Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā

    ๑๖. มหานิปาโต

    16. Mahānipāto

    ๑. สุเมธาเถรีคาถาวณฺณนา

    1. Sumedhātherīgāthāvaṇṇanā

    มหานิปาเต มนฺตาวติยา นคเรติอาทิกา สุเมธาย เถริยา คาถาฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี, สกฺกจฺจํ วิโมกฺขสมฺภาเร สมฺภาเรนฺตี โกณาคมนสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺวา, อตฺตโน สขีหิ กุลธีตาหิ สทฺธิํ เอกชฺฌาสยา หุตฺวา มหนฺตํ อารามํ กาเรตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาเทสิฯ สา เตน ปุญฺญกเมฺมน กายสฺส เภทา ตาวติํสํ อุปคจฺฉิฯ ตตฺถ ยาวตายุกํ ทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวา ตโต จุตา ยาเมสุ อุปปชฺชิฯ ตโต จุตา ตุสิเตสุ, ตโต จุตา นิมฺมานรตีสุ, ตโต จุตา ปรนิมฺมิตวสวตฺตีสูติ อนุกฺกเมน ปญฺจสุ กามสเคฺคสุ อุปฺปชฺชิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ เทวราชูนํ มเหสี หุตฺวา ตโต จุตา กสฺสปสฺส ภควโต กาเล มหาวิภวสฺส เสฎฺฐิโน ธีตา หุตฺวา อนุกฺกเมน วิญฺญุตํ ปตฺวา สาสเน อภิปฺปสนฺนา หุตฺวา รตนตฺตยํ อุทฺทิสฺส อุฬารปุญฺญกมฺมํ อกาสิฯ

    Mahānipāte mantāvatiyā nagaretiādikā sumedhāya theriyā gāthā. Ayampi purimabuddhesu katādhikārā tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinantī, sakkaccaṃ vimokkhasambhāre sambhārentī koṇāgamanassa bhagavato kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patvā, attano sakhīhi kuladhītāhi saddhiṃ ekajjhāsayā hutvā mahantaṃ ārāmaṃ kāretvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa niyyādesi. Sā tena puññakammena kāyassa bhedā tāvatiṃsaṃ upagacchi. Tattha yāvatāyukaṃ dibbasampattiṃ anubhavitvā tato cutā yāmesu upapajji. Tato cutā tusitesu, tato cutā nimmānaratīsu, tato cutā paranimmitavasavattīsūti anukkamena pañcasu kāmasaggesu uppajjitvā tattha tattha devarājūnaṃ mahesī hutvā tato cutā kassapassa bhagavato kāle mahāvibhavassa seṭṭhino dhītā hutvā anukkamena viññutaṃ patvā sāsane abhippasannā hutvā ratanattayaṃ uddissa uḷārapuññakammaṃ akāsi.

    ตตฺถ ยาวชีวํ ธมฺมูปชีวินี กุสลธมฺมนิรตา หุตฺวา ตโต จุตา ตาวติํเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺตี, อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท มนฺตาวตีนคเร โกญฺจสฺส นาม รโญฺญ ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ตสฺสา มาตาปิตโร สุเมธาติ นามํ อกํสุฯ ตํ อนุกฺกเมน วุทฺธิปฺปตฺตวยปฺปตฺตกาเล มาตาปิตโร ‘‘วารณวตีนคเร อนิกรตฺตสฺส นาม รโญฺญ ทสฺสามา’’ติ สมฺมเนฺตสุํฯ สา ปน ทหรกาลโต ปฎฺฐาย อตฺตโน สมานวยาหิ ราชกญฺญาหิ ทาสิชเนหิ จ สทฺธิํ ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา จิรกาลโต ปฎฺฐาย กตาธิการตาย สํสาเร ชาตสํเวคา สาสเน อภิปฺปสนฺนา หุตฺวา วยปฺปตฺตกาเล กาเมหิ วินิวตฺติตมานสา อโหสิฯ เตน สา มาตาปิตูนํ ญาตีนํ สมฺมนฺตนํ สุตฺวา ‘‘น มยฺหํ ฆราวาเสน กิจฺจํ, ปพฺพชิสฺสามห’’นฺติ อาหฯ ตํ มาตาปิตโร ฆราวาเส นิโยเชนฺตา นานปฺปกาเรน ยาจนฺตาปิ สญฺญาเปตุํ นาสกฺขิํสุฯ สา ‘‘เอวํ เม ปพฺพชิตุํ ลพฺภตี’’ติ ขคฺคํ คเหตฺวา สยเมว อตฺตโน เกเส ฉินฺทิตฺวา เต เอว เกเส อารพฺภ ปฎิกฺกูลมนสิการํ ปวเตฺตนฺตี ตตฺถ กตาธิการตาย ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก มนสิการวิธานสฺส สุตปุพฺพตฺตา จ อสุภนิมิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ตตฺถ ปฐมชฺฌานํ อธิคจฺฉิฯ อธิคตปฐมชฺฌานา จ อตฺตนา ฆราวาเส อุโยฺยเชตุํ อุปคเต มาตาปิตโร อาทิํ กตฺวา อโนฺตชนปริชนํ สพฺพํ ราชกุลํ สาสเน อภิปฺปสนฺนํ กาเรตฺวา ฆรโต นิกฺขมิตฺวา ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา ปพฺพชิฯ ปพฺพชิตฺวา จ วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา สมฺมเทว ปริปกฺกญาณา วิมุตฺติปริปาจนียานํ ธมฺมานํ วิเสสิตาย น จิรเสฺสว สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๑.๑-๑๙) –

    Tattha yāvajīvaṃ dhammūpajīvinī kusaladhammaniratā hutvā tato cutā tāvatiṃsesu nibbattitvā aparāparaṃ sugatīsuyeva saṃsarantī, imasmiṃ buddhuppāde mantāvatīnagare koñcassa nāma rañño dhītā hutvā nibbatti. Tassā mātāpitaro sumedhāti nāmaṃ akaṃsu. Taṃ anukkamena vuddhippattavayappattakāle mātāpitaro ‘‘vāraṇavatīnagare anikarattassa nāma rañño dassāmā’’ti sammantesuṃ. Sā pana daharakālato paṭṭhāya attano samānavayāhi rājakaññāhi dāsijanehi ca saddhiṃ bhikkhunupassayaṃ gantvā bhikkhunīnaṃ santike dhammaṃ sutvā cirakālato paṭṭhāya katādhikāratāya saṃsāre jātasaṃvegā sāsane abhippasannā hutvā vayappattakāle kāmehi vinivattitamānasā ahosi. Tena sā mātāpitūnaṃ ñātīnaṃ sammantanaṃ sutvā ‘‘na mayhaṃ gharāvāsena kiccaṃ, pabbajissāmaha’’nti āha. Taṃ mātāpitaro gharāvāse niyojentā nānappakārena yācantāpi saññāpetuṃ nāsakkhiṃsu. Sā ‘‘evaṃ me pabbajituṃ labbhatī’’ti khaggaṃ gahetvā sayameva attano kese chinditvā te eva kese ārabbha paṭikkūlamanasikāraṃ pavattentī tattha katādhikāratāya bhikkhunīnaṃ santike manasikāravidhānassa sutapubbattā ca asubhanimittaṃ uppādetvā tattha paṭhamajjhānaṃ adhigacchi. Adhigatapaṭhamajjhānā ca attanā gharāvāse uyyojetuṃ upagate mātāpitaro ādiṃ katvā antojanaparijanaṃ sabbaṃ rājakulaṃ sāsane abhippasannaṃ kāretvā gharato nikkhamitvā bhikkhunupassayaṃ gantvā pabbaji. Pabbajitvā ca vipassanaṃ paṭṭhapetvā sammadeva paripakkañāṇā vimuttiparipācanīyānaṃ dhammānaṃ visesitāya na cirasseva saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. therī 2.1.1-19) –

    ‘‘ภควติ โกณาคมเน, สงฺฆารามมฺหิ นวนิเวสมฺหิ;

    ‘‘Bhagavati koṇāgamane, saṅghārāmamhi navanivesamhi;

    สขิโย ติโสฺส ชนิโย, วิหารทานํ อทาสิมฺหฯ

    Sakhiyo tisso janiyo, vihāradānaṃ adāsimha.

    ‘‘ทสกฺขตฺตุํ สตกฺขตฺตุํ, ทสสตกฺขตฺตุํ สตานิ จ สตกฺขตฺตุํ;

    ‘‘Dasakkhattuṃ satakkhattuṃ, dasasatakkhattuṃ satāni ca satakkhattuṃ;

    เทเวสุ อุปปชฺชิมฺห, โก ปน วาโท มนุเสฺสสุฯ

    Devesu upapajjimha, ko pana vādo manussesu.

    ‘‘เทเวสุ มหิทฺธิกา อหุมฺห, มานุสกมฺหิ โก ปน วาโท;

    ‘‘Devesu mahiddhikā ahumha, mānusakamhi ko pana vādo;

    สตฺตรตนสฺส มเหสี, อิตฺถิรตนํ อหํ อาสิํฯ

    Sattaratanassa mahesī, itthiratanaṃ ahaṃ āsiṃ.

    ‘‘อิธ สญฺจิตกุสลา, สุสมิทฺธกุลปฺปชา;

    ‘‘Idha sañcitakusalā, susamiddhakulappajā;

    ธนญฺชานี จ เขมา จ, อหมฺปิ จ ตโย ชนาฯ

    Dhanañjānī ca khemā ca, ahampi ca tayo janā.

    ‘‘อารามํ สุกตํ กตฺวา, สพฺพาวยวมณฺฑิตํ;

    ‘‘Ārāmaṃ sukataṃ katvā, sabbāvayavamaṇḍitaṃ;

    พุทฺธปฺปมุขสงฺฆสฺส, นิยฺยาเทตฺวา ปโมทิตาฯ

    Buddhappamukhasaṅghassa, niyyādetvā pamoditā.

    ‘‘ยตฺถ ยตฺถูปปชฺชามิ, ตสฺส กมฺมสฺส วาหสา;

    ‘‘Yattha yatthūpapajjāmi, tassa kammassa vāhasā;

    เทเวสุ อคฺคตํ ปตฺตา, มนุเสฺสสุ ตเถว จฯ

    Devesu aggataṃ pattā, manussesu tatheva ca.

    ‘‘อิมสฺมิํเยว กปฺปมฺหิ, พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส;

    ‘‘Imasmiṃyeva kappamhi, brahmabandhu mahāyaso;

    กสฺสโป นาม โคเตฺตน, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโรฯ

    Kassapo nāma gottena, uppajji vadataṃ varo.

    ‘‘อุปฎฺฐาโก มเหสิสฺส, ตทา อาสิ นริสฺสโร;

    ‘‘Upaṭṭhāko mahesissa, tadā āsi narissaro;

    กาสิราชา กิกี นาม, พาราณสิปุรุตฺตเมฯ

    Kāsirājā kikī nāma, bārāṇasipuruttame.

    ‘‘ตสฺสาสุํ สตฺต ธีตโร, ราชกญฺญา สุเขธิตา;

    ‘‘Tassāsuṃ satta dhītaro, rājakaññā sukhedhitā;

    พุโทฺธปฎฺฐานนิรตา, พฺรหฺมจริยํ จริํสุ ตาฯ

    Buddhopaṭṭhānaniratā, brahmacariyaṃ cariṃsu tā.

    ‘‘ตาสํ สหายิกา หุตฺวา, สีเลสุ สุสมาหิตา;

    ‘‘Tāsaṃ sahāyikā hutvā, sīlesu susamāhitā;

    ทตฺวา ทานานิ สกฺกจฺจํ, อคาเรว วตํ จริํฯ

    Datvā dānāni sakkaccaṃ, agāreva vataṃ cariṃ.

    ‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

    ‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;

    ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสูปคา อหํฯ

    Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsūpagā ahaṃ.

    ‘‘ตโต จุตา ยามมคํ, ตโตหํ ตุสิตํ คตา;

    ‘‘Tato cutā yāmamagaṃ, tatohaṃ tusitaṃ gatā;

    ตโต จ นิมฺมานรติํ, วสวตฺติปุรํ คตาฯ

    Tato ca nimmānaratiṃ, vasavattipuraṃ gatā.

    ‘‘ยตฺถ ยตฺถูปปชฺชามิ, ปุญฺญกมฺมสโมหิตา;

    ‘‘Yattha yatthūpapajjāmi, puññakammasamohitā;

    ตตฺถ ตเตฺถว ราชูนํ, มเหสิตฺตมหารยิํฯ

    Tattha tattheva rājūnaṃ, mahesittamahārayiṃ.

    ‘‘ตโต จุตา มนุสฺสเตฺต, ราชูนํ จกฺกวตฺตินํ;

    ‘‘Tato cutā manussatte, rājūnaṃ cakkavattinaṃ;

    มณฺฑลีนญฺจ ราชูนํ, มเหสิตฺตมการยิํฯ

    Maṇḍalīnañca rājūnaṃ, mahesittamakārayiṃ.

    ‘‘สมฺปตฺติมนุโภตฺวาน, เทเวสุ มานุเสสุ จ;

    ‘‘Sampattimanubhotvāna, devesu mānusesu ca;

    สพฺพตฺถ สุขิตา หุตฺวา, เนกชาตีสุ สํสริํฯ

    Sabbattha sukhitā hutvā, nekajātīsu saṃsariṃ.

    ‘‘โส เหตุ โส ปภโว, ตมฺมูลํ สาว สาสเน ขนฺตี;

    ‘‘So hetu so pabhavo, tammūlaṃ sāva sāsane khantī;

    ตํ ปฐมสโมธานํ, ตํ ธมฺมรตาย นิพฺพานํฯ

    Taṃ paṭhamasamodhānaṃ, taṃ dhammaratāya nibbānaṃ.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สเพฺพ สมูหตา;

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ, bhavā sabbe samūhatā;

    นาคีว พนฺธนํ เฉตฺวา, วิหรามิ อนาสวาฯ

    Nāgīva bandhanaṃ chetvā, viharāmi anāsavā.

    ‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, พุทฺธเสฎฺฐสฺส สนฺติเก;

    ‘‘Svāgataṃ vata me āsi, buddhaseṭṭhassa santike;

    ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํฯ

    Tisso vijjā anuppattā, kataṃ buddhassa sāsanaṃ.

    ‘‘ปฎิสมฺภิทา จตโสฺส, วิโมกฺขาปิ จ อฎฺฐิเม;

    ‘‘Paṭisambhidā catasso, vimokkhāpi ca aṭṭhime;

    ฉฬภิญฺญา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    Chaḷabhiññā sacchikatā, kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุทานวเสน –

    Arahattaṃ pana patvā attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā udānavasena –

    ๔๕๐.

    450.

    ‘‘มนฺตาวติยา นคเร, รโญฺญ โกญฺจสฺส อคฺคมเหสิยา;

    ‘‘Mantāvatiyā nagare, rañño koñcassa aggamahesiyā;

    ธีตา อาสิํ สุเมธา, ปสาทิตา สาสนกเรหิฯ

    Dhītā āsiṃ sumedhā, pasāditā sāsanakarehi.

    ๔๕๑.

    451.

    ‘‘สีลวตี จิตฺตกถา, พหุสฺสุตา พุทฺธสาสเน วินิตา;

    ‘‘Sīlavatī cittakathā, bahussutā buddhasāsane vinitā;

    มาตาปิตโร อุปคมฺม, ภณติ อุภโย นิสาเมถฯ

    Mātāpitaro upagamma, bhaṇati ubhayo nisāmetha.

    ๔๕๒.

    452.

    ‘‘นิพฺพานาภิรตาหํ , อสสฺสตํ ภวคตํ ยทิปิ ทิพฺพํ;

    ‘‘Nibbānābhiratāhaṃ , asassataṃ bhavagataṃ yadipi dibbaṃ;

    กิมงฺคํ ปน ตุจฺฉา กามา, อปฺปสฺสาทา พหุวิฆาตาฯ

    Kimaṅgaṃ pana tucchā kāmā, appassādā bahuvighātā.

    ๔๕๓.

    453.

    ‘‘กามา กฎุกา อาสี, วิสูปมา เยสุ มุจฺฉิตา พาลา;

    ‘‘Kāmā kaṭukā āsī, visūpamā yesu mucchitā bālā;

    เต ทีฆรตฺตํ นิรเย, สมปฺปิตา หญฺญเนฺต ทุกฺขิตาฯ

    Te dīgharattaṃ niraye, samappitā haññante dukkhitā.

    ๔๕๔.

    454.

    ‘‘โสจนฺติ ปาปกมฺมา, วินิปาเต ปาปวทฺธิโน สทา;

    ‘‘Socanti pāpakammā, vinipāte pāpavaddhino sadā;

    กาเยน จ วาจาย จ, มนสา จ อสํวุตา พาลาฯ

    Kāyena ca vācāya ca, manasā ca asaṃvutā bālā.

    ๔๕๕.

    455.

    ‘‘พาลา เต ทุปฺปญฺญา, อเจตนา ทุกฺขสมุทโยรุทฺธา;

    ‘‘Bālā te duppaññā, acetanā dukkhasamudayoruddhā;

    เทเสเนฺต อชานนฺตา, น พุชฺฌเร อริยสจฺจานิฯ

    Desente ajānantā, na bujjhare ariyasaccāni.

    ๔๕๖.

    456.

    ‘‘สจฺจานิ ‘อมฺม’พุทฺธวรเทสิ, ตานิ เต พหุตรา อชานนฺตา เย;

    ‘‘Saccāni ‘amma’buddhavaradesi, tāni te bahutarā ajānantā ye;

    อภินนฺทนฺติ ภวคตํ, ปิเหนฺติ เทเวสุ อุปปตฺติํฯ

    Abhinandanti bhavagataṃ, pihenti devesu upapattiṃ.

    ๔๕๗.

    457.

    ‘‘เทเวสุปิ อุปปตฺติ, อสสฺสตา ภวคเต อนิจฺจมฺหิ;

    ‘‘Devesupi upapatti, asassatā bhavagate aniccamhi;

    น จ สนฺตสนฺติ พาลา, ปุนปฺปุนํ ชายิตพฺพสฺสฯ

    Na ca santasanti bālā, punappunaṃ jāyitabbassa.

    ๔๕๘.

    458.

    ‘‘จตฺตาโร วินิปาตา, ทุเว จ คติโย กถญฺจิ ลพฺภนฺติ;

    ‘‘Cattāro vinipātā, duve ca gatiyo kathañci labbhanti;

    น จ วินิปาตคตานํ, ปพฺพชฺชา อตฺถิ นิรเยสุฯ

    Na ca vinipātagatānaṃ, pabbajjā atthi nirayesu.

    ๔๕๙.

    459.

    ‘‘อนุชานาถ มํ อุภโย, ปพฺพชิตุํ ทสพลสฺส ปาวจเน;

    ‘‘Anujānātha maṃ ubhayo, pabbajituṃ dasabalassa pāvacane;

    อโปฺปสฺสุกฺกา ฆฎิสฺสํ, ชาติมรณปฺปหานายฯ

    Appossukkā ghaṭissaṃ, jātimaraṇappahānāya.

    ๔๖๐.

    460.

    ‘‘กิํ ภวคเต อภินนฺทิ, เตน กายกลินา อสาเรน;

    ‘‘Kiṃ bhavagate abhinandi, tena kāyakalinā asārena;

    ภวตณฺหาย นิโรธา, อนุชานาถ ปพฺพชิสฺสามิฯ

    Bhavataṇhāya nirodhā, anujānātha pabbajissāmi.

    ๔๖๑.

    461.

    ‘‘พุทฺธานํ อุปฺปาโท, วิวชฺชิโต อกฺขโณ ขโณ ลโทฺธ;

    ‘‘Buddhānaṃ uppādo, vivajjito akkhaṇo khaṇo laddho;

    สีลานิ พฺรหฺมจริยํ, ยาวชีวํ น ทูเสยฺยํฯ

    Sīlāni brahmacariyaṃ, yāvajīvaṃ na dūseyyaṃ.

    ๔๖๒.

    462.

    ‘‘เอวํ ภณติ สุเมธา, มาตาปิตโร ‘น ตาว อาหารํ;

    ‘‘Evaṃ bhaṇati sumedhā, mātāpitaro ‘na tāva āhāraṃ;

    อาหริสฺสํ คหฎฺฐา, มรณวสํ คตาว เหสฺสามิ’ฯ

    Āharissaṃ gahaṭṭhā, maraṇavasaṃ gatāva hessāmi’.

    ๔๖๓.

    463.

    ‘‘มาตา ทุกฺขิตา โรทติ ปิตา จ;

    ‘‘Mātā dukkhitā rodati pitā ca;

    อสฺสา สพฺพโส สมภิหโต;

    Assā sabbaso samabhihato;

    ฆเฎนฺติ สญฺญาเปตุํ, ปาสาทตเล ฉมาปติตํฯ

    Ghaṭenti saññāpetuṃ, pāsādatale chamāpatitaṃ.

    ๔๖๔.

    464.

    ‘‘อุเฎฺฐหิ ปุตฺตก กิํ โสจิ, เตน ทินฺนาสิ วารณวติมฺหิ;

    ‘‘Uṭṭhehi puttaka kiṃ soci, tena dinnāsi vāraṇavatimhi;

    ราชา อนีกรโตฺต, อภิรูโป ตสฺส ตฺวํ ทินฺนาฯ

    Rājā anīkaratto, abhirūpo tassa tvaṃ dinnā.

    ๔๖๕.

    465.

    ‘‘อคฺคมเหสี ภวิสฺสสิ, อนิกรตฺตสฺส ราชิโน ภริยา;

    ‘‘Aggamahesī bhavissasi, anikarattassa rājino bhariyā;

    สีลานิ พฺรหฺมจริยํ, ปพฺพชฺชา ทุกฺกรา ปุตฺตกฯ

    Sīlāni brahmacariyaṃ, pabbajjā dukkarā puttaka.

    ๔๖๖.

    466.

    ‘‘รเชฺช อาณา ธนมิสฺสริยํ, โภคา สุขา ทหริกาสิ;

    ‘‘Rajje āṇā dhanamissariyaṃ, bhogā sukhā daharikāsi;

    ภุญฺชาหิ กามโภเค, วาเรยฺยํ โหตุ เต ปุตฺตฯ

    Bhuñjāhi kāmabhoge, vāreyyaṃ hotu te putta.

    ๔๖๗.

    467.

    ‘‘อถ เน ภณติ สุเมธา, มา เอทิสิกานิ ภวคตมสารํ;

    ‘‘Atha ne bhaṇati sumedhā, mā edisikāni bhavagatamasāraṃ;

    ปพฺพชฺชา วา โหหิติ, มรณํ วา เม น เจว วาเรยฺยํฯ

    Pabbajjā vā hohiti, maraṇaṃ vā me na ceva vāreyyaṃ.

    ๔๖๘.

    468.

    ‘‘กิมิว ปูติกายมสุจิํ, สวนคนฺธํ ภยานกํ กุณปํ;

    ‘‘Kimiva pūtikāyamasuciṃ, savanagandhaṃ bhayānakaṃ kuṇapaṃ;

    อภิสํวิเสยฺยํ ภสฺตํ, อสกิํ ปคฺฆริตํ อสุจิปุณฺณํฯ

    Abhisaṃviseyyaṃ bhastaṃ, asakiṃ paggharitaṃ asucipuṇṇaṃ.

    ๔๖๙.

    469.

    ‘‘กิมิว ตหํ ชานนฺตี, วิกูลกํ มํสโสณิตุปลิตฺตํ;

    ‘‘Kimiva tahaṃ jānantī, vikūlakaṃ maṃsasoṇitupalittaṃ;

    กิมิกุลลยํ สกุณภตฺตํ, กเฬวรํ กิสฺส ทิยตีติฯ

    Kimikulalayaṃ sakuṇabhattaṃ, kaḷevaraṃ kissa diyatīti.

    ๔๗๐.

    470.

    ‘‘นิพฺพุยฺหติ สุสานํ, อจิรํ กาโย อเปตวิญฺญาโณ;

    ‘‘Nibbuyhati susānaṃ, aciraṃ kāyo apetaviññāṇo;

    ฉุโทฺธ กฬิงฺครํ วิย, ชิคุจฺฉมาเนหิ ญาตีหิฯ

    Chuddho kaḷiṅgaraṃ viya, jigucchamānehi ñātīhi.

    ๔๗๑.

    471.

    ‘‘ฉุทฺธูน นํ สุสาเน, ปรภตฺตํ นฺหายนฺติ ชิคุจฺฉนฺตา;

    ‘‘Chuddhūna naṃ susāne, parabhattaṃ nhāyanti jigucchantā;

    นิยกา มาตาปิตโร, กิํ ปน สาธารณา ชนตาฯ

    Niyakā mātāpitaro, kiṃ pana sādhāraṇā janatā.

    ๔๗๒.

    472.

    ‘‘อโชฺฌสิตา อสาเร, กเฬวเร อฎฺฐินฺหารุสงฺฆาเต;

    ‘‘Ajjhositā asāre, kaḷevare aṭṭhinhārusaṅghāte;

    เขฬสฺสุจฺจารสฺสวปริปุเณฺณ ปูติกายมฺหิฯ

    Kheḷassuccārassavaparipuṇṇe pūtikāyamhi.

    ๔๗๓.

    473.

    ‘‘โย นํ วินิพฺภุชิตฺวา, อพฺภนฺตรมสฺส พาหิรํ กยิรา;

    ‘‘Yo naṃ vinibbhujitvā, abbhantaramassa bāhiraṃ kayirā;

    คนฺธสฺส อสหมานา, สกาปิ มาตา ชิคุเจฺฉยฺยฯ

    Gandhassa asahamānā, sakāpi mātā jiguccheyya.

    ๔๗๔.

    474.

    ‘‘ขนฺธธาตุอายตนํ, สงฺขตํ ชาติมูลกํ ทุกฺขํ;

    ‘‘Khandhadhātuāyatanaṃ, saṅkhataṃ jātimūlakaṃ dukkhaṃ;

    โยนิโส อนุวิจินนฺตี, วาเรยฺยํ กิสฺส อิเจฺฉยฺยํฯ

    Yoniso anuvicinantī, vāreyyaṃ kissa iccheyyaṃ.

    ๔๗๕.

    475.

    ‘‘ทิวเส ทิวเส ติสตฺติ, สตานิ นวนวา ปเตยฺยุํ กายมฺหิ;

    ‘‘Divase divase tisatti, satāni navanavā pateyyuṃ kāyamhi;

    วสฺสสตมฺปิ จ ฆาโต, เสโยฺย ทุกฺขสฺส เจวํ ขโยฯ

    Vassasatampi ca ghāto, seyyo dukkhassa cevaṃ khayo.

    ๔๗๖.

    476.

    ‘‘อชฺฌุปคเจฺฉ ฆาตํ, โย วิญฺญาเยวํ สตฺถุโน วจนํ;

    ‘‘Ajjhupagacche ghātaṃ, yo viññāyevaṃ satthuno vacanaṃ;

    ทีโฆ เตสํ สํสาโร, ปุนปฺปุนํ หญฺญมานานํฯ

    Dīgho tesaṃ saṃsāro, punappunaṃ haññamānānaṃ.

    ๔๗๗.

    477.

    ‘‘เทเวสุ มนุเสฺสสุ จ, ติรจฺฉานโยนิยา อสุรกาเย;

    ‘‘Devesu manussesu ca, tiracchānayoniyā asurakāye;

    เปเตสุ จ นิรเยสุ จ, อปริมิตา ทิสฺสเนฺต ฆาตาฯ

    Petesu ca nirayesu ca, aparimitā dissante ghātā.

    ๔๗๘.

    478.

    ‘‘ฆาตา นิรเยสุ พหู, วินิปาตคตสฺส ปีฬิยมานสฺส;

    ‘‘Ghātā nirayesu bahū, vinipātagatassa pīḷiyamānassa;

    เทเวสุปิ อตฺตาณํ, นิพฺพานสุขา ปรํ นตฺถิฯ

    Devesupi attāṇaṃ, nibbānasukhā paraṃ natthi.

    ๔๗๙.

    479.

    ‘‘ปตฺตา เต นิพฺพานํ, เย ยุตฺตา ทสพลสฺส ปาวจเน;

    ‘‘Pattā te nibbānaṃ, ye yuttā dasabalassa pāvacane;

    อโปฺปสฺสุกฺกา ฆเฎนฺติ, ชาติมรณปฺปหานายฯ

    Appossukkā ghaṭenti, jātimaraṇappahānāya.

    ๔๘๐.

    480.

    ‘‘อเชฺชว ตาตภินิกฺขมิสฺสํ, โภเคหิ กิํ อสาเรหิ;

    ‘‘Ajjeva tātabhinikkhamissaṃ, bhogehi kiṃ asārehi;

    นิพฺพินฺนา เม กามา, วนฺตสมา ตาลวตฺถุกตาฯ

    Nibbinnā me kāmā, vantasamā tālavatthukatā.

    ๔๘๑.

    481.

    ‘‘สา เจวํ ภณติ ปิตรมนีกรโตฺต, จ ยสฺส สา ทินฺนา;

    ‘‘Sā cevaṃ bhaṇati pitaramanīkaratto, ca yassa sā dinnā;

    อุปยาสิ วารณวเต, วาเรยฺยมุปฎฺฐิเต กาเลฯ

    Upayāsi vāraṇavate, vāreyyamupaṭṭhite kāle.

    ๔๘๒.

    482.

    ‘‘อถ อสิตนิจิตมุทุเก, เกเส ขเคฺคน ฉินฺทิย สุเมธา;

    ‘‘Atha asitanicitamuduke, kese khaggena chindiya sumedhā;

    ปาสาทํ ปิทหิตฺวา, ปฐมชฺฌานํ สมาปชฺชิฯ

    Pāsādaṃ pidahitvā, paṭhamajjhānaṃ samāpajji.

    ๔๘๓.

    483.

    ‘‘สา จ ตหิํ สมาปนฺนา, อนีกรโตฺต จ อาคโต นครํ;

    ‘‘Sā ca tahiṃ samāpannā, anīkaratto ca āgato nagaraṃ;

    ปาสาเท จ สุเมธา, อนิจฺจสญฺญํ สุภาเวติฯ

    Pāsāde ca sumedhā, aniccasaññaṃ subhāveti.

    ๔๘๔.

    484.

    ‘‘สา จ มนสิ กโรติ, อนีกรโตฺต จ อารุหี ตุริตํ;

    ‘‘Sā ca manasi karoti, anīkaratto ca āruhī turitaṃ;

    มณิกนกภูสิตโงฺค, กตญฺชลี ยาจติ สุเมธํฯ

    Maṇikanakabhūsitaṅgo, katañjalī yācati sumedhaṃ.

    ๔๘๕.

    485.

    ‘‘รเชฺช อาณา ธนมิสฺสริยํ, โภคา สุขา ทหริกาสิ;

    ‘‘Rajje āṇā dhanamissariyaṃ, bhogā sukhā daharikāsi;

    ภุญฺชาหิ กามโภเค, กามสุขา ทุลฺลภา โลเกฯ

    Bhuñjāhi kāmabhoge, kāmasukhā dullabhā loke.

    ๔๘๖.

    486.

    ‘‘นิสฺสฎฺฐํ เต รชฺชํ, โภเค ภุญฺชสฺสุ เทหิ ทานานิ;

    ‘‘Nissaṭṭhaṃ te rajjaṃ, bhoge bhuñjassu dehi dānāni;

    มา ทุมฺมนา อโหสิ, มาตาปิตโร เต ทุกฺขิตาฯ

    Mā dummanā ahosi, mātāpitaro te dukkhitā.

    ๔๘๗.

    487.

    ‘‘ตํ ตํ ภณติ สุเมธา, กาเมหิ อนตฺถิกา วิคตโมหา;

    ‘‘Taṃ taṃ bhaṇati sumedhā, kāmehi anatthikā vigatamohā;

    มา กาเม อภินนฺทิ, กาเมสฺวาทีนวํ ปสฺสฯ

    Mā kāme abhinandi, kāmesvādīnavaṃ passa.

    ๔๘๘.

    488.

    ‘‘จาตุทฺทีโป ราชา, มนฺธาตา อาสิ กามโภคินมโคฺค;

    ‘‘Cātuddīpo rājā, mandhātā āsi kāmabhoginamaggo;

    อติโตฺต กาลงฺกโต, น จสฺส ปริปูริตา อิจฺฉาฯ

    Atitto kālaṅkato, na cassa paripūritā icchā.

    ๔๘๙.

    489.

    ‘‘สตฺต รตนานิ วเสฺสยฺย, วุฎฺฐิมา ทสทิสา สมเนฺตน;

    ‘‘Satta ratanāni vasseyya, vuṭṭhimā dasadisā samantena;

    น จตฺถิ ติตฺติ กามานํ, อติตฺตาว มรนฺติ นราฯ

    Na catthi titti kāmānaṃ, atittāva maranti narā.

    ๔๙๐.

    490.

    ‘‘อสิสูนูปมา กามา, กามา สปฺปสิโรปมา;

    ‘‘Asisūnūpamā kāmā, kāmā sappasiropamā;

    อุโกฺกปมา อนุทหนฺติ, อฎฺฐิกงฺกลสนฺนิภาฯ

    Ukkopamā anudahanti, aṭṭhikaṅkalasannibhā.

    ๔๙๑.

    491.

    ‘‘อนิจฺจา อธุวา กามา, พหุทุกฺขา มหาวิสา;

    ‘‘Aniccā adhuvā kāmā, bahudukkhā mahāvisā;

    อโยคุโฬว สนฺตโตฺต, อฆมูลา ทุขปฺผลาฯ

    Ayoguḷova santatto, aghamūlā dukhapphalā.

    ๔๙๒.

    492.

    ‘‘รุกฺขผลูปมา กามา, มํสเปสูปมา ทุขา;

    ‘‘Rukkhaphalūpamā kāmā, maṃsapesūpamā dukhā;

    สุปิโนปมา วญฺจนิยา, กามา ยาจิตกูปมาฯ

    Supinopamā vañcaniyā, kāmā yācitakūpamā.

    ๔๙๓.

    493.

    ‘‘สตฺติสูลูปมา กามา, โรโค คโณฺฑ อฆํ นิฆํ;

    ‘‘Sattisūlūpamā kāmā, rogo gaṇḍo aghaṃ nighaṃ;

    องฺคารกาสุสทิสา, อฆมูลํ ภยํ วโธฯ

    Aṅgārakāsusadisā, aghamūlaṃ bhayaṃ vadho.

    ๔๙๔.

    494.

    ‘‘เอวํ พหุทุกฺขา กามา, อกฺขาตา อนฺตรายิกา;

    ‘‘Evaṃ bahudukkhā kāmā, akkhātā antarāyikā;

    คจฺฉถ น เม ภวคเต, วิสฺสาโส อตฺถิ อตฺตโนฯ

    Gacchatha na me bhavagate, vissāso atthi attano.

    ๔๙๕.

    495.

    ‘‘กิํ มม ปโร กริสฺสติ, อตฺตโน สีสมฺหิ ฑยฺหมานมฺหิ;

    ‘‘Kiṃ mama paro karissati, attano sīsamhi ḍayhamānamhi;

    อนุพเนฺธ ชรามรเณ, ตสฺส ฆาตาย ฆฎิตพฺพํฯ

    Anubandhe jarāmaraṇe, tassa ghātāya ghaṭitabbaṃ.

    ๔๙๖.

    496.

    ‘‘ทฺวารํ อปาปุริตฺวานหํ, มาตาปิตโร อนีกรตฺตญฺจ;

    ‘‘Dvāraṃ apāpuritvānahaṃ, mātāpitaro anīkarattañca;

    ทิสฺวาน ฉมํ นิสิเนฺน, โรทเนฺต อิทมโวจํฯ

    Disvāna chamaṃ nisinne, rodante idamavocaṃ.

    ๔๙๗.

    497.

    ‘‘ทีโฆ พาลานํ สํสาโร, ปุนปฺปุนญฺจ โรทตํ;

    ‘‘Dīgho bālānaṃ saṃsāro, punappunañca rodataṃ;

    อนมตเคฺค ปิตุ มรเณ, ภาตุ วเธ อตฺตโน จ วเธฯ

    Anamatagge pitu maraṇe, bhātu vadhe attano ca vadhe.

    ๔๙๘.

    498.

    ‘‘อสฺสุ ถญฺญํ รุธิรํ, สํสารํ อนมตคฺคโต สรถ;

    ‘‘Assu thaññaṃ rudhiraṃ, saṃsāraṃ anamataggato saratha;

    สตฺตานํ สํสรตํ, สราหิ อฎฺฐีนญฺจ สนฺนิจยํฯ

    Sattānaṃ saṃsarataṃ, sarāhi aṭṭhīnañca sannicayaṃ.

    ๔๙๙.

    499.

    ‘‘สร จตุโรทธี, อุปนีเต อสฺสุถญฺญรุธิรมฺหิ;

    ‘‘Sara caturodadhī, upanīte assuthaññarudhiramhi;

    สร เอกกปฺปมฎฺฐีนํ, สญฺจยํ วิปุเลน สมํฯ

    Sara ekakappamaṭṭhīnaṃ, sañcayaṃ vipulena samaṃ.

    ๕๐๐.

    500.

    ‘‘อนมตเคฺค สํสรโต, มหิํ ชมฺพุทีปมุปนีตํ;

    ‘‘Anamatagge saṃsarato, mahiṃ jambudīpamupanītaṃ;

    โกลฎฺฐิมตฺตคุฬิกา, มาตา มาตุเสฺวว นปฺปโหนฺติฯ

    Kolaṭṭhimattaguḷikā, mātā mātusveva nappahonti.

    ๕๐๑.

    501.

    ‘‘ติณกฎฺฐสาขาปลาสํ, อุปนีตํ อนมตคฺคโต สร;

    ‘‘Tiṇakaṭṭhasākhāpalāsaṃ, upanītaṃ anamataggato sara;

    จตุรงฺคุลิกา ฆฎิกา, ปิตุปิตุเสฺวว นปฺปโหนฺติฯ

    Caturaṅgulikā ghaṭikā, pitupitusveva nappahonti.

    ๕๐๒.

    502.

    ‘‘สร กาณกจฺฉปํ ปุพฺพสมุเทฺท, อปรโต จ ยุคฉิทฺทํ;

    ‘‘Sara kāṇakacchapaṃ pubbasamudde, aparato ca yugachiddaṃ;

    สิรํ ตสฺส จ ปฎิมุกฺกํ, มนุสฺสลาภมฺหิ โอปมฺมํฯ

    Siraṃ tassa ca paṭimukkaṃ, manussalābhamhi opammaṃ.

    ๕๐๓.

    503.

    ‘‘สร รูปํ เผณปิโณฺฑปมสฺส, กายกลิโน อสารสฺส;

    ‘‘Sara rūpaṃ pheṇapiṇḍopamassa, kāyakalino asārassa;

    ขเนฺธ ปสฺส อนิเจฺจ, สราหิ นิรเย พหุวิฆาเตฯ

    Khandhe passa anicce, sarāhi niraye bahuvighāte.

    ๕๐๔.

    504.

    ‘‘สร กฎสิํ วเฑฺฒเนฺต, ปุนปฺปุนํ ตาสุ ตาสุ ชาตีสุ;

    ‘‘Sara kaṭasiṃ vaḍḍhente, punappunaṃ tāsu tāsu jātīsu;

    สร กุมฺภีลภยานิ จ, สราหิ จตฺตาริ สจฺจานิฯ

    Sara kumbhīlabhayāni ca, sarāhi cattāri saccāni.

    ๕๐๕.

    505.

    ‘‘อมตมฺหิ วิชฺชมาเน, กิํ ตว ปญฺจกฎุเกน ปีเตน;

    ‘‘Amatamhi vijjamāne, kiṃ tava pañcakaṭukena pītena;

    สพฺพา หิ กามรติโย, กฎุกตรา ปญฺจกฎุเกนฯ

    Sabbā hi kāmaratiyo, kaṭukatarā pañcakaṭukena.

    ๕๐๖.

    506.

    ‘‘อมตมฺหิ วิชฺชมาเน, กิํ ตว กาเมหิ เย ปริฬาหา;

    ‘‘Amatamhi vijjamāne, kiṃ tava kāmehi ye pariḷāhā;

    สพฺพา หิ กามรติโย, ชลิตา กุถิตา กมฺปิตา สนฺตาปิตาฯ

    Sabbā hi kāmaratiyo, jalitā kuthitā kampitā santāpitā.

    ๕๐๗.

    507.

    ‘‘อสปตฺตมฺหิ สมาเน, กิํ ตว กาเมหิ เย พหุสปตฺตา;

    ‘‘Asapattamhi samāne, kiṃ tava kāmehi ye bahusapattā;

    ราชคฺคิโจรอุทกปฺปิเยหิ, สาธารณา กามา พหุสปตฺตาฯ

    Rājaggicoraudakappiyehi, sādhāraṇā kāmā bahusapattā.

    ๕๐๘.

    508.

    ‘‘โมกฺขมฺหิ วิชฺชมาเน, กิํ ตว กาเมหิ เยสุ วธพโนฺธ;

    ‘‘Mokkhamhi vijjamāne, kiṃ tava kāmehi yesu vadhabandho;

    กาเมสุ หิ อสกามา, วธพนฺธทุขานิ อนุโภนฺติฯ

    Kāmesu hi asakāmā, vadhabandhadukhāni anubhonti.

    ๕๐๙.

    509.

    ‘‘อาทีปิตา ติณุกฺกา, คณฺหนฺตํ ทหนฺติ เนว มุญฺจนฺตํ;

    ‘‘Ādīpitā tiṇukkā, gaṇhantaṃ dahanti neva muñcantaṃ;

    อุโกฺกปมา หิ กามา, ทหนฺติ เย เต น มุญฺจนฺติฯ

    Ukkopamā hi kāmā, dahanti ye te na muñcanti.

    ๕๑๐.

    510.

    ‘‘มา อปฺปกสฺส เหตุ, กามสุขสฺส วิปุลํ ชหี สุขํ;

    ‘‘Mā appakassa hetu, kāmasukhassa vipulaṃ jahī sukhaṃ;

    มา ปุถุโลโมว พฬิสํ, คิลิตฺวา ปจฺฉา วิหญฺญสิฯ

    Mā puthulomova baḷisaṃ, gilitvā pacchā vihaññasi.

    ๕๑๑.

    511.

    ‘‘กามํ กาเมสุ ทมสฺสุ, ตาว สุนโขว สงฺขลาพโทฺธ;

    ‘‘Kāmaṃ kāmesu damassu, tāva sunakhova saṅkhalābaddho;

    กาหินฺติ ขุ ตํ กามา, ฉาตา สุนขํว จณฺฑาลาฯ

    Kāhinti khu taṃ kāmā, chātā sunakhaṃva caṇḍālā.

    ๕๑๒.

    512.

    ‘‘อปริมิตญฺจ ทุกฺขํ, พหูนิ จ จิตฺตโทมนสฺสานิ;

    ‘‘Aparimitañca dukkhaṃ, bahūni ca cittadomanassāni;

    อนุโภหิสิ กามยุโตฺต, ปฎินิสฺสช อทฺธุเว กาเมฯ

    Anubhohisi kāmayutto, paṭinissaja addhuve kāme.

    ๕๑๓.

    513.

    ‘‘อชรมฺหิ วิชฺชมาเน, กิํ ตว กาเมหิ เยสุ ชรา;

    ‘‘Ajaramhi vijjamāne, kiṃ tava kāmehi yesu jarā;

    มรณพฺยาธิคหิตา, สพฺพา สพฺพตฺถ ชาติโยฯ

    Maraṇabyādhigahitā, sabbā sabbattha jātiyo.

    ๕๑๔.

    514.

    ‘‘อิทมชรมิทมมรํ, อิทมชรามรํ ปทมโสกํ;

    ‘‘Idamajaramidamamaraṃ, idamajarāmaraṃ padamasokaṃ;

    อสปตฺตมสมฺพาธํ, อขลิตมภยํ นิรุปตาปํฯ

    Asapattamasambādhaṃ, akhalitamabhayaṃ nirupatāpaṃ.

    ๕๑๕.

    515.

    ‘‘อธิคตมิทํ พหูหิ, อมตํ อชฺชาปิ จ ลภนียมิทํ;

    ‘‘Adhigatamidaṃ bahūhi, amataṃ ajjāpi ca labhanīyamidaṃ;

    โย โยนิโส ปยุญฺชติ, น จ สกฺกา อฆฎมาเนนฯ

    Yo yoniso payuñjati, na ca sakkā aghaṭamānena.

    ๕๑๖.

    516.

    ‘‘เอวํ ภณติ สุเมธา, สงฺขารคเต รติํ อลภมานา;

    ‘‘Evaṃ bhaṇati sumedhā, saṅkhāragate ratiṃ alabhamānā;

    อนุเนนฺตี อนิกรตฺตํ, เกเส จ ฉมํ ขิปิ สุเมธาฯ

    Anunentī anikarattaṃ, kese ca chamaṃ khipi sumedhā.

    ๕๑๗.

    517.

    ‘‘อุฎฺฐาย อนิกรโตฺต, ปญฺชลิโก ยาจตสฺสา ปิตรํ โส;

    ‘‘Uṭṭhāya anikaratto, pañjaliko yācatassā pitaraṃ so;

    วิสฺสเชฺชถ สุเมธํ, ปพฺพชิตุํ วิโมกฺขสจฺจทสฺสาฯ

    Vissajjetha sumedhaṃ, pabbajituṃ vimokkhasaccadassā.

    ๕๑๘.

    518.

    ‘‘วิสฺสชฺชิตา มาตาปิตูหิ, ปพฺพชิ โสกภยภีตา;

    ‘‘Vissajjitā mātāpitūhi, pabbaji sokabhayabhītā;

    ฉ อภิญฺญา สจฺฉิกตา, อคฺคผลํ สิกฺขมานายฯ

    Cha abhiññā sacchikatā, aggaphalaṃ sikkhamānāya.

    ๕๑๙.

    519.

    ‘‘อจฺฉริยมพฺภุตํ ตํ, นิพฺพานํ อาสิ ราชกญฺญาย;

    ‘‘Acchariyamabbhutaṃ taṃ, nibbānaṃ āsi rājakaññāya;

    ปุเพฺพนิวาสจริตํ, ยถา พฺยากริ ปจฺฉิเม กาเลฯ

    Pubbenivāsacaritaṃ, yathā byākari pacchime kāle.

    ๕๒๐.

    520.

    ‘‘ภควติ โกณาคมเน, สงฺฆารามมฺหิ นวนิเวสมฺหิ;

    ‘‘Bhagavati koṇāgamane, saṅghārāmamhi navanivesamhi;

    สขิโย ติโสฺส ชนิโย, วิหารทานํ อทาสิมฺหฯ

    Sakhiyo tisso janiyo, vihāradānaṃ adāsimha.

    ๕๒๑.

    521.

    ‘‘ทสกฺขตฺตุํ สตกฺขตฺตุํ, ทสสตกฺขตฺตุํ สตานิ จ สตกฺขตฺตุํ;

    ‘‘Dasakkhattuṃ satakkhattuṃ, dasasatakkhattuṃ satāni ca satakkhattuṃ;

    เทเวสุ อุปปชฺชิมฺห, โก ปน วาโท มนุเสฺสสุฯ

    Devesu upapajjimha, ko pana vādo manussesu.

    ๕๒๒.

    522.

    ‘‘เทเวสุ มหิทฺธิกา อหุมฺห, มานุสกมฺหิ โก ปน วาโท;

    ‘‘Devesu mahiddhikā ahumha, mānusakamhi ko pana vādo;

    สตฺตรตนสฺส มเหสี, อิตฺถิรตนํ อหํ อาสิํฯ

    Sattaratanassa mahesī, itthiratanaṃ ahaṃ āsiṃ.

    ๕๒๓.

    523.

    ‘‘โส เหตุ โส ปภโว, ตํ มูลํ สาว สาสเน ขนฺตี;

    ‘‘So hetu so pabhavo, taṃ mūlaṃ sāva sāsane khantī;

    ตํ ปฐมสโมธานํ, ตํ ธมฺมรตาย นิพฺพานํฯ

    Taṃ paṭhamasamodhānaṃ, taṃ dhammaratāya nibbānaṃ.

    ๕๒๔.

    524.

    ‘‘เอวํ กโรนฺติ เย สทฺทหนฺติ, วจนํ อโนมปญฺญสฺส;

    ‘‘Evaṃ karonti ye saddahanti, vacanaṃ anomapaññassa;

    นิพฺพินฺทนฺติ ภวคเต, นิพฺพินฺทิตฺวา วิรชฺชนฺตี’’ติฯ –

    Nibbindanti bhavagate, nibbinditvā virajjantī’’ti. –

    อิมา คาถา อภาสิฯ

    Imā gāthā abhāsi.

    ตตฺถ มนฺตวติยา นคเรติ มนฺตวตีติ เอวํนามเก นคเรฯ รโญฺญ โกญฺจสฺสาติ โกญฺจสฺส นาม รโญฺญ มเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ชาตา ธีตา อาสิํฯ สุเมธาติ นาเมน สุเมธาฯ ปสาทิตา สาสนกเรหีติ สตฺถุสาสนกเรหิ อริเยหิ ธมฺมเทสนาย สาสเน ปสาทิตา สญฺชาตรตนตฺตยปฺปสาทา กตาฯ

    Tattha mantavatiyā nagareti mantavatīti evaṃnāmake nagare. Rañño koñcassāti koñcassa nāma rañño mahesiyā kucchimhi jātā dhītā āsiṃ. Sumedhāti nāmena sumedhā. Pasāditā sāsanakarehīti satthusāsanakarehi ariyehi dhammadesanāya sāsane pasāditā sañjātaratanattayappasādā katā.

    สีลวตีติ อาจารสีลสมฺปนฺนาฯ จิตฺตกถาติ จิตฺตธมฺมกถาฯ พหุสฺสุตาติ ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ปริยตฺติธมฺมสฺสุติยุตาฯ พุทฺธสาสเน วินีตาติ เอวํ ปวตฺติ, เอวํ นิวตฺติ, อิติ สีลํ, อิติ สมาธิ, อิติ ปญฺญาติ สุตฺตานุคเตน (ที. นิ. ๒.๑๘๖) โยนิโสมนสิกาเรน ตทงฺคโต กิเลสานํ วินิวตฺตตฺตา พุทฺธานํ สาสเน วินีตา สํยตกายวาจาจิตฺตาฯ อุภโย นิสาเมถาติ ตุเมฺห เทฺวปิ มม วจนํ นิสาเมถ, มาตาปิตโร อุปคนฺตฺวา ภณตีติ โยชนาฯ

    Sīlavatīti ācārasīlasampannā. Cittakathāti cittadhammakathā. Bahussutāti bhikkhunīnaṃ santike pariyattidhammassutiyutā. Buddhasāsane vinītāti evaṃ pavatti, evaṃ nivatti, iti sīlaṃ, iti samādhi, iti paññāti suttānugatena (dī. ni. 2.186) yonisomanasikārena tadaṅgato kilesānaṃ vinivattattā buddhānaṃ sāsane vinītā saṃyatakāyavācācittā. Ubhayo nisāmethāti tumhe dvepi mama vacanaṃ nisāmetha, mātāpitaro upagantvā bhaṇatīti yojanā.

    ยทิปิ ทิพฺพนฺติ เทวโลกปริยาปนฺนมฺปิ ภวคตํ นาม สพฺพมฺปิ อสสฺสตํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํฯ กิมงฺคํ ปน ตุจฺฉา กามาติ กิมงฺคํ ปน มานุสกา กามา, เต สเพฺพปิ อสารกภาวโต ตุจฺฉา ริตฺตา, สตฺถธารายํ มธุพินฺทุ วิย อปฺปสฺสาทา, เอตรหิ อายติญฺจ วิปุลทุกฺขตาย พหุวิฆาตา

    Yadipi dibbanti devalokapariyāpannampi bhavagataṃ nāma sabbampi asassataṃ aniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ. Kimaṅgaṃ pana tucchā kāmāti kimaṅgaṃ pana mānusakā kāmā, te sabbepi asārakabhāvato tucchā rittā, satthadhārāyaṃ madhubindu viya appassādā, etarahi āyatiñca vipuladukkhatāya bahuvighātā.

    กฎุกาติ อนิฎฺฐาฯ สปฺปฎิภยเฎฺฐน อาสีวิสูปมาฯ เยสุ กาเมสุฯ มุจฺฉิตาติ อโชฺฌสิตาฯ สมปฺปิตาติ สกมฺมุนา สพฺพโส อปฺปิตา ขิตฺตา, อุปปนฺนาติ อโตฺถ ฯ หญฺญเนฺตติ พาธียนฺติฯ

    Kaṭukāti aniṭṭhā. Sappaṭibhayaṭṭhena āsīvisūpamā. Yesu kāmesu. Mucchitāti ajjhositā. Samappitāti sakammunā sabbaso appitā khittā, upapannāti attho . Haññanteti bādhīyanti.

    วินิปาเตติ อปาเยฯ

    Vinipāteti apāye.

    อเจตนาติ อตฺตหิตเจตนาย อภาเวน อเจตนาฯ ทุกฺขสมุทโยรุทฺธาติ ตณฺหานิมิตฺตสํสาเร อวรุทฺธาฯ เทเสเนฺตติ จตุสจฺจธเมฺม เทสิยมาเนฯ อชานนฺตาติ อตฺถํ อชานนฺตาฯ น พุชฺฌเร อริยสจฺจานีติ ทุกฺขาทีนิ อริยสจฺจานิ น ปฎิพุชฺฌนฺติฯ

    Acetanāti attahitacetanāya abhāvena acetanā. Dukkhasamudayoruddhāti taṇhānimittasaṃsāre avaruddhā. Desenteti catusaccadhamme desiyamāne. Ajānantāti atthaṃ ajānantā. Na bujjhare ariyasaccānīti dukkhādīni ariyasaccāni na paṭibujjhanti.

    อมฺมาติ มาตรํ ปมุขํ กตฺวา อาลปติฯ เต พหุตรา อชานนฺตาติ เย อภินนฺทนฺติ ภวคตํ ปิเหนฺติ เทเวสุ อุปปตฺติํ พุทฺธวรเทสิตานิ สจฺจานิ อชานนฺตา, เตเยว จ อิมสฺมิํ โลเก พหุตราติ โยชนาฯ

    Ammāti mātaraṃ pamukhaṃ katvā ālapati. Te bahutarā ajānantāti ye abhinandanti bhavagataṃ pihenti devesu upapattiṃ buddhavaradesitāni saccāni ajānantā, teyeva ca imasmiṃ loke bahutarāti yojanā.

    ภวคเต อนิจฺจมฺหีติ สพฺพสฺมิํ ภเว อนิเจฺจ เทเวสุ อุปปตฺติ น สสฺสตา, เอวํ สเนฺตปิ น จ สนฺตสนฺติ พาลา น อุตฺตสนฺติ น สํเวคํ อาปชฺชนฺติฯ ปุนปฺปุนํ ชายิตพฺพสฺสาติ อปราปรํ อุปปชฺชมานสฺสฯ

    Bhavagate aniccamhīti sabbasmiṃ bhave anicce devesu upapatti na sassatā, evaṃ santepi na ca santasanti bālā na uttasanti na saṃvegaṃ āpajjanti. Punappunaṃ jāyitabbassāti aparāparaṃ upapajjamānassa.

    จตฺตาโร วินิปาตาติ นิรโย ติรจฺฉานโยนิ เปตฺติวิสโย อสุรโยนีติ อิเม จตฺตาโร สุขสมุสฺสยโต วินิปาตคติโยฯ มนุสฺสเทวูปปตฺติสญฺญิตา ปน เทฺวว คติโย กถญฺจิ กิเจฺฉน กสิเรน ลพฺภนฺติ ปุญฺญกมฺมสฺส ทุกฺกรตฺตาฯ นิรเยสูติ สุขรหิเตสุ อปาเยสุฯ

    Cattāro vinipātāti nirayo tiracchānayoni pettivisayo asurayonīti ime cattāro sukhasamussayato vinipātagatiyo. Manussadevūpapattisaññitā pana dveva gatiyo kathañci kicchena kasirena labbhanti puññakammassa dukkarattā. Nirayesūti sukharahitesu apāyesu.

    อโปฺปสฺสุกฺกาติ อญฺญกิเจฺจสุ นิรุสฺสุกฺกาฯ ฆฎิสฺสนฺติ วายมิสฺสํ ภาวนํ อนุยุญฺชิสฺสามิ, กายกลินา อสาเรน ภวคเต กิํ อภินนฺทิเตนาติ โยชนาฯ

    Appossukkāti aññakiccesu nirussukkā. Ghaṭissanti vāyamissaṃ bhāvanaṃ anuyuñjissāmi, kāyakalinā asārena bhavagate kiṃ abhinanditenāti yojanā.

    ภวตณฺหาย นิโรธาติ ภวคตาย ตณฺหาย นิโรธเหตุ นิโรธตฺถํฯ

    Bhavataṇhāya nirodhāti bhavagatāya taṇhāya nirodhahetu nirodhatthaṃ.

    พุทฺธานํ อุปฺปาโท ลโทฺธ, วิวชฺชิโต นิรยูปปตฺติอาทิโก อฎฺฐวิโธ อกฺขโณ, ขโณ นวโม ขโณ ลโทฺธติ โยชนาฯ สีลานีติ จตุปาริสุทฺธิสีลานิฯ พฺรหฺมจริยนฺติ สาสนพฺรหฺมจริยํฯ น ทูเสยฺยนฺติ น โกเปยฺยามิฯ

    Buddhānaṃ uppādo laddho, vivajjito nirayūpapattiādiko aṭṭhavidho akkhaṇo, khaṇo navamo khaṇo laddhoti yojanā. Sīlānīti catupārisuddhisīlāni. Brahmacariyanti sāsanabrahmacariyaṃ. Na dūseyyanti na kopeyyāmi.

    น ตาว อาหารํ อาหริสฺสํ คหฎฺฐาติ ‘‘เนว ตาว อหํ คหฎฺฐา หุตฺวา อาหารํ อาหริสฺสามิ, สเจ ปพฺพชฺชํ น ลภิสฺสามิ, มรณวสเมว คตา ภวิสฺสามี’’ติ เอวํ สุเมธา มาตาปิตโร ภณตีติ โยชนาฯ

    Na tāva āhāraṃ āharissaṃ gahaṭṭhāti ‘‘neva tāva ahaṃ gahaṭṭhā hutvā āhāraṃ āharissāmi, sace pabbajjaṃ na labhissāmi, maraṇavasameva gatā bhavissāmī’’ti evaṃ sumedhā mātāpitaro bhaṇatīti yojanā.

    อสฺสาติ สุเมธายฯ สพฺพโส สมภิหโตติ อสฺสูหิ สพฺพโส อภิหตมุโขฯ ฆเฎนฺติ สญฺญาเปตุนฺติ ปาสาทตเล ฉมาปติตํ สุเมธํ มาตา จ ปิตา จ คิหิภาวาย สญฺญาเปตุํ ฆเฎนฺติ วายมนฺติฯ ‘‘ฆเฎนฺติ วายมนฺตี’’ติปิ ปาโฐ, โส เอวโตฺถฯ

    Assāti sumedhāya. Sabbaso samabhihatoti assūhi sabbaso abhihatamukho. Ghaṭenti saññāpetunti pāsādatale chamāpatitaṃ sumedhaṃ mātā ca pitā ca gihibhāvāya saññāpetuṃ ghaṭenti vāyamanti. ‘‘Ghaṭenti vāyamantī’’tipi pāṭho, so evattho.

    กิํ โสจิเตนาติ ‘‘ปพฺพชฺชํ น ลภิสฺสามี’’ติ กิํ โสจเนนฯ ทินฺนาสิ วารณวติมฺหีติ วารณวตีนคเร ทินฺนา อสิฯ ‘‘ทินฺนาสี’’ติ วตฺวา ปุนปิ ‘‘ตฺวํ ทินฺนา’’ติ วจนํ ทฬฺหํ ทินฺนภาวทสฺสนตฺถํฯ

    Kiṃ socitenāti ‘‘pabbajjaṃ na labhissāmī’’ti kiṃ socanena. Dinnāsi vāraṇavatimhīti vāraṇavatīnagare dinnā asi. ‘‘Dinnāsī’’ti vatvā punapi ‘‘tvaṃ dinnā’’ti vacanaṃ daḷhaṃ dinnabhāvadassanatthaṃ.

    รเชฺช อาณาติ อนิกรตฺตสฺส รเชฺช ตว อาณา ปวตฺตติฯ ธนมิสฺสริยนฺติ อิมสฺมิํ กุเล ปติกุเล จ ธนํ อิสฺสริยญฺจ, โภคา สุขา อติวิย อิฎฺฐา โภคาติ สพฺพมิทํ ตุยฺหํ อุปฎฺฐิตํ หตฺถคตํฯ ทหริกาสีติ ตรุณี จาสิ, ตสฺมา ภุญฺชาหิ กามโภเคฯ เตน การเณน วาเรยฺยํ โหตุ เต ปุตฺตาติ โยชนาฯ

    Rajje āṇāti anikarattassa rajje tava āṇā pavattati. Dhanamissariyanti imasmiṃ kule patikule ca dhanaṃ issariyañca, bhogā sukhā ativiya iṭṭhā bhogāti sabbamidaṃ tuyhaṃ upaṭṭhitaṃ hatthagataṃ. Daharikāsīti taruṇī cāsi, tasmā bhuñjāhi kāmabhoge. Tena kāraṇena vāreyyaṃ hotu te puttāti yojanā.

    เนติ มาตาปิตโรฯ มา เอทิสิกานีติ เอวรูปานิ รเชฺช อาณาทีนิ มา ภวนฺตุฯ กสฺมาติ เจ อาห ‘‘ภควตมสาร’’นฺติอาทิฯ

    Neti mātāpitaro. Mā edisikānīti evarūpāni rajje āṇādīni mā bhavantu. Kasmāti ce āha ‘‘bhagavatamasāra’’ntiādi.

    กิมิวาติ กิมิ วิยฯ ปูติกายนฺติ อิมํ ปูติกเฬวรํฯ สวนคนฺธนฺติ วิสฺสฎฺฐวิสฺสคนฺธํฯ ภยานกนฺติ อวีตราคานํ ภยาวหํฯ กุณปํ อภิสํวิเสยฺยํ ภสฺตนฺติ กุณปภริตํ จมฺมปสิพฺพกํ, อสกิํ ปคฺฆริตํ อสุจิปุณฺณํ นานปฺปการสฺส อสุจิโน ปุณฺณํ หุตฺวา อสกิํ สพฺพกาลํ อธิปคฺฆรนฺตํ ‘‘มม อิท’’นฺติ อภินิเวเสยฺยํฯ

    Kimivāti kimi viya. Pūtikāyanti imaṃ pūtikaḷevaraṃ. Savanagandhanti vissaṭṭhavissagandhaṃ. Bhayānakanti avītarāgānaṃ bhayāvahaṃ. Kuṇapaṃ abhisaṃviseyyaṃ bhastanti kuṇapabharitaṃ cammapasibbakaṃ, asakiṃ paggharitaṃ asucipuṇṇaṃ nānappakārassa asucino puṇṇaṃ hutvā asakiṃ sabbakālaṃ adhipaggharantaṃ ‘‘mama ida’’nti abhiniveseyyaṃ.

    กิมิว ตหํ ชานนฺตี, วิกูลกนฺติ อติวิย ปฎิกฺกูลํ อสุจีหิ มํสเปสีหิ โสณิเตหิ จ อุปลิตฺตํ อเนเกสํ กิมิกุลานํ อาลยํ สกุณานํ ภตฺตภูตํฯ ‘‘กิมิกุลาลสกุณภตฺต’’นฺติปิ ปาโฐ, กิมีนํ อวสิฎฺฐสกุณานญฺจ ภตฺตภูตนฺติ อโตฺถฯ ตํ อหํ กเฬวรํ ชานนฺตี ฐิตาฯ ตํ มํ อิทานิ วาเรยฺยวเสน กิสฺส เกน นาม การเณน ทิยฺยตีติ ทเสฺสติฯ ตสฺส ตญฺจ ทานํ กิมิว กิํ วิย โหตีติ โยชนาฯ

    Kimiva tahaṃ jānantī, vikūlakanti ativiya paṭikkūlaṃ asucīhi maṃsapesīhi soṇitehi ca upalittaṃ anekesaṃ kimikulānaṃ ālayaṃ sakuṇānaṃ bhattabhūtaṃ. ‘‘Kimikulālasakuṇabhatta’’ntipi pāṭho, kimīnaṃ avasiṭṭhasakuṇānañca bhattabhūtanti attho. Taṃ ahaṃ kaḷevaraṃ jānantī ṭhitā. Taṃ maṃ idāni vāreyyavasena kissa kena nāma kāraṇena diyyatīti dasseti. Tassa tañca dānaṃ kimiva kiṃ viya hotīti yojanā.

    นิพฺพุยฺหติ สุสานํ, อจิรํ กาโย อเปตวิญฺญาโณติ อยํ กาโย อจิเรเนว อปคตวิญฺญาโณ สุสานํ นิพฺพุยฺหติ อุปนียติฯ ฉุโทฺธติ ฉฑฺฑิโตฯ กฬิงฺครํ วิยาติ นิรตฺถกกฎฺฐขณฺฑสทิโสฯ ชิคุจฺฉมาเนหิ ญาตีหีติ ญาติชเนหิปิ ชิคุจฺฉมาเนหิฯ

    Nibbuyhati susānaṃ, aciraṃ kāyo apetaviññāṇoti ayaṃ kāyo acireneva apagataviññāṇo susānaṃ nibbuyhati upanīyati. Chuddhoti chaḍḍito. Kaḷiṅgaraṃ viyāti niratthakakaṭṭhakhaṇḍasadiso. Jigucchamānehi ñātīhīti ñātijanehipi jigucchamānehi.

    ฉุทฺธูน นํ สุสาเนติ นํ กเฬวรํ สุสาเน ฉเฑฺฑตฺวาฯ ปรภตฺตนฺติ ปเรสํ โสณสิงฺคาลาทีนํ ภตฺตภูตํฯ นฺหายนฺติ ชิคุจฺฉนฺตาติ ‘‘อิมสฺส ปจฺฉโต อาคตา’’ติ เอตฺตเกนาปิ ชิคุจฺฉมานา สสีสํ นิมุชฺชนฺตา นฺหายนฺติ, ปเคว ผุฎฺฐวโนฺตฯ นิยกา มาตาปิตโรติ อตฺตโน มาตาปิตโรปิฯ กิํ ปน สาธารณา ชนตาติ อิตโร ปน สมูโห ชิคุจฺฉตีติ กิเมว วตฺตพฺพํฯ

    Chuddhūna naṃ susāneti naṃ kaḷevaraṃ susāne chaḍḍetvā. Parabhattanti paresaṃ soṇasiṅgālādīnaṃ bhattabhūtaṃ. Nhāyanti jigucchantāti ‘‘imassa pacchato āgatā’’ti ettakenāpi jigucchamānā sasīsaṃ nimujjantā nhāyanti, pageva phuṭṭhavanto. Niyakā mātāpitaroti attano mātāpitaropi. Kiṃ pana sādhāraṇā janatāti itaro pana samūho jigucchatīti kimeva vattabbaṃ.

    อโชฺฌสิตาติ ตณฺหาวเสน อภินิวิฎฺฐาฯ อสาเรติ นิจฺจสาราทิสารรหิเตฯ

    Ajjhositāti taṇhāvasena abhiniviṭṭhā. Asāreti niccasārādisārarahite.

    วินิพฺภุชิตฺวาติ วิญฺญาณวินิโพฺภคํ กตฺวาฯ คนฺธสฺส อสหมานาติ คนฺธํ อสฺส กายสฺส อสหนฺตีฯ สกาปิ มาตาติ อตฺตโน มาตาปิ ชิคุเจฺฉยฺย โกฎฺฐาสานํ วินิพฺภุชฺชเนน ปฎิกฺกูลภาวาย สุฎฺฐุตรํ อุปฎฺฐหนโตฯ

    Vinibbhujitvāti viññāṇavinibbhogaṃ katvā. Gandhassa asahamānāti gandhaṃ assa kāyassa asahantī. Sakāpi mātāti attano mātāpi jiguccheyya koṭṭhāsānaṃ vinibbhujjanena paṭikkūlabhāvāya suṭṭhutaraṃ upaṭṭhahanato.

    ขนฺธธาตุอายตนนฺติ รูปกฺขนฺธาทโย อิเม ปญฺจกฺขนฺธา, จกฺขุธาตุอาทโย อิมา อฎฺฐารสธาตุโย, จกฺขายตนาทีนิ อิมานิ ทฺวาทสายตนานีติ เอวํ ขนฺธา ธาตุโย อายตนานิ จาติ สพฺพํ อิทํ รูปารูปธมฺมชาตํ สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กตตฺตา สงฺขตํ, ตยิทํ ตสฺมิํ ภเว ปวตฺตมานํ ทุกฺขํ, ชาติปจฺจยตฺตา ชาติมูลกนฺติฯ เอวํ โยนิโส อุปาเยน อนุวิจินนฺตี จินฺตยนฺตี, วาเรยฺยํ วิวาหํ, กิสฺส เกน การเณน อิจฺฉิสฺสามิฯ

    Khandhadhātuāyatananti rūpakkhandhādayo ime pañcakkhandhā, cakkhudhātuādayo imā aṭṭhārasadhātuyo, cakkhāyatanādīni imāni dvādasāyatanānīti evaṃ khandhā dhātuyo āyatanāni cāti sabbaṃ idaṃ rūpārūpadhammajātaṃ samecca sambhuyya paccayehi katattā saṅkhataṃ, tayidaṃ tasmiṃ bhave pavattamānaṃ dukkhaṃ, jātipaccayattā jātimūlakanti. Evaṃ yoniso upāyena anuvicinantī cintayantī, vāreyyaṃ vivāhaṃ, kissa kena kāraṇena icchissāmi.

    ‘‘สีลานิ พฺรหฺมจริยํ, ปพฺพชฺชา ทุกฺกรา’’ติ ยเทตํ มาตาปิตูหิ วุตฺตํ ตสฺส ปฎิวจนํ ทาตุํ ‘‘ทิวเส ทิวเส’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ทิวเส ทิวเส ติสตฺติสตานิ นวนวา ปเตยฺยุํ กายมฺหีติ ทิเน ทิเน ตีณิ สตฺติสตานิ ตาวเทว ปีตนิสิตภาเวน อภินวานิ กายสฺมิํ สมฺปเตยฺยุํฯ วสฺสสตมฺปิ จ ฆาโต เสโยฺยติ นิรนฺตรํ วสฺสสตมฺปิ ปตมาโน ยถาวุโตฺต สตฺติฆาโต เสโยฺยฯ ทุกฺขสฺส เจวํ ขโยติ เอวํ เจ วฎฺฎทุกฺขสฺส ปริกฺขโย ภเวยฺย, เอวํ มหนฺตมฺปิ ปวตฺติทุกฺขํ อธิวาเสตฺวา นิพฺพานาธิคมาย อุสฺสาโห กรณีโยติ อธิปฺปาโยฯ

    ‘‘Sīlāni brahmacariyaṃ, pabbajjā dukkarā’’ti yadetaṃ mātāpitūhi vuttaṃ tassa paṭivacanaṃ dātuṃ ‘‘divase divase’’tiādi vuttaṃ. Tattha divase divase tisattisatāni navanavā pateyyuṃ kāyamhīti dine dine tīṇi sattisatāni tāvadeva pītanisitabhāvena abhinavāni kāyasmiṃ sampateyyuṃ. Vassasatampi ca ghāto seyyoti nirantaraṃ vassasatampi patamāno yathāvutto sattighāto seyyo. Dukkhassa cevaṃ khayoti evaṃ ce vaṭṭadukkhassa parikkhayo bhaveyya, evaṃ mahantampi pavattidukkhaṃ adhivāsetvā nibbānādhigamāya ussāho karaṇīyoti adhippāyo.

    อชฺฌุปคเจฺฉติ สมฺปฎิเจฺฉยฺยฯ เอวนฺติ วุตฺตนเยนฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย ปุคฺคโล อนมตคฺคํ สํสารํ อปริมาณญฺจ วฎฺฎทุกฺขํ ทีเปนฺตํ สตฺถุโน วจนํ วิญฺญาย ฐิโต ยถาวุตฺตํ สตฺติฆาตทุกฺขํ สมฺปฎิเจฺฉยฺย, เตน เจว วฎฺฎทุกฺขสฺส ปริกฺขโย สิยาติฯ เตนาห – ‘‘ทีโฆ เตสํ สํสาโร, ปุนปฺปุนญฺจ หญฺญมานาน’’นฺติ, อปราปรํ ชาติชราพฺยาธิมรณาทีหิ พาธิยมานานนฺติ อโตฺถฯ

    Ajjhupagaccheti sampaṭiccheyya. Evanti vuttanayena. Idaṃ vuttaṃ hoti – yo puggalo anamataggaṃ saṃsāraṃ aparimāṇañca vaṭṭadukkhaṃ dīpentaṃ satthuno vacanaṃ viññāya ṭhito yathāvuttaṃ sattighātadukkhaṃ sampaṭiccheyya, tena ceva vaṭṭadukkhassa parikkhayo siyāti. Tenāha – ‘‘dīgho tesaṃ saṃsāro, punappunañca haññamānāna’’nti, aparāparaṃ jātijarābyādhimaraṇādīhi bādhiyamānānanti attho.

    อสุรกาเยติ กาลกญฺจิกาทิ เปตาสุรนิกาเยฯ ฆาตาติ กายจิตฺตานํ อุปฆาตา วธาฯ

    Asurakāyeti kālakañcikādi petāsuranikāye. Ghātāti kāyacittānaṃ upaghātā vadhā.

    พหูติ ปญฺจวิธพนฺธนาทิกมฺมการณวเสน ปวตฺติยมานา พหู อเนกฆาตาฯ วินิปาตคตสฺสาติ เสสาปายสงฺขาตํ วินิปาตํ อุปคตสฺสาปิฯ ปีฬิยมานสฺสาติ ติรจฺฉานาทิอตฺตภาเว อภิฆาตาทีหิ อาพาธิยมานสฺสฯ เทเวสุปิ อตฺตาณนฺติ เทวตฺตภาเวสุปิ ตาณํ นตฺถิ ราคปริฬาหาทินา สทุกฺขสวิฆาตภาวโตฯ นิพฺพานสุขา ปรํ นตฺถีติ นิพฺพานสุขโต ปรํ อญฺญํ อุตฺตมํ สุขํ นาม นตฺถิ โลกิยสุขสฺส วิปริณามสงฺขารทุกฺขสภาวตฺตา ฯ เตนาห ภควา – ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติ (ธ. ป. ๒๐๓-๒๐๔)ฯ

    Bahūti pañcavidhabandhanādikammakāraṇavasena pavattiyamānā bahū anekaghātā. Vinipātagatassāti sesāpāyasaṅkhātaṃ vinipātaṃ upagatassāpi. Pīḷiyamānassāti tiracchānādiattabhāve abhighātādīhi ābādhiyamānassa. Devesupi attāṇanti devattabhāvesupi tāṇaṃ natthi rāgapariḷāhādinā sadukkhasavighātabhāvato. Nibbānasukhā paraṃnatthīti nibbānasukhato paraṃ aññaṃ uttamaṃ sukhaṃ nāma natthi lokiyasukhassa vipariṇāmasaṅkhāradukkhasabhāvattā . Tenāha bhagavā – ‘‘nibbānaṃ paramaṃ sukha’’nti (dha. pa. 203-204).

    ปตฺตา เต นิพฺพานนฺติ เต นิพฺพานํ ปตฺตาเยว นามฯ อถ วา เตเยว นิพฺพานํ ปตฺตาฯ เย ยุตฺตา ทสพลสฺส ปาวจเนติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน เย ยุตฺตา ปยุตฺตาฯ

    Pattā te nibbānanti te nibbānaṃ pattāyeva nāma. Atha vā teyeva nibbānaṃ pattā. Ye yuttā dasabalassa pāvacaneti sammāsambuddhassa sāsane ye yuttā payuttā.

    นิพฺพินฺนาติ วิรตฺตาฯ เมติ มยาฯ วนฺตสมาติ สุวานวมถุสทิสาฯ ตาลวตฺถุกตาติ ตาลสฺส ปติฎฺฐานสทิสา กตาฯ

    Nibbinnāti virattā. Meti mayā. Vantasamāti suvānavamathusadisā. Tālavatthukatāti tālassa patiṭṭhānasadisā katā.

    อถาติ ปจฺฉา, มาตาปิตูนํ อตฺตโน อชฺฌาสยํ ปเวเทตฺวา อนิกรตฺตสฺส จ อาคตภาวํ สุตฺวาฯ อสิตนิจิตมุทุเกติ อินฺทนีลภมรสมานวณฺณตาย อสิเต, ฆนภาเวน นิจิเต, สิมฺพลิตูลสมสมฺผสฺสตาย มุทุเกฯ เกเส ขเคฺคน ฉินฺทิยาติ อตฺตโน เกเส สุนิสิเตน อสินา ฉินฺทิตฺวาฯ ปาสาทํ ปิทหิตฺวาติ อตฺตโน วสนปาสาเท สิริคพฺภํ ปิธาย, ตสฺส ทฺวารํ ถเกตฺวาติ อโตฺถฯ ปฐมชฺฌานํ สมาปชฺชีติ ขเคฺคน ฉิเนฺน อตฺตโน เกเส ปุรโต ฐเปตฺวา ตตฺถ ปฎิกฺกูลมนสิการํ ปวเตฺตนฺตี ยถาอุปฎฺฐิเต นิมิเตฺต อุปฺปนฺนํ ปฐมํ ฌานํ วสีภาวํ อาปาเทตฺวา สมาปชฺชิฯ

    Athāti pacchā, mātāpitūnaṃ attano ajjhāsayaṃ pavedetvā anikarattassa ca āgatabhāvaṃ sutvā. Asitanicitamuduketi indanīlabhamarasamānavaṇṇatāya asite, ghanabhāvena nicite, simbalitūlasamasamphassatāya muduke. Kese khaggena chindiyāti attano kese sunisitena asinā chinditvā. Pāsādaṃ pidahitvāti attano vasanapāsāde sirigabbhaṃ pidhāya, tassa dvāraṃ thaketvāti attho. Paṭhamajjhānaṃ samāpajjīti khaggena chinne attano kese purato ṭhapetvā tattha paṭikkūlamanasikāraṃ pavattentī yathāupaṭṭhite nimitte uppannaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ vasībhāvaṃ āpādetvā samāpajji.

    สา จ สุเมธา ตหิํ ปาสาเท สมาปนฺนา ฌานนฺติ อธิปฺปาโยฯ อนิจฺจสญฺญํ สุภาเวตีติ ฌานโต วุฎฺฐหิตฺวา ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา ‘‘ยํกิญฺจิ รูป’’นฺติอาทินา (อ. นิ. ๔.๑๘๑; ม. นิ. ๑.๒๔๔; ปฎิ. ม. ๑.๔๘) อนิจฺจานุปสฺสนํ สุฎฺฐุ ภาเวติ, อนิจฺจสญฺญาคหเณเนว เจตฺถ ทุกฺขสญฺญาทีนมฺปิ คหณํ กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Sā ca sumedhā tahiṃ pāsāde samāpannā jhānanti adhippāyo. Aniccasaññaṃ subhāvetīti jhānato vuṭṭhahitvā jhānaṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā ‘‘yaṃkiñci rūpa’’ntiādinā (a. ni. 4.181; ma. ni. 1.244; paṭi. ma. 1.48) aniccānupassanaṃ suṭṭhu bhāveti, aniccasaññāgahaṇeneva cettha dukkhasaññādīnampi gahaṇaṃ katanti veditabbaṃ.

    มณิกนกภูสิตโงฺคติ มณิวิจิเตฺตหิ เหมมาลาลงฺกาเรหิ วิภูสิตคโตฺตฯ

    Maṇikanakabhūsitaṅgoti maṇivicittehi hemamālālaṅkārehi vibhūsitagatto.

    รเชฺช อาณาติอาทิ ยาจิตาการนิทสฺสนํฯ ตตฺถ อาณาติ อาธิปจฺจํฯ อิสฺสริยนฺติ ยโส วิภวสมฺปตฺติฯ โภคา สุขาติ อิฎฺฐา มนาปิยา กามูปโภคาฯ ทหริกาสีติ ตฺวํ อิทานิ ทหรา ตรุณี อสิฯ

    Rajje āṇātiādi yācitākāranidassanaṃ. Tattha āṇāti ādhipaccaṃ. Issariyanti yaso vibhavasampatti. Bhogā sukhāti iṭṭhā manāpiyā kāmūpabhogā. Daharikāsīti tvaṃ idāni daharā taruṇī asi.

    นิสฺสฎฺฐํ เต รชฺชนฺติ มยฺหํ สพฺพมฺปิ ติโยชนิกํ รชฺชํ ตุยฺหํ ปริจฺจตฺตํ, ตํ ปฎิปชฺชิตฺวา โภเค จ ภุญฺชสฺสุ, อยํ มํ กาเมหิเยว นิมเนฺตตีติ มา ทุมฺมนา อโหสิฯ เทหิ ทานานีติ ยถารุจิยา มหนฺตานิ ทานานิ สมณพฺราหฺมเณสุ ปวเตฺตหิ, มาตาปิตโร เต ทุกฺขิตา โทมนสฺสปฺปตฺตา ตว ปพฺพชฺชาธิปฺปายํ สุตฺวา ตสฺมา กาเม ปริภุญฺชนฺตีฯ เตปิ อุปฎฺฐหนฺตี เตสํ จิตฺตํ ทุกฺขา โมเจหีติ เอวเมตฺถ ปทตฺถโยชนา เวทิตพฺพาฯ

    Nissaṭṭhaṃte rajjanti mayhaṃ sabbampi tiyojanikaṃ rajjaṃ tuyhaṃ pariccattaṃ, taṃ paṭipajjitvā bhoge ca bhuñjassu, ayaṃ maṃ kāmehiyeva nimantetīti mā dummanā ahosi. Dehi dānānīti yathāruciyā mahantāni dānāni samaṇabrāhmaṇesu pavattehi, mātāpitaro te dukkhitā domanassappattā tava pabbajjādhippāyaṃ sutvā tasmā kāme paribhuñjantī. Tepi upaṭṭhahantī tesaṃ cittaṃ dukkhā mocehīti evamettha padatthayojanā veditabbā.

    มา กาเม อภินนฺทีติ วตฺถุกาเม กิเลสกาเม มา อภินนฺทิฯ อถ โข เตสุ กาเมสุ อาทีนวํ โทสํ มยฺหํ วจนานุสาเรน ปสฺส ญาณจกฺขุนา โอโลเกหิฯ

    Mā kāme abhinandīti vatthukāme kilesakāme mā abhinandi. Atha kho tesu kāmesu ādīnavaṃ dosaṃ mayhaṃ vacanānusārena passa ñāṇacakkhunā olokehi.

    จาตุทฺทีโปติ ชมฺพุทีปาทีนํ จตุนฺนํ มหาทีปานํ อิสฺสโรฯ มนฺธาตาติ เอวํนาโม ราชา, กามโภคีนํ อโคฺค อคฺคภูโต อาสิฯ เตนาห ภควา – ‘‘ราหุคฺคํ อตฺตภาวีนํ, มนฺธาตา กามโภคิน’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๑๕)ฯ อติโตฺต กาลงฺกโตติ จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ กุมารกีฬาวเสน จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ โอปรชฺชวเสน จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ จกฺกวตฺตี ราชา หุตฺวา เทวโภคสทิเส โภเค ภุญฺชิตฺวา ฉตฺติํสาย สกฺกานํ อายุปฺปมาณกาลํ ตาวติํสภวเน สคฺคสมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวาปิ กาเมหิ อติโตฺตว กาลงฺกโตฯ น จสฺส ปริปูริตา อิจฺฉา อสฺส มนฺธาตุรโญฺญ กาเมสุ อาสา น จ ปริปุณฺณา อาสิฯ

    Cātuddīpoti jambudīpādīnaṃ catunnaṃ mahādīpānaṃ issaro. Mandhātāti evaṃnāmo rājā, kāmabhogīnaṃ aggo aggabhūto āsi. Tenāha bhagavā – ‘‘rāhuggaṃ attabhāvīnaṃ, mandhātā kāmabhogina’’nti (a. ni. 4.15). Atitto kālaṅkatoti caturāsītivassasahassāni kumārakīḷāvasena caturāsītivassasahassāni oparajjavasena caturāsītivassasahassāni cakkavattī rājā hutvā devabhogasadise bhoge bhuñjitvā chattiṃsāya sakkānaṃ āyuppamāṇakālaṃ tāvatiṃsabhavane saggasampattiṃ anubhavitvāpi kāmehi atittova kālaṅkato. Na cassa paripūritā icchā assa mandhāturañño kāmesu āsā na ca paripuṇṇā āsi.

    สตฺต รตนานิ วเสฺสยฺยาติ สตฺตปิ รตนานิ, วุฎฺฐิมา เทโว ทสทิสา พฺยาเปตฺวา, สมเนฺตน สมนฺตโต ปุริสสฺส รุจิวเสน ยทิปิ วเสฺสยฺย, ยถา ตํ มนฺธาตุมหาราชสฺส เอวํ สเนฺตปิ น จตฺถิ ติตฺติ กามานํ, อติตฺตาว มรนฺติ นราฯ เตนาห ภควา – ‘‘น กหาปณวเสฺสน, ติตฺติ กาเมสุ วิชฺชตี’’ติ (ธ. ป. ๑๘๖; ชา. ๑.๓.๒๓)ฯ

    Satta ratanāni vasseyyāti sattapi ratanāni, vuṭṭhimā devo dasadisā byāpetvā, samantena samantato purisassa rucivasena yadipi vasseyya, yathā taṃ mandhātumahārājassa evaṃ santepi na catthi titti kāmānaṃ, atittāva maranti narā. Tenāha bhagavā – ‘‘na kahāpaṇavassena, titti kāmesu vijjatī’’ti (dha. pa. 186; jā. 1.3.23).

    อสิสูนูปมา กามา อธิกุฎฺฎนเฎฺฐน, สปฺปสิโรปมา สปฺปฎิภยเฎฺฐน, อุโกฺกปมา ติณุกฺกูปมา อนุทหนเฎฺฐนฯ เตนาห ‘‘อนุทหนฺตี’’ติฯ อฎฺฐิกงฺกลสนฺนิภา อปฺปสฺสาทเฎฺฐนฯ

    Asisūnūpamā kāmā adhikuṭṭanaṭṭhena, sappasiropamā sappaṭibhayaṭṭhena, ukkopamā tiṇukkūpamā anudahanaṭṭhena. Tenāha ‘‘anudahantī’’ti. Aṭṭhikaṅkalasannibhā appassādaṭṭhena.

    มหาวิสาติ หลาหลาทิมหาวิสสทิสาฯ อฆมูลาติ อฆสฺส ทุกฺขสฺส มูลา การณภูตาฯ เตนาห ‘‘ทุขปฺผลา’’ติฯ

    Mahāvisāti halāhalādimahāvisasadisā. Aghamūlāti aghassa dukkhassa mūlā kāraṇabhūtā. Tenāha ‘‘dukhapphalā’’ti.

    รุกฺขปฺผลูปมา องฺคปจฺจงฺคานํ ผลิภญฺชนเฎฺฐนฯ มํสเปสูปมา พหุสาธารณเฎฺฐนฯ สุปิโนปมา อิตฺตรปจฺจุปฎฺฐานเฎฺฐน มายา วิย ปโลภนโตฯ เตนาห ‘‘วญฺจนิยา’’ติ, วญฺจกาติ อโตฺถฯ ยาจิตกูปมาติ ยาจิตกภณฺฑสทิสา ตาวกาลิกเฎฺฐนฯ

    Rukkhapphalūpamā aṅgapaccaṅgānaṃ phalibhañjanaṭṭhena. Maṃsapesūpamā bahusādhāraṇaṭṭhena. Supinopamā ittarapaccupaṭṭhānaṭṭhena māyā viya palobhanato. Tenāha ‘‘vañcaniyā’’ti, vañcakāti attho. Yācitakūpamāti yācitakabhaṇḍasadisā tāvakālikaṭṭhena.

    สตฺติสูลูปมา วินิวิชฺฌนเฎฺฐนฯ รุชฺชนเฎฺฐน โรโค ทุกฺขตาสุลภตฺตาฯ คโณฺฑ กิเลสาสุจิปคฺฆรณโตฯ ทุกฺขุปฺปาทนเฎฺฐน อฆํฯ มรณสมฺปาปเนน นิฆํฯ องฺคารกาสุสทิสา มหาภิตาปนเฎฺฐนฯ ภยเหตุตาย เจว วธกปหูตตาย จ ภยํ วโธ นาม, กามาติ โยชนาฯ

    Sattisūlūpamā vinivijjhanaṭṭhena. Rujjanaṭṭhena rogo dukkhatāsulabhattā. Gaṇḍo kilesāsucipaggharaṇato. Dukkhuppādanaṭṭhena aghaṃ. Maraṇasampāpanena nighaṃ. Aṅgārakāsusadisā mahābhitāpanaṭṭhena. Bhayahetutāya ceva vadhakapahūtatāya ca bhayaṃ vadho nāma, kāmāti yojanā.

    อกฺขาตา อนฺตรายิกาติ ‘‘สคฺคมคฺคาธิคมสฺส นิพฺพานคามิมคฺคสฺส จ อนฺตรายกรา’’ติ จกฺขุภูเตหิ พุทฺธาทีหิ วุตฺตาฯ คจฺฉถาติ อนิกรตฺตํ สปริสํ วิสฺสเชฺชติฯ

    Akkhātā antarāyikāti ‘‘saggamaggādhigamassa nibbānagāmimaggassa ca antarāyakarā’’ti cakkhubhūtehi buddhādīhi vuttā. Gacchathāti anikarattaṃ saparisaṃ vissajjeti.

    กิํ มม ปโร กริสฺสตีติ ปโร อโญฺญ มม กิํ นาม หิตํ กริสฺสติ อตฺตโน สีสมฺหิ อุตฺตมเงฺค เอกาทสหิ อคฺคีหิ ฑยฺหมาเนฯ เตนาห ‘‘อนุพเนฺธ ชรามรเณ’’ติฯ ตสฺส ชรามรณสฺส สีสฑาหสฺส, ฆาตาย สมุคฺฆาตาย, ฆฎิตพฺพํ วายมิตพฺพํฯ

    Kiṃ mama paro karissatīti paro añño mama kiṃ nāma hitaṃ karissati attano sīsamhi uttamaṅge ekādasahi aggīhi ḍayhamāne. Tenāha ‘‘anubandhe jarāmaraṇe’’ti. Tassa jarāmaraṇassa sīsaḍāhassa, ghātāya samugghātāya, ghaṭitabbaṃ vāyamitabbaṃ.

    ฉมนฺติ ฉมายํฯ อิทมโวจนฺติ อิทํ ‘‘ทีโฆ พาลานํ สํสาโร’’ติอาทิกํ สํเวคสํวตฺตนกํ วจนํ อโวจํฯ

    Chamanti chamāyaṃ. Idamavocanti idaṃ ‘‘dīgho bālānaṃ saṃsāro’’tiādikaṃ saṃvegasaṃvattanakaṃ vacanaṃ avocaṃ.

    ทีโฆ พาลานํ สํสาโรติ กิเลสกมฺมวิปากวฎฺฎภูตานํ ขนฺธายตนาทีนํ ปฎิปาฎิปวตฺติสงฺขาโต สํสาโร อปริญฺญาตวตฺถุกานํ อนฺธพาลานํ ทีโฆ พุทฺธญาเณนปิ อปริจฺฉินฺทนิโยฯ ยถา หิ อนุปจฺฉินฺนตฺตา อวิชฺชาตณฺหานํ อปริจฺฉินฺนตาเยว ภวปพนฺธสฺส ปุพฺพา โกฎิ น ปญฺญายติ, เอวํ ปราปิ โกฎีติฯ ปุนปฺปุนญฺจ โรทตนฺติ อปราปรํ โสกวเสน รุทนฺตานํฯ อิมินาปิ อวิชฺชาตณฺหานํ อนุปจฺฉินฺนตํเยว เตสํ วิภาเวติฯ

    Dīgho bālānaṃ saṃsāroti kilesakammavipākavaṭṭabhūtānaṃ khandhāyatanādīnaṃ paṭipāṭipavattisaṅkhāto saṃsāro apariññātavatthukānaṃ andhabālānaṃ dīgho buddhañāṇenapi aparicchindaniyo. Yathā hi anupacchinnattā avijjātaṇhānaṃ aparicchinnatāyeva bhavapabandhassa pubbā koṭi na paññāyati, evaṃ parāpi koṭīti. Punappunañca rodatanti aparāparaṃ sokavasena rudantānaṃ. Imināpi avijjātaṇhānaṃ anupacchinnataṃyeva tesaṃ vibhāveti.

    อสฺสุ ถญฺญํ รุธิรนฺติ ยํ ญาติพฺยสนาทินา ผุฎฺฐานํ โรทนฺตานํ อสฺสุ จ ทารกกาเล มาตุถนโต ปีตํ ถญฺญญฺจ ยญฺจ ปจฺจตฺถิเกหิ ฆาติตานํ รุธิรํฯ สํสารํ อนมตคฺคโต สํสารสฺส อนุ อมตคฺคตฺตา ญาเณน อนุคนฺตฺวาปิ อมตอคฺคตฺตา อวิทิตคฺคตฺตา อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา สตฺตานํ สํสรตํ, อปราปรํ สํสรนฺตานํ สํสริตํ สราหิ, ตํ ‘‘กีว พหุก’’นฺติ อนุสฺสราหิ, อฎฺฐีนํ สนฺนิจยํ สราหิ อนุสฺสร, อุปธาเรหีติ อโตฺถฯ

    Assu thaññaṃ rudhiranti yaṃ ñātibyasanādinā phuṭṭhānaṃ rodantānaṃ assu ca dārakakāle mātuthanato pītaṃ thaññañca yañca paccatthikehi ghātitānaṃ rudhiraṃ. Saṃsāraṃ anamataggato saṃsārassa anu amataggattā ñāṇena anugantvāpi amataaggattā aviditaggattā iminā dīghena addhunā sattānaṃ saṃsarataṃ, aparāparaṃ saṃsarantānaṃ saṃsaritaṃ sarāhi, taṃ ‘‘kīva bahuka’’nti anussarāhi, aṭṭhīnaṃ sannicayaṃ sarāhi anussara, upadhārehīti attho.

    อิทานิ อาทีนวสฺส พหุภาวญฺจ อุปมาย ทเสฺสตุํ ‘‘สร จตุโรทธี’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ สร จตุโรทธี อุปนีเต อสฺสุถญฺญรุธิรมฺหีติ อิเมสํ สตฺตานํ อนมตคฺคสํสาเร สํสรนฺตานํ เอเกกสฺสปิ อสฺสุมฺหิ ถเญฺญ รุธิรมฺหิ จ ปมาณโต อุปเมตเพฺพ จตุโรทธี จตฺตาโร มหาสมุเทฺท อุปมาวเสน พุเทฺธหิ อุปนีเต สร สราหิฯ เอกกปฺปมฎฺฐีนํ, สญฺจยํ วิปุเลน สมนฺติ เอกสฺส ปุคฺคลสฺส เอกสฺมิํ กเปฺป อฎฺฐีนํ สญฺจยํ เวปุลฺลปพฺพเตน สมํ อุปนีตํ สรฯ วุตฺตมฺปิ เจสํ –

    Idāni ādīnavassa bahubhāvañca upamāya dassetuṃ ‘‘sara caturodadhī’’ti gāthamāha. Tattha sara caturodadhī upanīte assuthaññarudhiramhīti imesaṃ sattānaṃ anamataggasaṃsāre saṃsarantānaṃ ekekassapi assumhi thaññe rudhiramhi ca pamāṇato upametabbe caturodadhī cattāro mahāsamudde upamāvasena buddhehi upanīte sara sarāhi. Ekakappamaṭṭhīnaṃ, sañcayaṃ vipulena samanti ekassa puggalassa ekasmiṃ kappe aṭṭhīnaṃ sañcayaṃ vepullapabbatena samaṃ upanītaṃ sara. Vuttampi cesaṃ –

    ‘‘เอกเสฺสเกน กเปฺปน, ปุคฺคลสฺสฎฺฐิสญฺจโย;

    ‘‘Ekassekena kappena, puggalassaṭṭhisañcayo;

    สิยา ปพฺพตสโม ราสิ, อิติ วุตฺตํ มเหสินาฯ

    Siyā pabbatasamo rāsi, iti vuttaṃ mahesinā.

    ‘‘โส โข ปนายํ อกฺขาโต, เวปุโลฺล ปพฺพโต มหา;

    ‘‘So kho panāyaṃ akkhāto, vepullo pabbato mahā;

    อุตฺตโร คิชฺฌกูฎสฺส, มคธานํ คิริพฺพเช’’ติฯ (สํ. นิ. ๒.๑๓๓);

    Uttaro gijjhakūṭassa, magadhānaṃ giribbaje’’ti. (saṃ. ni. 2.133);

    มหิํ ชมฺพุทีปมุปนีตํฯ โกลฎฺฐิมตฺตคุฬิกา, มาตา มาตุเสฺวว นปฺปโหนฺตีติ ชมฺพุทีโปติสงฺขาตํ มหาปถวิํ โกลฎฺฐิมตฺตา พทรฎฺฐิมตฺตา คุฬิกา กตฺวา ตเตฺถเกกา ‘‘อยํ เม มาตุ, อยํ เม มาตุมาตู’’ติ เอวํ วิภาชิยมาเน ตา คุฬิกา มาตา มาตูเสฺวว นปฺปโหนฺติ, มาตา มาตูสุ อขีณาเสฺวว ปริยนฺติกา ตา คุฬิกา ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คเจฺฉยฺยุํ, น เตฺวว อนมตเคฺค สํสาเร สํสรโต สตฺตสฺส มาตุมาตโรติ ฯ เอวํ ชมฺพุทีปมหิํ สํสารสฺส ทีฆภาเวน อุปมาภาเวน อุปนีตํ มนสิ กโรหีติฯ

    Mahiṃ jambudīpamupanītaṃ. Kolaṭṭhimattaguḷikā, mātā mātusveva nappahontīti jambudīpotisaṅkhātaṃ mahāpathaviṃ kolaṭṭhimattā badaraṭṭhimattā guḷikā katvā tatthekekā ‘‘ayaṃ me mātu, ayaṃ me mātumātū’’ti evaṃ vibhājiyamāne tā guḷikā mātā mātūsveva nappahonti, mātā mātūsu akhīṇāsveva pariyantikā tā guḷikā parikkhayaṃ pariyādānaṃ gaccheyyuṃ, na tveva anamatagge saṃsāre saṃsarato sattassa mātumātaroti . Evaṃ jambudīpamahiṃ saṃsārassa dīghabhāvena upamābhāvena upanītaṃ manasi karohīti.

    ติณกฎฺฐสาขาปลาสนฺติ ติณญฺจ กฎฺฐญฺจ สาขาปลาสญฺจฯ อุปนีตนฺติ อุปมาภาเวน อุปนีตํฯ อนมตคฺคโตติ สํสารสฺส อนมตคฺคภาวโตฯ จตุรงฺคุลิกา ฆฎิกาติ จตุรงฺคุลปฺปมาณานิ ขณฺฑานิฯ ปิตุปิตุเสฺวว นปฺปโหนฺตีติ ปิตุปิตามเหสุ เอว ตา ฆฎิกา นปฺปโหนฺติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิมสฺมิํ โลเก สพฺพํ ติณญฺจ กฎฺฐญฺจ สาขาปลาสญฺจ จตุรงฺคุลิกา กตฺวา ตเตฺถเกกา ‘‘อยํ เม ปิตุ, อยํ เม ปิตามหสฺสา’’ติ วิภาชิยมาเน ตา ฆฎิกาว ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คเจฺฉยฺยุํ, น เตฺวว อนมตเคฺค สํสาเร สํสรโต สตฺตสฺส ปิตุปิตามหาติฯ เอวํ ติณญฺจ กฎฺฐญฺจ สาขาปลาสญฺจ สํสารสฺส ทีฆภาเวน อุปนีตํ สราหีติฯ อิมสฺมิํ ปน ฐาเน –

    Tiṇakaṭṭhasākhāpalāsanti tiṇañca kaṭṭhañca sākhāpalāsañca. Upanītanti upamābhāvena upanītaṃ. Anamataggatoti saṃsārassa anamataggabhāvato. Caturaṅgulikā ghaṭikāti caturaṅgulappamāṇāni khaṇḍāni. Pitupitusveva nappahontīti pitupitāmahesu eva tā ghaṭikā nappahonti. Idaṃ vuttaṃ hoti – imasmiṃ loke sabbaṃ tiṇañca kaṭṭhañca sākhāpalāsañca caturaṅgulikā katvā tatthekekā ‘‘ayaṃ me pitu, ayaṃ me pitāmahassā’’ti vibhājiyamāne tā ghaṭikāva parikkhayaṃ pariyādānaṃ gaccheyyuṃ, na tveva anamatagge saṃsāre saṃsarato sattassa pitupitāmahāti. Evaṃ tiṇañca kaṭṭhañca sākhāpalāsañca saṃsārassa dīghabhāvena upanītaṃ sarāhīti. Imasmiṃ pana ṭhāne –

    ‘‘อนมตโคฺคยํ , ภิกฺขเว, สํสาโร, ปุพฺพา โกฎิ น ปญฺญายติ อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ สนฺธาวตํ สํสรตํฯ ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข พหุตรํ, ยํ วา โว อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา สนฺธาวตํ สํสรตํ อมนาปสมฺปโยคา มนาปวิปฺปโยคา กนฺทนฺตานํ โรทนฺตานํ อสฺสุปสฺสนฺนํ ปคฺฆริตํ, ยํ วา จตูสุ มหาสมุเทฺทสุ อุทก’’นฺติอาทิกา (สํ. นิ. ๒.๑๒๖) – ‘อนมตคฺคปาฬิ’ อาหริตพฺพาฯ

    ‘‘Anamataggoyaṃ , bhikkhave, saṃsāro, pubbā koṭi na paññāyati avijjānīvaraṇānaṃ sattānaṃ taṇhāsaṃyojanānaṃ sandhāvataṃ saṃsarataṃ. Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, katamaṃ nu kho bahutaraṃ, yaṃ vā vo iminā dīghena addhunā sandhāvataṃ saṃsarataṃ amanāpasampayogā manāpavippayogā kandantānaṃ rodantānaṃ assupassannaṃ paggharitaṃ, yaṃ vā catūsu mahāsamuddesu udaka’’ntiādikā (saṃ. ni. 2.126) – ‘anamataggapāḷi’ āharitabbā.

    สร กาณกจฺฉปนฺติ อุภยกฺขิกาณํ กจฺฉปํ อนุสฺสรฯ ปุพฺพสมุเทฺท อปรโต จ ยุคฉิทฺทนฺติ ปุรตฺถิมสมุเทฺท อปรโต จ ปจฺฉิมุตฺตรทกฺขิณสมุเทฺท วาตเวเคน ปริพฺภมนฺตสฺส ยุคสฺส เอกจฺฉิทฺทํฯ สิรํ ตสฺส จ ปฎิมุกฺกนฺติ กาณกจฺฉปสฺส สีสํ ตสฺส จ วสฺสสตสฺส วสฺสสตสฺส อจฺจเยน คีวํ อุกฺขิปนฺตสฺส สีสสฺส ยุคจฺฉิเทฺท ปเวสนญฺจ สรฯ มนุสฺสลาภมฺหิ โอปมฺมนฺติ ตยิทํ สพฺพมฺปิ พุทฺธุปฺปาทธมฺมเทสนาสุ วิย มนุสฺสตฺตลาเภ โอปมฺมํ กตฺวา ปญฺญาย สร, ตสฺส อตีว ทุลฺลภสภาวตฺตํ สารชฺชภยสฺสาปิ อติจฺจสภาวตฺตาฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส มหาสมุเทฺท เอกจฺฉิคฺคฬฺหํ ยุคํ ปกฺขิเปยฺยา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๒๕๒; สํ. นิ. ๕.๑๑๑๗)ฯ

    Sara kāṇakacchapanti ubhayakkhikāṇaṃ kacchapaṃ anussara. Pubbasamudde aparato ca yugachiddanti puratthimasamudde aparato ca pacchimuttaradakkhiṇasamudde vātavegena paribbhamantassa yugassa ekacchiddaṃ. Siraṃ tassa ca paṭimukkanti kāṇakacchapassa sīsaṃ tassa ca vassasatassa vassasatassa accayena gīvaṃ ukkhipantassa sīsassa yugacchidde pavesanañca sara. Manussalābhamhi opammanti tayidaṃ sabbampi buddhuppādadhammadesanāsu viya manussattalābhe opammaṃ katvā paññāya sara, tassa atīva dullabhasabhāvattaṃ sārajjabhayassāpi aticcasabhāvattā. Vuttañhetaṃ – ‘‘seyyathāpi, bhikkhave, puriso mahāsamudde ekacchiggaḷhaṃ yugaṃ pakkhipeyyā’’tiādi (ma. ni. 3.252; saṃ. ni. 5.1117).

    สร รูปํ เผณปิโณฺฑปมสฺสาติ วิมทฺทาสหนโต เผณปิณฺฑสทิสสฺส อเนกานตฺถสนฺนิปาตโต กายสงฺขาตสฺส กลิโน, นิจฺจสาราทิวิรเหน อสารสฺส รูปํ อสุจิทุคฺคนฺธํ เชคุจฺฉปฎิกฺกูลภาวํ สรฯ ขเนฺธ ปสฺส อนิเจฺจติ ปญฺจปิ อุปาทานกฺขเนฺธ หุตฺวา อภาวเฎฺฐน อนิเจฺจ ปสฺส ญาณจกฺขุนา โอโลเกหิฯ สราหิ นิรเย พหุวิฆาเตติ อฎฺฐ มหานิรเย โสฬสอุสฺสทนิรเย จ พหุวิฆาเต พหุทุเกฺข มหาทุเกฺข จ อนุสฺสรฯ

    Sara rūpaṃ pheṇapiṇḍopamassāti vimaddāsahanato pheṇapiṇḍasadisassa anekānatthasannipātato kāyasaṅkhātassa kalino, niccasārādivirahena asārassa rūpaṃ asuciduggandhaṃ jegucchapaṭikkūlabhāvaṃ sara. Khandhe passa anicceti pañcapi upādānakkhandhe hutvā abhāvaṭṭhena anicce passa ñāṇacakkhunā olokehi. Sarāhi niraye bahuvighāteti aṭṭha mahāniraye soḷasaussadaniraye ca bahuvighāte bahudukkhe mahādukkhe ca anussara.

    สร กฎสิํ วเฑฺฒเนฺตติ ปุนปฺปุนํ ตาสุ ตาสุ ชาตีสุ อปราปรํ อุปฺปตฺติยา ปุนปฺปุนํ กฎสิํ สุสานํ อาฬหนเมว วเฑฺฒเนฺต สเตฺต อนุสฺสรฯ ‘‘วฑฺฒโนฺต’’ติ วา ปาฬิ, ตฺวํ วฑฺฒโนฺตติ โยชนาฯ กุมฺภีลภยานีติ อุทรโปสนตฺถํ อกิจฺจการิตาวเสน โอทริกตฺตภยานิฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘กุมฺภีลภยนฺติ โข, ภิกฺขเว, โอทริกตฺตเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๑๒๒)ฯ สราหิ จตฺตาริ สจฺจานีติ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ…เป.… อยํ ทุกฺขนิโรธคามินิปฎิปทา อริยสจฺจ’’นฺติ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ยาถาวโต อนุสฺสร อุปธาเรหิฯ

    Sara kaṭasiṃ vaḍḍhenteti punappunaṃ tāsu tāsu jātīsu aparāparaṃ uppattiyā punappunaṃ kaṭasiṃ susānaṃ āḷahanameva vaḍḍhente satte anussara. ‘‘Vaḍḍhanto’’ti vā pāḷi, tvaṃ vaḍḍhantoti yojanā. Kumbhīlabhayānīti udaraposanatthaṃ akiccakāritāvasena odarikattabhayāni. Vuttañhi ‘‘kumbhīlabhayanti kho, bhikkhave, odarikattassetaṃ adhivacana’’nti (a. ni. 4.122). Sarāhi cattārisaccānīti ‘‘idaṃ dukkhaṃ ariyasaccaṃ…pe… ayaṃ dukkhanirodhagāminipaṭipadā ariyasacca’’nti cattāri ariyasaccāni yāthāvato anussara upadhārehi.

    เอวํ ราชปุตฺตี อเนกาการโวการํ อนุสฺสรณวเสน กาเมสุ สํสาเร จ อาทีนวํ ปกาเสตฺวา อิทานิ พฺยติเรเกนปิ ตํ ปกาเสตุํ ‘‘อมตมฺหิ วิชฺชมาเน’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อมตมฺหิ วิชฺชมาเนติ สมฺมาสมฺพุเทฺธน มหากรุณาย อุปนีเต สทฺธมฺมามเต อุปลพฺภมาเนฯ กิํ ตว ปญฺจกฎุเกน ปีเตนาติ ปริเยสนา ปริคฺคโห อารกฺขา ปริโภโค วิปาโก จาติ ปญฺจสุปิ ฐาเนสุ ติขิณตรทุกฺขานุพนฺธตาย สวิฆาตตฺตา สอุปายาสตฺตา กิํ ตุยฺหํ ปญฺจกฎุเกน ปญฺจกามคุณรเสน ปีเตน? อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ปากฎตรํ กโรนฺตี อาห – ‘‘สพฺพา หิ กามรติโย, กฎุกตรา ปญฺจกฎุเกนา’’ติ , อติวิย กฎุกตราติ อโตฺถฯ

    Evaṃ rājaputtī anekākāravokāraṃ anussaraṇavasena kāmesu saṃsāre ca ādīnavaṃ pakāsetvā idāni byatirekenapi taṃ pakāsetuṃ ‘‘amatamhi vijjamāne’’tiādimāha. Tattha amatamhivijjamāneti sammāsambuddhena mahākaruṇāya upanīte saddhammāmate upalabbhamāne. Kiṃ tava pañcakaṭukena pītenāti pariyesanā pariggaho ārakkhā paribhogo vipāko cāti pañcasupi ṭhānesu tikhiṇataradukkhānubandhatāya savighātattā saupāyāsattā kiṃ tuyhaṃ pañcakaṭukena pañcakāmaguṇarasena pītena? Idāni vuttamevatthaṃ pākaṭataraṃ karontī āha – ‘‘sabbā hi kāmaratiyo, kaṭukatarā pañcakaṭukenā’’ti , ativiya kaṭukatarāti attho.

    เย ปริฬาหาติ เย กามา สมฺปติ กิเลสปริฬาเหน อายติํ วิปากปริฬาเหน จ สปริฬาหา มหาวิฆาตาฯ ชลิตา กุถิตา กมฺปิตา สนฺตาปิตาติ เอกาทสหิ อคฺคีหิ ปชฺชลิตา ปกฺกุถิตา จ หุตฺวา ตํสมงฺคีนํ กมฺปนกา สนฺตาปนกา จฯ

    Ye pariḷāhāti ye kāmā sampati kilesapariḷāhena āyatiṃ vipākapariḷāhena ca sapariḷāhā mahāvighātā. Jalitā kuthitā kampitā santāpitāti ekādasahi aggīhi pajjalitā pakkuthitā ca hutvā taṃsamaṅgīnaṃ kampanakā santāpanakā ca.

    อสปตฺตมฺหีติ สปตฺตรหิเต เนกฺขเมฺมฯ สมาเนติ สเนฺต วิชฺชมาเนฯ ‘‘พหุสปตฺตา’’ติ วตฺวา เยหิ พหู สปตฺตา, เต ทเสฺสตุํ ‘‘ราชคฺคี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ราชูหิ จ อคฺคินา จ โจเรหิ จ อุทเกน จ ทายาทาทิอปฺปิเยหิ จ ราชคฺคิโจรอุทกปฺปิเยหิ สาธารณโต เตเสฺวโวปมา วุตฺตาฯ

    Asapattamhīti sapattarahite nekkhamme. Samāneti sante vijjamāne. ‘‘Bahusapattā’’ti vatvā yehi bahū sapattā, te dassetuṃ ‘‘rājaggī’’tiādi vuttaṃ. Rājūhi ca agginā ca corehi ca udakena ca dāyādādiappiyehi ca rājaggicoraudakappiyehi sādhāraṇato tesvevopamā vuttā.

    เยสุ วธพโนฺธติ เยสุ กาเมสุ กามนิมิตฺตํ มรณโปถนาทิปริกฺกิเลโส อนฺทุพนฺธนาทิพโนฺธ จ โหตีติ อโตฺถฯ กาเมสูติอาทิ วุตฺตเสฺสวตฺถสฺส ปากฎกรณํฯ ตตฺถ หีติ เหตุอเตฺถ นิปาโตฯ ยสฺมา กาเมสุ กามเหตุ อิเม สตฺตา วธพนฺธนทุกฺขานิ อนุภวนฺติ ปาปุณนฺติ, ตสฺมา อาห – ‘‘อสกามา’’ติ, กามา นาเมเต อสโนฺต หีนา ลามกาติ อโตฺถฯ ‘‘อหกามา’’ติ วา ปาโฐ, โส เอวโตฺถฯ อหาติ หิ ลามกปริยาโย ‘‘อหโลกิตฺถิโย นามา’’ติอาทีสุ วิยฯ

    Yesu vadhabandhoti yesu kāmesu kāmanimittaṃ maraṇapothanādiparikkileso andubandhanādibandho ca hotīti attho. Kāmesūtiādi vuttassevatthassa pākaṭakaraṇaṃ. Tattha ti hetuatthe nipāto. Yasmā kāmesu kāmahetu ime sattā vadhabandhanadukkhāni anubhavanti pāpuṇanti, tasmā āha – ‘‘asakāmā’’ti, kāmā nāmete asanto hīnā lāmakāti attho. ‘‘Ahakāmā’’ti vā pāṭho, so evattho. Ahāti hi lāmakapariyāyo ‘‘ahalokitthiyo nāmā’’tiādīsu viya.

    อาทีปิตาติ ปชฺชลิตาฯ ติณุกฺกาติ ติเณหิ กตา อุกฺกาฯ ทหนฺติ เย เต มุญฺจนฺตีติ เย สตฺตา เต กาเม น มุญฺจนฺติ, อญฺญทตฺถุ คณฺหนฺติ, เต ทหนฺติเยว, สมฺปติ อายติญฺจ ฌาเปนฺติฯ

    Ādīpitāti pajjalitā. Tiṇukkāti tiṇehi katā ukkā. Dahanti ye te muñcantīti ye sattā te kāme na muñcanti, aññadatthu gaṇhanti, te dahantiyeva, sampati āyatiñca jhāpenti.

    มา อปฺปกสฺส เหตูติ ปุปฺผสฺสาทสทิสสฺส ปริตฺตกสฺส กามสุขสฺส เหตุ วิปุลํ อุฬารํ ปณีตญฺจ โลกุตฺตรํ สุขํ มา ชหิ มา ฉเฑฺฑหิฯ มา ปุถุโลโมว พฬิสํ คิลิตฺวาติ อามิสโลเภน พฬิสํ คิลิตฺวา พฺยสนํ ปาปุณโนฺต ‘‘ปุถุโลโม’’ติ ลทฺธนาโม มโจฺฉ วิย กาเม อปริจฺจชิตฺวา มา ปจฺฉา วิหญฺญสิ ปจฺฉา วิฆาฎํ อาปชฺชสิฯ

    Mā appakassa hetūti pupphassādasadisassa parittakassa kāmasukhassa hetu vipulaṃ uḷāraṃ paṇītañca lokuttaraṃ sukhaṃ mā jahi mā chaḍḍehi. Mā puthulomova baḷisaṃ gilitvāti āmisalobhena baḷisaṃ gilitvā byasanaṃ pāpuṇanto ‘‘puthulomo’’ti laddhanāmo maccho viya kāme apariccajitvā mā pacchā vihaññasi pacchā vighāṭaṃ āpajjasi.

    สุนโขว สงฺขลาพโทฺธติ ยถา คทฺทุเลน พโทฺธ สุนโข คทฺทุลพเนฺธน ถเมฺภ อุปนิพโทฺธ อญฺญโต คนฺตุํ อสโกฺกโนฺต ตเตฺถว ปริพฺภมติ, เอวํ ตฺวํ กามตณฺหาย พโทฺธ, อิทานิ กามํ ยทิปิ กาเมสุ ตาว ทมสฺสุ อินฺทฺริยานิ ทเมหิฯ กาหินฺติ ขุ ตํ กามา, ฉาตา สุนขํว จณฺฑาลาติ ขูติ นิปาตมตฺตํฯ เต ปน กามา ตํ ตถา กริสฺสนฺติ, ยถา ฉาตชฺฌตฺตา สปากา สุนขํ ลภิตฺวา อนยพฺยสนํ ปาเปนฺตีติ อโตฺถฯ

    Sunakhova saṅkhalābaddhoti yathā gaddulena baddho sunakho gaddulabandhena thambhe upanibaddho aññato gantuṃ asakkonto tattheva paribbhamati, evaṃ tvaṃ kāmataṇhāya baddho, idāni kāmaṃ yadipi kāmesu tāva damassu indriyāni damehi. Kāhinti khu taṃ kāmā, chātā sunakhaṃva caṇḍālāti khūti nipātamattaṃ. Te pana kāmā taṃ tathā karissanti, yathā chātajjhattā sapākā sunakhaṃ labhitvā anayabyasanaṃ pāpentīti attho.

    อปริมิตญฺจ ทุกฺขนฺติ อปริมาณํ ‘‘เอตฺตก’’นฺติ ปริจฺฉินฺทิตุํ อสกฺกุเณยฺยํ นิรยาทีสุ กายิกํ ทุกฺขํฯ พหูนิ จ จิตฺตโทมนสฺสานีติ จิเตฺต ลพฺภมานานิ พหูนิ อเนกานิ โทมนสฺสานิ เจโตทุกฺขานิฯ อนุโภหิสีติ อนุภวิสฺสสิฯ กามยุโตฺตติ กาเมหิ ยุโตฺต, เต อปฺปฎินิสฺสชฺชโนฺตฯ ปฎินิสฺสช อทฺธุเว กาเมติ อทฺธุเวหิ อนิเจฺจหิ กาเมหิ วินิสฺสช อเปหีติ อโตฺถฯ

    Aparimitañca dukkhanti aparimāṇaṃ ‘‘ettaka’’nti paricchindituṃ asakkuṇeyyaṃ nirayādīsu kāyikaṃ dukkhaṃ. Bahūni ca cittadomanassānīti citte labbhamānāni bahūni anekāni domanassāni cetodukkhāni. Anubhohisīti anubhavissasi. Kāmayuttoti kāmehi yutto, te appaṭinissajjanto. Paṭinissaja addhuve kāmeti addhuvehi aniccehi kāmehi vinissaja apehīti attho.

    ชรามรณพฺยาธิคหิตา, สพฺพา สพฺพตฺถ ชาติโยติ ยสฺมา หีนาทิเภทภินฺนา สพฺพตฺถ ภวาทีสุ ชาติโย ชรามรณพฺยาธินา จ คหิตา, เตหิ อปริมุตฺตา, ตสฺมา อชรมฺหิ นิพฺพาเน วิชฺชมาเน ชราทีหิ อปริมุเตฺตหิ กาเมหิ กิํ ตว ปโยชนนฺติ โยชนาฯ

    Jarāmaraṇabyādhigahitā, sabbā sabbattha jātiyoti yasmā hīnādibhedabhinnā sabbattha bhavādīsu jātiyo jarāmaraṇabyādhinā ca gahitā, tehi aparimuttā, tasmā ajaramhi nibbāne vijjamāne jarādīhi aparimuttehi kāmehi kiṃ tava payojananti yojanā.

    เอวํ นิพฺพานคุณทสฺสนมุเขน กาเมสุ ภเวสุ จ อาทีนวํ ปกาเสตฺวา อิทานิ นิพฺพตฺติตํ นิพฺพานคุณเมว ปกาเสนฺตี ‘‘อิทมชร’’นฺติอาทินา เทฺว คาถา อภาสิฯ ตตฺถ อิทมชรนฺติ อิทเมเวกํ อตฺตนิ ชราภาวโต อธิคตสฺส จ ชราภาวเหตุโต อชรํฯ อิทมมรนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อิทมชรามรนฺติ ตทุภยเมกชฺฌํ กตฺวา โถมนาวเสน วทติฯ ปทนฺติ วฎฺฎทุกฺขโต มุจฺจิตุกาเมหิ ปพฺพชิตพฺพโต ปฎิปชฺชิตพฺพโต ปทํฯ โสกเหตูนํ อภาวโต โสกาภาวโต จ อโสกํฯ สปตฺตกรธมฺมาภาวโต อสปตฺตํฯ กิเลสสมฺพาธาภาวโต อสมฺพาธํฯ ขลิตสงฺขาตานํ ทุจฺจริตานํ อภาเวน อขลิตํฯ อตฺตานุวาทาทิภยานํ วฎฺฎภยสฺส จ สพฺพโส อภาวา อภยํฯ ทุกฺขูปตาปสฺส กิเลสสฺสาปิ อภาเวน นิรุปตาปํฯ สพฺพเมตํ อมตมหานิพฺพานเมว สนฺธาย วทติฯ ตญฺหิ สา อนุสฺสวาทิสิเทฺธน อากาเรน อตฺตโน อุปฎฺฐหนฺตี เตสํ ปจฺจกฺขโต ทเสฺสนฺตี วิย ‘‘อิท’’นฺติ อโวจฯ

    Evaṃ nibbānaguṇadassanamukhena kāmesu bhavesu ca ādīnavaṃ pakāsetvā idāni nibbattitaṃ nibbānaguṇameva pakāsentī ‘‘idamajara’’ntiādinā dve gāthā abhāsi. Tattha idamajaranti idamevekaṃ attani jarābhāvato adhigatassa ca jarābhāvahetuto ajaraṃ. Idamamaranti etthāpi eseva nayo. Idamajarāmaranti tadubhayamekajjhaṃ katvā thomanāvasena vadati. Padanti vaṭṭadukkhato muccitukāmehi pabbajitabbato paṭipajjitabbato padaṃ. Sokahetūnaṃ abhāvato sokābhāvato ca asokaṃ. Sapattakaradhammābhāvato asapattaṃ. Kilesasambādhābhāvato asambādhaṃ. Khalitasaṅkhātānaṃ duccaritānaṃ abhāvena akhalitaṃ. Attānuvādādibhayānaṃ vaṭṭabhayassa ca sabbaso abhāvā abhayaṃ. Dukkhūpatāpassa kilesassāpi abhāvena nirupatāpaṃ. Sabbametaṃ amatamahānibbānameva sandhāya vadati. Tañhi sā anussavādisiddhena ākārena attano upaṭṭhahantī tesaṃ paccakkhato dassentī viya ‘‘ida’’nti avoca.

    อวิคตมิทํ พหูหิ อมตนฺติ อิทํ อมตํ นิพฺพานํ พหูหิ อนนฺตอปริมาเณหิ พุทฺธาทีหิ อริเยหิ อธิคตํ ญาตํ อตฺตโน ปจฺจกฺขํ กตํฯ น เกวลํ เตหิ อธิคตเมว สนฺธาย วทติ, อถ โข อชฺชาปิ จ ลภนียํ อิทานิปิ อธิคมนียํ อธิคนฺตุํ สกฺกาฯ เกน ลภนียนฺติ อาห ‘‘โย โยนิโส ปยุญฺชตี’’ติ, โย ปุคฺคโล โยนิโส อุปาเยน สตฺถารา ทินฺนโอวาเท ฐตฺวา ยุญฺชติ สมฺมาปโยคญฺจ กโรติ, เตน ลภนียนฺติ โยชนาฯ น จ สกฺกา อฆฎมาเนนาติ โย ปน โยนิโส น ปยุญฺชติ, เตน อฆฎมาเนน น จ สกฺกา, กทาจิปิ ลทฺธุํ น สกฺกาเยวาติ อโตฺถฯ

    Avigatamidaṃbahūhi amatanti idaṃ amataṃ nibbānaṃ bahūhi anantaaparimāṇehi buddhādīhi ariyehi adhigataṃ ñātaṃ attano paccakkhaṃ kataṃ. Na kevalaṃ tehi adhigatameva sandhāya vadati, atha kho ajjāpi ca labhanīyaṃ idānipi adhigamanīyaṃ adhigantuṃ sakkā. Kena labhanīyanti āha ‘‘yo yoniso payuñjatī’’ti, yo puggalo yoniso upāyena satthārā dinnaovāde ṭhatvā yuñjati sammāpayogañca karoti, tena labhanīyanti yojanā. Na ca sakkā aghaṭamānenāti yo pana yoniso na payuñjati, tena aghaṭamānena na ca sakkā, kadācipi laddhuṃ na sakkāyevāti attho.

    เอวํ ภณติ สุเมธาติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน สุเมธา ราชกญฺญา สํสาเร อตฺตโน สํเวคทีปนิํ กาเมสุ นิเพฺพธภาคินิํ ธมฺมกถํ กเถติฯ สงฺขารคเต รติํ อลภมานาติ อณุมเตฺตปิ สงฺขารปวเตฺต อภิรติํ อวินฺทนฺตีฯ อนุเนนฺตี อนิกรตฺตนฺติ อนิกรตฺตํ ราชานํ สญฺญาเปนฺตีฯ เกเส จ ฉมํ ขิปีติ อตฺตโน ขเคฺคน ฉิเนฺน เกเส จ ภูมิยํ ขิปิ ฉเฑฺฑสิฯ

    Evaṃ bhaṇati sumedhāti evaṃ vuttappakārena sumedhā rājakaññā saṃsāre attano saṃvegadīpaniṃ kāmesu nibbedhabhāginiṃ dhammakathaṃ katheti. Saṅkhāragate ratiṃ alabhamānāti aṇumattepi saṅkhārapavatte abhiratiṃ avindantī. Anunentī anikarattanti anikarattaṃ rājānaṃ saññāpentī. Kese ca chamaṃ khipīti attano khaggena chinne kese ca bhūmiyaṃ khipi chaḍḍesi.

    ยาจตสฺสา ปิตรํ โสติ โส อนิกรโตฺต อสฺสา สุเมธาย ปิตรํ โกญฺจราชานํ ยาจติฯ กินฺติ ยาจตีติ อาห ‘‘วิสฺสเชฺชถ สุเมธํ, ปพฺพชิตุํ วิโมกฺขสจฺจทสฺสา’’ติ, สุเมธํ ราชปุตฺติํ ปพฺพชิตุํ วิสฺสเชฺชถ, สา จ ปพฺพชิตฺวา วิโมกฺขสจฺจทสฺสา อวิปรีตนิพฺพานทสฺสาวินี โหตูติ อโตฺถฯ

    Yācatassā pitaraṃ soti so anikaratto assā sumedhāya pitaraṃ koñcarājānaṃ yācati. Kinti yācatīti āha ‘‘vissajjetha sumedhaṃ, pabbajituṃ vimokkhasaccadassā’’ti, sumedhaṃ rājaputtiṃ pabbajituṃ vissajjetha, sā ca pabbajitvā vimokkhasaccadassā aviparītanibbānadassāvinī hotūti attho.

    โสกภยภีตาติ ญาติวิโยคาทิเหตุโต สพฺพสฺมาปิ สํสารภยโต ภีตา ญาณุตฺตรวเสน อุตฺราสิตาฯ สิกฺขมานายาติ สิกฺขมานาย สมานาย ฉ อภิญฺญา สจฺฉิกตา, ตโต เอว อคฺคผลํ อรหตฺตํ สจฺฉิกตํฯ

    Sokabhayabhītāti ñātiviyogādihetuto sabbasmāpi saṃsārabhayato bhītā ñāṇuttaravasena utrāsitā. Sikkhamānāyāti sikkhamānāya samānāya cha abhiññā sacchikatā, tato eva aggaphalaṃ arahattaṃ sacchikataṃ.

    อจฺฉริยมพฺภุตํ ตํ, นิพฺพานํ อาสิ ราชกญฺญายาติ ราชปุตฺติยา สุเมธาย กิเลเสหิ ปรินิพฺพานํ อจฺฉริยํ อพฺภุตญฺจ อาสิฯ ฉฬภิญฺญาว สิทฺธิยา กถนฺติ เจ ปุเพฺพนิวาสจริตํ, ยถา พฺยากริ ปจฺฉิเม กาเลติ, ปจฺฉิเม ขนฺธปรินิพฺพานกาเล อตฺตโน ปุเพฺพนิวาสปริยาปนฺนจริตํ ยถา พฺยากาสิ, ตถา ตํ ชานิตพฺพนฺติฯ

    Acchariyamabbhutaṃ taṃ, nibbānaṃ āsi rājakaññāyāti rājaputtiyā sumedhāya kilesehi parinibbānaṃ acchariyaṃ abbhutañca āsi. Chaḷabhiññāva siddhiyā kathanti ce pubbenivāsacaritaṃ, yathā byākari pacchime kāleti, pacchime khandhaparinibbānakāle attano pubbenivāsapariyāpannacaritaṃ yathā byākāsi, tathā taṃ jānitabbanti.

    ปุเพฺพนิวาสํ ปน ตาย ยถา พฺยากตํ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ภควติ โกณาคมเน’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ภควติ โกณาคมเนติ โกณาคมเน สมฺมาสมฺพุเทฺธ โลเก อุปฺปเนฺนฯ สงฺฆารามมฺหิ นวนิเวสมฺหีติ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส อภินวนิเวสิเต อาราเมฯ สขิโย ติโสฺส ชนิโย, วิหารทานํ อทาสิมฺหาติ ธนญฺชานี เขมา อหญฺจาติ มยํ ติโสฺส สขิโย อารามํ สงฺฆสฺส วิหารทานํ อทมฺหฯ

    Pubbenivāsaṃ pana tāya yathā byākataṃ, taṃ dassetuṃ ‘‘bhagavati koṇāgamane’’tiādi vuttaṃ. Tattha bhagavati koṇāgamaneti koṇāgamane sammāsambuddhe loke uppanne. Saṅghārāmamhi navanivesamhīti saṅghaṃ uddissa abhinavanivesite ārāme. Sakhiyo tisso janiyo, vihāradānaṃ adāsimhāti dhanañjānī khemā ahañcāti mayaṃ tisso sakhiyo ārāmaṃ saṅghassa vihāradānaṃ adamha.

    ทสกฺขตฺตุํ สตกฺขตฺตุนฺติ ตสฺส วิหารทานสฺส อานุภาเวน ทสวาเร เทเวสุ อุปปชิมฺห, ตโต มนุเสฺสสุ อุปปชฺชิตฺวา ปุน สตกฺขตฺตุํ เทเวสุ อุปปชฺชิมฺห, ตโตปิ มนุเสฺสสุ อุปปชฺชิตฺวา ปุน ทสสตกฺขตฺตุํ สหสฺสวารํ เทเวสุ อุปปชฺชิมฺห, ตโตปิ มนุเสฺสสุ อุปปชฺชิตฺวา ปุน สตานิ สตกฺขตฺตุํ ทสสหสฺสวาเร เทเวสุ อุปปชฺชิมฺห, โก ปน วาโท มนุเสฺสสุฯ เอวํ มนุเสฺสสุ อุปฺปนฺนวาเรสุ กถาว นตฺถิ, อเนกสหสฺสวารํ อุปปชฺชิมฺหาติ อโตฺถฯ

    Dasakkhattuṃ satakkhattunti tassa vihāradānassa ānubhāvena dasavāre devesu upapajimha, tato manussesu upapajjitvā puna satakkhattuṃ devesu upapajjimha, tatopi manussesu upapajjitvā puna dasasatakkhattuṃ sahassavāraṃ devesu upapajjimha, tatopi manussesu upapajjitvā puna satāni satakkhattuṃ dasasahassavāre devesu upapajjimha, ko pana vādo manussesu. Evaṃ manussesu uppannavāresu kathāva natthi, anekasahassavāraṃ upapajjimhāti attho.

    เทเวสุ มหิทฺธิกา อหุมฺหาติ เทเวสุ อุปปนฺนกาเล ตสฺมิํ ตสฺมิํ เทวนิกาเย มหิทฺธิกา มหานุภาวา อหุมฺหฯ มานุสกมฺหิ โก ปน วาโทติ มนุสฺสตฺตลาเภ มหิทฺธิกตาย กถาว นตฺถิฯ อิทานิ ตเมว มนุสฺสตฺตภาเว อุกฺกํสตํ มหิทฺธิกตํ ทเสฺสนฺตี ‘‘สตฺตรตนสฺส มเหสี, อิตฺถิรตนํ อหํ อาสิ’’นฺติ อาหฯ ตตฺถ จกฺกรตนาทีนิ สตฺต รตนานิ เอตสฺส สนฺตีติ สตฺตรตโน, จกฺกวตฺตี, ตสฺส สตฺตรตนสฺสฯ ฉโทสรหิตา ปญฺจกลฺยาณา อติกฺกนฺตมนุสฺสวณฺณา อปตฺตทิพฺพวณฺณาติ เอวมาทิคุณสมนฺนาคเมน อิตฺถีสุ รตนภูตา อหํ อโหสิํฯ

    Devesu mahiddhikā ahumhāti devesu upapannakāle tasmiṃ tasmiṃ devanikāye mahiddhikā mahānubhāvā ahumha. Mānusakamhi ko pana vādoti manussattalābhe mahiddhikatāya kathāva natthi. Idāni tameva manussattabhāve ukkaṃsataṃ mahiddhikataṃ dassentī ‘‘sattaratanassa mahesī, itthiratanaṃ ahaṃ āsi’’nti āha. Tattha cakkaratanādīni satta ratanāni etassa santīti sattaratano, cakkavattī, tassa sattaratanassa. Chadosarahitā pañcakalyāṇā atikkantamanussavaṇṇā apattadibbavaṇṇāti evamādiguṇasamannāgamena itthīsu ratanabhūtā ahaṃ ahosiṃ.

    โส เหตูติ ยํ ตํ โกณาคมนสฺส ภควโต กาเล สงฺฆสฺส วิหารทานํ กตํ, โส ยถาวุตฺตาย ทิพฺพสมฺปตฺติยา จ เหตุฯ โส ปภโว ตํ มูลนฺติ ตเสฺสว ปริยายวจนํฯ สาว สาสเน ขนฺตีติ สา เอว อิธ สตฺถุสาสเน ธเมฺม นิชฺฌานกฺขนฺตีฯ ตํ ปฐมสโมธานนฺติ ตเทว สตฺถุสาสนธเมฺมน ปฐมํ สโมธานํ ปฐโม สมาคโม, ตเทว สตฺถุสาสนธเมฺม อภิรตาย ปริโยสาเน นิพฺพานนฺติ ผลูปจาเรน การณํ วทติฯ อิมา ปน จตโสฺส คาถา เถริยา อปทานสฺส วิภาวนวเสน ปวตฺตตฺตา อปทานปาฬิยมฺปิ สงฺคหํ อาโรปิตาฯ

    So hetūti yaṃ taṃ koṇāgamanassa bhagavato kāle saṅghassa vihāradānaṃ kataṃ, so yathāvuttāya dibbasampattiyā ca hetu. So pabhavo taṃ mūlanti tasseva pariyāyavacanaṃ. Sāva sāsane khantīti sā eva idha satthusāsane dhamme nijjhānakkhantī. Taṃ paṭhamasamodhānanti tadeva satthusāsanadhammena paṭhamaṃ samodhānaṃ paṭhamo samāgamo, tadeva satthusāsanadhamme abhiratāya pariyosāne nibbānanti phalūpacārena kāraṇaṃ vadati. Imā pana catasso gāthā theriyā apadānassa vibhāvanavasena pavattattā apadānapāḷiyampi saṅgahaṃ āropitā.

    โอสานคาถาย เอวํ กโรนฺตีติ ยถา มยา ปุริมตฺตภาเว เอตรหิ จ กตํ ปฎิปนฺนํ, เอวํ อเญฺญปิ กโรนฺติ ปฎิปชฺชนฺติฯ เก เอวํ กโรนฺตีติ อาห – ‘‘เย สทฺทหนฺติ วจนํ อโนมปญฺญสฺสา’’ติ, เญยฺยปริยนฺติกญาณตาย ปริปุณฺณปญฺญสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วจนํ เย ปุคฺคลา สทฺทหนฺติ ‘‘เอวเมต’’นฺติ โอกปฺปนฺติ, เต เอวํ กโรนฺติ ปฎิปชฺชนฺติฯ อิทานิ ตาย อุกฺกํสคตาย ปฎิปตฺติยา ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘นิพฺพินฺทนฺติ ภวคเต, นิพฺพินฺทิตฺวา วิรชฺชนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ – เย ภควโต วจนํ ยาถาวโต สทฺทหนฺติ, เต วิสุทฺธิปฎิปทํ ปฎิปชฺชนฺตา สพฺพสฺมิํ ภวคเต เตภูมเก สงฺขาเร วิปสฺสนาปญฺญาย นิพฺพินฺทนฺติ, นิพฺพินฺทิตฺวา จ ปน อริยมเคฺคน สพฺพโส วิรชฺชนฺติ, สพฺพสฺมาปิ ภวคตา วิมุจฺจนฺตีติ อโตฺถฯ วิราเค อริยมเคฺค อธิคเต วิมุตฺตาเยว โหนฺตีติฯ

    Osānagāthāya evaṃ karontīti yathā mayā purimattabhāve etarahi ca kataṃ paṭipannaṃ, evaṃ aññepi karonti paṭipajjanti. Ke evaṃ karontīti āha – ‘‘ye saddahanti vacanaṃ anomapaññassā’’ti, ñeyyapariyantikañāṇatāya paripuṇṇapaññassa sammāsambuddhassa vacanaṃ ye puggalā saddahanti ‘‘evameta’’nti okappanti, te evaṃ karonti paṭipajjanti. Idāni tāya ukkaṃsagatāya paṭipattiyā taṃ dassetuṃ ‘‘nibbindanti bhavagate, nibbinditvā virajjantī’’ti vuttaṃ. Tassattho – ye bhagavato vacanaṃ yāthāvato saddahanti, te visuddhipaṭipadaṃ paṭipajjantā sabbasmiṃ bhavagate tebhūmake saṅkhāre vipassanāpaññāya nibbindanti, nibbinditvā ca pana ariyamaggena sabbaso virajjanti, sabbasmāpi bhavagatā vimuccantīti attho. Virāge ariyamagge adhigate vimuttāyeva hontīti.

    เอวเมตา เถริกาทโย สุเมธาปริโยสานา คาถาสภาเคน อิธ เอกชฺฌํ สงฺคหํ อารูฬฺหา ‘‘ติสตฺตติปริมาณา’’ติฯ ภาณวารโต ปน ทฺวาธิกา ฉสตมตฺตา เถริโย คาถา จฯ ตา สพฺพาปิ ยถา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาวิกาภาเวน เอกวิธา, ตถา อเสขภาเวน อุกฺขิตฺตปลิฆตาย สํกิณฺณปริกฺขตาย อพฺพูเฬฺหสิกตาย นิรคฺคลตาย ปนฺนภารตาย วิสญฺญุตฺตตาย ทสสุ อริยวาเสสุ วุฎฺฐวาสตาย จ, ตถา หิ ตา ปญฺจงฺควิปฺปหีนา ฉฬงฺคสมนฺนาคตา เอการกฺขา จตุราปเสฺสนา ปณุนฺนปเจฺจกสจฺจา สมวยสเฎฺฐสนา อนาวิลสงฺกปฺปา ปสฺสทฺธกายสงฺขารา สุวิมุตฺตจิตฺตา สุวิมุตฺตปญฺญา จาติ เอวมาทินา (ที. นิ. ๓.๓๖๐) นเยน เอกวิธาฯ

    Evametā therikādayo sumedhāpariyosānā gāthāsabhāgena idha ekajjhaṃ saṅgahaṃ ārūḷhā ‘‘tisattatiparimāṇā’’ti. Bhāṇavārato pana dvādhikā chasatamattā theriyo gāthā ca. Tā sabbāpi yathā sammāsambuddhassa sāvikābhāvena ekavidhā, tathā asekhabhāvena ukkhittapalighatāya saṃkiṇṇaparikkhatāya abbūḷhesikatāya niraggalatāya pannabhāratāya visaññuttatāya dasasu ariyavāsesu vuṭṭhavāsatāya ca, tathā hi tā pañcaṅgavippahīnā chaḷaṅgasamannāgatā ekārakkhā caturāpassenā paṇunnapaccekasaccā samavayasaṭṭhesanā anāvilasaṅkappā passaddhakāyasaṅkhārā suvimuttacittā suvimuttapaññā cāti evamādinā (dī. ni. 3.360) nayena ekavidhā.

    สมฺมุขาปรมฺมุขาเภทโต ทุวิธาฯ ยา หิ สตฺถุธรมานกาเล อริยาย ชาติยา ชาตา มหาปชาปติโคตมิอาทโย, ตา สมฺมุขาสาวิกา นามฯ ยา ปน ภควโต ขนฺธปรินิพฺพานโต ปจฺฉา อธิคตวิเสสา, ตา สติปิ สตฺถุธมฺมสรีรสฺส ปจฺจกฺขภาเว สตฺถุสรีรสฺส อปจฺจกฺขภาวโต ปรมฺมุขาสาวิกา นามฯ ตถา อุภโตภาควิมุตฺติปญฺญาวิมุตฺติตาวเสนฯ อิธ ปาฬิยาคตา ปน อุภโตภาควิมุตฺตาเยวฯ ตถา สาปทานนาปทานเภทโตฯ ยาสญฺหิ ปุริเมสุ สมฺมาสมฺพุเทฺธสุ ปเจฺจกพุเทฺธสุ สาวกพุเทฺธสุ วา ปุญฺญกิริยาวเสน กตาธิการตาสงฺขาตํ อตฺถิ อปทานํ, ตา สาปทานาฯ ยาสํ ตํ นตฺถิ, ตา นาปทานาฯ ตถา สตฺถุลทฺธูปสมฺปทา สงฺฆโต ลทฺธูปสมฺปทาติ ทุวิธาฯ ครุธมฺมปฎิคฺคหณมฺหิ ลทฺธูปสมฺปทา มหาปชาปติโคตมี สตฺถุสนฺติกาว ลทฺธูปสมฺปทตฺตา สตฺถุลทฺธูปสมฺปทา นามฯ เสสา สพฺพาปิ สงฺฆโต ลทฺธูปสมฺปทาฯ ตาปิ เอกโตอุปสมฺปนฺนา อุภโตอุปสมฺปนฺนาติ ทุวิธาฯ ตตฺถ ยา ตา มหาปชาปติโคตมิยา สทฺธิํ นิกฺขนฺตา ปญฺจสตา สากิยานิโย, ตา เอกโตอุปสมฺปนฺนา ภิกฺขุสงฺฆโต เอว ลทฺธูปสมฺปทตฺตา มหาปชาปติโคตมิํ ฐเปตฺวาฯ อิตรา อุภโตอุปสมฺปนฺนา อุภโตสเงฺฆ อุปสมฺปทตฺตาฯ

    Sammukhāparammukhābhedato duvidhā. Yā hi satthudharamānakāle ariyāya jātiyā jātā mahāpajāpatigotamiādayo, tā sammukhāsāvikā nāma. Yā pana bhagavato khandhaparinibbānato pacchā adhigatavisesā, tā satipi satthudhammasarīrassa paccakkhabhāve satthusarīrassa apaccakkhabhāvato parammukhāsāvikā nāma. Tathā ubhatobhāgavimuttipaññāvimuttitāvasena. Idha pāḷiyāgatā pana ubhatobhāgavimuttāyeva. Tathā sāpadānanāpadānabhedato. Yāsañhi purimesu sammāsambuddhesu paccekabuddhesu sāvakabuddhesu vā puññakiriyāvasena katādhikāratāsaṅkhātaṃ atthi apadānaṃ, tā sāpadānā. Yāsaṃ taṃ natthi, tā nāpadānā. Tathā satthuladdhūpasampadā saṅghato laddhūpasampadāti duvidhā. Garudhammapaṭiggahaṇamhi laddhūpasampadā mahāpajāpatigotamī satthusantikāva laddhūpasampadattā satthuladdhūpasampadā nāma. Sesā sabbāpi saṅghato laddhūpasampadā. Tāpi ekatoupasampannā ubhatoupasampannāti duvidhā. Tattha yā tā mahāpajāpatigotamiyā saddhiṃ nikkhantā pañcasatā sākiyāniyo, tā ekatoupasampannā bhikkhusaṅghato eva laddhūpasampadattā mahāpajāpatigotamiṃ ṭhapetvā. Itarā ubhatoupasampannā ubhatosaṅghe upasampadattā.

    เอหิภิกฺขุทุโก วิย เอหิภิกฺขุนิทุโก อิธ น ลพฺภติฯ กสฺมา? ภิกฺขุนีนํ ตถา อุปสมฺปทาย อภาวโตฯ ยทิ เอวํ ยํ ตํ เถริคาถาย สุภทฺทาย กุณฺฑลเกสาย วุตฺตํ –

    Ehibhikkhuduko viya ehibhikkhuniduko idha na labbhati. Kasmā? Bhikkhunīnaṃ tathā upasampadāya abhāvato. Yadi evaṃ yaṃ taṃ therigāthāya subhaddāya kuṇḍalakesāya vuttaṃ –

    ‘‘นิหจฺจ ชาณุํ วนฺทิตฺวา, สมฺมุขา อญฺชลิํ อกํ;

    ‘‘Nihacca jāṇuṃ vanditvā, sammukhā añjaliṃ akaṃ;

    เอหิ ภเทฺทติ มํ อวจ, สา เม อาสูปสมฺปทา’’ติฯ (เถรีคา. ๑๐๙);

    Ehi bhaddeti maṃ avaca, sā me āsūpasampadā’’ti. (therīgā. 109);

    ตถา อปทาเนปิ –

    Tathā apadānepi –

    ‘‘อายาจิโต ตทา อาห, เอหิ ภเทฺทติ นายโก;

    ‘‘Āyācito tadā āha, ehi bhaddeti nāyako;

    ตทาหํ อุปสมฺปนฺนา, ปริตฺตํ โตยมทฺทส’’นฺติฯ (อป. เถรี ๒.๓.๔๔);

    Tadāhaṃ upasampannā, parittaṃ toyamaddasa’’nti. (apa. therī 2.3.44);

    ตํ กถนฺติ? นยิทํ เอหิภิกฺขุนิภาเวน อุปสมฺปทํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อุปสมฺปทาย ปน เหตุภาวโต ยา สตฺถุ อาณตฺติ, สา เม อาสูปสมฺปทาติ วุตฺตํฯ

    Taṃ kathanti? Nayidaṃ ehibhikkhunibhāvena upasampadaṃ sandhāya vuttaṃ. Upasampadāya pana hetubhāvato yā satthu āṇatti, sā me āsūpasampadāti vuttaṃ.

    ตถา หิ วุตฺตํ อฎฺฐกถายํ ‘‘เอหิ, ภเทฺท, ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ปพฺพชฺช อุปสมฺปชฺชสฺสูติ มํ อโวจ อาณาเปสิฯ สา สตฺถุ อาณา มยฺหํ อุปสมฺปทาย การณตฺตา อุปสมฺปทา อโหสี’’ติฯ เอเตเนว อปทานคาถายปิ อโตฺถ สํวณฺณิโตติ ทฎฺฐโพฺพฯ

    Tathā hi vuttaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘ehi, bhadde, bhikkhunupassayaṃ gantvā bhikkhunīnaṃ santike pabbajja upasampajjassūti maṃ avoca āṇāpesi. Sā satthu āṇā mayhaṃ upasampadāya kāraṇattā upasampadā ahosī’’ti. Eteneva apadānagāthāyapi attho saṃvaṇṇitoti daṭṭhabbo.

    เอวมฺปิ ภิกฺขุนิวิภเงฺค เอหิ ภิกฺขุนีติ อิทํ กถนฺติ? เอหิภิกฺขุนิภาเวน ภิกฺขุนีนํ อุปสมฺปทาย อสภาวโชตนวจนํ ตถา อุปสมฺปทาย ภิกฺขุนีนํ อภาวโตฯ ยทิ เอวํ, กถํ เอหิภิกฺขุนีติ วิภเงฺค นิเทฺทโส กโตติ? เทสนานยโสตปติตภาเวนฯ อยญฺหิ โสตปติตตา นาม กตฺถจิ ลพฺภมานสฺสาปิ อนาหฎํ โหติฯ

    Evampi bhikkhunivibhaṅge ehi bhikkhunīti idaṃ kathanti? Ehibhikkhunibhāvena bhikkhunīnaṃ upasampadāya asabhāvajotanavacanaṃ tathā upasampadāya bhikkhunīnaṃ abhāvato. Yadi evaṃ, kathaṃ ehibhikkhunīti vibhaṅge niddeso katoti? Desanānayasotapatitabhāvena. Ayañhi sotapatitatā nāma katthaci labbhamānassāpi anāhaṭaṃ hoti.

    ยถา อภิธเมฺม มโนธาตุนิเทฺทเส (ธ. ส. ๕๖๖-๕๖๗) ลพฺภมานมฺปิ ฌานงฺคํ ปญฺจวิญฺญาณโสตปติตตาย น อุทฺธฎํ กตฺถจิ เทสนาย อสมฺภวโตฯ ยถา ตเตฺถว วตฺถุนิเทฺทเส หทยวตฺถุ, กตฺถจิ อลพฺภมานสฺสาปิ คหณวเสนฯ ตถา ฐิตกปฺปินิเทฺทเสฯ ยถาห –

    Yathā abhidhamme manodhātuniddese (dha. sa. 566-567) labbhamānampi jhānaṅgaṃ pañcaviññāṇasotapatitatāya na uddhaṭaṃ katthaci desanāya asambhavato. Yathā tattheva vatthuniddese hadayavatthu, katthaci alabbhamānassāpi gahaṇavasena. Tathā ṭhitakappiniddese. Yathāha –

    ‘‘กตโม จ ปุคฺคโล ฐิตกปฺปี? อยญฺจ ปุคฺคโล โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปโนฺน อสฺส, กปฺปสฺส จ อุฑฺฑยฺหนเวลา อสฺส, เนว ตาว กโปฺป อุฑฺฑเยฺหยฺย, ยาวายํ ปุคฺคโล น โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกโรตี’’ติ (ปุ. ป. ๑๗)ฯ

    ‘‘Katamo ca puggalo ṭhitakappī? Ayañca puggalo sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipanno assa, kappassa ca uḍḍayhanavelā assa, neva tāva kappo uḍḍayheyya, yāvāyaṃ puggalo na sotāpattiphalaṃ sacchikarotī’’ti (pu. pa. 17).

    เอวมิธาปิ อลพฺภมานคหณวเสน เวทิตพฺพํ, ปริกปฺปวจนเญฺหตํ สเจ ภควา ภิกฺขุนิภาวโยคฺยํ กญฺจิ มาตุคามํ เอหิ ภิกฺขุนีติ วเทยฺย, เอวมฺปิ ภิกฺขุนิภาโว สิยาติฯ กสฺมา ปน ภควา เอวํ น กเถสีติ? ตถา กตาธิการานํ อภาวโตฯ เย ปน ‘‘อนาสนฺนสนฺนิหิตภาวโต’’ติ การณํ วตฺวา ‘‘ภิกฺขู เอว หิ สตฺถุ อาสนฺนจารี สทา สนฺนิหิตาว, ตสฺมา เต ‘เอหิภิกฺขู’ติ วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ, น ภิกฺขุนิโย’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํฯ สตฺถุ อาสนฺนทูรภาวสฺส ภพฺพาภพฺพภาวาสิทฺธตฺตาฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –

    Evamidhāpi alabbhamānagahaṇavasena veditabbaṃ, parikappavacanañhetaṃ sace bhagavā bhikkhunibhāvayogyaṃ kañci mātugāmaṃ ehi bhikkhunīti vadeyya, evampi bhikkhunibhāvo siyāti. Kasmā pana bhagavā evaṃ na kathesīti? Tathā katādhikārānaṃ abhāvato. Ye pana ‘‘anāsannasannihitabhāvato’’ti kāraṇaṃ vatvā ‘‘bhikkhū eva hi satthu āsannacārī sadā sannihitāva, tasmā te ‘ehibhikkhū’ti vattabbataṃ arahanti, na bhikkhuniyo’’ti vadanti, taṃ tesaṃ matimattaṃ. Satthu āsannadūrabhāvassa bhabbābhabbabhāvāsiddhattā. Vuttañhetaṃ bhagavatā –

    ‘‘สงฺฆาฎิกเณฺณ เจปิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คเหตฺวา ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพโนฺธ อสฺส ปเท ปทํ นิกฺขิปโนฺต, โส จ โหติ อภิชฺฌาลุ กาเมสุ ติพฺพสาราโค พฺยาปนฺนจิโตฺต ปทุฎฺฐมนสงฺกโปฺป มุฎฺฐสฺสติ อสมฺปชาโน อสมาหิโต วิพฺภนฺตจิโตฺต ปากตินฺทฺริโย , อถ โข โส อารกาว มยฺหํ, อหญฺจ ตสฺสฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ธมฺมญฺหิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ปสฺสติ, ธมฺมํ อปสฺสโนฺต น มํ ปสฺสติฯ

    ‘‘Saṅghāṭikaṇṇe cepi, bhikkhave, bhikkhu gahetvā piṭṭhito piṭṭhito anubandho assa pade padaṃ nikkhipanto, so ca hoti abhijjhālu kāmesu tibbasārāgo byāpannacitto paduṭṭhamanasaṅkappo muṭṭhassati asampajāno asamāhito vibbhantacitto pākatindriyo , atha kho so ārakāva mayhaṃ, ahañca tassa. Taṃ kissa hetu? Dhammañhi so, bhikkhave, bhikkhu na passati, dhammaṃ apassanto na maṃ passati.

    ‘‘โยชนสเต เจปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิหเรยฺยฯ โส จ โหติ อนภิชฺฌาลุ กาเมสุ น ติพฺพสาราโค อพฺยาปนฺนจิโตฺต อปฺปทุฎฺฐมนสงฺกโปฺป อุปฎฺฐิตสฺสติ สมฺปชาโน สมาหิโต เอกคฺคจิโตฺต สํวุตินฺทฺริโย, อถ โข โส สนฺติเกว มยฺหํ, อหญฺจ ตสฺสฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ธมฺมญฺหิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปสฺสติ, ธมฺมํ ปสฺสโนฺต มํ ปสฺสตี’’ติ (อิติวุ. ๙๒)ฯ

    ‘‘Yojanasate cepi so, bhikkhave, bhikkhu vihareyya. So ca hoti anabhijjhālu kāmesu na tibbasārāgo abyāpannacitto appaduṭṭhamanasaṅkappo upaṭṭhitassati sampajāno samāhito ekaggacitto saṃvutindriyo, atha kho so santikeva mayhaṃ, ahañca tassa. Taṃ kissa hetu? Dhammañhi so, bhikkhave, bhikkhu passati, dhammaṃ passanto maṃ passatī’’ti (itivu. 92).

    ตสฺมา อการณํ เทสโต สตฺถุ อาสนฺนานาสนฺนตาฯ อกตาธิการตาย ปน ภิกฺขุนีนํ ตตฺถ อโยคฺยตาฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘เอหิภิกฺขุนิทุโก อิธ น ลพฺภตี’’ติฯ เอวํ ทุวิธาฯ

    Tasmā akāraṇaṃ desato satthu āsannānāsannatā. Akatādhikāratāya pana bhikkhunīnaṃ tattha ayogyatā. Tena vuttaṃ – ‘‘ehibhikkhuniduko idha na labbhatī’’ti. Evaṃ duvidhā.

    อคฺคสาวิกา, มหาสาวิกา, ปกติสาวิกาติ ติวิธาฯ ตตฺถ เขมา, อุปฺปลวณฺณาติ อิมา เทฺว เถริโย อคฺคสาวิกา นามฯ กามํ สพฺพาปิ ขีณาสวเตฺถริโย สีลสุทฺธิอาทิเก สมฺปาเทนฺติโย จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ สุปฎฺฐิตจิตฺตา สตฺตโพชฺฌเงฺค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา มคฺคปฎิปาฎิยา อนวเสสโต กิเลเส เขเปตฺวา อคฺคผเล ปติฎฺฐหนฺติฯ ตถาปิ ยถา สทฺธาวิมุตฺตโต ทิฎฺฐิปฺปตฺตสฺส ปญฺญาวิมุตฺตโต จ อุภโตภาควิมุตฺตสฺส ปุพฺพภาคภาวนาวิเสสสิโทฺธ อิจฺฉิโต วิเสโส, เอวํ อภินีหารมหนฺตตาปุพฺพโยคมหนฺตตาหิสสนฺตาเน สาติสยคุณวิเสสสฺส นิปฺผาทิตตฺตา สีลาทีหิ คุเณหิ มหนฺตา สาวิกาติ มหาสาวิกาฯ เตสุเยว ปน โพธิปกฺขิยธเมฺมสุ ปาโมกฺขภาเวน ธุรภูตานํ สมฺมาทิฎฺฐิสมฺมาสมาธีนํ สาติสยกิจฺจานุภาวนิพฺพตฺติยา การณภูตาย ตชฺชาภินีหารตาย สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ จิรกาลสมฺภูตาย สมฺมาปฎิปตฺติยา ยถากฺกมํ ปญฺญาย สมาธิมฺหิ จ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺติยา สวิเสสํ สพฺพคุเณหิ อคฺคภาเว ฐิตตฺตา ตา เทฺวปิ อคฺคสาวิกา นามฯ มหาปชาปติโคตมิอาทโย ปน อภินีหารมหนฺตตาย ปุพฺพโยคมหนฺตตาย จ ปฎิลทฺธคุณวิเสสวเสน มหติโย สาวิกาติ มหาสาวิกา นามฯ อิตรา เถริกา ติสฺสา วีรา ธีราติ เอวมาทิกา อภินีหารมหนฺตตาทีนํ อภาเวน ปกติสาวิกา นามฯ ตา ปน อคฺคสาวิกา วิย มหาสาวิกา วิย จ น ปริมิตา, อถ โข อเนกสตานิ อเนกสหสฺสานิ เวทิตพฺพานิฯ เอวํ อคฺคสาวิกาทิเภทโต ติวิธาฯ ตถา สุญฺญตวิโมกฺขาทิเภทโต ติวิธาฯ

    Aggasāvikā, mahāsāvikā, pakatisāvikāti tividhā. Tattha khemā, uppalavaṇṇāti imā dve theriyo aggasāvikā nāma. Kāmaṃ sabbāpi khīṇāsavattheriyo sīlasuddhiādike sampādentiyo catūsu satipaṭṭhānesu supaṭṭhitacittā sattabojjhaṅge yathābhūtaṃ bhāvetvā maggapaṭipāṭiyā anavasesato kilese khepetvā aggaphale patiṭṭhahanti. Tathāpi yathā saddhāvimuttato diṭṭhippattassa paññāvimuttato ca ubhatobhāgavimuttassa pubbabhāgabhāvanāvisesasiddho icchito viseso, evaṃ abhinīhāramahantatāpubbayogamahantatāhisasantāne sātisayaguṇavisesassa nipphāditattā sīlādīhi guṇehi mahantā sāvikāti mahāsāvikā. Tesuyeva pana bodhipakkhiyadhammesu pāmokkhabhāvena dhurabhūtānaṃ sammādiṭṭhisammāsamādhīnaṃ sātisayakiccānubhāvanibbattiyā kāraṇabhūtāya tajjābhinīhāratāya sakkaccaṃ nirantaraṃ cirakālasambhūtāya sammāpaṭipattiyā yathākkamaṃ paññāya samādhimhi ca ukkaṃsapāramippattiyā savisesaṃ sabbaguṇehi aggabhāve ṭhitattā tā dvepi aggasāvikā nāma. Mahāpajāpatigotamiādayo pana abhinīhāramahantatāya pubbayogamahantatāya ca paṭiladdhaguṇavisesavasena mahatiyo sāvikāti mahāsāvikā nāma. Itarā therikā tissā vīrā dhīrāti evamādikā abhinīhāramahantatādīnaṃ abhāvena pakatisāvikā nāma. Tā pana aggasāvikā viya mahāsāvikā viya ca na parimitā, atha kho anekasatāni anekasahassāni veditabbāni. Evaṃ aggasāvikādibhedato tividhā. Tathā suññatavimokkhādibhedato tividhā.

    ปฎิปทาทิวิภาเคน จตุพฺพิธาฯ อินฺทฺริยาธิกวิภาเคน ปญฺจวิธาฯ ตถา ปฎิปตฺติยาทิวิภาเคน ปญฺจวิธาฯ อนิมิตฺตวิมุตฺตาทิวเสน ฉพฺพิธาฯ อธิมุตฺติเภเทน สตฺตวิธาฯ ธุรปฎิปทาทิวิภาเคน อฎฺฐวิธาฯ วิมุตฺติวิภาเคน นววิธา ทสวิธา จฯ ตา ปเนตา ยถาวุเตฺตน ธุรเภเทน วิภชฺชมานา วีสติ โหนฺติ, ปฎิปทาวิภาเคน วิภชฺชมานา จตฺตาลีส โหนฺติฯ ปุน ปฎิปทาเภเทน ธุรเภเทน วิภชฺชมานา อสีติ โหนฺติฯ อถ วา สุญฺญตาวิมุตฺตาทิวิภาเคน วิภชฺชมานา จตฺตาลีสาธิกานิ เทฺวสตานิ โหนฺติฯ ปุน อินฺทฺริยาธิกวิภาเคน วิภชฺชมานา ทฺวิสตุตฺตรสหสฺสํ โหนฺตีติฯ เอวเมตาสํ เถรีนํ อตฺตโน คุณวเสเนว อเนกเภทภินฺนตา เวทิตพฺพาฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน เหฎฺฐา เถรคาถาสํวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว คเหตโพฺพติฯ

    Paṭipadādivibhāgena catubbidhā. Indriyādhikavibhāgena pañcavidhā. Tathā paṭipattiyādivibhāgena pañcavidhā. Animittavimuttādivasena chabbidhā. Adhimuttibhedena sattavidhā. Dhurapaṭipadādivibhāgena aṭṭhavidhā. Vimuttivibhāgena navavidhā dasavidhā ca. Tā panetā yathāvuttena dhurabhedena vibhajjamānā vīsati honti, paṭipadāvibhāgena vibhajjamānā cattālīsa honti. Puna paṭipadābhedena dhurabhedena vibhajjamānā asīti honti. Atha vā suññatāvimuttādivibhāgena vibhajjamānā cattālīsādhikāni dvesatāni honti. Puna indriyādhikavibhāgena vibhajjamānā dvisatuttarasahassaṃ hontīti. Evametāsaṃ therīnaṃ attano guṇavaseneva anekabhedabhinnatā veditabbā. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana heṭṭhā theragāthāsaṃvaṇṇanāyaṃ vuttanayeneva gahetabboti.

    สุเมธาเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sumedhātherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    มหานิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mahānipātavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๑. สุเมธาเถรีคาถา • 1. Sumedhātherīgāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact