattavaramaggena, bodhimūlamupehiti.

    ๖๕.

    65.

    ‘‘ตโต ปทกฺขิณํ กตฺวา, โพธิมณฺฑํ อนุตฺตโร;

    ‘‘Tato padakkhiṇaṃ katvā, bodhimaṇḍaṃ anuttaro;

    อสฺสตฺถรุกฺขมูลมฺหิ, พุชฺฌิสฺสติ มหายโสฯ

    Assattharukkhamūlamhi, bujjhissati mahāyaso.

    ๖๖.

    66.

    ‘‘อิมสฺส ชนิกา มาตา, มายา นาม ภวิสฺสติ;

    ‘‘Imassa janikā mātā, māyā nāma bhavissati;

    ปิตา สุโทฺธทโน นาม, อยํ เหสฺสติ โคตโมฯ

    Pitā suddhodano nāma, ayaṃ hessati gotamo.

    ๖๗.

    67.

    ‘‘อนาสวา วีตราคา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตา;

    ‘‘Anāsavā vītarāgā, santacittā samāhitā;

    โกลิโต อุปติโสฺส จ, อคฺคา เหสฺสนฺติ สาวกา;

    Kolito upatisso ca, aggā hessanti sāvakā;

    อานโนฺท นามุปฎฺฐาโก, อุปฎฺฐิสฺสติมํ ชินํฯ

    Ānando nāmupaṭṭhāko, upaṭṭhissatimaṃ jinaṃ.

    ๖๘.

    68.

    ‘‘เขมา อุปฺปลวณฺณา จ, อคฺคา เหสฺสนฺติ สาวิกา;

    ‘‘Khemā uppalavaṇṇā ca, aggā hessanti sāvikā;

    อนาสวา วีตราคา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตาฯ

    Anāsavā vītarāgā, santacittā samāhitā.

    ๖๙.

    69.

    ‘‘โพธิ ตสฺส ภควโต, อสฺสโตฺถติ ปวุจฺจติ;

    ‘‘Bodhi tassa bhagavato, assatthoti pavuccati;

    จิโตฺต จ หตฺถาฬวโก, อคฺคา เหสฺสนฺตุปฎฺฐกา;

    Citto ca hatthāḷavako, aggā hessantupaṭṭhakā;

    อุตฺตรา นนฺทมาตา จ, อคฺคา เหสฺสนฺตุปฎฺฐิกา’’ติฯ

    Uttarā nandamātā ca, aggā hessantupaṭṭhikā’’ti.

    ตตฺถ โลกวิทูติ สพฺพถา วิทิตโลกตฺตา ปน โลกวิทูฯ ภควา หิ สภาวโต สมุทยโต นิโรธโต นิโรธูปายโตติ สพฺพถาปิ โลกํ อเวทิ อญฺญาสิ ปฎิวิชฺฌิฯ ตสฺมา โลกวิทูติ วุจฺจติฯ ยถาห –

    Tattha lokavidūti sabbathā viditalokattā pana lokavidū. Bhagavā hi sabhāvato samudayato nirodhato nirodhūpāyatoti sabbathāpi lokaṃ avedi aññāsi paṭivijjhi. Tasmā lokavidūti vuccati. Yathāha –

    ‘‘ตสฺมา หเว โลกวิทู สุเมโธ, โลกนฺตคู วูสิตพฺรหฺมจริโย;

    ‘‘Tasmā have lokavidū sumedho, lokantagū vūsitabrahmacariyo;

    โลกสฺส อนฺตํ สมิตาวิ ญตฺวา, นาสีสตี โลกมิมํ ปรญฺจา’’ติฯ (สํ. นิ. ๑.๑๐๗; อ. นิ. ๔.๔๖);

    Lokassa antaṃ samitāvi ñatvā, nāsīsatī lokamimaṃ parañcā’’ti. (saṃ. ni. 1.107; a. ni. 4.46);

    อปิ จ ตโย โลกา – สงฺขารโลโก, สตฺตโลโก, โอกาสโลโกติฯ ตตฺถ สงฺขารโลโก นาม ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนา ปถวิอาทโย ธมฺมาฯ สตฺตโลโก นาม สญฺญิโน อสญฺญิโน เนวสญฺญินาสญฺญิโน จ สตฺตาฯ โอกาสโลโก นาม สตฺตานํ นิวาสฎฺฐานํฯ อิเม ปน ตโยปิ โลกา ภควตา ยถาสภาวโต วิทิตา, ตสฺมา โลกวิทูติ วุจฺจติฯ อาหุตีนํ ปฎิคฺคโหติ ทานานํ ปฎิคฺคเหตุํ อรหตฺตา ทกฺขิเณยฺยตฺตา อาหุตีนํ ปฎิคฺคโหฯ อุสฺสีสเก มํ ฐตฺวานาติ มม สีสสมีเป ฐตฺวาฯ อิทํ อิทานิ วตฺตพฺพํ วจนํ อพฺรวีติ อโตฺถฯ ชฎิลนฺติ ชฎา อสฺส สนฺตีติ ชฎิโล, ตํ ชฎิลํฯ อุคฺคตาปนนฺติ อุคฺคตาปสํฯ อหูติ อหนิ, อถาติ อโตฺถฯ อยเมว วา ปาโฐฯ กปิลวฺหยาติ กปิลอวฺหยา อภิธานาฯ รมฺมาติ รมณียโตฯ ปธานนฺติ วีริยํฯ เอหิตีติ เอสฺสติ คมิสฺสติฯ เสสคาถาสุ อุตฺตานเมวาติฯ

    Api ca tayo lokā – saṅkhāraloko, sattaloko, okāsalokoti. Tattha saṅkhāraloko nāma paṭiccasamuppannā pathaviādayo dhammā. Sattaloko nāma saññino asaññino nevasaññināsaññino ca sattā. Okāsaloko nāma sattānaṃ nivāsaṭṭhānaṃ. Ime pana tayopi lokā bhagavatā yathāsabhāvato viditā, tasmā lokavidūti vuccati. Āhutīnaṃ paṭiggahoti dānānaṃ paṭiggahetuṃ arahattā dakkhiṇeyyattā āhutīnaṃ paṭiggaho. Ussīsake maṃ ṭhatvānāti mama sīsasamīpe ṭhatvā. Idaṃ idāni vattabbaṃ vacanaṃ abravīti attho. Jaṭilanti jaṭā assa santīti jaṭilo, taṃ jaṭilaṃ. Uggatāpananti uggatāpasaṃ. Ahūti ahani, athāti attho. Ayameva vā pāṭho. Kapilavhayāti kapilaavhayā abhidhānā. Rammāti ramaṇīyato. Padhānanti vīriyaṃ. Ehitīti essati gamissati. Sesagāthāsu uttānamevāti.

    ตโต สุเมธปณฺฑิโต – ‘‘มยฺหํ กิร ปตฺถนา สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ สญฺชาตโสมนโสฺส อโหสิฯ มหาชโน ทีปงฺกรทสพลสฺส วจนํ สุตฺวา – ‘‘สุเมธตาปโส กิร พุทฺธพีชงฺกุโร’’ติ หฎฺฐตุโฎฺฐ อโหสิฯ เอวญฺจสฺส อโหสิ – ‘‘ยถา นาม ปุริโส นทิํ ตรโนฺต อุชุเกน ติเตฺถน ตริตุํ อสโกฺกโนฺต เหฎฺฐาติเตฺถน อุตฺตรติ, เอวเมว มยํ ทีปงฺกรทสพลสฺส สาสเน มคฺคผลํ อลภมานา อนาคเต ยทา ตฺวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิ, ตทา ตว สมฺมุขา มคฺคผลํ สจฺฉิกาตุํ สมตฺถา ภเวยฺยามา’’ติ ปตฺถนํ อกํสุฯ ทีปงฺกรทสพโล โพธิสตฺตํ มหาสตฺตํ ปสํสิตฺวา อฎฺฐหิ ปุปฺผมุฎฺฐีหิ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ เตปิ จตุสตสหสฺสา ขีณาสวา โพธิสตฺตํ ปุเปฺผหิ จ คเนฺธหิ จ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมิํสุฯ เทวมนุสฺสา ปน ตเถว ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกมิํสุฯ

    Tato sumedhapaṇḍito – ‘‘mayhaṃ kira patthanā samijjhissatī’’ti sañjātasomanasso ahosi. Mahājano dīpaṅkaradasabalassa vacanaṃ sutvā – ‘‘sumedhatāpaso kira buddhabījaṅkuro’’ti haṭṭhatuṭṭho ahosi. Evañcassa ahosi – ‘‘yathā nāma puriso nadiṃ taranto ujukena titthena tarituṃ asakkonto heṭṭhātitthena uttarati, evameva mayaṃ dīpaṅkaradasabalassa sāsane maggaphalaṃ alabhamānā anāgate yadā tvaṃ buddho bhavissasi, tadā tava sammukhā maggaphalaṃ sacchikātuṃ samatthā bhaveyyāmā’’ti patthanaṃ akaṃsu. Dīpaṅkaradasabalo bodhisattaṃ mahāsattaṃ pasaṃsitvā aṭṭhahi pupphamuṭṭhīhi pūjetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. Tepi catusatasahassā khīṇāsavā bodhisattaṃ pupphehi ca gandhehi ca pūjetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkamiṃsu. Devamanussā pana tatheva pūjetvā vanditvā pakkamiṃsu.

    อถ สพฺพโลกมติทีปงฺกโร ทีปงฺกโร ภควา จตูหิ ขีณาสวสตสหเสฺสหิ ปริวุโต รมฺมนครวาสีหิ ปูชิยมาโน เทวตาหิ อภิวนฺทิยมาโน สญฺฌาปฺปภานุรญฺชิตวรกนกคิริสิขโร วิย ชงฺคมมาโน อเนเกสุ ปาฎิหาริเยสุ วตฺตมาเนสุ เตน อลงฺกตปฎิยเตฺตน มเคฺคน คนฺตฺวา นานาสุรภิกุสุมคนฺธวาสิตํ จุณฺณสโมฺมทคนฺธํ สมุสฺสิตธชปฎากํ คนฺธานุพทฺธหทเยหิ ภมรคเณหิ คุมฺพคุมฺพายมานํ ธูปนฺธการํ อมรปุรสทิสโสภํ อภิรมฺมํ รมฺมนครํ ปวิสิตฺวา ปญฺญเตฺต มหารเห พุทฺธาสเน ยุคนฺธรมตฺถเก สรทสมยรุจิรกรรชนิกโร ติมิรนิกรนิธนกโร กมลวนวิกสนกโร ทิวสกโร วิย ทสพลทิวสกโร นิสีทิฯ ภิกฺขุสโงฺฆปิ ปฎิปาฎิยา อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทิฯ รมฺมนครวาสิโน ปน อุปาสกา สทฺธาทิคุณสมฺปนฺนา นานาวิธขชฺชาทีหิ สมลงฺกตํ วณฺณคนฺธรสสมฺปนฺนํ อสทิสํ สุขนิทานํ ทานํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อทํสุฯ

    Atha sabbalokamatidīpaṅkaro dīpaṅkaro bhagavā catūhi khīṇāsavasatasahassehi parivuto rammanagaravāsīhi pūjiyamāno devatāhi abhivandiyamāno sañjhāppabhānurañjitavarakanakagirisikharo viya jaṅgamamāno anekesu pāṭihāriyesu vattamānesu tena alaṅkatapaṭiyattena maggena gantvā nānāsurabhikusumagandhavāsitaṃ cuṇṇasammodagandhaṃ samussitadhajapaṭākaṃ gandhānubaddhahadayehi bhamaragaṇehi gumbagumbāyamānaṃ dhūpandhakāraṃ amarapurasadisasobhaṃ abhirammaṃ rammanagaraṃ pavisitvā paññatte mahārahe buddhāsane yugandharamatthake saradasamayarucirakararajanikaro timiranikaranidhanakaro kamalavanavikasanakaro divasakaro viya dasabaladivasakaro nisīdi. Bhikkhusaṅghopi paṭipāṭiyā attano attano pattāsane nisīdi. Rammanagaravāsino pana upāsakā saddhādiguṇasampannā nānāvidhakhajjādīhi samalaṅkataṃ vaṇṇagandharasasampannaṃ asadisaṃ sukhanidānaṃ dānaṃ buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa adaṃsu.

    อถ โข โพธิสโตฺต ทสพลสฺส พฺยากรณํ สุตฺวา พุทฺธภาวํ กรตลคตมิว มญฺญมาโน ปมุทิตหทโย สเพฺพสุ ปฎิกฺกเนฺตสุ สยนา วุฎฺฐาย – ‘‘ปารมิโย วิจินิสฺสามี’’ติ ปุปฺผราสิมตฺถเก ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิฯ เอวํ นิสิเนฺน มหาสเตฺต สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สาธุการํ ทตฺวา – ‘‘อยฺย สุเมธตาปส, โปราณกโพธิสตฺตานํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา – ‘ปารมิโย วิจินิสฺสามี’ติ นิสินฺนกาเล ยานิ ปุพฺพนิมิตฺตานิ นาม ปญฺญายนฺติ, ตานิ สพฺพานิปิ อชฺช ปาตุภูตานิ นิสฺสํสเยน ตฺวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิ, มยเมตํ ชานาม – ‘ยเสฺสตานิ นิมิตฺตานิ ปญฺญายนฺติ, โส เอกเนฺตเนว พุโทฺธ ภวิสฺสติ’ ตสฺมา ตฺวํ อตฺตโน วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา ปคฺคณฺหา’’ติ โพธิสตฺตํ นานปฺปการาหิ ถุตีหิ อภิตฺถวิํสุฯ เตน วุตฺตํ –

    Atha kho bodhisatto dasabalassa byākaraṇaṃ sutvā buddhabhāvaṃ karatalagatamiva maññamāno pamuditahadayo sabbesu paṭikkantesu sayanā vuṭṭhāya – ‘‘pāramiyo vicinissāmī’’ti puppharāsimatthake pallaṅkaṃ ābhujitvā nisīdi. Evaṃ nisinne mahāsatte sakaladasasahassacakkavāḷadevatā sādhukāraṃ datvā – ‘‘ayya sumedhatāpasa, porāṇakabodhisattānaṃ pallaṅkaṃ ābhujitvā – ‘pāramiyo vicinissāmī’ti nisinnakāle yāni pubbanimittāni nāma paññāyanti, tāni sabbānipi ajja pātubhūtāni nissaṃsayena tvaṃ buddho bhavissasi, mayametaṃ jānāma – ‘yassetāni nimittāni paññāyanti, so ekanteneva buddho bhavissati’ tasmā tvaṃ attano vīriyaṃ daḷhaṃ katvā paggaṇhā’’ti bodhisattaṃ nānappakārāhi thutīhi abhitthaviṃsu. Tena vuttaṃ –

    ๗๐.

    70.

    ‘‘อิทํ สุตฺวาน วจนํ, อสมสฺส มเหสิโน;

    ‘‘Idaṃ sutvāna vacanaṃ, asamassa mahesino;

    อาโมทิตา นรมรู, พุทฺธพีชํ กิร อยํฯ

    Āmoditā naramarū, buddhabījaṃ kira ayaṃ.

    ๗๑.

    71.

    ‘‘อุกฺกุฎฺฐิสทฺทา วตฺตนฺติ, อโปฺผเฎนฺติ หสนฺติ จ;

    ‘‘Ukkuṭṭhisaddā vattanti, apphoṭenti hasanti ca;

    กตญฺชลี นมสฺสนฺติ, ทสสหสฺสี สเทวกาฯ

    Katañjalī namassanti, dasasahassī sadevakā.

    ๗๒.

    72.

    ‘‘ยทิมสฺส โลกนาถสฺส, วิรชฺฌิสฺสาม สาสนํ;

    ‘‘Yadimassa lokanāthassa, virajjhissāma sāsanaṃ;

    อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํฯ

    Anāgatamhi addhāne, hessāma sammukhā imaṃ.

    ๗๓.

    73.

    ‘‘ยถา มนุสฺสา นทิํ ตรนฺตา, ปฎิติตฺถํ วิรชฺฌิย;

    ‘‘Yathā manussā nadiṃ tarantā, paṭititthaṃ virajjhiya;

    เหฎฺฐาติเตฺถ คเหตฺวาน, อุตฺตรนฺติ มหานทิํฯ

    Heṭṭhātitthe gahetvāna, uttaranti mahānadiṃ.

    ๗๔.

    74.

    ‘‘เอวเมว มยํ สเพฺพ, ยทิ มุญฺจามิมํ ชินํ;

    ‘‘Evameva mayaṃ sabbe, yadi muñcāmimaṃ jinaṃ;

    อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํฯ

    Anāgatamhi addhāne, hessāma sammukhā imaṃ.

    ๗๕.

    75.

    ‘‘ทีปงฺกโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฎิคฺคโห;

    ‘‘Dīpaṅkaro lokavidū, āhutīnaṃ paṭiggaho;

    มม กมฺมํ ปกิเตฺตตฺวา, ทกฺขิณํ ปาทมุทฺธริฯ

    Mama kammaṃ pakittetvā, dakkhiṇaṃ pādamuddhari.

    ๗๖.

    76.

    ‘‘เย ตตฺถาสุํ ชินปุตฺตา, ปทกฺขิณมกํสุ มํ;

    ‘‘Ye tatthāsuṃ jinaputtā, padakkhiṇamakaṃsu maṃ;

    เทวา มนุสฺสา อสุรา จ, อภิวาเทตฺวาน ปกฺกมุํฯ

    Devā manussā asurā ca, abhivādetvāna pakkamuṃ.

    ๗๗.

    77.

    ‘‘ทสฺสนํ เม อติกฺกเนฺต, สสเงฺฆ โลกนายเก;

    ‘‘Dassanaṃ me atikkante, sasaṅghe lokanāyake;

    สยนา วุฎฺฐหิตฺวาน, ปลฺลงฺกํ อาภุชิํ ตทาฯ

    Sayanā vuṭṭhahitvāna, pallaṅkaṃ ābhujiṃ tadā.

    ๗๘.

    78.

    ‘‘สุเขน สุขิโต โหมิ, ปาโมเชฺชน ปโมทิโต;

    ‘‘Sukhena sukhito homi, pāmojjena pamodito;

    ปีติยา จ อภิสฺสโนฺน, ปลฺลงฺกํ อาภุชิํ ตทาฯ

    Pītiyā ca abhissanno, pallaṅkaṃ ābhujiṃ tadā.

    ๗๙.

    79.

    ‘‘ปลฺลเงฺกน นิสีทิตฺวา, เอวํ จิเนฺตสหํ ตทา;

    ‘‘Pallaṅkena nisīditvā, evaṃ cintesahaṃ tadā;

    วสีภูโต อหํ ฌาเน, อภิญฺญาสุ ปารมิํ คโตฯ

    Vasībhūto ahaṃ jhāne, abhiññāsu pāramiṃ gato.

    ๘๐.

    80.

    ‘‘สหสฺสิยมฺหิ โลกมฺหิ, อิสโย นตฺถิ เม สมา;

    ‘‘Sahassiyamhi lokamhi, isayo natthi me samā;

    อสโม อิทฺธิธเมฺมสุ, อลภิํ อีทิสํ สุขํฯ

    Asamo iddhidhammesu, alabhiṃ īdisaṃ sukhaṃ.

    ๘๑.

    81.

    ‘‘ปลฺลงฺกาภุชเน มยฺหํ, ทสสหสฺสาธิวาสิโน;

    ‘‘Pallaṅkābhujane mayhaṃ, dasasahassādhivāsino;

    มหานาทํ ปวเตฺตสุํ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Mahānādaṃ pavattesuṃ, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๘๒.

    82.

    ‘‘ยา ปุเพฺพ โพธิสตฺตานํ, ปลฺลงฺกวรมาภุเช;

    ‘‘Yā pubbe bodhisattānaṃ, pallaṅkavaramābhuje;

    นิมิตฺตานิ ปทิสฺสนฺติ, ตานิ อชฺช ปทิสฺสเรฯ

    Nimittāni padissanti, tāni ajja padissare.

    ๘๓.

    83.

    ‘‘สีตํ พฺยปคตํ โหติ, อุณฺหญฺจ อุปสมฺมติ;

    ‘‘Sītaṃ byapagataṃ hoti, uṇhañca upasammati;

    ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tāni ajja padissanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๘๔.

    84.

    ‘‘ทสสหสฺสี โลกธาตุ, นิสฺสทฺทา โหนฺติ นิรากุลา;

    ‘‘Dasasahassī lokadhātu, nissaddā honti nirākulā;

    ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tāni ajja padissanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๘๕.

    85.

    ‘‘มหาวาตา น วายนฺติ, น สนฺทนฺติ สวนฺติโย;

    ‘‘Mahāvātā na vāyanti, na sandanti savantiyo;

    ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tāni ajja padissanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๘๖.

    86.

    ‘‘ถลชา ทกชา ปุปฺผา, สเพฺพ ปุปฺผนฺติ ตาวเท;

    ‘‘Thalajā dakajā pupphā, sabbe pupphanti tāvade;

    เตปชฺช ปุปฺผิตา สเพฺพ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajja pupphitā sabbe, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๘๗.

    87.

    ‘‘ลตา วา ยทิ วา รุกฺขา, ผลภารา โหนฺติ ตาวเท;

    ‘‘Latā vā yadi vā rukkhā, phalabhārā honti tāvade;

    เตปชฺช ผลิตา สเพฺพ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajja phalitā sabbe, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๘๘.

    88.

    ‘‘อากาสฎฺฐา จ ภูมฎฺฐา, รตนา โชตนฺติ ตาวเท;

    ‘‘Ākāsaṭṭhā ca bhūmaṭṭhā, ratanā jotanti tāvade;

    เตปชฺช รตนา โชตนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajja ratanā jotanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๘๙.

    89.

    ‘‘มานุสฺสกา จ ทิพฺพา จ, ตุริยา วชฺชนฺติ ตาวเท;

    ‘‘Mānussakā ca dibbā ca, turiyā vajjanti tāvade;

    เตปชฺชุโภ อภิรวนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajjubho abhiravanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๙๐.

    90.

    ‘‘วิจิตฺตปุปฺผา คคนา, อภิวสฺสนฺติ ตาวเท;

    ‘‘Vicittapupphā gaganā, abhivassanti tāvade;

    เตปิ อชฺช ปวสฺสนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepi ajja pavassanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๙๑.

    91.

    ‘‘มหาสมุโทฺท อาภุชติ, ทสสหสฺสี ปกมฺปติ;

    ‘‘Mahāsamuddo ābhujati, dasasahassī pakampati;

    เตปชฺชุโภ อภิรวนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajjubho abhiravanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๙๒.

    92.

    ‘‘นิรเยปิ ทสสหเสฺส, อคฺคี นิพฺพนฺติ ตาวเท;

    ‘‘Nirayepi dasasahasse, aggī nibbanti tāvade;

    เตปชฺช นิพฺพุตา อคฺคี, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajja nibbutā aggī, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๙๓.

    93.

    ‘‘วิมโล โหติ สูริโย, สพฺพา ทิสฺสนฺติ ตารกา;

    ‘‘Vimalo hoti sūriyo, sabbā dissanti tārakā;

    เตปิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepi ajja padissanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๙๔.

    94.

    ‘‘อโนวเฎฺฐน อุทกํ, มหิยา อุพฺภิชฺชิ ตาวเท;

    ‘‘Anovaṭṭhena udakaṃ, mahiyā ubbhijji tāvade;

    ตมฺปชฺชุพฺภิชฺชเต มหิยา, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tampajjubbhijjate mahiyā, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๙๕.

    95.

    ‘‘ตาราคณา วิโรจนฺติ, นกฺขตฺตา คคนมณฺฑเล;

    ‘‘Tārāgaṇā virocanti, nakkhattā gaganamaṇḍale;

    วิสาขา จนฺทิมายุตฺตา, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Visākhā candimāyuttā, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๙๖.

    96.

    ‘‘พิลาสยา ทรีสยา, นิกฺขมนฺติ สกาสยา;

    ‘‘Bilāsayā darīsayā, nikkhamanti sakāsayā;

    เตปชฺช อาสยา ฉุทฺธา, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajja āsayā chuddhā, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๙๗.

    97.

    ‘‘น โหนฺติ อรตี สตฺตานํ, สนฺตุฎฺฐา โหนฺติ ตาวเท;

    ‘‘Na honti aratī sattānaṃ, santuṭṭhā honti tāvade;

    เตปชฺช สเพฺพ สนฺตุฎฺฐา, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajja sabbe santuṭṭhā, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๙๘.

    98.

    ‘‘โรคา ตทุปสมฺมนฺติ, ชิฆจฺฉา จ วินสฺสสิ;

    ‘‘Rogā tadupasammanti, jighacchā ca vinassasi;

    ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tāni ajja padissanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๙๙.

    99.

    ‘‘โรคา ตทา ตนุ โหติ, โทโส โมโห วินสฺสสิ;

    ‘‘Rogā tadā tanu hoti, doso moho vinassasi;

    เตปชฺช วิคตา สเพฺพ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajja vigatā sabbe, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๑๐๐.

    100.

    ‘‘ภยํ ตทา น ภวติ, อชฺชเปตํ ปทิสฺสติ;

    ‘‘Bhayaṃ tadā na bhavati, ajjapetaṃ padissati;

    เตน ลิเงฺคน ชานาม, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tena liṅgena jānāma, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๑๐๑.

    101.

    ‘‘รโชนุทฺธํสตี อุทฺธํ, อชฺชเปตํ ปทิสฺสติ;

    ‘‘Rajonuddhaṃsatī uddhaṃ, ajjapetaṃ padissati;

    เตน ลิเงฺคน ชานาม, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tena liṅgena jānāma, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๑๐๒.

    102.

    ‘‘อนิฎฺฐคโนฺธ ปกฺกมติ, ทิพฺพคโนฺธ ปวายติ;

    ‘‘Aniṭṭhagandho pakkamati, dibbagandho pavāyati;

    โสปชฺช วายตี คโนฺธ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Sopajja vāyatī gandho, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๑๐๓.

    103.

    ‘‘สเพฺพ เทวา ปทิสฺสนฺติ, ฐปยิตฺวา อรูปิโน;

    ‘‘Sabbe devā padissanti, ṭhapayitvā arūpino;

    เตปชฺช สเพฺพ ทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajja sabbe dissanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๑๐๔.

    104.

    ‘‘ยาวตา นิรยา นาม, สเพฺพ ทิสฺสนฺติ ตาวเท;

    ‘‘Yāvatā nirayā nāma, sabbe dissanti tāvade;

    เตปชฺช สเพฺพ ทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tepajja sabbe dissanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๑๐๕.

    105.

    ‘‘กุฎฺฎา กวาฎา เสลา จ, น โหนฺตาวรณา ตทา;

    ‘‘Kuṭṭā kavāṭā selā ca, na hontāvaraṇā tadā;

    อากาสภูตา เตปชฺช, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Ākāsabhūtā tepajja, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๑๐๖.

    106.

    ‘‘จุตี จ อุปปตฺตี จ, ขเณ ตสฺมิํ น วิชฺชติ;

    ‘‘Cutī ca upapattī ca, khaṇe tasmiṃ na vijjati;

    ตานิปชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสิฯ

    Tānipajja padissanti, dhuvaṃ buddho bhavissasi.

    ๑๐๗.

    107.

    ‘‘ทฬฺหํ ปคฺคณฺห วีริยํ, มา นิวตฺต อภิกฺกม;

    ‘‘Daḷhaṃ paggaṇha vīriyaṃ, mā nivatta abhikkama;

    มยเมฺปตํ วิชานาม, ธุวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติฯ

    Mayampetaṃ vijānāma, dhuvaṃ buddho bhavissasī’’ti.

    ตตฺถ อิทํ สุตฺวาน วจนนฺติ อิทํ ทีปงฺกรสฺส ภควโต โพธิสตฺตสฺส พฺยากรณวจนํ สุตฺวาฯ อสมสฺสาติ สมสฺส สทิสสฺส อภาวโต อสมสฺสฯ ยถาห –

    Tattha idaṃ sutvāna vacananti idaṃ dīpaṅkarassa bhagavato bodhisattassa byākaraṇavacanaṃ sutvā. Asamassāti samassa sadisassa abhāvato asamassa. Yathāha –

    ‘‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติ;

    ‘‘Na me ācariyo atthi, sadiso me na vijjati;

    สเทวกสฺมิํ โลกสฺมิํ, นตฺถิ เม ปฎิปุคฺคโล’’ติฯ (ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๑; กถา. ๔๐๕; มิ. ป. ๔.๕.๑๑);

    Sadevakasmiṃ lokasmiṃ, natthi me paṭipuggalo’’ti. (ma. ni. 1.285; 2.341; mahāva. 11; kathā. 405; mi. pa. 4.5.11);

    มเหสิโนติ มหเนฺต สีลสมาธิปญฺญากฺขเนฺธ เอสิ คเวสีติ มเหสี, ตสฺส มเหสิโนฯ นรมรูติ นรา จ อมรา จ, อุกฺกฎฺฐนิเทฺทโส ปนายํ สเพฺพปิ ทสสหสฺสิโลกธาตุยา นาคสุปณฺณยกฺขาทโยปิ อาโมทิตาวฯ พุทฺธพีชํ กิร อยนฺติ อยํ กิร พุทฺธงฺกุโร อุปฺปโนฺนติ อาโมทิตาติ อโตฺถฯ

    Mahesinoti mahante sīlasamādhipaññākkhandhe esi gavesīti mahesī, tassa mahesino. Naramarūti narā ca amarā ca, ukkaṭṭhaniddeso panāyaṃ sabbepi dasasahassilokadhātuyā nāgasupaṇṇayakkhādayopi āmoditāva. Buddhabījaṃ kira ayanti ayaṃ kira buddhaṅkuro uppannoti āmoditāti attho.

    อุกฺกุฎฺฐิสทฺทาติ อุนฺนาทสทฺทา วตฺตนฺติฯ อโปฺผเฎนฺตีติ หเตฺถหิ พาหา อภิหนนฺติฯ ทสสหสฺสีติ ทสสหสฺสิโลกธาตุโยฯ สเทวกาติ สห เทเวหิ สเทวกา ทสสหสฺสี นมสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ ยทิมสฺสาติ ยทิ อิมสฺส, อยเมว วา ปาโฐฯ วิรชฺฌิสฺสามาติ ยทิ น สมฺปาปุณิสฺสามฯ อนาคตมฺหิ อทฺธาเนติ อนาคเต กาเลฯ เหสฺสามาติ ภวิสฺสามฯ สมฺมุขาติ สมฺมุขีภูตาฯ อิมนฺติ อิมสฺส, สามิอเตฺถ อุปโยควจนํฯ

    Ukkuṭṭhisaddāti unnādasaddā vattanti. Apphoṭentīti hatthehi bāhā abhihananti. Dasasahassīti dasasahassilokadhātuyo. Sadevakāti saha devehi sadevakā dasasahassī namassantīti attho. Yadimassāti yadi imassa, ayameva vā pāṭho. Virajjhissāmāti yadi na sampāpuṇissāma. Anāgatamhi addhāneti anāgate kāle. Hessāmāti bhavissāma. Sammukhāti sammukhībhūtā. Imanti imassa, sāmiatthe upayogavacanaṃ.

    นทิํ ตรนฺตาติ นทีตรณกา, ‘‘นทิตรนฺตา’’ติปิ ปาโฐฯ ปฎิติตฺถนฺติ ปฎิมุขติตฺถํฯ วิรชฺฌิยาติ วิรชฺฌิตฺวาฯ ยทิ มุญฺจามาติ ยทิ อิมํ ภควนฺตํ มุญฺจิตฺวา อกตกิจฺจา คมิสฺสามาติ อโตฺถฯ มม กมฺมํ ปกิเตฺตตฺวาติ มม ภาวิตมตฺถํ พฺยากริตฺวาฯ ทกฺขิณํ ปาทมุทฺธรีติ ทกฺขิณํ ปาทํ อุกฺขิปิ, ‘‘กตปทกฺขิโณ’’ติปิ ปาโฐฯ

    Nadiṃtarantāti nadītaraṇakā, ‘‘naditarantā’’tipi pāṭho. Paṭititthanti paṭimukhatitthaṃ. Virajjhiyāti virajjhitvā. Yadi muñcāmāti yadi imaṃ bhagavantaṃ muñcitvā akatakiccā gamissāmāti attho. Mama kammaṃ pakittetvāti mama bhāvitamatthaṃ byākaritvā. Dakkhiṇaṃpādamuddharīti dakkhiṇaṃ pādaṃ ukkhipi, ‘‘katapadakkhiṇo’’tipi pāṭho.

    ชินปุตฺตาติ ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน สาวกาฯ เทวา มนุสฺสา อสุรา จ, อภิวาเทตฺวาน ปกฺกมุนฺติ เทวาทโย สเพฺพปิ อิเม มํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปุปฺผาทีหิ ปูเชตฺวา สุปฺปติฎฺฐิตปญฺจงฺคา วนฺทิตฺวา นิวตฺติตฺวา ปุนปฺปุนํ โอโลเกตฺวา มธุรตฺถพฺยญฺชนาหิ นานปฺปการาหิ ถุตีหิ วเณฺณนฺตา ปกฺกมิํสุฯ ‘‘นรา นาคา จ คนฺธพฺพา, อภิวาเทตฺวาน ปกฺกมุ’’นฺติปิ ปาโฐฯ

    Jinaputtāti dīpaṅkarassa satthuno sāvakā. Devā manussā asurā ca, abhivādetvāna pakkamunti devādayo sabbepi ime maṃ tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvā pupphādīhi pūjetvā suppatiṭṭhitapañcaṅgā vanditvā nivattitvā punappunaṃ oloketvā madhuratthabyañjanāhi nānappakārāhi thutīhi vaṇṇentā pakkamiṃsu. ‘‘Narā nāgā ca gandhabbā, abhivādetvāna pakkamu’’ntipi pāṭho.

    ทสฺสนํ เม อติกฺกเนฺตติ มม ทสฺสนวิสยํ ภควติ อติกฺกเนฺตฯ ‘‘ชหิเต ทสฺสนูปจาเร’’ติปิ ปาโฐฯ สสเงฺฆติ สทฺธิํ สเงฺฆน สสโงฺฆ, ตสฺมิํ สสเงฺฆฯ สยนา วุฎฺฐหิตฺวานาติ นิปนฺนฎฺฐานโต กลลโต อุฎฺฐหิตฺวาฯ ปลฺลงฺกํ อาภุชินฺติ กตปลฺลโงฺก หุตฺวา ปุปฺผราสิมฺหิ นิสีทินฺติ อโตฺถฯ ‘‘หโฎฺฐ หเฎฺฐน จิเตฺตน, อาสนา วุฎฺฐหิํ ตทา’’ติปิ ปาโฐ, โส อุตฺตานโตฺถวฯ

    Dassanaṃ me atikkanteti mama dassanavisayaṃ bhagavati atikkante. ‘‘Jahite dassanūpacāre’’tipi pāṭho. Sasaṅgheti saddhiṃ saṅghena sasaṅgho, tasmiṃ sasaṅghe. Sayanā vuṭṭhahitvānāti nipannaṭṭhānato kalalato uṭṭhahitvā. Pallaṅkaṃ ābhujinti katapallaṅko hutvā puppharāsimhi nisīdinti attho. ‘‘Haṭṭho haṭṭhena cittena, āsanā vuṭṭhahiṃ tadā’’tipi pāṭho, so uttānatthova.

    ปีติยา จ อภิสฺสโนฺนติ ปีติปริปฺผุโฎฯ วสีภูโตติ วสีภาวปฺปโตฺตฯ ฌาเนติ รูปาวจรารูปาวจรฌาเนสุฯ สหสฺสิยมฺหีติ ทสสหสฺสิยํฯ โลกมฺหีติ โลกธาตุยาฯ เม สมาติ มยา สทิสาฯ อวิเสเสน ‘‘เม สมา นตฺถี’’ติ วตฺวา อิทานิ ตเมว นิยเมโนฺต ‘‘อสโม อิทฺธิธเมฺมสู’’ติ อาหฯ ตตฺถ อิทฺธิธเมฺมสูติ ปญฺจสุ อิทฺธิธเมฺมสูติ อโตฺถฯ อลภินฺติ ปฎิลภิํฯ อีทิสํ สุขนฺติ อีทิสํ โสมนสฺสํฯ

    Pītiyā ca abhissannoti pītiparipphuṭo. Vasībhūtoti vasībhāvappatto. Jhāneti rūpāvacarārūpāvacarajhānesu. Sahassiyamhīti dasasahassiyaṃ. Lokamhīti lokadhātuyā. Me samāti mayā sadisā. Avisesena ‘‘me samā natthī’’ti vatvā idāni tameva niyamento ‘‘asamo iddhidhammesū’’ti āha. Tattha iddhidhammesūti pañcasu iddhidhammesūti attho. Alabhinti paṭilabhiṃ. Īdisaṃ sukhanti īdisaṃ somanassaṃ.

    อถ สุเมธตาปโส ทสพลสฺส พฺยากรณํ สุตฺวา พุทฺธภาวํ กรตลคตกาลมิว มญฺญมาโน ปมุทิตหทโย ทสสุ โลกธาตุสหเสฺสสุ สุทฺธาวาสมหาพฺรหฺมาโน อตีตพุทฺธทสฺสาวิโน นิยตโพธิสตฺตานํ พฺยากรเณ อุปฺปชฺชมานปาฎิหาริยทสฺสเนน ตถาคตวจนสฺส อวิตถตํ ปกาเสโนฺต มํ ปริโตสยนฺตา อิมา คาถาโย อาหํสูติ ทเสฺสโนฺต ภควา ‘‘ปลฺลงฺกาภุชเน มยฺห’’นฺติอาทิมาหฯ

    Atha sumedhatāpaso dasabalassa byākaraṇaṃ sutvā buddhabhāvaṃ karatalagatakālamiva maññamāno pamuditahadayo dasasu lokadhātusahassesu suddhāvāsamahābrahmāno atītabuddhadassāvino niyatabodhisattānaṃ byākaraṇe uppajjamānapāṭihāriyadassanena tathāgatavacanassa avitathataṃ pakāsento maṃ paritosayantā imā gāthāyo āhaṃsūti dassento bhagavā ‘‘pallaṅkābhujane mayha’’ntiādimāha.

    ตตฺถ ปลฺลงฺกาภุชเน มยฺหนฺติ มม ปลฺลงฺกาภุชเนฯ อยเมว วา ปาโฐฯ ทสสหสฺสาธิวาสิโนติ ทสสหสฺสิวาสิโน มหาพฺรหฺมาโนฯ ยา ปุเพฺพติ ยานิ ปุเพฺพ, วิภตฺติโลปํ กตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ปลฺลงฺกวรมาภุเชติ วรปลฺลงฺกาภุชเนฯ นิมิตฺตานิ ปทิสฺสนฺตีติ นิมิตฺตานิ ปทิสฺสิํสูติ อโตฺถฯ อตีตวจเน วตฺตเพฺพ วตฺตมานวจนํ วุตฺตํฯ กิญฺจาปิ วุตฺตํ, อตีตวเสน อโตฺถ คเหตโพฺพฯ ตานิ อชฺช ปทิสฺสเรติ ปุเพฺพปิ นิยตโพธิสตฺตานํ ปลฺลงฺกาภุชเน ยานิ นิมิตฺตานิ อุปฺปชฺชิํสุ, ตานิ นิมิตฺตานิ อชฺช ปทิสฺสเรฯ ตสฺมา ตฺวํ ธุวเมว พุโทฺธ ภวิสฺสสีติ อโตฺถฯ น ปน ตานิเยว นิมิตฺตานิ อุปฺปชฺชิํสุ, ตํสทิสตฺตา ‘‘ตานิ อชฺช ปทิสฺสเร’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Tattha pallaṅkābhujane mayhanti mama pallaṅkābhujane. Ayameva vā pāṭho. Dasasahassādhivāsinoti dasasahassivāsino mahābrahmāno. Yā pubbeti yāni pubbe, vibhattilopaṃ katvā vuttanti veditabbaṃ. Pallaṅkavaramābhujeti varapallaṅkābhujane. Nimittāni padissantīti nimittāni padissiṃsūti attho. Atītavacane vattabbe vattamānavacanaṃ vuttaṃ. Kiñcāpi vuttaṃ, atītavasena attho gahetabbo. Tāni ajja padissareti pubbepi niyatabodhisattānaṃ pallaṅkābhujane yāni nimittāni uppajjiṃsu, tāni nimittāni ajja padissare. Tasmā tvaṃ dhuvameva buddho bhavissasīti attho. Na pana tāniyeva nimittāni uppajjiṃsu, taṃsadisattā ‘‘tāni ajja padissare’’ti vuttanti veditabbaṃ.

    สีตนฺติ สีตตฺตํฯ พฺยปคตนฺติ คตํ วิคตํฯ ตานีติ สีตวิคมนอุณฺหุปสมนานีติ อโตฺถฯ นิสฺสทฺทาติ อสทฺทา อนิโคฺฆสาฯ นิรากุลาติ อนากุลา, อยเมว วา ปาโฐฯ น สนฺทนฺตีติ น วหนฺติ นปฺปวตฺตนฺติฯ สวนฺติโยติ นทิโยฯ ตานีติ อวายนอสนฺทนานิฯ ถลชาติ ปถวิตลปพฺพตรุเกฺขสุ ชาตานิฯ ทกชาติ โอทกานิ ปุปฺผานิฯ ปุปฺผนฺตีติ ปุเพฺพ โพธิสตฺตานํ ปุปฺผิํสุ, อตีตเตฺถ วตฺตมานวจนํ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ เตปชฺช ปุปฺผิตานีติ ตานิ ปุปฺผานิ อชฺช ปุปฺผิตานีติ อโตฺถฯ

    Sītanti sītattaṃ. Byapagatanti gataṃ vigataṃ. Tānīti sītavigamanauṇhupasamanānīti attho. Nissaddāti asaddā anigghosā. Nirākulāti anākulā, ayameva vā pāṭho. Na sandantīti na vahanti nappavattanti. Savantiyoti nadiyo. Tānīti avāyanaasandanāni. Thalajāti pathavitalapabbatarukkhesu jātāni. Dakajāti odakāni pupphāni. Pupphantīti pubbe bodhisattānaṃ pupphiṃsu, atītatthe vattamānavacanaṃ heṭṭhā vuttanayeneva veditabbaṃ. Tepajja pupphitānīti tāni pupphāni ajja pupphitānīti attho.

    ผลภาราติ ผลธราฯ เตปชฺชาติ เตปิ อชฺช, ปุลฺลิงฺควเสน ‘‘เตปี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ลตา วา รุกฺขา วา’’ติ วุตฺตตฺตาฯ ผลิตาติ สญฺชาตผลาฯ อากาสฎฺฐา จ ภูมฎฺฐา จาติ อากาสคตา จ ภูมิคตา จ รตนานีติ มุตฺตาทีนิ รตนานิฯ โชตนฺตีติ โอภาสนฺติฯ มานุสฺสกาติ มนุสฺสานํ สนฺตกา มานุสฺสกาฯ ทิพฺพาติ เทวานํ สนฺตกา ทิพฺพาฯ ตุริยาติ อาตตํ วิตตํ อาตตวิตตํ สุสิรํ ฆนนฺติ ปญฺจ ตุริยานิฯ ตตฺถ อาตตํ นาม จมฺมปริโยนเทฺธสุ เภริอาทีสุ เอกตลตุริยํฯ วิตตํ นาม อุภยตลํฯ อาตตวิตตํ นาม สพฺพโต ปริโยนทฺธํ มหติวลฺลกิอาทิกํฯ สุสิรํ นาม วํสาทิกํฯ ฆนํ นาม สมฺมตาฬาทิกํฯ วชฺชนฺตีติ เหฎฺฐา วุตฺตนเยน วชฺชิํสุ, อตีตเตฺถ วตฺตมานวจนํ เวทิตพฺพํฯ เอส นโย อุปริ อีทิเสสุ วจเนสุปิฯ อภิรวนฺตีติ ตตฺร ตตฺร กุสเลหิ สุมุญฺจิตา สุปฺปตาฬิตา สุวาทิตา วิย อภิรวนฺติ, อภินทนฺตีติ อโตฺถฯ

    Phalabhārāti phaladharā. Tepajjāti tepi ajja, pulliṅgavasena ‘‘tepī’’ti vuttaṃ, ‘‘latā vā rukkhā vā’’ti vuttattā. Phalitāti sañjātaphalā. Ākāsaṭṭhā ca bhūmaṭṭhā cāti ākāsagatā ca bhūmigatā ca ratanānīti muttādīni ratanāni. Jotantīti obhāsanti. Mānussakāti manussānaṃ santakā mānussakā. Dibbāti devānaṃ santakā dibbā. Turiyāti ātataṃ vitataṃ ātatavitataṃ susiraṃ ghananti pañca turiyāni. Tattha ātataṃ nāma cammapariyonaddhesu bheriādīsu ekatalaturiyaṃ. Vitataṃ nāma ubhayatalaṃ. Ātatavitataṃ nāma sabbato pariyonaddhaṃ mahativallakiādikaṃ. Susiraṃ nāma vaṃsādikaṃ. Ghanaṃ nāma sammatāḷādikaṃ. Vajjantīti heṭṭhā vuttanayena vajjiṃsu, atītatthe vattamānavacanaṃ veditabbaṃ. Esa nayo upari īdisesu vacanesupi. Abhiravantīti tatra tatra kusalehi sumuñcitā suppatāḷitā suvāditā viya abhiravanti, abhinadantīti attho.

    วิจิตฺตปุปฺผาติ วิจิตฺรานิ นานาคนฺธวณฺณานิ ปุปฺผานิฯ อภิวสฺสนฺตีติ อภิวสฺสิํสุ, นิปติํสูติ อโตฺถฯ เตปีติ ตานิปิ วิจิตฺรปุปฺผานิ อภิวสฺสนฺตานิ ปทิสฺสนฺติ, เทวพฺรหฺมคเณหิ โอกิริยมานานีติ อธิปฺปาโยฯ อาภุชตีติ โอสกฺกติฯ เตปชฺชุโภติ เตปิ อชฺช อุโภ มหาสมุทฺททสสหสฺสิโยฯ อภิรวนฺตีติ อภินทนฺติฯ นิรเยติ นิรเยสุฯ ทสสหสฺสาติ อเนกทสสหสฺสาฯ นิพฺพนฺตีติ สมฺมนฺติ, สนฺติํ อุเปนฺตีติ อโตฺถฯ ตารกาติ นกฺขตฺตานิ ฯ เตปิ อชฺช ปทิสฺสนฺตีติ เตปิ สูริยสฺส วิมลภาวา ตารกา อชฺช ทิวา ทิสฺสนฺติฯ

    Vicittapupphāti vicitrāni nānāgandhavaṇṇāni pupphāni. Abhivassantīti abhivassiṃsu, nipatiṃsūti attho. Tepīti tānipi vicitrapupphāni abhivassantāni padissanti, devabrahmagaṇehi okiriyamānānīti adhippāyo. Ābhujatīti osakkati. Tepajjubhoti tepi ajja ubho mahāsamuddadasasahassiyo. Abhiravantīti abhinadanti. Nirayeti nirayesu. Dasasahassāti anekadasasahassā. Nibbantīti sammanti, santiṃ upentīti attho. Tārakāti nakkhattāni . Tepi ajja padissantīti tepi sūriyassa vimalabhāvā tārakā ajja divā dissanti.

    อโนวเฎฺฐนาติ อโนวเฎฺฐ, ภุมฺมเตฺถ กรณวจนํฯ อถ วา อโนวเฎฺฐติ อนภิวเฎฺฐปิฯ นาติ นิปาตมตฺตํ ‘‘สุตฺวา น ทูตวจน’’นฺติอาทีสุ วิยฯ ตมฺปชฺชุพฺภิชฺชเตติ ตมฺปิ อุทกํ อชฺช อุพฺภิชฺชติ, อุพฺภิชฺชิตฺวา อุฎฺฐหตีติ อโตฺถฯ มหิยาติ ปถวิยา, นิสฺสกฺกวจนํฯ ตาราคณาติ คหนกฺขตฺตาทโย สเพฺพ ตารคณาฯ นกฺขตฺตาติ นกฺขตฺตตารกา จฯ คคนมณฺฑเลติ สกลคคนมณฺฑลํ วิโรจนฺตีติ อโตฺถฯ พิลาสยาติ พิลาสยา อหินกุลกุมฺภีลโคธาทโยฯ ทรีสยาติ ฌราสยาฯ อยเมว วา ปาโฐฯ นิกฺขมนฺตีติ นิกฺขมิํสุฯ สกาสยาติ อตฺตโน อตฺตโน อาสยโตฯ ‘‘ตทาสยา’’ติปิ ปาโฐฯ ตสฺส ตทา ตสฺมิํ กาเล, อาสยโต, พิลโตติ อโตฺถฯ ฉุทฺธาติ สุฉุทฺธา สุวุทฺธาริตา, นิกฺขนฺตาติ อโตฺถฯ

    Anovaṭṭhenāti anovaṭṭhe, bhummatthe karaṇavacanaṃ. Atha vā anovaṭṭheti anabhivaṭṭhepi. ti nipātamattaṃ ‘‘sutvā na dūtavacana’’ntiādīsu viya. Tampajjubbhijjateti tampi udakaṃ ajja ubbhijjati, ubbhijjitvā uṭṭhahatīti attho. Mahiyāti pathaviyā, nissakkavacanaṃ. Tārāgaṇāti gahanakkhattādayo sabbe tāragaṇā. Nakkhattāti nakkhattatārakā ca. Gaganamaṇḍaleti sakalagaganamaṇḍalaṃ virocantīti attho. Bilāsayāti bilāsayā ahinakulakumbhīlagodhādayo. Darīsayāti jharāsayā. Ayameva vā pāṭho. Nikkhamantīti nikkhamiṃsu. Sakāsayāti attano attano āsayato. ‘‘Tadāsayā’’tipi pāṭho. Tassa tadā tasmiṃ kāle, āsayato, bilatoti attho. Chuddhāti suchuddhā suvuddhāritā, nikkhantāti attho.

    อรตีติ อุกฺกณฺฐาฯ สนฺตุฎฺฐาติ ปรเมน สนฺตุเฎฺฐน สนฺตุฎฺฐาฯ วินสฺสตีติ วิคจฺฉติฯ ราโคติ กามราโคฯ ตทา ตนุ โหตีติ โอรมตฺตโก โหติ, อิมินา ปริยุฎฺฐานาภาวํ ทีเปติฯ วิหตาติ วินฎฺฐาฯ ตทาติ ปุเพฺพ, โพธิสตฺตานํ ปลฺลงฺกาภุชเนติ อโตฺถฯ น ภวตีติ น โหติฯ อชฺชเปตนฺติ อชฺช ตว ปลฺลงฺกาภุชเนปิ เอตํ ภยํ น โหเตวาติ อโตฺถฯ เตน ลิเงฺคน ชานามาติ เตน การเณน สเพฺพว มยํ ชานาม, ยํ ตฺวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสีติ อโตฺถฯ

    Aratīti ukkaṇṭhā. Santuṭṭhāti paramena santuṭṭhena santuṭṭhā. Vinassatīti vigacchati. Rāgoti kāmarāgo. Tadā tanu hotīti oramattako hoti, iminā pariyuṭṭhānābhāvaṃ dīpeti. Vihatāti vinaṭṭhā. Tadāti pubbe, bodhisattānaṃ pallaṅkābhujaneti attho. Na bhavatīti na hoti. Ajjapetanti ajja tava pallaṅkābhujanepi etaṃ bhayaṃ na hotevāti attho. Tena liṅgena jānāmāti tena kāraṇena sabbeva mayaṃ jānāma, yaṃ tvaṃ buddho bhavissasīti attho.

    อนุทฺธํสตีติ น อุคฺคจฺฉติฯ อนิฎฺฐคโนฺธติ ทุคฺคโนฺธฯ ปกฺกมตีติ ปกฺกมิ วิคจฺฉิฯ ปวายตีติ ปวายิฯ โสปชฺชาติ โสปิ ทิพฺพคโนฺธ อชฺชฯ ปทิสฺสนฺตีติ ปทิสฺสิํสุฯ เตปชฺชาติ เตปิ สเพฺพ เทวา อชฺชฯ ยาวตาติ ปริเจฺฉทนเตฺถ นิปาโต, ยตฺตกาติ อโตฺถฯ กุฎฺฎาติ ปาการาฯ น โหนฺตาวรณาติ อาวรณกรา น อเหสุํฯ ตทาติ ปุเพฺพฯ อากาสภูตาติ เต กุฎฺฎกวาฎปพฺพตา อาวรณํ ติโรกรณํ กาตุํ อสโกฺกนฺตา, อชฎากาสภูตาติ อโตฺถฯ จุตีติ มรณํฯ อุปปตฺตีติ ปฎิสนฺธิคฺคหณํฯ ขเณติ ปุเพฺพ โพธิสตฺตานํ ปลฺลงฺกาภุชนกฺขเณฯ น วิชฺชตีติ นาโหสิฯ ตานิปชฺชาติ ตานิปิ อชฺช จวนภวนานีติ อโตฺถฯ มา นิวตฺตีติ มา ปฎิกฺกมิฯ อภิกฺกมาติ ปรกฺกมฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ

    Anuddhaṃsatīti na uggacchati. Aniṭṭhagandhoti duggandho. Pakkamatīti pakkami vigacchi. Pavāyatīti pavāyi. Sopajjāti sopi dibbagandho ajja. Padissantīti padissiṃsu. Tepajjāti tepi sabbe devā ajja. Yāvatāti paricchedanatthe nipāto, yattakāti attho. Kuṭṭāti pākārā. Na hontāvaraṇāti āvaraṇakarā na ahesuṃ. Tadāti pubbe. Ākāsabhūtāti te kuṭṭakavāṭapabbatā āvaraṇaṃ tirokaraṇaṃ kātuṃ asakkontā, ajaṭākāsabhūtāti attho. Cutīti maraṇaṃ. Upapattīti paṭisandhiggahaṇaṃ. Khaṇeti pubbe bodhisattānaṃ pallaṅkābhujanakkhaṇe. Na vijjatīti nāhosi. Tānipajjāti tānipi ajja cavanabhavanānīti attho. Mā nivattīti mā paṭikkami. Abhikkamāti parakkama. Sesamettha uttānamevāti.

    ตโต สุเมธปณฺฑิโต ทีปงฺกรสฺส ทสพลสฺส จ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานญฺจ วจนํ สุตฺวา ภิโยฺยโสมตฺตาย สญฺชาตุสฺสาโห หุตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘พุทฺธา นาม อโมฆวจนา, นตฺถิ พุทฺธานํ กถาย อญฺญถตฺตํฯ ยถา หิ อากาเส ขิตฺตสฺส เลฑฺฑุสฺส ปตนํ ธุวํ, ชาตสฺส มรณํ, อรุเณ อุคฺคเต สูริยสฺส อพฺภุคฺคมนํ, อาสยา นิกฺขนฺตสฺส สีหสฺส สีหนาทนทนํ, ครุคพฺภาย อิตฺถิยา ภารโมโรปนํ ธุวํ อวสฺสมฺภาวี, เอวเมว พุทฺธานํ วจนํ นาม ธุวํ อโมฆํ, อทฺธา อหํ พุโทฺธ ภวิสฺสามีติฯ เตน วุตฺตํ –

    Tato sumedhapaṇḍito dīpaṅkarassa dasabalassa ca dasasahassacakkavāḷadevatānañca vacanaṃ sutvā bhiyyosomattāya sañjātussāho hutvā cintesi – ‘‘buddhā nāma amoghavacanā, natthi buddhānaṃ kathāya aññathattaṃ. Yathā hi ākāse khittassa leḍḍussa patanaṃ dhuvaṃ, jātassa maraṇaṃ, aruṇe uggate sūriyassa abbhuggamanaṃ, āsayā nikkhantassa sīhassa sīhanādanadanaṃ, garugabbhāya itthiyā bhāramoropanaṃ dhuvaṃ avassambhāvī, evameva buddhānaṃ vacanaṃ nāma dhuvaṃ amoghaṃ, addhā ahaṃ buddho bhavissāmīti. Tena vuttaṃ –

    ๑๐๘.

    108.

    ‘‘พุทฺธสฺส วจนํ สุตฺวา, ทสสหสฺสีนจูภยํ;

    ‘‘Buddhassa vacanaṃ sutvā, dasasahassīnacūbhayaṃ;

    ตุฎฺฐหโฎฺฐ ปมุทิโต, เอวํ จิเนฺตสหํ ตทาฯ

    Tuṭṭhahaṭṭho pamudito, evaṃ cintesahaṃ tadā.

    ๑๐๙.

    109.

    ‘‘อเทฺวชฺฌวจนา พุทฺธา, อโมฆวจนา ชินา;

    ‘‘Advejjhavacanā buddhā, amoghavacanā jinā;

    วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ, ธุวํ พุโทฺธ ภวามหํฯ

    Vitathaṃ natthi buddhānaṃ, dhuvaṃ buddho bhavāmahaṃ.

    ๑๑๐.

    110.

    ‘‘ยถา ขิตฺตํ นเภ เลฑฺฑุ, ธุวํ ปตติ ภูมิยํ;

    ‘‘Yathā khittaṃ nabhe leḍḍu, dhuvaṃ patati bhūmiyaṃ;

    ตเถว พุทฺธเสฎฺฐานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ;

    Tatheva buddhaseṭṭhānaṃ, vacanaṃ dhuvasassataṃ;

    วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ, ธุวํ พุโทฺธ ภวามหํฯ

    Vitathaṃ natthi buddhānaṃ, dhuvaṃ buddho bhavāmahaṃ.

    ๑๑๑.

    111.

    ‘‘ยถาปิ สพฺพสตฺตานํ, มรณํ ธุวสสฺสตํ;

    ‘‘Yathāpi sabbasattānaṃ, maraṇaṃ dhuvasassataṃ;

    ตเถว พุทฺธเสฎฺฐานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ;

    Tatheva buddhaseṭṭhānaṃ, vacanaṃ dhuvasassataṃ;

    วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ, ธุวํ พุโทฺธ ภวามหํฯ

    Vitathaṃ natthi buddhānaṃ, dhuvaṃ buddho bhavāmahaṃ.

    ๑๑๒.

    112.

    ‘‘ยถา รตฺติกฺขเย ปเตฺต, สูริยุคฺคมนํ ธุวํ;

    ‘‘Yathā rattikkhaye patte, sūriyuggamanaṃ dhuvaṃ;

    ตเถว พุทฺธเสฎฺฐานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ;

    Tatheva buddhaseṭṭhānaṃ, vacanaṃ dhuvasassataṃ;

    วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ, ธุวํ พุโทฺธ ภวามหํฯ

    Vitathaṃ natthi buddhānaṃ, dhuvaṃ buddho bhavāmahaṃ.

    ๑๑๓.

    113.

    ‘‘ยถา นิกฺขนฺตสยนสฺส, สีหสฺส นทนํ ธุวํ;

    ‘‘Yathā nikkhantasayanassa, sīhassa nadanaṃ dhuvaṃ;

    ตเถว พุทฺธเสฎฺฐานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ;

    Tatheva buddhaseṭṭhānaṃ, vacanaṃ dhuvasassataṃ;

    วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ, ธุวํ พุโทฺธ ภวามหํฯ

    Vitathaṃ natthi buddhānaṃ, dhuvaṃ buddho bhavāmahaṃ.

    ๑๑๔.

    114.

