Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๕. สุปินปโญฺห
5. Supinapañho
๕. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, อิมสฺมิํ โลเก นรนาริโย สุปินํ ปสฺสนฺติ กลฺยาณมฺปิ ปาปกมฺปิ, ทิฎฺฐปุพฺพมฺปิ อทิฎฺฐปุพฺพมฺปิ, กตปุพฺพมฺปิ อกตปุพฺพมฺปิ, เขมมฺปิ สภยมฺปิ, ทูเรปิ สนฺติเกปิ, พหุวิธานิปิ อเนกวณฺณสหสฺสานิ ทิสฺสนฺติ, กิเญฺจตํ สุปินํ นาม, โก เจตํ ปสฺสตี’’ติ? ‘‘นิมิตฺตเมตํ, มหาราช, สุปินํ นาม, ยํ จิตฺตสฺส อาปาต 1 มุปคจฺฉติฯ ฉยิเม, มหาราช, สุปินํ ปสฺสนฺติ, วาติโก สุปินํ ปสฺสติ, ปิตฺติโก สุปินํ ปสฺสติ, เสมฺหิโก สุปินํ ปสฺสติ, เทวตูปสํหารโต สุปินํ ปสฺสติ, สมุทาจิณฺณโต สุปินํ ปสฺสติ, ปุพฺพนิมิตฺตโต สุปินํ ปสฺสติ, ตตฺร, มหาราช, ยํ ปุพฺพนิมิตฺตโต สุปินํ ปสฺสติ, ตํ เยว สจฺจํ, อวเสสํ มิจฺฉา’’ติฯ
5. ‘‘Bhante nāgasena, imasmiṃ loke naranāriyo supinaṃ passanti kalyāṇampi pāpakampi, diṭṭhapubbampi adiṭṭhapubbampi, katapubbampi akatapubbampi, khemampi sabhayampi, dūrepi santikepi, bahuvidhānipi anekavaṇṇasahassāni dissanti, kiñcetaṃ supinaṃ nāma, ko cetaṃ passatī’’ti? ‘‘Nimittametaṃ, mahārāja, supinaṃ nāma, yaṃ cittassa āpāta 2 mupagacchati. Chayime, mahārāja, supinaṃ passanti, vātiko supinaṃ passati, pittiko supinaṃ passati, semhiko supinaṃ passati, devatūpasaṃhārato supinaṃ passati, samudāciṇṇato supinaṃ passati, pubbanimittato supinaṃ passati, tatra, mahārāja, yaṃ pubbanimittato supinaṃ passati, taṃ yeva saccaṃ, avasesaṃ micchā’’ti.
‘‘ภเนฺต นาคเสน, โย ปุพฺพนิมิตฺตโต สุปินํ ปสฺสติ, กิํ ตสฺส จิตฺตํ สยํ คนฺตฺวา ตํ นิมิตฺตํ วิจินาติ, ตํ วา นิมิตฺตํ จิตฺตสฺส อาปาตมุปคจฺฉติ, อโญฺญ วา อาคนฺตฺวา ตสฺส อาโรเจตี’’ติ? ‘‘น, มหาราช, ตสฺส จิตฺตํ สยํ คนฺตฺวา ตํ นิมิตฺตํ วิจินาติ, นาปิ อโญฺญ โกจิ อาคนฺตฺวา ตสฺส อาโรเจติ, อถ โข ตํ เยว นิมิตฺตํ จิตฺตสฺส อาปาตมุปคจฺฉติฯ ยถา, มหาราช, อาทาโส น สยํ กุหิญฺจิ คนฺตฺวา ฉายํ วิจินาติ, นาปิ อโญฺญ โกจิ ฉายํ อาเนตฺวา อาทาสํ อาโรเปติ 3, อถ โข ยโต กุโตจิ ฉายา อาคนฺตฺวา อาทาสสฺส อาปาตมุปคจฺฉติ, เอวเมว โข, มหาราช, น ตสฺส จิตฺตํ สยํ คนฺตฺวา ตํ นิมิตฺตํ วิจินาติ, นาปิ อโญฺญ โกจิ อาคนฺตฺวา อาโรเจติ, อถ โข ยโต กุโตจิ นิมิตฺตํ อาคนฺตฺวา จิตฺตสฺส อาปาตมุปคจฺฉตี’’ติฯ
‘‘Bhante nāgasena, yo pubbanimittato supinaṃ passati, kiṃ tassa cittaṃ sayaṃ gantvā taṃ nimittaṃ vicināti, taṃ vā nimittaṃ cittassa āpātamupagacchati, añño vā āgantvā tassa ārocetī’’ti? ‘‘Na, mahārāja, tassa cittaṃ sayaṃ gantvā taṃ nimittaṃ vicināti, nāpi añño koci āgantvā tassa āroceti, atha kho taṃ yeva nimittaṃ cittassa āpātamupagacchati. Yathā, mahārāja, ādāso na sayaṃ kuhiñci gantvā chāyaṃ vicināti, nāpi añño koci chāyaṃ ānetvā ādāsaṃ āropeti 4, atha kho yato kutoci chāyā āgantvā ādāsassa āpātamupagacchati, evameva kho, mahārāja, na tassa cittaṃ sayaṃ gantvā taṃ nimittaṃ vicināti, nāpi añño koci āgantvā āroceti, atha kho yato kutoci nimittaṃ āgantvā cittassa āpātamupagacchatī’’ti.
‘‘ภเนฺต นาคเสน, ยํ ตํ จิตฺตํ สุปินํ ปสฺสติ, อปิ นุ ตํ จิตฺตํ ชานาติ ‘เอวํ นาม วิปาโก ภวิสฺสติ เขมํ วา ภยํ วา’ติ? ‘‘น หิ, มหาราช, ตํ จิตฺตํ ชานาติ ‘เอวํวิปาโก ภวิสฺสติ เขมํ วา ภยํ วา’ติ, นิมิเตฺต ปน อุปฺปเนฺน อเญฺญสํ กเถติ, ตโต เต อตฺถํ กเถนฺตี’’ติฯ
‘‘Bhante nāgasena, yaṃ taṃ cittaṃ supinaṃ passati, api nu taṃ cittaṃ jānāti ‘evaṃ nāma vipāko bhavissati khemaṃ vā bhayaṃ vā’ti? ‘‘Na hi, mahārāja, taṃ cittaṃ jānāti ‘evaṃvipāko bhavissati khemaṃ vā bhayaṃ vā’ti, nimitte pana uppanne aññesaṃ katheti, tato te atthaṃ kathentī’’ti.
‘‘อิงฺฆ, ภเนฺต นาคเสน, การณํ เม ทเสฺสหี’’ติฯ ‘‘ยถา, มหาราช, สรีเร ติลกา ปีฬกา ททฺทูนิ อุฎฺฐหนฺติ ลาภาย วา อลาภาย วา, ยสาย วา อยสาย วา, นินฺทาย วา ปสํสาย วา, สุขาย วา ทุกฺขาย วา, อปิ นุ ตา, มหาราช, ปีฬกา ชานิตฺวา อุปฺปชฺชนฺติ ‘อิมํ นาม มยํ อตฺถํ นิปฺผาเทสฺสามา’’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, ยาทิเส ตา โอกาเส ปีฬกา สมฺภวนฺติ, ตตฺถ ตา ปีฬกา ทิสฺวา เนมิตฺตกา พฺยากโรนฺติ ‘เอวํ นาม วิปาโก ภวิสฺสตี’’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ยํ ตํ จิตฺตํ สุปินํ ปสฺสติ, น ตํ จิตฺตํ ชานาติ ‘เอวํ นาม วิปาโก ภวิสฺสติ เขมํ วา ภยํ วา’ติ, นิมิเตฺต ปน อุปฺปเนฺน อเญฺญสํ กเถติ, ตโต เต อตฺถํ กเถนฺตี’’ติฯ
‘‘Iṅgha, bhante nāgasena, kāraṇaṃ me dassehī’’ti. ‘‘Yathā, mahārāja, sarīre tilakā pīḷakā daddūni uṭṭhahanti lābhāya vā alābhāya vā, yasāya vā ayasāya vā, nindāya vā pasaṃsāya vā, sukhāya vā dukkhāya vā, api nu tā, mahārāja, pīḷakā jānitvā uppajjanti ‘imaṃ nāma mayaṃ atthaṃ nipphādessāmā’’’ti? ‘‘Na hi, bhante, yādise tā okāse pīḷakā sambhavanti, tattha tā pīḷakā disvā nemittakā byākaronti ‘evaṃ nāma vipāko bhavissatī’’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, yaṃ taṃ cittaṃ supinaṃ passati, na taṃ cittaṃ jānāti ‘evaṃ nāma vipāko bhavissati khemaṃ vā bhayaṃ vā’ti, nimitte pana uppanne aññesaṃ katheti, tato te atthaṃ kathentī’’ti.
‘‘ภเนฺต นาคเสน, โย สุปินํ ปสฺสติ, โส นิทฺทายโนฺต, อุทาหุ ชาครโนฺต 5 ปสฺสตี’’ติ? ‘‘โย โส, มหาราช, สุปินํ ปสฺสติ, น โส นิทฺทายโนฺต ปสฺสติ, นาปิ ชาครโนฺต ปสฺสติฯ อปิ จ โอกฺกเนฺต มิเทฺธ อสมฺปเตฺต ภวเงฺค เอตฺถนฺตเร สุปินํ ปสฺสติฯ มิทฺธสมารูฬฺหสฺส, มหาราช, จิตฺตํ ภวงฺคคตํ โหติ, ภวงฺคคตํ จิตฺตํ นปฺปวตฺตติ, อปฺปวตฺตํ จิตฺตํ สุขทุกฺขํ นปฺปชานาติ, อปฺปฎิวิชานนฺตสฺส สุปิโน น โหติ, ปวตฺตมาเน จิเตฺต สุปินํ ปสฺสติฯ
‘‘Bhante nāgasena, yo supinaṃ passati, so niddāyanto, udāhu jāgaranto 6 passatī’’ti? ‘‘Yo so, mahārāja, supinaṃ passati, na so niddāyanto passati, nāpi jāgaranto passati. Api ca okkante middhe asampatte bhavaṅge etthantare supinaṃ passati. Middhasamārūḷhassa, mahārāja, cittaṃ bhavaṅgagataṃ hoti, bhavaṅgagataṃ cittaṃ nappavattati, appavattaṃ cittaṃ sukhadukkhaṃ nappajānāti, appaṭivijānantassa supino na hoti, pavattamāne citte supinaṃ passati.
‘‘ยถา, มหาราช, ติมิเร อนฺธกาเร อปฺปภาเส สุปริสุเทฺธปิ อาทาเส ฉายา น ทิสฺสติ , เอวเมว โข, มหาราช, มิทฺธสมารูเฬฺห จิเตฺต ภวงฺคคเต ติฎฺฐมาเนปิ สรีเร จิตฺตํ อปฺปวตฺตํ โหติ, อปฺปวเตฺต จิเตฺต สุปินํ น ปสฺสติ ฯ ยถา, มหาราช, อาทาโส, เอวํ สรีรํ ทฎฺฐพฺพํ; ยถา อนฺธกาโร, เอวํ มิทฺธํ ทฎฺฐพฺพํ; ยถา อาโลโก, เอวํ จิตฺตํ ทฎฺฐพฺพํฯ
‘‘Yathā, mahārāja, timire andhakāre appabhāse suparisuddhepi ādāse chāyā na dissati , evameva kho, mahārāja, middhasamārūḷhe citte bhavaṅgagate tiṭṭhamānepi sarīre cittaṃ appavattaṃ hoti, appavatte citte supinaṃ na passati . Yathā, mahārāja, ādāso, evaṃ sarīraṃ daṭṭhabbaṃ; yathā andhakāro, evaṃ middhaṃ daṭṭhabbaṃ; yathā āloko, evaṃ cittaṃ daṭṭhabbaṃ.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, มหิโกตฺถฎสฺส สูริยสฺส ปภา น ทิสฺสติ สนฺตา เยว สูริยรสฺมิ อปฺปวตฺตา โหติ, อปฺปวตฺตาย สูริยรสฺมิยา อาโลโก น โหติ, เอวเมว โข, มหาราช, มิทฺธสมารูฬฺหสฺส จิตฺตํ ภวงฺคคตํ โหติ, ภวงฺคคตํ จิตฺตํ นปฺปวตฺตติ, อปฺปวเตฺต จิเตฺต สุปินํ น ปสฺสติฯ ยถา, มหาราช, สูริโย, เอวํ สรีรํ ทฎฺฐพฺพํ; ยถา มหิโกตฺถรณํ, เอวํ มิทฺธํ ทฎฺฐพฺพํ; ยถา สูริยรสฺมิ, เอวํ จิตฺตํ ทฎฺฐพฺพํฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, mahikotthaṭassa sūriyassa pabhā na dissati santā yeva sūriyarasmi appavattā hoti, appavattāya sūriyarasmiyā āloko na hoti, evameva kho, mahārāja, middhasamārūḷhassa cittaṃ bhavaṅgagataṃ hoti, bhavaṅgagataṃ cittaṃ nappavattati, appavatte citte supinaṃ na passati. Yathā, mahārāja, sūriyo, evaṃ sarīraṃ daṭṭhabbaṃ; yathā mahikottharaṇaṃ, evaṃ middhaṃ daṭṭhabbaṃ; yathā sūriyarasmi, evaṃ cittaṃ daṭṭhabbaṃ.
‘‘ทฺวินฺนํ, มหาราช, สเนฺตปิ สรีเร จิตฺตํ อปฺปวตฺตํ โหติ, มิทฺธสมารูฬฺหสฺส ภวงฺคคตสฺส สเนฺตปิ สรีเร จิตฺตํ อปฺปวตฺตํ โหติ, นิโรธสมาปนฺนสฺส สเนฺตปิ สรีเร จิตฺตํ อปฺปวตฺตํ โหติ, ชาครนฺตสฺส, มหาราช, จิตฺตํ โลลํ โหติ วิวฎํ ปากฎํ อนิพทฺธํ, เอวรูปสฺส จิเตฺต นิมิตฺตํ อาปาตํ น อุเปติฯ ยถา, มหาราช, ปุริสํ วิวฎํ ปากฎํ อกิริยํ อรหสฺสํ รหสฺสกามา ปริวเชฺชนฺติ, เอวเมว โข, มหาราช, ชาครนฺตสฺส ทิโพฺพ อโตฺถ อาปาตํ น อุเปติ, ตสฺมา ชาครโนฺต สุปินํ น ปสฺสติฯ ยถา วา ปน, มหาราช, ภิกฺขุํ ภินฺนาชีวํ อนาจารํ ปาปมิตฺตํ ทุสฺสีลํ กุสีตํ หีนวีริยํ กุสลา โพธิปกฺขิยา ธมฺมา อาปาตํ น อุเปนฺติ, เอวเมว โข, มหาราช, ชาครนฺตสฺส ทิโพฺพ อโตฺถ อาปาตํ น อุเปติ, ตสฺมา ชาครโนฺต สุปินํ น ปสฺสตี’’ติฯ
‘‘Dvinnaṃ, mahārāja, santepi sarīre cittaṃ appavattaṃ hoti, middhasamārūḷhassa bhavaṅgagatassa santepi sarīre cittaṃ appavattaṃ hoti, nirodhasamāpannassa santepi sarīre cittaṃ appavattaṃ hoti, jāgarantassa, mahārāja, cittaṃ lolaṃ hoti vivaṭaṃ pākaṭaṃ anibaddhaṃ, evarūpassa citte nimittaṃ āpātaṃ na upeti. Yathā, mahārāja, purisaṃ vivaṭaṃ pākaṭaṃ akiriyaṃ arahassaṃ rahassakāmā parivajjenti, evameva kho, mahārāja, jāgarantassa dibbo attho āpātaṃ na upeti, tasmā jāgaranto supinaṃ na passati. Yathā vā pana, mahārāja, bhikkhuṃ bhinnājīvaṃ anācāraṃ pāpamittaṃ dussīlaṃ kusītaṃ hīnavīriyaṃ kusalā bodhipakkhiyā dhammā āpātaṃ na upenti, evameva kho, mahārāja, jāgarantassa dibbo attho āpātaṃ na upeti, tasmā jāgaranto supinaṃ na passatī’’ti.
‘‘ภเนฺต นาคเสน, อตฺถิ มิทฺธสฺส อาทิมชฺฌปริโยสาน’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราช, อตฺถิ มิทฺธสฺส อาทิมชฺฌปริโยสาน’’นฺติฯ ‘‘กตมํ อาทิ, กตมํ มชฺฌํ, กตมํ ปริโยสาน’’นฺติ? ‘‘โย, มหาราช, กายสฺส โอนาโห ปริโยนาโห ทุพฺพลฺยํ มนฺทตา อกมฺมญฺญตา กายสฺส, อยํ มิทฺธสฺส อาทิ; โย, มหาราช, กปินิทฺทาปเรโต โวกิณฺณกํ ชคฺคติ 7, อิทํ มิทฺธสฺส มชฺฌํ; ภวงฺคคติ ปริโยสนํฯ มชฺฌูปคโต, มหาราช, กปินิทฺทาปเรโต สุปินํ ปสฺสติฯ ยถา, มหาราช, โกจิ ยตจารี สมาหิตจิโตฺต ฐิตธโมฺม อจลพุทฺธิ ปหีนโกตูหลสทฺทํ วนมโชฺฌคาหิตฺวา สุขุมํ อตฺถํ จินฺตยติ, น จ โส ตตฺถ มิทฺธํ โอกฺกมติ, โส ตตฺถ สมาหิโต เอกคฺคจิโตฺต สุขุมํ อตฺถํ ปฎิวิชฺฌติ, เอวเมว โข, มหาราช, ชาคโร น มิทฺธสมาปโนฺน , มชฺฌูปคโต กปินิทฺทาปเรโต สุปินํ ปสฺสติฯ ยถา, มหาราช, โกตูหลสโทฺท, เอวํ ชาครํ ทฎฺฐพฺพํ; ยถา วิวิตฺตํ วนํ, เอวํ กปินิทฺทาปเรโต ทฎฺฐโพฺพ ; ยถา โส โกตูหลสทฺทํ โอหาย มิทฺธํ วิวเชฺชตฺวา มชฺฌตฺตภูโต สุขุมํ อตฺถํ ปฎิวิชฺฌติ, เอวํ ชาคโร น มิทฺธสมาปโนฺน กปินิทฺทาปเรโต สุปินํ ปสฺสตี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ
‘‘Bhante nāgasena, atthi middhassa ādimajjhapariyosāna’’nti? ‘‘Āma, mahārāja, atthi middhassa ādimajjhapariyosāna’’nti. ‘‘Katamaṃ ādi, katamaṃ majjhaṃ, katamaṃ pariyosāna’’nti? ‘‘Yo, mahārāja, kāyassa onāho pariyonāho dubbalyaṃ mandatā akammaññatā kāyassa, ayaṃ middhassa ādi; yo, mahārāja, kapiniddāpareto vokiṇṇakaṃ jaggati 8, idaṃ middhassa majjhaṃ; bhavaṅgagati pariyosanaṃ. Majjhūpagato, mahārāja, kapiniddāpareto supinaṃ passati. Yathā, mahārāja, koci yatacārī samāhitacitto ṭhitadhammo acalabuddhi pahīnakotūhalasaddaṃ vanamajjhogāhitvā sukhumaṃ atthaṃ cintayati, na ca so tattha middhaṃ okkamati, so tattha samāhito ekaggacitto sukhumaṃ atthaṃ paṭivijjhati, evameva kho, mahārāja, jāgaro na middhasamāpanno , majjhūpagato kapiniddāpareto supinaṃ passati. Yathā, mahārāja, kotūhalasaddo, evaṃ jāgaraṃ daṭṭhabbaṃ; yathā vivittaṃ vanaṃ, evaṃ kapiniddāpareto daṭṭhabbo ; yathā so kotūhalasaddaṃ ohāya middhaṃ vivajjetvā majjhattabhūto sukhumaṃ atthaṃ paṭivijjhati, evaṃ jāgaro na middhasamāpanno kapiniddāpareto supinaṃ passatī’’ti. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.
สุปินปโญฺห ปญฺจโมฯ
Supinapañho pañcamo.
Footnotes: