Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๙. สุนฺทริกสุตฺตวณฺณนา
9. Sundarikasuttavaṇṇanā
๑๙๕. อาเนตฺวา หุนิตพฺพโต อาหุติฯ สปฺปิมธุปายสาทีหิ อคฺคิํ ชุโหติ เอตฺถาติ อคฺคิหุตฺตํ, สาธิฎฺฐานํ เวทิตพฺพํฯ เตนาห ‘‘อคฺยายตน’’นฺติอาทิฯ สุวิโสธิโต จสฺสาติ นิหีนชาติกานํ อเนน สุฎฺฐุ วิโสธิโต จ ภเวยฺยฯ ‘‘เม’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ
195. Ānetvā hunitabbato āhuti. Sappimadhupāyasādīhi aggiṃ juhoti etthāti aggihuttaṃ, sādhiṭṭhānaṃ veditabbaṃ. Tenāha ‘‘agyāyatana’’ntiādi. Suvisodhito cassāti nihīnajātikānaṃ anena suṭṭhu visodhito ca bhaveyya. ‘‘Me’’ti padaṃ ānetvā sambandho.
อผลํ กโรตีติ อิโต ปฎฺฐาย ยาว เทมีติ ปทํฯ ตาว อนนฺตรสุตฺตวณฺณนาย อาคตสทิสเมวาติ เปยฺยาลวเสน ฐเปสิ, น สปฺปิสงฺขารฎฺฐปนํฯ หิมปาตสฺส จ สีตวาตสฺส จ ปฎิพาหนตฺถนฺติ อการณเมตนฺติ ตํ อนาทิยิตฺวา อญฺญเมว สุการณํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปฎิพโลวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สญฺชานิตฺวาติ ‘‘นายํ พฺราหฺมโณ’’ติ สญฺชานิตฺวาฯ
Aphalaṃ karotīti ito paṭṭhāya yāva demīti padaṃ. Tāva anantarasuttavaṇṇanāya āgatasadisamevāti peyyālavasena ṭhapesi, na sappisaṅkhāraṭṭhapanaṃ. Himapātassa ca sītavātassa ca paṭibāhanatthanti akāraṇametanti taṃ anādiyitvā aññameva sukāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘paṭibalovā’’tiādi vuttaṃ. Sañjānitvāti ‘‘nāyaṃ brāhmaṇo’’ti sañjānitvā.
นีจเกสนฺตนฺติ รสฺสเกสนฺตํฯ พฺราหฺมณานํ สุทฺธิอตฺถา สิขาติ อาห ‘‘ปวตฺตมตฺตมฺปิ, สิขํ อทิสฺวา’’ติ, ‘‘ปรมหํสปริกฺขาทินา’’ติ เกจิฯ
Nīcakesantanti rassakesantaṃ. Brāhmaṇānaṃ suddhiatthā sikhāti āha ‘‘pavattamattampi, sikhaṃ adisvā’’ti, ‘‘paramahaṃsaparikkhādinā’’ti keci.
อการณํ ทกฺขิเณยฺยภาวสฺส ชาติ อทกฺขิเณยฺยภาวเหตูนํ ปาปธมฺมานํ อปฎิเกฺขปภาวโตฯ เอตนฺติ สีลาทิเภทํ จรณํฯ ทกฺขิเณยฺยภาวสฺส การณํ อทกฺขิเณยฺยภาวการกปาปธมฺมานํ ตทงฺคาทิวเสน ปชหนโตฯ อสฺสาติ พฺราหฺมณสฺสฯ ตมตฺถนฺติ ตํ ทกฺขิเณยฺยภาวสฺส การณตาสงฺขาตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวโนฺตฯ สาลาทิกฎฺฐา ชาโตวาติ สาลาทิวิสุทฺธกฎฺฐาว ชาโตฯ สาปานโทณิอาทิอวิสุทฺธกฎฺฐา ชาโต อคฺคิกิจฺจํ น จ น กโรติฯ เอวนฺติ ยถา อคฺคิ ยโต กุโตจิ ชาโตปิ อคฺคิกิจฺจํ กโรติเยว, เอวํ จณฺฑาลกุลาทีสุ ชาโตปิ ทกฺขิเณโยฺย น น โหติ คุณสมฺปทาวเสน อริยานํ วํเส ปชาตตฺตาติ อาห ‘‘คุณสมฺปตฺติยา ชาติมา’’ติฯ ธิติยา คุณสมฺปตฺติยา ปมุขภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘โส หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ธิติยาติ วีริเยนฯ ตญฺหิ อนุปฺปนฺนานํ กุสลธมฺมานํ อุปฺปาทนปริพฺรูหเนหิ เต ธาเรติฯ หิริยา โทเส นิเสเธติ, สมฺมเทว ปาปานํ ชิคุจฺฉเน สติ เตสํ ปวตฺติยา อวสโร เอว นตฺถิฯ โมนธเมฺมน ญาณสงฺขาเตน โอตฺตปฺปธเมฺมนฯ การณาการณชานนโกติ เตสํ เตสํ ธมฺมานํ ยถาภูตํ ฐานํ, ปาปธมฺมานํ วา วิปฺปการสภาวฎฺฐานํ ชานนโกฯ
Akāraṇaṃ dakkhiṇeyyabhāvassa jāti adakkhiṇeyyabhāvahetūnaṃ pāpadhammānaṃ apaṭikkhepabhāvato. Etanti sīlādibhedaṃ caraṇaṃ. Dakkhiṇeyyabhāvassa kāraṇaṃ adakkhiṇeyyabhāvakārakapāpadhammānaṃ tadaṅgādivasena pajahanato. Assāti brāhmaṇassa. Tamatthanti taṃ dakkhiṇeyyabhāvassa kāraṇatāsaṅkhātamatthaṃ upamāya vibhāvento. Sālādikaṭṭhā jātovāti sālādivisuddhakaṭṭhāva jāto. Sāpānadoṇiādiavisuddhakaṭṭhā jāto aggikiccaṃ na ca na karoti. Evanti yathā aggi yato kutoci jātopi aggikiccaṃ karotiyeva, evaṃ caṇḍālakulādīsu jātopi dakkhiṇeyyo na na hoti guṇasampadāvasena ariyānaṃ vaṃse pajātattāti āha ‘‘guṇasampattiyā jātimā’’ti. Dhitiyā guṇasampattiyā pamukhabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘so hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha dhitiyāti vīriyena. Tañhi anuppannānaṃ kusaladhammānaṃ uppādanaparibrūhanehi te dhāreti. Hiriyā dose nisedheti, sammadeva pāpānaṃ jigucchane sati tesaṃ pavattiyā avasaro eva natthi. Monadhammena ñāṇasaṅkhātena ottappadhammena. Kāraṇākāraṇajānanakoti tesaṃ tesaṃ dhammānaṃ yathābhūtaṃ ṭhānaṃ, pāpadhammānaṃ vā vippakārasabhāvaṭṭhānaṃ jānanako.
ปรมตฺถสเจฺจน นิพฺพาเนน อารมฺมณปจฺจยภูเตน อริยมเคฺคน ทโนฺตฯ อินฺทฺริยทเมนาติ ตโต เอว อริเยน อินฺทฺริยสํวเรน อุปคโตฯ วิทนฺติ เตหิ สจฺจานีติ เวทาฯ มคฺคเวทานํ อนฺตนฺติ อริยผลํฯ กิเลสานํ อนฺตนฺติ เตสํ อนุปฺปาทนิโรธฎฺฐานํฯ ยโญฺญติ อคฺคผลํฯ นิรตฺถกนฺติ อผลํ เตสํ อนาคมนโต, อาคตานมฺปิ อคฺคทกฺขิเณยฺยาภาวโตฯ ชุหติ เทติฯ
Paramatthasaccena nibbānena ārammaṇapaccayabhūtena ariyamaggena danto. Indriyadamenāti tato eva ariyena indriyasaṃvarena upagato. Vidanti tehi saccānīti vedā. Maggavedānaṃ antanti ariyaphalaṃ. Kilesānaṃ antanti tesaṃ anuppādanirodhaṭṭhānaṃ. Yaññoti aggaphalaṃ. Niratthakanti aphalaṃ tesaṃ anāgamanato, āgatānampi aggadakkhiṇeyyābhāvato. Juhati deti.
สุยิฎฺฐนฺติ สุทานํ อคฺคทกฺขิเณยฺยลาเภนฯ สุหุตนฺติ ตเสฺสว เววจนํฯ อถ วา สุยิฎฺฐนฺติ สุฎฺฐุ สมฺมเทว ยิฎฺฐํ สาเร อุปนีตํ มม อิทํ เทยฺยวตฺถุฯ สุหุตนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ
Suyiṭṭhanti sudānaṃ aggadakkhiṇeyyalābhena. Suhutanti tasseva vevacanaṃ. Atha vā suyiṭṭhanti suṭṭhu sammadeva yiṭṭhaṃ sāre upanītaṃ mama idaṃ deyyavatthu. Suhutanti etthāpi eseva nayo.
อุปหฎมเตฺตติ พฺราหฺมเณน ‘‘ภุญฺชตุ ภว’’นฺติ อุปนีตมเตฺตฯ นิพฺพตฺติโตชเมวาติ สวตฺถุกํ อคฺคเหตฺวา วตฺถุโต วิเวจิตโอชเมวฯ เตน ตํ สุขุมตฺตํ คตนฺติ ตํ หพฺยเสสํ สพฺพโส สุขุมภาวํ คตนฺติ โอชาย อโนฬาริกตาย ปุริมากาเรเนว ปญฺญายมานตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปน โอชาย เอว เกวลาย คหณํ สนฺธายฯ สา หิ อวินิโพฺภควุตฺติตาย วิสุํ คณฺหิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา เทวตาหิปิ สวตฺถุกา คยฺหติฯ มนุสฺสานํ วตฺถูติ กรชกายมาหฯ โอฬาริกวตฺถุตาย เทวานํ วิย คหณี น ติกฺขาติ ทิโพฺพชสมฺมิสฺสตาย สมฺมา ปริณามํ น คจฺฉติฯ สุขุมาปิ สมานา ทิโพฺพชา เตน ปายเสน มิสฺสิตา โอฬาริกสมฺมิสฺสตาย สุขุมวตฺถุกานํ เทวานํ สุขทา น โหตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ ‘‘โคยูเส ปนา’’ติอาทินาฯ ปริโภควตฺถุโน โอฬาริกตาย วา เทวานํ ทุกฺกรํ สมฺมา ปริณาเมตุํ, ทิโพฺพชาย ครุตรภาเวน มนุสฺสานํฯ เตนาห ภควา ‘‘น ขฺวาห’’นฺติอาทิฯ สมาปตฺติจิตฺตสมุฎฺฐิตา เตโชธาตุ ฌานานุภาวสเนฺตชิตา ติกฺขตรา โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อฎฺฐ…เป.… ปริณาเมยฺยา’’ติฯ ภควโต ปน สุเทฺธเนว ปริณมตีติ วุตฺตํ ‘‘ปากติเกเนวา’’ติ, ฌานานุภาวปฺปเตฺตน ฌาเนน วินา สภาวสิเทฺธเนวฯ
Upahaṭamatteti brāhmaṇena ‘‘bhuñjatu bhava’’nti upanītamatte. Nibbattitojamevāti savatthukaṃ aggahetvā vatthuto vivecitaojameva. Tena taṃ sukhumattaṃ gatanti taṃ habyasesaṃ sabbaso sukhumabhāvaṃ gatanti ojāya anoḷārikatāya purimākāreneva paññāyamānataṃ sandhāya vuttaṃ, na pana ojāya eva kevalāya gahaṇaṃ sandhāya. Sā hi avinibbhogavuttitāya visuṃ gaṇhituṃ na sakkā, tasmā devatāhipi savatthukā gayhati. Manussānaṃ vatthūti karajakāyamāha. Oḷārikavatthutāya devānaṃ viya gahaṇī na tikkhāti dibbojasammissatāya sammā pariṇāmaṃ na gacchati. Sukhumāpi samānā dibbojā tena pāyasena missitā oḷārikasammissatāya sukhumavatthukānaṃ devānaṃ sukhadā na hotīti imamatthaṃ dasseti ‘‘goyūse panā’’tiādinā. Paribhogavatthuno oḷārikatāya vā devānaṃ dukkaraṃ sammā pariṇāmetuṃ, dibbojāya garutarabhāvena manussānaṃ. Tenāha bhagavā ‘‘na khvāha’’ntiādi. Samāpatticittasamuṭṭhitā tejodhātu jhānānubhāvasantejitā tikkhatarā hotīti vuttaṃ ‘‘aṭṭha…pe… pariṇāmeyyā’’ti. Bhagavato pana suddheneva pariṇamatīti vuttaṃ ‘‘pākatikenevā’’ti, jhānānubhāvappattena jhānena vinā sabhāvasiddheneva.
‘‘อปฺปหริเต’’ติ เอตฺถ อปฺป-สโทฺท ‘‘อปฺปิโจฺฉ’’ติอาทีสุ วิย อภาวโตฺถติ อาห ‘‘อปฺปหริเตติ อหริเต’’ติฯ ปาติสเตปิ ปายเสฯ น อาลุฬตีติ น อาวิลํ โหติฯ อนาคนฺตาว คเจฺฉยฺย ‘‘อตฺตนาปิ น ปริภุญฺชิ, อเญฺญสํ น ทาเปสิ, เกวลํ ปายสํ นาเสสี’’ติ โทมนสฺสปฺปโตฺตฯ
‘‘Appaharite’’ti ettha appa-saddo ‘‘appiccho’’tiādīsu viya abhāvatthoti āha ‘‘appahariteti aharite’’ti. Pātisatepi pāyase. Na āluḷatīti na āvilaṃ hoti. Anāgantāva gaccheyya ‘‘attanāpi na paribhuñji, aññesaṃ na dāpesi, kevalaṃ pāyasaṃ nāsesī’’ti domanassappatto.
ทารุ สมาทหาโนติ ทารุหริทฺทิ ทารุสฺมิํ ตสฺส ทหโนฺตฯ ยทีติอาทิ ทารุฌาปนสฺส พหิทฺธภาวสาธนํ อสุทฺธเหตูนํ ปฎิปกฺขาภาวโต ตสฺสฯ ขนฺธาทีสุ กุสลาติ เตสุ สภาวโต สมุทยโต อตฺถงฺคมโต อสฺสาทโต อาทีนวโต นิสฺสรณโต ชานนโต เฉกา ปณฺฑิตาฯ ญาณโชตินฺติ ญาณมยํ โชติํฯ ชาเลมีติ ปชฺชลิตํ กโรมิฯ นิจฺจํ ปชฺชลิตคฺคิ สพฺพตฺถกเมว วิคตสโมฺมหนฺธการตาย เอโกภาสภาวโตฯ สพฺพโส วิเกฺขปาภาวโต นิจฺจสมาหิตโตฺตฯ เอวํ วทตีติ จริตํ พฺรหฺมจริยํ คเหตฺวา จรามีติ เอวํ วตฺตมานํ วิย วทติ อาสนฺนตํ หทเย ฐเปตฺวาฯ
Dārusamādahānoti dāruhariddi dārusmiṃ tassa dahanto. Yadītiādi dārujhāpanassa bahiddhabhāvasādhanaṃ asuddhahetūnaṃ paṭipakkhābhāvato tassa. Khandhādīsu kusalāti tesu sabhāvato samudayato atthaṅgamato assādato ādīnavato nissaraṇato jānanato chekā paṇḍitā. Ñāṇajotinti ñāṇamayaṃ jotiṃ. Jālemīti pajjalitaṃ karomi. Niccaṃ pajjalitaggi sabbatthakameva vigatasammohandhakāratāya ekobhāsabhāvato. Sabbaso vikkhepābhāvato niccasamāhitatto. Evaṃ vadatīti caritaṃ brahmacariyaṃ gahetvā carāmīti evaṃ vattamānaṃ viya vadati āsannataṃ hadaye ṭhapetvā.
ขาริภาโรติ ขาริภารสทิโสฯ เตนาห ‘‘ยถา’’ติอาทิฯ ขเนฺธน วยฺหมาโนติ กาเช ปกฺขิปิตฺวา ขเนฺธน วยฺหมาโนฯ ปถวิยา สทฺธิํ ผุเสติ ภารสฺส ครุกภาเวน กาชสฺส ปริณมเนนฯ มาเนน อตฺตโน ชาติอาทีนิ ปคฺคณฺหโต อญฺญสฺส ตานิ น สหตีติ อาห – ‘‘ตตฺถ ตตฺถ อิสฺสํ อุปฺปาเทโนฺต’’ติ, ตตฺถ ตตฺถ ชาติอาทิมานวตฺถุสฺมิํ ครุตรคฺคหเณน สํสีเทยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ โกโธ ธูโมติ ยถาปิ ภาสุโร อคฺคิ ธูเมน อุปกฺกิลิโฎฺฐ, เอวํ โกเธน อุปกฺกิลิโฎฺฐฯ ญาณคฺคีติ ตสฺส โกโธ ธูโมฯ มุสาวาโทว โมสวชฺชํฯ ยถา ญาเณ สติ มุสาวาโท นตฺถิ, เอวํ มุสาวาเท สติ ญาณมฺปีติ เตน ตํ นิโรธิตํ วิย โหตีติ อาห – ‘‘มุสาวาเทน ปฎิจฺฉนฺนํ ญาณ’’นฺติฯ ยถา สุชาย วินา พฺราหฺมณานํ ยาโค น อิชฺฌติ, เอวํ ปหูตชิวฺหาย วินา สตฺถุ ธมฺมยาโค น อิชฺฌตีติ ชิวฺหา สุชาปริยายา วุตฺตาฯ โชติ ฐิยติ เอตฺถาติ โชติฎฺฐานํ เวทิ, ยํ อคฺคิกุณฺฑํฯ สตฺตานํ หทยํ โชติฎฺฐานํ ญาณคฺคิโน ตตฺถ สมุชฺชลนโตฯ อตฺตาติ จิตฺตํ ‘‘อาหิโต อหํ มาโน เอตฺถา’’ติ กตฺวาฯ
Khāribhāroti khāribhārasadiso. Tenāha ‘‘yathā’’tiādi. Khandhena vayhamānoti kāje pakkhipitvā khandhena vayhamāno. Pathaviyā saddhiṃ phuseti bhārassa garukabhāvena kājassa pariṇamanena. Mānena attano jātiādīni paggaṇhato aññassa tāni na sahatīti āha – ‘‘tattha tattha issaṃ uppādento’’ti, tattha tattha jātiādimānavatthusmiṃ garutaraggahaṇena saṃsīdeyyāti adhippāyo. Kodho dhūmoti yathāpi bhāsuro aggi dhūmena upakkiliṭṭho, evaṃ kodhena upakkiliṭṭho. Ñāṇaggīti tassa kodho dhūmo. Musāvādova mosavajjaṃ. Yathā ñāṇe sati musāvādo natthi, evaṃ musāvāde sati ñāṇampīti tena taṃ nirodhitaṃ viya hotīti āha – ‘‘musāvādena paṭicchannaṃ ñāṇa’’nti. Yathā sujāya vinā brāhmaṇānaṃ yāgo na ijjhati, evaṃ pahūtajivhāya vinā satthu dhammayāgo na ijjhatīti jivhā sujāpariyāyā vuttā. Joti ṭhiyati etthāti jotiṭṭhānaṃ vedi, yaṃ aggikuṇḍaṃ. Sattānaṃ hadayaṃ jotiṭṭhānaṃ ñāṇaggino tattha samujjalanato. Attāti cittaṃ ‘‘āhito ahaṃ māno etthā’’ti katvā.
ธโมฺม รหโทติ อสฺสทฺธิยาทิอาลสิยาภาวโต กิเลสมลปกฺขาลนโต ปรมคฺคินิพฺพุตาวหนโต อริยมคฺคธโมฺม อนาวิโล รหโทฯ เหฎฺฐุปริยวาลุกาติ วิปริวตฺติตวาลุกา หุตฺวาฯ อาลุฬาติ อากุลชาตาฯ ปณฺฑิตานํ ปสโตฺถติ ปณฺฑิตานํ ปุรโต เสโฎฺฐฯ เสฎฺฐภาเวน สโนฺต ปาสํโส หุตฺวา กิเลเส ภินฺทติ สมุจฺฉินฺทตีติ สพฺภีติ วุจฺจติฯ เตนาห ‘‘อุตฺตมเฎฺฐนา’’ติฯ ตถา จาห ภควา ‘‘มคฺคานฎฺฐงฺคิโก เสโฎฺฐ’’ติ (ธ. ป. ๒๗๓)ฯ
Dhammo rahadoti assaddhiyādiālasiyābhāvato kilesamalapakkhālanato paramagginibbutāvahanato ariyamaggadhammo anāvilo rahado. Heṭṭhupariyavālukāti viparivattitavālukā hutvā. Āluḷāti ākulajātā. Paṇḍitānaṃ pasatthoti paṇḍitānaṃ purato seṭṭho. Seṭṭhabhāvena santo pāsaṃso hutvā kilese bhindati samucchindatīti sabbhīti vuccati. Tenāha ‘‘uttamaṭṭhenā’’ti. Tathā cāha bhagavā ‘‘maggānaṭṭhaṅgiko seṭṭho’’ti (dha. pa. 273).
วจีสจฺจนฺติ อิมินา ‘‘จตุรงฺคสมนฺนาคตา วาจา สุปริสุทฺธา โหตี’’ติ สมฺมาวาจํ ทเสฺสติฯ สจฺจสํยมปเทหิ ทสฺสิตา มคฺคธมฺมา อิธ ‘‘ธโมฺม’’ติ อธิเปฺปตาติ อาห – ‘‘ธโมฺมติ อิมินา…เป.… ทเสฺสตี’’ติฯ มคฺคสจฺจํ คหิตํ อนนฺตรคาถาย อเนเกหิ วิเสเสตฺวา วุตฺตตฺตาฯ อตฺถโตติ ปุพฺพงฺคมตฺตาทิอตฺถโตฯ ตาย หิ สกิจฺจํ กโรนฺติยา อิตเร สเพฺพปิ ตทนุวตฺติกา โหนฺติฯ ตคฺคติกตฺตาติ สมฺมาทิฎฺฐิยา อุปการกภาเวน ตาย สมานคติกตฺตาฯ อารมฺมณญฺหิ วิตเกฺกนาหฎํ ปญฺญา วิจินิตุํ สโกฺกติฯ ตถา หิ โส ปญฺญากฺขเนฺธน สงฺคหํ คโตฯ ธโมฺมติ สภาวโต สมาธิ คหิโต, อิตเร เทฺว ตทุปการตฺตาฯ ตถา หิ ‘‘เอวํธมฺมา เต ภควโนฺต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๓; ม. นิ. ๓.๑๙๗; สํ. นิ. ๕.๓๗๘) สมาธิ ‘‘ธโมฺม’’ติ วุโตฺตฯ ปรมตฺถสจฺจํ คหิตํ สเพฺพสํ เสฎฺฐภาวโตฯ ยถาห – ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔)ฯ อตฺถโตติ ตโต เอว ปรมตฺถโต, อนนฺตรํ วุจฺจมานานํ วา มคฺคธมฺมานํ อารมฺมณภาวโตฯ ปญฺจงฺคานิ คหิตานิ ตาสํ มคฺคภาวโตฯ ตีณิ องฺคานิฯ พฺรหฺมจริยํ นามาติ เอตํ นิพฺพานคามิ อุตฺตมเฎฺฐน มคฺคพฺรหฺมจริยํ นามฯ มเชฺฌ สิตาติ ลีนุทฺธจฺจาทิอนฺตทฺวยวิวชฺชเนน มเชฺฌ มชฺฌิมปฎิปทาภาวนํ นิสฺสิตาฯ สสฺสตุเจฺฉทคฺคหณํ เหตฺถ ปธานตาย นิทสฺสนมตฺตํฯ เสฎฺฐปฺปตฺตีติ เสฎฺฐภาวปฺปตฺติฯ ต-กาโร ปทสนฺธิกโรติ ‘‘ส อุชุภูเตสู’’ติ วตฺตเพฺพ มเชฺฌ ต-กาโร ปทสนฺธิกโร, ‘‘ส ทุชฺชุภูเตสูติ เกจิ ปฐนฺติ, เตสํ ท-กาโร ปทสนฺธิกโรฯ ส-อิติ สุนฺทริโก พฺราหฺมโณ วุโตฺตติ กตฺวา อาห ‘‘ส ตฺว’’นฺติ, โส ตฺวนฺติ อโตฺถฯ ธโมฺม สาริโย ปริธานภูตา อลงฺการา เอตสฺสาติ ธมฺมสารีฯ อถ วา ธเมฺมหิ สาริตวาติ ธมฺมสารี, เตหิ สาเรตฺวา ฐิตวาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘กุสลธเมฺมหี’’ติอาทิฯ
Vacīsaccanti iminā ‘‘caturaṅgasamannāgatā vācā suparisuddhā hotī’’ti sammāvācaṃ dasseti. Saccasaṃyamapadehi dassitā maggadhammā idha ‘‘dhammo’’ti adhippetāti āha – ‘‘dhammoti iminā…pe… dassetī’’ti. Maggasaccaṃ gahitaṃ anantaragāthāya anekehi visesetvā vuttattā. Atthatoti pubbaṅgamattādiatthato. Tāya hi sakiccaṃ karontiyā itare sabbepi tadanuvattikā honti. Taggatikattāti sammādiṭṭhiyā upakārakabhāvena tāya samānagatikattā. Ārammaṇañhi vitakkenāhaṭaṃ paññā vicinituṃ sakkoti. Tathā hi so paññākkhandhena saṅgahaṃ gato. Dhammoti sabhāvato samādhi gahito, itare dve tadupakārattā. Tathā hi ‘‘evaṃdhammā te bhagavanto’’tiādīsu (dī. ni. 2.13; ma. ni. 3.197; saṃ. ni. 5.378) samādhi ‘‘dhammo’’ti vutto. Paramatthasaccaṃ gahitaṃ sabbesaṃ seṭṭhabhāvato. Yathāha – ‘‘yāvatā, bhikkhave, dhammā saṅkhatā vā asaṅkhatā vā, virāgo tesaṃ aggamakkhāyatī’’ti (itivu. 90; a. ni. 4.34). Atthatoti tato eva paramatthato, anantaraṃ vuccamānānaṃ vā maggadhammānaṃ ārammaṇabhāvato. Pañcaṅgāni gahitāni tāsaṃ maggabhāvato. Tīṇi aṅgāni. Brahmacariyaṃ nāmāti etaṃ nibbānagāmi uttamaṭṭhena maggabrahmacariyaṃ nāma. Majjhe sitāti līnuddhaccādiantadvayavivajjanena majjhe majjhimapaṭipadābhāvanaṃ nissitā. Sassatucchedaggahaṇaṃ hettha padhānatāya nidassanamattaṃ. Seṭṭhappattīti seṭṭhabhāvappatti. Ta-kāro padasandhikaroti ‘‘sa ujubhūtesū’’ti vattabbe majjhe ta-kāro padasandhikaro, ‘‘sa dujjubhūtesūti keci paṭhanti, tesaṃ da-kāro padasandhikaro. Sa-iti sundariko brāhmaṇo vuttoti katvā āha ‘‘sa tva’’nti, so tvanti attho. Dhammo sāriyo paridhānabhūtā alaṅkārā etassāti dhammasārī. Atha vā dhammehi sāritavāti dhammasārī, tehi sāretvā ṭhitavāti attho. Tenāha ‘‘kusaladhammehī’’tiādi.
สุนฺทริกสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sundarikasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๙. สุนฺทริกสุตฺตํ • 9. Sundarikasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๙. สุนฺทริกสุตฺตวณฺณนา • 9. Sundarikasuttavaṇṇanā