Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๙. สุนฺทริกสุตฺตวณฺณนา
9. Sundarikasuttavaṇṇanā
๑๙๕. นวเม สุนฺทริกภารทฺวาโชติ สุนฺทริกาย นทิยา ตีเร อคฺคิชุหเณน เอวํลทฺธนาโมฯ สุนฺทริกายาติ เอวํนามิกาย นทิยาฯ อคฺคิํ ชุหตีติ อาหุติํ ปกฺขิปเนน ชาเลติ ฯ อคฺคิหุตฺตํ ปริจรตีติ อคฺยายตนํ สมฺมชฺชนุปเลปนพลิกมฺมาทินา ปยิรุปาสติฯ โก นุ โข อิมํ หพฺยเสสํ ภุเญฺชยฺยาติ โส กิร พฺราหฺมโณ อคฺคิมฺหิ หุตาวเสสํ ปายาสํ ทิสฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘อคฺคิมฺหิ ตาว ปกฺขิตฺตปายาโส มหาพฺรหฺมุนา ภุโตฺต, อยํ ปน อวเสโส อตฺถิ, ตํ ยทิ พฺรหฺมุโน มุขโต ชาตสฺส พฺราหฺมณสฺส ทเทยฺยํ, เอวํ เม ปิตรา สห ปุโตฺตปิ สนฺตปฺปิโต ภเวยฺย, สุวิโสธิโต จสฺส พฺรหฺมโลกคามิมโคฺค’’ติฯ โส พฺราหฺมณสฺส ทสฺสนตฺถํ อุฎฺฐายาสนา จตุทฺทิสา อนุวิโลเกสิ, ‘‘โก นุ โข อิมํ หพฺยเสสํ ภุเญฺชยฺยา’’ติ?
195. Navame sundarikabhāradvājoti sundarikāya nadiyā tīre aggijuhaṇena evaṃladdhanāmo. Sundarikāyāti evaṃnāmikāya nadiyā. Aggiṃjuhatīti āhutiṃ pakkhipanena jāleti . Aggihuttaṃ paricaratīti agyāyatanaṃ sammajjanupalepanabalikammādinā payirupāsati. Ko nu kho imaṃ habyasesaṃ bhuñjeyyāti so kira brāhmaṇo aggimhi hutāvasesaṃ pāyāsaṃ disvā cintesi – ‘‘aggimhi tāva pakkhittapāyāso mahābrahmunā bhutto, ayaṃ pana avaseso atthi, taṃ yadi brahmuno mukhato jātassa brāhmaṇassa dadeyyaṃ, evaṃ me pitarā saha puttopi santappito bhaveyya, suvisodhito cassa brahmalokagāmimaggo’’ti. So brāhmaṇassa dassanatthaṃ uṭṭhāyāsanā catuddisā anuvilokesi, ‘‘ko nu kho imaṃ habyasesaṃ bhuñjeyyā’’ti?
รุกฺขมูเลติ ตสฺมิํ วนสเณฺฑ เชฎฺฐกรุกฺขสฺส มูเลฯ สสีสํ ปารุตํ นิสินฺนนฺติ สห สีเสน ปารุตกายํ นิสินฺนํฯ กสฺมา ปน ภควา ตตฺถ นิสีทิ? ภควา กิร ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกโนฺต อิมํ พฺราหฺมณํ ทิสฺวา จิเนฺตสิ – อยํ พฺราหฺมโณ เอวรูปํ อคฺคปายาสํ คเหตฺวา ‘‘มหาพฺรหฺมานํ โภเชมี’’ติ อคฺคิมฺหิ ฌาเปโนฺต อผลํ กโรติ…เป.… จตฺตาโร มเคฺค เจว จตฺตาริ จ ผลานิ เทมีติฯ ตสฺมา กาลเสฺสว วุฎฺฐาย สรีรปฎิชคฺคนํ กตฺวา ปตฺตจีวรํ อาทาย คนฺตฺวา วุตฺตนเยน ตสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสีทิฯ อถ กสฺมา สสีสํ ปารุปีติ? หิมปาตสฺส จ สีตวาตสฺส จ ปฎิพาหณตฺถํ, ปฎิพโลว เอตํ ตถาคโต อธิวาเสตุํฯ สเจ ปน อปารุปิตฺวา นิสีเทยฺย, พฺราหฺมโณ ทูรโตว สญฺชานิตฺวา นิวเตฺตยฺย, เอวํ สติ กถา นปฺปวเตฺตยฺยฯ อิติ ภควา – ‘‘พฺราหฺมเณ อาคเต สีสํ วิวริสฺสามิ, อถ มํ โส ทิสฺวา กถํ ปวเตฺตสฺสติ, ตสฺสาหํ กถานุสาเรน ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ กถาปวตฺตนตฺถํ เอวมกาสิฯ
Rukkhamūleti tasmiṃ vanasaṇḍe jeṭṭhakarukkhassa mūle. Sasīsaṃ pārutaṃ nisinnanti saha sīsena pārutakāyaṃ nisinnaṃ. Kasmā pana bhagavā tattha nisīdi? Bhagavā kira paccūsasamaye lokaṃ olokento imaṃ brāhmaṇaṃ disvā cintesi – ayaṃ brāhmaṇo evarūpaṃ aggapāyāsaṃ gahetvā ‘‘mahābrahmānaṃ bhojemī’’ti aggimhi jhāpento aphalaṃ karoti…pe… cattāro magge ceva cattāri ca phalāni demīti. Tasmā kālasseva vuṭṭhāya sarīrapaṭijagganaṃ katvā pattacīvaraṃ ādāya gantvā vuttanayena tasmiṃ rukkhamūle nisīdi. Atha kasmā sasīsaṃ pārupīti? Himapātassa ca sītavātassa ca paṭibāhaṇatthaṃ, paṭibalova etaṃ tathāgato adhivāsetuṃ. Sace pana apārupitvā nisīdeyya, brāhmaṇo dūratova sañjānitvā nivatteyya, evaṃ sati kathā nappavatteyya. Iti bhagavā – ‘‘brāhmaṇe āgate sīsaṃ vivarissāmi, atha maṃ so disvā kathaṃ pavattessati, tassāhaṃ kathānusārena dhammaṃ desessāmī’’ti kathāpavattanatthaṃ evamakāsi.
อุปสงฺกมีติ พฺราหฺมโณ – ‘‘อยํ สสีสํ ปารุปิตฺวา สพฺพรตฺติํ ปธานมนุยุโตฺตฯ อิมสฺส ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา อิมํ หพฺยเสสํ ทสฺสามี’’ติ, พฺราหฺมณสญฺญี หุตฺวา อุปสงฺกมิฯ มุโณฺฑ อยํ ภวํ, มุณฺฑโก อยํ ภวนฺติ สีเส วิวริตมเตฺต นีจเกสนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มุโณฺฑ’’ติ อาหฯ ตโต สุฎฺฐุตรํ โอโลเกโนฺต ปวตฺตมตฺตมฺปิ สิขํ อทิสฺวา หีเฬโนฺต ‘‘มุณฺฑโก’’ติ อาหฯ ตโตวาติ ยตฺถ ฐิโต อทฺทส, ตมฺหาว ปเทสาฯ มุณฺฑาปิ หีติ เกนจิ การเณน มุณฺฑิตสีสาปิ โหนฺติฯ
Upasaṅkamīti brāhmaṇo – ‘‘ayaṃ sasīsaṃ pārupitvā sabbarattiṃ padhānamanuyutto. Imassa dakkhiṇodakaṃ datvā imaṃ habyasesaṃ dassāmī’’ti, brāhmaṇasaññī hutvā upasaṅkami. Muṇḍo ayaṃ bhavaṃ, muṇḍako ayaṃ bhavanti sīse vivaritamatte nīcakesantaṃ disvā ‘‘muṇḍo’’ti āha. Tato suṭṭhutaraṃ olokento pavattamattampi sikhaṃ adisvā hīḷento ‘‘muṇḍako’’ti āha. Tatovāti yattha ṭhito addasa, tamhāva padesā. Muṇḍāpi hīti kenaci kāraṇena muṇḍitasīsāpi honti.
มา ชาติํ ปุจฺฉาติ ยทิ ทานสฺส มหปฺผลตํ ปจฺจาสีสสิ, ชาติํ มา ปุจฺฉฯ อการณํ หิ ทกฺขิเณยฺยภาวสฺส ชาติฯ จรณญฺจ ปุจฺฉาติ อปิจ โข สีลาทิคุณเภทํ จรณํ ปุจฺฉฯ เอตํ หิ ทกฺขิเณยฺยภาวสฺส การณํฯ อิทานิสฺส ตมตฺถํ วิภาเวโนฺต กฎฺฐา หเว ชายติ ชาตเวโทติอาทิมาห ฯ ตตฺรายํ อธิปฺปาโย – อิธ กฎฺฐา อคฺคิ ชายติ, น จ โส สาลาทิกฎฺฐา ชาโตว อคฺคิกิจฺจํ กโรติ, สาปาน-โทณิอาทิกฎฺฐา ชาโต น กโรติ, อตฺตโน ปน อจฺจิยาทิคุณสมฺปตฺติยา ยโต วา ตโต วา ชาโต กโรติเยวฯ เอวํ น พฺราหฺมณกุลาทีสุ ชาโตว ทกฺขิเณโยฺย โหติ, จณฺฑาลกุลาทีสุ ชาโต น โหติ, อปิจ โข นีจกุลิโนปิ อุจฺจกุลิโนปิ ขีณาสว-มุนิ ธิติมา หิรีนิเสโธ อาชานีโย โหติฯ อิมาย ธิติหิริปโมกฺขาย คุณสมฺปตฺติยา ชาติมา อุตฺตมทกฺขิเณโยฺย โหติฯ โส หิ ธิติยา คุเณ ธาเรติ, หิริยา โทเส นิเสเธตีติฯ อปิเจตฺถ มุนีติ โมนธเมฺมน สมนฺนาคโตฯ ธิติมาติ วีริยวาฯ อาชานีโยติ การณาการณชานนโกฯ หิรีนิเสโธติ หิริยา ปาปานิ นิเสเธตฺวา ฐิโตฯ
Mājātiṃ pucchāti yadi dānassa mahapphalataṃ paccāsīsasi, jātiṃ mā puccha. Akāraṇaṃ hi dakkhiṇeyyabhāvassa jāti. Caraṇañca pucchāti apica kho sīlādiguṇabhedaṃ caraṇaṃ puccha. Etaṃ hi dakkhiṇeyyabhāvassa kāraṇaṃ. Idānissa tamatthaṃ vibhāvento kaṭṭhā have jāyati jātavedotiādimāha . Tatrāyaṃ adhippāyo – idha kaṭṭhā aggi jāyati, na ca so sālādikaṭṭhā jātova aggikiccaṃ karoti, sāpāna-doṇiādikaṭṭhā jāto na karoti, attano pana acciyādiguṇasampattiyā yato vā tato vā jāto karotiyeva. Evaṃ na brāhmaṇakulādīsu jātova dakkhiṇeyyo hoti, caṇḍālakulādīsu jāto na hoti, apica kho nīcakulinopi uccakulinopi khīṇāsava-muni dhitimā hirīnisedho ājānīyo hoti. Imāya dhitihiripamokkhāya guṇasampattiyā jātimā uttamadakkhiṇeyyo hoti. So hi dhitiyā guṇe dhāreti, hiriyā dose nisedhetīti. Apicettha munīti monadhammena samannāgato. Dhitimāti vīriyavā. Ājānīyoti kāraṇākāraṇajānanako. Hirīnisedhoti hiriyā pāpāni nisedhetvā ṭhito.
สเจฺจน ทโนฺตติ ปรมตฺถสเจฺจน ทโนฺตฯ ทมสา อุเปโตติ อินฺทฺริยทเมน อุเปโตฯ เวทนฺตคูติ จตุนฺนํ มคฺคเวทานํ อนฺตํ, จตูหิ วา มคฺคเวเทหิ กิเลสานํ อนฺตํ คโตฯ วุสิตพฺรหฺมจริโยติ มคฺคพฺรหฺมจริยวาสํ วุโตฺถฯ ยโญฺญปนีโตติ อุปนีตยโญฺญ ปฎิยาทิตยโญฺญ จฯ ตมุปวฺหเยถาติ เยน ยโญฺญ ปฎิยาทิโต, โส ตํ ปรมตฺถพฺราหฺมณํ อวฺหเยยฺยฯ ‘‘อินฺทมวฺหยาม, โสมมวฺหยาม, วรุณมวฺหยาม, อีสานมวฺหยาม, ยามมวฺหยามา’’ติ อิทํ ปน อวฺหานํ นิรตฺถกํฯ กาเลนาติ อวฺหยโนฺต จ ‘‘กาโล, ภเนฺต, นิฎฺฐิตํ ภตฺต’’นฺติ อโนฺตมชฺฌนฺหิกกาเลเยว ตํ อุปวฺหเยยฺยฯ โส ชุหติ ทกฺขิเณเยฺยติ โย เอวํ กาเล ขีณาสวํ อามเนฺตตฺวา ตตฺถ จตุปจฺจยทกฺขิณํ ปติฎฺฐเปติ, โส ทกฺขิเณเยฺย ชุหติ นาม, น อเจตเน อคฺคิมฺหิ ปกฺขิปโนฺตฯ
Saccena dantoti paramatthasaccena danto. Damasā upetoti indriyadamena upeto. Vedantagūti catunnaṃ maggavedānaṃ antaṃ, catūhi vā maggavedehi kilesānaṃ antaṃ gato. Vusitabrahmacariyoti maggabrahmacariyavāsaṃ vuttho. Yaññopanītoti upanītayañño paṭiyāditayañño ca. Tamupavhayethāti yena yañño paṭiyādito, so taṃ paramatthabrāhmaṇaṃ avhayeyya. ‘‘Indamavhayāma, somamavhayāma, varuṇamavhayāma, īsānamavhayāma, yāmamavhayāmā’’ti idaṃ pana avhānaṃ niratthakaṃ. Kālenāti avhayanto ca ‘‘kālo, bhante, niṭṭhitaṃ bhatta’’nti antomajjhanhikakāleyeva taṃ upavhayeyya. So juhati dakkhiṇeyyeti yo evaṃ kāle khīṇāsavaṃ āmantetvā tattha catupaccayadakkhiṇaṃ patiṭṭhapeti, so dakkhiṇeyye juhati nāma, na acetane aggimhi pakkhipanto.
อิติ พฺราหฺมโณ ภควโต กถํ สุณโนฺต ปสีทิตฺวา อิทานิ อตฺตโน ปสาทํ อาวิกโรโนฺต อทฺธา สุยิฎฺฐนฺติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ – อทฺธา มม ยิทํ อิทานิ สุยิฎฺฐญฺจ สุหุตญฺจ ภวิสฺสติ, ปุเพฺพ ปน อคฺคิมฺหิ ฌาปิตํ นิรตฺถกํ อโหสีติฯ อโญฺญ ชโนติ ‘‘อหํ พฺราหฺมโณ, อหํ พฺราหฺมโณ’’ติ วทโนฺต อนฺธพาลปุถุชฺชโนฯ หพฺยเสสนฺติ หุตเสสํฯ ภุญฺชตุ ภวนฺติอาทิ ปุริมสุเตฺต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ
Iti brāhmaṇo bhagavato kathaṃ suṇanto pasīditvā idāni attano pasādaṃ āvikaronto addhā suyiṭṭhantiādimāha. Tassattho – addhā mama yidaṃ idāni suyiṭṭhañca suhutañca bhavissati, pubbe pana aggimhi jhāpitaṃ niratthakaṃ ahosīti. Añño janoti ‘‘ahaṃ brāhmaṇo, ahaṃ brāhmaṇo’’ti vadanto andhabālaputhujjano. Habyasesanti hutasesaṃ. Bhuñjatu bhavantiādi purimasutte vuttanayeneva veditabbaṃ.
น ขฺวาหนฺติ น โข อหํฯ กสฺมา ปเนวมาหาติ? ตสฺมิํ กิร โภชเน อุปหฎมเตฺตว ‘‘สตฺถา ภุญฺชิสฺสตี’’ติ สญฺญาย จตูสุ มหาทีเปสุ ทฺวีสุ ปริตฺตทีปสหเสฺสสุ เทวตา ปุปฺผผลาทีนิ เจว สปฺปินวนีตเตลมธุผาณิตาทีนิ จ อาทาย มธุปฎลํ ปีเฬตฺวา มธุํ คณฺหนฺติโย วิย ทิพฺพานุภาเวน นิพฺพตฺติโตชเมว คเหตฺวา ปกฺขิปิํสุฯ เตน ตํ สุขุมตฺตํ คตํ, มนุสฺสานญฺจ โอฬาริกํ วตฺถูติ เตสํ ตาว โอฬาริกวตฺถุตาย สมฺมา ปริณามํ น คจฺฉติฯ โคยูเส ปน ติลพีชานิ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกตฺตา โอฬาริกมิสฺสกํ ชาตํ, เทวานญฺจ สุขุมํ วตฺถูติ เตสํ สุขุมวตฺถุตาย สมฺมา ปริณามํ น คจฺฉติฯ สุกฺขวิปสฺสกขีณาสวสฺสาปิ กุจฺฉิยํ น ปริณมติฯ อฎฺฐสมาปตฺติลาภีขีณาสวสฺส ปน สมาปตฺติพเลน ปริณาเมยฺยฯ ภควโต ปน ปากติเกเนว กมฺมชเตเชน ปริณาเมยฺยฯ
Na khvāhanti na kho ahaṃ. Kasmā panevamāhāti? Tasmiṃ kira bhojane upahaṭamatteva ‘‘satthā bhuñjissatī’’ti saññāya catūsu mahādīpesu dvīsu parittadīpasahassesu devatā pupphaphalādīni ceva sappinavanītatelamadhuphāṇitādīni ca ādāya madhupaṭalaṃ pīḷetvā madhuṃ gaṇhantiyo viya dibbānubhāvena nibbattitojameva gahetvā pakkhipiṃsu. Tena taṃ sukhumattaṃ gataṃ, manussānañca oḷārikaṃ vatthūti tesaṃ tāva oḷārikavatthutāya sammā pariṇāmaṃ na gacchati. Goyūse pana tilabījāni pakkhipitvā pakkattā oḷārikamissakaṃ jātaṃ, devānañca sukhumaṃ vatthūti tesaṃ sukhumavatthutāya sammā pariṇāmaṃ na gacchati. Sukkhavipassakakhīṇāsavassāpi kucchiyaṃ na pariṇamati. Aṭṭhasamāpattilābhīkhīṇāsavassa pana samāpattibalena pariṇāmeyya. Bhagavato pana pākatikeneva kammajatejena pariṇāmeyya.
อปฺปหริเตติ อหริเตฯ สเจ หิ หริเตสุ ติเณสุ ปกฺขิเปยฺย, สินิทฺธปายาเสน ติณานิ ปูตีนิ ภเวยฺยุํฯ พุทฺธา จ ภูตคามสิกฺขาปทํ น วีติกฺกมนฺติ, ตสฺมา เอวมาหฯ ยตฺถ ปน คลปฺปมาณานิ มหาติณานิ, ตาทิเส ฐาเน ปกฺขิปิตุํ วฎฺฎติฯ อปฺปาณเกติ สปฺปาณกสฺมิํ หิ ปริตฺตเก อุทเก ปกฺขิเตฺต ปาณกา มรนฺติ, ตสฺมา เอวมาหฯ ยํ ปน คมฺภีรํ มหาอุทกํ โหติ, ปาติสเตปิ ปาติสหเสฺสปิ ปกฺขิเตฺต น อาลุฬติ, ตถารูเป อุทเก วฎฺฎติฯ โอปิลาเปสีติ สุวณฺณปาติยา สทฺธิํเยว นิมุชฺชาเปสิฯ จิจฺจิฎายติ จิฎิจิฎายตีติ เอวรูปํ สทฺทํ กโรติฯ กิํ ปเนส ปายาสสฺส อานุภาโว, อุทาหุ ตถาคตสฺสาติ? ตถาคตสฺสฯ อยํ หิ พฺราหฺมโณ ตํ ปายาสํ โอปิลาเปตฺวา อุมฺมคฺคํ อารุยฺห สตฺถุ สนฺติกํ อนาคนฺตฺวาว คเจฺฉยฺย, อถ ภควา – ‘‘เอตฺตกํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา มม สนฺติกํ อาคมิสฺสติฯ อถสฺสาหํ ธมฺมเทสนาย มิจฺฉาทิฎฺฐิคหณํ ภินฺทิตฺวา สาสเน โอตาเรตฺวา อมตปานํ ปาเยสฺสามี’’ติ อธิฎฺฐานพเลน เอวมกาสิฯ
Appahariteti aharite. Sace hi haritesu tiṇesu pakkhipeyya, siniddhapāyāsena tiṇāni pūtīni bhaveyyuṃ. Buddhā ca bhūtagāmasikkhāpadaṃ na vītikkamanti, tasmā evamāha. Yattha pana galappamāṇāni mahātiṇāni, tādise ṭhāne pakkhipituṃ vaṭṭati. Appāṇaketi sappāṇakasmiṃ hi parittake udake pakkhitte pāṇakā maranti, tasmā evamāha. Yaṃ pana gambhīraṃ mahāudakaṃ hoti, pātisatepi pātisahassepi pakkhitte na āluḷati, tathārūpe udake vaṭṭati. Opilāpesīti suvaṇṇapātiyā saddhiṃyeva nimujjāpesi. Cicciṭāyati ciṭiciṭāyatīti evarūpaṃ saddaṃ karoti. Kiṃ panesa pāyāsassa ānubhāvo, udāhu tathāgatassāti? Tathāgatassa. Ayaṃ hi brāhmaṇo taṃ pāyāsaṃ opilāpetvā ummaggaṃ āruyha satthu santikaṃ anāgantvāva gaccheyya, atha bhagavā – ‘‘ettakaṃ acchariyaṃ disvā mama santikaṃ āgamissati. Athassāhaṃ dhammadesanāya micchādiṭṭhigahaṇaṃ bhinditvā sāsane otāretvā amatapānaṃ pāyessāmī’’ti adhiṭṭhānabalena evamakāsi.
ทารุ สมาทหาโนติ ทารุํ ฌาปยมาโนฯ พหิทฺธา หิ เอตนฺติ เอตํ ทารุชฺฌาปนํ นาม อริยธมฺมโต พหิทฺธาฯ ยทิ เอเตน สุทฺธิ ภเวยฺย, เย ทวฑาหกาทโย พหูนิ ทารูนิ ฌาเปนฺติ, เต ปฐมตรํ สุเชฺฌยฺยุํฯ กุสลาติ ขนฺธาทีสุ กุสลาฯ อชฺฌตฺตเมวุชฺชลยามิ โชตินฺติ นิยกชฺฌเตฺต อตฺตโน สนฺตานสฺมิํเยว ญาณโชติํ ชาเลมิฯ นิจฺจคฺคินีติ อาวชฺชนปฎิพเทฺธน สพฺพญฺญุตญฺญาเณน นิจฺจํ ปชฺชลิตคฺคิฯ นิจฺจสมาหิตโตฺตติ นิจฺจํ สมฺมา ฐปิตจิโตฺตฯ พฺรหฺมจริยํ จรามีติ โพธิมเณฺฑ จริตํ พฺรหฺมจริยํ คเหตฺวา เอวํ วทติฯ
Dārusamādahānoti dāruṃ jhāpayamāno. Bahiddhā hi etanti etaṃ dārujjhāpanaṃ nāma ariyadhammato bahiddhā. Yadi etena suddhi bhaveyya, ye davaḍāhakādayo bahūni dārūni jhāpenti, te paṭhamataraṃ sujjheyyuṃ. Kusalāti khandhādīsu kusalā. Ajjhattamevujjalayāmi jotinti niyakajjhatte attano santānasmiṃyeva ñāṇajotiṃ jālemi. Niccagginīti āvajjanapaṭibaddhena sabbaññutaññāṇena niccaṃ pajjalitaggi. Niccasamāhitattoti niccaṃ sammā ṭhapitacitto. Brahmacariyaṃ carāmīti bodhimaṇḍe caritaṃ brahmacariyaṃ gahetvā evaṃ vadati.
มาโน หิ เต, พฺราหฺมณ, ขาริภาโรติ ยถา ขาริภาโร ขเนฺธน วยฺหมาโน อุปริ ฐิโตปิ อกฺกนฺตกฺกนฺตฎฺฐาเน ปถวิยา สทฺธิํ ผุเสติ, เอวเมว ชาติโคตฺตกุลาทีนิ มานวตฺถูนิ นิสฺสาย อุสฺสาปิโต มาโนปิ ตตฺถ ตตฺถ อิสฺสํ อุปฺปาเทโนฺต จตูสุ อปาเยสุ สํสีทาเปติฯ เตนาห ‘‘มาโน หิ เต, พฺราหฺมณ, ขาริภาโร’’ติ ฯ โกโธ ธูโมติ ตว ญาณคฺคิสฺส อุปกฺกิเลสเฎฺฐน โกโธ ธุโมฯ เตน หิ เต อุปกฺกิลิโฎฺฐ ญาณคฺคิ น วิโรจติฯ ภสฺมนิ โมสวชฺชนฺติ นิโรชเฎฺฐน มุสาวาโท ฉาริกา นามฯ ยถา หิ ฉาริกาย ปฎิจฺฉโนฺน อคฺคิ น โชเตติ, เอวํ เต มุสาวาเทน ปฎิจฺฉนฺนํ ญาณนฺติ ทเสฺสติฯ ชิวฺหา สุชาติ ยถา ตุยฺหํ สุวณฺณรชตโลหกฎฺฐมตฺติกาสุ อญฺญตรมยา ยาคยชนตฺถาย สุชา โหติ, เอวํ มยฺหํ ธมฺมยาคํ ยชนตฺถาย ปหูตชิวฺหา สุชาติ วทติฯ หทยํ โชติฎฺฐานนฺติ ยถา ตุยฺหํ นทีตีเร โชติฎฺฐานํ, เอวํ มยฺหํ ธมฺมยาคสฺส ยชนฎฺฐานเตฺถน สตฺตานํ หทยํ โชติฎฺฐานํฯ อตฺตาติ จิตฺตํฯ
Mānohi te, brāhmaṇa, khāribhāroti yathā khāribhāro khandhena vayhamāno upari ṭhitopi akkantakkantaṭṭhāne pathaviyā saddhiṃ phuseti, evameva jātigottakulādīni mānavatthūni nissāya ussāpito mānopi tattha tattha issaṃ uppādento catūsu apāyesu saṃsīdāpeti. Tenāha ‘‘māno hi te, brāhmaṇa, khāribhāro’’ti . Kodho dhūmoti tava ñāṇaggissa upakkilesaṭṭhena kodho dhumo. Tena hi te upakkiliṭṭho ñāṇaggi na virocati. Bhasmani mosavajjanti nirojaṭṭhena musāvādo chārikā nāma. Yathā hi chārikāya paṭicchanno aggi na joteti, evaṃ te musāvādena paṭicchannaṃ ñāṇanti dasseti. Jivhā sujāti yathā tuyhaṃ suvaṇṇarajatalohakaṭṭhamattikāsu aññataramayā yāgayajanatthāya sujā hoti, evaṃ mayhaṃ dhammayāgaṃ yajanatthāya pahūtajivhā sujāti vadati. Hadayaṃ jotiṭṭhānanti yathā tuyhaṃ nadītīre jotiṭṭhānaṃ, evaṃ mayhaṃ dhammayāgassa yajanaṭṭhānatthena sattānaṃ hadayaṃ jotiṭṭhānaṃ. Attāti cittaṃ.
ธโมฺม รหโทติ ยถา ตฺวํ อคฺคิํ ปริจริตฺวา ธูมฉาริกเสทกิลิฎฺฐสรีโร สุนฺทริกํ นทิํ โอตริตฺวา นฺหายสิ, เอวํ มยฺหํ สุนฺทริกาสทิเสน พาหิเรน รหเทน อโตฺถ นตฺถิ, อฎฺฐงฺคิกมคฺคธโมฺม ปน มยฺหํ รหโท, ตตฺราหํ ปาณสตมฺปิ ปาณสหสฺสมฺปิ จตุราสีติปาณสหสฺสานิปิ เอกปฺปหาเรน นฺหาเปมิฯ สีลติโตฺถติ ตสฺส ปน เม ธมฺมรหทสฺส จตุปาริสุทฺธิสีลํ ติตฺถนฺติ ทเสฺสติฯ อนาวิโลติ ยถา ตุยฺหํ สุนฺทริกา นที จตูหิ ปญฺจหิ เอกโต นฺหายเนฺตหิ เหฎฺฐุปริยวาลิกา อาลุฬา โหติ , น เอวํ มยฺหํ รหโท, อเนกสตสหเสฺสสุปิ ปาเณสุ โอตริตฺวา นฺหายเนฺตสุ โส อนาวิโล วิปฺปสโนฺนว โหติฯ สพฺภิ สตํ ปสโตฺถติ ปณฺฑิเตหิ ปณฺฑิตานํ ปสโฎฺฐฯ อุตฺตมเตฺถน วา โส สพฺภีติ วุจฺจติ, ปณฺฑิเตหิ ปสตฺถตฺตา สตํ ปสโตฺถฯ ตรนฺติ ปารนฺติ นิพฺพานปารํ คจฺฉนฺติฯ
Dhammo rahadoti yathā tvaṃ aggiṃ paricaritvā dhūmachārikasedakiliṭṭhasarīro sundarikaṃ nadiṃ otaritvā nhāyasi, evaṃ mayhaṃ sundarikāsadisena bāhirena rahadena attho natthi, aṭṭhaṅgikamaggadhammo pana mayhaṃ rahado, tatrāhaṃ pāṇasatampi pāṇasahassampi caturāsītipāṇasahassānipi ekappahārena nhāpemi. Sīlatitthoti tassa pana me dhammarahadassa catupārisuddhisīlaṃ titthanti dasseti. Anāviloti yathā tuyhaṃ sundarikā nadī catūhi pañcahi ekato nhāyantehi heṭṭhupariyavālikā āluḷā hoti , na evaṃ mayhaṃ rahado, anekasatasahassesupi pāṇesu otaritvā nhāyantesu so anāvilo vippasannova hoti. Sabbhi sataṃ pasatthoti paṇḍitehi paṇḍitānaṃ pasaṭṭho. Uttamatthena vā so sabbhīti vuccati, paṇḍitehi pasatthattā sataṃ pasattho. Taranti pāranti nibbānapāraṃ gacchanti.
อิทานิ อริยมคฺครหทสฺส องฺคานิ อุทฺธริตฺวา ทเสฺสโนฺต สจฺจํ ธโมฺมติอาทิมาหฯ ตตฺถ สจฺจนฺติ วจีสจฺจํฯ ธโมฺมติ อิมินา ทิฎฺฐิสงฺกปฺปวายามสติสมาธโย ทเสฺสติฯ สํยโมติ อิมินา กมฺมนฺตาชีวา คหิตาฯ สจฺจนฺติ วา อิมินา มคฺคสจฺจํ คหิตํฯ สา อตฺถโต สมฺมาทิฎฺฐิฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิ มโคฺค เจว เหตุ จา’’ติ (ธ. ส. ๑๐๓๙)ฯ สมฺมาทิฎฺฐิยา ปน คหิตาย ตคฺคติกตฺตา สมฺมาสงฺกโปฺป คหิโตว โหติฯ ธโมฺมติ อิมินา วายามสติสมาธโยฯ สํยโมติ อิมินา วาจากมฺมนฺตาชีวาฯ เอวมฺปิ อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค ทสฺสิโต โหติฯ อถ วา สจฺจนฺติ ปรมตฺถสจฺจํ , ตํ อตฺถโต นิพฺพานํฯ ธโมฺมติปเทน ทิฎฺฐิ สงฺกโปฺป วายาโม สติ สมาธีติ ปญฺจงฺคานิ คหิตานิฯ สํยโมติ วาจา กมฺมโนฺต อาชีโวติ ตีณิฯ เอวมฺปิ อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค ทสฺสิโต โหติฯ พฺรหฺมจริยนฺติ เอตํ พฺรหฺมจริยํ นามฯ มเชฺฌ สิตาติ สสฺสตุเจฺฉเท วเชฺชตฺวา มเชฺฌ นิสฺสิตาฯ พฺรหฺมปตฺตีติ เสฎฺฐปตฺติฯ ส ตุชฺชุภูเตสุ นโม กโรหีติ เอตฺถ ต-กาโร ปทสนฺธิกโร, ส ตฺวํ อุชุภูเตสุ ขีณาสเวสุ นโม กโรหีติ อโตฺถฯ ตมหํ นรํ ธมฺมสารีติ พฺรูมีติ โย เอวํ ปฎิปชฺชติ, ตมหํ ปุคฺคลํ ‘‘ธมฺมสารี เอโส ธมฺมสาริยา ปฎิจฺฉโนฺน’’ติ จ ‘‘กุสลธเมฺมหิ อกุสลธเมฺม สาเรตฺวา ฐิโต’’ติ วาติ วทามีติฯ นวมํฯ
Idāni ariyamaggarahadassa aṅgāni uddharitvā dassento saccaṃ dhammotiādimāha. Tattha saccanti vacīsaccaṃ. Dhammoti iminā diṭṭhisaṅkappavāyāmasatisamādhayo dasseti. Saṃyamoti iminā kammantājīvā gahitā. Saccanti vā iminā maggasaccaṃ gahitaṃ. Sā atthato sammādiṭṭhi. Vuttañhetaṃ – ‘‘sammādiṭṭhi maggo ceva hetu cā’’ti (dha. sa. 1039). Sammādiṭṭhiyā pana gahitāya taggatikattā sammāsaṅkappo gahitova hoti. Dhammoti iminā vāyāmasatisamādhayo. Saṃyamoti iminā vācākammantājīvā. Evampi aṭṭhaṅgiko maggo dassito hoti. Atha vā saccanti paramatthasaccaṃ , taṃ atthato nibbānaṃ. Dhammotipadena diṭṭhi saṅkappo vāyāmo sati samādhīti pañcaṅgāni gahitāni. Saṃyamoti vācā kammanto ājīvoti tīṇi. Evampi aṭṭhaṅgiko maggo dassito hoti. Brahmacariyanti etaṃ brahmacariyaṃ nāma. Majjhe sitāti sassatucchede vajjetvā majjhe nissitā. Brahmapattīti seṭṭhapatti. Sa tujjubhūtesu namo karohīti ettha ta-kāro padasandhikaro, sa tvaṃ ujubhūtesu khīṇāsavesu namo karohīti attho. Tamahaṃ naraṃ dhammasārīti brūmīti yo evaṃ paṭipajjati, tamahaṃ puggalaṃ ‘‘dhammasārī eso dhammasāriyā paṭicchanno’’ti ca ‘‘kusaladhammehi akusaladhamme sāretvā ṭhito’’ti vāti vadāmīti. Navamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๙. สุนฺทริกสุตฺตํ • 9. Sundarikasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๙. สุนฺทริกสุตฺตวณฺณนา • 9. Sundarikasuttavaṇṇanā