Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    สุนิธวสฺสการวตฺถุกถาวณฺณนา

    Sunidhavassakāravatthukathāvaṇṇanā

    ๒๘๖. สุนิธวสฺสการาติ (ที. นิ. ๒.๑๕๓; อุทา. อฎฺฐ. ๗๖) สุนิโธ จ วสฺสกาโร จ เทฺว พฺราหฺมณาฯ มคธมหามตฺตาติ มคธรโญฺญ มหาอมจฺจา, มคธรเฎฺฐ วา มหามตฺตา, มหติยา อิสฺสริยมตฺตาย สมนฺนาคตาติ มคธมหามตฺตาฯ ปาฎลิคาเม นครํ มาเปนฺตีติ ปาฎลิคามนฺตสงฺขาเต ภูมิปฺปเทเส นครํ มาเปนฺติ, ปุเพฺพ ‘‘ปาฎลิคาโม’’ติ ลทฺธนามํ ฐานํ อิทานิ นครํ กตฺวา มาเปนฺตีติ อโตฺถฯ วชฺชีนํ ปฎิพาหายาติ ลิจฺฉวิราชูนํ อายมุขปจฺฉินฺทนตฺถํฯ วตฺถูนีติ ฆรวตฺถูนิ ฆรปติฎฺฐาปนฎฺฐานานิฯ จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุนฺติ รโญฺญ ราชมหามตฺตานญฺจ นิเวสนานิ มาเปตุํ วตฺถุวิชฺชาปาฐกานํ จิตฺตานิ นมนฺติฯ เต กิร อตฺตโน สิปฺปานุภาเวน เหฎฺฐาปถวิยํ ติํสหตฺถมเตฺต ฐาเน ‘‘อิธ นาคานํ นิวาสปริคฺคโห, อิธ ยกฺขานํ, อิธ ภูตานํ นิวาสปริคฺคโห, อิธ ปาสาโณ วา ขาณุโก วา อตฺถี’’ติ ชานนฺติ, เต ตทา สิปฺปํ ชปฺปิตฺวา ตาทิสํ สารมฺภฎฺฐานํ ปริหริตฺวา อนารเมฺภ ฐาเน ตาหิ วตฺถุปริคฺคาหิกาหิ เทวตาหิ สทฺธิํ มนฺตยมานา วิย ตํตํเคหานิ มาเปนฺติฯ

    286.Sunidhavassakārāti (dī. ni. 2.153; udā. aṭṭha. 76) sunidho ca vassakāro ca dve brāhmaṇā. Magadhamahāmattāti magadharañño mahāamaccā, magadharaṭṭhe vā mahāmattā, mahatiyā issariyamattāya samannāgatāti magadhamahāmattā. Pāṭaligāme nagaraṃ māpentīti pāṭaligāmantasaṅkhāte bhūmippadese nagaraṃ māpenti, pubbe ‘‘pāṭaligāmo’’ti laddhanāmaṃ ṭhānaṃ idāni nagaraṃ katvā māpentīti attho. Vajjīnaṃ paṭibāhāyāti licchavirājūnaṃ āyamukhapacchindanatthaṃ. Vatthūnīti gharavatthūni gharapatiṭṭhāpanaṭṭhānāni. Cittāni namanti nivesanāni māpetunti rañño rājamahāmattānañca nivesanāni māpetuṃ vatthuvijjāpāṭhakānaṃ cittāni namanti. Te kira attano sippānubhāvena heṭṭhāpathaviyaṃ tiṃsahatthamatte ṭhāne ‘‘idha nāgānaṃ nivāsapariggaho, idha yakkhānaṃ, idha bhūtānaṃ nivāsapariggaho, idha pāsāṇo vā khāṇuko vā atthī’’ti jānanti, te tadā sippaṃ jappitvā tādisaṃ sārambhaṭṭhānaṃ pariharitvā anārambhe ṭhāne tāhi vatthupariggāhikāhi devatāhi saddhiṃ mantayamānā viya taṃtaṃgehāni māpenti.

    อถ วา เนสํ สรีเร เทวตา อธิมุจฺจิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ นิเวสนานิ มาเปตุํ จิตฺตํ นาเมนฺติฯ ตา จตูสุ โกเณสุ ขาณุเก โกเฎฺฎตฺวา วตฺถุมฺหิ คหิตมเตฺต ปฎิวิคจฺฉนฺติฯ สทฺธานํ กุลานํ สทฺธา เทวตา ตถา กโรนฺติ, อสฺสทฺธานํ กุลานํ อสฺสทฺธา เทวตา จฯ กิํ การณา? สทฺธานญฺหิ เอวํ โหติ ‘‘อิธ มนุสฺสา นิเวสนํ มาเปนฺตา ปฐมํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา มงฺคลํ วทาเปสฺสนฺติ, อถ มยํ สีลวนฺตานํ ทสฺสนํ ธมฺมกถํ ปญฺหวิสฺสชฺชนํ อนุโมทนญฺจ โสตุํ ลภิสฺสาม, มนุสฺสาทานํ ทตฺวา อมฺหากํ ปตฺติํ ทสฺสนฺตี’’ติฯ อสฺสทฺธา เทวตาปิ ‘‘อตฺตโน อิจฺฉานุรูปํ เตสํ ปฎิปตฺติํ ปสฺสิตุํ กถญฺจ โสตุํ ลภิสฺสามา’’ติ ตถา กโรนฺติฯ

    Atha vā nesaṃ sarīre devatā adhimuccitvā tattha tattha nivesanāni māpetuṃ cittaṃ nāmenti. Tā catūsu koṇesu khāṇuke koṭṭetvā vatthumhi gahitamatte paṭivigacchanti. Saddhānaṃ kulānaṃ saddhā devatā tathā karonti, assaddhānaṃ kulānaṃ assaddhā devatā ca. Kiṃ kāraṇā? Saddhānañhi evaṃ hoti ‘‘idha manussā nivesanaṃ māpentā paṭhamaṃ bhikkhusaṅghaṃ nisīdāpetvā maṅgalaṃ vadāpessanti, atha mayaṃ sīlavantānaṃ dassanaṃ dhammakathaṃ pañhavissajjanaṃ anumodanañca sotuṃ labhissāma, manussādānaṃ datvā amhākaṃ pattiṃ dassantī’’ti. Assaddhā devatāpi ‘‘attano icchānurūpaṃ tesaṃ paṭipattiṃ passituṃ kathañca sotuṃ labhissāmā’’ti tathā karonti.

    ตาวติํเสหีติ ยถา หิ เอกสฺมิํ กุเล เอกํ ปณฺฑิตํ มนุสฺสํ, เอกสฺมิญฺจ วิหาเร เอกํ พหุสฺสุตํ ภิกฺขุํ อุปาทาย ‘‘อสุกกุเล มนุสฺสา ปณฺฑิตา, อสุกวิหาเร ภิกฺขู พหุสฺสุตา’’ติ สโทฺท อพฺภุคฺคจฺฉติ, เอวเมวํ สกฺกํ เทวราชานํ วิสฺสกมฺมญฺจ เทวปุตฺตํ อุปาทาย ‘‘ตาวติํสา ปณฺฑิตา’’ติ สโทฺท อพฺภุคฺคโตฯ เตนาห ‘‘ตาวติํเสหี’’ติฯ เสยฺยถาปีติอาทินา เทเวหิ ตาวติํเสหิ สทฺธิํ มเนฺตตฺวา วิย สุนิธวสฺสการา นครํ มาเปนฺตีติ ทเสฺสติฯ

    Tāvatiṃsehīti yathā hi ekasmiṃ kule ekaṃ paṇḍitaṃ manussaṃ, ekasmiñca vihāre ekaṃ bahussutaṃ bhikkhuṃ upādāya ‘‘asukakule manussā paṇḍitā, asukavihāre bhikkhū bahussutā’’ti saddo abbhuggacchati, evamevaṃ sakkaṃ devarājānaṃ vissakammañca devaputtaṃ upādāya ‘‘tāvatiṃsā paṇḍitā’’ti saddo abbhuggato. Tenāha ‘‘tāvatiṃsehī’’ti. Seyyathāpītiādinā devehi tāvatiṃsehi saddhiṃ mantetvā viya sunidhavassakārā nagaraṃ māpentīti dasseti.

    ยาวตา อริยํ อายตนนฺติ ยตฺตกํ อริยมนุสฺสานํ โอสรณฎฺฐานํ นาม อตฺถิฯ ยาวตา วณิปฺปโถติ ยตฺตกํ วาณิชานํ อาหฎภณฺฑสฺส ราสิวเสเนว กยวิกฺกยฎฺฐานํ นาม, วาณิชานํ วสนฎฺฐานํ วา อตฺถิฯ อิทํ อคฺคนครนฺติ เตสํ อริยายตนวณิปฺปถานํ อิทํ นครํ อคฺคํ ภวิสฺสติ เชฎฺฐกํ ปาโมกฺขํฯ ปุฎเภทนนฺติ ภณฺฑปุฎเภทนฎฺฐานํ, ภณฺฑคนฺถิกานํ โมจนฎฺฐานนฺติ วุตฺตํ โหติฯ สกลชมฺพุทีเป อลทฺธภณฺฑมฺปิ หิ อิเธว ลภิสฺสติ, อญฺญตฺถ วิกฺกยํ อคจฺฉนฺตมฺปิ อิธ วิกฺกยํ คจฺฉิสฺสติ, ตสฺมา อิเธว ปุฎํ ภินฺทิสฺสตีติ อโตฺถฯ อายนฺติ ยานิ จตูสุ ทฺวาเรสุ จตฺตาริ, สภายํ เอกนฺติ เอวํ ทิวเส ทิวเส ปญฺจสตสหสฺสานิ ตตฺถ อุฎฺฐหิสฺสนฺติ, ตานิสฺส ภาวีนิ อายานิ ทเสฺสติฯ อคฺคิโต วาติอาทีสุ จ-การโตฺถ วา-สโทฺท, อคฺคินา จ อุทเกน จ มิถุเภเทน จ นสฺสิสฺสตีติ อโตฺถฯ ตสฺส หิ เอโก โกฎฺฐาโส อคฺคินา นสฺสิสฺสติ, นิพฺพาเปตุมฺปิ นํ น สกฺขิสฺสติ, เอกํ โกฎฺฐาสํ คงฺคา คเหตฺวา คมิสฺสติ, เอโก อิมินา อกถิตํ อมุสฺส, อมุนา อกถิตํ อิมสฺส วทนฺตานํ ปิสุณวาจานํ วเสน ภินฺนานํ มนุสฺสานํ อญฺญมญฺญเภเทน วินสฺสิสฺสติฯ

    Yāvatā ariyaṃ āyatananti yattakaṃ ariyamanussānaṃ osaraṇaṭṭhānaṃ nāma atthi. Yāvatā vaṇippathoti yattakaṃ vāṇijānaṃ āhaṭabhaṇḍassa rāsivaseneva kayavikkayaṭṭhānaṃ nāma, vāṇijānaṃ vasanaṭṭhānaṃ vā atthi. Idaṃ agganagaranti tesaṃ ariyāyatanavaṇippathānaṃ idaṃ nagaraṃ aggaṃ bhavissati jeṭṭhakaṃ pāmokkhaṃ. Puṭabhedananti bhaṇḍapuṭabhedanaṭṭhānaṃ, bhaṇḍaganthikānaṃ mocanaṭṭhānanti vuttaṃ hoti. Sakalajambudīpe aladdhabhaṇḍampi hi idheva labhissati, aññattha vikkayaṃ agacchantampi idha vikkayaṃ gacchissati, tasmā idheva puṭaṃ bhindissatīti attho. Āyanti yāni catūsu dvāresu cattāri, sabhāyaṃ ekanti evaṃ divase divase pañcasatasahassāni tattha uṭṭhahissanti, tānissa bhāvīni āyāni dasseti. Aggito vātiādīsu ca-kārattho -saddo, agginā ca udakena ca mithubhedena ca nassissatīti attho. Tassa hi eko koṭṭhāso agginā nassissati, nibbāpetumpi naṃ na sakkhissati, ekaṃ koṭṭhāsaṃ gaṅgā gahetvā gamissati, eko iminā akathitaṃ amussa, amunā akathitaṃ imassa vadantānaṃ pisuṇavācānaṃ vasena bhinnānaṃ manussānaṃ aññamaññabhedena vinassissati.

    เอวํ วตฺวา ภควา ปจฺจูสกาเล คงฺคาตีรํ คนฺตฺวา กตมุขโธวโน ภิกฺขาจารกาลํ อาคมยมาโน นิสีทิฯ สุนิธวสฺสการาปิ ‘‘อมฺหากํ ราชา สมณสฺส โคตมสฺส อุปฎฺฐาโก, โส อเมฺห อุปคเต ปุจฺฉิสฺสติ ‘สตฺถา กิร ปาฎลิคามํ อคมาสิ, กิํ ตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺถ, น อุปสงฺกมิตฺถา’ติ, ‘อุปสงฺกมิมฺหา’ติ จ วุเตฺต ‘นิมนฺตยิตฺถ, น นิมนฺตยิตฺถา’ติ ปุจฺฉิสฺสติ, ‘น นิมนฺตยิมฺหา’ติ จ วุเตฺต อมฺหากํ โทสํ อาโรเปตฺวา นิคฺคณฺหิสฺสติ, อิทญฺจาปิ มยํ อกตฎฺฐาเน นครํ มาเปม, สมณสฺส โข ปน โคตมสฺส คตคตฎฺฐาเน กาฬกณฺณิสตฺตา ปฎิกฺกมนฺติ, ตํ มยํ นครมงฺคลํ วาจาเปสฺสามา’’ติ จิเนฺตตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา นิมนฺตยิํสุฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข สุนิธวสฺสการา’’ติอาทิฯ ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ปุพฺพณฺหกาเลฯ นิวาเสตฺวาติ คามปฺปเวสนนีหาเรน นิวาสนํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวาฯ ปตฺตจีวรมาทายาติ ปตฺตญฺจ จีวรญฺจ อาทิยิตฺวา กายปฎิพทฺธํ กตฺวา, จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ หเตฺถน คเหตฺวาติ อโตฺถฯ

    Evaṃ vatvā bhagavā paccūsakāle gaṅgātīraṃ gantvā katamukhadhovano bhikkhācārakālaṃ āgamayamāno nisīdi. Sunidhavassakārāpi ‘‘amhākaṃ rājā samaṇassa gotamassa upaṭṭhāko, so amhe upagate pucchissati ‘satthā kira pāṭaligāmaṃ agamāsi, kiṃ tassa santikaṃ upasaṅkamittha, na upasaṅkamitthā’ti, ‘upasaṅkamimhā’ti ca vutte ‘nimantayittha, na nimantayitthā’ti pucchissati, ‘na nimantayimhā’ti ca vutte amhākaṃ dosaṃ āropetvā niggaṇhissati, idañcāpi mayaṃ akataṭṭhāne nagaraṃ māpema, samaṇassa kho pana gotamassa gatagataṭṭhāne kāḷakaṇṇisattā paṭikkamanti, taṃ mayaṃ nagaramaṅgalaṃ vācāpessāmā’’ti cintetvā satthāraṃ upasaṅkamitvā nimantayiṃsu. Tena vuttaṃ ‘‘atha kho sunidhavassakārā’’tiādi. Pubbaṇhasamayanti pubbaṇhakāle. Nivāsetvāti gāmappavesananīhārena nivāsanaṃ nivāsetvā kāyabandhanaṃ bandhitvā. Pattacīvaramādāyāti pattañca cīvarañca ādiyitvā kāyapaṭibaddhaṃ katvā, cīvaraṃ pārupitvā pattaṃ hatthena gahetvāti attho.

    สีลวเนฺตตฺถาติ สีลวเนฺต เอตฺถ อตฺตโน วสนฎฺฐาเนฯ สญฺญเตติ กายวาจาจิเตฺตหิ สญฺญเตฯ ตาสํ ทกฺขิณมาทิเสติ สงฺฆสฺส ทิเนฺน จตฺตาโร ปจฺจเย ตาสํ ฆรเทวตานํ อาทิเสยฺยปตฺติํ ทเทยฺยฯ ปูชิตา ปูชยนฺตีติ ‘‘อิเม มนุสฺสา อมฺหากํ ญาตกาปิ น โหนฺติ, ตถาปิ โน ปตฺติํ เทนฺตีติ อารกฺขํ สุสํวิหิตํ กโรถา’’ติ สุฎฺฐุ อารกฺขํ กโรนฺติฯ มานิตา มานยนฺตีติ กาลานุกาลํ พลิกมฺมกรเณน มานิตา ‘‘เอเต มนุสฺสา อมฺหากํ ญาตกาปิ น โหนฺติ, ตถาปิ จตุมาสฉมาสนฺตเร โน พลิกมฺมํ กโรนฺตี’’ติ มาเนนฺติ อุปฺปนฺนปริสฺสยํ หรนฺติฯ ตโต นนฺติ ตโต นํ ปณฺฑิตชาติกํ มนุสฺสํฯ โอรสนฺติ อุเร ฐเปตฺวา สํวฑฺฒิตํ, ยถา มาตา โอรสํ ปุตฺตํ อนุกมฺปติ, อุปฺปนฺนปริสฺสยหรณตฺถเมวสฺส วายมติ, เอวํ อนุกมฺปนฺตีติ อโตฺถฯ ภทฺรานิ ปสฺสตีติ สุนฺทรานิ ปสฺสติฯ

    Sīlavantetthāti sīlavante ettha attano vasanaṭṭhāne. Saññateti kāyavācācittehi saññate. Tāsaṃ dakkhiṇamādiseti saṅghassa dinne cattāro paccaye tāsaṃ gharadevatānaṃ ādiseyyapattiṃ dadeyya. Pūjitā pūjayantīti ‘‘ime manussā amhākaṃ ñātakāpi na honti, tathāpi no pattiṃ dentīti ārakkhaṃ susaṃvihitaṃ karothā’’ti suṭṭhu ārakkhaṃ karonti. Mānitā mānayantīti kālānukālaṃ balikammakaraṇena mānitā ‘‘ete manussā amhākaṃ ñātakāpi na honti, tathāpi catumāsachamāsantare no balikammaṃ karontī’’ti mānenti uppannaparissayaṃ haranti. Tato nanti tato naṃ paṇḍitajātikaṃ manussaṃ. Orasanti ure ṭhapetvā saṃvaḍḍhitaṃ, yathā mātā orasaṃ puttaṃ anukampati, uppannaparissayaharaṇatthamevassa vāyamati, evaṃ anukampantīti attho. Bhadrāni passatīti sundarāni passati.

    อนุโมทิตฺวาติ เตหิ ตทา ปสุตปุญฺญสฺส อนุโมทนวเสน เตสํ ธมฺมกถํ กตฺวาฯ สุนิธวสฺสการาปิ ‘‘ยา ตตฺถ เทวตา อาสุํ, ตาสํ ทกฺขิณมาทิเส’’ติ ภควโต วจนํ สุตฺวา เทวตานํ ปตฺติํ อทํสุฯ ตํ โคตมทฺวารํ นาม อโหสีติ ตสฺส นครสฺส เยน ทฺวาเรน ภควา นิกฺขมิ, ตํ โคตมทฺวารํ นาม อโหสิฯ คงฺคาย ปน อุตฺตรณตฺถํ อโนติณฺณตฺตา โคตมติตฺถํ นาม นาโหสิฯ ปูราติ ปุณฺณาฯ สมติตฺติกาติ ตีรสมํ อุทกสฺส ติตฺตา ภริตาฯ กากเปยฺยาติ ตีเร ฐิตกาเกหิ ปาตุํ สกฺกุเณยฺยอุทกาฯ ตีหิปิ ปเทหิ อุภโตกูลสมํ ปริปุณฺณภาวเมว วทติฯ อุฬุมฺปนฺติ ปารคมนตฺถาย ลหุเก ทารุทเณฺฑ คเหตฺวา กวาฎผลเก วิย อญฺญมญฺญสมฺพเนฺธ กาตุํ อาณิโย โกเฎฺฎตฺวา นาวาสเงฺขเปน กตํฯ กุลฺลนฺติ เวฬุนฬาทิเก สงฺฆริตฺวา วลฺลิอาทีหิ กลาปวเสน พนฺธิตฺวา กตํฯ

    Anumoditvāti tehi tadā pasutapuññassa anumodanavasena tesaṃ dhammakathaṃ katvā. Sunidhavassakārāpi ‘‘yā tattha devatā āsuṃ, tāsaṃ dakkhiṇamādise’’ti bhagavato vacanaṃ sutvā devatānaṃ pattiṃ adaṃsu. Taṃ gotamadvāraṃ nāma ahosīti tassa nagarassa yena dvārena bhagavā nikkhami, taṃ gotamadvāraṃ nāma ahosi. Gaṅgāya pana uttaraṇatthaṃ anotiṇṇattā gotamatitthaṃ nāma nāhosi. Pūrāti puṇṇā. Samatittikāti tīrasamaṃ udakassa tittā bharitā. Kākapeyyāti tīre ṭhitakākehi pātuṃ sakkuṇeyyaudakā. Tīhipi padehi ubhatokūlasamaṃ paripuṇṇabhāvameva vadati. Uḷumpanti pāragamanatthāya lahuke dārudaṇḍe gahetvā kavāṭaphalake viya aññamaññasambandhe kātuṃ āṇiyo koṭṭetvā nāvāsaṅkhepena kataṃ. Kullanti veḷunaḷādike saṅgharitvā valliādīhi kalāpavasena bandhitvā kataṃ.

    เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ มหาชนสฺส คงฺคุทกมตฺตสฺสปิ เกวลํ ตริตุํ อสมตฺถตํ, อตฺตโน ปน ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อติคมฺภีรวิตฺถตํ สํสารมหณฺณวํ ตริตฺวา ฐิตภาวญฺจ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถปริทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิฯ อุทานคาถาย อโตฺถ ปน อฎฺฐกถายํ ทสฺสิโตเยวฯ ตตฺถ อุทกฎฺฐานเสฺสตํ อธิวจนนฺติ ยถาวุตฺตสฺส ยสฺส กสฺสจิ อุทกฎฺฐานสฺส เอตํ อณฺณวนฺติ อธิวจนํ, น สมุทฺทเสฺสวาติ อธิปฺปาโยฯ สรนฺติ อิธ นที อธิเปฺปตา สรติ สนฺทตีติ กตฺวาฯ คมฺภีรํ วิตฺถตนฺติ อคาธเฎฺฐน คมฺภีรํ, สกลโลกตฺตยพฺยาปิตาย วิตฺถตํฯ วิสชฺชาติ อนาสชฺช อปฺปตฺวา เอว ปลฺลลานิ เตสํ อตรณโตฯ กุลฺลญฺหิ ชโน พนฺธตีติ กุลฺลํ พนฺธิตุํ อายาสํ อาปชฺชติฯ วินา เอว กุเลฺลนาติ อีทิสํ อุทกํ กุเลฺลน อีทิเสน วินา เอวฯ ติณฺณา เมธาวิโน ชนาติ อริยมคฺคญาณสงฺขาตาย เมธาย สมนฺนาคตตฺตา เมธาวิโน พุทฺธา จ พุทฺธสาวกา จ ติณฺณา ปรตีเร ปติฎฺฐิตาฯ

    Etamatthaṃviditvāti etaṃ mahājanassa gaṅgudakamattassapi kevalaṃ tarituṃ asamatthataṃ, attano pana bhikkhusaṅghassa ca atigambhīravitthataṃ saṃsāramahaṇṇavaṃ taritvā ṭhitabhāvañca sabbākārato viditvā tadatthaparidīpanaṃ imaṃ udānaṃ udānesi. Udānagāthāya attho pana aṭṭhakathāyaṃ dassitoyeva. Tattha udakaṭṭhānassetaṃ adhivacananti yathāvuttassa yassa kassaci udakaṭṭhānassa etaṃ aṇṇavanti adhivacanaṃ, na samuddassevāti adhippāyo. Saranti idha nadī adhippetā sarati sandatīti katvā. Gambhīraṃ vitthatanti agādhaṭṭhena gambhīraṃ, sakalalokattayabyāpitāya vitthataṃ. Visajjāti anāsajja appatvā eva pallalāni tesaṃ ataraṇato. Kullañhi jano bandhatīti kullaṃ bandhituṃ āyāsaṃ āpajjati. Vinā eva kullenāti īdisaṃ udakaṃ kullena īdisena vinā eva. Tiṇṇā medhāvino janāti ariyamaggañāṇasaṅkhātāya medhāya samannāgatattā medhāvino buddhā ca buddhasāvakā ca tiṇṇā paratīre patiṭṭhitā.

    สุนิธวสฺสการวตฺถุกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sunidhavassakāravatthukathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๑๗๔. สุนิธวสฺสการวตฺถุ • 174. Sunidhavassakāravatthu

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / ปาฎลิคามวตฺถุกถา • Pāṭaligāmavatthukathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปาฎลิคามวตฺถุกถาวณฺณนา • Pāṭaligāmavatthukathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑๗๓. ปาฎลิคามวตฺถุกถา • 173. Pāṭaligāmavatthukathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact