Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā

    ๑๐. สุญฺญกถา

    10. Suññakathā

    สุญฺญกถาวณฺณนา

    Suññakathāvaṇṇanā

    ๔๖. อิทานิ โลกุตฺตรพลปริโยสานาย พลกถาย อนนฺตรํ กถิตาย โลกุตฺตรสุญฺญตาปริโยสานาย สุตฺตนฺตปุพฺพงฺคมาย สุญฺญตากถาย อปุพฺพตฺถานุวณฺณนาฯ สุตฺตเนฺต ตาว อถาติ วจโนปาทาเน นิปาโตฯ เอเตน อายสฺมาติอาทิวจนสฺส อุปาทานํ กตํ โหติฯ โขติ ปทปูรณเตฺถ นิปาโตฯ เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ ภุมฺมเตฺถ กรณวจนํฯ ตสฺมา ยตฺถ ภควา, ตตฺถ อุปสงฺกมีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เยน วา การเณน ภควา เทวมนุเสฺสหิ อุปสงฺกมิตโพฺพ, เตเนว การเณน อุปสงฺกมีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เกน จ การเณน ภควา อุปสงฺกมิตโพฺพ? นานปฺปการคุณวิเสสาธิคมาธิปฺปาเยน, สาทุผลูปโภคาธิปฺปาเยน ทิชคเณหิ นิจฺจผลิตมหารุโกฺข วิย, เตน การเณน อุปสงฺกมีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อุปสงฺกมีติ จ คโตติ วุตฺตํ โหติฯ อุปสงฺกมิตฺวาติ อุปสงฺกมนปริโยสานทีปนํฯ อถ วา เอวญฺจ คโต ตโต อาสนฺนตรํ ฐานํ ภควโต สมีปสงฺขาตํ คนฺตฺวาติปิ วุตฺตํ โหติฯ

    46. Idāni lokuttarabalapariyosānāya balakathāya anantaraṃ kathitāya lokuttarasuññatāpariyosānāya suttantapubbaṅgamāya suññatākathāya apubbatthānuvaṇṇanā. Suttante tāva athāti vacanopādāne nipāto. Etena āyasmātiādivacanassa upādānaṃ kataṃ hoti. Khoti padapūraṇatthe nipāto. Yena bhagavā tenupasaṅkamīti bhummatthe karaṇavacanaṃ. Tasmā yattha bhagavā, tattha upasaṅkamīti evamettha attho daṭṭhabbo. Yena vā kāraṇena bhagavā devamanussehi upasaṅkamitabbo, teneva kāraṇena upasaṅkamīti evamettha attho daṭṭhabbo. Kena ca kāraṇena bhagavā upasaṅkamitabbo? Nānappakāraguṇavisesādhigamādhippāyena, sāduphalūpabhogādhippāyena dijagaṇehi niccaphalitamahārukkho viya, tena kāraṇena upasaṅkamīti evamettha attho daṭṭhabbo. Upasaṅkamīti ca gatoti vuttaṃ hoti. Upasaṅkamitvāti upasaṅkamanapariyosānadīpanaṃ. Atha vā evañca gato tato āsannataraṃ ṭhānaṃ bhagavato samīpasaṅkhātaṃ gantvātipi vuttaṃ hoti.

    อภิวาเทตฺวาติ ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิตฺวาฯ อิทานิ เยนเฎฺฐน โลเก อคฺคปุคฺคลสฺส อุปฎฺฐานํ อาคโต, ตํ ปุจฺฉิตุกาโม ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อญฺชลิํ สิรสิ ปติฎฺฐเปตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตนฺติ จ ภาวนปุํสกนิเทฺทโส ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๗๐) วิยฯ ตสฺมา ยถา นิสิโนฺน เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โหติ, ตถา นิสีทีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ภุมฺมเตฺถ วา เอตํ อุปโยควจนํฯ นิสีทีติ นิสชฺชํ กเปฺปสิฯ ปณฺฑิตา หิ เทวมนุสฺสา ครุฎฺฐานียํ อุปสงฺกมิตฺวา อาสนกุสลตาย เอกมนฺตํ นิสีทนฺติ, อยญฺจ เถโร เตสํ อญฺญตโร, ตสฺมา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ

    Abhivādetvāti pañcapatiṭṭhitena vanditvā. Idāni yenaṭṭhena loke aggapuggalassa upaṭṭhānaṃ āgato, taṃ pucchitukāmo dasanakhasamodhānasamujjalaṃ añjaliṃ sirasi patiṭṭhapetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantanti ca bhāvanapuṃsakaniddeso ‘‘visamaṃ candimasūriyā pariharantī’’tiādīsu (a. ni. 4.70) viya. Tasmā yathā nisinno ekamantaṃ nisinno hoti, tathā nisīdīti evamettha attho daṭṭhabbo. Bhummatthe vā etaṃ upayogavacanaṃ. Nisīdīti nisajjaṃ kappesi. Paṇḍitā hi devamanussā garuṭṭhānīyaṃ upasaṅkamitvā āsanakusalatāya ekamantaṃ nisīdanti, ayañca thero tesaṃ aññataro, tasmā ekamantaṃ nisīdi.

    กถํ นิสิโนฺน ปน เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โหตีติ? ฉ นิสชฺชโทเส วเชฺชตฺวาฯ เสยฺยถิทํ – อติทูรํ อจฺจาสนฺนํ อุปริวาตํ อุนฺนตปฺปเทสํ อติสมฺมุขํ อติปจฺฉาติฯ อติทูเร นิสิโนฺน หิ สเจ กเถตุกาโม โหติ, อุจฺจาสเทฺทน กเถตพฺพํ โหติฯ อจฺจาสเนฺน นิสิโนฺน สงฺฆฎฺฎนํ กโรติฯ อุปริวาเต นิสิโนฺน สรีรคเนฺธน พาธติฯ อุนฺนตปฺปเทเส นิสิโนฺน อคารวํ ปกาเสติฯ อติสมฺมุขา นิสิโนฺน สเจ ทฎฺฐุกาโม โหติ, จกฺขุนา จกฺขุํ อาหจฺจ ทฎฺฐพฺพํ โหติฯ อติปจฺฉา นิสิโนฺน สเจ ทฎฺฐุกาโม โหติ, คีวํ ปสาเรตฺวา ทฎฺฐพฺพํ โหติฯ ตสฺมา อยมฺปิ เอเต ฉ นิสชฺชโทเส วเชฺชตฺวา นิสีทิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เอกมนฺตํ นิสีที’’ติฯ เอตทโวจาติ เอตํ อโวจฯ

    Kathaṃ nisinno pana ekamantaṃ nisinno hotīti? Cha nisajjadose vajjetvā. Seyyathidaṃ – atidūraṃ accāsannaṃ uparivātaṃ unnatappadesaṃ atisammukhaṃ atipacchāti. Atidūre nisinno hi sace kathetukāmo hoti, uccāsaddena kathetabbaṃ hoti. Accāsanne nisinno saṅghaṭṭanaṃ karoti. Uparivāte nisinno sarīragandhena bādhati. Unnatappadese nisinno agāravaṃ pakāseti. Atisammukhā nisinno sace daṭṭhukāmo hoti, cakkhunā cakkhuṃ āhacca daṭṭhabbaṃ hoti. Atipacchā nisinno sace daṭṭhukāmo hoti, gīvaṃ pasāretvā daṭṭhabbaṃ hoti. Tasmā ayampi ete cha nisajjadose vajjetvā nisīdi. Tena vuttaṃ ‘‘ekamantaṃ nisīdī’’ti. Etadavocāti etaṃ avoca.

    สุโญฺญ โลโก สุโญฺญ โลโกติ, ภเนฺต, วุจฺจตีติ อิมสฺมิํ สาสเน ปฎิปเนฺนหิ เตหิ เตหิ ภิกฺขูหิ ‘‘สุโญฺญ โลโก สุโญฺญ โลโก’’ติ กถียตีติ อโตฺถฯ ตหิํ ตหิํ ตาทิสานํ วจนานํ พหุกตฺตา เตสํ สเพฺพสํ สงฺคณฺหนตฺถํ อาเมฑิตวจนํ กตํฯ เอวญฺหิ วุเตฺต สพฺพานิ ตานิ วจนานิ สงฺคหิตานิ โหนฺติฯ กิตฺตาวตาติ กิตฺตเกน ปริมาเณนฯ นุ-อิติ สํสยเตฺถ นิปาโตฯ สุญฺญํ อเตฺตน วา อตฺตนิเยน วาติ ‘‘การโก เวทโก สยํวสี’’ติ เอวํ โลกปริกปฺปิเตน อตฺตนา จ อตฺตาภาวโตเยว อตฺตโน สนฺตเกน ปริกฺขาเรน จ สุญฺญํฯ สพฺพํ จกฺขาทิ โลกิยํ ธมฺมชาตํ, ตํเยว ลุชฺชนปลุชฺชนเฎฺฐน โลโก นามฯ ยสฺมา จ อตฺตา จ เอตฺถ นตฺถิ, อตฺตนิยญฺจ เอตฺถ นตฺถิ, ตสฺมา สุโญฺญ โลโกติ วุจฺจตีติ อโตฺถฯ โลกุตฺตโรปิ จ ธโมฺม อตฺตตฺตนิเยหิ สุโญฺญ เอว, ปุจฺฉานุรูเปน ปน โลกิโยว ธโมฺม วุโตฺตฯ สุโญฺญติ จ ธโมฺม นตฺถีติ วุตฺตํ น โหติ, ตสฺมิํ ธเมฺม อตฺตตฺตนิยสารสฺส นตฺถิภาโว วุโตฺต โหติฯ โลเก จ ‘‘สุญฺญํ ฆรํ, สุโญฺญ ฆโฎ’’ติ วุเตฺต ฆรสฺส ฆฎสฺส จ นตฺถิภาโว วุโตฺต น โหติ, ตสฺมิํ ฆเร ฆเฎ จ อญฺญสฺส นตฺถิภาโว วุโตฺต โหติฯ ภควตา จ ‘‘อิติ ยญฺหิ โข ตตฺถ น โหติ, เตน ตํ สุญฺญํ สมนุปสฺสติฯ ยํ ปน ตตฺถ อวสิฎฺฐํ โหติ, ตํ สนฺตํ อิทมตฺถีติ ปชานาตี’’ติ อยเมว อโตฺถ วุโตฺตฯ ตถา ญายคเนฺถ จ สทฺทคเนฺถ จ อยเมว อโตฺถฯ อิติ อิมสฺมิํ สุตฺตเนฺต อนตฺตลกฺขณเมว กถิตํฯ

    Suñño loko suñño lokoti, bhante, vuccatīti imasmiṃ sāsane paṭipannehi tehi tehi bhikkhūhi ‘‘suñño loko suñño loko’’ti kathīyatīti attho. Tahiṃ tahiṃ tādisānaṃ vacanānaṃ bahukattā tesaṃ sabbesaṃ saṅgaṇhanatthaṃ āmeḍitavacanaṃ kataṃ. Evañhi vutte sabbāni tāni vacanāni saṅgahitāni honti. Kittāvatāti kittakena parimāṇena. Nu-iti saṃsayatthe nipāto. Suññaṃ attena vā attaniyena vāti ‘‘kārako vedako sayaṃvasī’’ti evaṃ lokaparikappitena attanā ca attābhāvatoyeva attano santakena parikkhārena ca suññaṃ. Sabbaṃ cakkhādi lokiyaṃ dhammajātaṃ, taṃyeva lujjanapalujjanaṭṭhena loko nāma. Yasmā ca attā ca ettha natthi, attaniyañca ettha natthi, tasmā suñño lokoti vuccatīti attho. Lokuttaropi ca dhammo attattaniyehi suñño eva, pucchānurūpena pana lokiyova dhammo vutto. Suññoti ca dhammo natthīti vuttaṃ na hoti, tasmiṃ dhamme attattaniyasārassa natthibhāvo vutto hoti. Loke ca ‘‘suññaṃ gharaṃ, suñño ghaṭo’’ti vutte gharassa ghaṭassa ca natthibhāvo vutto na hoti, tasmiṃ ghare ghaṭe ca aññassa natthibhāvo vutto hoti. Bhagavatā ca ‘‘iti yañhi kho tattha na hoti, tena taṃ suññaṃ samanupassati. Yaṃ pana tattha avasiṭṭhaṃ hoti, taṃ santaṃ idamatthīti pajānātī’’ti ayameva attho vutto. Tathā ñāyaganthe ca saddaganthe ca ayameva attho. Iti imasmiṃ suttante anattalakkhaṇameva kathitaṃ.

    ๔๗. สุตฺตนฺตนิเทฺทเส สุญฺญสุญฺญนฺติอาทีนิ ปญฺจวีสติ มาติกาปทานิ สุญฺญสมฺพเนฺธน อุทฺทิสิตฺวา เตสํ นิเทฺทโส กโตฯ ตตฺถ มาติกาย ตาว สุญฺญสงฺขาตํ สุญฺญํ, น อเญฺญน อุปปเทน วิเสสิตนฺติ สุญฺญสุญฺญํฯ อสุกนฺติ อนิทฺทิฎฺฐตฺตา เจตฺถ สุญฺญตฺตเมว วา อเปกฺขิตฺวา นปุํสกวจนํ กตํฯ เอวํ เสเสสุปิฯ สงฺขาโรเยว เสสสงฺขาเรหิ สุโญฺญติ สงฺขารสุญฺญํฯ ชราภงฺควเสน วิรูโป ปริณาโม วิปริณาโม, เตน วิปริณาเมน สุญฺญํ วิปริณามสุญฺญํฯ อคฺคญฺจ ตํ อตฺตตฺตนิเยหิ, สพฺพสงฺขาเรหิ วา สุญฺญญฺจาติ อคฺคสุญฺญํฯ ลกฺขณเมว เสสลกฺขเณหิ สุญฺญนฺติ ลกฺขณสุญฺญํฯ เนกฺขมฺมาทินา วิกฺขมฺภเนน สุญฺญํฯ วิกฺขมฺภนสุญฺญํฯ ตทงฺคสุญฺญาทีสุปิ จตูสุ เอเสว นโยฯ อชฺฌตฺตญฺจ ตํ อตฺตตฺตนิยาทีหิ สุญฺญญฺจาติ อชฺฌตฺตสุญฺญํฯ พหิทฺธา จ ตํ อตฺตตฺตนิยาทีหิ สุญฺญญฺจาติ พหิทฺธาสุญฺญํฯ ตทุภยํ อตฺตตฺตนิยาทีหิ สุญฺญนฺติ ทุภโตสุญฺญํฯ สมาโน ภาโค เอตสฺสาติ สภาคํ, สภาคญฺจ ตํ อตฺตตฺตนิยาทีหิ สุญฺญญฺจาติ สภาคสุญฺญํ, สทิสสุญฺญนฺติ อโตฺถฯ วิคตํ สภาคํ วิสภาคํ, วิสภาคญฺจ ตํ อตฺตตฺตนิยาทีหิ สุญฺญญฺจาติ วิสภาคสุญฺญํ, วิสทิสสุญฺญนฺติ อโตฺถฯ เกสุจิ โปตฺถเกสุ สภาคสุญฺญํ วิสภาคสุญฺญํ นิสฺสรณสุญฺญานนฺตรํ ลิขิตํฯ เนกฺขมฺมาทิเอสนา กามจฺฉนฺทาทินา สุญฺญาติ เอสนาสุญฺญํฯ ปริคฺคหสุญฺญาทีสุ ตีสุปิ เอเสว นโยฯ เอการมฺมเณ ปติฎฺฐิตตฺตา นานารมฺมณวิเกฺขปาภาวโต เอกตฺตญฺจ ตํ นานเตฺตน สุญฺญญฺจาติ เอกตฺตสุญฺญํฯ ตพฺพิปรีเตน นานตฺตญฺจ ตํ เอกเตฺตน สุญฺญญฺจาติ นานตฺตสุญฺญํฯ เนกฺขมฺมาทิขนฺติ กามจฺฉนฺทาทินา สุญฺญาติ ขนฺติสุญฺญํฯ อธิฎฺฐานสุเญฺญ ปริโยคาหนสุเญฺญ จ เอเสว นโยฯ ปริโยคหนสุญฺญนฺติปิ ปาโฐฯ สมฺปชานสฺสาติ สมฺปชเญฺญน สมนฺนาคตสฺส ปรินิพฺพายนฺตสฺส อรหโตฯ ปวตฺตปริยาทานนฺติ อนุปาทาปรินิพฺพานํฯ สพฺพสุญฺญตานนฺติ สพฺพสุญฺญานํฯ ปรมตฺถสุญฺญนฺติ สพฺพสงฺขาราภาวโต อุตฺตมตฺถภูตํ สุญฺญํฯ

    47. Suttantaniddese suññasuññantiādīni pañcavīsati mātikāpadāni suññasambandhena uddisitvā tesaṃ niddeso kato. Tattha mātikāya tāva suññasaṅkhātaṃ suññaṃ, na aññena upapadena visesitanti suññasuññaṃ. Asukanti aniddiṭṭhattā cettha suññattameva vā apekkhitvā napuṃsakavacanaṃ kataṃ. Evaṃ sesesupi. Saṅkhāroyeva sesasaṅkhārehi suññoti saṅkhārasuññaṃ. Jarābhaṅgavasena virūpo pariṇāmo vipariṇāmo, tena vipariṇāmena suññaṃ vipariṇāmasuññaṃ. Aggañca taṃ attattaniyehi, sabbasaṅkhārehi vā suññañcāti aggasuññaṃ. Lakkhaṇameva sesalakkhaṇehi suññanti lakkhaṇasuññaṃ. Nekkhammādinā vikkhambhanena suññaṃ. Vikkhambhanasuññaṃ. Tadaṅgasuññādīsupi catūsu eseva nayo. Ajjhattañca taṃ attattaniyādīhi suññañcāti ajjhattasuññaṃ. Bahiddhā ca taṃ attattaniyādīhi suññañcāti bahiddhāsuññaṃ. Tadubhayaṃ attattaniyādīhi suññanti dubhatosuññaṃ. Samāno bhāgo etassāti sabhāgaṃ, sabhāgañca taṃ attattaniyādīhi suññañcāti sabhāgasuññaṃ, sadisasuññanti attho. Vigataṃ sabhāgaṃ visabhāgaṃ, visabhāgañca taṃ attattaniyādīhi suññañcāti visabhāgasuññaṃ, visadisasuññanti attho. Kesuci potthakesu sabhāgasuññaṃ visabhāgasuññaṃ nissaraṇasuññānantaraṃ likhitaṃ. Nekkhammādiesanā kāmacchandādinā suññāti esanāsuññaṃ. Pariggahasuññādīsu tīsupi eseva nayo. Ekārammaṇe patiṭṭhitattā nānārammaṇavikkhepābhāvato ekattañca taṃ nānattena suññañcāti ekattasuññaṃ. Tabbiparītena nānattañca taṃ ekattena suññañcāti nānattasuññaṃ. Nekkhammādikhanti kāmacchandādinā suññāti khantisuññaṃ. Adhiṭṭhānasuññe pariyogāhanasuññe ca eseva nayo. Pariyogahanasuññantipi pāṭho. Sampajānassāti sampajaññena samannāgatassa parinibbāyantassa arahato. Pavattapariyādānanti anupādāparinibbānaṃ. Sabbasuññatānanti sabbasuññānaṃ. Paramatthasuññanti sabbasaṅkhārābhāvato uttamatthabhūtaṃ suññaṃ.

    ๔๘. มาติกานิเทฺทเส นิเจฺจน วาติ ภงฺคํ อติกฺกมิตฺวา ปวตฺตมานสฺส กสฺสจิ นิจฺจสฺส อภาวโต นิเจฺจน จ สุญฺญํฯ ธุเวน วาติ วิชฺชมานกาเลปิ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย ถิรสฺส กสฺสจิ อภาวโต ธุเวน จ สุญฺญํฯ สสฺสเตน วาติ อโพฺพจฺฉินฺนสฺส สพฺพกาเล วิชฺชมานสฺส กสฺสจิ อภาวโต สสฺสเตน จ สุญฺญํฯ อวิปริณามธเมฺมน วาติ ชราภงฺควเสน อวิปริณามปกติกสฺส กสฺสจิ อภาวโต อวิปริณามธเมฺมน จ สุญฺญํฯ สุตฺตเนฺต อตฺตสุญฺญตาย เอว วุตฺตายปิ นิจฺจสุญฺญตญฺจ สุขสุญฺญตญฺจ ทเสฺสตุํ อิธ นิเจฺจน วาติอาทีนิปิ วุตฺตานิฯ อนิจฺจเสฺสว หิ ปีฬาโยเคน ทุกฺขตฺตา นิจฺจสุญฺญตาย วุตฺตาย สุขสุญฺญตาปิ วุตฺตาว โหติฯ รูปาทโย ปเนตฺถ ฉ วิสยา, จกฺขุวิญฺญาณาทีนิ ฉ วิญฺญาณานิ, จกฺขุสมฺผสฺสาทโย ฉ ผสฺสา, จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนาทโย ฉ เวทนา ฉ สงฺขิตฺตาติ เวทิตพฺพํฯ

    48. Mātikāniddese niccena vāti bhaṅgaṃ atikkamitvā pavattamānassa kassaci niccassa abhāvato niccena ca suññaṃ. Dhuvena vāti vijjamānakālepi paccayāyattavuttitāya thirassa kassaci abhāvato dhuvena ca suññaṃ. Sassatena vāti abbocchinnassa sabbakāle vijjamānassa kassaci abhāvato sassatena ca suññaṃ. Avipariṇāmadhammena vāti jarābhaṅgavasena avipariṇāmapakatikassa kassaci abhāvato avipariṇāmadhammena ca suññaṃ. Suttante attasuññatāya eva vuttāyapi niccasuññatañca sukhasuññatañca dassetuṃ idha niccena vātiādīnipi vuttāni. Aniccasseva hi pīḷāyogena dukkhattā niccasuññatāya vuttāya sukhasuññatāpi vuttāva hoti. Rūpādayo panettha cha visayā, cakkhuviññāṇādīni cha viññāṇāni, cakkhusamphassādayo cha phassā, cakkhusamphassajā vedanādayo cha vedanā cha saṅkhittāti veditabbaṃ.

    ปุญฺญาภิสงฺขาโรติอาทีสุ ปุนาติ อตฺตโน การกํ, ปูเรติ จสฺส อชฺฌาสยํ, ปุชฺชญฺจ ภวํ นิพฺพเตฺตตีติ ปุญฺญํ, อภิสงฺขโรติ วิปากํ กฎตฺตารูปญฺจาติ อภิสงฺขาโร, ปุญฺญํ อภิสงฺขาโร ปุญฺญาภิสงฺขาโรฯ ปุญฺญปฎิปกฺขโต อปุญฺญํ อภิสงฺขาโร อปุญฺญาภิสงฺขาโรฯ น อิญฺชํ อเนญฺชํ, อเนญฺชํ ภวํ อภิสงฺขโรตีติ อาเนญฺชาภิสงฺขาโรฯ ปุญฺญาภิสงฺขาโร ทานสีลภาวนาวเสน ปวตฺตา อฎฺฐ กามาวจรกุสลเจตนา, ภาวนาวเสเนว ปวตฺตา ปญฺจ รูปาวจรกุสลเจตนาติ เตรส เจตนา โหนฺติ, อปุญฺญาภิสงฺขาโร ปาณาติปาตาทิวเสน ปวตฺตา ทฺวาทส อกุสลเจตนา, อาเนญฺชาภิสงฺขาโร ภาวนาวเสเนว ปวตฺตา จตโสฺส อรูปาวจรเจตนาติ ตโยปิ สงฺขารา เอกูนติํส เจตนา โหนฺติฯ กายสงฺขาโรติอาทีสุ กายโต วา ปวโตฺต, กายสฺส วา สงฺขาโรติ กายสงฺขาโรฯ วจีสงฺขารจิตฺตสงฺขาเรสุปิ เอเสว นโยฯ อยํ ติโก กมฺมายูหนกฺขเณ ปุญฺญาภิสงฺขาราทีนํ ทฺวารโต ปวตฺติทสฺสนตฺถํ วุโตฺตฯ กายวิญฺญตฺติํ สมุฎฺฐาเปตฺวา หิ กายทฺวารโต ปวตฺตา อฎฺฐ กามาวจรกุสลเจตนา, ทฺวาทส อกุสลเจตนา, อภิญฺญาเจตนา จาติ เอกวีสติ เจตนา กายสงฺขาโร นาม, ตา เอว จ วจีวิญฺญตฺติํ สมุฎฺฐาเปตฺวา วจีทฺวารโต ปวตฺตา วจีสงฺขาโร นาม, มโนทฺวาเร ปวตฺตา ปน สพฺพาปิ เอกูนติํส เจตนา จิตฺตสงฺขาโร นามฯ อตีตา สงฺขาราติอาทีสุ สเพฺพปิ สงฺขตธมฺมา สกกฺขณํ ปตฺวา นิรุทฺธา อตีตา สงฺขารา, สกกฺขณํ อปฺปตฺตา อนาคตา สงฺขารา, สกกฺขณํ ปตฺตา ปจฺจุปฺปนฺนา สงฺขาราติฯ

    Puññābhisaṅkhārotiādīsu punāti attano kārakaṃ, pūreti cassa ajjhāsayaṃ, pujjañca bhavaṃ nibbattetīti puññaṃ, abhisaṅkharoti vipākaṃ kaṭattārūpañcāti abhisaṅkhāro, puññaṃ abhisaṅkhāro puññābhisaṅkhāro. Puññapaṭipakkhato apuññaṃ abhisaṅkhāro apuññābhisaṅkhāro. Na iñjaṃ aneñjaṃ, aneñjaṃ bhavaṃ abhisaṅkharotīti āneñjābhisaṅkhāro. Puññābhisaṅkhāro dānasīlabhāvanāvasena pavattā aṭṭha kāmāvacarakusalacetanā, bhāvanāvaseneva pavattā pañca rūpāvacarakusalacetanāti terasa cetanā honti, apuññābhisaṅkhāro pāṇātipātādivasena pavattā dvādasa akusalacetanā, āneñjābhisaṅkhāro bhāvanāvaseneva pavattā catasso arūpāvacaracetanāti tayopi saṅkhārā ekūnatiṃsa cetanā honti. Kāyasaṅkhārotiādīsu kāyato vā pavatto, kāyassa vā saṅkhāroti kāyasaṅkhāro. Vacīsaṅkhāracittasaṅkhāresupi eseva nayo. Ayaṃ tiko kammāyūhanakkhaṇe puññābhisaṅkhārādīnaṃ dvārato pavattidassanatthaṃ vutto. Kāyaviññattiṃ samuṭṭhāpetvā hi kāyadvārato pavattā aṭṭha kāmāvacarakusalacetanā, dvādasa akusalacetanā, abhiññācetanā cāti ekavīsati cetanā kāyasaṅkhāro nāma, tā eva ca vacīviññattiṃ samuṭṭhāpetvā vacīdvārato pavattā vacīsaṅkhāro nāma, manodvāre pavattā pana sabbāpi ekūnatiṃsa cetanā cittasaṅkhāro nāma. Atītā saṅkhārātiādīsu sabbepi saṅkhatadhammā sakakkhaṇaṃ patvā niruddhā atītā saṅkhārā, sakakkhaṇaṃ appattā anāgatā saṅkhārā, sakakkhaṇaṃ pattā paccuppannā saṅkhārāti.

    วิปริณามสุเญฺญ ปจฺจุปฺปนฺนํ ทเสฺสตฺวา ตสฺส ตสฺส วิปริณาโม สุเขน วตฺตุํ สกฺกาติ ปฐมํ ปจฺจุปฺปนฺนธมฺมา ทสฺสิตาฯ ตตฺถ ชาตํ รูปนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนํ รูปํฯ สภาเวน สุญฺญนฺติ เอตฺถ สยํ ภาโว สภาโว, สยเมว อุปฺปาโทติ อโตฺถฯ สโต วา ภาโว สภาโว, อตฺตโตเยว อุปฺปาโทติ อโตฺถฯ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตฺตา ปจฺจยํ วินา สยเมว ภาโว, อตฺตโต เอว วา ภาโว เอตสฺมิํ นตฺถีติ สภาเวน สุญฺญํ, สยเมว ภาเวน, อตฺตโต เอว วา ภาเวน สุญฺญนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อถ วา สกสฺส ภาโว สภาโวฯ ปถวีธาตุอาทีสุ หิ อเนเกสุ รูปารูปธเมฺมสุ เอเกโก ธโมฺม ปรํ อุปาทาย สโก นามฯ ภาโวติ จ ธมฺมปริยายวจนเมตํฯ เอกสฺส จ ธมฺมสฺส อโญฺญ ภาวสงฺขาโต ธโมฺม นตฺถิ, ตสฺมา สกสฺส อเญฺญน ภาเวน สุญฺญํ, สโก อเญฺญน ภาเวน สุโญฺญติ อโตฺถฯ เตน เอกสฺส ธมฺมสฺส เอกสภาวตา วุตฺตา โหติฯ อถ วา สภาเวน สุญฺญนฺติ สุญฺญสภาเวเนว สุญฺญํฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? สุญฺญสุญฺญตาย เอว สุญฺญํ, น อญฺญาหิ ปริยายสุญฺญตาหิ สุญฺญนฺติ วุตฺตํ โหติฯ

    Vipariṇāmasuññe paccuppannaṃ dassetvā tassa tassa vipariṇāmo sukhena vattuṃ sakkāti paṭhamaṃ paccuppannadhammā dassitā. Tattha jātaṃ rūpanti paccuppannaṃ rūpaṃ. Sabhāvena suññanti ettha sayaṃ bhāvo sabhāvo, sayameva uppādoti attho. Sato vā bhāvo sabhāvo, attatoyeva uppādoti attho. Paccayāyattavuttittā paccayaṃ vinā sayameva bhāvo, attato eva vā bhāvo etasmiṃ natthīti sabhāvena suññaṃ, sayameva bhāvena, attato eva vā bhāvena suññanti vuttaṃ hoti. Atha vā sakassa bhāvo sabhāvo. Pathavīdhātuādīsu hi anekesu rūpārūpadhammesu ekeko dhammo paraṃ upādāya sako nāma. Bhāvoti ca dhammapariyāyavacanametaṃ. Ekassa ca dhammassa añño bhāvasaṅkhāto dhammo natthi, tasmā sakassa aññena bhāvena suññaṃ, sako aññena bhāvena suññoti attho. Tena ekassa dhammassa ekasabhāvatā vuttā hoti. Atha vā sabhāvena suññanti suññasabhāveneva suññaṃ. Kiṃ vuttaṃ hoti? Suññasuññatāya eva suññaṃ, na aññāhi pariyāyasuññatāhi suññanti vuttaṃ hoti.

    สเจ ปน เกจิ วเทยฺยุํ ‘‘สโก ภาโว สภาโว, เตน สภาเวน สุญฺญ’’นฺติฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? ภาโวติ ธโมฺม, โส ปรํ อุปาทาย สปเทน วิเสสิโต สภาโว นาม โหติฯ ธมฺมสฺส กสฺสจิ อวิชฺชมานตฺตา ‘‘ชาตํ รูปํ สภาเวน สุญฺญ’’นฺติ รูปสฺส อวิชฺชมานตา วุตฺตา โหตีติฯ เอวํ สติ ‘‘ชาตํ รูป’’นฺติวจเนน วิรุชฺฌติฯ น หิ อุปฺปาทรหิตํ ชาตํ นาม โหติฯ นิพฺพานญฺหิ อุปฺปาทรหิตํ, ตํ ชาตํ นาม น โหติ, ชาติชรามรณานิ จ อุปฺปาทรหิตานิ ชาตานิ นาม น โหนฺติฯ เตเนเวตฺถ ‘‘ชาตา ชาติ สภาเวน สุญฺญา , ชาตํ ชรามรณํ สภาเวน สุญฺญ’’นฺติ เอวํ อนุทฺธริตฺวา ภวเมว อวสานํ กตฺวา นิทฺทิฎฺฐํฯ ยทิ อุปฺปาทรหิตสฺสาปิ ‘‘ชาต’’นฺติวจนํ ยุเชฺชยฺย, ‘‘ชาตา ชาติ, ชาตํ ชรามรณ’’นฺติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺยฯ ยสฺมา อุปฺปาทรหิเตสุ ชาติชรามรเณสุ ‘‘ชาต’’นฺติวจนํ น วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘สภาเวน สุญฺญํ อวิชฺชมาน’’นฺติ วจนํ อวิชฺชมานสฺส อุปฺปาทรหิตตฺตา ‘‘ชาต’’นฺติวจเนน วิรุชฺฌติฯ อวิชฺชมานสฺส จ ‘‘สุญฺญ’’นฺติวจนํ เหฎฺฐา วุเตฺตน โลกวจเนน จ ภควโต วจเนน จ ญายสทฺทคนฺถวจเนน จ วิรุชฺฌติ, อเนกาหิ จ ยุตฺตีหิ วิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ วจนํ กจวรมิว ฉฑฺฑิตพฺพํฯ ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, อตฺถิสมฺมตํ โลเก ปณฺฑิตานํ, อหมฺปิ ตํ อตฺถีติ วทามิฯ ยํ, ภิกฺขเว, นตฺถิสมฺมตํ โลเก ปณฺฑิตานํ, อหมฺปิ ตํ นตฺถีติ วทามิฯ กิญฺจ, ภิกฺขเว, อตฺถิสมฺมตํ โลเก ปณฺฑิตานํ, ยมหํ อตฺถีติ วทามิ? รูปํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ อตฺถิสมฺมตํ โลเก ปณฺฑิตานํ, อหมฺปิ ตํ อตฺถีติ วทามี’’ติอาทีหิ (สํ. นิ. ๓.๙๔) อเนเกหิ พุทฺธวจนปฺปมาเณหิ อเนกาหิ จ ยุตฺตีหิ ธมฺมา สกกฺขเณ วิชฺชมานา เอวาติ นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํฯ

    Sace pana keci vadeyyuṃ ‘‘sako bhāvo sabhāvo, tena sabhāvena suñña’’nti. Kiṃ vuttaṃ hoti? Bhāvoti dhammo, so paraṃ upādāya sapadena visesito sabhāvo nāma hoti. Dhammassa kassaci avijjamānattā ‘‘jātaṃ rūpaṃ sabhāvena suñña’’nti rūpassa avijjamānatā vuttā hotīti. Evaṃ sati ‘‘jātaṃ rūpa’’ntivacanena virujjhati. Na hi uppādarahitaṃ jātaṃ nāma hoti. Nibbānañhi uppādarahitaṃ, taṃ jātaṃ nāma na hoti, jātijarāmaraṇāni ca uppādarahitāni jātāni nāma na honti. Tenevettha ‘‘jātā jāti sabhāvena suññā , jātaṃ jarāmaraṇaṃ sabhāvena suñña’’nti evaṃ anuddharitvā bhavameva avasānaṃ katvā niddiṭṭhaṃ. Yadi uppādarahitassāpi ‘‘jāta’’ntivacanaṃ yujjeyya, ‘‘jātā jāti, jātaṃ jarāmaraṇa’’nti vattabbaṃ bhaveyya. Yasmā uppādarahitesu jātijarāmaraṇesu ‘‘jāta’’ntivacanaṃ na vuttaṃ, tasmā ‘‘sabhāvena suññaṃ avijjamāna’’nti vacanaṃ avijjamānassa uppādarahitattā ‘‘jāta’’ntivacanena virujjhati. Avijjamānassa ca ‘‘suñña’’ntivacanaṃ heṭṭhā vuttena lokavacanena ca bhagavato vacanena ca ñāyasaddaganthavacanena ca virujjhati, anekāhi ca yuttīhi virujjhati, tasmā taṃ vacanaṃ kacavaramiva chaḍḍitabbaṃ. ‘‘Yaṃ, bhikkhave, atthisammataṃ loke paṇḍitānaṃ, ahampi taṃ atthīti vadāmi. Yaṃ, bhikkhave, natthisammataṃ loke paṇḍitānaṃ, ahampi taṃ natthīti vadāmi. Kiñca, bhikkhave, atthisammataṃ loke paṇḍitānaṃ, yamahaṃ atthīti vadāmi? Rūpaṃ, bhikkhave, aniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ atthisammataṃ loke paṇḍitānaṃ, ahampi taṃ atthīti vadāmī’’tiādīhi (saṃ. ni. 3.94) anekehi buddhavacanappamāṇehi anekāhi ca yuttīhi dhammā sakakkhaṇe vijjamānā evāti niṭṭhamettha gantabbaṃ.

    วิคตํ รูปนฺติ อุปฺปชฺชิตฺวา ภงฺคํ ปตฺวา นิรุทฺธํ อตีตํ รูปํฯ วิปริณตเญฺจว สุญฺญญฺจาติ ชราภงฺควเสน วิรูปํ ปริณามํ ปตฺตญฺจ วตฺตมานเสฺสว วิปริณามสพฺภาวโต อตีตสฺส วิปริณามาภาวโต เตน วิปริณาเมน สุญฺญญฺจาติ อโตฺถฯ ชาตา เวทนาติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ชาติชรามรณํ ปน อนิปฺผนฺนตฺตา สกภาเวน อนุปลพฺภนียโต อิธ น ยุชฺชติ, ตสฺมา ‘‘ชาตา ชาติ, ชาตํ ชรามรณ’’นฺติอาทิเก เทฺว นเย ปหาย ภวาทิกเมว นยํ ปริโยสานํ กตฺวา ฐปิตํฯ

    Vigataṃ rūpanti uppajjitvā bhaṅgaṃ patvā niruddhaṃ atītaṃ rūpaṃ. Vipariṇatañceva suññañcāti jarābhaṅgavasena virūpaṃ pariṇāmaṃ pattañca vattamānasseva vipariṇāmasabbhāvato atītassa vipariṇāmābhāvato tena vipariṇāmena suññañcāti attho. Jātā vedanātiādīsupi eseva nayo. Jātijarāmaraṇaṃ pana anipphannattā sakabhāvena anupalabbhanīyato idha na yujjati, tasmā ‘‘jātā jāti, jātaṃ jarāmaraṇa’’ntiādike dve naye pahāya bhavādikameva nayaṃ pariyosānaṃ katvā ṭhapitaṃ.

    อคฺคนฺติ อเคฺค ภวํฯ เสฎฺฐนฺติ อติวิย ปสํสนียํฯ วิสิฎฺฐนฺติ อติสยภูตํฯ วิเสฎฺฐนฺติปิ ปาโฐฯ ติธาปิ ปสตฺถํ นิพฺพานํ สมฺมาปฎิปทาย ปฎิปชฺชิตพฺพโต ปทํ นามฯ ยทิทนฺติ ยํ อิทํฯ อิทานิ วตฺตพฺพํ นิพฺพานํ นิทเสฺสติฯ ยสฺมา นิพฺพานํ อาคมฺม สพฺพสงฺขารานํ สมโถ โหติ, ขนฺธูปธิกิเลสูปธิอภิสงฺขารูปธิกามคุณูปธิสงฺขาตานํ อุปธีนํ ปฎินิสฺสโคฺค โหติ, ตณฺหานํ ขโย วิราโค นิโรโธ จ โหติ, ตสฺมา สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฎินิสฺสโคฺค ตณฺหกฺขโย วิราโค นิโรโธติ วุจฺจติฯ นิพฺพานนฺติ สภาวลกฺขเณน นิคมิตํฯ

    Agganti agge bhavaṃ. Seṭṭhanti ativiya pasaṃsanīyaṃ. Visiṭṭhanti atisayabhūtaṃ. Viseṭṭhantipi pāṭho. Tidhāpi pasatthaṃ nibbānaṃ sammāpaṭipadāya paṭipajjitabbato padaṃ nāma. Yadidanti yaṃ idaṃ. Idāni vattabbaṃ nibbānaṃ nidasseti. Yasmā nibbānaṃ āgamma sabbasaṅkhārānaṃ samatho hoti, khandhūpadhikilesūpadhiabhisaṅkhārūpadhikāmaguṇūpadhisaṅkhātānaṃ upadhīnaṃ paṭinissaggo hoti, taṇhānaṃ khayo virāgo nirodho ca hoti, tasmā sabbasaṅkhārasamatho sabbūpadhipaṭinissaggotaṇhakkhayo virāgo nirodhoti vuccati. Nibbānanti sabhāvalakkhaṇena nigamitaṃ.

    ลกฺขเณสุ หิ ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, พาลสฺส พาลลกฺขณานิ พาลนิมิตฺตานิ พาลาปทานานิฯ กตมานิ ตีณิ? อิธ, ภิกฺขเว, พาโล ทุจฺจินฺติตจินฺตี จ โหติ ทุพฺภาสิตภาสี จ ทุกฺกฎกมฺมการี จฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ พาลสฺส พาลลกฺขณานิ พาลนิมิตฺตานิ พาลาปทานานี’’ติ (อ. นิ. ๓.๓; ม. นิ. ๓.๒๔๖) วุตฺตํฯ ปณฺฑิเตหิ พาลสฺส พาโลติ สลฺลกฺขณโต ติวิธํ พาลลกฺขณํฯ ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส ปณฺฑิตลกฺขณานิ ปณฺฑิตนิมิตฺตานิ ปณฺฑิตาปทานานิฯ กตมานิ ตีณิ? อิธ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต สุจินฺติตจินฺตี จ โหติ สุภาสิตภาสี จ สุกตกมฺมการี จฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ ปณฺฑิตสฺส ปณฺฑิตลกฺขณานิ ปณฺฑิตนิมิตฺตานิ ปณฺฑิตาปทานานี’’ติ (อ. นิ. ๓.๓; ม. นิ. ๓.๒๕๓) วุตฺตํฯ ปณฺฑิเตหิ ปณฺฑิตสฺส ปณฺฑิโตติ สลฺลกฺขณโต ติวิธํ ปณฺฑิตลกฺขณํ

    Lakkhaṇesu hi ‘‘tīṇimāni, bhikkhave, bālassa bālalakkhaṇāni bālanimittāni bālāpadānāni. Katamāni tīṇi? Idha, bhikkhave, bālo duccintitacintī ca hoti dubbhāsitabhāsī ca dukkaṭakammakārī ca. Imāni kho, bhikkhave, tīṇi bālassa bālalakkhaṇāni bālanimittāni bālāpadānānī’’ti (a. ni. 3.3; ma. ni. 3.246) vuttaṃ. Paṇḍitehi bālassa bāloti sallakkhaṇato tividhaṃ bālalakkhaṇaṃ. ‘‘Tīṇimāni, bhikkhave, paṇḍitassa paṇḍitalakkhaṇāni paṇḍitanimittāni paṇḍitāpadānāni. Katamāni tīṇi? Idha, bhikkhave, paṇḍito sucintitacintī ca hoti subhāsitabhāsī ca sukatakammakārī ca. Imāni kho, bhikkhave, tīṇi paṇḍitassa paṇḍitalakkhaṇāni paṇḍitanimittāni paṇḍitāpadānānī’’ti (a. ni. 3.3; ma. ni. 3.253) vuttaṃ. Paṇḍitehi paṇḍitassa paṇḍitoti sallakkhaṇato tividhaṃ paṇḍitalakkhaṇaṃ.

    ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, สงฺขตสฺส สงฺขตลกฺขณานิฯ กตมานิ ตีณิ? อุปฺปาโท ปญฺญายติ, วโย ปญฺญายติ, ฐิตสฺส อญฺญถตฺตํ ปญฺญายติฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ สงฺขตสฺส สงฺขตลกฺขณานี’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๗-๔๘) วุตฺตํฯ อุปฺปาโท เอว สงฺขตมิติ ลกฺขณนฺติ สงฺขตลกฺขณํฯ เอวมิตรทฺวเยปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อิมินา อุปฺปาทกฺขเณ เสสทฺวินฺนํ, ฐิติกฺขเณ เสสทฺวินฺนํ, ภงฺคกฺขเณ จ เสสทฺวินฺนํ อภาโว ทสฺสิโตฯ ยํ ปเนตฺถ เปยฺยาลมุเขน ชาติยา จ ชรามรณสฺส จ อุปฺปาทาทิลกฺขณํ วุตฺตํ, ตํ วิปริณามสุญฺญตาย ชาติชรามรณานิ หิตฺวา ภวปริโยสานเสฺสว นยสฺส วจเนน จ อุปฺปาทาทีนํ อุปฺปาทาทิอวจนสมเยน จ วิรุชฺฌติฯ ลกฺขณโสเต ปติตตฺตา ปน โสตปติตํ กตฺวา ลิขิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ยถา จ อภิธเมฺม (ธ. ส. ๕๖๒-๕๖๕) อเหตุกวิปากมโนธาตุมโนวิญฺญาณธาตูนํ สงฺคหวาเร ลพฺภมานมฺปิ ฌานงฺคํ ปญฺจวิญฺญาณโสเต ปติตฺวา คตนฺติ น อุทฺธฎนฺติ วุตฺตํ, เอวมิธาปิ โสตปติตตา เวทิตพฺพาฯ อถ วา ชาติชรามรณวนฺตานํ สงฺขารานํ อุปฺปาทาทโย ‘‘ชาติชรามรณํ อนิจฺจโต’’ติอาทีสุ (ปฎิ. ม. ๑.๗๓; ๒.๔) วิย เตสํ วิย กตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    ‘‘Tīṇimāni, bhikkhave, saṅkhatassa saṅkhatalakkhaṇāni. Katamāni tīṇi? Uppādo paññāyati, vayo paññāyati, ṭhitassa aññathattaṃ paññāyati. Imāni kho, bhikkhave, tīṇi saṅkhatassa saṅkhatalakkhaṇānī’’ti (a. ni. 3.47-48) vuttaṃ. Uppādo eva saṅkhatamiti lakkhaṇanti saṅkhatalakkhaṇaṃ. Evamitaradvayepi attho veditabbo. Iminā uppādakkhaṇe sesadvinnaṃ, ṭhitikkhaṇe sesadvinnaṃ, bhaṅgakkhaṇe ca sesadvinnaṃ abhāvo dassito. Yaṃ panettha peyyālamukhena jātiyā ca jarāmaraṇassa ca uppādādilakkhaṇaṃ vuttaṃ, taṃ vipariṇāmasuññatāya jātijarāmaraṇāni hitvā bhavapariyosānasseva nayassa vacanena ca uppādādīnaṃ uppādādiavacanasamayena ca virujjhati. Lakkhaṇasote patitattā pana sotapatitaṃ katvā likhitanti veditabbaṃ. Yathā ca abhidhamme (dha. sa. 562-565) ahetukavipākamanodhātumanoviññāṇadhātūnaṃ saṅgahavāre labbhamānampi jhānaṅgaṃ pañcaviññāṇasote patitvā gatanti na uddhaṭanti vuttaṃ, evamidhāpi sotapatitatā veditabbā. Atha vā jātijarāmaraṇavantānaṃ saṅkhārānaṃ uppādādayo ‘‘jātijarāmaraṇaṃ aniccato’’tiādīsu (paṭi. ma. 1.73; 2.4) viya tesaṃ viya katvā vuttanti veditabbaṃ.

    เนกฺขเมฺมน กามจฺฉโนฺท วิกฺขมฺภิโต เจว สุโญฺญ จาติ กามจฺฉโนฺท เนกฺขเมฺมน วิกฺขมฺภิโต เจว เนกฺขมฺมสฺส ตตฺถ อภาวโต เตเนว วิกฺขมฺภนสงฺขาเตน เนกฺขเมฺมน สุโญฺญ จฯ เอวํ เสเสสุปิ โยชนา กาตพฺพาฯ ตทงฺคปฺปหานสมุเจฺฉทปฺปหาเนสุปิ เจตฺถ ตทงฺควเสน จ สมุเจฺฉทวเสน จ ปหีนํ ทูรีกตเมว โหตีติ อิมินา ทูรีกรณเฎฺฐน วิกฺขมฺภนํ วุตฺตํฯ

    Nekkhammenakāmacchando vikkhambhito ceva suñño cāti kāmacchando nekkhammena vikkhambhito ceva nekkhammassa tattha abhāvato teneva vikkhambhanasaṅkhātena nekkhammena suñño ca. Evaṃ sesesupi yojanā kātabbā. Tadaṅgappahānasamucchedappahānesupi cettha tadaṅgavasena ca samucchedavasena ca pahīnaṃ dūrīkatameva hotīti iminā dūrīkaraṇaṭṭhena vikkhambhanaṃ vuttaṃ.

    เนกฺขเมฺมน กามจฺฉโนฺท ตทงฺคสุโญฺญติ เนกฺขเมฺมน ปหีโน กามจฺฉโนฺท เตน เนกฺขมฺมสงฺขาเตน อเงฺคน สุโญฺญฯ อถ วา โย โกจิ กามจฺฉโนฺท เนกฺขมฺมสฺส ตตฺถ อภาวโต เนกฺขเมฺมน เตน อเงฺคน สุโญฺญฯ เอวํ เสเสสุปิ โยชนา กาตพฺพาฯ ตสฺส ตสฺส องฺคสฺส ตตฺถ ตตฺถ อภาวมเตฺตเนว เจตฺถ อุปจารปฺปนาฌานวเสน จ วิปสฺสนาวเสน จ ตทงฺคสุญฺญตา นิทฺทิฎฺฐาฯ ปหานทีปกสฺส วจนสฺส อภาเวน ปน วิวฎฺฎนานุปสฺสนํเยว ปริโยสานํ กตฺวา วิปสฺสนา นิทฺทิฎฺฐา, จตฺตาโร มคฺคา น นิทฺทิฎฺฐาฯ เนกฺขเมฺมน กามจฺฉโนฺท สมุจฺฉิโนฺน เจว สุโญฺญ จาติอาทีสุ วิกฺขมฺภเน วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ตทงฺควิกฺขมฺภนวเสน ปหีนานิปิ เจตฺถ สมุทาจาราภาวโต สมุจฺฉินฺนานิ นาม โหนฺตีติ อิมินา ปริยาเยน สมุเจฺฉโท วุโตฺต, ตํตํสมุเจฺฉทกิจฺจสาธนวเสน วา มคฺคสมฺปยุตฺตเนกฺขมฺมาทิวเสน วุตฺตนฺติปิ เวทิตพฺพํฯ ปฎิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณสุเญฺญสุ จ อิธ วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุเจฺฉทปหาเนสุ ปเนตฺถ ปฎิปฺปสฺสทฺธิมตฺตตฺตํ นิสฺสฎมตฺตตฺตญฺจ คเหตฺวา วุตฺตํฯ ปญฺจสุปิ เอเตสุ สุเญฺญสุ เนกฺขมฺมาทีนิเยว วิกฺขมฺภนตทงฺคสมุเจฺฉทปฎิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณนาเมน วุตฺตานิฯ อชฺฌตฺตนฺติ อชฺฌตฺตภูตํฯ พหิทฺธาติ พหิทฺธาภูตํฯ ทุภโตสุญฺญนฺติ อุภยสุญฺญํฯ ปจฺจตฺตาทีสุปิ หิ โต-อิติวจนํ โหติเยวฯ

    Nekkhammenakāmacchando tadaṅgasuññoti nekkhammena pahīno kāmacchando tena nekkhammasaṅkhātena aṅgena suñño. Atha vā yo koci kāmacchando nekkhammassa tattha abhāvato nekkhammena tena aṅgena suñño. Evaṃ sesesupi yojanā kātabbā. Tassa tassa aṅgassa tattha tattha abhāvamatteneva cettha upacārappanājhānavasena ca vipassanāvasena ca tadaṅgasuññatā niddiṭṭhā. Pahānadīpakassa vacanassa abhāvena pana vivaṭṭanānupassanaṃyeva pariyosānaṃ katvā vipassanā niddiṭṭhā, cattāro maggā na niddiṭṭhā. Nekkhammena kāmacchando samucchinno ceva suñño cātiādīsu vikkhambhane vuttanayeneva attho veditabbo. Tadaṅgavikkhambhanavasena pahīnānipi cettha samudācārābhāvato samucchinnāni nāma hontīti iminā pariyāyena samucchedo vutto, taṃtaṃsamucchedakiccasādhanavasena vā maggasampayuttanekkhammādivasena vuttantipi veditabbaṃ. Paṭippassaddhinissaraṇasuññesu ca idha vuttanayeneva attho veditabbo. Tadaṅgavikkhambhanasamucchedapahānesu panettha paṭippassaddhimattattaṃ nissaṭamattattañca gahetvā vuttaṃ. Pañcasupi etesu suññesu nekkhammādīniyeva vikkhambhanatadaṅgasamucchedapaṭippassaddhinissaraṇanāmena vuttāni. Ajjhattanti ajjhattabhūtaṃ. Bahiddhāti bahiddhābhūtaṃ. Dubhatosuññanti ubhayasuññaṃ. Paccattādīsupi hi to-itivacanaṃ hotiyeva.

    ฉ อชฺฌตฺติกายตนาทีนิ ฉอชฺฌตฺติกายตนาทีนํ ภาเวน สภาคานิฯ ปเรหิ วิสภาคานิฯ วิญฺญาณกายาติอาทีสุ เจตฺถ กายวจเนน วิญฺญาณาทีนิเยว วุตฺตานิฯ เนกฺขเมฺมสนาทีสุ เนกฺขมฺมาทีนิเยว ตทตฺถิเกหิ วิญฺญูหิ เอสียนฺตีติ เอสนาฯ อถ วา ปุพฺพภาเค เนกฺขมฺมาทีนํ เอสนาปิ กามจฺฉนฺทาทีหิ สุญฺญา, กิํ ปน เนกฺขมฺมาทีนีติปิ วุตฺตํ โหติ? ปริคฺคหาทีสุ เนกฺขมฺมาทีนิเยว ปุพฺพภาเค เอสิตานิ อปรภาเค ปริคฺคยฺหนฺตีติ ปริคฺคโหติ, ปริคฺคหิตานิ ปตฺติวเสน ปฎิลพฺภนฺตีติ ปฎิลาโภติ, ปฎิลทฺธานิ ญาณวเสน ปฎิวิชฺฌียนฺตีติ ปฎิเวโธติ จ วุตฺตานิฯ เอกตฺตสุญฺญญฺจ นานตฺตสุญฺญญฺจ สกิํเยว ปุจฺฉิตฺวา เอกตฺตสุญฺญํ วิสฺสเชฺชตฺวา นานตฺตสุญฺญํ อวิสฺสเชฺชตฺวาว สกิํ นิคมนํ กตํฯ กสฺมา น วิสฺสชฺชิตนฺติ เจ? วุตฺตปริยาเยเนเวตฺถ โยชนา ญายตีติ น วิสฺสชฺชิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อยํ ปเนตฺถ โยชนา – เนกฺขมฺมํ เอกตฺตํ, กามจฺฉโนฺท นานตฺตํ, กามจฺฉโนฺท นานตฺตํ, เนกฺขเมฺมกเตฺตน สุญฺญนฺติฯ เอวํ เสเสสุปิ โยชนา เวทิตพฺพาฯ

    Cha ajjhattikāyatanādīni chaajjhattikāyatanādīnaṃ bhāvena sabhāgāni. Parehi visabhāgāni. Viññāṇakāyātiādīsu cettha kāyavacanena viññāṇādīniyeva vuttāni. Nekkhammesanādīsu nekkhammādīniyeva tadatthikehi viññūhi esīyantīti esanā. Atha vā pubbabhāge nekkhammādīnaṃ esanāpi kāmacchandādīhi suññā, kiṃ pana nekkhammādīnītipi vuttaṃ hoti? Pariggahādīsu nekkhammādīniyeva pubbabhāge esitāni aparabhāge pariggayhantīti pariggahoti, pariggahitāni pattivasena paṭilabbhantīti paṭilābhoti, paṭiladdhāni ñāṇavasena paṭivijjhīyantīti paṭivedhoti ca vuttāni. Ekattasuññañca nānattasuññañca sakiṃyeva pucchitvā ekattasuññaṃ vissajjetvā nānattasuññaṃ avissajjetvāva sakiṃ nigamanaṃ kataṃ. Kasmā na vissajjitanti ce? Vuttapariyāyenevettha yojanā ñāyatīti na vissajjitanti veditabbaṃ. Ayaṃ panettha yojanā – nekkhammaṃ ekattaṃ, kāmacchando nānattaṃ, kāmacchando nānattaṃ, nekkhammekattena suññanti. Evaṃ sesesupi yojanā veditabbā.

    ขนฺติอาทีสุ เนกฺขมฺมาทีนิเยว ขมนโต รุจฺจนโต ขนฺตีติ, โรจิตานิเยว ปวิสิตฺวา ติฎฺฐนโต อธิฎฺฐานนฺติ, ปวิสิตฺวา ฐิตานํ ยถารุจิเมว เสวนโต ปริโยคาหนนฺติ จ วุตฺตานิฯ อิธ สมฺปชาโนติอาทิโก ปรมตฺถสุญฺญนิเทฺทโส ปรินิพฺพานญาณนิเทฺทเส วณฺณิโตเยวฯ

    Khantiādīsu nekkhammādīniyeva khamanato ruccanato khantīti, rocitāniyeva pavisitvā tiṭṭhanato adhiṭṭhānanti, pavisitvā ṭhitānaṃ yathārucimeva sevanato pariyogāhananti ca vuttāni. Idhasampajānotiādiko paramatthasuññaniddeso parinibbānañāṇaniddese vaṇṇitoyeva.

    อิเมสุ จ สเพฺพสุ สุเญฺญสุ สงฺขารสุญฺญํ วิปริณามสุญฺญํ ลกฺขณสุญฺญญฺจ ยถาวุตฺตานํ ธมฺมานํ อญฺญมญฺญอสมฺมิสฺสตาทสฺสนตฺถํฯ ยตฺถ ปน อกุสลปกฺขิกานํ กุสลปกฺขิเกน สุญฺญตา วุตฺตา, เตน อกุสเล อาทีนวทสฺสนตฺถํฯ ยตฺถ ปน กุสลปกฺขิกานํ อกุสลปกฺขิเกน สุญฺญตา วุตฺตา, เตน กุสเล อานิสํสทสฺสนตฺถํฯ ยตฺถ อตฺตตฺตนิยาทีหิ สุญฺญตา วุตฺตา, ตํ สพฺพสงฺขาเรสุ นิพฺพิทาชนนตฺถํฯ อคฺคสุญฺญํ ปรมตฺถสุญฺญญฺจ นิพฺพาเน อุสฺสาหชนนตฺถํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Imesu ca sabbesu suññesu saṅkhārasuññaṃ vipariṇāmasuññaṃ lakkhaṇasuññañca yathāvuttānaṃ dhammānaṃ aññamaññaasammissatādassanatthaṃ. Yattha pana akusalapakkhikānaṃ kusalapakkhikena suññatā vuttā, tena akusale ādīnavadassanatthaṃ. Yattha pana kusalapakkhikānaṃ akusalapakkhikena suññatā vuttā, tena kusale ānisaṃsadassanatthaṃ. Yattha attattaniyādīhi suññatā vuttā, taṃ sabbasaṅkhāresu nibbidājananatthaṃ. Aggasuññaṃ paramatthasuññañca nibbāne ussāhajananatthaṃ vuttanti veditabbaṃ.

    เตสุ อคฺคสุญฺญญฺจ ปรมตฺถสุญฺญญฺจาติ เทฺว สุญฺญานิ อตฺถโต เอกเมว นิพฺพานํ อคฺคปรมตฺถวเสน สอุปาทิเสสอนุปาทิเสสวเสน จ ทฺวิธา กตฺวา วุตฺตํฯ ตานิ เทฺว อตฺตตฺตนิยสุญฺญโต สงฺขารสุญฺญโต จ สภาคานิฯ ‘‘สุญฺญสุญฺญํ อชฺฌตฺตสุญฺญํ พหิทฺธาสุญฺญํ ทุภโตสุญฺญํ สภาคสุญฺญํ วิสภาคสุญฺญ’’นฺติ อิมานิ ฉ สุญฺญานิ สุญฺญสุญฺญเมว โหติฯ อชฺฌตฺตาทิเภทโต ปน ฉธา วุตฺตานิฯ ตานิ ฉ จ อตฺตตฺตนิยาทิสุญฺญโต สภาคานิฯ สงฺขารวิปริณามลกฺขณสุญฺญานิ, วิกฺขมฺภนตทงฺคสมุเจฺฉทปฎิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณสุญฺญานิ, เอสนาปริคฺคหปฎิลาภปฎิเวธสุญฺญานิ, เอกตฺตนานตฺตสุญฺญานิ, ขนฺติอธิฎฺฐานปริโยคาหนสุญฺญานิ จาติ สตฺตรส สุญฺญานิ อตฺตนิ อวิชฺชมาเนหิ เตหิ เตหิ ธเมฺมหิ สุญฺญตฺตา อวิชฺชมานานํ วเสน วิสุํ วิสุํ วุตฺตานิฯ สงฺขารวิปริณามลกฺขณสุญฺญานิ ปน อิตเรน อิตเรน อสมฺมิสฺสวเสน สภาคานิ, วิกฺขมฺภนาทีนิ ปญฺจ กุสลปเกฺขน สุญฺญตฺตา สภาคานิ, เอสนาทีนิ จตฺตาริ, ขนฺติอาทีนิ จ ตีณิ อกุสลปเกฺขน สุญฺญตฺตา สภาคานิ, เอกตฺตนานตฺตสุญฺญานิ อญฺญมญฺญปฎิปกฺขวเสน สภาคานิฯ

    Tesu aggasuññañca paramatthasuññañcāti dve suññāni atthato ekameva nibbānaṃ aggaparamatthavasena saupādisesaanupādisesavasena ca dvidhā katvā vuttaṃ. Tāni dve attattaniyasuññato saṅkhārasuññato ca sabhāgāni. ‘‘Suññasuññaṃ ajjhattasuññaṃ bahiddhāsuññaṃ dubhatosuññaṃ sabhāgasuññaṃ visabhāgasuñña’’nti imāni cha suññāni suññasuññameva hoti. Ajjhattādibhedato pana chadhā vuttāni. Tāni cha ca attattaniyādisuññato sabhāgāni. Saṅkhāravipariṇāmalakkhaṇasuññāni, vikkhambhanatadaṅgasamucchedapaṭippassaddhinissaraṇasuññāni, esanāpariggahapaṭilābhapaṭivedhasuññāni, ekattanānattasuññāni, khantiadhiṭṭhānapariyogāhanasuññāni cāti sattarasa suññāni attani avijjamānehi tehi tehi dhammehi suññattā avijjamānānaṃ vasena visuṃ visuṃ vuttāni. Saṅkhāravipariṇāmalakkhaṇasuññāni pana itarena itarena asammissavasena sabhāgāni, vikkhambhanādīni pañca kusalapakkhena suññattā sabhāgāni, esanādīni cattāri, khantiādīni ca tīṇi akusalapakkhena suññattā sabhāgāni, ekattanānattasuññāni aññamaññapaṭipakkhavasena sabhāgāni.

    สเพฺพ ธมฺมา สมาเสน, ติธา เทฺวธา ตเถกธา;

    Sabbe dhammā samāsena, tidhā dvedhā tathekadhā;

    สุญฺญาติ สุญฺญตฺถวิทู, วณฺณยนฺตีธ สาสเนฯ

    Suññāti suññatthavidū, vaṇṇayantīdha sāsane.

    กถํ? สเพฺพ ตาว โลกิยา ธมฺมา ธุวสุภสุขอตฺตวิรหิตตฺตา ธุวสุภสุขอตฺตสุญฺญาฯ มคฺคผลธมฺมา ธุวสุขตฺตวิรหิตตฺตา ธุวสุขตฺตสุญฺญาฯ อนิจฺจตฺตาเยว สุเขน สุญฺญาฯ อนาสวตฺตา น สุเภน สุญฺญาฯ นิพฺพานธโมฺม อตฺตเสฺสว อภาวโต อตฺตสุโญฺญฯ โลกิยโลกุตฺตรา ปน สเพฺพปิ สงฺขตา ธมฺมา สตฺตสฺส กสฺสจิ อภาวโต สตฺตสุญฺญาฯ อสงฺขโต นิพฺพานธโมฺม เตสํ สงฺขารานมฺปิ อภาวโต สงฺขารสุโญฺญฯ สงฺขตาสงฺขตา ปน สเพฺพปิ ธมฺมา อตฺตสงฺขาตสฺส ปุคฺคลสฺส อภาวโต อตฺตสุญฺญาติฯ

    Kathaṃ? Sabbe tāva lokiyā dhammā dhuvasubhasukhaattavirahitattā dhuvasubhasukhaattasuññā. Maggaphaladhammā dhuvasukhattavirahitattā dhuvasukhattasuññā. Aniccattāyeva sukhena suññā. Anāsavattā na subhena suññā. Nibbānadhammo attasseva abhāvato attasuñño. Lokiyalokuttarā pana sabbepi saṅkhatā dhammā sattassa kassaci abhāvato sattasuññā. Asaṅkhato nibbānadhammo tesaṃ saṅkhārānampi abhāvato saṅkhārasuñño. Saṅkhatāsaṅkhatā pana sabbepi dhammā attasaṅkhātassa puggalassa abhāvato attasuññāti.

    สทฺธมฺมปฺปกาสินิยา ปฎิสมฺภิทามคฺคอฎฺฐกถาย

    Saddhammappakāsiniyā paṭisambhidāmaggaaṭṭhakathāya

    สุญฺญกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Suññakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    ยุคนทฺธวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Yuganaddhavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิฎฺฐิตา จ มชฺฌิมวคฺคสฺส อปุพฺพตฺถานุวณฺณนาฯ

    Niṭṭhitā ca majjhimavaggassa apubbatthānuvaṇṇanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๑๐. สุญฺญกถา • 10. Suññakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact