Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi |
๔. สุนฺทริกภารทฺวาชสุตฺตํ
4. Sundarikabhāradvājasuttaṃ
เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ วิหรติ สุนฺทริกาย นทิยา ตีเรฯ เตน โข ปน สมเยน สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ สุนฺทริกาย นทิยา ตีเร อคฺคิํ ชุหติ, อคฺคิหุตฺตํ ปริจรติฯ อถ โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ อคฺคิํ ชุหิตฺวา อคฺคิหุตฺตํ ปริจริตฺวา อุฎฺฐายาสนา สมนฺตา จตุทฺทิสา อนุวิโลเกสิ – ‘‘โก นุ โข อิมํ หพฺยเสสํ ภุเญฺชยฺยา’’ติ? อทฺทสา โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ อวิทูเร อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล สสีสํ ปารุตํ นิสินฺนํ; ทิสฺวาน วาเมน หเตฺถน หพฺยเสสํ คเหตฺวา ทกฺขิเณน หเตฺถน กมณฺฑลุํ คเหตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิฯ
Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā kosalesu viharati sundarikāya nadiyā tīre. Tena kho pana samayena sundarikabhāradvājo brāhmaṇo sundarikāya nadiyā tīre aggiṃ juhati, aggihuttaṃ paricarati. Atha kho sundarikabhāradvājo brāhmaṇo aggiṃ juhitvā aggihuttaṃ paricaritvā uṭṭhāyāsanā samantā catuddisā anuvilokesi – ‘‘ko nu kho imaṃ habyasesaṃ bhuñjeyyā’’ti? Addasā kho sundarikabhāradvājo brāhmaṇo bhagavantaṃ avidūre aññatarasmiṃ rukkhamūle sasīsaṃ pārutaṃ nisinnaṃ; disvāna vāmena hatthena habyasesaṃ gahetvā dakkhiṇena hatthena kamaṇḍaluṃ gahetvā yena bhagavā tenupasaṅkami.
อถ โข ภควา สุนฺทริกภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส ปทสเทฺทน สีสํ วิวริฯ อถ โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ – ‘‘มุโณฺฑ อยํ ภวํ, มุณฺฑโก อยํ ภว’’นฺติ ตโตว ปุน นิวตฺติตุกาโม อโหสิฯ อถ โข สุนฺทริกภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มุณฺฑาปิ หิ อิเธกเจฺจ พฺราหฺมณา ภวนฺติ, ยํนูนาหํ อุปสงฺกมิตฺวา ชาติํ ปุเจฺฉยฺย’’นฺติฯ อถ โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิํชโจฺจ ภว’’นฺติ?
Atha kho bhagavā sundarikabhāradvājassa brāhmaṇassa padasaddena sīsaṃ vivari. Atha kho sundarikabhāradvājo brāhmaṇo – ‘‘muṇḍo ayaṃ bhavaṃ, muṇḍako ayaṃ bhava’’nti tatova puna nivattitukāmo ahosi. Atha kho sundarikabhāradvājassa brāhmaṇassa etadahosi – ‘‘muṇḍāpi hi idhekacce brāhmaṇā bhavanti, yaṃnūnāhaṃ upasaṅkamitvā jātiṃ puccheyya’’nti. Atha kho sundarikabhāradvājo brāhmaṇo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kiṃjacco bhava’’nti?
อถ โข ภควา สุนฺทริกภารทฺวาชํ พฺราหฺมณํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
Atha kho bhagavā sundarikabhāradvājaṃ brāhmaṇaṃ gāthāhi ajjhabhāsi –
๔๕๗.
457.
‘‘น พฺราหฺมโณ โนมฺหิ น ราชปุโตฺต, น เวสฺสายโน อุท โกจิ โนมฺหิ;
‘‘Na brāhmaṇo nomhi na rājaputto, na vessāyano uda koci nomhi;
โคตฺตํ ปริญฺญาย ปุถุชฺชนานํ, อกิญฺจโน มนฺต จรามิ โลเกฯ
Gottaṃ pariññāya puthujjanānaṃ, akiñcano manta carāmi loke.
๔๕๘.
458.
‘‘สงฺฆาฎิวาสี อคโห จรามิ 1, นิวุตฺตเกโส อภินิพฺพุตโตฺต;
‘‘Saṅghāṭivāsī agaho carāmi 2, nivuttakeso abhinibbutatto;
อลิปฺปมาโน อิธ มาณเวหิ, อกลฺลํ มํ พฺราหฺมณ ปุจฺฉสิ โคตฺตปญฺหํ’’ฯ
Alippamāno idha māṇavehi, akallaṃ maṃ brāhmaṇa pucchasi gottapañhaṃ’’.
๔๕๙.
459.
‘‘ปุจฺฉนฺติ เว โภ พฺราหฺมณา, พฺราหฺมเณภิ สห พฺราหฺมโณ โน ภว’’นฺติฯ
‘‘Pucchanti ve bho brāhmaṇā, brāhmaṇebhi saha brāhmaṇo no bhava’’nti.
๔๖๐.
460.
‘‘พฺราหฺมโณ หิ เจ ตฺวํ พฺรูสิ, มญฺจ พฺรูสิ อพฺราหฺมณํ;
‘‘Brāhmaṇo hi ce tvaṃ brūsi, mañca brūsi abrāhmaṇaṃ;
ตํ ตํ สาวิตฺติํ ปุจฺฉามิ, ติปทํ จตุวีสตกฺขรํฯ
Taṃ taṃ sāvittiṃ pucchāmi, tipadaṃ catuvīsatakkharaṃ.
๔๖๑.
461.
‘‘กิํ นิสฺสิตา อิสโย มนุชา, ขตฺติยา พฺราหฺมณา 3 เทวตานํ;
‘‘Kiṃ nissitā isayo manujā, khattiyā brāhmaṇā 4 devatānaṃ;
๔๖๒.
462.
‘‘ยทนฺตคู เวทคู ยญฺญกาเล, ยสฺสาหุติํ ลเภ ตสฺสิเชฺฌติ พฺรูมิ’’ฯ
‘‘Yadantagū vedagū yaññakāle, yassāhutiṃ labhe tassijjheti brūmi’’.
๔๖๓.
463.
‘‘อทฺธา หิ ตสฺส หุตมิเชฺฌ, (อิติ พฺราหฺมโณ)
‘‘Addhā hi tassa hutamijjhe, (iti brāhmaṇo)
ยํ ตาทิสํ เวทคุมทฺทสาม;
Yaṃ tādisaṃ vedagumaddasāma;
ตุมฺหาทิสานญฺหิ อทสฺสเนน, อโญฺญ ชโน ภุญฺชติ ปูรฬาสํ’’ฯ
Tumhādisānañhi adassanena, añño jano bhuñjati pūraḷāsaṃ’’.
๔๖๔.
464.
‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ พฺราหฺมณ อเตฺถน, อตฺถิโก อุปสงฺกมฺม ปุจฺฉ;
‘‘Tasmātiha tvaṃ brāhmaṇa atthena, atthiko upasaṅkamma puccha;
สนฺตํ วิธูมํ อนีฆํ นิราสํ, อเปฺปวิธ อภิวิเนฺท สุเมธํ’’ฯ
Santaṃ vidhūmaṃ anīghaṃ nirāsaṃ, appevidha abhivinde sumedhaṃ’’.
๔๖๕.
465.
‘‘ยเญฺญ รโตหํ โภ โคตม, ยญฺญํ ยิฎฺฐุกาโม นาหํ ปชานามิ;
‘‘Yaññe ratohaṃ bho gotama, yaññaṃ yiṭṭhukāmo nāhaṃ pajānāmi;
อนุสาสตุ มํ ภวํ, ยตฺถ หุตํ อิชฺฌเต พฺรูหิ เม ตํ’’ฯ
Anusāsatu maṃ bhavaṃ, yattha hutaṃ ijjhate brūhi me taṃ’’.
‘‘เตน หิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, โอทหสฺสุ โสตํ; ธมฺมํ เต เทเสสฺสามิ –
‘‘Tena hi tvaṃ, brāhmaṇa, odahassu sotaṃ; dhammaṃ te desessāmi –
๔๖๖.
466.
‘‘มา ชาติํ ปุจฺฉี จรณญฺจ ปุจฺฉ, กฎฺฐา หเว ชายติ ชาตเวโท;
‘‘Mā jātiṃ pucchī caraṇañca puccha, kaṭṭhā have jāyati jātavedo;
นีจากุลีโนปิ มุนี ธิตีมา, อาชานิโย โหติ หิรีนิเสโธฯ
Nīcākulīnopi munī dhitīmā, ājāniyo hoti hirīnisedho.
๔๖๗.
467.
‘‘สเจฺจน ทโนฺต ทมสา อุเปโต, เวทนฺตคู วูสิตพฺรหฺมจริโย;
‘‘Saccena danto damasā upeto, vedantagū vūsitabrahmacariyo;
กาเลน ตมฺหิ หพฺยํ ปเวเจฺฉ, โย พฺราหฺมโณ ปุญฺญเปโกฺข 7 ยเชถฯ
Kālena tamhi habyaṃ pavecche, yo brāhmaṇo puññapekkho 8 yajetha.
๔๖๘.
468.
‘‘เย กาเม หิตฺวา อคหา จรนฺติ, สุสญฺญตตฺตา ตสรํว อุชฺชุํ;
‘‘Ye kāme hitvā agahā caranti, susaññatattā tasaraṃva ujjuṃ;
กาเลน เตสุ หพฺยํ ปเวเจฺฉ, โย พฺราหฺมโณ ปุญฺญเปโกฺข ยเชถฯ
Kālena tesu habyaṃ pavecche, yo brāhmaṇo puññapekkho yajetha.
๔๖๙.
469.
‘‘เย วีตราคา สุสมาหิตินฺทฺริยา, จโนฺทว ราหุคฺคหณา ปมุตฺตา;
‘‘Ye vītarāgā susamāhitindriyā, candova rāhuggahaṇā pamuttā;
กาเลน เตสุ หพฺยํ ปเวเจฺฉ, โย พฺราหฺมโณ ปุญฺญเปโกฺข ยเชถฯ
Kālena tesu habyaṃ pavecche, yo brāhmaṇo puññapekkho yajetha.
๔๗๐.
470.
‘‘อสชฺชมานา วิจรนฺติ โลเก, สทา สตา หิตฺวา มมายิตานิ;
‘‘Asajjamānā vicaranti loke, sadā satā hitvā mamāyitāni;
กาเลน เตสุ หพฺยํ ปเวเจฺฉ, โย พฺราหฺมโณ ปุญฺญเปโกฺข ยเชถฯ
Kālena tesu habyaṃ pavecche, yo brāhmaṇo puññapekkho yajetha.
๔๗๑.
471.
‘‘โย กาเม หิตฺวา อภิภุยฺยจารี, โย เวทิ ชาตีมรณสฺส อนฺตํ;
‘‘Yo kāme hitvā abhibhuyyacārī, yo vedi jātīmaraṇassa antaṃ;
ปรินิพฺพุโต อุทกรหโทว สีโต, ตถาคโต อรหติ ปูรฬาสํฯ
Parinibbuto udakarahadova sīto, tathāgato arahati pūraḷāsaṃ.
๔๗๒.
472.
‘‘สโม สเมหิ วิสเมหิ ทูเร, ตถาคโต โหติ อนนฺตปโญฺญ;
‘‘Samo samehi visamehi dūre, tathāgato hoti anantapañño;
อนูปลิโตฺต อิธ วา หุรํ วา, ตถาคโต อรหติ ปูรฬาสํฯ
Anūpalitto idha vā huraṃ vā, tathāgato arahati pūraḷāsaṃ.
๔๗๓.
473.
‘‘ยมฺหิ น มายา วสติ น มาโน, โย วีตโลโภ อมโม นิราโส;
‘‘Yamhi na māyā vasati na māno, yo vītalobho amamo nirāso;
ปนุณฺณโกโธ อภินิพฺพุตโตฺต, โย พฺราหฺมโณ โสกมลํ อหาสิ;
Panuṇṇakodho abhinibbutatto, yo brāhmaṇo sokamalaṃ ahāsi;
ตถาคโต อรหติ ปูรฬาสํฯ
Tathāgato arahati pūraḷāsaṃ.
๔๗๔ .
474.
‘‘นิเวสนํ โย มนโส อหาสิ, ปริคฺคหา ยสฺส น สนฺติ เกจิ;
‘‘Nivesanaṃ yo manaso ahāsi, pariggahā yassa na santi keci;
อนุปาทิยาโน อิธ วา หุรํ วา, ตถาคโต อรหติ ปูรฬาสํฯ
Anupādiyāno idha vā huraṃ vā, tathāgato arahati pūraḷāsaṃ.
๔๗๕.
475.
‘‘สมาหิโต โย อุทตาริ โอฆํ, ธมฺมํ จญฺญาสิ ปรมาย ทิฎฺฐิยา;
‘‘Samāhito yo udatāri oghaṃ, dhammaṃ caññāsi paramāya diṭṭhiyā;
ขีณาสโว อนฺติมเทหธารี, ตถาคโต อรหติ ปูรฬาสํฯ
Khīṇāsavo antimadehadhārī, tathāgato arahati pūraḷāsaṃ.
๔๗๖.
476.
‘‘ภวาสวา ยสฺส วจี ขรา จ, วิธูปิตา อตฺถคตา น สนฺติ;
‘‘Bhavāsavā yassa vacī kharā ca, vidhūpitā atthagatā na santi;
ส เวทคู สพฺพธิ วิปฺปมุโตฺต, ตถาคโต อรหติ ปูรฬาสํฯ
Sa vedagū sabbadhi vippamutto, tathāgato arahati pūraḷāsaṃ.
๔๗๗.
477.
‘‘สงฺคาติโค ยสฺส น สนฺติ สงฺคา, โย มานสเตฺตสุ อมานสโตฺต;
‘‘Saṅgātigo yassa na santi saṅgā, yo mānasattesu amānasatto;
ทุกฺขํ ปริญฺญาย สเขตฺตวตฺถุํ, ตถาคโต อรหติ ปูรฬาสํฯ
Dukkhaṃ pariññāya sakhettavatthuṃ, tathāgato arahati pūraḷāsaṃ.
๔๗๘.
478.
‘‘อาสํ อนิสฺสาย วิเวกทสฺสี, ปรเวทิยํ ทิฎฺฐิมุปาติวโตฺต;
‘‘Āsaṃ anissāya vivekadassī, paravediyaṃ diṭṭhimupātivatto;
อารมฺมณา ยสฺส น สนฺติ เกจิ, ตถาคโต อรหติ ปูรฬาสํฯ
Ārammaṇā yassa na santi keci, tathāgato arahati pūraḷāsaṃ.
๔๗๙.
479.
‘‘ปโรปรา 9 ยสฺส สเมจฺจ ธมฺมา, วิธูปิตา อตฺถคตา น สนฺติ;
‘‘Paroparā 10 yassa samecca dhammā, vidhūpitā atthagatā na santi;
สโนฺต อุปาทานขเย วิมุโตฺต, ตถาคโต อรหติ ปูรฬาสํฯ
Santo upādānakhaye vimutto, tathāgato arahati pūraḷāsaṃ.
๔๘๐.
480.
‘‘สํโยชนํ ชาติขยนฺตทสฺสี, โยปานุทิ ราคปถํ อเสสํ;
‘‘Saṃyojanaṃ jātikhayantadassī, yopānudi rāgapathaṃ asesaṃ;
สุโทฺธ นิโทโส วิมโล อกาโจ 11, ตถาคโต อรหติ ปูรฬาสํฯ
Suddho nidoso vimalo akāco 12, tathāgato arahati pūraḷāsaṃ.
๔๘๑.
481.
‘‘โย อตฺตโน อตฺตานํ 13 นานุปสฺสติ, สมาหิโต อุชฺชุคโต ฐิตโตฺต;
‘‘Yo attano attānaṃ 14 nānupassati, samāhito ujjugato ṭhitatto;
ส เว อเนโช อขิโล อกโงฺข, ตถาคโต อรหติ ปูรฬาสํฯ
Sa ve anejo akhilo akaṅkho, tathāgato arahati pūraḷāsaṃ.
๔๘๒.
482.
‘‘โมหนฺตรา ยสฺส น สนฺติ เกจิ, สเพฺพสุ ธเมฺมสุ จ ญาณทสฺสี;
‘‘Mohantarā yassa na santi keci, sabbesu dhammesu ca ñāṇadassī;
สรีรญฺจ อนฺติมํ ธาเรติ, ปโตฺต จ สโมฺพธิมนุตฺตรํ สิวํ;
Sarīrañca antimaṃ dhāreti, patto ca sambodhimanuttaraṃ sivaṃ;
เอตฺตาวตา ยกฺขสฺส สุทฺธิ, ตถาคโต อรหติ ปูรฬาสํ’’ฯ
Ettāvatā yakkhassa suddhi, tathāgato arahati pūraḷāsaṃ’’.
๔๘๓.
483.
‘‘หุตญฺจ 15 มยฺหํ หุตมตฺถุ สจฺจํ, ยํ ตาทิสํ เวทคุนํ อลตฺถํ;
‘‘Hutañca 16 mayhaṃ hutamatthu saccaṃ, yaṃ tādisaṃ vedagunaṃ alatthaṃ;
พฺรหฺมา หิ สกฺขิ ปฎิคณฺหาตุ เม ภควา, ภุญฺชตุ เม ภควา ปูรฬาสํ’’ฯ
Brahmā hi sakkhi paṭigaṇhātu me bhagavā, bhuñjatu me bhagavā pūraḷāsaṃ’’.
๔๘๔.
484.
‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺยํ, สมฺปสฺสตํ พฺราหฺมณ เนส ธโมฺม;
‘‘Gāthābhigītaṃ me abhojaneyyaṃ, sampassataṃ brāhmaṇa nesa dhammo;
คาถาภิคีตํ ปนุทนฺติ พุทฺธา, ธเมฺม สตี พฺราหฺมณ วุตฺติเรสาฯ
Gāthābhigītaṃ panudanti buddhā, dhamme satī brāhmaṇa vuttiresā.
๔๘๕.
485.
‘‘อเญฺญน จ เกวลินํ มเหสิํ, ขีณาสวํ กุกฺกุจฺจวูปสนฺตํ;
‘‘Aññena ca kevalinaṃ mahesiṃ, khīṇāsavaṃ kukkuccavūpasantaṃ;
อเนฺนน ปาเนน อุปฎฺฐหสฺสุ, เขตฺตญฺหิ ตํ ปุญฺญเปกฺขสฺส โหติ’’ฯ
Annena pānena upaṭṭhahassu, khettañhi taṃ puññapekkhassa hoti’’.
๔๘๖.
486.
‘‘สาธาหํ ภควา ตถา วิชญฺญํ, โย ทกฺขิณํ ภุเญฺชยฺย มาทิสสฺส;
‘‘Sādhāhaṃ bhagavā tathā vijaññaṃ, yo dakkhiṇaṃ bhuñjeyya mādisassa;
ยํ ยญฺญกาเล ปริเยสมาโน, ปปฺปุยฺย ตว สาสนํ’’ฯ
Yaṃ yaññakāle pariyesamāno, pappuyya tava sāsanaṃ’’.
๔๘๗.
487.
‘‘สารมฺภา ยสฺส วิคตา, จิตฺตํ ยสฺส อนาวิลํ;
‘‘Sārambhā yassa vigatā, cittaṃ yassa anāvilaṃ;
วิปฺปมุโตฺต จ กาเมหิ, ถินํ ยสฺส ปนูทิตํฯ
Vippamutto ca kāmehi, thinaṃ yassa panūditaṃ.
๔๘๘.
488.
‘‘สีมนฺตานํ วิเนตารํ, ชาติมรณโกวิทํ;
‘‘Sīmantānaṃ vinetāraṃ, jātimaraṇakovidaṃ;
มุนิํ โมเนยฺยสมฺปนฺนํ, ตาทิสํ ยญฺญมาคตํฯ
Muniṃ moneyyasampannaṃ, tādisaṃ yaññamāgataṃ.
๔๘๙.
489.
ปูเชถ อนฺนปาเนน, เอวํ อิชฺฌนฺติ ทกฺขิณาฯ
Pūjetha annapānena, evaṃ ijjhanti dakkhiṇā.
๔๙๐.
490.
‘‘พุโทฺธ ภวํ อรหติ ปูรฬาสํ, ปุญฺญเขตฺตมนุตฺตรํ;
‘‘Buddho bhavaṃ arahati pūraḷāsaṃ, puññakhettamanuttaraṃ;
อายาโค สพฺพโลกสฺส, โภโต ทินฺนํ มหปฺผล’’นฺติฯ
Āyāgo sabbalokassa, bhoto dinnaṃ mahapphala’’nti.
อถ โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ ลเภยฺยาหํ โภโต โคตมสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติฯ อลตฺถ โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ…เป.… อรหตํ อโหสีติฯ
Atha kho sundarikabhāradvājo brāhmaṇo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ, bho gotama, abhikkantaṃ, bho gotama! Seyyathāpi, bho gotama, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya – cakkhumanto rūpāni dakkhantīti; evamevaṃ bhotā gotamena anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ bhavantaṃ gotamaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca. Labheyyāhaṃ bhoto gotamassa santike pabbajjaṃ, labheyyaṃ upasampada’’nti. Alattha kho sundarikabhāradvājo brāhmaṇo…pe… arahataṃ ahosīti.
สุนฺทริกภารทฺวาชสุตฺตํ จตุตฺถํ นิฎฺฐิตํฯ
Sundarikabhāradvājasuttaṃ catutthaṃ niṭṭhitaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā / ๔. ปูรฬาสสุตฺต-(สุนฺทริกภารทฺวาชสุตฺต)-วณฺณนา • 4. Pūraḷāsasutta-(sundarikabhāradvājasutta)-vaṇṇanā