Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā |
๔. สุนฺทรีเถรีคาถาวณฺณนา
4. Sundarītherīgāthāvaṇṇanā
เปตานิ โภติ ปุตฺตานีติอาทิกา สุนฺทริยา เถริยา คาถาฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี อิโต เอกติํสกเปฺป เวสฺสภุสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺวา เอกทิวสํ สตฺถารํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานสา ภิกฺขํ ทตฺวา ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิฯ สตฺถา ตสฺสา จิตฺตปฺปสาทํ ญตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิฯ สา เตน ปุญฺญกเมฺมน ตาวติํเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ฐตฺวา ทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวา ตโต จุตา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺตี ปริปกฺกญาณา หุตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท พาราณสิยํ สุชาตสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ตสฺสา รูปสมฺปตฺติยา สุนฺทรีติ นามํ อโหสิฯ วยปฺปตฺตกาเล จสฺสา กนิฎฺฐภาตา กาลมกาสิฯ อถสฺสา ปิตา ปุตฺตโสเกน อภิภูโต ตตฺถ ตตฺถ วิจรโนฺต วาสิฎฺฐิเตฺถริยา สมาคนฺตฺวา ตํ โสกวิโนทนการณํ ปุจฺฉโนฺต ‘‘เปตานิ โภติ ปุตฺตานี’’ติอาทิกา เทฺว คาถา อภาสิฯ เถรี ตํ โสกาภิภูตํ ญตฺวา โสกํ วิโนเทตุกามา ‘‘พหูนิ ปุตฺตสตานี’’ติอาทิกา เทฺว คาถา วตฺวา อตฺตโน อโสกภาวํ กเถสิฯ ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ‘‘กถํ ตฺวํ, อเยฺย, เอวํ อโสกา ชาตา’’ติ อาหฯ ตสฺส เถรี รตนตฺตยคุณํ กเถสิฯ
Petāni bhoti puttānītiādikā sundariyā theriyā gāthā. Ayampi purimabuddhesu katādhikārā tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinantī ito ekatiṃsakappe vessabhussa bhagavato kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patvā ekadivasaṃ satthāraṃ piṇḍāya carantaṃ disvā pasannamānasā bhikkhaṃ datvā pañcapatiṭṭhitena vandi. Satthā tassā cittappasādaṃ ñatvā anumodanaṃ katvā pakkāmi. Sā tena puññakammena tāvatiṃsesu nibbattitvā tattha yāvatāyukaṃ ṭhatvā dibbasampattiṃ anubhavitvā tato cutā aparāparaṃ sugatīsuyeva saṃsarantī paripakkañāṇā hutvā imasmiṃ buddhuppāde bārāṇasiyaṃ sujātassa nāma brāhmaṇassa dhītā hutvā nibbatti. Tassā rūpasampattiyā sundarīti nāmaṃ ahosi. Vayappattakāle cassā kaniṭṭhabhātā kālamakāsi. Athassā pitā puttasokena abhibhūto tattha tattha vicaranto vāsiṭṭhittheriyā samāgantvā taṃ sokavinodanakāraṇaṃ pucchanto ‘‘petāni bhoti puttānī’’tiādikā dve gāthā abhāsi. Therī taṃ sokābhibhūtaṃ ñatvā sokaṃ vinodetukāmā ‘‘bahūni puttasatānī’’tiādikā dve gāthā vatvā attano asokabhāvaṃ kathesi. Taṃ sutvā brāhmaṇo ‘‘kathaṃ tvaṃ, ayye, evaṃ asokā jātā’’ti āha. Tassa therī ratanattayaguṇaṃ kathesi.
อถ พฺราหฺมโณ ‘‘กุหิํ สตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิทานิ มิถิลายํ วิหรตี’’ติ ตํ สุตฺวา ตาวเทว รถํ โยเชตฺวา รเถน มิถิลํ คนฺตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา สโมฺมทนียํ กถํ กตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ ตสฺส สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิฯ โส ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา ฆเฎโนฺต วายมโนฺต ตติเย ทิวเส อรหตฺตํ ปาปุณิฯ อถ สารถิ รถํ อาทาย พาราณสิํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณิยา ตํ ปวตฺติํ อาโรเจสิฯ สุนฺทรี อตฺตโน ปิตุ ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา, ‘‘อมฺม, อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ มาตรํ อาปุจฺฉิฯ มาตา ‘‘ยํ อิมสฺมิํ เคเห โภคชาตํ, สพฺพํ ตํ ตุยฺหํ สนฺตกํ, ตฺวํ อิมสฺส กุลสฺส ทายาทิกา ปฎิปชฺช, อิมํ สพฺพโภคํ ปริภุญฺช, มา ปพฺพชี’’ติ อาหฯ สา ‘‘น มยฺหํ โภเคหิ อโตฺถ, ปพฺพชิสฺสาเมวาหํ, อมฺมา’’ติ มาตรํ อนุชานาเปตฺวา มหติํ สมฺปตฺติํ เขฬปิณฺฑํ วิย ฉเฑฺฑตฺวา ปพฺพชิฯ ปพฺพชิตฺวา จ สิกฺขมานาเยว หุตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา ฆเฎนฺตี วายมนฺตี เหตุสมฺปนฺนตาย ญาณสฺส ปริปากํ คตตฺตา สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน –
Atha brāhmaṇo ‘‘kuhiṃ satthā’’ti pucchitvā ‘‘idāni mithilāyaṃ viharatī’’ti taṃ sutvā tāvadeva rathaṃ yojetvā rathena mithilaṃ gantvā satthāraṃ upasaṅkamitvā vanditvā sammodanīyaṃ kathaṃ katvā ekamantaṃ nisīdi. Tassa satthā dhammaṃ desesi. So dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā ghaṭento vāyamanto tatiye divase arahattaṃ pāpuṇi. Atha sārathi rathaṃ ādāya bārāṇasiṃ gantvā brāhmaṇiyā taṃ pavattiṃ ārocesi. Sundarī attano pitu pabbajitabhāvaṃ sutvā, ‘‘amma, ahampi pabbajissāmī’’ti mātaraṃ āpucchi. Mātā ‘‘yaṃ imasmiṃ gehe bhogajātaṃ, sabbaṃ taṃ tuyhaṃ santakaṃ, tvaṃ imassa kulassa dāyādikā paṭipajja, imaṃ sabbabhogaṃ paribhuñja, mā pabbajī’’ti āha. Sā ‘‘na mayhaṃ bhogehi attho, pabbajissāmevāhaṃ, ammā’’ti mātaraṃ anujānāpetvā mahatiṃ sampattiṃ kheḷapiṇḍaṃ viya chaḍḍetvā pabbaji. Pabbajitvā ca sikkhamānāyeva hutvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā ghaṭentī vāyamantī hetusampannatāya ñāṇassa paripākaṃ gatattā saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne –
‘‘ปิณฺฑปาตํ จรนฺตสฺส, เวสฺสภุสฺส มเหสิโน;
‘‘Piṇḍapātaṃ carantassa, vessabhussa mahesino;
กฎจฺฉุภิกฺขมุคฺคยฺห, พุทฺธเสฎฺฐสฺสทาสหํฯ
Kaṭacchubhikkhamuggayha, buddhaseṭṭhassadāsahaṃ.
‘‘ปฎิคฺคเหตฺวา สมฺพุโทฺธ, เวสฺสภู โลกนายโก;
‘‘Paṭiggahetvā sambuddho, vessabhū lokanāyako;
วีถิยา สณฺฐิโต สตฺถา, อกา เม อนุโมทนํฯ
Vīthiyā saṇṭhito satthā, akā me anumodanaṃ.
‘‘กฎจฺฉุภิกฺขํ ทตฺวาน, ตาวติํสํ คมิสฺสสิ;
‘‘Kaṭacchubhikkhaṃ datvāna, tāvatiṃsaṃ gamissasi;
ฉตฺติํสเทวราชูนํ, มเหสิตฺตํ กริสฺสสิฯ
Chattiṃsadevarājūnaṃ, mahesittaṃ karissasi.
‘‘ปญฺญาสํ จกฺกวตฺตีนํ, มเหสิตฺตํ กริสฺสสิ;
‘‘Paññāsaṃ cakkavattīnaṃ, mahesittaṃ karissasi;
มนสา ปตฺถิตํ สพฺพํ, ปฎิลจฺฉสิ สพฺพทาฯ
Manasā patthitaṃ sabbaṃ, paṭilacchasi sabbadā.
‘‘สมฺปตฺติํ อนุโภตฺวาน, ปพฺพชิสฺสสิ กิญฺจนา;
‘‘Sampattiṃ anubhotvāna, pabbajissasi kiñcanā;
สพฺพาสเว ปริญฺญาย, นิพฺพายิสฺสสินาสวาฯ
Sabbāsave pariññāya, nibbāyissasināsavā.
‘‘อิทํ วตฺวาน สมฺพุโทฺธ, เวสฺสภู โลกนายโก;
‘‘Idaṃ vatvāna sambuddho, vessabhū lokanāyako;
นภํ อพฺภุคฺคมี วีโร, หํสราชาว อมฺพเรฯ
Nabhaṃ abbhuggamī vīro, haṃsarājāva ambare.
‘‘สุทินฺนํ เม ทานวรํ, สุยิฎฺฐา ยาคสมฺปทา;
‘‘Sudinnaṃ me dānavaraṃ, suyiṭṭhā yāgasampadā;
กฎจฺฉุภิกฺขํ ทตฺวาน, ปตฺตาหํ อจลํ ปทํฯ
Kaṭacchubhikkhaṃ datvāna, pattāhaṃ acalaṃ padaṃ.
‘‘เอกติํเส อิโต กเปฺป, ยํ ทานมททิํ ตทา;
‘‘Ekatiṃse ito kappe, yaṃ dānamadadiṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ภิกฺขาทานสฺสิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, bhikkhādānassidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ผลสุเขน นิพฺพานสุเขน จ วิหรนฺตี อปรภาเค ‘‘สตฺถุ ปุรโต สีหนาทํ นทิสฺสามี’’ติ อุปชฺฌายํ อาปุจฺฉิตฺวา พาราณสิโต นิกฺขมิตฺวา สมฺพหุลาหิ ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ อนุกฺกเมน สาวตฺถิํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ฐิตา สตฺถารา กตปฎิสนฺถารา สตฺถุ โอรสธีตุภาวาทิวิภาวเนน อญฺญํ พฺยากาสิฯ อถสฺสา มาตรํ อาทิํ กตฺวา สโพฺพ ญาติคโณ ปริชโน จ ปพฺพชิฯ สา อปรภาเค อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปิตรา วุตฺตคาถํ อาทิํ กตฺวา อุทานวเสน –
Arahattaṃ pana patvā phalasukhena nibbānasukhena ca viharantī aparabhāge ‘‘satthu purato sīhanādaṃ nadissāmī’’ti upajjhāyaṃ āpucchitvā bārāṇasito nikkhamitvā sambahulāhi bhikkhunīhi saddhiṃ anukkamena sāvatthiṃ gantvā satthu santikaṃ upasaṅkamitvā satthāraṃ vanditvā ekamantaṃ ṭhitā satthārā katapaṭisanthārā satthu orasadhītubhāvādivibhāvanena aññaṃ byākāsi. Athassā mātaraṃ ādiṃ katvā sabbo ñātigaṇo parijano ca pabbaji. Sā aparabhāge attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā pitarā vuttagāthaṃ ādiṃ katvā udānavasena –
๓๑๓.
313.
‘‘เปตานิ โภติ ปุตฺตานิ, ขาทมานา ตุวํ ปุเร;
‘‘Petāni bhoti puttāni, khādamānā tuvaṃ pure;
ตุวํ ทิวา จ รโตฺต จ, อตีว ปริตปฺปสิฯ
Tuvaṃ divā ca ratto ca, atīva paritappasi.
๓๑๔.
314.
‘‘สาชฺช สพฺพานิ ขาทิตฺวา, สตปุตฺตานิ พฺราหฺมณี;
‘‘Sājja sabbāni khāditvā, sataputtāni brāhmaṇī;
วาเสฎฺฐิ เกน วเณฺณน, น พาฬฺหํ ปริตปฺปสิฯ
Vāseṭṭhi kena vaṇṇena, na bāḷhaṃ paritappasi.
๓๑๕.
315.
‘‘พหูนิ ปุตฺตสตานิ, ญาติสงฺฆสตานิ จ;
‘‘Bahūni puttasatāni, ñātisaṅghasatāni ca;
ขาทิตานิ อตีตํเส, มม ตุญฺหญฺจ พฺราหฺมณฯ
Khāditāni atītaṃse, mama tuñhañca brāhmaṇa.
๓๑๖.
316.
‘‘สาหํ นิสฺสรณํ ญตฺวา, ชาติยา มรณสฺส จ;
‘‘Sāhaṃ nissaraṇaṃ ñatvā, jātiyā maraṇassa ca;
น โสจามิ น โรทามิ, น จาปิ ปริตปฺปยิํฯ
Na socāmi na rodāmi, na cāpi paritappayiṃ.
๓๑๗.
317.
‘‘อพฺภุตํ วต วาเสฎฺฐิ, วาจํ ภาสสิ เอทิสิํ;
‘‘Abbhutaṃ vata vāseṭṭhi, vācaṃ bhāsasi edisiṃ;
กสฺส ตฺวํ ธมฺมมญฺญาย, คิรํ ภาสสิ เอทิสิํฯ
Kassa tvaṃ dhammamaññāya, giraṃ bhāsasi edisiṃ.
๓๑๘.
318.
‘‘เอส พฺราหฺมณ สมฺพุโทฺธ, นครํ มิถิลํ ปติ;
‘‘Esa brāhmaṇa sambuddho, nagaraṃ mithilaṃ pati;
สพฺพทุกฺขปฺปหานาย, ธมฺมํ เทเสสิ ปาณินํฯ
Sabbadukkhappahānāya, dhammaṃ desesi pāṇinaṃ.
๓๑๙.
319.
‘‘ตสฺส พฺรเหฺม อรหโต, ธมฺมํ สุตฺวา นิรูปธิํ;
‘‘Tassa brahme arahato, dhammaṃ sutvā nirūpadhiṃ;
ตตฺถ วิญฺญาตสทฺธมฺมา, ปุตฺตโสกํ พฺยปานุทิํฯ
Tattha viññātasaddhammā, puttasokaṃ byapānudiṃ.
๓๒๐.
320.
‘‘โส อหมฺปิ คมิสฺสามิ, นครํ มิถิลํ ปติ;
‘‘So ahampi gamissāmi, nagaraṃ mithilaṃ pati;
อเปฺปว มํ โส ภควา, สพฺพทุกฺขา ปโมจเยฯ
Appeva maṃ so bhagavā, sabbadukkhā pamocaye.
๓๒๑.
321.
‘‘อทฺทส พฺราหฺมโณ พุทฺธํ, วิปฺปมุตฺตํ นิรูปธิํ;
‘‘Addasa brāhmaṇo buddhaṃ, vippamuttaṃ nirūpadhiṃ;
สฺวสฺส ธมฺมมเทเสสิ, มุนิ ทุกฺขสฺส ปารคูฯ
Svassa dhammamadesesi, muni dukkhassa pāragū.
๓๒๒.
322.
‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;
‘‘Dukkhaṃ dukkhasamuppādaṃ, dukkhassa ca atikkamaṃ;
อริยํ จฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํฯ
Ariyaṃ caṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ, dukkhūpasamagāminaṃ.
๓๒๓.
323.
‘‘ตตฺถ วิญฺญาตสทฺธโมฺม, ปพฺพชฺชํ สมโรจยิ;
‘‘Tattha viññātasaddhammo, pabbajjaṃ samarocayi;
สุชาโต ตีหิ รตฺตีหิ, ติโสฺส วิชฺชา อผสฺสยิฯ
Sujāto tīhi rattīhi, tisso vijjā aphassayi.
๓๒๔.
324.
‘‘เอหิ สารถิ คจฺฉาหิ, รถํ นิยฺยาทยาหิมํ;
‘‘Ehi sārathi gacchāhi, rathaṃ niyyādayāhimaṃ;
อาโรคฺยํ พฺราหฺมณิํ วชฺช, ปพฺพชิ ทานิ พฺราหฺมโณ;
Ārogyaṃ brāhmaṇiṃ vajja, pabbaji dāni brāhmaṇo;
สุชาโต ตีหิ รตฺตีหิ, ติโสฺส วิชฺชา อผสฺสยิฯ
Sujāto tīhi rattīhi, tisso vijjā aphassayi.
๓๒๕.
325.
‘‘ตโต จ รถมาทาย, สหสฺสญฺจาปิ สารถิ;
‘‘Tato ca rathamādāya, sahassañcāpi sārathi;
อาโรคฺยํ พฺราหฺมณิํโวจ, ‘ปพฺพชิ ทานิ พฺราหฺมโณ;
Ārogyaṃ brāhmaṇiṃvoca, ‘pabbaji dāni brāhmaṇo;
สุชาโต ตีหิ รตฺตีหิ, ติโสฺส วิชฺชา อผสฺสยิฯ
Sujāto tīhi rattīhi, tisso vijjā aphassayi.
๓๒๖.
326.
‘‘เอตญฺจาหํ อสฺสรถํ, สหสฺสญฺจาปิ สารถิ;
‘‘Etañcāhaṃ assarathaṃ, sahassañcāpi sārathi;
เตวิชฺชํ พฺราหฺมณํ สุตฺวา, ปุณฺณปตฺตํ ททามิ เตฯ
Tevijjaṃ brāhmaṇaṃ sutvā, puṇṇapattaṃ dadāmi te.
๓๒๗.
327.
‘‘ตุเยฺหว โหตฺวสฺสรโถ, สหสฺสญฺจาปิ พฺราหฺมณิ;
‘‘Tuyheva hotvassaratho, sahassañcāpi brāhmaṇi;
อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามิ, วรปญฺญสฺส สนฺติเกฯ
Ahampi pabbajissāmi, varapaññassa santike.
๓๒๘.
328.
‘‘หตฺถี ควสฺสํ มณิกุณฺฑลญฺจ, ผีตญฺจิมํ คหวิภวํ ปหาย;
‘‘Hatthī gavassaṃ maṇikuṇḍalañca, phītañcimaṃ gahavibhavaṃ pahāya;
ปิตา ปพฺพชิโต ตุยฺหํ, ภุญฺช โภคานิ สุนฺทรี;
Pitā pabbajito tuyhaṃ, bhuñja bhogāni sundarī;
ตุวํ ทายาทิกา กุเลฯ
Tuvaṃ dāyādikā kule.
๓๒๙.
329.
‘‘หตฺถี ควสฺสํ มณิกุณฺฑลญฺจ, รมฺมํ จิมํ คหวิภวํ ปหาย;
‘‘Hatthī gavassaṃ maṇikuṇḍalañca, rammaṃ cimaṃ gahavibhavaṃ pahāya;
ปิตา ปพฺพชิโต มยฺหํ, ปุตฺตโสเกน อฎฺฎิโต;
Pitā pabbajito mayhaṃ, puttasokena aṭṭito;
อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามิ, ภาตุโสเกน อฎฺฎิตาฯ
Ahampi pabbajissāmi, bhātusokena aṭṭitā.
๓๓๐.
330.
‘‘โส เต อิชฺฌตุ สงฺกโปฺป, ยํ ตฺวํ ปเตฺถสิ สุนฺทรี;
‘‘So te ijjhatu saṅkappo, yaṃ tvaṃ patthesi sundarī;
อุตฺติฎฺฐปิโณฺฑ อุโญฺฉ จ, ปํสุกูลญฺจ จีวรํ;
Uttiṭṭhapiṇḍo uñcho ca, paṃsukūlañca cīvaraṃ;
เอตานิ อภิสโมฺภนฺตี, ปรโลเก อนาสวาฯ
Etāni abhisambhontī, paraloke anāsavā.
๓๓๑.
331.
‘‘สิกฺขมานาย เม อเยฺย, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;
‘‘Sikkhamānāya me ayye, dibbacakkhu visodhitaṃ;
ปุเพฺพนิวาสํ ชานามิ, ยตฺถ เม วุสิตํ ปุเรฯ
Pubbenivāsaṃ jānāmi, yattha me vusitaṃ pure.
๓๓๒.
332.
‘‘ตุวํ นิสฺสาย กลฺยาณิ, เถริ สงฺฆสฺส โสภเน;
‘‘Tuvaṃ nissāya kalyāṇi, theri saṅghassa sobhane;
ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํฯ
Tisso vijjā anuppattā, kataṃ buddhassa sāsanaṃ.
๓๓๓.
333.
‘‘อนุชานาหิ เม อเยฺย, อิเจฺฉ สาวตฺถิ คนฺตเว;
‘‘Anujānāhi me ayye, icche sāvatthi gantave;
สีหนาทํ นทิสฺสามิ, พุทฺธเสฎฺฐสฺส สนฺติเกฯ
Sīhanādaṃ nadissāmi, buddhaseṭṭhassa santike.
๓๓๔.
334.
‘‘ปสฺส สุนฺทริ สตฺถารํ, เหมวณฺณํ หริตฺตจํ;
‘‘Passa sundari satthāraṃ, hemavaṇṇaṃ harittacaṃ;
อทนฺตานํ ทเมตารํ, สมฺพุทฺธมกุโตภยํฯ
Adantānaṃ dametāraṃ, sambuddhamakutobhayaṃ.
๓๓๕.
335.
‘‘ปสฺส สุนฺทริมายนฺติํ, วิปฺปมุตฺตํ นิรูปธิํ;
‘‘Passa sundarimāyantiṃ, vippamuttaṃ nirūpadhiṃ;
วีตราคํ วิสํยุตฺตํ, กตกิจฺจมนาสวํฯ
Vītarāgaṃ visaṃyuttaṃ, katakiccamanāsavaṃ.
๓๓๖.
336.
‘‘พาราณสิโต นิกฺขมฺม, ตว สนฺติกมาคตา;
‘‘Bārāṇasito nikkhamma, tava santikamāgatā;
สาวิกา เต มหาวีร, ปาเท วนฺทติ สุนฺทรีฯ
Sāvikā te mahāvīra, pāde vandati sundarī.
๓๓๗.
337.
‘‘ตุวํ พุโทฺธ ตุวํ สตฺถา, ตุยฺหํ ธีตามฺหิ พฺราหฺมณ;
‘‘Tuvaṃ buddho tuvaṃ satthā, tuyhaṃ dhītāmhi brāhmaṇa;
โอรสา มุขโต ชาตา, กตกิจฺจา อนาสวาฯ
Orasā mukhato jātā, katakiccā anāsavā.
๓๓๘.
338.
‘‘ตสฺสา เต สฺวาคตํ ภเทฺท, ตโต เต อทุราคตํ;
‘‘Tassā te svāgataṃ bhadde, tato te adurāgataṃ;
เอวญฺหิ ทนฺตา อายนฺติ, สตฺถุ ปาทานิ วนฺทิกา;
Evañhi dantā āyanti, satthu pādāni vandikā;
วีตราคา วิสํยุตฺตา, กตกิจฺจา อนาสวา’’ติฯ –
Vītarāgā visaṃyuttā, katakiccā anāsavā’’ti. –
อิมา คาถา ปจฺจุทาหาสิฯ
Imā gāthā paccudāhāsi.
ตตฺถ เปตานีติ มตานิฯ โภตีติ ตํ อาลปติฯ ปุตฺตานีติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, เปเต ปุเตฺตติ อโตฺถฯ เอโก เอว จ ตสฺสา ปุโตฺต มโต, พฺราหฺมโณ ปน ‘‘จิรกาลํ อยํ โสเกน อฎฺฎา หุตฺวา วิจริ, พหู มเญฺญ อิมิสฺสา ปุตฺตา มตา’’ติ เอวํสญฺญี หุตฺวา พหุวจเนนาหฯ ตถา จ ‘‘สาชฺช สพฺพานิ ขาทิตฺวา สตปุตฺตานี’’ติฯ ขาทมานาติ โลกโวหารวเสน ขุํสนวจนเมตํฯ โลเก หิ ยสฺสา อิตฺถิยา ชาตชาตา ปุตฺตา มรนฺติ, ตํ ครหนฺตา ‘‘ปุตฺตขาทินี’’ติอาทิํ วทนฺติฯ อตีวาติ อติวิย ภุสํฯ ปริตปฺปสีติ สนฺตปฺปสิ, ปุเรติ โยชนาฯ อยเญฺหตฺถ สเงฺขปโตฺถ – โภติ วาเสฎฺฐิ, ปุเพฺพ ตฺวํ มตปุตฺตา หุตฺวา โสจนฺตี ปริเทวนฺตี อติวิย โสกาย สมปฺปิตา คามนิคมราชธานิโย อาหิณฺฑสิฯ
Tattha petānīti matāni. Bhotīti taṃ ālapati. Puttānīti liṅgavipallāsena vuttaṃ, pete putteti attho. Eko eva ca tassā putto mato, brāhmaṇo pana ‘‘cirakālaṃ ayaṃ sokena aṭṭā hutvā vicari, bahū maññe imissā puttā matā’’ti evaṃsaññī hutvā bahuvacanenāha. Tathā ca ‘‘sājja sabbāni khāditvā sataputtānī’’ti. Khādamānāti lokavohāravasena khuṃsanavacanametaṃ. Loke hi yassā itthiyā jātajātā puttā maranti, taṃ garahantā ‘‘puttakhādinī’’tiādiṃ vadanti. Atīvāti ativiya bhusaṃ. Paritappasīti santappasi, pureti yojanā. Ayañhettha saṅkhepattho – bhoti vāseṭṭhi, pubbe tvaṃ mataputtā hutvā socantī paridevantī ativiya sokāya samappitā gāmanigamarājadhāniyo āhiṇḍasi.
สาชฺชาติ สา อชฺช, สา ตฺวํ เอตรหีติ อโตฺถฯ ‘‘สชฺชา’’ติ วา ปาโฐฯ เกน วเณฺณนาติ เกน การเณนฯ
Sājjāti sā ajja, sā tvaṃ etarahīti attho. ‘‘Sajjā’’ti vā pāṭho. Kena vaṇṇenāti kena kāraṇena.
ขาทิตานีติ เถรีปิ พฺราหฺมเณน วุตฺตปริยาเยเนว วทติฯ ขาทิตานิ วา พฺยคฺฆทีปิพิฬาราทิชาติโย สนฺธาเยวมาหฯ อตีตํเสติ อตีตโกฎฺฐาเส, อติกฺกนฺตภเวสูติ อโตฺถฯ มม ตุยฺหญฺจาติ มยา จ ตยา จฯ
Khāditānīti therīpi brāhmaṇena vuttapariyāyeneva vadati. Khāditāni vā byagghadīpibiḷārādijātiyo sandhāyevamāha. Atītaṃseti atītakoṭṭhāse, atikkantabhavesūti attho. Mama tuyhañcāti mayā ca tayā ca.
นิสฺสรณํ ญตฺวา ชาติยา มรณสฺส จาติ ชาติชรามรณานํ นิสฺสรณภูตํ นิพฺพานํ มคฺคญาเณน ปฎิวิชฺฌิตฺวาฯ น จาปิ ปริตปฺปยินฺติ น จาปิ อุปายาสาสิํ, อหํ อุปายาสํ น อาปชฺชินฺติ อโตฺถฯ
Nissaraṇaṃ ñatvā jātiyā maraṇassa cāti jātijarāmaraṇānaṃ nissaraṇabhūtaṃ nibbānaṃ maggañāṇena paṭivijjhitvā. Na cāpi paritappayinti na cāpi upāyāsāsiṃ, ahaṃ upāyāsaṃ na āpajjinti attho.
อพฺภุตํ วตาติ อจฺฉริยํ วตฯ ตญฺหิ อพฺภุตํ ปุเพฺพ อภูตํ อพฺภุตนฺติ วุจฺจติฯ เอทิสินฺติ เอวรูปิํ, ‘‘น โสจามิ น โรทามิ, น จาปิ ปริตปฺปยิ’’นฺติ เอวํ โสจนาทีนํ อภาวทีปนิํ วาจํฯ กสฺส ตฺวํ ธมฺมมญฺญายาติ เกวลํ ยถา เอทิโส ธโมฺม ลทฺธุํ น สกฺกา, ตสฺมา กสฺส นาม สตฺถุโน ธมฺมมญฺญาย คิรํ ภาสสิ เอทิสนฺติ สตฺถารํ สาสนญฺจ ปุจฺฉติฯ
Abbhutaṃ vatāti acchariyaṃ vata. Tañhi abbhutaṃ pubbe abhūtaṃ abbhutanti vuccati. Edisinti evarūpiṃ, ‘‘na socāmi na rodāmi, na cāpi paritappayi’’nti evaṃ socanādīnaṃ abhāvadīpaniṃ vācaṃ. Kassa tvaṃ dhammamaññāyāti kevalaṃ yathā ediso dhammo laddhuṃ na sakkā, tasmā kassa nāma satthuno dhammamaññāya giraṃ bhāsasi edisanti satthāraṃ sāsanañca pucchati.
นิรูปธินฺติ นิทฺทุกฺขํฯ วิญฺญาตสทฺธมฺมาติ ปฎิวิทฺธอริยสจฺจธมฺมาฯ พฺยปานุทินฺติ นีหริํ ปชหิํฯ
Nirūpadhinti niddukkhaṃ. Viññātasaddhammāti paṭividdhaariyasaccadhammā. Byapānudinti nīhariṃ pajahiṃ.
วิปฺปมุตฺตนฺติ สพฺพโส วิมุตฺตํ, สพฺพกิเลเสหิ สพฺพภเวหิ จ วิสํยุตฺตํฯ สฺวสฺสาติ โส สมฺมาสมฺพุโทฺธ อสฺส พฺราหฺมณสฺสฯ
Vippamuttanti sabbaso vimuttaṃ, sabbakilesehi sabbabhavehi ca visaṃyuttaṃ. Svassāti so sammāsambuddho assa brāhmaṇassa.
ตตฺถาติ ตสฺสํ จตุสจฺจธมฺมเทสนายํฯ
Tatthāti tassaṃ catusaccadhammadesanāyaṃ.
รถํ นิยฺยาทยาหิมนฺติ อิมํ รถํ พฺราหฺมณิยา นิยฺยาเทหิฯ
Rathaṃ niyyādayāhimanti imaṃ rathaṃ brāhmaṇiyā niyyādehi.
สหสฺสญฺจาปีติ มคฺคปริพฺพยตฺถํ นีตํ กหาปณสหสฺสญฺจาปิ อาทาย นิยฺยาเทหีติ โยชนาฯ
Sahassañcāpīti maggaparibbayatthaṃ nītaṃ kahāpaṇasahassañcāpi ādāya niyyādehīti yojanā.
อสฺสรถนฺติ อสฺสยุตฺตรถํฯ ปุณฺณปตฺตนฺติ ตุฎฺฐิทานํฯ
Assarathanti assayuttarathaṃ. Puṇṇapattanti tuṭṭhidānaṃ.
เอวํ พฺราหฺมณิยา ตุฎฺฐิทาเน ทิยฺยมาเน ตํ อสมฺปฎิจฺฉโนฺต สารถิ ‘‘ตุเยฺหว โหตู’’ติ คาถํ วตฺวา สตฺถุ สนฺติกเมว คนฺตฺวา ปพฺพชิฯ ปพฺพชิเต ปน สารถิมฺหิ พฺราหฺมณี อตฺตโน ธีตรํ สุนฺทริํ อามเนฺตตฺวา ฆราวาเส นิโยเชนฺตี ‘‘หตฺถี ควสฺส’’นฺติ คาถมาหฯ ตตฺถ หตฺถีติ หตฺถิโนฯ ควสฺสนฺติ คาโว จ อสฺสา จฯ มณิกุณฺฑลญฺจาติ มณิ จ กุณฺฑลานิ จฯ ผีตญฺจิมํ คหวิภวํ ปหายาติ อิมํ หตฺถิอาทิปฺปเภทํ ยถาวุตฺตํ อวุตฺตญฺจ เขตฺตวตฺถุหิรญฺญสุวณฺณาทิเภทํ ผีตํ ปหูตญฺจ คหวิภวํ เคหูปกรณํ อญฺญญฺจ ทาสิทาสาทิกํ สพฺพํ ปหาย ตว ปิตา ปพฺพชิโตฯ ภุญฺช โภคานิ สุนฺทรีติ สุนฺทริ, ตฺวํ อิเม โภเค ภุญฺชสฺสุฯ ตุวํ ทายาทิกา กุเลติ ตุวญฺหิ อิมสฺมิํ กุเล ทายชฺชารหาติฯ
Evaṃ brāhmaṇiyā tuṭṭhidāne diyyamāne taṃ asampaṭicchanto sārathi ‘‘tuyheva hotū’’ti gāthaṃ vatvā satthu santikameva gantvā pabbaji. Pabbajite pana sārathimhi brāhmaṇī attano dhītaraṃ sundariṃ āmantetvā gharāvāse niyojentī ‘‘hatthī gavassa’’nti gāthamāha. Tattha hatthīti hatthino. Gavassanti gāvo ca assā ca. Maṇikuṇḍalañcāti maṇi ca kuṇḍalāni ca. Phītañcimaṃ gahavibhavaṃ pahāyāti imaṃ hatthiādippabhedaṃ yathāvuttaṃ avuttañca khettavatthuhiraññasuvaṇṇādibhedaṃ phītaṃ pahūtañca gahavibhavaṃ gehūpakaraṇaṃ aññañca dāsidāsādikaṃ sabbaṃ pahāya tava pitā pabbajito. Bhuñja bhogāni sundarīti sundari, tvaṃ ime bhoge bhuñjassu. Tuvaṃ dāyādikā kuleti tuvañhi imasmiṃ kule dāyajjārahāti.
ตํ สุตฺวา สุนฺทรี อตฺตโน เนกฺขมฺมชฺฌาสยํ ปกาเสนฺตี ‘‘หตฺถีควสฺส’’นฺติอาทิมาหฯ
Taṃ sutvā sundarī attano nekkhammajjhāsayaṃ pakāsentī ‘‘hatthīgavassa’’ntiādimāha.
อถ นํ มาตา เนกฺขเมฺมเยว นิโยเชนฺตี ‘‘โส เต อิชฺฌตู’’ติอาทินา ทิยฑฺฒคาถมาหฯ ตตฺถ ยํ ตฺวํ ปเตฺถสิ สุนฺทรีติ สุนฺทริ ตฺวํ อิทานิ ยํ ปเตฺถสิ อากงฺขสิฯ โส ตว ปพฺพชฺชาย สงฺกโปฺป ปพฺพชฺชาย ฉโนฺท อิชฺฌตุ อนนฺตราเยน สิชฺฌตุฯ อุตฺติฎฺฐปิโณฺฑติ ฆเร ฆเร ปติฎฺฐิตฺวา ลทฺธพฺพภิกฺขาปิโณฺฑฯ อุโญฺฉติ ตทตฺถํ ฆรปฎิปาฎิยา อาหิณฺฑนํ อุทฺทิสฺส ฐานญฺจฯ เอตานีติ อุตฺติฎฺฐปิณฺฑาทีนิฯ อภิสโมฺภนฺตีติ อนิพฺพินฺนรูปา ชงฺฆพลํ นิสฺสาย อภิสมฺภวนฺตี, สาเธนฺตีติ อโตฺถฯ
Atha naṃ mātā nekkhammeyeva niyojentī ‘‘so te ijjhatū’’tiādinā diyaḍḍhagāthamāha. Tattha yaṃ tvaṃ patthesi sundarīti sundari tvaṃ idāni yaṃ patthesi ākaṅkhasi. So tava pabbajjāya saṅkappo pabbajjāya chando ijjhatu anantarāyena sijjhatu. Uttiṭṭhapiṇḍoti ghare ghare patiṭṭhitvā laddhabbabhikkhāpiṇḍo. Uñchoti tadatthaṃ gharapaṭipāṭiyā āhiṇḍanaṃ uddissa ṭhānañca. Etānīti uttiṭṭhapiṇḍādīni. Abhisambhontīti anibbinnarūpā jaṅghabalaṃ nissāya abhisambhavantī, sādhentīti attho.
อถ สุนฺทรี ‘‘สาธุ, อมฺมา’’ติ มาตุยา ปฎิสฺสุณิตฺวา นิกฺขมิตฺวา ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา สิกฺขมานาเยว สมานา ติโสฺส วิชฺชา สจฺฉิกตฺวา ‘‘สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ อุปชฺฌายํ อาโรเจตฺวา ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ สาวตฺถิํ อคมาสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สิกฺขมานาย เม, อเยฺย’’ติอาทิฯ ตตฺถ สิกฺขมานาย เมติ สิกฺขมานาย สมานาย มยาฯ อเยฺยติ อตฺตโน อุปชฺฌายํ อาลปติฯ
Atha sundarī ‘‘sādhu, ammā’’ti mātuyā paṭissuṇitvā nikkhamitvā bhikkhunupassayaṃ gantvā sikkhamānāyeva samānā tisso vijjā sacchikatvā ‘‘satthu santikaṃ gamissāmī’’ti upajjhāyaṃ ārocetvā bhikkhunīhi saddhiṃ sāvatthiṃ agamāsi. Tena vuttaṃ ‘‘sikkhamānāya me, ayye’’tiādi. Tattha sikkhamānāya meti sikkhamānāya samānāya mayā. Ayyeti attano upajjhāyaṃ ālapati.
ตุวํ นิสฺสาย กลฺยาณิ, เถริ สงฺฆสฺส โสภเนติ ภิกฺขุนิสเงฺฆ วุทฺธตรภาเวน ถิรคุณโยเคน จ สงฺฆเตฺถริ โสภเนหิ สีลาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา โสภเน กลฺยาณิ กลฺยาณมิเตฺต, อเยฺย, ตํ นิสฺสาย มยา ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา กตํ พุทฺธสฺส สาสนนฺติ โยชนาฯ
Tuvaṃ nissāya kalyāṇi, theri saṅghassa sobhaneti bhikkhunisaṅghe vuddhatarabhāvena thiraguṇayogena ca saṅghattheri sobhanehi sīlādīhi samannāgatattā sobhane kalyāṇi kalyāṇamitte, ayye, taṃ nissāya mayā tisso vijjā anuppattā kataṃ buddhassa sāsananti yojanā.
อิเจฺฉติ อิจฺฉามิฯ สาวตฺถิ คนฺตเวติ สาวตฺถิํ คนฺตุํฯ สีหนาทํ นทิสฺสามีติ อญฺญาพฺยากรณเมว สนฺธายาหฯ
Iccheti icchāmi. Sāvatthi gantaveti sāvatthiṃ gantuṃ. Sīhanādaṃ nadissāmīti aññābyākaraṇameva sandhāyāha.
อถ สุนฺทรี อนุกฺกเมน สาวตฺถิํ คนฺตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา สตฺถารํ ธมฺมาสเน นิสินฺนํ ทิสฺวา อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฎิสํเวทยมานา อตฺตานเมว อาลปนฺตี อาห ‘‘ปสฺส สุนฺทรี’’ติฯ เหมวณฺณนฺติ สุวณฺณวณฺณํฯ หริตฺตจนฺติ กญฺจนสนฺนิภตฺตจํฯ เอตฺถ จ ภควา ปีตวเณฺณน ‘‘สุวณฺณวโณฺณ’’ติ วุจฺจติฯ อถ โข สมฺมเทว ฆํสิตฺวา ชาติหิงฺคุลเกน อนุลิมฺปิตฺวา สุปริมชฺชิตกญฺจนาทาสสนฺนิโภติ ทเสฺสตุํ ‘‘เหมวณฺณ’’นฺติ วตฺวา ‘‘หริตฺตจ’’นฺติ วุตฺตํฯ
Atha sundarī anukkamena sāvatthiṃ gantvā vihāraṃ pavisitvā satthāraṃ dhammāsane nisinnaṃ disvā uḷāraṃ pītisomanassaṃ paṭisaṃvedayamānā attānameva ālapantī āha ‘‘passa sundarī’’ti. Hemavaṇṇanti suvaṇṇavaṇṇaṃ. Harittacanti kañcanasannibhattacaṃ. Ettha ca bhagavā pītavaṇṇena ‘‘suvaṇṇavaṇṇo’’ti vuccati. Atha kho sammadeva ghaṃsitvā jātihiṅgulakena anulimpitvā suparimajjitakañcanādāsasannibhoti dassetuṃ ‘‘hemavaṇṇa’’nti vatvā ‘‘harittaca’’nti vuttaṃ.
ปสฺส สุนฺทริมายนฺตินฺติ ตํ สุนฺทรินามิกํ มํ ภควา อาคจฺฉนฺติ ปสฺสฯ ‘‘วิปฺปมุตฺต’’นฺติอาทินา อญฺญํ พฺยากโรนฺตี ปีติวิปฺผารวเสน วทติฯ
Passa sundarimāyantinti taṃ sundarināmikaṃ maṃ bhagavā āgacchanti passa. ‘‘Vippamutta’’ntiādinā aññaṃ byākarontī pītivipphāravasena vadati.
กุโต ปน อาคตา, กตฺถ จ อาคตา, กีทิสา จายํ สุนฺทรีติ อาสงฺกนฺตานํ อาสงฺกํ นิวเตฺตตุํ ‘‘พาราณสิโต’’ติ คาถํ วตฺวา ตตฺถ ‘‘สาวิกา จา’’ติ วุตฺตมตฺถํ ปากฎตรํ กาตุํ ‘‘ตุวํ พุโทฺธ’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – อิมสฺมิํ สเทวเก โลเก ตุวเมเวโก สพฺพญฺญุพุโทฺธ, ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกปรมเตฺถหิ ยถารหํ อนุสาสนโต ตุวํ เม สตฺถา, อหญฺจ ขีณาสวพฺราหฺมณี ภควา ตุยฺหํ อุเร วายาม ชนิตาภิชาติตาย โอรสา, มุขโต ปวตฺตธมฺมโฆเสน สาสนสฺส จ มุขภูเตน อริยมเคฺคน ชาตตฺตา มุขโต ชาตา, นิฎฺฐิตปริญฺญาตาทิกรณียตาย กตกิจฺจา, สพฺพโส อาสวานํ เขปิตตฺตา อนาสวาติฯ
Kuto pana āgatā, kattha ca āgatā, kīdisā cāyaṃ sundarīti āsaṅkantānaṃ āsaṅkaṃ nivattetuṃ ‘‘bārāṇasito’’ti gāthaṃ vatvā tattha ‘‘sāvikā cā’’ti vuttamatthaṃ pākaṭataraṃ kātuṃ ‘‘tuvaṃ buddho’’ti gāthamāha. Tassattho – imasmiṃ sadevake loke tuvameveko sabbaññubuddho, diṭṭhadhammikasamparāyikaparamatthehi yathārahaṃ anusāsanato tuvaṃ me satthā, ahañca khīṇāsavabrāhmaṇī bhagavā tuyhaṃ ure vāyāma janitābhijātitāya orasā, mukhato pavattadhammaghosena sāsanassa ca mukhabhūtena ariyamaggena jātattā mukhato jātā, niṭṭhitapariññātādikaraṇīyatāya katakiccā, sabbaso āsavānaṃ khepitattā anāsavāti.
อถสฺสา สตฺถา อาคมนํ อภินนฺทโนฺต ‘‘ตสฺสา เต สฺวาคต’’นฺติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ยา ตฺวํ มยา อธิคตํ ธมฺมํ ยาถาวโต อธิคจฺฉิฯ ตสฺสา เต, ภเทฺท สุนฺทริ, อิธ มม สนฺติเก อาคตํ อาคมนํ สุอาคตํฯ ตโต เอว ตํ อทุราคตํ น ทุราคตํ โหติฯ กสฺมา? ยสฺมา เอวญฺหิ ทนฺตา อายนฺตีติ, ยถา ตฺวํ สุนฺทริ, เอวญฺหิ อุตฺตเมน อริยมคฺคทมเถน ทนฺตา ตโต เอว สพฺพธิ วีตราคา, สเพฺพสํ สํโยชนานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา วิสํยุตฺตา กตกิจฺจา อนาสวา สตฺถุ ปาทานํ วนฺทิกา อาคจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตสฺสา เต สฺวาคตํ อทุราคตนฺติ โยชนาฯ
Athassā satthā āgamanaṃ abhinandanto ‘‘tassā te svāgata’’nti gāthamāha. Tassattho – yā tvaṃ mayā adhigataṃ dhammaṃ yāthāvato adhigacchi. Tassā te, bhadde sundari, idha mama santike āgataṃ āgamanaṃ suāgataṃ. Tato eva taṃ adurāgataṃ na durāgataṃ hoti. Kasmā? Yasmā evañhi dantā āyantīti, yathā tvaṃ sundari, evañhi uttamena ariyamaggadamathena dantā tato eva sabbadhi vītarāgā, sabbesaṃ saṃyojanānaṃ samucchinnattā visaṃyuttā katakiccā anāsavā satthu pādānaṃ vandikā āgacchanti, tasmā tassā te svāgataṃ adurāgatanti yojanā.
สุนฺทรีเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sundarītherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๔. สุนฺทรีเถรีคาถา • 4. Sundarītherīgāthā