Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๕. สุนกฺขตฺตสุตฺตวณฺณนา

    5. Sunakkhattasuttavaṇṇanā

    ๕๕. เหฎฺฐิมมเคฺคหิ ญาตมริยาทาย ปชานนโต อญฺญา, มคฺคปญฺญาฯ ตสฺส ผลภาวโต อคฺคผลปญฺญา, ตํสหคตา สมฺมาสงฺกปฺปาทโย จ ‘‘อญฺญา’’ติ วุตฺตาติ อาห ‘‘อญฺญาติ อรหตฺต’’นฺติฯ จตูหิ ปเทหิ กถิตา, ‘‘ปริจิณฺณา เม ภควา’’ติอาทีสุ วิย น เอกปเทเนวฯ ‘‘โลกุตฺตโร ธโมฺม อธิคโต มยา’’ติ มญฺญนามตฺตํ อธิมาโนติ ทเสฺสโนฺต, ‘‘อปฺปเตฺต ปตฺตสญฺญิโน’’ติอาทิมาหฯ

    55. Heṭṭhimamaggehi ñātamariyādāya pajānanato aññā, maggapaññā. Tassa phalabhāvato aggaphalapaññā, taṃsahagatā sammāsaṅkappādayo ca ‘‘aññā’’ti vuttāti āha ‘‘aññāti arahatta’’nti. Catūhi padehi kathitā, ‘‘pariciṇṇā me bhagavā’’tiādīsu viya na ekapadeneva. ‘‘Lokuttaro dhammo adhigato mayā’’ti maññanāmattaṃ adhimānoti dassento, ‘‘appatte pattasaññino’’tiādimāha.

    ๕๖. อิทํ ฐานนฺติ อิทํ โอภาสาทิสมฺมุติเหตุภูตํ อุฬารตรํ อุทยพฺพยญาณํฯ อุฬารตรภาเวน หิ ตํ มคฺคผลปญฺญาย ปจฺจโย หุตฺวา ยาถาวโต ทุพฺพิเญฺญยฺยตาย วิปสฺสกํ วิสํวาเทติฯ เตนาห ‘‘อวิภูตํ อนฺธการ’’นฺติฯ อิมํ ปญฺหนฺติ อิมํ สุตฺตํ คมฺภีรํ โลกุตฺตรปฎิสํยุตฺตํ อตฺตนา ญาตุํ อิจฺฉิตํ อตฺถํฯ อุคฺคเหตฺวาติ เกวลํ ปิฎกสมฺปาทนวเสเนว อุคฺคณฺหิตฺวาฯ เตนาห ‘‘อชานิตฺวา’’ติฯ วิเสวมานาติ กิเลสวิเส อวมาเนนฺตา, สาสนสฺส วา อนุปการวิรูปปจฺจเย เสวมานาฯ เอวมสฺสาติ เอวํ วุตฺตนเยน เตสํ กรณเหตุ อสฺส จิตฺตสฺส ธมฺมเทสนาวเสน ปวตฺตสฺสฯ อญฺญถาภาโว อเทเสตุกามตา โหตินฺติ ยถาวุตฺตมตฺถํ สนฺธายเอตนฺติ ‘‘ตสฺสปิ โหติ อญฺญถตฺต’’นฺติ เอวํ วุตฺตํฯ

    56.Idaṃ ṭhānanti idaṃ obhāsādisammutihetubhūtaṃ uḷārataraṃ udayabbayañāṇaṃ. Uḷāratarabhāvena hi taṃ maggaphalapaññāya paccayo hutvā yāthāvato dubbiññeyyatāya vipassakaṃ visaṃvādeti. Tenāha ‘‘avibhūtaṃ andhakāra’’nti. Imaṃ pañhanti imaṃ suttaṃ gambhīraṃ lokuttarapaṭisaṃyuttaṃ attanā ñātuṃ icchitaṃ atthaṃ. Uggahetvāti kevalaṃ piṭakasampādanavaseneva uggaṇhitvā. Tenāha ‘‘ajānitvā’’ti. Visevamānāti kilesavise avamānentā, sāsanassa vā anupakāravirūpapaccaye sevamānā. Evamassāti evaṃ vuttanayena tesaṃ karaṇahetu assa cittassa dhammadesanāvasena pavattassa. Aññathābhāvo adesetukāmatā hoti. Tanti yathāvuttamatthaṃ sandhāya. Etanti ‘‘tassapi hoti aññathatta’’nti evaṃ vuttaṃ.

    ๕๘. กิเลเสหิ อามสียตีติ อามิสํ, โลเกปริยาปนฺนํ อามิสนฺติ อิธ ปญฺจ กามคุณา อธิเปฺปตาติ เตสุ วฎฺฎามิสภาเวปิ ลภิเต กามามิสภาโว สิโทฺธติ อาห – ‘‘วฎฺฎามิสกามามิสโลกามิสภูเตสู’’ติฯ กามคุณา หิ วฎฺฎสฺส วฑฺฒนโต วฎฺฎามิสํ, กาเมตพฺพโต กามตณฺหาย อามสิตพฺพโต กามามิสํ, เยภูยฺยโต สตฺตโลกสฺส อามิสภาวโต โลกามิสํฯ กามคุณสภาคาติ กามคุณานุโลมา กามคุณปฎิสํยุตฺตาฯ อาเนญฺชสมาปตฺติปฎิสํยุตฺตายาติ กิเลสิญฺชนรหิตตาย อิธ อาเนญฺชาติ อธิเปฺปตาหิ เหฎฺฐิมาหิ อรูปสมาปตฺตีหิ ปฎิสํยุตฺตายฯ เอวรูโปติ โลกามิสภูเตสุ ปจฺจเยสุ อธิมุโตฺต ตนฺนิโนฺน ตคฺครุโก ตปฺปพฺภาโรฯ เอตฺตาวตาติ เอวํ สทฺธานํ มนุสฺสานํ ทสฺสเนน เตสํ ปวตฺติตาสเยน จฯ สีสํ นิกฺขนฺตํ โหตีติ ลาภาสาย สีสํ พหิ นิกฺขนฺตํ วิย โหติฯ อุทรํ ผลิตนฺติ อติพหุภณฺฑํ ปกฺขิปิยมานํ ปสิพฺพกํ วิย ลทฺธพฺพสฺส อติปหูตภาเวน อุทรํ ผีตํ โหติฯ

    58. Kilesehi āmasīyatīti āmisaṃ, lokepariyāpannaṃ āmisanti idha pañca kāmaguṇā adhippetāti tesu vaṭṭāmisabhāvepi labhite kāmāmisabhāvo siddhoti āha – ‘‘vaṭṭāmisakāmāmisalokāmisabhūtesū’’ti. Kāmaguṇā hi vaṭṭassa vaḍḍhanato vaṭṭāmisaṃ, kāmetabbato kāmataṇhāya āmasitabbato kāmāmisaṃ, yebhūyyato sattalokassa āmisabhāvato lokāmisaṃ. Kāmaguṇasabhāgāti kāmaguṇānulomā kāmaguṇapaṭisaṃyuttā. Āneñjasamāpattipaṭisaṃyuttāyāti kilesiñjanarahitatāya idha āneñjāti adhippetāhi heṭṭhimāhi arūpasamāpattīhi paṭisaṃyuttāya. Evarūpoti lokāmisabhūtesu paccayesu adhimutto tanninno taggaruko tappabbhāro. Ettāvatāti evaṃ saddhānaṃ manussānaṃ dassanena tesaṃ pavattitāsayena ca. Sīsaṃ nikkhantaṃ hotīti lābhāsāya sīsaṃ bahi nikkhantaṃ viya hoti. Udaraṃ phalitanti atibahubhaṇḍaṃ pakkhipiyamānaṃ pasibbakaṃ viya laddhabbassa atipahūtabhāvena udaraṃ phītaṃ hoti.

    ๕๙. ยถา ปุริมา เทฺว อรูปสมาปตฺติโย อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลเสหิ อนิญฺชนโต ‘‘อนิญฺชา’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวํ อิตราปิฯ ตํ ปวุตฺตนฺติ โลกามิสสํโยชนํ วิคตํฯ

    59. Yathā purimā dve arūpasamāpattiyo attano paccanīkakilesehi aniñjanato ‘‘aniñjā’’ti vuccanti, evaṃ itarāpi. Taṃ pavuttanti lokāmisasaṃyojanaṃ vigataṃ.

    ๖๐. นิฆํสนฺติ ‘‘เอตฺตโก อย’’นฺติ ปริเจฺฉทนฺติ อโตฺถฯ สิเลเสนาติ จมฺมการสิเลสาทิสิเลเสน, วชิรเลปสิเลเส วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ ตํ ภินฺนนฺติ อาเนญฺชสํโยชนํ ภินฺนํ วิธมิตํ สมติกฺกนฺตํ ตาสุ สมาปตฺตีสุ อเปกฺขาภาวโตฯ อชฺฌาสเยน อสมฺพทฺธตฺตา วุตฺตํ – ‘‘เทฺวธาภินฺนา เสลา วิย โหตี’’ติฯ เตนาห – ‘‘ตํ สมาปชฺชิสฺสามีติ จิตฺตํ น อุปฺปชฺชตี’’ติฯ

    60.Nighaṃsanti ‘‘ettako aya’’nti paricchedanti attho. Silesenāti cammakārasilesādisilesena, vajiralepasilese vattabbameva natthi. Taṃ bhinnanti āneñjasaṃyojanaṃ bhinnaṃ vidhamitaṃ samatikkantaṃ tāsu samāpattīsu apekkhābhāvato. Ajjhāsayena asambaddhattā vuttaṃ – ‘‘dvedhābhinnā selā viya hotī’’ti. Tenāha – ‘‘taṃ samāpajjissāmīti cittaṃ na uppajjatī’’ti.

    ๖๑. วนฺตนฺติ ฉฑฺฑิตํ, วิสฺสฎฺฐนฺติ อโตฺถฯ

    61.Vantanti chaḍḍitaṃ, vissaṭṭhanti attho.

    ๖๒. อุปริสมาปตฺติลาภิโนติ เอตฺถ อุปริสมาปตฺตีติ อรหตฺตผลสมาปตฺติ อธิเปฺปตา, อรหโต จ มคฺคาธิคเมเนว อนาคามิผลสมาปตฺติ, เสกฺขานํ วิสยา เหฎฺฐิมา ผลสมาปตฺติโย ปฎิปฺปสฺสทฺธาฯ โลกิยา ปน นิกนฺติปฺปหาเนน ปฎินิสฺสฎฺฐาติ อาห – ‘‘เหฎฺฐา…เป.… น อุปฺปชฺชตี’’ติฯ

    62.Uparisamāpattilābhinoti ettha uparisamāpattīti arahattaphalasamāpatti adhippetā, arahato ca maggādhigameneva anāgāmiphalasamāpatti, sekkhānaṃ visayā heṭṭhimā phalasamāpattiyo paṭippassaddhā. Lokiyā pana nikantippahānena paṭinissaṭṭhāti āha – ‘‘heṭṭhā…pe… na uppajjatī’’ti.

    ๖๓. ‘‘ปญฺจ โข อิเม, สุนกฺขตฺต, กามคุณา’’ติอาทินา อารทฺธเทสนา, ‘‘สมฺมา นิพฺพานาธิมุโตฺต ปุริสปุคฺคโล’’ติ อรหตฺตกิตฺตเนน นิฎฺฐาปิตาติ ตโต ปรํ, ‘‘ฐานํ โข ปนา’’ติอาทิกา เทสนา, ‘‘ปาฎิเยโกฺก อนุสนฺธี’’ติ วุตฺตาฯ เตนาห ‘‘เหฎฺฐา หี’’ติอาทิฯ ตตฺถ ยถา ขีณาสวสฺส สมาปตฺติลาภิโนติ โยชนา, เอวํ วา ขีณาสวสฺส สุกฺขวิปสฺสกสฺสาติ โยเชตพฺพาฯ ปฎิกฺขิตฺตํ อฎฺฐกถายํฯ ตสฺส ปฎิเกฺขปสฺส การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘สมาปตฺติลาภิโน หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยถา สุกฺขวิปสฺสโก อธิมานิโก สมาปตฺติลาภิโน สมานโยคกฺขโม อปฺปเตฺต ปตฺตสญฺญิตาย เภทาภาวโต, เอวํ สุกฺขวิปสฺสโก ขีณาสโว สมานโยคกฺขโม ขีณาสวภาเวน วิเสสาภาวโต, ตสฺมา ‘‘สมาปตฺติลาภิมฺหิ กถิเต อิตโรปิ กถิโตว โหตี’’ติ วุตฺตํฯ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนนฺติ สมาปตฺติลาภิโน อธิมานิกสฺส ขีณาสวสฺส จฯ เตเนวาห ‘‘ปุถุชฺชนสฺส ตาวา’’ติอาทิฯ

    63. ‘‘Pañca kho ime, sunakkhatta, kāmaguṇā’’tiādinā āraddhadesanā, ‘‘sammā nibbānādhimutto purisapuggalo’’ti arahattakittanena niṭṭhāpitāti tato paraṃ, ‘‘ṭhānaṃ kho panā’’tiādikā desanā, ‘‘pāṭiyekko anusandhī’’ti vuttā. Tenāha ‘‘heṭṭhā hī’’tiādi. Tattha yathā khīṇāsavassa samāpattilābhinoti yojanā, evaṃ vā khīṇāsavassa sukkhavipassakassāti yojetabbā. Paṭikkhittaṃ aṭṭhakathāyaṃ. Tassa paṭikkhepassa kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘samāpattilābhino hī’’tiādi vuttaṃ. Yathā sukkhavipassako adhimāniko samāpattilābhino samānayogakkhamo appatte pattasaññitāya bhedābhāvato, evaṃ sukkhavipassako khīṇāsavo samānayogakkhamo khīṇāsavabhāvena visesābhāvato, tasmā ‘‘samāpattilābhimhi kathite itaropi kathitova hotī’’ti vuttaṃ. Dvinnaṃ bhikkhūnanti samāpattilābhino adhimānikassa khīṇāsavassa ca. Tenevāha ‘‘puthujjanassa tāvā’’tiādi.

    ยทเคฺคนาติ เยน ภาเคนฯ ยทิปิ ขีณาสวสฺส อสปฺปายารมฺมณํ กิเลสานํ อุปฺปตฺติยา ปจฺจโย น โหติ เตสํ สพฺพโส สมุจฺฉินฺนตฺตาฯ สนฺตวิหารปริปโนฺถ ปน สิยา วิสภาคโตติ วุตฺตํ – ‘‘ขีณาสวสฺสปิ อสปฺปายเมวา’’ติฯ เตนาห – ‘‘วิสํ นาม…เป.… วิสเมวา’’ติฯ เอเตน ‘‘ยถา วิสชานนํ อปฺปมาณํ, วิการุปฺปาทนโต ปน ตํ ปริหริตพฺพํ, เอวํ ปริญฺญาตมฺปิ วตฺตุ อตฺถวิเสสาภาเวน เอกรูปเมวาติ ตํ ปริหริตพฺพเมวา’’ติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิฯ น หิ อสํวุเตน ภวิตพฺพํ อสารุปฺปภาวโตฯ ยุตฺตปยุเตฺตเนวาติ สภาคารมฺมณสฺส อาโลกนาทีสุ ยุเตฺตเนว ภวิตุํ วฎฺฎติ

    Yadaggenāti yena bhāgena. Yadipi khīṇāsavassa asappāyārammaṇaṃ kilesānaṃ uppattiyā paccayo na hoti tesaṃ sabbaso samucchinnattā. Santavihāraparipantho pana siyā visabhāgatoti vuttaṃ – ‘‘khīṇāsavassapi asappāyamevā’’ti. Tenāha – ‘‘visaṃ nāma…pe… visamevā’’ti. Etena ‘‘yathā visajānanaṃ appamāṇaṃ, vikāruppādanato pana taṃ pariharitabbaṃ, evaṃ pariññātampi vattu atthavisesābhāvena ekarūpamevāti taṃ pariharitabbamevā’’ti dasseti. Tenāha ‘‘na hī’’tiādi. Na hi asaṃvutena bhavitabbaṃ asāruppabhāvato. Yuttapayuttenevāti sabhāgārammaṇassa ālokanādīsu yutteneva bhavituṃ vaṭṭati.

    ๖๔. ยตฺถ สยํ นิปตติ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส สนฺตานสฺส วิปฺปสนฺนวเสน รุปฺปนโต, วิสสงฺขาตสฺส ทุกฺขสฺส มูลภาวโต จ ‘‘อวิชฺชาสงฺขาโต วิสโทโส’’ติ วุตฺตํฯ รุปฺปตีติ กตฺตพฺพาทิมุจฺฉาปาทเนน วิการํ อุปฺปาเทติฯ อนุทฺธํเสยฺยาติ วิพาเธยฺยฯ ราโค หิ อุปฺปชฺชมาโนว กุสลจิตฺตปฺปวตฺติยา โอกาสํ อเทโนฺต ตํ วิพาธติ; ตถาภูโต สทฺธาสิเนหสฺส สมถวิปสฺสนาภิวุฑฺฒิยา วมเนน จ ตํ วิโสเสติ มิลาเปติฯ เตนาห ‘‘โสเสยฺย มิลาเปยฺยา’’ติฯ สคหณเสสนฺติ คเหตพฺพวิสํ สาวเสสํ กตฺวาติ อโตฺถฯ น อลํ น สมตฺถนฺติ อนลํฯ สูกปริยาโย ปาฬิยํ วุโตฺต สุก-สโทฺทติ อาห – ‘‘วีหิสุกาทิ จ สูก’’นฺติฯ

    64. Yattha sayaṃ nipatati uppajjati, tassa santānassa vippasannavasena ruppanato, visasaṅkhātassa dukkhassa mūlabhāvato ca ‘‘avijjāsaṅkhāto visadoso’’ti vuttaṃ. Ruppatīti kattabbādimucchāpādanena vikāraṃ uppādeti. Anuddhaṃseyyāti vibādheyya. Rāgo hi uppajjamānova kusalacittappavattiyā okāsaṃ adento taṃ vibādhati; tathābhūto saddhāsinehassa samathavipassanābhivuḍḍhiyā vamanena ca taṃ visoseti milāpeti. Tenāha ‘‘soseyya milāpeyyā’’ti. Sagahaṇasesanti gahetabbavisaṃ sāvasesaṃ katvāti attho. Na alaṃ na samatthanti analaṃ. Sūkapariyāyo pāḷiyaṃ vutto suka-saddoti āha – ‘‘vīhisukādi ca sūka’’nti.

    สอุปาทานสลฺลุทฺธาโร วิย อปฺปหีโน อวิชฺชาวิสโทโส ทฎฺฐโพฺพ มหานตฺถุปฺปาทนโตฯ อสปฺปาย…เป.… อสํวุตกาโล ทฎฺฐโพฺพ อตฺตภาวสฺส อปริหรณภาวโตฯ มรณํ วิย สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตนํ อธิสีลสงฺขาตสฺส อายุโน อเปตตฺตาฯ มรณมตฺตํ ทุกฺขํ วิย อาปตฺติยา อาปชฺชนํ ยถาวุตฺตสฺส อายุโน อุปปีฬนกภาวโตฯ อิมินาว นเยน โอปมฺมสํสนฺทนนฺติ เอตฺถ อนุปาทิเสสสลฺลุทฺธาโร วิย ปหีโน อวิชฺชาวิสโทโส; สปฺปาย…เป.… สุสํวุตกาโล, ตทุภเยน วเณ ปุถุตฺตํ น คเต มรณาภาโว วิย สิกฺขาย อปจฺจกฺขานํ, มรณมตฺตทุกฺขาภาโว วิย อญฺญตราย สํกิลิฎฺฐาย อาปตฺติยา อนาปชฺชนนฺติ โยชนา เวทิตพฺพาฯ

    Saupādānasalluddhāroviya appahīno avijjāvisadoso daṭṭhabbo mahānatthuppādanato. Asappāya…pe… asaṃvutakālo daṭṭhabbo attabhāvassa apariharaṇabhāvato. Maraṇaṃ viya sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattanaṃ adhisīlasaṅkhātassa āyuno apetattā. Maraṇamattaṃ dukkhaṃ viya āpattiyā āpajjanaṃ yathāvuttassa āyuno upapīḷanakabhāvato. Imināva nayena opammasaṃsandananti ettha anupādisesasalluddhāro viya pahīno avijjāvisadoso; sappāya…pe… susaṃvutakālo, tadubhayena vaṇe puthuttaṃ na gate maraṇābhāvo viya sikkhāya apaccakkhānaṃ, maraṇamattadukkhābhāvo viya aññatarāya saṃkiliṭṭhāya āpattiyā anāpajjananti yojanā veditabbā.

    ๖๕. สติยาติ เอตฺถ ยสฺมา ‘‘อริยายา’’ติ น วิเสสิตนฺติ อาห – ‘‘สติ ปญฺญาคติกา’’ติอาทิฯ ปญฺญา เจตฺถ โลกิยา อธิเปฺปตา, น โลกุตฺตราติ อาห – ‘‘ปริสุทฺธาย วิปสฺสนาปญฺญายา’’ติฯ

    65.Satiyāti ettha yasmā ‘‘ariyāyā’’ti na visesitanti āha – ‘‘sati paññāgatikā’’tiādi. Paññā cettha lokiyā adhippetā, na lokuttarāti āha – ‘‘parisuddhāya vipassanāpaññāyā’’ti.

    ขีณาสวสฺส พลนฺติ อุฬารตเมสุ ทิพฺพสทิเสสุปิ อารมฺมเณสุ มนจฺฉฎฺฐานํ อินฺทฺริยานํ อนุปนมนเหตุภูตํ สุสํวุตการิสงฺขาตํ ขีณาสวพลํ ทเสฺสโนฺต, ‘‘สํวุตการี’’ติ วุตฺตํ, อุกฺกํสคตสติเวปุลฺลตฺตา ยถา อสํวรสฺส อสํวโร โหติ, เอวํ สติสมฺปชญฺญพเลน จกฺขาทิทฺวารานิ สํวริตฺวา ทสฺสนาทิกิจฺจการีฯ เอวํ ชานิตฺวาติ ‘‘อุปธิ ทุกฺขสฺส มูล’’นฺติ เอวํ วิปสฺสนาปญฺญาสหิตาย มคฺคปญฺญาย ชานิตฺวาฯ อุปธียติ ทุกฺขํ เอเตหีติ อุปธี, กิเลสาติ อาห – ‘‘กิเลสุปธิปหานา นิรุปธี’’ติฯ ตโต เอว อุปาทียติ ทุกฺขํ เอเตหีติ กิเลสา ‘‘อุปาทานา’’ติปิ วุจฺจนฺตีติ อาห – ‘‘นิรุปาทาโนติ อโตฺถ’’ติฯ อุปธี สมฺมเทว ขียนฺติ เอตฺตาติ อุปธิสงฺขโย, นิพฺพานนฺติ อาห – ‘‘อุปธีนํ สงฺขยภูเต นิพฺพาเน’’ติฯ อารมฺมณโตติ อารมฺมณํ กตฺวา ตทารมฺมณาย ผลวิมุตฺติยา วิมุโตฺตฯ กามุปธิสฺมิํ กายํ อุปสํหริสฺสตีติ ‘‘กาเมเสวิสฺสามี’’ติ ตตฺถ กายํ อุปนาเมสฺสติ; กายูปสํหาโร ตาว ติฎฺฐตุ, ตถา จิตฺตํ วา อุปฺปาเทสฺสตีติ เอตํ การณํ นตฺถีติฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Khīṇāsavassa balanti uḷāratamesu dibbasadisesupi ārammaṇesu manacchaṭṭhānaṃ indriyānaṃ anupanamanahetubhūtaṃ susaṃvutakārisaṅkhātaṃ khīṇāsavabalaṃ dassento, ‘‘saṃvutakārī’’ti vuttaṃ, ukkaṃsagatasativepullattā yathā asaṃvarassa asaṃvaro hoti, evaṃ satisampajaññabalena cakkhādidvārāni saṃvaritvā dassanādikiccakārī. Evaṃ jānitvāti ‘‘upadhi dukkhassa mūla’’nti evaṃ vipassanāpaññāsahitāya maggapaññāya jānitvā. Upadhīyati dukkhaṃ etehīti upadhī, kilesāti āha – ‘‘kilesupadhipahānā nirupadhī’’ti. Tato eva upādīyati dukkhaṃ etehīti kilesā ‘‘upādānā’’tipi vuccantīti āha – ‘‘nirupādānoti attho’’ti. Upadhī sammadeva khīyanti ettāti upadhisaṅkhayo, nibbānanti āha – ‘‘upadhīnaṃ saṅkhayabhūte nibbāne’’ti. Ārammaṇatoti ārammaṇaṃ katvā tadārammaṇāya phalavimuttiyā vimutto. Kāmupadhismiṃ kāyaṃ upasaṃharissatīti ‘‘kāmesevissāmī’’ti tattha kāyaṃ upanāmessati; kāyūpasaṃhāro tāva tiṭṭhatu, tathā cittaṃ vā uppādessatīti etaṃ kāraṇaṃ natthīti. Sesaṃ suviññeyyameva.

    สุนกฺขตฺตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Sunakkhattasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๕. สุนกฺขตฺตสุตฺตํ • 5. Sunakkhattasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๕. สุนกฺขตฺตสุตฺตวณฺณนา • 5. Sunakkhattasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact