Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๗. สตฺตกนิปาโต

    7. Sattakanipāto

    ๑. สุนฺทรสมุทฺทเตฺถรคาถาวณฺณนา

    1. Sundarasamuddattheragāthāvaṇṇanā

    สตฺตกนิปาเต อลงฺกตาติอาทิกา อายสฺมโต สุนฺทรสมุทฺทเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินิตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห อญฺญตรสฺส มหาวิภวสฺส เสฎฺฐิโน ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ สมุโทฺทติสฺส นามํ อโหสิฯ รูปสมฺปตฺติยา ปน สุนฺทรสมุโทฺทติ ปญฺญายิตฺถฯ โส ปฐมวเย ฐิโต ภควโต ราชคหปฺปเวเส พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา, ปฎิลทฺธสโทฺธ นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ปพฺพชิตฺวา, ลทฺธูปสมฺปโท สมาทินฺนธุตธโมฺม ราชคหโต สาวตฺถิํ คนฺตฺวา, กลฺยาณมิตฺตสฺส สนฺติเก วิปสฺสนาจารํ อุคฺคเหตฺวา, กมฺมฎฺฐานํ อนุยุญฺชโนฺต วิหรติฯ ตสฺส มาตา ราชคเห อุสฺสวทิวเส อเญฺญ เสฎฺฐิปุเตฺต สปชาปติเก อลงฺกตปฎิยเตฺต อุสฺสวกีฬํ กีฬเนฺต ทิสฺวา, ปุตฺตํ อนุสฺสริตฺวา โรทติฯ ตํ ทิสฺวา อญฺญตรา คณิกา โรทนการณํ ปุจฺฉิฯ สา ตสฺสา ตํ การณํ กเถสิฯ ตํ สุตฺวา คณิกา ‘‘อหํ ตํ อาเนสฺสามิ, ปสฺส ตาว มม อิตฺถิภาว’’นฺติ วตฺวา ‘‘ยทิ เอวํ ตํเยว ตสฺส ปชาปติํ กตฺวา อิมสฺส กุลสฺส สามินิํ กริสฺสามี’’ติ ตาย พหุํ ธนํ ทตฺวา , วิสฺสชฺชิตา มหตา ปริวาเรน สาวตฺถิํ คนฺตฺวา, เถรสฺส ปิณฺฑาย วิจรณฎฺฐาเน เอกสฺมิํ เคเห วสมานา ทิวเส ทิวเส อเญฺญหิ เถรสฺส สกฺกจฺจํ ปิณฺฑปาตํ ทาเปสิฯ อลงฺกตปฎิยตฺตา จ หุตฺวา สุวณฺณปาทุกา อารุยฺห อตฺตานํ ทเสฺสสิฯ อเถกทิวสํ เคหทฺวาเรน คจฺฉนฺตํ เถรํ ทิสฺวา, สุวณฺณปาทุกา โอมุญฺจิตฺวา, อญฺชลิํ ปคฺคยฺห ปุรโต คจฺฉนฺตี นานปฺปการํ เถรํ กามนิมนฺตนาย นิมเนฺตสิฯ ตํ สุตฺวา เถโร ‘‘ปุถุชฺชนจิตฺตํ นาม จญฺจลํ, ยํนูน มยา อิทาเนว อุสฺสาโห กรณีโย’’ติ ตเตฺถว ฐิโต ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ –

    Sattakanipāte alaṅkatātiādikā āyasmato sundarasamuddattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinitvā imasmiṃ buddhuppāde rājagahe aññatarassa mahāvibhavassa seṭṭhino putto hutvā nibbatti. Samuddotissa nāmaṃ ahosi. Rūpasampattiyā pana sundarasamuddoti paññāyittha. So paṭhamavaye ṭhito bhagavato rājagahappavese buddhānubhāvaṃ disvā, paṭiladdhasaddho nissaraṇajjhāsayatāya pabbajitvā, laddhūpasampado samādinnadhutadhammo rājagahato sāvatthiṃ gantvā, kalyāṇamittassa santike vipassanācāraṃ uggahetvā, kammaṭṭhānaṃ anuyuñjanto viharati. Tassa mātā rājagahe ussavadivase aññe seṭṭhiputte sapajāpatike alaṅkatapaṭiyatte ussavakīḷaṃ kīḷante disvā, puttaṃ anussaritvā rodati. Taṃ disvā aññatarā gaṇikā rodanakāraṇaṃ pucchi. Sā tassā taṃ kāraṇaṃ kathesi. Taṃ sutvā gaṇikā ‘‘ahaṃ taṃ ānessāmi, passa tāva mama itthibhāva’’nti vatvā ‘‘yadi evaṃ taṃyeva tassa pajāpatiṃ katvā imassa kulassa sāminiṃ karissāmī’’ti tāya bahuṃ dhanaṃ datvā , vissajjitā mahatā parivārena sāvatthiṃ gantvā, therassa piṇḍāya vicaraṇaṭṭhāne ekasmiṃ gehe vasamānā divase divase aññehi therassa sakkaccaṃ piṇḍapātaṃ dāpesi. Alaṅkatapaṭiyattā ca hutvā suvaṇṇapādukā āruyha attānaṃ dassesi. Athekadivasaṃ gehadvārena gacchantaṃ theraṃ disvā, suvaṇṇapādukā omuñcitvā, añjaliṃ paggayha purato gacchantī nānappakāraṃ theraṃ kāmanimantanāya nimantesi. Taṃ sutvā thero ‘‘puthujjanacittaṃ nāma cañcalaṃ, yaṃnūna mayā idāneva ussāho karaṇīyo’’ti tattheva ṭhito bhāvanaṃ ussukkāpetvā chaḷabhiñño ahosi. Taṃ sandhāya vuttaṃ –

    ๔๕๙.

    459.

    ‘‘อลงฺกตา สุวสนา, มาลธารี วิภูสิตา;

    ‘‘Alaṅkatā suvasanā, māladhārī vibhūsitā;

    อลตฺตกกตาปาทา, ปาทุการุยฺห เวสิกาฯ

    Alattakakatāpādā, pādukāruyha vesikā.

    ๔๖๐.

    460.

    ‘‘ปาทุกา โอรุหิตฺวาน, ปุรโต ปญฺชลีกตา;

    ‘‘Pādukā oruhitvāna, purato pañjalīkatā;

    สา มํ สเณฺหน มุทุนา, มฺหิตปุพฺพํ อภาสถฯ

    Sā maṃ saṇhena mudunā, mhitapubbaṃ abhāsatha.

    ๔๖๑.

    461.

    ‘‘‘ยุวาสิ ตฺวํ ปพฺพชิโต, ติฎฺฐาหิ มม สาสเน;

    ‘‘‘Yuvāsi tvaṃ pabbajito, tiṭṭhāhi mama sāsane;

    ภุญฺช มานุสเก กาเม, อหํ วิตฺตํ ททามิ เต;

    Bhuñja mānusake kāme, ahaṃ vittaṃ dadāmi te;

    สจฺจํ เต ปฎิชานามิ, อคฺคิํ วา เต หรามหํฯ

    Saccaṃ te paṭijānāmi, aggiṃ vā te harāmahaṃ.

    ๔๖๒.

    462.

    ‘‘‘ยทา ชิณฺณา ภวิสฺสาม, อุโภ ทณฺฑปรายนา;

    ‘‘‘Yadā jiṇṇā bhavissāma, ubho daṇḍaparāyanā;

    อุโภปิ ปพฺพชิสฺสาม, อุภยตฺถ กฎคฺคโห’’’ฯ

    Ubhopi pabbajissāma, ubhayattha kaṭaggaho’’’.

    ๔๖๓.

    463.

    ‘‘ตญฺจ ทิสฺวาน ยาจนฺติํ, เวสิกํ ปญฺชลีกตํ;

    ‘‘Tañca disvāna yācantiṃ, vesikaṃ pañjalīkataṃ;

    อลงฺกตํ สุวสนํ, มจฺจุปาสํว โอฑฺฑิตํฯ

    Alaṅkataṃ suvasanaṃ, maccupāsaṃva oḍḍitaṃ.

    ๔๖๔.

    464.

    ‘‘ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถ;

    ‘‘Tato me manasīkāro, yoniso udapajjatha;

    อาทีนโว ปาตุรหุ, นิพฺพิทา สมติฎฺฐถฯ

    Ādīnavo pāturahu, nibbidā samatiṭṭhatha.

    ๔๖๕.

    465.

    ‘‘ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ;

    ‘‘Tato cittaṃ vimucci me, passa dhammasudhammataṃ;

    ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    Tisso vijjā anuppattā, kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    ตตฺถ มาลธารีติ มาลาธารินี ปิฬนฺธปุปฺผทามาฯ วิภูสิตาติ อูนฎฺฐานสฺส ปูรณวเสน ปุเปฺผหิ เจว คนฺธวิเลปนาทีหิ จ วิภูสิตคตฺตาฯ ‘‘อลงฺกตา’’ติ อิมินา หตฺถูปคคีวูปคาทีหิ อาภรเณหิ อลงฺกรณํ อธิเปฺปตํฯ อลตฺตกกตาปาทาติ ปริณตชยสุมนปุปฺผวเณฺณน ลาขารเสน รญฺชิตจรณยุคฬาฯ สมาสปทเญฺหตํ, ‘‘อลตฺตกกตปาทา’’ติ วตฺตเพฺพ คาถาสุขตฺถํ ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํฯ อสมาสภาเว ปน ‘‘ตสฺสา’’ติ วจนเสโส เวทิตโพฺพฯ ปาทุการุยฺห เวสิกาติ เอกา รูปูปชีวิกา อิตฺถี ยถาวุตฺตเวสา สุวณฺณปาทุกา ปฎิมุญฺจิตฺวา ‘‘ฐิตา’’ติ วจนเสโสฯ

    Tattha māladhārīti mālādhārinī piḷandhapupphadāmā. Vibhūsitāti ūnaṭṭhānassa pūraṇavasena pupphehi ceva gandhavilepanādīhi ca vibhūsitagattā. ‘‘Alaṅkatā’’ti iminā hatthūpagagīvūpagādīhi ābharaṇehi alaṅkaraṇaṃ adhippetaṃ. Alattakakatāpādāti pariṇatajayasumanapupphavaṇṇena lākhārasena rañjitacaraṇayugaḷā. Samāsapadañhetaṃ, ‘‘alattakakatapādā’’ti vattabbe gāthāsukhatthaṃ dīghaṃ katvā vuttaṃ. Asamāsabhāve pana ‘‘tassā’’ti vacanaseso veditabbo. Pādukāruyha vesikāti ekā rūpūpajīvikā itthī yathāvuttavesā suvaṇṇapādukā paṭimuñcitvā ‘‘ṭhitā’’ti vacanaseso.

    ปาทุกา โอรุหิตฺวานาติ ปาทุกาหิ โอตริตฺวา, สุวณฺณปาทุกาโย โอมุญฺจิตฺวาติ อโตฺถฯ ปญฺชลีกตาติ ปคฺคหิตอญฺชลิกา สา เวสี มํฯ สามํ วา วจนปรมฺปรํ วินา สยเมว อภาสถฯ สเณฺหนาติ มเฎฺฐนฯ มุทุนาติ มธุเรนฯ ‘‘วจเนนา’’ติ อวุตฺตมฺปิ วุตฺตเมว โหติ, อภาสถาติ, วุตฺตตฺตาฯ

    Pādukā oruhitvānāti pādukāhi otaritvā, suvaṇṇapādukāyo omuñcitvāti attho. Pañjalīkatāti paggahitaañjalikā vesī maṃ. Sāmaṃ vā vacanaparamparaṃ vinā sayameva abhāsatha. Saṇhenāti maṭṭhena. Mudunāti madhurena. ‘‘Vacanenā’’ti avuttampi vuttameva hoti, abhāsathāti, vuttattā.

    ยุวาสิ ตฺวํ ปพฺพชิโตติ ตฺวํ ปพฺพชโนฺต ยุวา, ทหโรเยว หุตฺวา ปพฺพชิโตสิ, นนุ ปพฺพชเนฺตน สตฺตเม ทสเก สมฺปเตฺตว ปพฺพชิตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ ติฎฺฐาหิ มม สาสเนติ มม วจเน ติฎฺฐฯ

    Yuvāsitvaṃ pabbajitoti tvaṃ pabbajanto yuvā, daharoyeva hutvā pabbajitosi, nanu pabbajantena sattame dasake sampatteva pabbajitabbanti dasseti. Tiṭṭhāhi mama sāsaneti mama vacane tiṭṭha.

    กิํ ปน ตนฺติ อาห ‘‘ภุญฺช มานุสเก กาเม’’ติ กาเม ปริภุญฺชิตุกามสฺส รูปสมฺปตฺติ, วยสมฺปตฺติ, ปริวารสมฺปตฺติ, โภคสมฺปตฺติ จ อิจฺฉิตพฺพาฯ ตตฺถ ‘‘กุโต เม โภคสมฺปตฺตี’’ติ วเทยฺยาติ, อาห ‘‘อหํ วิตฺตํ ททามิ เต’’ติฯ ‘‘ตยิทํ วจนํ กถํ สทฺทหาตพฺพ’’นฺติ มเญฺญยฺยาติ ตํ สทฺทหาเปนฺตี อาห ‘‘สจฺจํ เต ปฎิชานามิ, อคฺคิํ วา เต หรามห’’นฺติฯ ‘‘ภุญฺช มานุสเก กาเม, อหํ วิตฺตํ ททามิ เต’’ติ ยทิทํ มยา ปฎิญฺญาตํ, ตํ เอกํเสน สจฺจเมว ปฎิชานามิ, สเจ เม น ปตฺติยายสิ, อคฺคิํ วา เต หรามหํ อคฺคิํ หริตฺวา อคฺคิปจฺจยํ สปถํ กโรมีติ อโตฺถฯ อุภยตฺถ กฎคฺคโหติ อมฺหากํ อุภินฺนํ ชิณฺณกาเล ปพฺพชฺชนํ อุภยตฺถ ชยคฺคาโหฯ ยํ มยํ ยาว ทณฺฑปรายนกาลา โภเค ภุญฺชาม, เอวํ อิธโลเกปิ โภเคหิ น ชียาม, มยํ ปจฺฉา ปพฺพชิสฺสาม, เอวํ ปรโลเกปิ โภเคหิ น ชียามาติ อธิปฺปาโยฯ ตโตติ ตํ นิมิตฺตํ, กาเมหิ นิมเนฺตนฺติยา ‘‘ยุวาสิ ตฺว’’นฺติอาทินา ‘‘ยทา ชิณฺณา ภวิสฺสามา’’ติอาทินา จ ตสฺสา เวสิยา วุตฺตวจนเหตุฯ ตญฺหิ วจนํ องฺกุสํ กตฺวา เถโร สมณธมฺมํ กโรโนฺต สทตฺถํ ปริปูเรสิฯ เสสํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ

    Kiṃ pana tanti āha ‘‘bhuñja mānusake kāme’’ti kāme paribhuñjitukāmassa rūpasampatti, vayasampatti, parivārasampatti, bhogasampatti ca icchitabbā. Tattha ‘‘kuto me bhogasampattī’’ti vadeyyāti, āha ‘‘ahaṃ vittaṃ dadāmi te’’ti. ‘‘Tayidaṃ vacanaṃ kathaṃ saddahātabba’’nti maññeyyāti taṃ saddahāpentī āha ‘‘saccaṃ te paṭijānāmi, aggiṃ vā te harāmaha’’nti. ‘‘Bhuñja mānusake kāme, ahaṃ vittaṃ dadāmi te’’ti yadidaṃ mayā paṭiññātaṃ, taṃ ekaṃsena saccameva paṭijānāmi, sace me na pattiyāyasi, aggiṃ vā te harāmahaṃ aggiṃ haritvā aggipaccayaṃ sapathaṃ karomīti attho. Ubhayattha kaṭaggahoti amhākaṃ ubhinnaṃ jiṇṇakāle pabbajjanaṃ ubhayattha jayaggāho. Yaṃ mayaṃ yāva daṇḍaparāyanakālā bhoge bhuñjāma, evaṃ idhalokepi bhogehi na jīyāma, mayaṃ pacchā pabbajissāma, evaṃ paralokepi bhogehi na jīyāmāti adhippāyo. Tatoti taṃ nimittaṃ, kāmehi nimantentiyā ‘‘yuvāsi tva’’ntiādinā ‘‘yadā jiṇṇā bhavissāmā’’tiādinā ca tassā vesiyā vuttavacanahetu. Tañhi vacanaṃ aṅkusaṃ katvā thero samaṇadhammaṃ karonto sadatthaṃ paripūresi. Sesaṃ heṭṭhā vuttanayameva.

    สุนฺทรสมุทฺทเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sundarasamuddattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑. สุนฺทรสมุทฺทเตฺถรคาถา • 1. Sundarasamuddattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact