Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā

    ๔. สุนฺทรีนนฺทาเถรีคาถาวณฺณนา

    4. Sundarīnandātherīgāthāvaṇṇanā

    อาตุรํ อสุจินฺติอาทิกา สุนฺทรีนนฺทาย เถริยา คาถาฯ อยมฺปิ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺวา, สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺตี สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุนิํ ฌายินีนํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถตฺวา กุสลํ อุปจินนฺตี กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุเสฺสสุ สํสรนฺตี อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สกฺยราชกุเล นิพฺพตฺติฯ นนฺทาติสฺสา นามํ อกํสุฯ อปรภาเค รูปสมฺปตฺติยา สุนฺทรีนนฺทา, ชนปทกลฺยาณีติ จ ปญฺญายิตฺถฯ สา อมฺหากํ ภควติ สพฺพญฺญุตํ ปตฺวา อนุปุเพฺพน กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา นนฺทกุมารญฺจ ราหุลกุมารญฺจ ปพฺพาเชตฺวา คเต สุโทฺธทนมหาราเช จ ปรินิพฺพุเต มหาปชาปติโคตมิยา ราหุลมาตาย จ ปพฺพชิตาย จิเนฺตสิ – ‘‘มยฺหํ เชฎฺฐภาตา จกฺกวตฺติรชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา โลเก อคฺคปุคฺคโล พุโทฺธ ชาโต, ปุโตฺตปิสฺส ราหุลกุมาโร ปพฺพชิ, ภตฺตาปิ เม นนฺทราชา, มาตาปิ มหาปชาปติโคตมี, ภคินีปิ ราหุลมาตา ปพฺพชิตา, อิทานาหํ เคเห กิํ กริสฺสามิ, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา ญาติสิเนเหน ปพฺพชิ, โน สทฺธายฯ ตสฺมา ปพฺพชิตฺวาปิ รูปํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนมทาฯ ‘‘สตฺถา รูปํ วิวเณฺณติ ครหติ, อเนกปริยาเยน รูเป อาทีนวํ ทเสฺสตี’’ติ พุทฺธุปฎฺฐานํ น คจฺฉตีติอาทิ สพฺพํ เหฎฺฐา อภิรูปนนฺทาย วตฺถุสฺมิํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ อยํ ปน วิเสโส – สตฺถารา นิมฺมิตํ อิตฺถิรูปํ อนุกฺกเมน ชราภิภูตํ ทิสฺวา อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต มนสิกโรนฺติยา เถริยา กมฺมฎฺฐานาภิมุขํ จิตฺตํ อโหสิฯ ตํ ทิสฺวา สตฺถา ตสฺสา สปฺปายวเสน ธมฺมํ เทเสโนฺต –

    Āturaṃ asucintiādikā sundarīnandāya theriyā gāthā. Ayampi kira padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patvā, satthu santike dhammaṃ suṇantī satthāraṃ ekaṃ bhikkhuniṃ jhāyinīnaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā adhikārakammaṃ katvā taṃ ṭhānantaraṃ patthetvā kusalaṃ upacinantī kappasatasahassaṃ devamanussesu saṃsarantī imasmiṃ buddhuppāde sakyarājakule nibbatti. Nandātissā nāmaṃ akaṃsu. Aparabhāge rūpasampattiyā sundarīnandā, janapadakalyāṇīti ca paññāyittha. Sā amhākaṃ bhagavati sabbaññutaṃ patvā anupubbena kapilavatthuṃ gantvā nandakumārañca rāhulakumārañca pabbājetvā gate suddhodanamahārāje ca parinibbute mahāpajāpatigotamiyā rāhulamātāya ca pabbajitāya cintesi – ‘‘mayhaṃ jeṭṭhabhātā cakkavattirajjaṃ pahāya pabbajitvā loke aggapuggalo buddho jāto, puttopissa rāhulakumāro pabbaji, bhattāpi me nandarājā, mātāpi mahāpajāpatigotamī, bhaginīpi rāhulamātā pabbajitā, idānāhaṃ gehe kiṃ karissāmi, pabbajissāmī’’ti bhikkhunupassayaṃ gantvā ñātisinehena pabbaji, no saddhāya. Tasmā pabbajitvāpi rūpaṃ nissāya uppannamadā. ‘‘Satthā rūpaṃ vivaṇṇeti garahati, anekapariyāyena rūpe ādīnavaṃ dassetī’’ti buddhupaṭṭhānaṃ na gacchatītiādi sabbaṃ heṭṭhā abhirūpanandāya vatthusmiṃ vuttanayeneva veditabbaṃ. Ayaṃ pana viseso – satthārā nimmitaṃ itthirūpaṃ anukkamena jarābhibhūtaṃ disvā aniccato dukkhato anattato manasikarontiyā theriyā kammaṭṭhānābhimukhaṃ cittaṃ ahosi. Taṃ disvā satthā tassā sappāyavasena dhammaṃ desento –

    ๘๒.

    82.

    ‘‘อาตุรํ อสุจิํ ปูติํ, ปสฺส นเนฺท สมุสฺสยํ;

    ‘‘Āturaṃ asuciṃ pūtiṃ, passa nande samussayaṃ;

    อสุภาย จิตฺตํ ภาเวหิ, เอกคฺคํ สุสมาหิตํฯ

    Asubhāya cittaṃ bhāvehi, ekaggaṃ susamāhitaṃ.

    ๘๓.

    83.

    ‘‘ยถา อิทํ ตถา เอตํ, ยถา เอตํ ตถา อิทํ;

    ‘‘Yathā idaṃ tathā etaṃ, yathā etaṃ tathā idaṃ;

    ทุคฺคนฺธํ ปูติกํ วาติ, พาลานํ อภินนฺทิตํฯ

    Duggandhaṃ pūtikaṃ vāti, bālānaṃ abhinanditaṃ.

    ๘๔.

    84.

    ‘‘เอวเมตํ อเวกฺขนฺตี, รตฺตินฺทิวมตนฺทิตา;

    ‘‘Evametaṃ avekkhantī, rattindivamatanditā;

    ตโต สกาย ปญฺญาย, อภินิพฺพิชฺฌ ทกฺขิส’’นฺติฯ –

    Tato sakāya paññāya, abhinibbijjha dakkhisa’’nti. –

    อิมา ติโสฺส คาถา อภาสิฯ

    Imā tisso gāthā abhāsi.

    สา เทสนานุสาเรน ญาณํ เปเสตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ ตสฺสา อุปริมคฺคตฺถาย กมฺมฎฺฐานํ อาจิกฺขโนฺต ‘‘นเนฺท, อิมสฺมิํ สรีเร อปฺปมตฺตโกปิ สาโร นตฺถิ, มํสโลหิตเลปโน ชราทีนํ วาสภูโต, อฎฺฐิปุญฺชมโตฺต เอวาย’’นฺติ ทเสฺสตุํ –

    Sā desanānusārena ñāṇaṃ pesetvā sotāpattiphale patiṭṭhahi. Tassā uparimaggatthāya kammaṭṭhānaṃ ācikkhanto ‘‘nande, imasmiṃ sarīre appamattakopi sāro natthi, maṃsalohitalepano jarādīnaṃ vāsabhūto, aṭṭhipuñjamatto evāya’’nti dassetuṃ –

    ‘‘อฎฺฐินํ นครํ กตํ, มํสโลหิตเลปนํ;

    ‘‘Aṭṭhinaṃ nagaraṃ kataṃ, maṃsalohitalepanaṃ;

    ยตฺถ ชรา จ มจฺจุ จ, มาโน มโกฺข จ โอหิโต’’ติฯ (ธ. ป. ๑๕๐) –

    Yattha jarā ca maccu ca, māno makkho ca ohito’’ti. (dha. pa. 150) –

    ธมฺมปเท อิมํ คาถมาหฯ

    Dhammapade imaṃ gāthamāha.

    สา เทสนาวสาเน อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๓.๑๖๖-๒๑๙) –

    Sā desanāvasāne arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. therī 2.3.166-219) –

    ‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธมฺมาน ปารคู;

    ‘‘Padumuttaro nāma jino, sabbadhammāna pāragū;

    อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กเปฺป อุปฺปชฺชิ นายโกฯ

    Ito satasahassamhi, kappe uppajji nāyako.

    ‘‘โอวาทโก วิญฺญาปโก, ตารโก สพฺพปาณินํ;

    ‘‘Ovādako viññāpako, tārako sabbapāṇinaṃ;

    เทสนากุสโล พุโทฺธ, ตาเรสิ ชนตํ พหุํฯ

    Desanākusalo buddho, tāresi janataṃ bahuṃ.

    ‘‘อนุกมฺปโก การุณิโก, หิเตสี สพฺพปาณินํ;

    ‘‘Anukampako kāruṇiko, hitesī sabbapāṇinaṃ;

    สมฺปเตฺต ติตฺถิเย สเพฺพ, ปญฺจสีเล ปติฎฺฐปิฯ

    Sampatte titthiye sabbe, pañcasīle patiṭṭhapi.

    ‘‘เอวํ นิรากุลํ อาสิ, สุญฺญตํ ติตฺถิเยหิ จ;

    ‘‘Evaṃ nirākulaṃ āsi, suññataṃ titthiyehi ca;

    วิจิตฺตํ อรหเนฺตหิ, วสีภูเตหิ ตาทิภิฯ

    Vicittaṃ arahantehi, vasībhūtehi tādibhi.

    ‘‘รตนานฎฺฐปญฺญาสํ, อุคฺคโตว มหามุนิ;

    ‘‘Ratanānaṭṭhapaññāsaṃ, uggatova mahāmuni;

    กญฺจนคฺฆิยสงฺกาโส, พาตฺติํสวรลกฺขโณฯ

    Kañcanagghiyasaṅkāso, bāttiṃsavaralakkhaṇo.

    ‘‘วสฺสสตสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;

    ‘‘Vassasatasahassāni, āyu vijjati tāvade;

    ตาวตา ติฎฺฐมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํฯ

    Tāvatā tiṭṭhamāno so, tāresi janataṃ bahuṃ.

    ‘‘ตทาหํ หํสวติยํ, ชาตา เสฎฺฐิกุเล อหุํ;

    ‘‘Tadāhaṃ haṃsavatiyaṃ, jātā seṭṭhikule ahuṃ;

    นานารตนปโชฺชเต, มหาสุขสมปฺปิตาฯ

    Nānāratanapajjote, mahāsukhasamappitā.

    ‘‘อุเปตฺวา ตํ มหาวีรํ, อโสฺสสิํ ธมฺมเทสนํ;

    ‘‘Upetvā taṃ mahāvīraṃ, assosiṃ dhammadesanaṃ;

    อมตํ ปรมสฺสาทํ, ปรมตฺถนิเวทกํฯ

    Amataṃ paramassādaṃ, paramatthanivedakaṃ.

    ‘‘ตทา นิมนฺตยิตฺวาน, สสงฺฆํ โลกนายกํ;

    ‘‘Tadā nimantayitvāna, sasaṅghaṃ lokanāyakaṃ;

    ทตฺวา ตสฺส มหาทานํ, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิฯ

    Datvā tassa mahādānaṃ, pasannā sehi pāṇibhi.

    ‘‘ฌายินีนํ ภิกฺขุนีนํ, อคฺคฎฺฐานมปตฺถยิํ;

    ‘‘Jhāyinīnaṃ bhikkhunīnaṃ, aggaṭṭhānamapatthayiṃ;

    นิปจฺจ สิรสา ธีรํ, สสงฺฆํ โลกนายกํฯ

    Nipacca sirasā dhīraṃ, sasaṅghaṃ lokanāyakaṃ.

    ‘‘ตทา อทนฺตทมโก, ติโลกสรโณ ปภู;

    ‘‘Tadā adantadamako, tilokasaraṇo pabhū;

    พฺยากาสิ นรสารถิ, ลจฺฉเส ตํ สุปตฺถิตํฯ

    Byākāsi narasārathi, lacchase taṃ supatthitaṃ.

    ‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

    ‘‘Satasahassito kappe, okkākakulasambhavo;

    โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ

    Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.

    ‘‘ตสฺส ธเมฺมสุ ทายาทา, โอรสา ธมฺมนิมฺมิตา;

    ‘‘Tassa dhammesu dāyādā, orasā dhammanimmitā;

    นนฺทาติ นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวิกาฯ

    Nandāti nāma nāmena, hessati satthu sāvikā.

    ‘‘ตํ สุตฺวา มุทิตา หุตฺวา, ยาวชีวํ ตทา ชินํ;

    ‘‘Taṃ sutvā muditā hutvā, yāvajīvaṃ tadā jinaṃ;

    เมตฺตจิตฺตา ปริจริํ, ปจฺจเยหิ วินายกํฯ

    Mettacittā paricariṃ, paccayehi vināyakaṃ.

    ‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

    ‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;

    ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ

    Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.

    ‘‘ตโต จุตา ยามมคํ, ตโตหํ ตุสิตํ คตา;

    ‘‘Tato cutā yāmamagaṃ, tatohaṃ tusitaṃ gatā;

    ตโต จ นิมฺมานรติํ, วสวตฺติปุรํ ตโตฯ

    Tato ca nimmānaratiṃ, vasavattipuraṃ tato.

    ‘‘ยตฺถ ยตฺถูปปชฺชามิ, ตสฺส กมฺมสฺส วาหสา;

    ‘‘Yattha yatthūpapajjāmi, tassa kammassa vāhasā;

    ตตฺถ ตเตฺถว ราชูนํ, มเหสิตฺตมการยิํฯ

    Tattha tattheva rājūnaṃ, mahesittamakārayiṃ.

    ‘‘ตโต จุตา มนุสฺสเตฺต, ราชานํ จกฺกวตฺตินํ;

    ‘‘Tato cutā manussatte, rājānaṃ cakkavattinaṃ;

    มณฺฑลีนญฺจ ราชูนํ, มเหสิตฺตมการยิํฯ

    Maṇḍalīnañca rājūnaṃ, mahesittamakārayiṃ.

    ‘‘สมฺปตฺติํ อนุโภตฺวาน, เทเวสุ มนุเชสุ จ;

    ‘‘Sampattiṃ anubhotvāna, devesu manujesu ca;

    สพฺพตฺถ สุขิตา หุตฺวา, เนกกเปฺปสุ สํสริํฯ

    Sabbattha sukhitā hutvā, nekakappesu saṃsariṃ.

    ‘‘ปจฺฉิเม ภเว สมฺปเตฺต, สุรเมฺม กปิลวฺหเย;

    ‘‘Pacchime bhave sampatte, suramme kapilavhaye;

    รโญฺญ สุโทฺธทนสฺสาหํ, ธีตา อาสิํ อนินฺทิตาฯ

    Rañño suddhodanassāhaṃ, dhītā āsiṃ aninditā.

    ‘‘สิริยา รูปินิํ ทิสฺวา, นนฺทิตํ อาสิ ตํ กุลํ;

    ‘‘Siriyā rūpiniṃ disvā, nanditaṃ āsi taṃ kulaṃ;

    เตน นนฺทาติ เม นามํ, สุนฺทรํ ปวรํ อหุฯ

    Tena nandāti me nāmaṃ, sundaraṃ pavaraṃ ahu.

    ‘‘ยุวตีนญฺจ สพฺพาสํ, กลฺยาณีติ จ วิสฺสุตา;

    ‘‘Yuvatīnañca sabbāsaṃ, kalyāṇīti ca vissutā;

    ตสฺมิมฺปิ นคเร รเมฺม, ฐเปตฺวา ตํ ยโสธรํฯ

    Tasmimpi nagare ramme, ṭhapetvā taṃ yasodharaṃ.

    ‘‘เชโฎฺฐ ภาตา ติโลกโคฺค, ปจฺฉิโม อรหา ตถา;

    ‘‘Jeṭṭho bhātā tilokaggo, pacchimo arahā tathā;

    เอกากินี คหฎฺฐาหํ, มาตรา ปริโจทิตาฯ

    Ekākinī gahaṭṭhāhaṃ, mātarā paricoditā.

    ‘‘สากิยมฺหิ กุเล ชาตา, ปุเตฺต พุทฺธานุชา ตุวํ;

    ‘‘Sākiyamhi kule jātā, putte buddhānujā tuvaṃ;

    นเนฺทนปิ วินา ภูตา, อคาเร กินฺนุ อจฺฉสิฯ

    Nandenapi vinā bhūtā, agāre kinnu acchasi.

    ‘‘ชราวสานํ โยพฺพญฺญํ, รูปํ อสุจิสมฺมตํ;

    ‘‘Jarāvasānaṃ yobbaññaṃ, rūpaṃ asucisammataṃ;

    โรคนฺตมปิจาโรคฺยํ, ชีวิตํ มรณนฺติกํฯ

    Rogantamapicārogyaṃ, jīvitaṃ maraṇantikaṃ.

    ‘‘อิทมฺปิ เต สุภํ รูปํ, สสีกนฺตํ มโนหรํ;

    ‘‘Idampi te subhaṃ rūpaṃ, sasīkantaṃ manoharaṃ;

    ภูสนานํ อลงฺการํ, สิริสงฺฆาฎสํนิภํฯ

    Bhūsanānaṃ alaṅkāraṃ, sirisaṅghāṭasaṃnibhaṃ.

    ‘‘ปุญฺชิตํ โลกสารํว, นยนานํ รสายนํ;

    ‘‘Puñjitaṃ lokasāraṃva, nayanānaṃ rasāyanaṃ;

    ปุญฺญานํ กิตฺติชนนํ, อุกฺกากกุลนนฺทนํฯ

    Puññānaṃ kittijananaṃ, ukkākakulanandanaṃ.

    ‘‘น จิเรเนว กาเลน, ชรา สมธิเสสฺสติ;

    ‘‘Na cireneva kālena, jarā samadhisessati;

    วิหาย เคหํ การุเญฺญ, จร ธมฺมมนินฺทิเตฯ

    Vihāya gehaṃ kāruññe, cara dhammamanindite.

    ‘‘สุตฺวาหํ มาตุ วจนํ, ปพฺพชิํ อนคาริยํ;

    ‘‘Sutvāhaṃ mātu vacanaṃ, pabbajiṃ anagāriyaṃ;

    เทเหน นตุ จิเตฺตน, รูปโยพฺพนลาฬิตาฯ

    Dehena natu cittena, rūpayobbanalāḷitā.

    ‘‘มหตา จ ปยเตฺตน, ฌานเชฺฌน ปรํ มม;

    ‘‘Mahatā ca payattena, jhānajjhena paraṃ mama;

    กาตุญฺจ วทเต มาตา, น จาหํ ตตฺถ อุสฺสุกาฯ

    Kātuñca vadate mātā, na cāhaṃ tattha ussukā.

    ‘‘ตโต มหาการุณิโก, ทิสฺวา มํ กามลาลสํ;

    ‘‘Tato mahākāruṇiko, disvā maṃ kāmalālasaṃ;

    นิพฺพนฺทนตฺถํ รูปสฺมิํ, มม จกฺขุปเถ ชิโนฯ

    Nibbandanatthaṃ rūpasmiṃ, mama cakkhupathe jino.

    ‘‘สเกน อานุภาเวน, อิตฺถิํ มาเปสิ โสภินิํ;

    ‘‘Sakena ānubhāvena, itthiṃ māpesi sobhiniṃ;

    ทสฺสนียํ สุรุจิรํ, มมโตปิ สุรูปินิํฯ

    Dassanīyaṃ suruciraṃ, mamatopi surūpiniṃ.

    ‘‘ตมหํ วิมฺหิตา ทิสฺวา, อติวิมฺหิตเทหินิํ;

    ‘‘Tamahaṃ vimhitā disvā, ativimhitadehiniṃ;

    จินฺตยิํ สผลํ เมติ, เนตฺตลาภญฺจ มานุสํฯ

    Cintayiṃ saphalaṃ meti, nettalābhañca mānusaṃ.

    ‘‘ตมหํ เอหิ สุภเค, เยนโตฺถ ตํ วเทหิ เม;

    ‘‘Tamahaṃ ehi subhage, yenattho taṃ vadehi me;

    กุลํ เต นามโคตฺตญฺจ, วท เม ยทิ เต ปิยํฯ

    Kulaṃ te nāmagottañca, vada me yadi te piyaṃ.

    ‘‘น วญฺจกาโล สุภเค, อุจฺฉเงฺค มํ นิวาสย;

    ‘‘Na vañcakālo subhage, ucchaṅge maṃ nivāsaya;

    สีทนฺตีว มมงฺคานิ, ปสุปฺปยมุหุตฺตกํฯ

    Sīdantīva mamaṅgāni, pasuppayamuhuttakaṃ.

    ‘‘ตโต สีสํ มมเงฺค สา, กตฺวา สยิ สุโลจนา;

    ‘‘Tato sīsaṃ mamaṅge sā, katvā sayi sulocanā;

    ตสฺสา นลาเฎ ปติตา, ลุทฺธา ปรมทารุณาฯ

    Tassā nalāṭe patitā, luddhā paramadāruṇā.

    ‘‘สห ตสฺสา นิปาเตน, ปิฬกา อุปปชฺชถ;

    ‘‘Saha tassā nipātena, piḷakā upapajjatha;

    ปคฺฆริํสุ ปภินฺนา จ, กุณปา ปุพฺพโลหิตาฯ

    Pagghariṃsu pabhinnā ca, kuṇapā pubbalohitā.

    ‘‘ปภินฺนํ วทนญฺจาปิ, กุณปํ ปูติคนฺธนํ;

    ‘‘Pabhinnaṃ vadanañcāpi, kuṇapaṃ pūtigandhanaṃ;

    อุทฺธุมาตํ วินิลญฺจ, ปุพฺพญฺจาปิ สรีรกํฯ

    Uddhumātaṃ vinilañca, pubbañcāpi sarīrakaṃ.

    ‘‘สา ปเวทิตสพฺพงฺคี, นิสฺสสนฺตี มุหุํ มุหุํ;

    ‘‘Sā paveditasabbaṅgī, nissasantī muhuṃ muhuṃ;

    เวทยนฺตี สกํ ทุกฺขํ, กรุณํ ปริเทวยิฯ

    Vedayantī sakaṃ dukkhaṃ, karuṇaṃ paridevayi.

    ‘‘ทุเกฺขน ทุกฺขิตา โหมิ, ผุสยนฺติ จ เวทนา;

    ‘‘Dukkhena dukkhitā homi, phusayanti ca vedanā;

    มหาทุเกฺข นิมุคฺคมฺหิ, สรณํ โหหิ เม สขีฯ

    Mahādukkhe nimuggamhi, saraṇaṃ hohi me sakhī.

    ‘‘กุหิํ วทนโสตํ เต, กุหิํ เต ตุงฺคนาสิกา;

    ‘‘Kuhiṃ vadanasotaṃ te, kuhiṃ te tuṅganāsikā;

    ตมฺพพิมฺพวโรฎฺฐเนฺต, วทนํ เต กุหิํ คตํฯ

    Tambabimbavaroṭṭhante, vadanaṃ te kuhiṃ gataṃ.

    ‘‘กุหิํ สสีนิภํ วณฺณํ, กมฺพุคีวา กุหิํ คตา;

    ‘‘Kuhiṃ sasīnibhaṃ vaṇṇaṃ, kambugīvā kuhiṃ gatā;

    โทฬา โลลาว เต กณฺณา, เววณฺณํ สมุปาคตาฯ

    Doḷā lolāva te kaṇṇā, vevaṇṇaṃ samupāgatā.

    ‘‘มกุฬขารกาการา, กลิกาว ปโยธรา;

    ‘‘Makuḷakhārakākārā, kalikāva payodharā;

    ปภินฺนา ปูติกุณปา, ทุฎฺฐคนฺธิตฺตมาคตาฯ

    Pabhinnā pūtikuṇapā, duṭṭhagandhittamāgatā.

    ‘‘เวทิมชฺฌาว สุโสฺสณี, สูนาว นีตกิพฺพิสา;

    ‘‘Vedimajjhāva sussoṇī, sūnāva nītakibbisā;

    ชาตา อมชฺฌภริตา, อโห รูปมสสฺสตํฯ

    Jātā amajjhabharitā, aho rūpamasassataṃ.

    ‘‘สพฺพํ สรีรสญฺชาตํ, ปูติคนฺธํ ภยานกํ;

    ‘‘Sabbaṃ sarīrasañjātaṃ, pūtigandhaṃ bhayānakaṃ;

    สุสานมิว พีภจฺฉํ, รมเนฺต ยตฺถ พาลิสาฯ

    Susānamiva bībhacchaṃ, ramante yattha bālisā.

    ‘‘ตทา มหาการุณิโก, ภาตา เม โลกนายโก;

    ‘‘Tadā mahākāruṇiko, bhātā me lokanāyako;

    ทิสฺวา สํวิคฺคจิตฺตํ มํ, อิมา คาถา อภาสถฯ

    Disvā saṃviggacittaṃ maṃ, imā gāthā abhāsatha.

    ‘‘อาตุรํ กุณปํ ปูติํ, ปสฺส นเนฺท สมุสฺสยํ;

    ‘‘Āturaṃ kuṇapaṃ pūtiṃ, passa nande samussayaṃ;

    อสุภาย จิตฺตํ ภาเวหิ, เอกคฺคํ สุสมาหิตํฯ

    Asubhāya cittaṃ bhāvehi, ekaggaṃ susamāhitaṃ.

    ‘‘ยถา อิทํ ตถา เอตํ, ยถา เอตํ ตถา อิทํ;

    ‘‘Yathā idaṃ tathā etaṃ, yathā etaṃ tathā idaṃ;

    ทุคฺคนฺธํ ปูติกํ วาติ, พาลานํ อภินนฺทิตํฯ

    Duggandhaṃ pūtikaṃ vāti, bālānaṃ abhinanditaṃ.

    ‘‘เอวเมตํ อเวกฺขนฺตี, รตฺตินฺทิวมตนฺทิตา;

    ‘‘Evametaṃ avekkhantī, rattindivamatanditā;

    ตโต สกาย ปญฺญาย, อภินิพฺพิชฺฌ ทกฺขิสํฯ

    Tato sakāya paññāya, abhinibbijjha dakkhisaṃ.

    ‘‘ตโตหํ อติสํวิคฺคา, สุตฺวา คาถา สุภาสิตา;

    ‘‘Tatohaṃ atisaṃviggā, sutvā gāthā subhāsitā;

    ตตฺรฎฺฐิตาวหํ สนฺตี, อรหตฺตมปาปุณิํฯ

    Tatraṭṭhitāvahaṃ santī, arahattamapāpuṇiṃ.

    ‘‘ยตฺถ ยตฺถ นิสินฺนาหํ, สทา ฌานปรายณา;

    ‘‘Yattha yattha nisinnāhaṃ, sadā jhānaparāyaṇā;

    ชิโน ตสฺมิํ คุเณ ตุโฎฺฐ, เอตทเคฺค ฐเปสิ มํฯ

    Jino tasmiṃ guṇe tuṭṭho, etadagge ṭhapesi maṃ.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุทานวเสน ‘‘อาตุรํ อสุจิ’’นฺติอาทินา สตฺถารา เทสิตาหิ ตีหิ คาถาหิ สทฺธิํ –

    Arahattaṃ pana patvā attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā udānavasena ‘‘āturaṃ asuci’’ntiādinā satthārā desitāhi tīhi gāthāhi saddhiṃ –

    ๘๕.

    85.

    ‘‘ตสฺสา เม อปฺปมตฺตาย, วิจินนฺติยา โยนิโส;

    ‘‘Tassā me appamattāya, vicinantiyā yoniso;

    ยถาภูตํ อยํ กาโย, ทิโฎฺฐ สนฺตรพาหิโรฯ

    Yathābhūtaṃ ayaṃ kāyo, diṭṭho santarabāhiro.

    ๘๖.

    86.

    ‘‘อถ นิพฺพินฺทหํ กาเย, อชฺฌตฺตญฺจ วิรชฺชหํ;

    ‘‘Atha nibbindahaṃ kāye, ajjhattañca virajjahaṃ;

    อปฺปมตฺตา วิสํยุตฺตา, อุปสนฺตามฺหิ นิพฺพุตา’’ติฯ –

    Appamattā visaṃyuttā, upasantāmhi nibbutā’’ti. –

    อิมา เทฺว คาถา อภาสิฯ

    Imā dve gāthā abhāsi.

    ตตฺถ เอวเมตํ อเวกฺขนฺตี…เป.… ทกฺขิสนฺติ เอตํ อาตุราทิสภาวํ กายํ เอวํ ‘‘ยถา อิทํ ตถา เอต’’นฺติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรน รตฺตินฺทิวํ สพฺพกาลํ อตนฺทิตา หุตฺวา ปรโต โฆสเหตุกํ สุตมยญาณํ มุญฺจิตฺวา, ตโต ตํนิมิตฺตํ อตฺตนิ สมฺภูตตฺตา สกายภาวนามยาย ปญฺญาย ยาถาวโต ฆนวินิโพฺภคกรเณน อภินิพฺพิชฺฌ, กถํ นุ โข ทกฺขิสํ ปสฺสิสฺสนฺติ อาโภคปุเรจาริเกน ปุพฺพภาคญาณจกฺขุนา อเวกฺขนฺตี วิจินนฺตีติ อโตฺถฯ

    Tattha evametaṃ avekkhantī…pe… dakkhisanti etaṃ āturādisabhāvaṃ kāyaṃ evaṃ ‘‘yathā idaṃ tathā eta’’ntiādinā vuttappakārena rattindivaṃ sabbakālaṃ atanditā hutvā parato ghosahetukaṃ sutamayañāṇaṃ muñcitvā, tato taṃnimittaṃ attani sambhūtattā sakāyabhāvanāmayāya paññāya yāthāvato ghanavinibbhogakaraṇena abhinibbijjha, kathaṃ nu kho dakkhisaṃ passissanti ābhogapurecārikena pubbabhāgañāṇacakkhunā avekkhantī vicinantīti attho.

    เตนาห ‘‘ตสฺสา เม อปฺปมตฺตายา’’ติอาทิฯ ตสฺสโตฺถ – ตสฺสา เม สติอวิปฺปวาเสน อปฺปมตฺตาย โยนิโส อุปาเยน อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสนาปญฺญาย วิจินนฺติยา วีมํสนฺติยา, อยํ ขนฺธปญฺจกสงฺขาโต กาโย สสนฺตานปรสนฺตานวิภาคโต สนฺตรพาหิโร ยถาภูตํ ทิโฎฺฐฯ

    Tenāha ‘‘tassā me appamattāyā’’tiādi. Tassattho – tassā me satiavippavāsena appamattāya yoniso upāyena aniccādivasena vipassanāpaññāya vicinantiyā vīmaṃsantiyā, ayaṃ khandhapañcakasaṅkhāto kāyo sasantānaparasantānavibhāgato santarabāhiro yathābhūtaṃ diṭṭho.

    อถ ตถา ทสฺสนโต ปจฺฉา นิพฺพินฺทหํ กาเย วิปสฺสนาปญฺญาสหิตาย มคฺคปญฺญาย อตฺตภาเว นิพฺพินฺทิํ, วิเสสโตว อชฺฌตฺตสนฺตาเน วิรชฺชิ วิราคํ อาปชฺชิํ, อหํ ยถาภูตาย อปฺปมาทปฎิปตฺติยา มตฺถกปฺปตฺติยา อปฺปมตฺตา สพฺพโส สํโยชนานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา วิสํยุตฺตา อุปสนฺตา จ นิพฺพุตา จ อมฺหีติฯ

    Atha tathā dassanato pacchā nibbindahaṃ kāye vipassanāpaññāsahitāya maggapaññāya attabhāve nibbindiṃ, visesatova ajjhattasantāne virajji virāgaṃ āpajjiṃ, ahaṃ yathābhūtāya appamādapaṭipattiyā matthakappattiyā appamattā sabbaso saṃyojanānaṃ samucchinnattā visaṃyuttā upasantā ca nibbutā ca amhīti.

    สุนฺทรีนนฺทาเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sundarīnandātherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๔. สุนฺทรีนนฺทาเถรีคาถา • 4. Sundarīnandātherīgāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact