Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā |
๑๑. สุนิกฺขิตฺตวิมานวณฺณนา
11. Sunikkhittavimānavaṇṇanā
อุจฺจมิทํ มณิถูณํ วิมานนฺติ สุนิกฺขิตฺตวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเนฯ เตน สมเยน อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เทวจาริกํ จรโนฺต ตาวติํสภวนํ อุปคโตฯ ตสฺมิญฺจ ขเณ อญฺญตโร เทวปุโตฺต อตฺตโน วิมานทฺวาเร ฐิโต อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ ทิสฺวา สญฺชาตคารวพหุมาโน อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคยฺห อฎฺฐาสิฯ
Uccamidaṃ maṇithūṇaṃ vimānanti sunikkhittavimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane. Tena samayena āyasmā mahāmoggallāno heṭṭhā vuttanayeneva devacārikaṃ caranto tāvatiṃsabhavanaṃ upagato. Tasmiñca khaṇe aññataro devaputto attano vimānadvāre ṭhito āyasmantaṃ mahāmoggallānaṃ disvā sañjātagāravabahumāno upasaṅkamitvā pañcapatiṭṭhitena vanditvā añjaliṃ paggayha aṭṭhāsi.
โส กิร อตีเต กสฺสปสมฺมาสมฺพุเทฺธ ปรินิพฺพุเต ตสฺส สรีรธาตุโย ปกฺขิปิตฺวา โยชนิเก กนกถูเป จ กเต จตโสฺส ปริสา กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา คนฺธปุปฺผธูปาทีหิ เจติเย ปูชํ กโรนฺติ, ตตฺถ อญฺญตโร อุปาสโก อเญฺญสุ ปุปฺผปูชํ กตฺวา คเตสุ เตหิ ปูชิตฎฺฐาเน ทุนฺนิกฺขิตฺตานิ ปุปฺผานิ ทิสฺวา ตเตฺถว ตานิ สมฺมเทว ฐเปโนฺต สนฺนิเวสวเสน ทสฺสนียํ ปาสาทิกํ วิภตฺติวิเสสยุตฺตํ ปุปฺผปูชํ อกาสิฯ กตฺวา จ ปน เอตํ อารมฺมณํ คณฺหโนฺต สตฺถุ คุเณ อนุสฺสริตฺวา ปสนฺนจิโตฺต ตํ ปุญฺญํ หทเย ฐเปสิฯ
So kira atīte kassapasammāsambuddhe parinibbute tassa sarīradhātuyo pakkhipitvā yojanike kanakathūpe ca kate catasso parisā kālena kālaṃ upasaṅkamitvā gandhapupphadhūpādīhi cetiye pūjaṃ karonti, tattha aññataro upāsako aññesu pupphapūjaṃ katvā gatesu tehi pūjitaṭṭhāne dunnikkhittāni pupphāni disvā tattheva tāni sammadeva ṭhapento sannivesavasena dassanīyaṃ pāsādikaṃ vibhattivisesayuttaṃ pupphapūjaṃ akāsi. Katvā ca pana etaṃ ārammaṇaṃ gaṇhanto satthu guṇe anussaritvā pasannacitto taṃ puññaṃ hadaye ṭhapesi.
โส อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตเสฺสว กมฺมสฺส อานุภาเวน ตาวติํสภวเน ทฺวาทสโยชนิเก กนกวิมาเน นิพฺพตฺติ, มหานุภาโว มหา จสฺส ปริวาโร อโหสิฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ตสฺมิญฺจ ขเณ อญฺญตโร เทวปุโตฺต…เป.… อฎฺฐาสี’’ติฯ อถ นํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ยถาลทฺธสมฺปตฺติกิตฺตนมุเขน กตสุจริตกมฺมํ อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ –
So aparabhāge kālaṃ katvā tasseva kammassa ānubhāvena tāvatiṃsabhavane dvādasayojanike kanakavimāne nibbatti, mahānubhāvo mahā cassa parivāro ahosi. Taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘tasmiñca khaṇe aññataro devaputto…pe… aṭṭhāsī’’ti. Atha naṃ āyasmā mahāmoggallāno yathāladdhasampattikittanamukhena katasucaritakammaṃ imāhi gāthāhi pucchi –
๑๒๘๒.
1282.
‘‘อุจฺจมิทํ มณิถูณํ วิมานํ, สมนฺตโต ทฺวาทสโยชนานิ;
‘‘Uccamidaṃ maṇithūṇaṃ vimānaṃ, samantato dvādasayojanāni;
กูฎาคารา สตฺตสตา อุฬารา, เวฬุริยถมฺภา รุจกตฺถตา สุภาฯ
Kūṭāgārā sattasatā uḷārā, veḷuriyathambhā rucakatthatā subhā.
๑๒๘๓.
1283.
‘‘ตตฺถจฺฉสิ ปิวสิ ขาทสิ จ, ทิพฺพา จ วีณา ปวทนฺติ วคฺคุํ;
‘‘Tatthacchasi pivasi khādasi ca, dibbā ca vīṇā pavadanti vagguṃ;
ทิพฺพา รสา กามคุเณตฺถ ปญฺจ, นาริโย จ นจฺจนฺติ สุวณฺณฉนฺนาฯ
Dibbā rasā kāmaguṇettha pañca, nāriyo ca naccanti suvaṇṇachannā.
๑๒๘๔.
1284.
‘‘เกน เตตาทิโส วโณฺณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;
‘‘Kena tetādiso vaṇṇo, kena te idha mijjhati;
อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยาฯ
Uppajjanti ca te bhogā, ye keci manaso piyā.
๑๒๘๕.
1285.
‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทว มหานุภาว, มนุสฺสภูโต กิมกาสิ ปุญฺญํ;
‘‘Pucchāmi taṃ deva mahānubhāva, manussabhūto kimakāsi puññaṃ;
เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาโว, วโณฺณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ
Kenāsi evaṃ jalitānubhāvo, vaṇṇo ca te sabbadisā pabhāsatī’’ti.
โสปิ ตสฺส อตฺตโน กตกมฺมํ อิมาหิ คาถาหิ กเถสิฯ ตํ ทเสฺสนฺตา สงฺคีติการา อาหํสุ –
Sopi tassa attano katakammaṃ imāhi gāthāhi kathesi. Taṃ dassentā saṅgītikārā āhaṃsu –
๑๒๘๖.
1286.
‘‘โส เทวปุโตฺต อตฺตมโน, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิโต;
‘‘So devaputto attamano, moggallānena pucchito;
ปญฺหํ ปุโฎฺฐ วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’ฯ
Pañhaṃ puṭṭho viyākāsi, yassa kammassidaṃ phalaṃ’’.
๑๒๘๗.
1287.
‘‘ทุนฺนิกฺขิตฺตํ มาลํ สุนิกฺขิปิตฺวา, ปติฎฺฐเปตฺวา สุคตสฺส ถูเป;
‘‘Dunnikkhittaṃ mālaṃ sunikkhipitvā, patiṭṭhapetvā sugatassa thūpe;
มหิทฺธิโก จมฺหิ มหานุภาโว, ทิเพฺพหิ กาเมหิ สมงฺคิภูโตฯ
Mahiddhiko camhi mahānubhāvo, dibbehi kāmehi samaṅgibhūto.
๑๒๘๘.
1288.
‘‘เตน เมตาทิโส วโณฺณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;
‘‘Tena metādiso vaṇṇo, tena me idha mijjhati;
อุปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยาฯ
Uppajjanti ca me bhogā, ye keci manaso piyā.
๑๒๘๙.
1289.
‘‘อกฺขามิ เต ภิกฺขุ มหานุภาว, มนุสฺสภูโต ยมหํ อกาสิํ;
‘‘Akkhāmi te bhikkhu mahānubhāva, manussabhūto yamahaṃ akāsiṃ;
เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาโว, วโณฺณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ
Tenamhi evaṃ jalitānubhāvo, vaṇṇo ca me sabbadisā pabhāsatī’’ti.
๑๒๘๗. ตตฺถ ทุนฺนิกฺขิตฺตํ มาลนฺติ เจติเย ปูชากรณฎฺฐาเน นิรนฺตรฎฺฐปนาทินา รจนาวิเสเสน อฎฺฐเปตฺวา ยถานิกฺขิตฺตตาย น สุฎฺฐุ นิกฺขิตฺตํ, วาเตน วา ปหริตฺวา ทุนฺนิกฺขิตฺตํ ปุปฺผํฯ สุนิกฺขิปิตฺวาติ สุฎฺฐุ นิกฺขิปิตฺวา รจนาวิเสเสน ทสฺสนียํ ปาสาทิกํ กตฺวา นิกฺขิปิยฯ ปติฎฺฐเปตฺวาติ วิภตฺติวิเสสาทิวเสน ปุปฺผํ ปติฎฺฐาเปตฺวาฯ ตํ วา ปุปฺผํ นิกฺขิปโนฺต สตฺถุ เจติยํ อุทฺทิสฺส มม สนฺตาเน กุสลธมฺมํ ปติฎฺฐาเปตฺวาติ เอวํ เอตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
1287. Tattha dunnikkhittaṃ mālanti cetiye pūjākaraṇaṭṭhāne nirantaraṭṭhapanādinā racanāvisesena aṭṭhapetvā yathānikkhittatāya na suṭṭhu nikkhittaṃ, vātena vā paharitvā dunnikkhittaṃ pupphaṃ. Sunikkhipitvāti suṭṭhu nikkhipitvā racanāvisesena dassanīyaṃ pāsādikaṃ katvā nikkhipiya. Patiṭṭhapetvāti vibhattivisesādivasena pupphaṃ patiṭṭhāpetvā. Taṃ vā pupphaṃ nikkhipanto satthu cetiyaṃ uddissa mama santāne kusaladhammaṃ patiṭṭhāpetvāti evaṃ ettha attho daṭṭhabbo. Sesaṃ vuttanayameva.
เอวํ เทวปุเตฺตน อตฺตโน สุจริตกเมฺม ปกาสิเต เถโร ตสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา อาคนฺตฺวา ภควโต ตมตฺถํ นิเวเทสิฯ ภควา ตํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตมหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสสิฯ เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติฯ
Evaṃ devaputtena attano sucaritakamme pakāsite thero tassa dhammaṃ desetvā āgantvā bhagavato tamatthaṃ nivedesi. Bhagavā taṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattamahājanassa dhammaṃ desesi. Desanā mahājanassa sātthikā ahosīti.
สุนิกฺขิตฺตวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sunikkhittavimānavaṇṇanā niṭṭhitā.
อิติ ปรมตฺถทีปนิยา ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย วิมานวตฺถุสฺมิํ
Iti paramatthadīpaniyā khuddaka-aṭṭhakathāya vimānavatthusmiṃ
เอกาทสวตฺถุปฎิมณฺฑิตสฺส สตฺตมสฺส
Ekādasavatthupaṭimaṇḍitassa sattamassa
สุนิกฺขิตฺตวคฺคสฺส อตฺถวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sunikkhittavaggassa atthavaṇṇanā niṭṭhitā.
นิฎฺฐิตา จ ปุริสวิมานวณฺณนาฯ
Niṭṭhitā ca purisavimānavaṇṇanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๑๑. สุนิกฺขิตฺตวิมานวตฺถุ • 11. Sunikkhittavimānavatthu