    ‘‘ยถา อาปนฺนสตฺตานํ, ภารโมโรปนํ ธุวํ;

    ‘‘Yathā āpannasattānaṃ, bhāramoropanaṃ dhuvaṃ;

    ตเถว พุทฺธเสฎฺฐานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ;

    Tatheva buddhaseṭṭhānaṃ, vacanaṃ dhuvasassataṃ;

    วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ, ธุวํ พุโทฺธ ภวามห’’นฺติฯ

    Vitathaṃ natthi buddhānaṃ, dhuvaṃ buddho bhavāmaha’’nti.

    ตตฺถ พุทฺธสฺส วจนํ สุตฺวา, ทสสหสฺสี น จูภยนฺติ ทีปงฺกรสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส จ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานญฺจ วจนํ สุตฺวาฯ อุภยนฺติ อุภเยสํ, สามิอเตฺถ ปจฺจตฺตวจนํ, อุภยวจนํ วาฯ เอวํ จิเนฺตสหนฺติ เอวํ จิเนฺตสิํ อหํฯ

    Tattha buddhassa vacanaṃ sutvā, dasasahassī na cūbhayanti dīpaṅkarasammāsambuddhassa ca dasasahassacakkavāḷadevatānañca vacanaṃ sutvā. Ubhayanti ubhayesaṃ, sāmiatthe paccattavacanaṃ, ubhayavacanaṃ vā. Evaṃ cintesahanti evaṃ cintesiṃ ahaṃ.

    อเทฺวชฺฌวจนาติ เทฺวธา อปฺปวตฺตวจนา, เอกํสวจนาติ อโตฺถฯ ‘‘อจฺฉิทฺทวจนา’’ติปิ ปาโฐ, ตสฺส นิโทฺทสวจนาติ อโตฺถฯ อโมฆวจนาติ อวิตถวจนาฯ วิตถนฺติ วิตถวจนํ นตฺถีติ อโตฺถฯ ธุวํ พุโทฺธ ภวามหนฺติ อหํ เอกํเสเนว พุโทฺธ ภวิสฺสามีติ นิยตวเสน อวสฺสมฺภาวิวเสน จ วตฺตมานวจนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Advejjhavacanāti dvedhā appavattavacanā, ekaṃsavacanāti attho. ‘‘Acchiddavacanā’’tipi pāṭho, tassa niddosavacanāti attho. Amoghavacanāti avitathavacanā. Vitathanti vitathavacanaṃ natthīti attho. Dhuvaṃ buddho bhavāmahanti ahaṃ ekaṃseneva buddho bhavissāmīti niyatavasena avassambhāvivasena ca vattamānavacanaṃ katanti veditabbaṃ.

    สูริยุคฺคมนนฺติ สูริยสฺส อุทยนํ, อยเมว วา ปาโฐฯ ธุวสสฺสตนฺติ เอกํสภาวี เจว สสฺสตญฺจฯ นิกฺขนฺตสยนสฺสาติ สยนโต นิกฺขนฺตสฺสฯ อาปนฺนสตฺตานนฺติ ครุคพฺภานํ, คพฺภินีนนฺติ อโตฺถฯ ภารโมโรปนนฺติ ภารโอโรปนํ, คพฺภสฺส โอโรปนนฺติ อโตฺถฯ -กาโร ปทสนฺธิกโรฯ เสสเมตฺถาปิ อุตฺตานเมวาติฯ

    Sūriyuggamananti sūriyassa udayanaṃ, ayameva vā pāṭho. Dhuvasassatanti ekaṃsabhāvī ceva sassatañca. Nikkhantasayanassāti sayanato nikkhantassa. Āpannasattānanti garugabbhānaṃ, gabbhinīnanti attho. Bhāramoropananti bhāraoropanaṃ, gabbhassa oropananti attho. Ma-kāro padasandhikaro. Sesametthāpi uttānamevāti.

    ‘‘สฺวาหํ อทฺธา พุโทฺธ ภวิสฺสามี’’ติ เอวํ กตสนฺนิฎฺฐาโน พุทฺธการเก ธเมฺม อุปธาเรตุํ – ‘‘กหํ นุ โข พุทฺธการกา ธมฺมา’’ติ, อุทฺธํ อโธ ทิสาสุ วิทิสาสูติ อนุกฺกเมน สกลํ ธมฺมธาตุํ วิจินโนฺต ปุเพฺพ โปราณเกหิ โพธิสเตฺตหิ อาเสวิตนิเสวิตํ ปฐมํ ทานปารมิํ ทิสฺวา เอวํ อตฺตานํ โอวทิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฎฺฐาย ปฐมํ ทานปารมิํ ปูเรยฺยาสิฯ ยถา หิ นิกุชฺชิโต อุทกกุโมฺภ นิเสฺสสํ กตฺวา อุทกํ วมติเยว น ปจฺจาหรติ, เอวเมว ธนํ วา ยสํ วา ปุตฺตทารํ วา องฺคปจฺจงฺคํ วา อโนโลเกตฺวา สพฺพตฺถ ยาจกานํ สพฺพํ อิจฺฉิติจฺฉิตํ นิเสฺสสํ กตฺวา ททมาโน โพธิมูเล นิสีทิตฺวา พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ ปฐมํ ทานปารมิํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ –

    ‘‘Svāhaṃ addhā buddho bhavissāmī’’ti evaṃ katasanniṭṭhāno buddhakārake dhamme upadhāretuṃ – ‘‘kahaṃ nu kho buddhakārakā dhammā’’ti, uddhaṃ adho disāsu vidisāsūti anukkamena sakalaṃ dhammadhātuṃ vicinanto pubbe porāṇakehi bodhisattehi āsevitanisevitaṃ paṭhamaṃ dānapāramiṃ disvā evaṃ attānaṃ ovadi – ‘‘sumedhapaṇḍita, tvaṃ ito paṭṭhāya paṭhamaṃ dānapāramiṃ pūreyyāsi. Yathā hi nikujjito udakakumbho nissesaṃ katvā udakaṃ vamatiyeva na paccāharati, evameva dhanaṃ vā yasaṃ vā puttadāraṃ vā aṅgapaccaṅgaṃ vā anoloketvā sabbattha yācakānaṃ sabbaṃ icchiticchitaṃ nissesaṃ katvā dadamāno bodhimūle nisīditvā buddho bhavissasī’’ti paṭhamaṃ dānapāramiṃ daḷhaṃ katvā adhiṭṭhāsi. Tena vuttaṃ –

    ๑๑๕.

    115.

    ‘‘หนฺท พุทฺธกเร ธเมฺม, วิจินามิ อิโต จิโต;

    ‘‘Handa buddhakare dhamme, vicināmi ito cito;

    อุทฺธํ อโธ ทส ทิสา, ยาวตา ธมฺมธาตุยาฯ

    Uddhaṃ adho dasa disā, yāvatā dhammadhātuyā.

    ๑๑๖.

    116.

    ‘‘วิจินโนฺต ตทา ทกฺขิํ, ปฐมํ ทานปารมิํ;

    ‘‘Vicinanto tadā dakkhiṃ, paṭhamaṃ dānapāramiṃ;

    ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อนุจิณฺณํ มหาปถํฯ

    Pubbakehi mahesīhi, anuciṇṇaṃ mahāpathaṃ.

    ๑๑๗.

    117.

    ‘‘อิมํ ตฺวํ ปฐมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

    ‘‘Imaṃ tvaṃ paṭhamaṃ tāva, daḷhaṃ katvā samādiya;

    ทานปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธิํ ปตฺตุมิจฺฉสิฯ

    Dānapāramitaṃ gaccha, yadi bodhiṃ pattumicchasi.

    ๑๑๘.

    118.

    ‘‘ยถาปิ กุโมฺภ สมฺปุโณฺณ, ยสฺส กสฺสจิ อโธ กโต;

    ‘‘Yathāpi kumbho sampuṇṇo, yassa kassaci adho kato;

    วมเตวุทกํ นิเสฺสสํ, น ตตฺถ ปริรกฺขติฯ

    Vamatevudakaṃ nissesaṃ, na tattha parirakkhati.

    ๑๑๙.

    119.

    ‘‘ตเถว ยาจเก ทิสฺวา, หีนมุกฺกฎฺฐมชฺฌิเม;

    ‘‘Tatheva yācake disvā, hīnamukkaṭṭhamajjhime;

    ททาหิ ทานํ นิเสฺสสํ, กุโมฺภ วิย อโธ กโต’’ติฯ

    Dadāhi dānaṃ nissesaṃ, kumbho viya adho kato’’ti.

    ตตฺถ หนฺทาติ ววสฺสคฺคเตฺถ นิปาโตฯ พุทฺธกเร ธเมฺมติ พุทฺธตฺตกเร ธเมฺมฯ พุทฺธตฺตกรา นาม ธมฺมา ทานปารมิตาทโย ทส ธมฺมาฯ วิจินามีติ วิจินิสฺสามิ, วีมํสิสฺสามิ อุปปริกฺขิสฺสามีติ อโตฺถฯ อิโต จิโตติ อิโต อิโต, อยเมว วา ปาโฐฯ ตตฺถ ตตฺถ วิจินามีติ อโตฺถฯ อุทฺธนฺติ เทวโลเกฯ อโธติ มนุสฺสโลเกฯ ทส ทิสาติ ทสสุ ทิสาสุ; กตฺถ นุ โข เต พุทฺธการกธมฺมา อุทฺธํ อโธ ติริยํ ทิสาสุ วิทิสาสูติ อธิปฺปาโยฯ ยาวตา ธมฺมธาตุยาติ เอตฺถ ยาวตาติ ปริเจฺฉทวจนํฯ ธมฺมธาตุยาติ สภาวธมฺมสฺส, ปวตฺตนีติ วจนเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? ยาวติกา สภาวธมฺมานํ กามรูปารูปธมฺมานํ ปวตฺติ, ตาวติกํ วิจินิสฺสามีติ วุตฺตํ โหติฯ

    Tattha handāti vavassaggatthe nipāto. Buddhakare dhammeti buddhattakare dhamme. Buddhattakarā nāma dhammā dānapāramitādayo dasa dhammā. Vicināmīti vicinissāmi, vīmaṃsissāmi upaparikkhissāmīti attho. Ito citoti ito ito, ayameva vā pāṭho. Tattha tattha vicināmīti attho. Uddhanti devaloke. Adhoti manussaloke. Dasa disāti dasasu disāsu; kattha nu kho te buddhakārakadhammā uddhaṃ adho tiriyaṃ disāsu vidisāsūti adhippāyo. Yāvatā dhammadhātuyāti ettha yāvatāti paricchedavacanaṃ. Dhammadhātuyāti sabhāvadhammassa, pavattanīti vacanaseso daṭṭhabbo. Kiṃ vuttaṃ hoti? Yāvatikā sabhāvadhammānaṃ kāmarūpārūpadhammānaṃ pavatti, tāvatikaṃ vicinissāmīti vuttaṃ hoti.

    วิจินโนฺตติ วีมํสโนฺต อุปปริกฺขโนฺตฯ ปุพฺพเกหีติ โปราเณหิ โพธิสเตฺตหิฯ อนุจิณฺณนฺติ อชฺฌาจิณฺณํ อาเสวิตํฯ สมาทิยาติ สมาทิยนํ กโรหิ, อชฺช ปฎฺฐาย อยํ ปฐมํ ทานปารมี ปูเรตพฺพา มยาติ เอวํ สมาทิยาติ อโตฺถฯ ทานปารมิตํ คจฺฉาติ ทานปารมิํ คจฺฉ, ปูรยาติ อโตฺถฯ ยทิ โพธิํ ปตฺตุมิจฺฉสีติ โพธิมูลมุปคนฺตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ ปตฺตุํ อิจฺฉสิ เจฯ ยสฺส กสฺสจีติ อุทกสฺส วา ขีรสฺส วา ยสฺส กสฺสจิ สมฺปุโณฺณฯ สมฺปุณฺณสทฺทโยเค สติ สามิวจนํ อิจฺฉนฺติ สทฺทวิทูฯ กรณเตฺถ วา สามิวจนํ, เยน เกนจีติ อโตฺถฯ อโธ กโตติ เหฎฺฐามุขีกโตฯ น ตตฺถ ปริรกฺขตีติ ตสฺมิํ วมเน น ปริรกฺขติ, นิเสฺสสํ อุทกํ วมเตวาติ อโตฺถฯ หีนมุกฺกฎฺฐมชฺฌิเมติ หีนมชฺฌิมปณีเตฯ -กาโร ปทสนฺธิกโรฯ กุโมฺภ วิย อโธ กโตติ เหฎฺฐามุขีกโต วิย กุโมฺภฯ ยาจเก อุปคเต ทิสฺวา – ‘‘ตฺวํ, สุเมธ, อตฺตโน อนวเสเสตฺวา สพฺพธนปริจฺจาเคน ทานปารมิํ, องฺคปริจฺจาเคน อุปปารมิํ, ชีวิตปริจฺจาเคน ปรมตฺถปารมิญฺจ ปูเรหี’’ติ เอวํ อตฺตนาว อตฺตานํ โอวทิฯ

    Vicinantoti vīmaṃsanto upaparikkhanto. Pubbakehīti porāṇehi bodhisattehi. Anuciṇṇanti ajjhāciṇṇaṃ āsevitaṃ. Samādiyāti samādiyanaṃ karohi, ajja paṭṭhāya ayaṃ paṭhamaṃ dānapāramī pūretabbā mayāti evaṃ samādiyāti attho. Dānapāramitaṃ gacchāti dānapāramiṃ gaccha, pūrayāti attho. Yadibodhiṃ pattumicchasīti bodhimūlamupagantvā anuttaraṃ sammāsambodhiṃ pattuṃ icchasi ce. Yassa kassacīti udakassa vā khīrassa vā yassa kassaci sampuṇṇo. Sampuṇṇasaddayoge sati sāmivacanaṃ icchanti saddavidū. Karaṇatthe vā sāmivacanaṃ, yena kenacīti attho. Adho katoti heṭṭhāmukhīkato. Na tattha parirakkhatīti tasmiṃ vamane na parirakkhati, nissesaṃ udakaṃ vamatevāti attho. Hīnamukkaṭṭhamajjhimeti hīnamajjhimapaṇīte. Ma-kāro padasandhikaro. Kumbho viya adho katoti heṭṭhāmukhīkato viya kumbho. Yācake upagate disvā – ‘‘tvaṃ, sumedha, attano anavasesetvā sabbadhanapariccāgena dānapāramiṃ, aṅgapariccāgena upapāramiṃ, jīvitapariccāgena paramatthapāramiñca pūrehī’’ti evaṃ attanāva attānaṃ ovadi.

    อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการเกหิ ธเมฺมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต ทุติยํ สีลปารมิํ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฎฺฐาย สีลปารมิํ ปูเรยฺยาสิฯ ยถา จมรี มิโค นาม ชีวิตมฺปิ อโนโลเกตฺวา อตฺตโน วาลเมว รกฺขติ, เอวํ ตฺวมฺปิ อิโต ปฎฺฐาย ชีวิตมฺปิ อโนโลเกตฺวา สีลเมว รกฺขโนฺต พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ ทุติยํ สีลปารมิํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Athassa ‘‘na ettakeheva buddhakārakehi dhammehi bhavitabba’’nti uttarimpi upadhārayato dutiyaṃ sīlapāramiṃ disvā etadahosi – ‘‘sumedhapaṇḍita, tvaṃ ito paṭṭhāya sīlapāramiṃ pūreyyāsi. Yathā camarī migo nāma jīvitampi anoloketvā attano vālameva rakkhati, evaṃ tvampi ito paṭṭhāya jīvitampi anoloketvā sīlameva rakkhanto buddho bhavissasī’’ti dutiyaṃ sīlapāramiṃ daḷhaṃ katvā adhiṭṭhāsi. Tena vuttaṃ –

    ๑๒๐.

    120.

    ‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

    ‘‘Na hete ettakāyeva, buddhadhammā bhavissare;

    อเญฺญปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนาฯ

    Aññepi vicinissāmi, ye dhammā bodhipācanā.

    ๑๒๑.

    121.

    ‘‘วิจินโนฺต ตทา ทกฺขิํ, ทุติยํ สีลปารมิํ;

    ‘‘Vicinanto tadā dakkhiṃ, dutiyaṃ sīlapāramiṃ;

    ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํฯ

    Pubbakehi mahesīhi, āsevitanisevitaṃ.

    ๑๒๒.

    122.

    ‘‘อิมํ ตฺวํ ทุติยํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

    ‘‘Imaṃ tvaṃ dutiyaṃ tāva, daḷhaṃ katvā samādiya;

    สีลปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธิํ ปตฺตุมิจฺฉสิฯ

    Sīlapāramitaṃ gaccha, yadi bodhiṃ pattumicchasi.

    ๑๒๓.

    123.

    ‘‘ยถาปิ จมรี วาลํ, กิสฺมิญฺจิ ปฎิลคฺคิตํ;

    ‘‘Yathāpi camarī vālaṃ, kismiñci paṭilaggitaṃ;

    อุเปติ มรณํ ตตฺถ, น วิโกเปติ วาลธิํฯ

    Upeti maraṇaṃ tattha, na vikopeti vāladhiṃ.

    ๑๒๔.

    124.

    ‘‘ตเถว ตฺวํ จตูสุ ภูมีสุ, สีลานิ ปริปูรย;

    ‘‘Tatheva tvaṃ catūsu bhūmīsu, sīlāni paripūraya;

    ปริรกฺข สพฺพทา สีลํ, จมรี วิย วาลธิ’’นฺติฯ

    Parirakkha sabbadā sīlaṃ, camarī viya vāladhi’’nti.

    ตตฺถ น เหเตติ น หิ เอเตเยวฯ โพธิปาจนาติ มคฺคปริปาจนา สพฺพญฺญุตญฺญาณปริปาจนา วาฯ ทุติยํ สีลปารมินฺติ สีลํ นาม สเพฺพสํ กุสลธมฺมานํ ปติฎฺฐา, สีเล ปติฎฺฐิโต กุสลธเมฺมหิ น ปริหายติ, สเพฺพปิ โลกิยโลกุตฺตรคุเณ ปฎิลภติฯ ตสฺมา สีลปารมี ปูเรตพฺพาติ ทุติยํ สีลปารมิํ อทฺทกฺขินฺติ อโตฺถฯ

    Tattha na heteti na hi eteyeva. Bodhipācanāti maggaparipācanā sabbaññutaññāṇaparipācanā vā. Dutiyaṃsīlapāraminti sīlaṃ nāma sabbesaṃ kusaladhammānaṃ patiṭṭhā, sīle patiṭṭhito kusaladhammehi na parihāyati, sabbepi lokiyalokuttaraguṇe paṭilabhati. Tasmā sīlapāramī pūretabbāti dutiyaṃ sīlapāramiṃ addakkhinti attho.

    อาเสวิตนิเสวิตนฺติ ภาวิตเญฺจว พหุลีกตญฺจฯ จมรีติ จมรี มิโคฯ กิสฺมิญฺจีติ ยตฺถ กตฺถจิ รุกฺขลตากณฺฎกาทีสุ อญฺญตรสฺมิํฯ ปฎิลคฺคิตนฺติ ปฎิวิลคฺคิตํฯ ตตฺถาติ ยตฺถ วิลคฺคิตํ, ตเตฺถว ฐตฺวา มรณํ อุปคจฺฉติฯ น วิโกเปตีติ น ฉินฺทติฯ วาลธินฺติ วาลํ ฉินฺทิตฺวา น คจฺฉติ, ตเตฺถว มรณํ อุเปตีติ อโตฺถฯ

    Āsevitanisevitanti bhāvitañceva bahulīkatañca. Camarīti camarī migo. Kismiñcīti yattha katthaci rukkhalatākaṇṭakādīsu aññatarasmiṃ. Paṭilaggitanti paṭivilaggitaṃ. Tatthāti yattha vilaggitaṃ, tattheva ṭhatvā maraṇaṃ upagacchati. Na vikopetīti na chindati. Vāladhinti vālaṃ chinditvā na gacchati, tattheva maraṇaṃ upetīti attho.

    จตูสุ ภูมีสุ สีลานีติ จตูสุ ฐาเนสุ วิภตฺตสีลานิ, ปาติโมกฺขสํวรอินฺทฺริยสํวรอาชีวปาริสุทฺธิปจฺจยสนฺนิสฺสิตวเสนาติ อโตฺถฯ ภูมิวเสน ปน ทฺวีสุเยว ภูมีสุ ปริยาปนฺนํ ตมฺปิ จตุสีลเมวาติฯ ปริปูรยาติ ขณฺฑฉิทฺทสพลาทิอภาเวน ปริปูรยฯ สพฺพทาติ สพฺพกาลํฯ จมรี วิยาติ จมรี มิโค วิยฯ เสสเมตฺถาปิ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ

    Catūsubhūmīsu sīlānīti catūsu ṭhānesu vibhattasīlāni, pātimokkhasaṃvaraindriyasaṃvaraājīvapārisuddhipaccayasannissitavasenāti attho. Bhūmivasena pana dvīsuyeva bhūmīsu pariyāpannaṃ tampi catusīlamevāti. Paripūrayāti khaṇḍachiddasabalādiabhāvena paripūraya. Sabbadāti sabbakālaṃ. Camarī viyāti camarī migo viya. Sesametthāpi uttānatthamevāti.

    อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการเกหิ ธเมฺมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต ตติยํ เนกฺขมฺมปารมิํ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฎฺฐาย เนกฺขมฺมปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิฯ ยถาปิ สุจิรํ พนฺธนาคาเร วสมาโน ปุริโส น ตตฺถ สิเนหํ กโรติ, อถ โข อุกฺกณฺฐิโต อวสิตุกาโม โหติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สพฺพภเว พนฺธนาคารสทิเส กตฺวา ปสฺส, สพฺพภเวหิ อุกฺกณฺฐิโต มุจฺจิตุกาโม หุตฺวา เนกฺขมฺมาภิมุโขว โหติ, เอวํ พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ ตติยํ เนกฺขมฺมปารมิํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Athassa ‘‘na ettakeheva buddhakārakehi dhammehi bhavitabba’’nti uttarimpi upadhārayato tatiyaṃ nekkhammapāramiṃ disvā etadahosi – ‘‘sumedhapaṇḍita, tvaṃ ito paṭṭhāya nekkhammapāramimpi pūreyyāsi. Yathāpi suciraṃ bandhanāgāre vasamāno puriso na tattha sinehaṃ karoti, atha kho ukkaṇṭhito avasitukāmo hoti, evameva tvampi sabbabhave bandhanāgārasadise katvā passa, sabbabhavehi ukkaṇṭhito muccitukāmo hutvā nekkhammābhimukhova hoti, evaṃ buddho bhavissasī’’ti tatiyaṃ nekkhammapāramiṃ daḷhaṃ katvā adhiṭṭhāsi. Tena vuttaṃ –

    ๑๒๕.

    125.

    ‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

    ‘‘Na hete ettakāyeva, buddhadhammā bhavissare;

    อเญฺญปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนาฯ

    Aññepi vicinissāmi, ye dhammā bodhipācanā.

    ๑๒๖.

    126.

    ‘‘วิจินโนฺต ตทา ทกฺขิํ, ตติยํ เนกฺขมฺมปารมิํ;

    ‘‘Vicinanto tadā dakkhiṃ, tatiyaṃ nekkhammapāramiṃ;

    ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํฯ

    Pubbakehi mahesīhi, āsevitanisevitaṃ.

    ๑๒๗.

    127.

    ‘‘อิมํ ตฺวํ ตติยํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

    ‘‘Imaṃ tvaṃ tatiyaṃ tāva, daḷhaṃ katvā samādiya;

    เนกฺขมฺมปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธิํ ปตฺตุมิจฺฉสิฯ

    Nekkhammapāramitaṃ gaccha, yadi bodhiṃ pattumicchasi.

    ๑๒๘.

    128.

    ‘‘ยถา อนฺทุฆเร ปุริโส, จิรวุโฎฺฐ ทุขฎฺฎิโต;

    ‘‘Yathā andughare puriso, ciravuṭṭho dukhaṭṭito;

    น ตตฺถ ราคํ ชเนติ, มุตฺติํเยว คเวสติฯ

    Na tattha rāgaṃ janeti, muttiṃyeva gavesati.

    ๑๒๙.

    129.

    ‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพภเว, ปสฺส อนฺทุฆเร วิย;

    ‘‘Tatheva tvaṃ sabbabhave, passa andughare viya;

    เนกฺขมฺมาภิมุโข โหติ, ภวโต ปริมุตฺติยา’’ติฯ

    Nekkhammābhimukho hoti, bhavato parimuttiyā’’ti.

    ตตฺถ อนฺทุฆเรติ พนฺธนาคาเรฯ จิรวุโฎฺฐติ จิรกาลํ วุโฎฺฐฯ ทุขฎฺฎิโตติ ทุกฺขปีฬิโตฯ ตตฺถ ราคํ ชเนตีติ ตตฺถ อนฺทุฆเร ราคํ สิเนหํ น ชเนติ น อุปฺปาเทติฯ ‘‘อิมํ อนฺทุฆรํ มุญฺจิตฺวา นาหํ อญฺญตฺถ คมิสฺสามี’’ติ เอวํ ตตฺถ ราคํ น ชเนติ, กินฺตุ มุตฺติํเยว โมกฺขเมว คเวสตีติ อธิปฺปาโยฯ เนกฺขมฺมาภิมุโขติ นิกฺขมนาภิมุโข โหติฯ ภวโตติ สพฺพภเวหิฯ ปริมุตฺติยาติ ปริโมจนตฺถายฯ เนกฺขมฺมาภิมุโข หุตฺวา, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสี’’ติปิ ปาโฐฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ

    Tattha andughareti bandhanāgāre. Ciravuṭṭhoti cirakālaṃ vuṭṭho. Dukhaṭṭitoti dukkhapīḷito. Natattha rāgaṃ janetīti tattha andughare rāgaṃ sinehaṃ na janeti na uppādeti. ‘‘Imaṃ andugharaṃ muñcitvā nāhaṃ aññattha gamissāmī’’ti evaṃ tattha rāgaṃ na janeti, kintu muttiṃyeva mokkhameva gavesatīti adhippāyo. Nekkhammābhimukhoti nikkhamanābhimukho hoti. Bhavatoti sabbabhavehi. Parimuttiyāti parimocanatthāya. Nekkhammābhimukho hutvā, sambodhiṃ pāpuṇissasī’’tipi pāṭho. Sesamettha uttānatthamevāti.

    อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธเมฺมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต จตุตฺถํ ปญฺญาปารมิํ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฎฺฐาย ปญฺญาปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิฯ หีนมชฺฌิมุกฺกเฎฺฐสุ กญฺจิ อวเชฺชตฺวา สเพฺพปิ ปณฺฑิเต อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺหํ ปุเจฺฉยฺยาสิฯ ยถาปิ ปิณฺฑจาริโก ภิกฺขุ หีนาทิเภเทสุ กุเลสุ กิญฺจิ กุลํ อวิวเชฺชตฺวา ปฎิปาฎิยา ปิณฺฑาย จรโนฺต ขิปฺปํ ยาปนมตฺตํ ลภติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สเพฺพ ปณฺฑิเต อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉโนฺต พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ จตุตฺถํ ปญฺญาปารมิํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Athassa ‘‘na ettakeheva buddhakārakadhammehi bhavitabba’’nti uttarimpi upadhārayato catutthaṃ paññāpāramiṃ disvā etadahosi – ‘‘sumedhapaṇḍita, tvaṃ ito paṭṭhāya paññāpāramimpi pūreyyāsi. Hīnamajjhimukkaṭṭhesu kañci avajjetvā sabbepi paṇḍite upasaṅkamitvā pañhaṃ puccheyyāsi. Yathāpi piṇḍacāriko bhikkhu hīnādibhedesu kulesu kiñci kulaṃ avivajjetvā paṭipāṭiyā piṇḍāya caranto khippaṃ yāpanamattaṃ labhati, evameva tvampi sabbe paṇḍite upasaṅkamitvā pucchanto buddho bhavissasī’’ti catutthaṃ paññāpāramiṃ daḷhaṃ katvā adhiṭṭhāsi. Tena vuttaṃ –

    ๑๓๐.

    130.

    ‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

    ‘‘Na hete ettakāyeva, buddhadhammā bhavissare;

    อเญฺญปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนาฯ

    Aññepi vicinissāmi, ye dhammā bodhipācanā.

    ๑๓๑.

    131.

    ‘‘วิจินโนฺต ตทา ทกฺขิํ, จตุตฺถํ ปญฺญาปารมิํ;

    ‘‘Vicinanto tadā dakkhiṃ, catutthaṃ paññāpāramiṃ;

    ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํฯ

    Pubbakehi mahesīhi, āsevitanisevitaṃ.

    ๑๓๒.

    132.

    ‘‘อิมํ ตฺวํ จตุตฺถํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

    ‘‘Imaṃ tvaṃ catutthaṃ tāva, daḷhaṃ katvā samādiya;

    ปญฺญาปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธิํ ปตฺตุมิจฺฉสิฯ

    Paññāpāramitaṃ gaccha, yadi bodhiṃ pattumicchasi.

    ๑๓๓.

    133.

    ‘‘ยถา หิ ภิกฺขุ ภิกฺขโนฺต, หีนมุกฺกฎฺฐมชฺฌิเม;

    ‘‘Yathā hi bhikkhu bhikkhanto, hīnamukkaṭṭhamajjhime;

    กุลานิ น วิวเชฺชโนฺต, เอวํ ลภติ ยาปนํฯ

    Kulāni na vivajjento, evaṃ labhati yāpanaṃ.

    ๑๓๔.

    134.

    ‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพกาลํ, ปริปุจฺฉํ พุธํ ชนํ;

    ‘‘Tatheva tvaṃ sabbakālaṃ, paripucchaṃ budhaṃ janaṃ;

    ปญฺญาย ปารมิํ คนฺตฺวา, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสี’’ติฯ

    Paññāya pāramiṃ gantvā, sambodhiṃ pāpuṇissasī’’ti.

    ตตฺถ ภิกฺขโนฺตติ ปิณฺฑาย จรโนฺตฯ หีนมุกฺกฎฺฐมชฺฌิเมติ หีนมุกฺกฎฺฐมชฺฌิมานิ กุลานีติ อโตฺถฯ ลิงฺควิปริยาโส กโตฯ น วิวเชฺชโนฺตติ น ปริหรโนฺต, ฆรปฎิปาฎิํ มุญฺจิตฺวา จรโนฺต วิวเชฺชติ นาม, เอวมกตฺวาติ อโตฺถฯ ยาปนนฺติ ยาปนมตฺตํ ปาณธารณํ อาหารํ ลภตีติ อโตฺถฯ ปริปุจฺฉนฺติ – ‘‘กิํ, ภเนฺต, กุสลํ, กิํ อกุสลํ; กิํ สาวชฺชํ, กิํ อนวชฺช’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๓.๘๔, ๒๑๖) นเยน ตตฺถ ตตฺถ อภิญฺญาเต ปณฺฑิเต ชเน อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉโนฺตติ อโตฺถฯ พุธํ ชนนฺติ ปณฺฑิตํ ชนํฯ ‘‘พุเธ ชเน’’ติปิ ปาโฐฯ ปญฺญาย ปารมินฺติ ปญฺญาย ปารํฯ ‘‘ปญฺญาปารมิตํ คนฺตฺวา’’ติปิ ปาโฐฯ เสสเมตฺถาปิ อุตฺตานเมวาติฯ

    Tattha bhikkhantoti piṇḍāya caranto. Hīnamukkaṭṭhamajjhimeti hīnamukkaṭṭhamajjhimāni kulānīti attho. Liṅgavipariyāso kato. Na vivajjentoti na pariharanto, gharapaṭipāṭiṃ muñcitvā caranto vivajjeti nāma, evamakatvāti attho. Yāpananti yāpanamattaṃ pāṇadhāraṇaṃ āhāraṃ labhatīti attho. Paripucchanti – ‘‘kiṃ, bhante, kusalaṃ, kiṃ akusalaṃ; kiṃ sāvajjaṃ, kiṃ anavajja’’ntiādinā (dī. ni. 3.84, 216) nayena tattha tattha abhiññāte paṇḍite jane upasaṅkamitvā paripucchantoti attho. Budhaṃ jananti paṇḍitaṃ janaṃ. ‘‘Budhe jane’’tipi pāṭho. Paññāya pāraminti paññāya pāraṃ. ‘‘Paññāpāramitaṃ gantvā’’tipi pāṭho. Sesametthāpi uttānamevāti.

    อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธเมฺมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต ปญฺจมํ วีริยปารมิํ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฎฺฐาย วีริยปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิฯ ยถาปิ สีโห มิคราชา สพฺพอิริยาปเถสุ ทฬฺหวีริโย โหติ, เอวํ ตฺวมฺปิ สพฺพภเวสุ สพฺพอิริยาปเถสุ ทฬฺหวีริโย อโนลีนวีริโย สมาโน พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ ปญฺจมํ วีริยปารมิํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Athassa ‘‘na ettakeheva buddhakārakadhammehi bhavitabba’’nti uttarimpi upadhārayato pañcamaṃ vīriyapāramiṃ disvā etadahosi – ‘‘sumedhapaṇḍita, tvaṃ ito paṭṭhāya vīriyapāramimpi pūreyyāsi. Yathāpi sīho migarājā sabbairiyāpathesu daḷhavīriyo hoti, evaṃ tvampi sabbabhavesu sabbairiyāpathesu daḷhavīriyo anolīnavīriyo samāno buddho bhavissasī’’ti pañcamaṃ vīriyapāramiṃ daḷhaṃ katvā adhiṭṭhāsi. Tena vuttaṃ –

    ๑๓๕.

    135.

    ‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

    ‘‘Na hete ettakāyeva, buddhadhammā bhavissare;

    อเญฺญปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนาฯ

    Aññepi vicinissāmi, ye dhammā bodhipācanā.

    ๑๓๖.

    136.

    ‘‘วิจินโนฺต ตทา ทกฺขิํ, ปญฺจมํ วีริยปารมิํ;

    ‘‘Vicinanto tadā dakkhiṃ, pañcamaṃ vīriyapāramiṃ;

    ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํฯ

    Pubbakehi mahesīhi, āsevitanisevitaṃ.

    ๑๓๗.

    137.

    ‘‘อิมํ ตฺวํ ปญฺจมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

    ‘‘Imaṃ tvaṃ pañcamaṃ tāva, daḷhaṃ katvā samādiya;

    วีริยปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธิํ ปตฺตุมิจฺฉสิฯ

    Vīriyapāramitaṃ gaccha, yadi bodhiṃ pattumicchasi.

    ๑๓๘.

    138.

    ‘‘ยถาปิ สีโห มิคราชา, นิสชฺชฎฺฐานจงฺกเม;

    ‘‘Yathāpi sīho migarājā, nisajjaṭṭhānacaṅkame;

    อลีนวีริโย โหติ, ปคฺคหิตมโน สทาฯ

    Alīnavīriyo hoti, paggahitamano sadā.

    ๑๓๙.

    139.

    ‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพภเว, ปคฺคณฺห วีริยํ ทฬฺหํ;

    ‘‘Tatheva tvaṃ sabbabhave, paggaṇha vīriyaṃ daḷhaṃ;

    วีริยปารมิตํ คนฺตฺวา, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสี’’ติฯ

    Vīriyapāramitaṃ gantvā, sambodhiṃ pāpuṇissasī’’ti.

    ตตฺถ อลีนวีริโยติ อโนลีนวีริโยฯ สพฺพภเวติ ชาตชาตภเว, สเพฺพสุ ภเวสูติ อโตฺถฯ อารทฺธวีริโย หุตฺวา, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสีติปิ ปาโฐฯ เสสเมตฺถาปิ อุตฺตานเมวาติฯ

    Tattha alīnavīriyoti anolīnavīriyo. Sabbabhaveti jātajātabhave, sabbesu bhavesūti attho. Āraddhavīriyo hutvā, sambodhiṃ pāpuṇissasītipi pāṭho. Sesametthāpi uttānamevāti.

    อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธเมฺมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต ฉฎฺฐมํ ขนฺติปารมิํ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฎฺฐาย ขนฺติปารมิํ ปริปูเรยฺยาสิ, สมฺมานเนปิ อวมานเนปิ ขโมว ภเวยฺยาสิฯ ยถา หิ ปถวิยํ นาม สุจิมฺปิ ปกฺขิปนฺติ อสุจิมฺปิ, น จ เตน ปถวี สิเนหํ วา ปฎิฆํ วา กโรติ, ขมติ สหติ อธิวาเสติเยว, เอวเมว ตฺวมฺปิ สเพฺพสํ สมฺมานนาวมานเนสุ ขโม สมาโน พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ ฉฎฺฐมํ ขนฺติปารมิํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Athassa ‘‘na ettakeheva buddhakārakadhammehi bhavitabba’’nti uttarimpi upadhārayato chaṭṭhamaṃ khantipāramiṃ disvā etadahosi – ‘‘sumedhapaṇḍita, tvaṃ ito paṭṭhāya khantipāramiṃ paripūreyyāsi, sammānanepi avamānanepi khamova bhaveyyāsi. Yathā hi pathaviyaṃ nāma sucimpi pakkhipanti asucimpi, na ca tena pathavī sinehaṃ vā paṭighaṃ vā karoti, khamati sahati adhivāsetiyeva, evameva tvampi sabbesaṃ sammānanāvamānanesu khamo samāno buddho bhavissasī’’ti chaṭṭhamaṃ khantipāramiṃ daḷhaṃ katvā adhiṭṭhāsi. Tena vuttaṃ –

    ๑๔๐.

    140.

    ‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

    ‘‘Na hete ettakāyeva, buddhadhammā bhavissare;

    อเญฺญปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนาฯ

    Aññepi vicinissāmi, ye dhammā bodhipācanā.

    ๑๔๑.

    141.

    ‘‘วิจินโนฺต ตทา ทกฺขิํ, ฉฎฺฐมํ ขนฺติปารมิํ;

    ‘‘Vicinanto tadā dakkhiṃ, chaṭṭhamaṃ khantipāramiṃ;

    ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํฯ

    Pubbakehi mahesīhi, āsevitanisevitaṃ.

    ๑๔๒.

    142.

    ‘‘อิมํ ตฺวํ ฉฎฺฐมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

    ‘‘Imaṃ tvaṃ chaṭṭhamaṃ tāva, daḷhaṃ katvā samādiya;

    ตตฺถ อเทฺวชฺฌมานโส, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสิฯ

    Tattha advejjhamānaso, sambodhiṃ pāpuṇissasi.

    ๑๔๓.

    143.

    ‘‘ยถาปิ ปถวี นาม, สุจิมฺปิ อสุจิมฺปิ จ;

    ‘‘Yathāpi pathavī nāma, sucimpi asucimpi ca;

    สพฺพํ สหติ นิเกฺขปํ, น กโรติ ปฎิฆํ ตยาฯ

    Sabbaṃ sahati nikkhepaṃ, na karoti paṭighaṃ tayā.

    ๑๔๔.

    144.

    ‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สเพฺพสํ, สมฺมานาวมานกฺขโม;

    ‘‘Tatheva tvampi sabbesaṃ, sammānāvamānakkhamo;

    ขนฺติปารมิตํ คนฺตฺวา, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสี’’ติฯ

    Khantipāramitaṃ gantvā, sambodhiṃ pāpuṇissasī’’ti.

    ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺสํ ขนฺติปารมิยํฯ อเทฺวชฺฌมานโสติ เอกํสมานโสฯ สุจิมฺปีติ จนฺทนกุงฺกุมคนฺธมาลาทิสุจิมฺปิฯ อสุจิมฺปีติ อหิกุกฺกุรมนุสฺสกุณปคูถมุตฺตเขฬสิงฺฆาณิกาทิอสุจิมฺปิฯ สหตีติ ขมติ, อธิวาเสติฯ นิเกฺขปนฺติ นิกฺขิตฺตํฯ ปฎิฆนฺติ โกธํฯ ตยาติ ตาย วุตฺติยา, ตาย นิกฺขิตฺตตาย วาฯ ‘‘ปฎิฆํ ทย’’นฺติปิ ปาโฐ, ตสฺส เตน นิเกฺขเปน ปฎิฆานุโรธํ น กโรตีติ อโตฺถฯ สมฺมานาวมานกฺขโมติ สเพฺพสํ สมฺมานนาวมานนสโห ตฺวมฺปิ ภวาติ อโตฺถฯ ‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สพฺพภเว, สมฺมานนวิมานกฺขโม’’ติปิ ปฐนฺติฯ ‘‘ขนฺติยา ปารมิํ คนฺตฺวา’’ติปิ ปาโฐ, ตสฺสา ขนฺติยา ปารมิปูรณวเสน คนฺตฺวาติ อโตฺถฯ เสสเมตฺถาปิ อุตฺตานเมวาติฯ อิโต ปรํ เอตฺตกมฺปิ อวตฺวา ยตฺถ ยตฺถ วิเสโส อตฺถิ, ตํ ตเมว วตฺวา ปาฐนฺตรํ ทเสฺสตฺวา คมิสฺสามาติฯ

    Tattha tatthāti tassaṃ khantipāramiyaṃ. Advejjhamānasoti ekaṃsamānaso. Sucimpīti candanakuṅkumagandhamālādisucimpi. Asucimpīti ahikukkuramanussakuṇapagūthamuttakheḷasiṅghāṇikādiasucimpi. Sahatīti khamati, adhivāseti. Nikkhepanti nikkhittaṃ. Paṭighanti kodhaṃ. Tayāti tāya vuttiyā, tāya nikkhittatāya vā. ‘‘Paṭighaṃ daya’’ntipi pāṭho, tassa tena nikkhepena paṭighānurodhaṃ na karotīti attho. Sammānāvamānakkhamoti sabbesaṃ sammānanāvamānanasaho tvampi bhavāti attho. ‘‘Tatheva tvampi sabbabhave, sammānanavimānakkhamo’’tipi paṭhanti. ‘‘Khantiyā pāramiṃ gantvā’’tipi pāṭho, tassā khantiyā pāramipūraṇavasena gantvāti attho. Sesametthāpi uttānamevāti. Ito paraṃ ettakampi avatvā yattha yattha viseso atthi, taṃ tameva vatvā pāṭhantaraṃ dassetvā gamissāmāti.

    อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธเมฺมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต สตฺตมํ สจฺจปารมิํ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฎฺฐาย สจฺจปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ, อสนิยา มตฺถเก ปตมานายปิ ธนาทีนํ อตฺถาย ฉนฺทาทีนํ วเสน สมฺปชานมุสาวาทํ นาม มา ภาสิฯ ยถาปิ โอสธีตารกา นาม สพฺพอุตูสุ อตฺตโน คมนวีถิํ วิชหิตฺวา อญฺญาย วีถิยา น คจฺฉติ, สกวีถิยาว คจฺฉติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สจฺจํ ปหาย มุสาวาทํ นาม อวทโนฺตเยว พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ สตฺตมํ สจฺจปารมิํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Athassa ‘‘na ettakeheva buddhakārakadhammehi bhavitabba’’nti uttarimpi upadhārayato sattamaṃ saccapāramiṃ disvā etadahosi – ‘‘sumedhapaṇḍita, tvaṃ ito paṭṭhāya saccapāramimpi pūreyyāsi, asaniyā matthake patamānāyapi dhanādīnaṃ atthāya chandādīnaṃ vasena sampajānamusāvādaṃ nāma mā bhāsi. Yathāpi osadhītārakā nāma sabbautūsu attano gamanavīthiṃ vijahitvā aññāya vīthiyā na gacchati, sakavīthiyāva gacchati, evameva tvampi saccaṃ pahāya musāvādaṃ nāma avadantoyeva buddho bhavissasī’’ti sattamaṃ saccapāramiṃ daḷhaṃ katvā adhiṭṭhāsi. Tena vuttaṃ –

    ๑๔๕.

    145.

    ‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

    ‘‘Na hete ettakāyeva, buddhadhammā bhavissare;

    อเญฺญปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนาฯ

    Aññepi vicinissāmi, ye dhammā bodhipācanā.

    ๑๔๖.

    146.

    ‘‘วิจินโนฺต ตทา ทกฺขิํ, สตฺตมํ สจฺจปารมิํ;

    ‘‘Vicinanto tadā dakkhiṃ, sattamaṃ saccapāramiṃ;

    ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํฯ

    Pubbakehi mahesīhi, āsevitanisevitaṃ.

    ๑๔๗.

    147.

    ‘‘อิมํ ตฺวํ สตฺตมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

    ‘‘Imaṃ tvaṃ sattamaṃ tāva, daḷhaṃ katvā samādiya;

    ตตฺถ อเทฺวชฺฌวจโน, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสิฯ

    Tattha advejjhavacano, sambodhiṃ pāpuṇissasi.

    ๑๔๘.

    148.

    ‘‘ยถาปิ โอสธี นาม, ตุลาภูตา สเทวเก;

    ‘‘Yathāpi osadhī nāma, tulābhūtā sadevake;

    สมเย อุตุวเสฺส วา, น โวกฺกมติ วีถิโตฯ

    Samaye utuvasse vā, na vokkamati vīthito.

    ๑๔๙.

    149.

    ‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สเจฺจสุ, มา โวกฺกม หิ วีถิโต;

    ‘‘Tatheva tvampi saccesu, mā vokkama hi vīthito;

    สจฺจปารมิตํ คนฺตฺวา, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสี’’ติฯ

    Saccapāramitaṃ gantvā, sambodhiṃ pāpuṇissasī’’ti.

    ตตฺถ ตตฺถาติ สจฺจปารมิยํฯ อเทฺวชฺฌวจโนติ อวิตถวจโนฯ โอสธี นามาติ โอสธีตารกา, โอสธคหเณ โอสธีตารกํ อุทิตํ ทิสฺวา โอสธํ คณฺหนฺติฯ ตสฺมา ‘‘โอสธีตารกา’’ติ วุจฺจติฯ ตุลาภูตาติ ปมาณภูตาฯ สเทวเกติ สเทวกสฺส โลกสฺสฯ สมเยติ วสฺสสมเยฯ อุตุวเสฺสติ เหมนฺตคิเมฺหสุฯ ‘‘สมเย อุตุวเฎฺฎ’’ติปิ ปาโฐฯ ตสฺส สมเยติ คิเมฺหฯ อุตุวเฎฺฎติ เหมเนฺต จ วสฺสาเน จาติ อโตฺถฯ โวกฺกมติ วีถิโตติ ตํ ตํ อุตุมฺหิ อตฺตโน คมนวีถิโต น โวกฺกมติ น วิคจฺฉติ, ฉ มาเส ปจฺฉิมํ ทิสํ คจฺฉติ, ฉ มาเส ปุพฺพํ ทิสํ คจฺฉตีติฯ อถ วา โอสธี นามาติ สิงฺคิเวรปิปฺผลิมริจาทิกํ โอสธํฯ น โวกฺกมตีติ ยํ ยํ ผลทานสมตฺถํ โอสธํ, ตํ ตํ ผลทานํ โอกฺกมฺม อตฺตโน ผลํ อทตฺวา น นิวตฺตติฯ วีถิโตติ คมนวีถิโต, ปิตฺตหโร ปิตฺตํ หรเตว, วาตหโร วาตํ หรเตว, เสมฺหหโร เสมฺหํ หรเตวาติ อโตฺถฯ เสสเมตฺถาปิ อุตฺตานเมวาติฯ

    Tattha tatthāti saccapāramiyaṃ. Advejjhavacanoti avitathavacano. Osadhī nāmāti osadhītārakā, osadhagahaṇe osadhītārakaṃ uditaṃ disvā osadhaṃ gaṇhanti. Tasmā ‘‘osadhītārakā’’ti vuccati. Tulābhūtāti pamāṇabhūtā. Sadevaketi sadevakassa lokassa. Samayeti vassasamaye. Utuvasseti hemantagimhesu. ‘‘Samaye utuvaṭṭe’’tipi pāṭho. Tassa samayeti gimhe. Utuvaṭṭeti hemante ca vassāne cāti attho. Navokkamati vīthitoti taṃ taṃ utumhi attano gamanavīthito na vokkamati na vigacchati, cha māse pacchimaṃ disaṃ gacchati, cha māse pubbaṃ disaṃ gacchatīti. Atha vā osadhī nāmāti siṅgiverapipphalimaricādikaṃ osadhaṃ. Na vokkamatīti yaṃ yaṃ phaladānasamatthaṃ osadhaṃ, taṃ taṃ phaladānaṃ okkamma attano phalaṃ adatvā na nivattati. Vīthitoti gamanavīthito, pittaharo pittaṃ harateva, vātaharo vātaṃ harateva, semhaharo semhaṃ haratevāti attho. Sesametthāpi uttānamevāti.

    อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธเมฺมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต อฎฺฐมํ อธิฎฺฐานปารมิํ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฎฺฐาย อธิฎฺฐานปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ, ยํ อธิฎฺฐาสิ, ตสฺมิํ อธิฎฺฐาเน นิจฺจโล ภเวยฺยาสิ, ยถา ปพฺพโต นาม สพฺพทิสาสุ วาเต ปหรเนฺตปิ น กมฺปติ น จลติ, อตฺตโน ฐาเนเยว ติฎฺฐติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ อตฺตโน อธิฎฺฐาเน นิจฺจโล โหโนฺตว พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ อฎฺฐมํ อธิฎฺฐานปารมิํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฎฺฐาสีติฯ เตน วุตฺตํ –

    Athassa ‘‘na ettakeheva buddhakārakadhammehi bhavitabba’’nti uttarimpi upadhārayato aṭṭhamaṃ adhiṭṭhānapāramiṃ disvā etadahosi – ‘‘sumedhapaṇḍita, tvaṃ ito paṭṭhāya adhiṭṭhānapāramimpi pūreyyāsi, yaṃ adhiṭṭhāsi, tasmiṃ adhiṭṭhāne niccalo bhaveyyāsi, yathā pabbato nāma sabbadisāsu vāte paharantepi na kampati na calati, attano ṭhāneyeva tiṭṭhati, evameva tvampi attano adhiṭṭhāne niccalo hontova buddho bhavissasī’’ti aṭṭhamaṃ adhiṭṭhānapāramiṃ daḷhaṃ katvā adhiṭṭhāsīti. Tena vuttaṃ –

    ๑๕๐.

    150.

    ‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

    ‘‘Na hete ettakāyeva, buddhadhammā bhavissare;

    อเญฺญปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนาฯ

    Aññepi vicinissāmi, ye dhammā bodhipācanā.

    ๑๕๑.

    151.

    ‘‘วิจินโนฺต ตทา ทกฺขิํ, อฎฺฐมํ อธิฎฺฐานปารมิํ;

    ‘‘Vicinanto tadā dakkhiṃ, aṭṭhamaṃ adhiṭṭhānapāramiṃ;

    ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํฯ

    Pubbakehi mahesīhi, āsevitanisevitaṃ.

    ๑๕๒.

    152.

    ‘‘อิมํ ตฺวํ อฎฺฐมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

    ‘‘Imaṃ tvaṃ aṭṭhamaṃ tāva, daḷhaṃ katvā samādiya;

    ตตฺถ ตฺวํ อจโล หุตฺวา, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสิฯ

    Tattha tvaṃ acalo hutvā, sambodhiṃ pāpuṇissasi.

    ๑๕๓.

    153.

    ‘‘ยถาปิ ปพฺพโต เสโล, อจโล สุปฺปติฎฺฐิโต;

    ‘‘Yathāpi pabbato selo, acalo suppatiṭṭhito;

    น กมฺปติ ภุสวาเตหิ, สกฎฺฐาเนว ติฎฺฐติฯ

    Na kampati bhusavātehi, sakaṭṭhāneva tiṭṭhati.

    ๑๕๔.

    154.

    ‘‘ตเตฺถว ตฺวมฺปิ อธิฎฺฐาเน, สพฺพทา อจโล ภว;

    ‘‘Tattheva tvampi adhiṭṭhāne, sabbadā acalo bhava;

    อธิฎฺฐานปารมิตํ คนฺตฺวา, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสี’’ติฯ

    Adhiṭṭhānapāramitaṃ gantvā, sambodhiṃ pāpuṇissasī’’ti.

    ตตฺถ เสโลติ สิลามโยฯ อจโลติ นิจฺจโล สุปฺปติฎฺฐิโตติ อจลตฺตาว สุฎฺฐุ ปติฎฺฐิโตฯ ‘‘ยถาปิ ปพฺพโต อจโล, นิขาโต สุปฺปติฎฺฐิโต’’ติปิ ปาโฐฯ ภุสวาเตหีติ พลววาเตหิฯ สกฎฺฐาเนวาติ อตฺตโน ฐาเนเยว, ยถาฐิตฎฺฐาเนเยวาติ อโตฺถฯ เสสเมตฺถาปิ อุตฺตานเมวาติฯ

    Tattha seloti silāmayo. Acaloti niccalo suppatiṭṭhitoti acalattāva suṭṭhu patiṭṭhito. ‘‘Yathāpi pabbato acalo, nikhāto suppatiṭṭhito’’tipi pāṭho. Bhusavātehīti balavavātehi. Sakaṭṭhānevāti attano ṭhāneyeva, yathāṭhitaṭṭhāneyevāti attho. Sesametthāpi uttānamevāti.

    อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธเมฺมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต นวมํ เมตฺตาปารมิํ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฎฺฐาย เมตฺตาปารมิํ ปูเรยฺยาสิ, หิเตสุปิ อหิเตสุปิ เอกจิโตฺตว ภเวยฺยาสิฯ ยถาปิ อุทกํ นาม ปาปชนสฺสปิ กลฺยาณชนสฺสปิ สีตภาวํ เอกสทิสํ กตฺวา ผรติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สพฺพสเตฺตสุ เมตฺตจิเตฺตน เอกจิโตฺตว หุตฺวา พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ นวมํ เมตฺตาปารมิํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฎฺฐาสีติฯ เตน วุตฺตํ –

    Athassa ‘‘na ettakeheva buddhakārakadhammehi bhavitabba’’nti uttarimpi upadhārayato navamaṃ mettāpāramiṃ disvā etadahosi – ‘‘sumedhapaṇḍita, tvaṃ ito paṭṭhāya mettāpāramiṃ pūreyyāsi, hitesupi ahitesupi ekacittova bhaveyyāsi. Yathāpi udakaṃ nāma pāpajanassapi kalyāṇajanassapi sītabhāvaṃ ekasadisaṃ katvā pharati, evameva tvampi sabbasattesu mettacittena ekacittova hutvā buddho bhavissasī’’ti navamaṃ mettāpāramiṃ daḷhaṃ katvā adhiṭṭhāsīti. Tena vuttaṃ –

    ๑๕๕.

    155.

    ‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

    ‘‘Na hete ettakāyeva, buddhadhammā bhavissare;

    อเญฺญปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนาฯ

    Aññepi vicinissāmi, ye dhammā bodhipācanā.

    ๑๕๖.

    156.

    ‘‘วิจินโนฺต ตทา ทกฺขิํ, นวมํ เมตฺตาปารมิํ;

    ‘‘Vicinanto tadā dakkhiṃ, navamaṃ mettāpāramiṃ;

    ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํฯ

    Pubbakehi mahesīhi, āsevitanisevitaṃ.

    ๑๕๗.

    157.

    ‘‘อิมํ ตฺวํ นวมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

    ‘‘Imaṃ tvaṃ navamaṃ tāva, daḷhaṃ katvā samādiya;

    เมตฺตาย อสโม โหติ, ยทิ โพธิํ ปตฺตุมิจฺฉสิฯ

    Mettāya asamo hoti, yadi bodhiṃ pattumicchasi.

    ๑๕๘.

    158.

    ‘‘ยถาปิ อุทกํ นาม, กลฺยาเณ ปาปเก ชเน;

    ‘‘Yathāpi udakaṃ nāma, kalyāṇe pāpake jane;

    สมํ ผรติ สีเตน, ปวาเหติ รโชมลํฯ

    Samaṃ pharati sītena, pavāheti rajomalaṃ.

    ๑๕๙.

    159.

    ‘‘ตเถว ตฺวํ หิตาหิเต, สมํ เมตฺตาย ภาวย;

    ‘‘Tatheva tvaṃ hitāhite, samaṃ mettāya bhāvaya;

    เมตฺตาปารมิตํ คนฺตฺวา, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสี’’ติฯ

    Mettāpāramitaṃ gantvā, sambodhiṃ pāpuṇissasī’’ti.

    ตตฺถ อสโม โหหีติ เมตฺตาภาวนาย อสทิโส โหหิฯ ตตฺถ ‘‘ตฺวํ สมสโม โหหี’’ติปิ ปาโฐ, โส อุตฺตานโตฺถวฯ สมนฺติ ตุลฺยํฯ ผรตีติ ผุสติฯ ปวาเหตีติ วิโสเธติฯ รโชติ อาคนฺตุกรชํฯ มลนฺติ สรีเร อุฎฺฐิตํ เสทมลาทิํฯ ‘‘รชมล’’นฺติปิ ปาโฐ, โสเยวโตฺถฯ หิตาหิเตติ หิเต จ อหิเต จ, มิเตฺต จ อมิเตฺต จาติ อโตฺถฯ เมตฺตาย ภาวยาติ เมตฺตํ ภาวย วเฑฺฒหิฯ เสสเมตฺถาปิ อุตฺตานเมวาติฯ

    Tattha asamo hohīti mettābhāvanāya asadiso hohi. Tattha ‘‘tvaṃ samasamo hohī’’tipi pāṭho, so uttānatthova. Samanti tulyaṃ. Pharatīti phusati. Pavāhetīti visodheti. Rajoti āgantukarajaṃ. Malanti sarīre uṭṭhitaṃ sedamalādiṃ. ‘‘Rajamala’’ntipi pāṭho, soyevattho. Hitāhiteti hite ca ahite ca, mitte ca amitte cāti attho. Mettāya bhāvayāti mettaṃ bhāvaya vaḍḍhehi. Sesametthāpi uttānamevāti.

    อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธเมฺมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต ทสมํ อุเปกฺขาปารมิํ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฎฺฐาย อุเปกฺขาปารมิํ ปริปูเรยฺยาสิ, สุเขปิ ทุเกฺขปิ มชฺฌโตฺตว ภเวยฺยาสิฯ ยถาปิ ปถวี นาม สุจิมฺปิ อสุจิมฺปิ จ ปกฺขิปมาเน มชฺฌตฺตาว โหติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สุขทุเกฺขสุ มชฺฌโตฺตว โหโนฺต พุโทฺธ ภวิสฺสสี’’ติ ทสมํ อุเปกฺขาปารมิํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Athassa ‘‘na ettakeheva buddhakārakadhammehi bhavitabba’’nti uttarimpi upadhārayato dasamaṃ upekkhāpāramiṃ disvā etadahosi – ‘‘sumedhapaṇḍita, tvaṃ ito paṭṭhāya upekkhāpāramiṃ paripūreyyāsi, sukhepi dukkhepi majjhattova bhaveyyāsi. Yathāpi pathavī nāma sucimpi asucimpi ca pakkhipamāne majjhattāva hoti, evameva tvampi sukhadukkhesu majjhattova honto buddho bhavissasī’’ti dasamaṃ upekkhāpāramiṃ daḷhaṃ katvā adhiṭṭhāsi. Tena vuttaṃ –

    ๑๖๐.

    160.

    ‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

    ‘‘Na hete ettakāyeva, buddhadhammā bhavissare;

    อเญฺญปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนาฯ

    Aññepi vicinissāmi, ye dhammā bodhipācanā.

    ๑๖๑.

    161.

    ‘‘วิจินโนฺต ตทา ทกฺขิํ, ทสมํ อุเปกฺขาปารมิํ;

    ‘‘Vicinanto tadā dakkhiṃ, dasamaṃ upekkhāpāramiṃ;

    ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํฯ

    Pubbakehi mahesīhi, āsevitanisevitaṃ.

    ๑๖๒.

    162.

    ‘‘อิมํ ตฺวํ ทสมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

    ‘‘Imaṃ tvaṃ dasamaṃ tāva, daḷhaṃ katvā samādiya;

    ตุลาภูโต ทโฬฺห หุตฺวา, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสิฯ

    Tulābhūto daḷho hutvā, sambodhiṃ pāpuṇissasi.

    ๑๖๓.

    163.

    ‘‘ยถาปิ ปถวี นาม, นิกฺขิตฺตํ อสุจิํ สุจิํ;

    ‘‘Yathāpi pathavī nāma, nikkhittaṃ asuciṃ suciṃ;

    อุเปกฺขติ อุโภเปเต, โกปานุนยวชฺชิตาฯ

    Upekkhati ubhopete, kopānunayavajjitā.

    ๑๖๔.

    164.

    ‘‘ตเถว ตฺวํ สุขทุเกฺข, ตุลาภูโต สทา ภว;

    ‘‘Tatheva tvaṃ sukhadukkhe, tulābhūto sadā bhava;

    อุเปกฺขาปารมิตํ คนฺตฺวา, สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสี’’ติฯ

    Upekkhāpāramitaṃ gantvā, sambodhiṃ pāpuṇissasī’’ti.

    ตตฺถ ตุลาภูโตติ มชฺฌตฺตภาเว ฐิโต ยถา ตุลาย ทโณฺฑ สมํ ตุลิโต สมํ ติฎฺฐติ, น นมติ น อุนฺนมติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สุขทุเกฺขสุ ตุลาสทิโส หุตฺวา สโมฺพธิํ ปาปุณิสฺสสิฯ โกปานุนยวชฺชิตาติ ปฎิฆานุโรธวชฺชิตาฯ ‘‘ทยาโกปวิวชฺชิตา’’ติปิ ปาโฐ, โสเยวโตฺถฯ เสสํ ขนฺติปารมิยํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    Tattha tulābhūtoti majjhattabhāve ṭhito yathā tulāya daṇḍo samaṃ tulito samaṃ tiṭṭhati, na namati na unnamati, evameva tvampi sukhadukkhesu tulāsadiso hutvā sambodhiṃ pāpuṇissasi. Kopānunayavajjitāti paṭighānurodhavajjitā. ‘‘Dayākopavivajjitā’’tipi pāṭho, soyevattho. Sesaṃ khantipāramiyaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ.

    ตโต สุเมธปณฺฑิโต อิเม ทส ปารมิธเมฺม วิจินิตฺวา ตโต ปรํ จิเนฺตสิ – ‘‘อิมสฺมิํ โลเก โพธิสเตฺตหิ ปริปูเรตพฺพา โพธิปาจนา พุทฺธตฺตกรา ธมฺมา เอตฺตกาเยว, น อิโต ภิโยฺย, อิมา ปน ปารมิโย อุทฺธํ อากาเสปิ นตฺถิ, น เหฎฺฐา ปถวิยมฺปิ, น ปุรตฺถิมาทีสุ ทิสาสุปิ อตฺถิ, มยฺหํเยว ปน หทยมํสนฺตเรเยว ปติฎฺฐิตา’’ติฯ เอวํ ตาสํ อตฺตโน หทเย ปติฎฺฐิตภาวํ ทิสฺวา สพฺพาปิ ตา ทฬฺหํ กตฺวา อธิฎฺฐาย ปุนปฺปุนํ สมฺมสโนฺต อนุโลมปฎิโลมํ สมฺมสิ, ปริยเนฺต คเหตฺวา อาทิมฺหิ ปาเปสิ, อาทิมฺหิ คเหตฺวา ปริยเนฺต ฐเปสิ, มเชฺฌ คเหตฺวา อุภโต โอสาเปสิ, อุภโต โกฎีสุ คเหตฺวา มเชฺฌ โอสาเปสิฯ พาหิรภณฺฑปริจฺจาโค ปารมิโย นาม, องฺคปริจฺจาโค อุปปารมิโย นาม, ชีวิตปริจฺจาโค ปรมตฺถปารมิโย นามาติ ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตฺติํส ปารมิโย ยมกเตลํ วินิวเฎฺฎโนฺต วิย สมฺมสิฯ ตสฺส ทส ปารมิโย สมฺมสนฺตสฺส ธมฺมเตเชน จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา วิปุลา อยํ มหาปถวี หตฺถินา อกฺกนฺตนฬกลาโป วิย อุปฺปีฬิยมานํ อุจฺฉุยนฺตํ วิย จ มหาวิรวํ วิรวมานา สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิฯ กุลาลจกฺกํ วิย เตลยนฺตจกฺกํ วิย จ ปริพฺภมิฯ เตน วุตฺตํ –

    Tato sumedhapaṇḍito ime dasa pāramidhamme vicinitvā tato paraṃ cintesi – ‘‘imasmiṃ loke bodhisattehi paripūretabbā bodhipācanā buddhattakarā dhammā ettakāyeva, na ito bhiyyo, imā pana pāramiyo uddhaṃ ākāsepi natthi, na heṭṭhā pathaviyampi, na puratthimādīsu disāsupi atthi, mayhaṃyeva pana hadayamaṃsantareyeva patiṭṭhitā’’ti. Evaṃ tāsaṃ attano hadaye patiṭṭhitabhāvaṃ disvā sabbāpi tā daḷhaṃ katvā adhiṭṭhāya punappunaṃ sammasanto anulomapaṭilomaṃ sammasi, pariyante gahetvā ādimhi pāpesi, ādimhi gahetvā pariyante ṭhapesi, majjhe gahetvā ubhato osāpesi, ubhato koṭīsu gahetvā majjhe osāpesi. Bāhirabhaṇḍapariccāgo pāramiyo nāma, aṅgapariccāgo upapāramiyo nāma, jīvitapariccāgo paramatthapāramiyo nāmāti dasa pāramiyo dasa upapāramiyo dasa paramatthapāramiyoti samattiṃsa pāramiyo yamakatelaṃ vinivaṭṭento viya sammasi. Tassa dasa pāramiyo sammasantassa dhammatejena catunahutādhikadviyojanasatasahassabahalā vipulā ayaṃ mahāpathavī hatthinā akkantanaḷakalāpo viya uppīḷiyamānaṃ ucchuyantaṃ viya ca mahāviravaṃ viravamānā saṅkampi sampakampi sampavedhi. Kulālacakkaṃ viya telayantacakkaṃ viya ca paribbhami. Tena vuttaṃ –

    ๑๖๕.

    165.

    ‘‘เอตฺตกาเยว เต โลเก, เย ธมฺมา โพธิปาจนา;

    ‘‘Ettakāyeva te loke, ye dhammā bodhipācanā;

    ตตุทฺธํ นตฺถิ อญฺญตฺร, ทฬฺหํ ตตฺถ ปติฎฺฐหฯ

    Tatuddhaṃ natthi aññatra, daḷhaṃ tattha patiṭṭhaha.

    ๑๖๖.

    166.

    ‘‘อิเม ธเมฺม สมฺมสโต, สภาวสรสลกฺขเณ;

    ‘‘Ime dhamme sammasato, sabhāvasarasalakkhaṇe;

    ธมฺมเตเชน วสุธา, ทสสหสฺสี ปกมฺปถฯ

    Dhammatejena vasudhā, dasasahassī pakampatha.

    ๑๖๗.

    167.

    ‘‘จลตี รวตี ปถวี, อุจฺฉุยนฺตํว ปีฬิตํ;

    ‘‘Calatī ravatī pathavī, ucchuyantaṃva pīḷitaṃ;

    เตลยเนฺต ยถา จกฺกํ, เอวํ กมฺปติ เมทนี’’ติฯ

    Telayante yathā cakkaṃ, evaṃ kampati medanī’’ti.

    ตตฺถ เอตฺตกาเยวาติ นิทฺทิฎฺฐานํ ทสนฺนํ ปารมิตานํ อนูนาธิกภาวสฺส ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ตตุทฺธนฺติ ตโต ทสปารมีหิ อุทฺธํ นตฺถิฯ อญฺญตฺราติ อญฺญํ, ลกฺขณํ สทฺทสตฺถโต คเหตพฺพํฯ ตโต ทสปารมิโต อโญฺญ พุทฺธการกธโมฺม นตฺถีติ อโตฺถฯ ตตฺถาติ ตาสุ ทสสุ ปารมีสุฯ ปติฎฺฐหาติ ปติฎฺฐ, ปริปูเรโนฺต ติฎฺฐาติ อโตฺถฯ

    Tattha ettakāyevāti niddiṭṭhānaṃ dasannaṃ pāramitānaṃ anūnādhikabhāvassa dassanatthaṃ vuttaṃ. Tatuddhanti tato dasapāramīhi uddhaṃ natthi. Aññatrāti aññaṃ, lakkhaṇaṃ saddasatthato gahetabbaṃ. Tato dasapāramito añño buddhakārakadhammo natthīti attho. Tatthāti tāsu dasasu pāramīsu. Patiṭṭhahāti patiṭṭha, paripūrento tiṭṭhāti attho.

    อิเม ธเมฺมติ ปารมิธเมฺมฯ สมฺมสโตติ อุปปริกฺขนฺตสฺส, อนาทรเตฺถ สามิวจนํ ทฎฺฐพฺพํฯ สภาวสรสลกฺขเณติ สภาวสงฺขาเตน สรสลกฺขเณน สมฺมสนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ ธมฺมเตเชนาติ ปารมิปวิจยญาณเตเชนฯ วสุธาติ วสูติ รตนํ วุจฺจติ, ตํ ธาเรติ ธียติ วา เอตฺถาติ วสุธา ฯ กา สา? เมทนีฯ ปกมฺปถาติ ปกมฺปิตฺถฯ สุเมธปณฺฑิเต ปน ปารมิโย วิจินเนฺต ตสฺส ญาณเตเชน ทสสหสฺสี ปกมฺปิตฺถาติ อโตฺถฯ

    Ime dhammeti pāramidhamme. Sammasatoti upaparikkhantassa, anādaratthe sāmivacanaṃ daṭṭhabbaṃ. Sabhāvasarasalakkhaṇeti sabhāvasaṅkhātena sarasalakkhaṇena sammasantassāti attho. Dhammatejenāti pāramipavicayañāṇatejena. Vasudhāti vasūti ratanaṃ vuccati, taṃ dhāreti dhīyati vā etthāti vasudhā . Kā sā? Medanī. Pakampathāti pakampittha. Sumedhapaṇḍite pana pāramiyo vicinante tassa ñāṇatejena dasasahassī pakampitthāti attho.

    จลตีติ ฉปฺปการา กมฺปิฯ รวตีติ นทติ วิกูชติฯ อุจฺฉุยนฺตํว ปีฬิตนฺติ นิปฺปีฬิตํ อุจฺฉุยนฺตํ วิยฯ ‘‘คุฬยนฺตํว ปีฬิต’’นฺติปิ ปาโฐ, โสเยวโตฺถฯ เตลยเนฺตติ เตลปีฬนยเนฺตฯ ยถา จกฺกนฺติ จกฺกิกานํ มหาจกฺกยนฺตํ วิยฯ เอวนฺติ ยถา เตลปีฬนจกฺกยนฺตํ ปริพฺภมติ กมฺปติ, เอวํ อยํ เมทนี กมฺปตีติ อโตฺถฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ

    Calatīti chappakārā kampi. Ravatīti nadati vikūjati. Ucchuyantaṃva pīḷitanti nippīḷitaṃ ucchuyantaṃ viya. ‘‘Guḷayantaṃva pīḷita’’ntipi pāṭho, soyevattho. Telayanteti telapīḷanayante. Yathā cakkanti cakkikānaṃ mahācakkayantaṃ viya. Evanti yathā telapīḷanacakkayantaṃ paribbhamati kampati, evaṃ ayaṃ medanī kampatīti attho. Sesamettha uttānamevāti.

    เอวํ มหาปถวิยา กมฺปมานาย รมฺมนครวาสิโน มนุสฺสา ภควนฺตํ ปริวิสยมานา สณฺฐาตุํ อสโกฺกนฺตา ยุคนฺธรวาตพฺภาหตา มหาสาลา วิย มุจฺฉิตา ปปติํสุฯ ฆฎาทีนิ กุลาลภณฺฑานิ ปวเฎฺฎนฺตานิ อญฺญมญฺญํ ปหรนฺตานิ จุณฺณวิจุณฺณานิ อเหสุํฯ มหาชโน ภีตตสิโต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา – ‘‘กิํ นุ โข ภควา ‘นาคาวโฎฺฎ อยํ, ภูตยกฺขเทวตาสุ อญฺญตราวโฎฺฎ วา’ติ น หิ มยํ เอตํ ชานามฯ อปิ จ โข สโพฺพปิ อยํ มหาชโน ภเยน อุปทฺทุโต, กิํ นุ โข อิมสฺส โลกสฺส ปาปกํ ภวิสฺสติ, อุทาหุ กลฺยาณํ, กเถถ โน เอตํ การณ’’นฺติ ปุจฺฉิํสุฯ

    Evaṃ mahāpathaviyā kampamānāya rammanagaravāsino manussā bhagavantaṃ parivisayamānā saṇṭhātuṃ asakkontā yugandharavātabbhāhatā mahāsālā viya mucchitā papatiṃsu. Ghaṭādīni kulālabhaṇḍāni pavaṭṭentāni aññamaññaṃ paharantāni cuṇṇavicuṇṇāni ahesuṃ. Mahājano bhītatasito satthāraṃ upasaṅkamitvā – ‘‘kiṃ nu kho bhagavā ‘nāgāvaṭṭo ayaṃ, bhūtayakkhadevatāsu aññatarāvaṭṭo vā’ti na hi mayaṃ etaṃ jānāma. Api ca kho sabbopi ayaṃ mahājano bhayena upadduto, kiṃ nu kho imassa lokassa pāpakaṃ bhavissati, udāhu kalyāṇaṃ, kathetha no etaṃ kāraṇa’’nti pucchiṃsu.

    อถ สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา – ‘‘ตุเมฺห มา ภายิตฺถ, มา โข จินฺตยิตฺถ, นตฺถิ โว อิโตนิทานํ ภยํ, โย โส มยา อชฺช สุเมธปณฺฑิโต ‘อนาคเต โคตโม นาม พุโทฺธ ภวิสฺสตี’ติ พฺยากโต, โส อิทานิ ปารมิโย สมฺมสติ, ตสฺส สมฺมสนฺตสฺส ธมฺมเตเชน สกลทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกปฺปหาเรน กมฺปติ เจว วิรวติ จา’’ติ อาหฯ เตน วุตฺตํ –

    Atha satthā tesaṃ kathaṃ sutvā – ‘‘tumhe mā bhāyittha, mā kho cintayittha, natthi vo itonidānaṃ bhayaṃ, yo so mayā ajja sumedhapaṇḍito ‘anāgate gotamo nāma buddho bhavissatī’ti byākato, so idāni pāramiyo sammasati, tassa sammasantassa dhammatejena sakaladasasahassī lokadhātu ekappahārena kampati ceva viravati cā’’ti āha. Tena vuttaṃ –

    ๑๖๘.

    168.

    ‘‘ยาวตา ปริสา อาสิ, พุทฺธสฺส ปริเวสเน;

    ‘‘Yāvatā parisā āsi, buddhassa parivesane;

    ปเวธมานา สา ตตฺถ, มุจฺฉิตา เสติ ภูมิยํฯ

    Pavedhamānā sā tattha, mucchitā seti bhūmiyaṃ.

    ๑๖๙.

    169.

    ‘‘ฆฎาเนกสหสฺสานิ, กุมฺภีนญฺจ สตา พหู;

    ‘‘Ghaṭānekasahassāni, kumbhīnañca satā bahū;

    สญฺจุณฺณมถิตา ตตฺถ, อญฺญมญฺญํ ปฆฎฺฎิตาฯ

    Sañcuṇṇamathitā tattha, aññamaññaṃ paghaṭṭitā.

    ๑๗๐.

    170.

    ‘‘อุพฺพิคฺคา ตสิตา ภีตา, ภนฺตา พฺยถิตมานสา;

    ‘‘Ubbiggā tasitā bhītā, bhantā byathitamānasā;

    มหาชนา สมาคมฺม, ทีปงฺกรมุปาคมุํฯ

    Mahājanā samāgamma, dīpaṅkaramupāgamuṃ.

    ๑๗๑.

    171.

    ‘‘กิํ ภวิสฺสติ โลกสฺส, กลฺยาณมถ ปาปกํ;

    ‘‘Kiṃ bhavissati lokassa, kalyāṇamatha pāpakaṃ;

    สโพฺพ อุปทฺทุโต โลโก, ตํ วิโนเทหิ จกฺขุมฯ

    Sabbo upadduto loko, taṃ vinodehi cakkhuma.

    ๑๗๒.

    172.

    ‘‘เตสํ ตทา สญฺญาเปสิ, ทีปงฺกโร มหามุนิ;

    ‘‘Tesaṃ tadā saññāpesi, dīpaṅkaro mahāmuni;

    วิสฺสตฺถา โหถ มา ภาถ, อิมสฺมิํ ปถวิกมฺปเนฯ

    Vissatthā hotha mā bhātha, imasmiṃ pathavikampane.

    ๑๗๓.

    173.

    ‘‘ยมหํ อชฺช พฺยากาสิํ, พุโทฺธ โลเก ภวิสฺสติ;

    ‘‘Yamahaṃ ajja byākāsiṃ, buddho loke bhavissati;

    เอโส สมฺมสตี ธมฺมํ, ปุพฺพกํ ชินเสวิตํฯ

    Eso sammasatī dhammaṃ, pubbakaṃ jinasevitaṃ.

    ๑๗๔.

    174.

    ‘‘ตสฺส สมฺมสโต ธมฺมํ, พุทฺธภูมิํ อเสสโต;

    ‘‘Tassa sammasato dhammaṃ, buddhabhūmiṃ asesato;

    เตนายํ กมฺปิตา ปถวี, ทสสหสฺสี สเทวเก’’ติฯ

    Tenāyaṃ kampitā pathavī, dasasahassī sadevake’’ti.

    ตตฺถ ยาวตาติ ยาวติกาฯ อาสีติ อโหสิฯ ‘‘ยา ตทา ปริสา อาสี’’ติปิ ปาโฐ, ตสฺส ยา ตตฺถ ปริสา ฐิตา อาสีติ อโตฺถฯ ปเวธมานาติ กมฺปมานาฯ สาติ สา ปริสาฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ปริเวสนฎฺฐาเนฯ เสตีติ สยิตฺถฯ

    Tattha yāvatāti yāvatikā. Āsīti ahosi. ‘‘Yā tadā parisā āsī’’tipi pāṭho, tassa yā tattha parisā ṭhitā āsīti attho. Pavedhamānāti kampamānā. ti sā parisā. Tatthāti tasmiṃ parivesanaṭṭhāne. Setīti sayittha.

    ฆฎาติ ฆฎานํ, สามิอเตฺถ ปจฺจตฺตวจนํ, ฆฎานํ เนกสหสฺสานีติ อโตฺถฯ สญฺจุณฺณมถิตาติ จุณฺณา เจว มถิตา จ, มถิตสญฺจุณฺณาติ อโตฺถฯ อญฺญมญฺญํ ปฆฎฺฎิตาติ อญฺญมญฺญํ ปหฎาฯ อุพฺพิคฺคาติ อุตฺราสหทยาฯ ตสิตาติ สญฺชาตตาสาฯ ภีตาติ ภยภีตาฯ ภนฺตาติ ผนฺทนมานสา, วิพฺภนฺตจิตฺตาติ อโตฺถฯ สพฺพานิ ปเนตานิ อญฺญมญฺญเววจนานิฯ สมาคมฺมาติ สมาคนฺตฺวาฯ อยเมว วา ปาโฐฯ

    Ghaṭāti ghaṭānaṃ, sāmiatthe paccattavacanaṃ, ghaṭānaṃ nekasahassānīti attho. Sañcuṇṇamathitāti cuṇṇā ceva mathitā ca, mathitasañcuṇṇāti attho. Aññamaññaṃ paghaṭṭitāti aññamaññaṃ pahaṭā. Ubbiggāti utrāsahadayā. Tasitāti sañjātatāsā. Bhītāti bhayabhītā. Bhantāti phandanamānasā, vibbhantacittāti attho. Sabbāni panetāni aññamaññavevacanāni. Samāgammāti samāgantvā. Ayameva vā pāṭho.

    อุปทฺทุโตติ อุปหโตฯ ตํ วิโนเทหีติ ตํ อุปทฺทุตภยํ วิโนเทหิ, วินาสยาติ อโตฺถฯ จกฺขุมาติ ปญฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมฯ เตสํ ตทาติ เต ชเน ตทา, อุปโยคเตฺถ สามิวจนํฯ สญฺญาเปสีติ ญาเปสิ โพเธสิฯ วิสตฺถาติ วิสฺสตฺถจิตฺตาฯ มา ภาถาติ มา ภายถฯ ยมหนฺติ ยํ อหํ สุเมธปณฺฑิตํฯ ธมฺมนฺติ ปารมิธมฺมํฯ ปุพฺพกนฺติ โปราณํฯ ชินเสวิตนฺติ ชิเนหิ โพธิสตฺตกาเล เสวิตนฺติ อโตฺถฯ พุทฺธภูมินฺติ ปารมิธมฺมํฯ เตนาติ เตน สมฺมสนการเณนฯ กมฺปิตาติ จลิตาฯ สเทวเกติ สเทวเก โลเกฯ

    Upaddutoti upahato. Taṃ vinodehīti taṃ upaddutabhayaṃ vinodehi, vināsayāti attho. Cakkhumāti pañcahi cakkhūhi cakkhuma. Tesaṃ tadāti te jane tadā, upayogatthe sāmivacanaṃ. Saññāpesīti ñāpesi bodhesi. Visatthāti vissatthacittā. Mā bhāthāti mā bhāyatha. Yamahanti yaṃ ahaṃ sumedhapaṇḍitaṃ. Dhammanti pāramidhammaṃ. Pubbakanti porāṇaṃ. Jinasevitanti jinehi bodhisattakāle sevitanti attho. Buddhabhūminti pāramidhammaṃ. Tenāti tena sammasanakāraṇena. Kampitāti calitā. Sadevaketi sadevake loke.

    ตโต มหาชโน ตถาคตสฺส วจนํ สุตฺวา หฎฺฐตุโฎฺฐ มาลาคนฺธวิเลปนาทีนิ อาทาย รมฺมนครโต นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา มาลาคนฺธาทีหิ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา รมฺมนครเมว ปาวิสิฯ อถ โข โพธิสโตฺต ทส ปารมิโย สมฺมสิตฺวา วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฎฺฐาย นิสินฺนาสนา วุฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Tato mahājano tathāgatassa vacanaṃ sutvā haṭṭhatuṭṭho mālāgandhavilepanādīni ādāya rammanagarato nikkhamitvā bodhisattaṃ upasaṅkamitvā mālāgandhādīhi pūjetvā vanditvā padakkhiṇaṃ katvā rammanagarameva pāvisi. Atha kho bodhisatto dasa pāramiyo sammasitvā vīriyaṃ daḷhaṃ katvā adhiṭṭhāya nisinnāsanā vuṭṭhāsi. Tena vuttaṃ –

    ๑๗๕.

    175.

    ‘‘พุทฺธสฺส วจนํ สุตฺวา, มโน นิพฺพายิ ตาวเท;

    ‘‘Buddhassa vacanaṃ sutvā, mano nibbāyi tāvade;

    สเพฺพ มํ อุปสงฺกมฺม, ปุนาปิ มํ อภิวนฺทิสุํฯ

    Sabbe maṃ upasaṅkamma, punāpi maṃ abhivandisuṃ.

    ๑๗๖.

    176.

    ‘‘สมาทิยิตฺวา พุทฺธคุณํ, ทฬฺหํ กตฺวาน มานสํ;

    ‘‘Samādiyitvā buddhaguṇaṃ, daḷhaṃ katvāna mānasaṃ;

    ทีปงฺกรํ นมสฺสิตฺวา, อาสนา วุฎฺฐหิํ ตทา’’ติฯ

    Dīpaṅkaraṃ namassitvā, āsanā vuṭṭhahiṃ tadā’’ti.

    ตตฺถ มโน นิพฺพายีติ มหาชนสฺส ปถวิกมฺปเน อุพฺพิคฺคหทยสฺส ตตฺถ การณํ สุตฺวา มโน นิพฺพายิ, สนฺติํ อคมาสีติ อโตฺถฯ ‘‘ชโน นิพฺพายี’’ติปิ ปาโฐ, โส อุตฺตาโนเยวฯ สมาทิยิตฺวาติ สมฺมา อาทิยิตฺวา, สมาทายาติ อโตฺถฯ พุทฺธคุณนฺติ ปารมิโยฯ เสสํ อุตฺตานเมวฯ

    Tattha mano nibbāyīti mahājanassa pathavikampane ubbiggahadayassa tattha kāraṇaṃ sutvā mano nibbāyi, santiṃ agamāsīti attho. ‘‘Jano nibbāyī’’tipi pāṭho, so uttānoyeva. Samādiyitvāti sammā ādiyitvā, samādāyāti attho. Buddhaguṇanti pāramiyo. Sesaṃ uttānameva.

    อถ โข โพธิสตฺตํ ทยิตสพฺพสตฺตํ อาสนา วุฎฺฐหนฺตํ สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปติตฺวา ทิเพฺพหิ มาลาคนฺธาทีหิ ปูเชตฺวา – ‘‘อยฺย สุเมธตาปส, ตยา อชฺช ทีปงฺกรทสพลสฺส ปาทมูเล มหติ ปตฺถนา ปตฺถิตา, สา เต อนนฺตราเยน สมิชฺฌตุ, มา เต ตตฺถ ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา อโหสิฯ สรีเร เต อปฺปมตฺตโกปิ โรโค มา อุปฺปชฺชตุ, ขิปฺปํ ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสโมฺพธิํ ปฎิวิชฺฌฯ ยถา ปุปฺผูปคผลูปคา รุกฺขา สมเย ปุปฺผนฺติ เจว ผลนฺติ จ, ตเถว ตฺวมฺปิ ตํ สมยํ อนติกฺกมิตฺวา ขิปฺปํ สโมฺพธิํ ผุสสฺสู’’ติอาทีนิ ถุติมงฺคลานิ ปยิรุทาหํสุ, เอวํ ปยิรุทาหิตฺวา โพธิสตฺตํ อภิวาเทตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เทวฎฺฐานเมว อคมํสุฯ โพธิสโตฺตปิ เทวตาหิ อภิตฺถุโต – ‘‘อหํ ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสเงฺขฺยยฺยานํ มตฺถเก พุโทฺธ ภวิสฺสามี’’ติ วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฎฺฐาย อากาสมพฺภุคฺคนฺตฺวา อิสิคณวนฺตํ หิมวนฺตํ อคมาสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Atha kho bodhisattaṃ dayitasabbasattaṃ āsanā vuṭṭhahantaṃ sakaladasasahassacakkavāḷadevatā sannipatitvā dibbehi mālāgandhādīhi pūjetvā – ‘‘ayya sumedhatāpasa, tayā ajja dīpaṅkaradasabalassa pādamūle mahati patthanā patthitā, sā te anantarāyena samijjhatu, mā te tattha bhayaṃ vā chambhitattaṃ vā ahosi. Sarīre te appamattakopi rogo mā uppajjatu, khippaṃ pāramiyo pūretvā sammāsambodhiṃ paṭivijjha. Yathā pupphūpagaphalūpagā rukkhā samaye pupphanti ceva phalanti ca, tatheva tvampi taṃ samayaṃ anatikkamitvā khippaṃ sambodhiṃ phusassū’’tiādīni thutimaṅgalāni payirudāhaṃsu, evaṃ payirudāhitvā bodhisattaṃ abhivādetvā attano attano devaṭṭhānameva agamaṃsu. Bodhisattopi devatāhi abhitthuto – ‘‘ahaṃ dasa pāramiyo pūretvā kappasatasahassādhikānaṃ catunnaṃ asaṅkhyeyyānaṃ matthake buddho bhavissāmī’’ti vīriyaṃ daḷhaṃ katvā adhiṭṭhāya ākāsamabbhuggantvā isigaṇavantaṃ himavantaṃ agamāsi. Tena vuttaṃ –

    ๑๗๗.

    177.

    ‘‘ทิพฺพํ มานุสกํ ปุปฺผํ, เทวา มานุสกา อุโภ;

    ‘‘Dibbaṃ mānusakaṃ pupphaṃ, devā mānusakā ubho;

    สโมกิรนฺติ ปุเปฺผหิ, วุฎฺฐหนฺตสฺส อาสนาฯ

    Samokiranti pupphehi, vuṭṭhahantassa āsanā.

    ๑๗๘.

    178.

    ‘‘เวทยนฺติ จ เต โสตฺถิํ, เทวา มานุสกา อุโภ;

    ‘‘Vedayanti ca te sotthiṃ, devā mānusakā ubho;

    มหนฺตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ตํ ลภสฺสุ ยถิจฺฉิตํฯ

    Mahantaṃ patthitaṃ tuyhaṃ, taṃ labhassu yathicchitaṃ.

    ๑๗๙.

    179.

    ‘‘สพฺพีติโย วิวชฺชนฺตุ, โสโก โรโค วินสฺสตุ;

    ‘‘Sabbītiyo vivajjantu, soko rogo vinassatu;

    มา เต ภวนฺตฺวนฺตรายา, ผุส ขิปฺปํ โพธิมุตฺตมํฯ

    Mā te bhavantvantarāyā, phusa khippaṃ bodhimuttamaṃ.

    ๑๘๐.

    180.

    ‘‘ยถาปิ สมเย ปเตฺต, ปุปฺผนฺติ ปุปฺผิโน ทุมา;

    ‘‘Yathāpi samaye patte, pupphanti pupphino dumā;

    ตเถว ตฺวํ มหาวีร, พุทฺธญาเณหิ ปุปฺผสุฯ

    Tatheva tvaṃ mahāvīra, buddhañāṇehi pupphasu.

    ๑๘๑.

    181.

    ‘‘ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, ปูรยุํ ทสปารมี;

    ‘‘Yathā ye keci sambuddhā, pūrayuṃ dasapāramī;

    ตเถว ตฺวํ มหาวีร, ปูรย ทสปารมีฯ

    Tatheva tvaṃ mahāvīra, pūraya dasapāramī.

    ๑๘๒.

    182.

    ‘‘ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, โพธิมณฺฑมฺหิ พุชฺฌเร;

    ‘‘Yathā ye keci sambuddhā, bodhimaṇḍamhi bujjhare;

    ตเถว ตฺวํ มหาวีร, พุชฺฌสฺสุ ชินโพธิยํฯ

    Tatheva tvaṃ mahāvīra, bujjhassu jinabodhiyaṃ.

    ๑๘๓.

    183.

    ‘‘ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยุํ;

    ‘‘Yathā ye keci sambuddhā, dhammacakkaṃ pavattayuṃ;

    ตเถว ตฺวํ มหาวีร, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยฯ

    Tatheva tvaṃ mahāvīra, dhammacakkaṃ pavattaya.

    ๑๘๔.

    184.

    ‘‘ปุณฺณมาเย ยถา จโนฺท, ปริสุโทฺธ วิโรจติ;

    ‘‘Puṇṇamāye yathā cando, parisuddho virocati;

    ตเถว ตฺวํ ปุณฺณมโน, วิโรจ ทสสหสฺสิยํฯ

    Tatheva tvaṃ puṇṇamano, viroca dasasahassiyaṃ.

    ๑๘๕.

    185.

    ‘‘ราหุมุโตฺต ยถา สูริโย, ตาเปน อติโรจติ;

    ‘‘Rāhumutto yathā sūriyo, tāpena atirocati;

    ตเถว โลกา มุจฺจิตฺวา, วิโรจ สิริยา ตุวํฯ

    Tatheva lokā muccitvā, viroca siriyā tuvaṃ.

    ๑๘๖.

    186.

    ‘‘ยถา ยา กาจิ นทิโย, โอสรนฺติ มโหทธิํ;

    ‘‘Yathā yā kāci nadiyo, osaranti mahodadhiṃ;

    เอวํ สเทวกา โลกา, โอสรนฺตุ ตวนฺติเกฯ

    Evaṃ sadevakā lokā, osarantu tavantike.

    ๑๘๗.

    187.

    ‘‘เตหิ ถุตปฺปสโตฺถ โส, ทส ธเมฺม สมาทิย;

    ‘‘Tehi thutappasattho so, dasa dhamme samādiya;

    เต ธเมฺม ปริปูเรโนฺต, ปวนํ ปาวิสี ตทา’’ติฯ

    Te dhamme paripūrento, pavanaṃ pāvisī tadā’’ti.

    ตตฺถ ทิพฺพนฺติ มนฺทารวปาริจฺฉตฺตกสนฺตานกุเสสยาทิกํ ทิพฺพกุสุมํ เทวา มานุสกา จ มานุสปุปฺผํ คเหตฺวาติ อโตฺถฯ สโมกิรนฺตีติ มโมปริ สโมกิริํสูติ อโตฺถฯ วุฎฺฐหนฺตสฺสาติ วุฎฺฐหโตฯ เวทยนฺตีติ นิเวทยิํสุ สญฺญาเปสุํฯ โสตฺถินฺติ โสตฺถิภาวํฯ อิทานิ เวทยิตาการทสฺสนตฺถํ ‘‘มหนฺตํ ปตฺถิตํ ตุยฺห’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตยา ปน, สุเมธปณฺฑิต, มหนฺตํ ฐานํ ปตฺถิตํ, ตํ ยถาปตฺถิตํ ลภสฺสูติ อโตฺถฯ

    Tattha dibbanti mandāravapāricchattakasantānakusesayādikaṃ dibbakusumaṃ devā mānusakā ca mānusapupphaṃ gahetvāti attho. Samokirantīti mamopari samokiriṃsūti attho. Vuṭṭhahantassāti vuṭṭhahato. Vedayantīti nivedayiṃsu saññāpesuṃ. Sotthinti sotthibhāvaṃ. Idāni vedayitākāradassanatthaṃ ‘‘mahantaṃ patthitaṃ tuyha’’ntiādi vuttaṃ. Tayā pana, sumedhapaṇḍita, mahantaṃ ṭhānaṃ patthitaṃ, taṃ yathāpatthitaṃ labhassūti attho.

    สพฺพีติโยติ เอนฺตีติ อีติโย, สพฺพา อีติโย สพฺพีติโย, อุปทฺทวาฯ วิวชฺชนฺตูติ มา โหนฺตุฯ โสโก โรโค วินสฺสตูติ โสจนสงฺขาโต โสโก รุชนสงฺขาโต โรโค จ วินสฺสตุฯ เตติ ตวฯ มา ภวนฺตฺวนฺตรายาติ มา ภวนฺตุ อนฺตรายาฯ ผุสาติ อธิคจฺฉ ปาปุณาหิฯ โพธินฺติ อรหตฺตมคฺคญาณํ สพฺพญฺญุตญฺญาณมฺปิ วฎฺฎติฯ อุตฺตมนฺติ เสฎฺฐํ สพฺพพุทฺธคุณทายกตฺตา อรหตฺตมคฺคญาณํ ‘‘อุตฺตม’’นฺติ วุตฺตํฯ

    Sabbītiyoti entīti ītiyo, sabbā ītiyo sabbītiyo, upaddavā. Vivajjantūti mā hontu. Soko rogo vinassatūti socanasaṅkhāto soko rujanasaṅkhāto rogo ca vinassatu. Teti tava. Mā bhavantvantarāyāti mā bhavantu antarāyā. Phusāti adhigaccha pāpuṇāhi. Bodhinti arahattamaggañāṇaṃ sabbaññutaññāṇampi vaṭṭati. Uttamanti seṭṭhaṃ sabbabuddhaguṇadāyakattā arahattamaggañāṇaṃ ‘‘uttama’’nti vuttaṃ.

    สมเยติ ตสฺส ตสฺส รุกฺขสฺส ปุปฺผนสมเย สมฺปเตฺตติ อโตฺถฯ ปุปฺผิโนติ ปุปฺผนกาฯ พุทฺธญาเณหีติ อฎฺฐารสหิ พุทฺธญาเณหิฯ ปุปฺผสูติ ปุปฺผสฺสุฯ ปูรยุนฺติ ปูรยิํสุฯ ปูรยาติ ปริปูรยฯ พุชฺฌเรติ พุชฺฌิํสุฯ ชินโพธิยนฺติ ชินานํ พุทฺธานํ โพธิยา, สพฺพญฺญุโพธิมูเลติ อโตฺถฯ ปุณฺณมาเยติ ปุณฺณมาสิยํฯ ปุณฺณมโนติ ปริปุณฺณมโนรโถฯ

    Samayeti tassa tassa rukkhassa pupphanasamaye sampatteti attho. Pupphinoti pupphanakā. Buddhañāṇehīti aṭṭhārasahi buddhañāṇehi. Pupphasūti pupphassu. Pūrayunti pūrayiṃsu. Pūrayāti paripūraya. Bujjhareti bujjhiṃsu. Jinabodhiyanti jinānaṃ buddhānaṃ bodhiyā, sabbaññubodhimūleti attho. Puṇṇamāyeti puṇṇamāsiyaṃ. Puṇṇamanoti paripuṇṇamanoratho.

    ราหุมุโตฺตติ ราหุนา โสพฺภานุนา มุโตฺตฯ ตาเปนาติ ปตาเปน, อาโลเกนฯ โลกา มุจฺจิตฺวาติ โลกธเมฺมหิ อลิโตฺต หุตฺวาติ อโตฺถฯ วิโรจาติ วิราชฯ สิริยาติ พุทฺธสิริยาฯ โอสรนฺตีติ มหาสมุทฺทํ ปวิสนฺติฯ โอสรนฺตูติ อุปคจฺฉนฺตุฯ ตวนฺติเกติ ตว สนฺติกํฯ เตหีติ เทเวหิฯ ถุตปฺปสโตฺถติ ถุโต เจว ปสโตฺถ จ, ถุเตหิ วา ทีปงฺกราทีหิ ปสโตฺถติ ถุตปฺปสโตฺถฯ ทส ธเมฺมติ ทส ปารมิธเมฺมฯ ปวนนฺติ มหาวนํ, ธมฺมิกปพฺพเต มหาวนํ ปาวิสีติ อโตฺถฯ เสสคาถา สุอุตฺตานา เอวาติฯ

    Rāhumuttoti rāhunā sobbhānunā mutto. Tāpenāti patāpena, ālokena. Lokā muccitvāti lokadhammehi alitto hutvāti attho. Virocāti virāja. Siriyāti buddhasiriyā. Osarantīti mahāsamuddaṃ pavisanti. Osarantūti upagacchantu. Tavantiketi tava santikaṃ. Tehīti devehi. Thutappasatthoti thuto ceva pasattho ca, thutehi vā dīpaṅkarādīhi pasatthoti thutappasattho. Dasa dhammeti dasa pāramidhamme. Pavananti mahāvanaṃ, dhammikapabbate mahāvanaṃ pāvisīti attho. Sesagāthā suuttānā evāti.

    อิติ มธุรตฺถวิลาสินิยา พุทฺธวํส-อฎฺฐกถาย

    Iti madhuratthavilāsiniyā buddhavaṃsa-aṭṭhakathāya

    สุเมธปตฺถนากถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sumedhapatthanākathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / พุทฺธวํสปาฬิ • Buddhavaṃsapāḷi / ๒. สุเมธปตฺถนากถา • 2. Sumedhapatthanākathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact