Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi

    ๘. สุนฺทรีสุตฺตํ

    8. Sundarīsuttaṃ

    ๓๘. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหติ ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ ฯ ภิกฺขุสโงฺฆปิ สกฺกโต โหติ ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํฯ อญฺญติตฺถิยา ปน ปริพฺพาชกา อสกฺกตา โหนฺติ อครุกตา อมานิตา อปูชิตา อนปจิตา น ลาภิโน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํฯ

    38. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena bhagavā sakkato hoti garukato mānito pūjito apacito lābhī cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhārānaṃ . Bhikkhusaṅghopi sakkato hoti garukato mānito pūjito apacito lābhī cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhārānaṃ. Aññatitthiyā pana paribbājakā asakkatā honti agarukatā amānitā apūjitā anapacitā na lābhino cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhārānaṃ.

    อถ โข เต อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา ภควโต สกฺการํ อสหมานา ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ เยน สุนฺทรี ปริพฺพาชิกา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา สุนฺทริํ ปริพฺพาชิกํ เอตทโวจุํ – ‘‘อุสฺสหสิ ตฺวํ, ภคินิ, ญาตีนํ อตฺถํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘กฺยาหํ, อยฺยา, กโรมิ? กิํ มยา น สกฺกา 1 กาตุํ? ชีวิตมฺปิ เม ปริจฺจตฺตํ ญาตีนํ อตฺถายา’’ติฯ

    Atha kho te aññatitthiyā paribbājakā bhagavato sakkāraṃ asahamānā bhikkhusaṅghassa ca yena sundarī paribbājikā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā sundariṃ paribbājikaṃ etadavocuṃ – ‘‘ussahasi tvaṃ, bhagini, ñātīnaṃ atthaṃ kātu’’nti? ‘‘Kyāhaṃ, ayyā, karomi? Kiṃ mayā na sakkā 2 kātuṃ? Jīvitampi me pariccattaṃ ñātīnaṃ atthāyā’’ti.

    ‘‘เตน หิ, ภคินิ, อภิกฺขณํ เชตวนํ คจฺฉาหี’’ติฯ ‘‘เอวํ, อยฺยา’’ติ โข สุนฺทรี ปริพฺพาชิกา เตสํ อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ ปฎิสฺสุตฺวา อภิกฺขณํ เชตวนํ อคมาสิฯ

    ‘‘Tena hi, bhagini, abhikkhaṇaṃ jetavanaṃ gacchāhī’’ti. ‘‘Evaṃ, ayyā’’ti kho sundarī paribbājikā tesaṃ aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ paṭissutvā abhikkhaṇaṃ jetavanaṃ agamāsi.

    ยทา เต อญฺญิํสุ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา – ‘‘โวทิฎฺฐา โข สุนฺทรี ปริพฺพาชิกา พหุชเนน อภิกฺขณํ เชตวนํ คจฺฉตี’’ติ 3ฯ อถ นํ ชีวิตา โวโรเปตฺวา ตเตฺถว เชตวนสฺส ปริขากูเป นิกฺขิปิตฺวา 4 เยน ราชา ปเสนทิ โกสโล เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ ปเสนทิํ โกสลํ เอตทโวจุํ – ‘‘ยา สา, มหาราช, สุนฺทรี ปริพฺพาชิกา; สา โน น ทิสฺสตี’’ติฯ ‘‘กตฺถ ปน ตุเมฺห อาสงฺกถา’’ติ ? ‘‘เชตวเน, มหาราชา’’ติฯ ‘‘เตน หิ เชตวนํ วิจินถา’’ติฯ

    Yadā te aññiṃsu aññatitthiyā paribbājakā – ‘‘vodiṭṭhā kho sundarī paribbājikā bahujanena abhikkhaṇaṃ jetavanaṃ gacchatī’’ti 5. Atha naṃ jīvitā voropetvā tattheva jetavanassa parikhākūpe nikkhipitvā 6 yena rājā pasenadi kosalo tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā rājānaṃ pasenadiṃ kosalaṃ etadavocuṃ – ‘‘yā sā, mahārāja, sundarī paribbājikā; sā no na dissatī’’ti. ‘‘Kattha pana tumhe āsaṅkathā’’ti ? ‘‘Jetavane, mahārājā’’ti. ‘‘Tena hi jetavanaṃ vicinathā’’ti.

    อถ โข เต อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เชตวนํ วิจินิตฺวา ยถานิกฺขิตฺตํ ปริขากูปา อุทฺธริตฺวา มญฺจกํ อาโรเปตฺวา สาวตฺถิํ ปเวเสตฺวา รถิยาย รถิยํ สิงฺฆาฎเกน สิงฺฆาฎกํ อุปสงฺกมิตฺวา มนุเสฺส อุชฺฌาเปสุํ –

    Atha kho te aññatitthiyā paribbājakā jetavanaṃ vicinitvā yathānikkhittaṃ parikhākūpā uddharitvā mañcakaṃ āropetvā sāvatthiṃ pavesetvā rathiyāya rathiyaṃ siṅghāṭakena siṅghāṭakaṃ upasaṅkamitvā manusse ujjhāpesuṃ –

    ‘‘ปสฺสถายฺยา สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กมฺมํ! อลชฺชิโน อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา มุสาวาทิโน อพฺรหฺมจาริโนฯ อิเม หิ นาม ธมฺมจาริโน สมจาริโน พฺรหฺมจาริโน สจฺจวาทิโน สีลวโนฺต กลฺยาณธมฺมา ปฎิชานิสฺสนฺติ! นตฺถิ อิเมสํ สามญฺญํ, นตฺถิ อิเมสํ พฺรหฺมญฺญํฯ นฎฺฐํ อิเมสํ สามญฺญํ, นฎฺฐํ อิเมสํ พฺรหฺมญฺญํฯ กุโต อิเมสํ สามญฺญํ, กุโต อิเมสํ พฺรหฺมญฺญํ? อปคตา อิเม สามญฺญา, อปคตา อิเม พฺรหฺมญฺญาฯ กถญฺหิ นาม ปุริโส ปุริสกิจฺจํ กริตฺวา อิตฺถิํ ชีวิตา โวโรเปสฺสตี’’ติ!

    ‘‘Passathāyyā samaṇānaṃ sakyaputtiyānaṃ kammaṃ! Alajjino ime samaṇā sakyaputtiyā dussīlā pāpadhammā musāvādino abrahmacārino. Ime hi nāma dhammacārino samacārino brahmacārino saccavādino sīlavanto kalyāṇadhammā paṭijānissanti! Natthi imesaṃ sāmaññaṃ, natthi imesaṃ brahmaññaṃ. Naṭṭhaṃ imesaṃ sāmaññaṃ, naṭṭhaṃ imesaṃ brahmaññaṃ. Kuto imesaṃ sāmaññaṃ, kuto imesaṃ brahmaññaṃ? Apagatā ime sāmaññā, apagatā ime brahmaññā. Kathañhi nāma puriso purisakiccaṃ karitvā itthiṃ jīvitā voropessatī’’ti!

    เตน โข ปน สมเยน สาวตฺถิยํ มนุสฺสา ภิกฺขู ทิสฺวา อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อโกฺกสนฺติ ปริภาสนฺติ โรสนฺติ วิเหสนฺติ –

    Tena kho pana samayena sāvatthiyaṃ manussā bhikkhū disvā asabbhāhi pharusāhi vācāhi akkosanti paribhāsanti rosanti vihesanti –

    ‘‘อลชฺชิโน อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา มุสาวาทิโน อพฺรหฺมจาริโน ฯ อิเม หิ นาม ธมฺมจาริโน สมจาริโน พฺรหฺมจาริโน สจฺจวาทิโน สีลวโนฺต กลฺยาณธมฺมา ปฎิชานิสฺสนฺติ! นตฺถิ อิเมสํ สามญฺญํ, นตฺถิ อิเมสํ พฺรหฺมญฺญํฯ นฎฺฐํ อิเมสํ สามญฺญํ, นฎฺฐํ อิเมสํ พฺรหฺมญฺญํฯ กุโต อิเมสํ สามญฺญํ, กุโต อิเมสํ พฺรหฺมญฺญํ? อปคตา อิเม สามญฺญา, อปคตา อิเม พฺรหฺมญฺญาฯ กถญฺหิ นาม ปุริโส ปุริสกิจฺจํ กริตฺวา อิตฺถิํ ชีวิตา โวโรเปสฺสตี’’ติ!

    ‘‘Alajjino ime samaṇā sakyaputtiyā dussīlā pāpadhammā musāvādino abrahmacārino . Ime hi nāma dhammacārino samacārino brahmacārino saccavādino sīlavanto kalyāṇadhammā paṭijānissanti! Natthi imesaṃ sāmaññaṃ, natthi imesaṃ brahmaññaṃ. Naṭṭhaṃ imesaṃ sāmaññaṃ, naṭṭhaṃ imesaṃ brahmaññaṃ. Kuto imesaṃ sāmaññaṃ, kuto imesaṃ brahmaññaṃ? Apagatā ime sāmaññā, apagatā ime brahmaññā. Kathañhi nāma puriso purisakiccaṃ karitvā itthiṃ jīvitā voropessatī’’ti!

    อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย ปาวิสิํสุฯ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกนฺตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ –

    Atha kho sambahulā bhikkhū pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya sāvatthiṃ piṇḍāya pāvisiṃsu. Sāvatthiyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkantā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te bhikkhū bhagavantaṃ etadavocuṃ –

    ‘‘เอตรหิ, ภเนฺต, สาวตฺถิยํ มนุสฺสา ภิกฺขู ทิสฺวา อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อโกฺกสนฺติ ปริภาสนฺติ โรสนฺติ วิเหสนฺติ – ‘อลชฺชิโน อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา มุสาวาทิโน อพฺรหฺมจาริโนฯ อิเม หิ นาม ธมฺมจาริโน สมจาริโน พฺรหฺมจาริโน สจฺจวาทิโน สีลวโนฺต กลฺยาณธมฺมา ปฎิชานิสฺสนฺติฯ นตฺถิ อิเมสํ สามญฺญํ, นตฺถิ อิเมสํ พฺรหฺมญฺญํฯ นฎฺฐํ อิเมสํ สามญฺญํ, นฎฺฐํ อิเมสํ พฺรหฺมญฺญํฯ กุโต อิเมสํ สามญฺญํ, กุโต อิเมสํ พฺรหฺมญฺญํ? อปคตา อิเม สามญฺญา, อปคตา อิเม พฺรหฺมญฺญาฯ กถญฺหิ นาม ปุริโส ปุริสกิจฺจํ กริตฺวา อิตฺถิํ ชีวิตา โวโรเปสฺสตี’’’ติ!

    ‘‘Etarahi, bhante, sāvatthiyaṃ manussā bhikkhū disvā asabbhāhi pharusāhi vācāhi akkosanti paribhāsanti rosanti vihesanti – ‘alajjino ime samaṇā sakyaputtiyā dussīlā pāpadhammā musāvādino abrahmacārino. Ime hi nāma dhammacārino samacārino brahmacārino saccavādino sīlavanto kalyāṇadhammā paṭijānissanti. Natthi imesaṃ sāmaññaṃ, natthi imesaṃ brahmaññaṃ. Naṭṭhaṃ imesaṃ sāmaññaṃ, naṭṭhaṃ imesaṃ brahmaññaṃ. Kuto imesaṃ sāmaññaṃ, kuto imesaṃ brahmaññaṃ? Apagatā ime sāmaññā, apagatā ime brahmaññā. Kathañhi nāma puriso purisakiccaṃ karitvā itthiṃ jīvitā voropessatī’’’ti!

    ‘‘เนโส, ภิกฺขเว, สโทฺท จิรํ ภวิสฺสติ สตฺตาหเมว ภวิสฺสติฯ สตฺตาหสฺส อจฺจเยน อนฺตรธายิสฺสติฯ เตน หิ, ภิกฺขเว, เย มนุสฺสา ภิกฺขู ทิสฺวา อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อโกฺกสนฺติ ปริภาสนฺติ โรสนฺติ วิเหสนฺติ, เต ตุเมฺห อิมาย คาถาย ปฎิโจเทถ –

    ‘‘Neso, bhikkhave, saddo ciraṃ bhavissati sattāhameva bhavissati. Sattāhassa accayena antaradhāyissati. Tena hi, bhikkhave, ye manussā bhikkhū disvā asabbhāhi pharusāhi vācāhi akkosanti paribhāsanti rosanti vihesanti, te tumhe imāya gāthāya paṭicodetha –

    ‘‘‘อภูตวาที นิรยํ อุเปติ,

    ‘‘‘Abhūtavādī nirayaṃ upeti,

    โย วาปิ 7 กตฺวา น กโรมิ จาห;

    Yo vāpi 8 katvā na karomi cāha;

    อุโภปิ เต เปจฺจ สมา ภวนฺติ,

    Ubhopi te pecca samā bhavanti,

    นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถา’’’ติฯ

    Nihīnakammā manujā paratthā’’’ti.

    อถ โข เต ภิกฺขู ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ ปริยาปุณิตฺวา เย มนุสฺสา ภิกฺขู ทิสฺวา อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อโกฺกสนฺติ ปริภาสนฺติ โรสนฺติ วิเหสนฺติ เต อิมาย คาถาย ปฎิโจเทนฺติ –

    Atha kho te bhikkhū bhagavato santike imaṃ gāthaṃ pariyāpuṇitvā ye manussā bhikkhū disvā asabbhāhi pharusāhi vācāhi akkosanti paribhāsanti rosanti vihesanti te imāya gāthāya paṭicodenti –

    ‘‘อภูตวาที นิรยํ อุเปติ,

    ‘‘Abhūtavādī nirayaṃ upeti,

    โย วาปิ กตฺวา น กโรมิจาห;

    Yo vāpi katvā na karomicāha;

    อุโภปิ เต เปจฺจ สมา ภวนฺติ,

    Ubhopi te pecca samā bhavanti,

    นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถา’’ติฯ

    Nihīnakammā manujā paratthā’’ti.

    มนุสฺสานํ เอตทโหสิ – ‘‘อการกา อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยาฯ นยิเมหิ กตํฯ สปนฺติเม สมณา สกฺยปุตฺติยา’’ติฯ เนว โส สโทฺท จิรํ อโหสิฯ สตฺตาหเมว อโหสิฯ สตฺตาหสฺส อจฺจเยน อนฺตรธายิฯ

    Manussānaṃ etadahosi – ‘‘akārakā ime samaṇā sakyaputtiyā. Nayimehi kataṃ. Sapantime samaṇā sakyaputtiyā’’ti. Neva so saddo ciraṃ ahosi. Sattāhameva ahosi. Sattāhassa accayena antaradhāyi.

    อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควโต เอตทโวจุํ –

    Atha kho sambahulā bhikkhū yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te bhikkhū bhagavato etadavocuṃ –

    ‘‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต, อพฺภุตํ, ภเนฺต! ยาว สุภาสิตํ จิทํ ภเนฺต ภควตา – ‘เนโส, ภิกฺขเว, สโทฺท จิรํ ภวิสฺสติฯ สตฺตาหเมว ภวิสฺสติฯ สตฺตาหสฺส อจฺจเยน อนฺตรธายิสฺสตี’ติฯ อนฺตรหิโต โส, ภเนฺต, สโทฺท’’ติฯ

    ‘‘Acchariyaṃ, bhante, abbhutaṃ, bhante! Yāva subhāsitaṃ cidaṃ bhante bhagavatā – ‘neso, bhikkhave, saddo ciraṃ bhavissati. Sattāhameva bhavissati. Sattāhassa accayena antaradhāyissatī’ti. Antarahito so, bhante, saddo’’ti.

    อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

    Atha kho bhagavā etamatthaṃ viditvā tāyaṃ velāyaṃ imaṃ udānaṃ udānesi –

    ‘‘ตุทนฺติ วาจาย ชนา อสญฺญตา,

    ‘‘Tudanti vācāya janā asaññatā,

    สเรหิ สงฺคามคตํว กุญฺชรํ;

    Sarehi saṅgāmagataṃva kuñjaraṃ;

    สุตฺวาน วากฺยํ ผรุสํ อุทีริตํ,

    Sutvāna vākyaṃ pharusaṃ udīritaṃ,

    อธิวาสเย ภิกฺขุ อทุฎฺฐจิโตฺต’’ติฯ อฎฺฐมํ;

    Adhivāsaye bhikkhu aduṭṭhacitto’’ti. aṭṭhamaṃ;







    Footnotes:
    1. กิํ มยา สกฺกา (สฺยา. ปี.)
    2. kiṃ mayā sakkā (syā. pī.)
    3. คจฺฉตีติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    4. นิขนิตฺวา (สี. สฺยา. ปี.)
    5. gacchatīti (sī. syā. kaṃ. pī.)
    6. nikhanitvā (sī. syā. pī.)
    7. โย จาปิ (สี. ปี. ก.)
    8. yo cāpi (sī. pī. ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā / ๘. สุนฺทรีสุตฺตวณฺณนา • 8. Sundarīsuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact