Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā

    ๓. สุปฺปพุทฺธกุฎฺฐิสุตฺตวณฺณนา

    3. Suppabuddhakuṭṭhisuttavaṇṇanā

    ๔๓. ตติเย ราชคเห สุปฺปพุโทฺธ นาม กุฎฺฐี อโหสีติ สุปฺปพุทฺธนามโก เอโก ปุริโส ราชคเห อโหสิฯ โส จ กุฎฺฐี กุฎฺฐโรเคน พาฬฺหวิทูสิตคโตฺตฯ มนุสฺสทลิโทฺทติ ยตฺตกา ราชคเห มนุสฺสา เตสุ สพฺพทุคฺคโตฯ โส หิ สงฺการกูฎวติอาทีสุ มนุเสฺสหิ ฉฑฺฑิตปิโลติกขณฺฑานิ สิพฺพิตฺวา ปริทหติ, กปาลํ คเหตฺวา ฆรา ฆรํ คนฺตฺวา ลทฺธอาจามอุจฺฉิฎฺฐภตฺตานิ นิสฺสาย ชีวติ, ตมฺปิ ปุเพฺพ กตกมฺมปจฺจยา น ยาวทตฺถํ ลภติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘มนุสฺสทลิโทฺท’’ติฯ มนุสฺสกปโณติ มนุเสฺสสุ ปรมกปณตํ ปโตฺตฯ มนุสฺสวราโกติ มนุสฺสานํ หีฬิตปริภูตตาย อติวิย ทีโนฯ มหติยา ปริสายาติ มหติยา ภิกฺขุปริสาย เจว อุปาสกปริสาย จฯ

    43. Tatiye rājagahe suppabuddho nāma kuṭṭhī ahosīti suppabuddhanāmako eko puriso rājagahe ahosi. So ca kuṭṭhī kuṭṭharogena bāḷhavidūsitagatto. Manussadaliddoti yattakā rājagahe manussā tesu sabbaduggato. So hi saṅkārakūṭavatiādīsu manussehi chaḍḍitapilotikakhaṇḍāni sibbitvā paridahati, kapālaṃ gahetvā gharā gharaṃ gantvā laddhaācāmaucchiṭṭhabhattāni nissāya jīvati, tampi pubbe katakammapaccayā na yāvadatthaṃ labhati. Tena vuttaṃ ‘‘manussadaliddo’’ti. Manussakapaṇoti manussesu paramakapaṇataṃ patto. Manussavarākoti manussānaṃ hīḷitaparibhūtatāya ativiya dīno. Mahatiyā parisāyāti mahatiyā bhikkhuparisāya ceva upāsakaparisāya ca.

    เอกทิวสํ กิร ภควา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา ภิกฺขูนํ สุลภปิณฺฑปาตํ กตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฎิกฺกโนฺต กติปยภิกฺขุปริวาโร นิกฺขโนฺต เยหิ ทานํ ทินฺนํ, เตสํ อุปาสกานํ อวเสสภิกฺขูนญฺจ อาคมนํ อาคมยมาโน อโนฺตนคเรเยว อญฺญตรสฺมิํ รมณีเย ปเทเส อฎฺฐาสิฯ ตาวเทว ภิกฺขู ตโต ตโต อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ ปริวาเรสุํ, อุปาสกาปิ ‘‘อนุโมทนํ สุตฺวา วนฺทิตฺวา นิวตฺติสฺสามา’’ติ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิํสุ, มหาสนฺนิปาโต อโหสิฯ ภควา นิสีทนาการํ ทเสฺสสิฯ ตาวเทว พุทฺธารหํ อาสนํ ปญฺญาเปสุํฯ อถ ภควา อสีติอนุพฺยญฺชนปฺปฎิมณฺฑิเตหิ ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขเณหิ วิโรจมานาย พฺยามปฺปภาปริเกฺขปสมุชฺชลาย นีลปีตโลหิโตทาตมเญฺชฎฺฐปภสฺสรานํ วเสน ฉพฺพณฺณพุทฺธรํสิโย วิสฺสเชฺชนฺติยา อนุปมาย รูปกายสิริยา สกลเมว ตํ ปเทสํ โอภาเสโนฺต ตาราคณปริวุโต วิย ปุณฺณจโนฺท ภิกฺขุคณปริวุโต ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา มโนสิลาตเล เกสรสีโห วิย สีหนาทํ นทโนฺต กรวีกรุตมญฺชุนา พฺรหฺมสฺสเรน ธมฺมํ เทเสติฯ

    Ekadivasaṃ kira bhagavā mahābhikkhusaṅghaparivāro rājagahaṃ piṇḍāya pavisitvā bhikkhūnaṃ sulabhapiṇḍapātaṃ katvā pacchābhattaṃ piṇḍapātappaṭikkanto katipayabhikkhuparivāro nikkhanto yehi dānaṃ dinnaṃ, tesaṃ upāsakānaṃ avasesabhikkhūnañca āgamanaṃ āgamayamāno antonagareyeva aññatarasmiṃ ramaṇīye padese aṭṭhāsi. Tāvadeva bhikkhū tato tato āgantvā bhagavantaṃ parivāresuṃ, upāsakāpi ‘‘anumodanaṃ sutvā vanditvā nivattissāmā’’ti bhagavantaṃ upasaṅkamiṃsu, mahāsannipāto ahosi. Bhagavā nisīdanākāraṃ dassesi. Tāvadeva buddhārahaṃ āsanaṃ paññāpesuṃ. Atha bhagavā asītianubyañjanappaṭimaṇḍitehi dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇehi virocamānāya byāmappabhāparikkhepasamujjalāya nīlapītalohitodātamañjeṭṭhapabhassarānaṃ vasena chabbaṇṇabuddharaṃsiyo vissajjentiyā anupamāya rūpakāyasiriyā sakalameva taṃ padesaṃ obhāsento tārāgaṇaparivuto viya puṇṇacando bhikkhugaṇaparivuto paññattavarabuddhāsane nisīditvā manosilātale kesarasīho viya sīhanādaṃ nadanto karavīkarutamañjunā brahmassarena dhammaṃ deseti.

    ภิกฺขูปิ โข อปฺปิจฺฉา สนฺตุฎฺฐา ปวิวิตฺตา อสํสฎฺฐา อารทฺธวีริยา ปหิตตฺตา โจทกา ปาปครหิโน วตฺตาโร วจนกฺขมา สีลสมฺปนฺนา สมาธิสมฺปนฺนา ปญฺญาสมฺปนฺนา วิมุตฺติสมฺปนฺนา วิมุตฺติญาณทสฺสนสมฺปนฺนา เมฆวณฺณํ ปํสุกูลจีวรํ ปารุปิตฺวา สุวมฺมิตา วิย คนฺธหตฺถิโน ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา โอหิตโสตา ธมฺมํ สุณนฺติฯ อุปาสกาปิ สุทฺธวตฺถนิวตฺถา สุทฺธุตฺตราสงฺคา ปุพฺพณฺหสมยํ มหาทานานิ ปวเตฺตตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ภควนฺตํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิปจฺจการํ ทเสฺสตฺวา ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ ปริวาเรตฺวา สํยตหตฺถปาทา โอหิตโสตา สกฺกจฺจํ ธมฺมํ สุณนฺติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา มหติยา ปริสาย ปริวุโต ธมฺมํ เทเสโนฺต นิสิโนฺน โหตี’’ติฯ

    Bhikkhūpi kho appicchā santuṭṭhā pavivittā asaṃsaṭṭhā āraddhavīriyā pahitattā codakā pāpagarahino vattāro vacanakkhamā sīlasampannā samādhisampannā paññāsampannā vimuttisampannā vimuttiñāṇadassanasampannā meghavaṇṇaṃ paṃsukūlacīvaraṃ pārupitvā suvammitā viya gandhahatthino bhagavantaṃ parivāretvā ohitasotā dhammaṃ suṇanti. Upāsakāpi suddhavatthanivatthā suddhuttarāsaṅgā pubbaṇhasamayaṃ mahādānāni pavattetvā gandhamālādīhi bhagavantaṃ pūjetvā vanditvā bhikkhusaṅghassa nipaccakāraṃ dassetvā bhagavantaṃ bhikkhusaṅghañca parivāretvā saṃyatahatthapādā ohitasotā sakkaccaṃ dhammaṃ suṇanti. Tena vuttaṃ – ‘‘tena kho pana samayena bhagavā mahatiyā parisāya parivuto dhammaṃ desento nisinno hotī’’ti.

    สุปฺปพุโทฺธ ปน ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยปเรโต ฆาสปริเยสนํ จรมาโน อนฺตรวีถิํ โอติโณฺณ ทูรโตว ตํ มหาชนสนฺนิปาตํ ทิสฺวา, ‘‘กิํ นุ โข อยํ มหาชนกาโย สนฺนิปติโต, อทฺธา เอตฺถ โภชนํ ทียติ มเญฺญ, อเปฺปว นาเมตฺถ คเตน กิญฺจิ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ลทฺธุํ สกฺกา’’ติ สญฺชาตาภิลาโส ตตฺถ คนฺตฺวา อทฺทส ภควนฺตํ ปาสาทิกํ ทสฺสนียํ ปสาทนียํ อุตฺตมทมถสมถมนุปฺปตฺตํ ทนฺตํ คุตฺตํ สนฺตินฺทฺริยํ สุสมาหิตํ ตาย ปริสาย ปริวุตํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ, ทิสฺวาน ปุริมชาติสมฺภตาย ปริปกฺกาย อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน ‘‘ยํนูนาหมฺปิ ธมฺมํ สุเณยฺย’’นฺติ ปริสปริยเนฺต นิสีทิฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อทฺทสา โข สุปฺปพุโทฺธ กุฎฺฐี…เป.… ตเตฺถว เอกมนฺตํ นิสีทิ ‘อหมฺปิ ธมฺมํ โสสฺสามี’’’ติฯ

    Suppabuddho pana jighacchādubbalyapareto ghāsapariyesanaṃ caramāno antaravīthiṃ otiṇṇo dūratova taṃ mahājanasannipātaṃ disvā, ‘‘kiṃ nu kho ayaṃ mahājanakāyo sannipatito, addhā ettha bhojanaṃ dīyati maññe, appeva nāmettha gatena kiñci khādanīyaṃ vā bhojanīyaṃ vā laddhuṃ sakkā’’ti sañjātābhilāso tattha gantvā addasa bhagavantaṃ pāsādikaṃ dassanīyaṃ pasādanīyaṃ uttamadamathasamathamanuppattaṃ dantaṃ guttaṃ santindriyaṃ susamāhitaṃ tāya parisāya parivutaṃ dhammaṃ desentaṃ, disvāna purimajātisambhatāya paripakkāya upanissayasampattiyā codiyamāno ‘‘yaṃnūnāhampi dhammaṃ suṇeyya’’nti parisapariyante nisīdi. Taṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘addasā kho suppabuddho kuṭṭhī…pe… tattheva ekamantaṃ nisīdi‘ahampi dhammaṃ sossāmī’’’ti.

    สพฺพาวนฺตนฺติ สพฺพาวติํ หีนาทิสพฺพปุคฺคลวตํ, ตตฺถ กิญฺจิปิ อนวเสเสตฺวาติ อโตฺถฯ ‘‘สพฺพวนฺต’’นฺติปิ ปฐนฺติฯ เจตสาติ พุทฺธจกฺขุสมฺปยุตฺตจิเตฺตนฯ จิตฺตสีเสน หิ ญาณํ นิทฺทิฎฺฐํ, ตสฺมา อาสยานุสยญาเณน อินฺทฺริยปโรปริยตฺตญาเณน จาติ อโตฺถฯ เจโต ปริจฺจ มนสากาสีติ ตสฺสา ปริสาย จิตฺตํ ปเจฺจกํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา มนสิ อกาสิ เต โวโลเกสิฯ ภโพฺพ ธมฺมํ วิญฺญาตุนฺติ มคฺคผลธมฺมํ อธิคนฺตุํ สมโตฺถ, อุปนิสฺสยสมฺปโนฺนติ อโตฺถฯ เอตทโหสีติ อยํ สุปฺปพุโทฺธ กิญฺจาปิ ตครสิขิมฺหิ ปเจฺจกพุเทฺธ อปรชฺฌิตฺวา อีทิโส ชาโต, มคฺคผลูปนิสฺสโย ปนสฺส ปํสุปฎิจฺฉนฺนสุวณฺณนิกฺขํ วิย อโนฺตหทเยเยว วิโชฺชตติ, ตสฺมา สุวิญฺญาปิโยติ อิทํ อโหสิฯ เตนาห – ‘‘อยํ โข อิธ ภโพฺพ ธมฺมํ วิญฺญาตุ’’นฺติฯ

    Sabbāvantanti sabbāvatiṃ hīnādisabbapuggalavataṃ, tattha kiñcipi anavasesetvāti attho. ‘‘Sabbavanta’’ntipi paṭhanti. Cetasāti buddhacakkhusampayuttacittena. Cittasīsena hi ñāṇaṃ niddiṭṭhaṃ, tasmā āsayānusayañāṇena indriyaparopariyattañāṇena cāti attho. Ceto paricca manasākāsīti tassā parisāya cittaṃ paccekaṃ paricchinditvā manasi akāsi te volokesi. Bhabbo dhammaṃ viññātunti maggaphaladhammaṃ adhigantuṃ samattho, upanissayasampannoti attho. Etadahosīti ayaṃ suppabuddho kiñcāpi tagarasikhimhi paccekabuddhe aparajjhitvā īdiso jāto, maggaphalūpanissayo panassa paṃsupaṭicchannasuvaṇṇanikkhaṃ viya antohadayeyeva vijjotati, tasmā suviññāpiyoti idaṃ ahosi. Tenāha – ‘‘ayaṃ kho idha bhabbo dhammaṃ viññātu’’nti.

    อนุปุพฺพิํ กถนฺติ ทานานนฺตรํ สีลํ, สีลานนฺตรํ สคฺคํ, สคฺคานนฺตรํ มคฺคนฺติ เอวํ อนุปฎิปาฎิกถํฯ ภควา หิ ปฐมํ เหตุนา สทฺธิํ อสฺสาทํ ทเสฺสตฺวา ตโต สเตฺต วิเวเจตุํ นานานเยหิ อาทีนวํ ปกาเสตฺวา อาทีนวสวเนน สํวิคฺคหทยานํ เนกฺขมฺมคุณวิภาวนมุเขน จ วิวฎฺฎํ ทเสฺสติฯ

    Anupubbiṃ kathanti dānānantaraṃ sīlaṃ, sīlānantaraṃ saggaṃ, saggānantaraṃ magganti evaṃ anupaṭipāṭikathaṃ. Bhagavā hi paṭhamaṃ hetunā saddhiṃ assādaṃ dassetvā tato satte vivecetuṃ nānānayehi ādīnavaṃ pakāsetvā ādīnavasavanena saṃviggahadayānaṃ nekkhammaguṇavibhāvanamukhena ca vivaṭṭaṃ dasseti.

    ทานกถนฺติ อิทํ นาม สุขานํ นิทานํ, สมฺปตฺตีนํ มูลํ, โภคานํ ปติฎฺฐา, วิสมคตสฺส ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ, อิธโลกปรโลเกสุ ทานสทิโส อวสฺสโย ปติฎฺฐา อาลมฺพนํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ นตฺถิฯ อิทญฺหิ อวสฺสยเฎฺฐน รตนมยสีหาสนสทิสํ, ปติฎฺฐานเฎฺฐน มหาปถวิสทิสํ , อาลมฺพนเฎฺฐน อาลมฺพนรชฺชุสทิสํ, ทุกฺขนิตฺถรณเฎฺฐน นาวาสทิสํ, สมสฺสาสนเฎฺฐน สงฺคามสูโร, ภยปริตฺตาณเฎฺฐน สุปริขาปริกฺขิตฺตนครํ, มเจฺฉรมลาทีหิ อนุปลิตฺตเฎฺฐน ปทุมํ, เตสํ นิทหนเฎฺฐน ชาตเวโท, ทุราสทเฎฺฐน อาสีวิโส, อสนฺตาสเฎฺฐน สีโห, พลวนฺตเฎฺฐน หตฺถี, อภิมงฺคลสมฺมตเฎฺฐน เสตอุสโภ, เขมนฺตภูมิสมฺปาปนเฎฺฐน วลาหโก อสฺสราชาฯ ทานญฺหิ โลเก รชฺชสิริํ เทติ, จกฺกวตฺติสมฺปตฺติํ สกฺกสมฺปตฺติํ มารสมฺปตฺติํ พฺรหฺมสมฺปตฺติํ สาวกปารมีญาณํ ปเจฺจกโพธิญาณํ สมฺมาสโมฺพธิญาณํ เทตีติ เอวมาทิทานคุณปฺปฎิสํยุตฺตกถํฯ

    Dānakathanti idaṃ nāma sukhānaṃ nidānaṃ, sampattīnaṃ mūlaṃ, bhogānaṃ patiṭṭhā, visamagatassa tāṇaṃ leṇaṃ gati parāyaṇaṃ, idhalokaparalokesu dānasadiso avassayo patiṭṭhā ālambanaṃ tāṇaṃ leṇaṃ gati parāyaṇaṃ natthi. Idañhi avassayaṭṭhena ratanamayasīhāsanasadisaṃ, patiṭṭhānaṭṭhena mahāpathavisadisaṃ , ālambanaṭṭhena ālambanarajjusadisaṃ, dukkhanittharaṇaṭṭhena nāvāsadisaṃ, samassāsanaṭṭhena saṅgāmasūro, bhayaparittāṇaṭṭhena suparikhāparikkhittanagaraṃ, maccheramalādīhi anupalittaṭṭhena padumaṃ, tesaṃ nidahanaṭṭhena jātavedo, durāsadaṭṭhena āsīviso, asantāsaṭṭhena sīho, balavantaṭṭhena hatthī, abhimaṅgalasammataṭṭhena setausabho, khemantabhūmisampāpanaṭṭhena valāhako assarājā. Dānañhi loke rajjasiriṃ deti, cakkavattisampattiṃ sakkasampattiṃ mārasampattiṃ brahmasampattiṃ sāvakapāramīñāṇaṃ paccekabodhiñāṇaṃ sammāsambodhiñāṇaṃ detīti evamādidānaguṇappaṭisaṃyuttakathaṃ.

    ยสฺมา ปน ทานํ เทโนฺต สีลํ สมาทาตุํ สโกฺกติ, ตสฺมา ทานกถานนฺตรํ สีลกถํ กเถสิฯ สีลกถนฺติ สีลํ นาเมตํ สตฺตานํ อวสฺสโย ปติฎฺฐา อาลมฺพนํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํฯ อิธโลกปรโลกสมฺปตฺตีนญฺหิ สีลสทิโส อวสฺสโย ปติฎฺฐา อาลมฺพนํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ นตฺถิ, สีลาลงฺการสทิโส อลงฺกาโร, สีลปุปฺผสทิสํ ปุปฺผํ, สีลคนฺธสทิโส คโนฺธ นตฺถิ, สีลาลงฺกาเรน หิ อลงฺกตํ สีลกุสุมปิฬนฺธิตํ สีลคนฺธานุลิตฺตํ สเทวโก โลโก โอโลเกโนฺต ติตฺติํ น คจฺฉตีติ เอวมาทีหิ สีลคุณปฺปฎิสํยุตฺตกถํฯ

    Yasmā pana dānaṃ dento sīlaṃ samādātuṃ sakkoti, tasmā dānakathānantaraṃ sīlakathaṃ kathesi. Sīlakathanti sīlaṃ nāmetaṃ sattānaṃ avassayo patiṭṭhā ālambanaṃ tāṇaṃ leṇaṃ gati parāyaṇaṃ. Idhalokaparalokasampattīnañhi sīlasadiso avassayo patiṭṭhā ālambanaṃ tāṇaṃ leṇaṃ gati parāyaṇaṃ natthi, sīlālaṅkārasadiso alaṅkāro, sīlapupphasadisaṃ pupphaṃ, sīlagandhasadiso gandho natthi, sīlālaṅkārena hi alaṅkataṃ sīlakusumapiḷandhitaṃ sīlagandhānulittaṃ sadevako loko olokento tittiṃ na gacchatīti evamādīhi sīlaguṇappaṭisaṃyuttakathaṃ.

    อิทํ ปน สีลํ นิสฺสาย อยํ สโคฺค ลพฺภตีติ ทเสฺสตุํ สีลานนฺตรํ สคฺคกถํ กเถสิฯ สคฺคกถนฺติ สโคฺค นาม อิโฎฺฐ กโนฺต มนาโป, นิจฺจเมตฺถ กีฬา นิจฺจสมฺปตฺติโย ลพฺภนฺติ, จาตุมหาราชิกา เทวา นวุติวสฺสสตสหสฺสานิ ทิพฺพสุขํ ทิพฺพสมฺปตฺติํ ปฎิลภนฺติ, ตาวติํสา ติโสฺส วสฺสโกฎิโย สฎฺฐิ จ วสฺสสตสหสฺสานีติ เอวมาทิสคฺคคุณปฺปฎิสํยุตฺตกถํฯ สคฺคสมฺปตฺติํ กเถนฺตานญฺหิ พุทฺธานํ มุขํ นปฺปโหติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘อเนกปริยาเยน โข อหํ, ภิกฺขเว, สคฺคกถํ กเถยฺย’’นฺติอาทิฯ

    Idaṃ pana sīlaṃ nissāya ayaṃ saggo labbhatīti dassetuṃ sīlānantaraṃ saggakathaṃ kathesi. Saggakathanti saggo nāma iṭṭho kanto manāpo, niccamettha kīḷā niccasampattiyo labbhanti, cātumahārājikā devā navutivassasatasahassāni dibbasukhaṃ dibbasampattiṃ paṭilabhanti, tāvatiṃsā tisso vassakoṭiyo saṭṭhi ca vassasatasahassānīti evamādisaggaguṇappaṭisaṃyuttakathaṃ. Saggasampattiṃ kathentānañhi buddhānaṃ mukhaṃ nappahoti. Vuttampi cetaṃ ‘‘anekapariyāyena kho ahaṃ, bhikkhave, saggakathaṃ katheyya’’ntiādi.

    เอวํ เหตุนา สทฺธิํ สคฺคกถาย ปโลเภตฺวา ปุน หตฺถิํ อลงฺกริตฺวา ตสฺส โสณฺฑํ ฉินฺทโนฺต วิย ‘‘อยมฺปิ สโคฺค อนิโจฺจ อธุโว, น เอตฺถ ฉนฺทราโค กาตโพฺพ’’ติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๗๗; ๒.๔๒) นเยน กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ กเถสิฯ ตตฺถ อาทีนวนฺติ โทสํฯ โอการนฺติ ลามกสภาวํ, อเสเฎฺฐหิ เสวิตพฺพํ เสเฎฺฐหิ น เสวิตพฺพํ นิหีนสภาวนฺติ อโตฺถฯ สํกิเลสนฺติ เตหิ สตฺตานํ สํสาเร สํกิลิสฺสนํฯ เตนาห – ‘‘กิลิสฺสนฺติ วต โภ สตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๕๑)ฯ

    Evaṃ hetunā saddhiṃ saggakathāya palobhetvā puna hatthiṃ alaṅkaritvā tassa soṇḍaṃ chindanto viya ‘‘ayampi saggo anicco adhuvo, na ettha chandarāgo kātabbo’’ti dassanatthaṃ ‘‘appassādā kāmā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo’’tiādinā (ma. ni. 1.177; 2.42) nayena kāmānaṃ ādīnavaṃ okāraṃ saṃkilesaṃ kathesi. Tattha ādīnavanti dosaṃ. Okāranti lāmakasabhāvaṃ, aseṭṭhehi sevitabbaṃ seṭṭhehi na sevitabbaṃ nihīnasabhāvanti attho. Saṃkilesanti tehi sattānaṃ saṃsāre saṃkilissanaṃ. Tenāha – ‘‘kilissanti vata bho sattā’’ti (ma. ni. 2.351).

    เอวํ กามาทีนเวน ตเชฺชตฺวา เนกฺขเมฺม อานิสํสํ ปกาเสสิ ปพฺพชฺชาย ฌานาทีสุ จ คุณํ ทีเปสิ วเณฺณสิฯ กลฺลจิตฺตนฺติอาทีสุ กลฺลจิตฺตนฺติ กมฺมนิยจิตฺตํ, เหฎฺฐา ปวตฺติตเทสนาย อสฺสทฺธิยาทีนํ จิตฺตโทสานํ วิคตตฺตา อุปริเทสนาย ภาชนภาวูปคมเนน กมฺมนิยจิตฺตํ, กมฺมกฺขมจิตฺตนฺติ อโตฺถฯ ทิฎฺฐิมานาทิสํกิเลสวิคเมน มุทุจิตฺตํฯ กามจฺฉนฺทาทิวิคเมน วินีวรณจิตฺตํฯ สมฺมาปฎิปตฺติยํ อุฬารปีติปาโมชฺชโยเคน อุทคฺคจิตฺตํฯ ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา ปสนฺนจิตฺตํ, ยทา ภควา อญฺญาสีติ สมฺพโนฺธฯ

    Evaṃ kāmādīnavena tajjetvā nekkhamme ānisaṃsaṃ pakāsesi pabbajjāya jhānādīsu ca guṇaṃ dīpesi vaṇṇesi. Kallacittantiādīsu kallacittanti kammaniyacittaṃ, heṭṭhā pavattitadesanāya assaddhiyādīnaṃ cittadosānaṃ vigatattā uparidesanāya bhājanabhāvūpagamanena kammaniyacittaṃ, kammakkhamacittanti attho. Diṭṭhimānādisaṃkilesavigamena muducittaṃ. Kāmacchandādivigamena vinīvaraṇacittaṃ. Sammāpaṭipattiyaṃ uḷārapītipāmojjayogena udaggacittaṃ. Tattha saddhāsampattiyā pasannacittaṃ, yadā bhagavā aññāsīti sambandho.

    อถ วา กลฺลจิตฺตนฺติ กามจฺฉนฺทวิคเมน อโรคจิตฺตํฯ มุทุจิตฺตนฺติ พฺยาปาทวิคเมน เมตฺตาวเสน อกถินจิตฺตํฯ วินีวรณจิตฺตนฺติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิคเมน อวิกฺขิปนโต น ปิหิตจิตฺตํฯ อุทคฺคจิตฺตนฺติ ถินมิทฺธวิคเมน สมฺปคฺคหวเสน อลีนจิตฺตํฯ ปสนฺนจิตฺตนฺติ วิจิกิจฺฉาวิคเมน สมฺมาปฎิปตฺติยา อธิมุตฺตจิตฺตํฯ

    Atha vā kallacittanti kāmacchandavigamena arogacittaṃ. Muducittanti byāpādavigamena mettāvasena akathinacittaṃ. Vinīvaraṇacittanti uddhaccakukkuccavigamena avikkhipanato na pihitacittaṃ. Udaggacittanti thinamiddhavigamena sampaggahavasena alīnacittaṃ. Pasannacittanti vicikicchāvigamena sammāpaṭipattiyā adhimuttacittaṃ.

    อถาติ ปจฺฉาฯ สามุกฺกํสิกาติ สามํ อุกฺกํสิกา อตฺตนาว อุทฺธริตฺวา คหิตา, สยมฺภูญาเณน สามํ ทิฎฺฐา, อเญฺญสํ อสาธารณาติ อโตฺถฯ กา จ ปน สาติ? อริยสจฺจเทสนาฯ เตเนวาห – ‘‘ทุกฺขํ สมุทยํ นิโรธํ มคฺค’’นฺติฯ อิทญฺหิ สจฺจานํ สรูปทสฺสนํ, ตสฺมา อิมสฺมิํ ฐาเน อริยสจฺจานิ กเถตพฺพานิ, ตานิ สพฺพาการโต วิตฺถาเรน วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๒๙) วุตฺตานีติ ตตฺถ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพานิฯ

    Athāti pacchā. Sāmukkaṃsikāti sāmaṃ ukkaṃsikā attanāva uddharitvā gahitā, sayambhūñāṇena sāmaṃ diṭṭhā, aññesaṃ asādhāraṇāti attho. Kā ca pana sāti? Ariyasaccadesanā. Tenevāha – ‘‘dukkhaṃ samudayaṃ nirodhaṃ magga’’nti. Idañhi saccānaṃ sarūpadassanaṃ, tasmā imasmiṃ ṭhāne ariyasaccāni kathetabbāni, tāni sabbākārato vitthārena visuddhimagge (visuddhi. 2.529) vuttānīti tattha vuttanayena veditabbāni.

    เสยฺยถาปีติอาทินา อุปมาวเสน สุปฺปพุทฺธสฺส กิเลสปฺปหานํ อริยมคฺคุปฺปาทญฺจ ทเสฺสติฯ อปคตกาฬกนฺติ วิคตกาฬกํฯ สมฺมเทวาติ สุฎฺฐุเยวฯ รชนนฺติ นีลปีตโลหิตมเญฺชฎฺฐาทิรงฺคชาตํฯ ปฎิคฺคเณฺหยฺยาติ คเณฺหยฺย, ปภสฺสรํ ภเวยฺยฯ ตสฺมิํเยว อาสเนติ ตสฺสํเยว นิสชฺชายํฯ เอเตนสฺส ลหุวิปสฺสนกตา ติกฺขปญฺญตา สุขาปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญตา จ ทสฺสิตา โหนฺติฯ วิรชํ วีตมลนฺติ อปายคมนียราครชาทีนํ อภาเวน วิรชํ, อนวเสสทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉามลาปคเมน วีตมลํฯ ปฐมมคฺควชฺฌกิเลสรชาภาเวน วา วิรชํ, ปญฺจวิธทุสฺสีลมลาปคเมน วีตมลํฯ ธมฺมจกฺขุนฺติ โสตาปตฺติมโคฺค อธิเปฺปโตฯ ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนตฺถํ ‘‘ยํกิญฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ วุตฺตํฯ ตญฺหิ นิโรธํ อารมฺมณํ กตฺวา กิจฺจวเสน เอว สงฺขตธเมฺม ปฎิวิชฺฌนฺตํ อุปฺปชฺชติฯ

    Seyyathāpītiādinā upamāvasena suppabuddhassa kilesappahānaṃ ariyamagguppādañca dasseti. Apagatakāḷakanti vigatakāḷakaṃ. Sammadevāti suṭṭhuyeva. Rajananti nīlapītalohitamañjeṭṭhādiraṅgajātaṃ. Paṭiggaṇheyyāti gaṇheyya, pabhassaraṃ bhaveyya. Tasmiṃyeva āsaneti tassaṃyeva nisajjāyaṃ. Etenassa lahuvipassanakatā tikkhapaññatā sukhāpaṭipadā khippābhiññatā ca dassitā honti. Virajaṃ vītamalanti apāyagamanīyarāgarajādīnaṃ abhāvena virajaṃ, anavasesadiṭṭhivicikicchāmalāpagamena vītamalaṃ. Paṭhamamaggavajjhakilesarajābhāvena vā virajaṃ, pañcavidhadussīlamalāpagamena vītamalaṃ. Dhammacakkhunti sotāpattimaggo adhippeto. Tassa uppattiākāradassanatthaṃ ‘‘yaṃkiñci samudayadhammaṃ, sabbaṃ taṃ nirodhadhamma’’nti vuttaṃ. Tañhi nirodhaṃ ārammaṇaṃ katvā kiccavasena eva saṅkhatadhamme paṭivijjhantaṃ uppajjati.

    ตตฺริทํ อุปมาสํสนฺทนํ – วตฺถํ วิย จิตฺตํ ทฎฺฐพฺพํ, วตฺถสฺส อาคนฺตุกมเลหิ กิลิฎฺฐภาโว วิย จิตฺตสฺส ราคาทิมเลหิ สํกิลิฎฺฐภาโว, โธวนผลกํ วิย อนุปุพฺพิกถา, อุทกํ วิย สทฺธา, อุทเกน เตเมตฺวา เตเมตฺวา โคมยขาเรหิ กาฬเก สมฺมทฺทิตฺวา วตฺถสฺส โธวนปฺปโยโค วิย สทฺธาสลิเลน เตเมตฺวา สติสมาธิปญฺญาหิ โทเส สิถิเล กตฺวา สทฺธาทิวิธินา จิตฺตสฺส โสธเน วีริยารโมฺภ, เตน ปโยเคน วเตฺถ กาฬกาปคโม วิย วีริยารเมฺภน กิเลสวิกฺขมฺภนํ, รงฺคชาตํ วิย อริยมโคฺค, เตน สุทฺธสฺส วตฺถสฺส ปภสฺสรภาโว วิย วิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส จิตฺตสฺส มเคฺคน ปริโยทาปนนฺติฯ

    Tatridaṃ upamāsaṃsandanaṃ – vatthaṃ viya cittaṃ daṭṭhabbaṃ, vatthassa āgantukamalehi kiliṭṭhabhāvo viya cittassa rāgādimalehi saṃkiliṭṭhabhāvo, dhovanaphalakaṃ viya anupubbikathā, udakaṃ viya saddhā, udakena temetvā temetvā gomayakhārehi kāḷake sammadditvā vatthassa dhovanappayogo viya saddhāsalilena temetvā satisamādhipaññāhi dose sithile katvā saddhādividhinā cittassa sodhane vīriyārambho, tena payogena vatthe kāḷakāpagamo viya vīriyārambhena kilesavikkhambhanaṃ, raṅgajātaṃ viya ariyamaggo, tena suddhassa vatthassa pabhassarabhāvo viya vikkhambhitakilesassa cittassa maggena pariyodāpananti.

    เอวํ ปน สุปฺปพุโทฺธ ปริสปริยเนฺต นิสิโนฺน ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา อตฺตนา ปฎิลทฺธคุณํ สตฺถุ อาโรเจตุกาโม ปริสมชฺฌํ โอคาหิตุํ อวิสหโนฺต มหาชนสฺส สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อนุคนฺตฺวา นิวตฺตกาเล ภควติ วิหารํ คเต สยมฺปิ วิหารํ อคมาสิฯ ตสฺมิํ ขเณ สโกฺก เทวราชา ‘‘อยํ สุปฺปพุโทฺธ กุฎฺฐี อตฺตนา สตฺถุ สาสเน ปฎิลทฺธคุณํ ปากฎํ กาตุกาโม’’ติ ญตฺวา ‘‘วีมํสิสฺสามิ น’’นฺติ คนฺตฺวา อากาเส ฐิโต เอตทโวจ – ‘‘สุปฺปพุทฺธ ตฺวํ มนุสฺสทลิโทฺท มนุสฺสกปโณ มนุสฺสวราโก, อหํ เต อปริมิตํ ธนํ ทสฺสามิ, ‘พุโทฺธ น พุโทฺธ, ธโมฺม น ธโมฺม, สโงฺฆ น สโงฺฆ, อลํ เม พุเทฺธน, อลํ เม ธเมฺมน, อลํ เม สเงฺฆนา’ติ วเทหี’’ติฯ อถ นํ โส อาห ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘อหํ สโกฺก เทวราชา’’ติฯ ‘‘อนฺธพาล อหิริก, ตฺวํ มยา สทฺธิํ กเถตุํ น ยุตฺตรูโป, โย ตฺวํ เอวํ อวตฺตพฺพํ วเทสิ, อปิจ มํ ตฺวํ ‘ทุคฺคโต ทลิโทฺท กปโณ’ติ กสฺมา วเทสิ, นนุ อหํ โลกนาถสฺส โอรสปุโตฺต, เนวาหํ ทุคฺคโต น ทลิโทฺท น กปโณ, อถ โข สุขปฺปโตฺต ปรเมน สุเขน อปาหมสฺมิ มหทฺธโน’’ติ วตฺวา อาห –

    Evaṃ pana suppabuddho parisapariyante nisinno dhammadesanaṃ sutvā sotāpattiphalaṃ patvā attanā paṭiladdhaguṇaṃ satthu ārocetukāmo parisamajjhaṃ ogāhituṃ avisahanto mahājanassa satthāraṃ vanditvā anugantvā nivattakāle bhagavati vihāraṃ gate sayampi vihāraṃ agamāsi. Tasmiṃ khaṇe sakko devarājā ‘‘ayaṃ suppabuddho kuṭṭhī attanā satthu sāsane paṭiladdhaguṇaṃ pākaṭaṃ kātukāmo’’ti ñatvā ‘‘vīmaṃsissāmi na’’nti gantvā ākāse ṭhito etadavoca – ‘‘suppabuddha tvaṃ manussadaliddo manussakapaṇo manussavarāko, ahaṃ te aparimitaṃ dhanaṃ dassāmi, ‘buddho na buddho, dhammo na dhammo, saṅgho na saṅgho, alaṃ me buddhena, alaṃ me dhammena, alaṃ me saṅghenā’ti vadehī’’ti. Atha naṃ so āha ‘‘kosi tva’’nti? ‘‘Ahaṃ sakko devarājā’’ti. ‘‘Andhabāla ahirika, tvaṃ mayā saddhiṃ kathetuṃ na yuttarūpo, yo tvaṃ evaṃ avattabbaṃ vadesi, apica maṃ tvaṃ ‘duggato daliddo kapaṇo’ti kasmā vadesi, nanu ahaṃ lokanāthassa orasaputto, nevāhaṃ duggato na daliddo na kapaṇo, atha kho sukhappatto paramena sukhena apāhamasmi mahaddhano’’ti vatvā āha –

    ‘‘สทฺธาธนํ สีลธนํ, หิริโอตฺตปฺปิยํ ธนํ;

    ‘‘Saddhādhanaṃ sīladhanaṃ, hiriottappiyaṃ dhanaṃ;

    สุตธนญฺจ จาโค จ, ปญฺญา เว สตฺตมํ ธนํฯ

    Sutadhanañca cāgo ca, paññā ve sattamaṃ dhanaṃ.

    ‘‘ยสฺส เอเต ธนา อตฺถิ, อิตฺถิยา ปุริสสฺส วา;

    ‘‘Yassa ete dhanā atthi, itthiyā purisassa vā;

    ‘อทลิโทฺท’ติ ตํ อาหุ, อโมฆํ ตสฺส ชีวิต’’นฺติฯ (อ. นิ. ๗.๕) –

    ‘Adaliddo’ti taṃ āhu, amoghaṃ tassa jīvita’’nti. (a. ni. 7.5) –

    ตสฺสิมานิ เม สตฺต อริยธนานิ สนฺติฯ เยสญฺหิ อิมานิ ธนานิ สนฺติ, น เตฺวว เต พุเทฺธหิ วา ปเจฺจกพุเทฺธหิ วา ‘ทลิทฺทา’ติ วุจฺจนฺตี’’ติฯ

    Tassimāni me satta ariyadhanāni santi. Yesañhi imāni dhanāni santi, na tveva te buddhehi vā paccekabuddhehi vā ‘daliddā’ti vuccantī’’ti.

    สโกฺก ตสฺส กถํ สุตฺวา ตํ อนฺตรามเคฺค โอหาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สพฺพํ ตํ วจนํ ปฎิวจนญฺจ อาโรเจสิฯ อถ นํ ภควา อาห – ‘‘น โข สกฺก สกฺกา ตาทิสานํ สเตนปิ สหเสฺสนปิ สุปฺปพุทฺธํ กุฎฺฐิํ ‘พุโทฺธ น พุโทฺธ, ธโมฺม น ธโมฺม, สโงฺฆ น สโงฺฆ’ติ กถาเปตุ’’นฺติฯ สุปฺปพุโทฺธปิ โข กุฎฺฐี สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารา กตปฎิสนฺถาโร อตฺตนา ปฎิลทฺธคุณํ อาโรเจสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สุปฺปพุโทฺธ กุฎฺฐี ทิฎฺฐธโมฺม’’ติอาทิฯ

    Sakko tassa kathaṃ sutvā taṃ antarāmagge ohāya satthu santikaṃ gantvā sabbaṃ taṃ vacanaṃ paṭivacanañca ārocesi. Atha naṃ bhagavā āha – ‘‘na kho sakka sakkā tādisānaṃ satenapi sahassenapi suppabuddhaṃ kuṭṭhiṃ ‘buddho na buddho, dhammo na dhammo, saṅgho na saṅgho’ti kathāpetu’’nti. Suppabuddhopi kho kuṭṭhī satthu santikaṃ gantvā satthārā katapaṭisanthāro attanā paṭiladdhaguṇaṃ ārocesi. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho suppabuddho kuṭṭhī diṭṭhadhammo’’tiādi.

    ตตฺถ ทิฎฺฐธโมฺมติ ทิโฎฺฐ อริยสจฺจธโมฺม เอเตนาติ ทิฎฺฐธโมฺมฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ ‘‘ทิฎฺฐธโมฺม’’ติ เจตฺถ สามญฺญวจโน ธมฺมสโทฺทฯ ทสฺสนํ นาม ญาณทสฺสนโต อญฺญมฺปิ อตฺถีติ ตํ นิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปตฺตธโมฺม’’ติ วุตฺตํฯ ปตฺติ จ ญาณสมฺปตฺติโต อญฺญาปิ วิชฺชตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘วิทิตธโมฺม’’ติ วุตฺตํฯ สา ปนายํ วิทิตธมฺมตา ธเมฺมสุ เอกเทเสนาปิ โหตีติ นิปฺปเทสโต วิทิตภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปริโยคาฬฺหธโมฺม’’ติ วุตฺตํฯ เตนสฺส ยถาวุตฺตํ สจฺจาภิสโมฺพธํเยว ทีเปติฯ มคฺคญาณญฺหิ เอกาภิสมยวเสน ปริญฺญาทิกิจฺจํ สาเธนฺตํ นิปฺปเทเสนปิ ปริเญฺญยฺยธมฺมํ สมนฺตโต โอคาฬฺหํ นาม โหติ, น ตทญฺญญาณํฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ทิโฎฺฐ อริยสจฺจธโมฺม เอเตนาติ ทิฎฺฐธโมฺม’’ติฯ เตเนวาห ‘‘ติณฺณวิจิกิโจฺฉ’’ติอาทิฯ

    Tattha diṭṭhadhammoti diṭṭho ariyasaccadhammo etenāti diṭṭhadhammo. Sesapadesupi eseva nayo. Tattha ‘‘diṭṭhadhammo’’ti cettha sāmaññavacano dhammasaddo. Dassanaṃ nāma ñāṇadassanato aññampi atthīti taṃ nivattanatthaṃ ‘‘pattadhammo’’ti vuttaṃ. Patti ca ñāṇasampattito aññāpi vijjatīti tato visesanatthaṃ ‘‘viditadhammo’’ti vuttaṃ. Sā panāyaṃ viditadhammatā dhammesu ekadesenāpi hotīti nippadesato viditabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘pariyogāḷhadhammo’’ti vuttaṃ. Tenassa yathāvuttaṃ saccābhisambodhaṃyeva dīpeti. Maggañāṇañhi ekābhisamayavasena pariññādikiccaṃ sādhentaṃ nippadesenapi pariññeyyadhammaṃ samantato ogāḷhaṃ nāma hoti, na tadaññañāṇaṃ. Tena vuttaṃ – ‘‘diṭṭho ariyasaccadhammo etenāti diṭṭhadhammo’’ti. Tenevāha ‘‘tiṇṇavicikiccho’’tiādi.

    ตตฺถ ปฎิภยกนฺตารสทิสา โสฬสวตฺถุกา จ อฎฺฐวตฺถุกา จ ติณฺณา วิจิกิจฺฉา เอเตนาติ ติณฺณวิจิกิโจฺฉฯ ตโต เอว ปวตฺติอาทีสุ ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข’’ติ เอวํ ปวตฺติตา วิคตา สมุจฺฉินฺนา กถํกถา เอตสฺสาติ วิคตกถํกโถฯ สารชฺชกรานํ ปาปธมฺมานํ ปหีนตฺตา ตปฺปฎิปเกฺขสุ จ สีลาทิคุเณสุ สุปฺปติฎฺฐิตตฺตา เวสารชฺชํ วิสารทภาวํ เวยฺยตฺติยํ ปโตฺตติ เวสารชฺชปฺปโตฺตฯ นาสฺส ปโร ปจฺจโย, น ปรสฺส สทฺธาย เอตฺถ วตฺตตีติ อปรปฺปจฺจโยฯ กตฺถาติ อาห ‘‘สตฺถุสาสเน’’ติฯ

    Tattha paṭibhayakantārasadisā soḷasavatthukā ca aṭṭhavatthukā ca tiṇṇā vicikicchā etenāti tiṇṇavicikiccho. Tato eva pavattiādīsu ‘‘evaṃ nu kho, na nu kho’’ti evaṃ pavattitā vigatā samucchinnā kathaṃkathā etassāti vigatakathaṃkatho. Sārajjakarānaṃ pāpadhammānaṃ pahīnattā tappaṭipakkhesu ca sīlādiguṇesu suppatiṭṭhitattā vesārajjaṃ visāradabhāvaṃ veyyattiyaṃ pattoti vesārajjappatto. Nāssa paro paccayo, na parassa saddhāya ettha vattatīti aparappaccayo. Katthāti āha ‘‘satthusāsane’’ti.

    อภิกฺกนฺตนฺติอาทีสุ กิญฺจาปิ อยํ อภิกฺกนฺตสโทฺท ขยสุนฺทราภิรูปพฺภนุโมทนาทีสุ อเนเกสุ อเตฺถสุ ทิสฺสติ, อิธ ปน อพฺภนุโมทเน ทฎฺฐโพฺพฯ เตเนว โส ปสาทวเสน ปสํสาวเสน จ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุโตฺต, สาธุ สาธุ, ภเนฺตติ วุตฺตํ โหติฯ อภิกฺกนฺตนฺติ วา อติกนฺตํ อติอิฎฺฐํ อติมนาปํ, อติสุนฺทรนฺติ อโตฺถฯ ตตฺถ เอเกน อภิกฺกนฺตสเทฺทน ภควโต เทสนํ โถเมติ, เอเกน อตฺตโน ปสาทํฯ

    Abhikkantantiādīsu kiñcāpi ayaṃ abhikkantasaddo khayasundarābhirūpabbhanumodanādīsu anekesu atthesu dissati, idha pana abbhanumodane daṭṭhabbo. Teneva so pasādavasena pasaṃsāvasena ca dvikkhattuṃ vutto, sādhu sādhu, bhanteti vuttaṃ hoti. Abhikkantanti vā atikantaṃ atiiṭṭhaṃ atimanāpaṃ, atisundaranti attho. Tattha ekena abhikkantasaddena bhagavato desanaṃ thometi, ekena attano pasādaṃ.

    อยเญฺหตฺถ อธิปฺปาโย – อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต, ยทิทํ ภควโต ธมฺมเทสนา, อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต, ยทิทํ ภควโต ธมฺมเทสนํ อาคมฺม มม ปสาโทติฯ ภควโต เอว วา วจนํ อภิกฺกนฺตํ โทสนาสนโต, อภิกฺกนฺตํ คุณาธิคมนโต, ตถา สทฺธาวฑฺฒนโต, ปญฺญาชนนโต, สาตฺถโต , สพฺยญฺชนโต, อุตฺตานปทโต, คมฺภีรตฺถโต, กณฺณสุขโต, หทยงฺคมโต, อนตฺตุกฺกํสนโต, อปรวมฺภนโต, กรุณาสีตลโต, ปญฺญาวทาตโต, อาปาถรมณียโต, วิมทฺทกฺขมโต, สุยฺยมานสุขโต, วีมํสิยมานหิตโตติ เอวมาทินเยหิ โถเมโนฺต ปททฺวยํ อาหฯ

    Ayañhettha adhippāyo – abhikkantaṃ, bhante, yadidaṃ bhagavato dhammadesanā, abhikkantaṃ, bhante, yadidaṃ bhagavato dhammadesanaṃ āgamma mama pasādoti. Bhagavato eva vā vacanaṃ abhikkantaṃ dosanāsanato, abhikkantaṃ guṇādhigamanato, tathā saddhāvaḍḍhanato, paññājananato, sātthato , sabyañjanato, uttānapadato, gambhīratthato, kaṇṇasukhato, hadayaṅgamato, anattukkaṃsanato, aparavambhanato, karuṇāsītalato, paññāvadātato, āpātharamaṇīyato, vimaddakkhamato, suyyamānasukhato, vīmaṃsiyamānahitatoti evamādinayehi thomento padadvayaṃ āha.

    ตโต ปรมฺปิ จตูหิ อุปมาหิ เทสนํเยว โถเมติฯ ตตฺถ นิกฺกุชฺชิตนฺติ อโธมุขฎฺฐปิตํ, เหฎฺฐามุขชาตํ วาฯ อุกฺกุเชฺชยฺยาติ อุปริ มุขํ กเรยฺยฯ ปฎิจฺฉนฺนนฺติ ติณปณฺณาทินา ฉาทิตํฯ วิวเรยฺยาติ อุคฺฆาเฎยฺยฯ มูฬฺหสฺสาติ ทิสามูฬฺหสฺสฯ มคฺคํ อาจิเกฺขยฺยาติ หเตฺถ คเหตฺวา ‘‘เอส มโคฺค’’ติ มคฺคํ อุปทิเสยฺยฯ อนฺธกาเรติ จตุรงฺคสมนฺนาคเตฯ อยํ ตาว ปทโตฺถฯ

    Tato parampi catūhi upamāhi desanaṃyeva thometi. Tattha nikkujjitanti adhomukhaṭṭhapitaṃ, heṭṭhāmukhajātaṃ vā. Ukkujjeyyāti upari mukhaṃ kareyya. Paṭicchannanti tiṇapaṇṇādinā chāditaṃ. Vivareyyāti ugghāṭeyya. Mūḷhassāti disāmūḷhassa. Maggaṃ ācikkheyyāti hatthe gahetvā ‘‘esa maggo’’ti maggaṃ upadiseyya. Andhakāreti caturaṅgasamannāgate. Ayaṃ tāva padattho.

    อยํ ปน อธิปฺปายโยชนา – ยถา โกจิ นิกฺกุชฺชิตํ อุกฺกุเชฺชยฺย, เอวํ สทฺธมฺมวิมุขํ อสทฺธเมฺม ปติฎฺฐิตํ มํ อสทฺธมฺมา วุฎฺฐาเปเนฺตน, ยถา ปฎิจฺฉนฺนํ วิวเรยฺย, เอวํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานโต ปฎฺฐาย มิจฺฉาทิฎฺฐิคหนปฎิจฺฉนฺนํ สาสนํ วิวรเนฺตน, ยถา มูฬฺหสฺส มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, เอวํ กุมฺมคฺคมิจฺฉามคฺคปฺปฎิปนฺนสฺส เม สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาวิกโรเนฺตน, ยถา อนฺธกาเร เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย, เอวํ โมหนฺธกาเร นิมุคฺคสฺส เม พุทฺธาทิรตนรูปานิ อปสฺสโต ตปฺปฎิจฺฉาทกโมหนฺธการวิทฺธํสนเทสนาปโชฺชตธารเณน ภควตา นานานเยหิ ปกาสิตตฺตา อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ

    Ayaṃ pana adhippāyayojanā – yathā koci nikkujjitaṃ ukkujjeyya, evaṃ saddhammavimukhaṃ asaddhamme patiṭṭhitaṃ maṃ asaddhammā vuṭṭhāpentena, yathā paṭicchannaṃ vivareyya, evaṃ kassapassa bhagavato sāsanantaradhānato paṭṭhāya micchādiṭṭhigahanapaṭicchannaṃ sāsanaṃ vivarantena, yathā mūḷhassa maggaṃ ācikkheyya, evaṃ kummaggamicchāmaggappaṭipannassa me saggamokkhamaggaṃ āvikarontena, yathā andhakāre telapajjotaṃ dhāreyya, evaṃ mohandhakāre nimuggassa me buddhādiratanarūpāni apassato tappaṭicchādakamohandhakāraviddhaṃsanadesanāpajjotadhāraṇena bhagavatā nānānayehi pakāsitattā anekapariyāyena dhammo pakāsito.

    เอวํ เทสนํ โถเมตฺวา ตาย เทสนาย รตนตฺตเย ปสนฺนจิโตฺต ปสนฺนาการํ กโรโนฺต ‘‘เอสาห’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ เอสาหนฺติ เอโส อหํฯ ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามีติ ภควา เม สรณํ ปรายณํ อฆสฺส ฆาตา, หิตสฺส วิธาตาติ อิมินา อธิปฺปาเยน ภควนฺตํ คจฺฉามิ ภชามิ, เอวํ วา ชานามิ พุชฺฌามีติฯ เยสญฺหิ ธาตูนํ คติอโตฺถ, พุทฺธิปิ เตสํ อโตฺถติฯ ธมฺมนฺติ อธิคตมเคฺค สจฺฉิกตนิโรเธ ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชมาเน จตูสุ อปาเยสุ อปตมาเน ธาเรตีติ ธโมฺมฯ โส อตฺถโต อริยมโคฺค เจว นิพฺพานญฺจฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Evaṃ desanaṃ thometvā tāya desanāya ratanattaye pasannacitto pasannākāraṃ karonto ‘‘esāha’’ntiādimāha. Tattha esāhanti eso ahaṃ. Bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāmīti bhagavā me saraṇaṃ parāyaṇaṃ aghassa ghātā, hitassa vidhātāti iminā adhippāyena bhagavantaṃ gacchāmi bhajāmi, evaṃ vā jānāmi bujjhāmīti. Yesañhi dhātūnaṃ gatiattho, buddhipi tesaṃ atthoti. Dhammanti adhigatamagge sacchikatanirodhe yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjamāne catūsu apāyesu apatamāne dhāretīti dhammo. So atthato ariyamaggo ceva nibbānañca. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา, อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐)ฯ

    ‘‘Yāvatā, bhikkhave, dhammā saṅkhatā, ariyo aṭṭhaṅgiko maggo tesaṃ aggamakkhāyatī’’ti (a. ni. 4.34; itivu. 90).

    ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐) จ –

    ‘‘Yāvatā, bhikkhave, dhammā saṅkhatā vā asaṅkhatā vā, virāgo tesaṃ aggamakkhāyatī’’ti (itivu. 90) ca –

    น เกวลํ อริยมโคฺค เจว นิพฺพานญฺจ, อปิจ โข อริยผเลหิ สทฺธิํ ปริยตฺติธโมฺมปิฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Na kevalaṃ ariyamaggo ceva nibbānañca, apica kho ariyaphalehi saddhiṃ pariyattidhammopi. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘ราควิราคมเนชมโสกํ, ธมฺมมสงฺขตมปฺปฎิกูลํ;

    ‘‘Rāgavirāgamanejamasokaṃ, dhammamasaṅkhatamappaṭikūlaṃ;

    มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตํ, ธมฺมมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติฯ (วิ. ว. ๘๘๗);

    Madhuramimaṃ paguṇaṃ suvibhattaṃ, dhammamimaṃ saraṇatthamupehī’’ti. (vi. va. 887);

    เอตฺถ หิ ราควิราคนฺติ มโคฺค วุโตฺตฯ อเนชมโสกนฺติ ผลํฯ อสงฺขตนฺติ นิพฺพานํฯ อปฺปฎิกูลํ มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตนฺติ ปริยตฺติธโมฺม วุโตฺตติฯ

    Ettha hi rāgavirāganti maggo vutto. Anejamasokanti phalaṃ. Asaṅkhatanti nibbānaṃ. Appaṭikūlaṃ madhuramimaṃ paguṇaṃ suvibhattanti pariyattidhammo vuttoti.

    ภิกฺขุสงฺฆนฺติ ทิฎฺฐิสีลสามเญฺญน สํหตํ อฎฺฐอริยปุคฺคลสมูหํฯ เอตฺตาวตา สุปฺปพุโทฺธ ตีณิ สรณคมนานิ ปฎิเวเทสิฯ อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คตนฺติ อชฺชตเคฺคติ อชฺชตํ อาทิํ กตฺวาฯ ‘‘อชฺชทเคฺค’’ติปิ ปาโฐ, ตตฺถ ทกาโร ปทสนฺธิกโร, อชฺช อเคฺค อชฺช อาทิํ กตฺวาติ อโตฺถฯ ปาณุเปตนฺติ ปาเณหิ อุเปตํ, ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว อุเปตํ อนญฺญสตฺถุกํ ตีหิ สรณคมเนหิ สรณํ คตํ รตนตฺตยสฺส อุปาสนโต อุปาสกํ กปฺปิยการกํ มํ ภควา อุปธาเรตุ ชานาตูติ อโตฺถฯ อิมสฺส จ สรณคมนํ อริยมคฺคาธิคเมเนว นิปฺผนฺนํ, อชฺฌาสยํ ปน อาวิกโรโนฺต เอวมาหฯ

    Bhikkhusaṅghanti diṭṭhisīlasāmaññena saṃhataṃ aṭṭhaariyapuggalasamūhaṃ. Ettāvatā suppabuddho tīṇi saraṇagamanāni paṭivedesi. Upāsakaṃ maṃ bhagavā dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gatanti ajjataggeti ajjataṃ ādiṃ katvā. ‘‘Ajjadagge’’tipi pāṭho, tattha dakāro padasandhikaro, ajja agge ajja ādiṃ katvāti attho. Pāṇupetanti pāṇehi upetaṃ, yāva me jīvitaṃ pavattati, tāva upetaṃ anaññasatthukaṃ tīhi saraṇagamanehi saraṇaṃ gataṃ ratanattayassa upāsanato upāsakaṃ kappiyakārakaṃ maṃ bhagavā upadhāretu jānātūti attho. Imassa ca saraṇagamanaṃ ariyamaggādhigameneva nipphannaṃ, ajjhāsayaṃ pana āvikaronto evamāha.

    ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวาติ ภควโต วจนํ จิเตฺตน อภินนฺทิตฺวา ตเมว อภินนฺทิตภาวํ ปกาเสโนฺต วุตฺตนเยน วาจาย อนุโมทิตฺวาฯ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามีติ ตํ ภควนฺตํ ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา สตฺถุ คุณนินฺนจิโตฺต ยาว ทสฺสนวิสยสมติกฺกมา ภควนฺตํเยว เปกฺขมาโน ปญฺชลิโก นมสฺสมาโน ปกฺกามิฯ

    Bhagavatobhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvāti bhagavato vacanaṃ cittena abhinanditvā tameva abhinanditabhāvaṃ pakāsento vuttanayena vācāya anumoditvā. Abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmīti taṃ bhagavantaṃ pañcapatiṭṭhitena vanditvā tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvā satthu guṇaninnacitto yāva dassanavisayasamatikkamā bhagavantaṃyeva pekkhamāno pañjaliko namassamāno pakkāmi.

    ปกฺกโนฺต จ กุฎฺฐโรคาภิภเวน ฉินฺนหตฺถปาทงฺคุลิ อุกฺการคโตฺต สมนฺตโต วิสฺสนฺทมานาสโว กณฺฑูติปติปีฬิโต อสุจิ ทุคฺคโนฺธ เชคุจฺฉตโม ปรมการุญฺญตํ ปโตฺต ‘‘นายํ กาโย อิมสฺส อจฺจนฺตสนฺตสฺส ปณีตตมสฺส อริยธมฺมสฺส อาธาโร ภวิตุํ ยุโตฺต’’ติ อุปฺปนฺนาภิสนฺธินา วิย สคฺคสํวตฺตนิเยน ปุญฺญกเมฺมน โอกาเส กเต อปฺปายุกสํวตฺตนิเยน อุปเจฺฉทเกน ปาปกเมฺมน กตูปจิเตน โจทิยมาโน ตรุณวจฺฉาย เธนุยา อาปติตฺวา มาริโตฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อจิรปกฺกนฺตํ สุปฺปพุทฺธํ กุฎฺฐิํ คาวี ตรุณวจฺฉา อธิปติตฺวา ชีวิตา โวโรเปสี’’ติฯ

    Pakkanto ca kuṭṭharogābhibhavena chinnahatthapādaṅguli ukkāragatto samantato vissandamānāsavo kaṇḍūtipatipīḷito asuci duggandho jegucchatamo paramakāruññataṃ patto ‘‘nāyaṃ kāyo imassa accantasantassa paṇītatamassa ariyadhammassa ādhāro bhavituṃ yutto’’ti uppannābhisandhinā viya saggasaṃvattaniyena puññakammena okāse kate appāyukasaṃvattaniyena upacchedakena pāpakammena katūpacitena codiyamāno taruṇavacchāya dhenuyā āpatitvā mārito. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho acirapakkantaṃ suppabuddhaṃ kuṭṭhiṃ gāvī taruṇavacchā adhipatitvā jīvitā voropesī’’ti.

    โส กิร อตีเต เอโก เสฎฺฐิปุโตฺต หุตฺวา อตฺตโน สหาเยหิ ตีหิ เสฎฺฐิปุเตฺตหิ สทฺธิํ กีฬโนฺต เอกํ นครโสภินิํ คณิกํ อุยฺยานํ เนตฺวา ทิวสํ สมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวา อตฺถงฺคเต สูริเย สหาเย เอตทโวจ – ‘‘อิมิสฺสา หเตฺถ กหาปณสหสฺสํ พหุกญฺจ สุวณฺณํ มหคฺฆานิ จ ปสาธนานิ สํวิชฺชนฺติ, อิมสฺมิํ วเน อโญฺญ โกจิ นตฺถิ, รตฺติ จ ชาตา, หนฺท อิมํ มยํ มาเรตฺวา สพฺพํ ธนํ คเหตฺวา คจฺฉามา’’ติฯ เต จตฺตาโรปิ ชนา เอกชฺฌาสยา หุตฺวา ตํ มาเรตุํ อุปกฺกมิํสุฯ สา เตหิ มาริยมานา ‘‘อิเม นิลฺลชฺชา นิกฺกรุณา มยา สทฺธิํ กิเลสสนฺถวํ กตฺวา นิรปราธํ มํ เกวลํ ธนโลเภน มาเรนฺติ, เอกวารํ ตาว มํ อิเม มาเรนฺตุ, อหํ ปน ยกฺขินี หุตฺวา อเนกวารํ อิเม มาเรตุํ สมตฺถา ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา กาลมกาสิฯ เตสุ กิร เอโก ปกฺกุสาติ กุลปุโตฺต อโหสิ, เอโก พาหิโย ทารุจีริโย, เอโก ตมฺพทาฐิโก โจรฆาตโก, เอโก สุปฺปพุโทฺธ กุฎฺฐี, อิติ อิเมสํ จตุนฺนํ ชนานํ อเนกสเต อตฺตภาเว สา ยกฺขโยนิยํ นิพฺพตฺตา คาวี หุตฺวา ชีวิตา โวโรเปสิฯ เต ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสเนฺทน ตตฺถ ตตฺถ อนฺตรามรณํ ปาปุณิํสุฯ เอวํ สุปฺปพุทฺธสฺส กุฎฺฐิสฺส สหสา มรณํ ชาตํ, เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อจิรปกฺกนฺตํ…เป.… โวโรเปสี’’ติฯ

    So kira atīte eko seṭṭhiputto hutvā attano sahāyehi tīhi seṭṭhiputtehi saddhiṃ kīḷanto ekaṃ nagarasobhiniṃ gaṇikaṃ uyyānaṃ netvā divasaṃ sampattiṃ anubhavitvā atthaṅgate sūriye sahāye etadavoca – ‘‘imissā hatthe kahāpaṇasahassaṃ bahukañca suvaṇṇaṃ mahagghāni ca pasādhanāni saṃvijjanti, imasmiṃ vane añño koci natthi, ratti ca jātā, handa imaṃ mayaṃ māretvā sabbaṃ dhanaṃ gahetvā gacchāmā’’ti. Te cattāropi janā ekajjhāsayā hutvā taṃ māretuṃ upakkamiṃsu. Sā tehi māriyamānā ‘‘ime nillajjā nikkaruṇā mayā saddhiṃ kilesasanthavaṃ katvā niraparādhaṃ maṃ kevalaṃ dhanalobhena mārenti, ekavāraṃ tāva maṃ ime mārentu, ahaṃ pana yakkhinī hutvā anekavāraṃ ime māretuṃ samatthā bhaveyya’’nti patthanaṃ katvā kālamakāsi. Tesu kira eko pakkusāti kulaputto ahosi, eko bāhiyo dārucīriyo, eko tambadāṭhiko coraghātako, eko suppabuddho kuṭṭhī, iti imesaṃ catunnaṃ janānaṃ anekasate attabhāve sā yakkhayoniyaṃ nibbattā gāvī hutvā jīvitā voropesi. Te tassa kammassa nissandena tattha tattha antarāmaraṇaṃ pāpuṇiṃsu. Evaṃ suppabuddhassa kuṭṭhissa sahasā maraṇaṃ jātaṃ, tena vuttaṃ – ‘‘atha kho acirapakkantaṃ…pe… voropesī’’ti.

    อถ สมฺพหุลา ภิกฺขู ตสฺส กาลกิริยํ ภควโต อาโรเจตฺวา อภิสมฺปรายํ ปุจฺฉิํสุฯ ภควา พฺยากาสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู’’ติอาทิฯ

    Atha sambahulā bhikkhū tassa kālakiriyaṃ bhagavato ārocetvā abhisamparāyaṃ pucchiṃsu. Bhagavā byākāsi. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho sambahulā bhikkhū’’tiādi.

    ตตฺถ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยาติ สกฺกายทิฎฺฐิ วิจิกิจฺฉา สีลพฺพตปรามาโสติ อิเมสํ ติณฺณํ ภวพนฺธนานํ สมุเจฺฉทวเสน ปหานาฯ โสตาปโนฺนติ โสตสงฺขาตํ อริยมคฺคํ อาทิโต ปโนฺนฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Tattha tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayāti sakkāyadiṭṭhi vicikicchā sīlabbataparāmāsoti imesaṃ tiṇṇaṃ bhavabandhanānaṃ samucchedavasena pahānā. Sotāpannoti sotasaṅkhātaṃ ariyamaggaṃ ādito panno. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘โสโต โสโตติ อิทํ, อาวุโส สาริปุตฺต, วุจฺจติฯ กตโม นุ โข, อาวุโส, โสโตติ? อยเมว อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๐๐๑)ฯ

    ‘‘Soto sototi idaṃ, āvuso sāriputta, vuccati. Katamo nu kho, āvuso, sototi? Ayameva ariyo aṭṭhaṅgiko maggo’’tiādi (saṃ. ni. 5.1001).

    อวินิปาตธโมฺมติ วินิปตนํ วินิปาโต, นาสฺส วินิปาโต ธโมฺมติ อวินิปาตธโมฺม, จตูสุ อปาเยสุ อุปปชฺชนวเสน อปตนสภาโวติ อโตฺถฯ นิยโตติ ธมฺมนิยาเมน สมฺมตฺตนิยาเมน นิยโตฯ สโมฺพธิปรายโณติ อุปริมคฺคตฺตยสงฺขาตา สโมฺพธิ ปรํ อยนํ อสฺส คติ ปฎิสรณํ อวสฺสํ ปตฺตพฺพนฺติ สโมฺพธิปรายโณฯ เอเตน ‘‘ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ ปุจฺฉาย ภทฺทิกา เอว สุปฺปพุทฺธสฺส คติ, น ปาปิกาติ อยมโตฺถ ทสฺสิโตฯ น ปน เตน สมฺปตฺตา คติ, ตํ ปน ปุจฺฉานุสนฺธิวเสน ปกาเสตุกาโม ธมฺมราชา เอตฺตกเมว อภาสิฯ ปสฺสติ หิ ภควา ‘‘มยา เอตฺตเก กถิเต อิมิสฺสํเยว ปริสติ อนุสนฺธิกุสโล เอโก ภิกฺขุ สุปฺปพุทฺธสฺส กุฎฺฐิภาวทาลิทฺทิยกปณภาวานํ การณํ ปุจฺฉิสฺสติ, อถาหํ ตสฺส ตํ การณํ เตน ปุจฺฉานุสนฺธินา ปกาเสตฺวา เทสนํ นิฎฺฐาเปสฺสามี’’ติฯ เตเนวาห – ‘‘เอวํ วุเตฺต อญฺญตโร ภิกฺขู’’ติอาทิฯ ตตฺถ เหตูติ อสาธารณการณํ, สาธารณการณํ ปน ปจฺจโยติ, อยเมเตสํ วิเสโสฯ เยนาติ เยน เหตุนา เยน ปจฺจเยน จฯ

    Avinipātadhammoti vinipatanaṃ vinipāto, nāssa vinipāto dhammoti avinipātadhammo, catūsu apāyesu upapajjanavasena apatanasabhāvoti attho. Niyatoti dhammaniyāmena sammattaniyāmena niyato. Sambodhiparāyaṇoti uparimaggattayasaṅkhātā sambodhi paraṃ ayanaṃ assa gati paṭisaraṇaṃ avassaṃ pattabbanti sambodhiparāyaṇo. Etena ‘‘tassa kā gati, ko abhisamparāyo’’ti pucchāya bhaddikā eva suppabuddhassa gati, na pāpikāti ayamattho dassito. Na pana tena sampattā gati, taṃ pana pucchānusandhivasena pakāsetukāmo dhammarājā ettakameva abhāsi. Passati hi bhagavā ‘‘mayā ettake kathite imissaṃyeva parisati anusandhikusalo eko bhikkhu suppabuddhassa kuṭṭhibhāvadāliddiyakapaṇabhāvānaṃ kāraṇaṃ pucchissati, athāhaṃ tassa taṃ kāraṇaṃ tena pucchānusandhinā pakāsetvā desanaṃ niṭṭhāpessāmī’’ti. Tenevāha – ‘‘evaṃ vutte aññataro bhikkhū’’tiādi. Tattha hetūti asādhāraṇakāraṇaṃ, sādhāraṇakāraṇaṃ pana paccayoti, ayametesaṃ viseso. Yenāti yena hetunā yena paccayena ca.

    ภูตปุพฺพนฺติ ชาตปุพฺพํฯ อตีเต กาเล นิพฺพตฺตํ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สุปฺปพุโทฺธ’’ติอาทิ วุตฺตํฯ กทา ปน ภูตนฺติ? อตีเต กิร อนุปฺปเนฺน ตถาคเต พาราณสิยา สามนฺตา เอกสฺมิํ คาเม เอกา กุลธีตา เขตฺตํ รกฺขติฯ สา เอกํ ปเจฺจกพุทฺธํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา ตสฺส ปญฺจหิ ลาชาสเตหิ สทฺธิํ เอกํ ปทุมปุปฺผํ ทตฺวา ปญฺจ ปุตฺตสตานิ ปเตฺถสิฯ ตสฺมิํเยว ขเณ ปญฺจสตา มิคลุทฺทกา ปเจฺจกพุทฺธสฺส มธุรมํสํ ทตฺวา ‘‘เอติสฺสา ปุตฺตา ภเวยฺยาม, ตุเมฺหหิ ปตฺตวิเสสํ ลเภยฺยามา’’ติ จ ปตฺถยิํสุฯ สา ยาวตายุกํ ฐตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตาฯ ตโต จุตา เอกสฺมิํ ชาตสฺสเร ปทุมคเพฺภ นิพฺพตฺติฯ ตเมโก ตาปโส ทิสฺวา ปฎิชคฺคิฯ ตสฺสา วิจรนฺติยา ปาทุทฺธาเร ปาทุทฺธาเร ภูมิโต ปทุมานิ อุฎฺฐหนฺติฯ เอโก วนจรโก ทิสฺวา พาราณสิรโญฺญ อาโรเจสิฯ ราชา ตํ อาเนตฺวา อคฺคมเหสิํ อกาสิฯ ตสฺสา กุจฺฉิยํ คโพฺภ สณฺฐาสิฯ มหาปทุมกุมาโร ตสฺสา กุจฺฉิยํ วสิ, เสสา คพฺภมลํ นิสฺสาย นิพฺพตฺตา, เต วยปฺปตฺตา อุยฺยาเน ปทุมสเร กีฬนฺตา เอเกกสฺมิํ ปทุเม นิสีทิตฺวา ปริปกฺกญาณา สงฺขาเรสุ ขยวยํ ปฎฺฐเปตฺวา ปเจฺจกโพธิํ ปาปุณิํสุฯ เตสํ พฺยากรณคาถา อโหสิ –

    Bhūtapubbanti jātapubbaṃ. Atīte kāle nibbattaṃ taṃ dassetuṃ ‘‘suppabuddho’’tiādi vuttaṃ. Kadā pana bhūtanti? Atīte kira anuppanne tathāgate bārāṇasiyā sāmantā ekasmiṃ gāme ekā kuladhītā khettaṃ rakkhati. Sā ekaṃ paccekabuddhaṃ disvā pasannacittā tassa pañcahi lājāsatehi saddhiṃ ekaṃ padumapupphaṃ datvā pañca puttasatāni patthesi. Tasmiṃyeva khaṇe pañcasatā migaluddakā paccekabuddhassa madhuramaṃsaṃ datvā ‘‘etissā puttā bhaveyyāma, tumhehi pattavisesaṃ labheyyāmā’’ti ca patthayiṃsu. Sā yāvatāyukaṃ ṭhatvā devaloke nibbattā. Tato cutā ekasmiṃ jātassare padumagabbhe nibbatti. Tameko tāpaso disvā paṭijaggi. Tassā vicarantiyā pāduddhāre pāduddhāre bhūmito padumāni uṭṭhahanti. Eko vanacarako disvā bārāṇasirañño ārocesi. Rājā taṃ ānetvā aggamahesiṃ akāsi. Tassā kucchiyaṃ gabbho saṇṭhāsi. Mahāpadumakumāro tassā kucchiyaṃ vasi, sesā gabbhamalaṃ nissāya nibbattā, te vayappattā uyyāne padumasare kīḷantā ekekasmiṃ padume nisīditvā paripakkañāṇā saṅkhāresu khayavayaṃ paṭṭhapetvā paccekabodhiṃ pāpuṇiṃsu. Tesaṃ byākaraṇagāthā ahosi –

    ‘‘สโรรุหํ ปทุมปลาสปตฺรชํ,

    ‘‘Saroruhaṃ padumapalāsapatrajaṃ,

    สุปุปฺผิตํ ภมรคณานุกิณฺณํ;

    Supupphitaṃ bhamaragaṇānukiṇṇaṃ;

    อนิจฺจตํ ขยวยตํ วิทิตฺวา,

    Aniccataṃ khayavayataṃ viditvā,

    เอโก จเร ขคฺควิสาณกโปฺป’’ติฯ

    Eko care khaggavisāṇakappo’’ti.

    เอวํ ปเจฺจกโพธิํ อภิสมฺพุเทฺธสุ เตสุ ปญฺจสุ ปเจฺจกพุทฺธสเตสุ อพฺภนฺตโร ตครสิขี นาม ปเจฺจกสมฺพุโทฺธ คนฺธมาทนปพฺพเต นนฺทมูลปพฺภาเร สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา สตฺตาหสฺส อจฺจเยน นิโรธา วุฎฺฐิโต อากาเสน อาคนฺตฺวา อิสิคิลิปพฺพเต โอตริตฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ ตสฺมิญฺจ สมเย ราชคเห เอโก เสฎฺฐิปุโตฺต มหตา ปริวาเรน อุยฺยานกีฬนตฺถํ นครโต นิกฺขมโนฺต ตครสิขิปเจฺจกพุทฺธํ ทิสฺวา ‘‘โก อยํ ภณฺฑุกาสาววสโน, กุฎฺฐี ภวิสฺสติ, ตถา หิ กุฎฺฐิจีวเรน สรีรํ ปารุปิตฺวา คจฺฉตี’’ติ นิฎฺฐุภิตฺวา อปสพฺยํ กตฺวา ปกฺกามิฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘สุปฺปพุโทฺธ กุฎฺฐี อิมสฺมิํเยว ราชคเห…เป.… ปกฺกามี’’ติฯ

    Evaṃ paccekabodhiṃ abhisambuddhesu tesu pañcasu paccekabuddhasatesu abbhantaro tagarasikhī nāma paccekasambuddho gandhamādanapabbate nandamūlapabbhāre sattāhaṃ nirodhasamāpattiṃ samāpajjitvā sattāhassa accayena nirodhā vuṭṭhito ākāsena āgantvā isigilipabbate otaritvā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya rājagahaṃ piṇḍāya pāvisi. Tasmiñca samaye rājagahe eko seṭṭhiputto mahatā parivārena uyyānakīḷanatthaṃ nagarato nikkhamanto tagarasikhipaccekabuddhaṃ disvā ‘‘ko ayaṃ bhaṇḍukāsāvavasano, kuṭṭhī bhavissati, tathā hi kuṭṭhicīvarena sarīraṃ pārupitvā gacchatī’’ti niṭṭhubhitvā apasabyaṃ katvā pakkāmi. Taṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘suppabuddho kuṭṭhī imasmiṃyeva rājagahe…pe… pakkāmī’’ti.

    ตตฺถ กฺวายนฺติ โก อยํฯ ขุํสนวเสน วทติฯ ‘‘โกวาย’’นฺติปิ ปาฬิฯ กุฎฺฐีติ อกุฎฺฐิํเยว ตํ เสฎฺฐิ กุฎฺฐโรคํ อโกฺกสวตฺถุํ ปาเปโนฺต วทติฯ กุฎฺฐิจีวเรนาติ กุฎฺฐีนํ จีวเรนฯ เยภุเยฺยน หิ กุฎฺฐิโน ฑํสมกสสรีสปปฎิพาหนตฺถํ โรคปฎิจฺฉาทนตฺถญฺจ ยํ วา ตํ วา ปิโลติกขณฺฑํ คเหตฺวา ปารุปติ, เอวมยมฺปีติ ทเสฺสติฯ ปํสุกูลจีวรธรตฺตา วา อคฺคฬานํ อเนกวณฺณภาเวน กุฎฺฐสรีรสทิโสติ หีเฬโนฺต ‘‘กุฎฺฐิจีวเรนา’’ติ อาหฯ นิฎฺฐุภิตฺวาติ เขฬํ ปาเตตฺวาฯ อปสพฺยโต กริตฺวาติ ปณฺฑิตา ตาทิสํ ปเจฺจกพุทฺธํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กโรนฺติ, อยํ ปน อวิญฺญุตาย ปริภเวน ตํ อปสพฺยํ กตฺวา อตฺตโน อปสพฺยํ อปทกฺขิณํ กตฺวา คโตฯ ‘‘อปสพฺยามโต’’ติปิ ปาโฐฯ ตสฺส กมฺมสฺสาติ ตครสิขิมฺหิ ปเจฺจกพุเทฺธ ‘‘กฺวายํ กุฎฺฐี’’ติ หีเฬตฺวา นิฎฺฐุภนอปสพฺยกรณวเสน ปวตฺตปาปกมฺมสฺสฯ นิรเย ปจฺจิตฺถาติ นิรเย นิรยคฺคินา ทยฺหิตฺถฯ ‘‘ปจฺจิตฺวา นิรยคฺคินา’’ติปิ ปฐนฺติฯ ตเสฺสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสนาติ เยน กเมฺมน โส นิรเย ปฎิสนฺธิํ คณฺหิ, น ตํ กมฺมํ มนุสฺสโลเก วิปากํ เทติฯ ยา ปนสฺส นานกฺขณิกา เจตนา ตทา ปเจฺจกพุเทฺธ วิปฺปฎิปชฺชนวเสน ปวตฺตา อปราปริยเวทนียภูตา, สา อปราปริยเวทนีเยเนว ปุญฺญกเมฺมน มนุเสฺสสุ ติเหตุกปฎิสนฺธิยา ทินฺนาย ปวตฺติยํ กุฎฺฐิภาวํ ทาลิทฺทิยํ ปรมการุญฺญตํ อาปาเทสิฯ ตํ สนฺธาย กมฺมสภาคตาวเสน ‘‘ตเสฺสว กมฺมสฺส วิปากวเสเสนา’’ติ วุตฺตํฯ สทิเสปิ หิ โลเก ตโพฺพหาโร ทิโฎฺฐ ยถา ตํ ‘‘สา เอว ติตฺติรี, ตานิเยว โอสธานี’’ติฯ

    Tattha kvāyanti ko ayaṃ. Khuṃsanavasena vadati. ‘‘Kovāya’’ntipi pāḷi. Kuṭṭhīti akuṭṭhiṃyeva taṃ seṭṭhi kuṭṭharogaṃ akkosavatthuṃ pāpento vadati. Kuṭṭhicīvarenāti kuṭṭhīnaṃ cīvarena. Yebhuyyena hi kuṭṭhino ḍaṃsamakasasarīsapapaṭibāhanatthaṃ rogapaṭicchādanatthañca yaṃ vā taṃ vā pilotikakhaṇḍaṃ gahetvā pārupati, evamayampīti dasseti. Paṃsukūlacīvaradharattā vā aggaḷānaṃ anekavaṇṇabhāvena kuṭṭhasarīrasadisoti hīḷento ‘‘kuṭṭhicīvarenā’’ti āha. Niṭṭhubhitvāti kheḷaṃ pātetvā. Apasabyato karitvāti paṇḍitā tādisaṃ paccekabuddhaṃ disvā vanditvā padakkhiṇaṃ karonti, ayaṃ pana aviññutāya paribhavena taṃ apasabyaṃ katvā attano apasabyaṃ apadakkhiṇaṃ katvā gato. ‘‘Apasabyāmato’’tipi pāṭho. Tassa kammassāti tagarasikhimhi paccekabuddhe ‘‘kvāyaṃ kuṭṭhī’’ti hīḷetvā niṭṭhubhanaapasabyakaraṇavasena pavattapāpakammassa. Niraye paccitthāti niraye nirayagginā dayhittha. ‘‘Paccitvā nirayagginā’’tipi paṭhanti. Tasseva kammassa vipākāvasesenāti yena kammena so niraye paṭisandhiṃ gaṇhi, na taṃ kammaṃ manussaloke vipākaṃ deti. Yā panassa nānakkhaṇikā cetanā tadā paccekabuddhe vippaṭipajjanavasena pavattā aparāpariyavedanīyabhūtā, sā aparāpariyavedanīyeneva puññakammena manussesu tihetukapaṭisandhiyā dinnāya pavattiyaṃ kuṭṭhibhāvaṃ dāliddiyaṃ paramakāruññataṃ āpādesi. Taṃ sandhāya kammasabhāgatāvasena ‘‘tasseva kammassa vipākavasesenā’’ti vuttaṃ. Sadisepi hi loke tabbohāro diṭṭho yathā taṃ ‘‘sā eva tittirī, tāniyeva osadhānī’’ti.

    เอตฺตาวตา ‘‘โก นุ โข, ภเนฺต, เหตู’’ติ เตน ภิกฺขุนา ปุฎฺฐปญฺหํ วิสฺสเชฺชตฺวา อิทานิ โย ‘‘ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ ปุเพฺพ ภิกฺขูหิ ปุฎฺฐปโญฺห, ตํ วิสฺสเชฺชตุํ ‘‘โส ตถาคตปฺปเวทิต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตถาคตปฺปเวทิตนฺติ ตถาคเตน ภควตา เทสิตํ อกฺขาตํ ปกาสิตนฺติ ตถาคตปฺปเวทิตํฯ อาคมฺมาติ อธิคนฺตฺวา, นิสฺสาย ญตฺวา วาฯ ‘‘ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย’’ติปิ ปาโฐฯ สทฺธํ สมาทิยีติ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธโมฺม, สุปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆติ รตนตฺตยสนฺนิสฺสยํ ปุพฺพภาคสทฺธเญฺจว โลกุตฺตรสทฺธญฺจาติ ทุวิธมฺปิ สทฺธํ สมฺมา อาทิยิฯ ยถา น ปุน อาทาตพฺพา โหติ, เอวํ ยาว ภวกฺขยา คณฺหิ, อตฺตโน จิตฺตสนฺตาเน อุปฺปาเทสีติ อโตฺถฯ สีลํ สมาทิยีติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ สีลนฺติ ปุพฺพภาคสีเลน สทฺธิํ มคฺคสีลํ ผลสีลญฺจ ฯ สุตนฺติ ปริยตฺติพาหุสจฺจํ ปฎิเวธพาหุสจฺจญฺจาติ ทุวิธมฺปิ สุตํฯ ปริยตฺติธมฺมาปิ หิ เตน ธมฺมสฺสวนกาเล สจฺจปฺปฎิเวธาย สาวเกหิ ยถาลทฺธปฺปการํ สุตา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฎฺฐิยา สุปฺปฎิวิทฺธา จาติฯ จาคนฺติ ปฐมมคฺควชฺฌกิเลสาภิสงฺขารานํ โวสฺสคฺคสงฺขาตํ จาคํ, เยน อริยสาวกา เทยฺยธเมฺมสุ มุตฺตจาคา จ โหนฺติ ปยตปาณี โวสฺสคฺครตาฯ ปญฺญนฺติ สทฺธิํ วิปสฺสนาปญฺญาย มคฺคปญฺญเญฺจว ผลปญฺญญฺจฯ

    Ettāvatā ‘‘ko nu kho, bhante, hetū’’ti tena bhikkhunā puṭṭhapañhaṃ vissajjetvā idāni yo ‘‘tassa kā gati, ko abhisamparāyo’’ti pubbe bhikkhūhi puṭṭhapañho, taṃ vissajjetuṃ ‘‘so tathāgatappavedita’’ntiādi vuttaṃ. Tattha tathāgatappaveditanti tathāgatena bhagavatā desitaṃ akkhātaṃ pakāsitanti tathāgatappaveditaṃ. Āgammāti adhigantvā, nissāya ñatvā vā. ‘‘Tathāgatappavedite dhammavinaye’’tipi pāṭho. Saddhaṃ samādiyīti sammāsambuddho bhagavā, svākkhāto bhagavatā dhammo, suppaṭipanno bhagavato sāvakasaṅghoti ratanattayasannissayaṃ pubbabhāgasaddhañceva lokuttarasaddhañcāti duvidhampi saddhaṃ sammā ādiyi. Yathā na puna ādātabbā hoti, evaṃ yāva bhavakkhayā gaṇhi, attano cittasantāne uppādesīti attho. Sīlaṃ samādiyītiādīsupi eseva nayo. Sīlanti pubbabhāgasīlena saddhiṃ maggasīlaṃ phalasīlañca . Sutanti pariyattibāhusaccaṃ paṭivedhabāhusaccañcāti duvidhampi sutaṃ. Pariyattidhammāpi hi tena dhammassavanakāle saccappaṭivedhāya sāvakehi yathāladdhappakāraṃ sutā paricitā manasānupekkhitā diṭṭhiyā suppaṭividdhā cāti. Cāganti paṭhamamaggavajjhakilesābhisaṅkhārānaṃ vossaggasaṅkhātaṃ cāgaṃ, yena ariyasāvakā deyyadhammesu muttacāgā ca honti payatapāṇī vossaggaratā. Paññanti saddhiṃ vipassanāpaññāya maggapaññañceva phalapaññañca.

    กายสฺส เภทาติ อุปาทินฺนกฺขนฺธปริจฺจาคาฯ ปรํ มรณาติ ตทนนฺตรํ อภินิพฺพตฺตกฺขนฺธคหณาฯ อถ วา กายสฺส เภทาติ ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปเจฺฉทาฯ ปรํ มรณาติ จุติโต อุทฺธํฯ สุคติํ สคฺคํ โลกนฺติ ปทตฺตเยนาปิ เทวโลกเมว วทติฯ โส หิ สมฺปตฺตีนํ โสภนตฺตา สุนฺทรา คตีติ สุคติ, รูปาทีหิ วิเสเสหิ สุฎฺฐุ อโคฺคติ สโคฺค, สพฺพกาลํ สุขเมเวตฺถ โลกิยติ, ลุชฺชตีติ วา โลโกติ วุจฺจติฯ อุปปโนฺนติ ปฎิสนฺธิคฺคหณวเสน อุปคโตฯ สหพฺยตนฺติ สหภาวํฯ วจนโตฺถ ปน สห พฺยติ ปวตฺตติ, วสตีติ วา สหโพฺย, สหฐายี สหวายี วาฯ ตสฺส ภาโว สหพฺยตาฯ อติโรจตีติ อติกฺกมฺม อภิภวิตฺวา โรจติ วิโรจติฯ วเณฺณนาติ รูปสมฺปตฺติยาฯ ยสสาติ ปริวาเรนฯ โส หิ อสุจิมกฺขิตํ ชชฺชรํ มตฺติกาภาชนํ ฉเฑฺฑตฺวา อเนกรตนวิจิตฺตํ ปภสฺสรรํสิชาลวินทฺธสุทฺธชมฺพุนทภาชนํ คณฺหโนฺต วิย วุตฺตปฺปการํ กเฬวรํ อิธ นิกฺขิปิตฺวา เอกจิตฺตกฺขเณน ยถาวุตฺตํ ทิพฺพตฺตภาวํ มหตา ปริวาเรน สทฺธิํ ปฎิลภีติฯ

    Kāyassa bhedāti upādinnakkhandhapariccāgā. Paraṃ maraṇāti tadanantaraṃ abhinibbattakkhandhagahaṇā. Atha vā kāyassa bhedāti jīvitindriyassa upacchedā. Paraṃ maraṇāti cutito uddhaṃ. Sugatiṃ saggaṃ lokanti padattayenāpi devalokameva vadati. So hi sampattīnaṃ sobhanattā sundarā gatīti sugati, rūpādīhi visesehi suṭṭhu aggoti saggo, sabbakālaṃ sukhamevettha lokiyati, lujjatīti vā lokoti vuccati. Upapannoti paṭisandhiggahaṇavasena upagato. Sahabyatanti sahabhāvaṃ. Vacanattho pana saha byati pavattati, vasatīti vā sahabyo, sahaṭhāyī sahavāyī vā. Tassa bhāvo sahabyatā. Atirocatīti atikkamma abhibhavitvā rocati virocati. Vaṇṇenāti rūpasampattiyā. Yasasāti parivārena. So hi asucimakkhitaṃ jajjaraṃ mattikābhājanaṃ chaḍḍetvā anekaratanavicittaṃ pabhassararaṃsijālavinaddhasuddhajambunadabhājanaṃ gaṇhanto viya vuttappakāraṃ kaḷevaraṃ idha nikkhipitvā ekacittakkhaṇena yathāvuttaṃ dibbattabhāvaṃ mahatā parivārena saddhiṃ paṭilabhīti.

    เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ ปาปานํ อปริวชฺชเน อาทีนวํ, ปริวชฺชเน จ อานิสํสํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ

    Etamatthaṃ viditvāti etaṃ pāpānaṃ aparivajjane ādīnavaṃ, parivajjane ca ānisaṃsaṃ sabbākārato viditvā tadatthavibhāvanaṃ imaṃ udānaṃ udānesi.

    ตสฺสายํ สเงฺขปโตฺถ – ยถา จกฺขุมา ปุริโส ปรกฺกเม กายิกวีริเย วิชฺชมาเน สรีเร วหเนฺต วิสมานิ ปปาตาทิฎฺฐานานิ จณฺฑภาเวน วา วิสมานิ หตฺถิอสฺสอหิกุกฺกุรโครูปาทีนิ ปริวชฺชเย, เอวํ ชีวโลกสฺมิํ อิมสฺมิํ สตฺตโลเก ปณฺฑิโต สปฺปโญฺญ ปุริโส ตาย สปฺปญฺญตาย อตฺตโน หิตํ ชานโนฺต ปาปานิ ลามกานิ ทุจฺจริตานิ ปริวเชฺชยฺยฯ เอวญฺหิ ยถายํ สุปฺปพุโทฺธ ตครสิขิมฺหิ ปเจฺจกพุเทฺธ ปาปํ อปริวเชฺชตฺวา มหนฺตํ อนยพฺยสนํ อาปชฺชิ, เอวํ อาปเชฺชยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ ยถา วา สุปฺปพุโทฺธ กุฎฺฐี มม ธมฺมเทสนํ อาคมฺม อิทานิ สํเวคปฺปโตฺต ปาปานิ ปริวเชฺชโนฺต อุฬารํ วิเสสํ อธิคญฺฉิ, เอวํ อโญฺญปิ อุฬารํ วิเสสาธิคมํ อิจฺฉโนฺต ปาปานิ ปริวเชฺชยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ

    Tassāyaṃ saṅkhepattho – yathā cakkhumā puriso parakkame kāyikavīriye vijjamāne sarīre vahante visamāni papātādiṭṭhānāni caṇḍabhāvena vā visamāni hatthiassaahikukkuragorūpādīni parivajjaye, evaṃ jīvalokasmiṃ imasmiṃ sattaloke paṇḍito sappañño puriso tāya sappaññatāya attano hitaṃ jānanto pāpāni lāmakāni duccaritāni parivajjeyya. Evañhi yathāyaṃ suppabuddho tagarasikhimhi paccekabuddhe pāpaṃ aparivajjetvā mahantaṃ anayabyasanaṃ āpajji, evaṃ āpajjeyyāti adhippāyo. Yathā vā suppabuddho kuṭṭhī mama dhammadesanaṃ āgamma idāni saṃvegappatto pāpāni parivajjento uḷāraṃ visesaṃ adhigañchi, evaṃ aññopi uḷāraṃ visesādhigamaṃ icchanto pāpāni parivajjeyyāti adhippāyo.

    ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tatiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๓. สุปฺปพุทฺธกุฎฺฐิสุตฺตํ • 3. Suppabuddhakuṭṭhisuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact