Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi |
๘. สุปฺปวาสาสุตฺตํ
8. Suppavāsāsuttaṃ
๑๘. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา กุณฺฑิกายํ 1 วิหรติ กุณฺฑธานวเน 2ฯ เตน โข ปน สมเยน สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สตฺต วสฺสานิ คพฺภํ ธาเรติฯ สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา สา ทุกฺขาหิ ติพฺพาหิ ขราหิ กฎุกาหิ เวทนาหิ ผุฎฺฐา ตีหิ วิตเกฺกหิ อธิวาเสติ – ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ วต โส ภควา โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสติ; สุปฺปฎิปโนฺน วต ตสฺส ภควโต สาวกสโงฺฆ โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ปฎิปโนฺน; สุสุขํ วต ตํ นิพฺพานํ ยตฺถิทํ เอวรูปํ ทุกฺขํ น สํวิชฺชตี’’ติฯ
18. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā kuṇḍikāyaṃ 3 viharati kuṇḍadhānavane 4. Tena kho pana samayena suppavāsā koliyadhītā satta vassāni gabbhaṃ dhāreti. Sattāhaṃ mūḷhagabbhā sā dukkhāhi tibbāhi kharāhi kaṭukāhi vedanāhi phuṭṭhā tīhi vitakkehi adhivāseti – ‘‘sammāsambuddho vata so bhagavā yo imassa evarūpassa dukkhassa pahānāya dhammaṃ deseti; suppaṭipanno vata tassa bhagavato sāvakasaṅgho yo imassa evarūpassa dukkhassa pahānāya paṭipanno; susukhaṃ vata taṃ nibbānaṃ yatthidaṃ evarūpaṃ dukkhaṃ na saṃvijjatī’’ti.
อถ โข สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สามิกํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, อยฺยปุตฺต, เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ; อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘สุปฺปวาสา, ภเนฺต, โกลิยธีตา ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ; อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติฯ เอวญฺจ วเทหิ – ‘สุปฺปวาสา, ภเนฺต, โกลิยธีตา สตฺต วสฺสานิ คพฺภํ ธาเรติฯ สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา สา ทุกฺขาหิ ติพฺพาหิ ขราหิ กฎุกาหิ เวทนาหิ ผุฎฺฐา ตีหิ วิตเกฺกหิ อธิวาเสติ – สมฺมาสมฺพุโทฺธ วต โส ภควา โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสติ; สุปฺปฎิปโนฺน วต ตสฺส ภควโต สาวกสโงฺฆ โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ปฎิปโนฺน; สุสุขํ วต ตํ นิพฺพานํ ยตฺถิทํ เอวรูปํ ทุกฺขํ น สํวิชฺชตี’’’ติฯ
Atha kho suppavāsā koliyadhītā sāmikaṃ āmantesi – ‘‘ehi tvaṃ, ayyaputta, yena bhagavā tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā mama vacanena bhagavato pāde sirasā vandāhi; appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāraṃ puccha – ‘suppavāsā, bhante, koliyadhītā bhagavato pāde sirasā vandati; appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāraṃ pucchatī’ti. Evañca vadehi – ‘suppavāsā, bhante, koliyadhītā satta vassāni gabbhaṃ dhāreti. Sattāhaṃ mūḷhagabbhā sā dukkhāhi tibbāhi kharāhi kaṭukāhi vedanāhi phuṭṭhā tīhi vitakkehi adhivāseti – sammāsambuddho vata so bhagavā yo imassa evarūpassa dukkhassa pahānāya dhammaṃ deseti; suppaṭipanno vata tassa bhagavato sāvakasaṅgho yo imassa evarūpassa dukkhassa pahānāya paṭipanno; susukhaṃ vata taṃ nibbānaṃ yatthidaṃ evarūpaṃ dukkhaṃ na saṃvijjatī’’’ti.
‘‘ปรม’’นฺติ โข โส โกลิยปุโตฺต สุปฺปวาสาย โกลิยธีตาย ปฎิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โกลิยปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุปฺปวาสา, ภเนฺต, โกลิยธีตา ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฎฺฐานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติ; เอวญฺจ วเทติ – ‘สุปฺปวาสา, ภเนฺต, โกลิยธีตา สตฺต วสฺสานิ คพฺภํ ธาเรติฯ สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา สา ทุกฺขาหิ ติพฺพาหิ ขราหิ กฎุกาหิ เวทนาหิ ผุฎฺฐา ตีหิ วิตเกฺกหิ อธิวาเสติ – สมฺมาสมฺพุโทฺธ วต โส ภควา โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสติ; สุปฺปฎิปโนฺน วต ตสฺส ภควโต สาวกสโงฺฆ โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ปฎิปโนฺน; สุสุขํ วต นิพฺพานํ ยตฺถิทํ เอวรูปํ ทุกฺขํ น สํวิชฺชตี’’’ติฯ
‘‘Parama’’nti kho so koliyaputto suppavāsāya koliyadhītāya paṭissutvā yena bhagavā tenupasaṅkami ; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho koliyaputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘suppavāsā, bhante, koliyadhītā bhagavato pāde sirasā vandati, appābādhaṃ appātaṅkaṃ lahuṭṭhānaṃ balaṃ phāsuvihāraṃ pucchati; evañca vadeti – ‘suppavāsā, bhante, koliyadhītā satta vassāni gabbhaṃ dhāreti. Sattāhaṃ mūḷhagabbhā sā dukkhāhi tibbāhi kharāhi kaṭukāhi vedanāhi phuṭṭhā tīhi vitakkehi adhivāseti – sammāsambuddho vata so bhagavā yo imassa evarūpassa dukkhassa pahānāya dhammaṃ deseti; suppaṭipanno vata tassa bhagavato sāvakasaṅgho yo imassa evarūpassa dukkhassa pahānāya paṭipanno; susukhaṃ vata nibbānaṃ yatthidaṃ evarūpaṃ dukkhaṃ na saṃvijjatī’’’ti.
‘‘สุขินี โหตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา; อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายตู’’ติฯ สห วจนา จ ปน ภควโต สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายิฯ
‘‘Sukhinī hotu suppavāsā koliyadhītā; arogā arogaṃ puttaṃ vijāyatū’’ti. Saha vacanā ca pana bhagavato suppavāsā koliyadhītā sukhinī arogā arogaṃ puttaṃ vijāyi.
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข โส โกลิยปุโตฺต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน สกํ ฆรํ เตน ปจฺจายาสิฯ อทฺทสา โข โส โกลิยปุโตฺต สุปฺปวาสํ โกลิยธีตรํ สุขินิํ อโรคํ อโรคํ ปุตฺตํ วิชาตํฯ ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ, ตถาคตสฺส มหิทฺธิกตา มหานุภาวตา, ยตฺร หิ นามายํ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สห วจนา จ ปน 5 ภควโต สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายิสฺสตี’’ติ! อตฺตมโน ปมุทิโต ปีติโสมนสฺสชาโต อโหสิฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho so koliyaputto bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā yena sakaṃ gharaṃ tena paccāyāsi. Addasā kho so koliyaputto suppavāsaṃ koliyadhītaraṃ sukhiniṃ arogaṃ arogaṃ puttaṃ vijātaṃ. Disvānassa etadahosi – ‘‘acchariyaṃ vata, bho, abbhutaṃ vata, bho, tathāgatassa mahiddhikatā mahānubhāvatā, yatra hi nāmāyaṃ suppavāsā koliyadhītā saha vacanā ca pana 6 bhagavato sukhinī arogā arogaṃ puttaṃ vijāyissatī’’ti! Attamano pamudito pītisomanassajāto ahosi.
อถ โข สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สามิกํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, อยฺยปุตฺต, เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ – ‘สุปฺปวาสา, ภเนฺต, โกลิยธีตา ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’ติ; เอวญฺจ วเทหิ – ‘สุปฺปวาสา, ภเนฺต, โกลิยธีตา สตฺต วสฺสานิ คพฺภํ ธาเรติฯ สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา สา เอตรหิ สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชาตาฯ สา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ภเตฺตน นิมเนฺตติฯ อธิวาเสตุ กิร, ภเนฺต, ภควา สุปฺปวาสาย โกลิยธีตาย สตฺต ภตฺตานิ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนา’’’ติฯ
Atha kho suppavāsā koliyadhītā sāmikaṃ āmantesi – ‘‘ehi tvaṃ, ayyaputta, yena bhagavā tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā mama vacanena bhagavato pāde sirasā vandāhi – ‘suppavāsā, bhante, koliyadhītā bhagavato pāde sirasā vandatī’ti; evañca vadehi – ‘suppavāsā, bhante, koliyadhītā satta vassāni gabbhaṃ dhāreti. Sattāhaṃ mūḷhagabbhā sā etarahi sukhinī arogā arogaṃ puttaṃ vijātā. Sā sattāhaṃ buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ bhattena nimanteti. Adhivāsetu kira, bhante, bhagavā suppavāsāya koliyadhītāya satta bhattāni saddhiṃ bhikkhusaṅghenā’’’ti.
‘‘ปรม’’นฺติ โข โส โกลิยปุโตฺต สุปฺปวาสาย โกลิยธีตาย ปฎิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โส โกลิยปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ –
‘‘Parama’’nti kho so koliyaputto suppavāsāya koliyadhītāya paṭissutvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho so koliyaputto bhagavantaṃ etadavoca –
‘‘สุปฺปวาสา , ภเนฺต, โกลิยธีตา ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ; เอวญฺจ วเทติ – ‘สุปฺปวาสา, ภเนฺต, โกลิยธีตา สตฺต วสฺสานิ คพฺภํ ธาเรติฯ สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา สา เอตรหิ สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชาตาฯ สา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ภเตฺตน นิมเนฺตติฯ อธิวาเสตุ กิร, ภเนฺต, ภควา สุปฺปวาสาย โกลิยธีตาย สตฺต ภตฺตานิ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนา’’’ติฯ
‘‘Suppavāsā , bhante, koliyadhītā bhagavato pāde sirasā vandati; evañca vadeti – ‘suppavāsā, bhante, koliyadhītā satta vassāni gabbhaṃ dhāreti. Sattāhaṃ mūḷhagabbhā sā etarahi sukhinī arogā arogaṃ puttaṃ vijātā. Sā sattāhaṃ buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ bhattena nimanteti. Adhivāsetu kira, bhante, bhagavā suppavāsāya koliyadhītāya satta bhattāni saddhiṃ bhikkhusaṅghenā’’’ti.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตเรน อุปาสเกน พุทฺธปฺปมุโข ภิกฺขุสโงฺฆ สฺวาตนาย ภเตฺตน นิมนฺติโต โหติฯ โส จ อุปาสโก อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส 7 อุปฎฺฐาโก โหติฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, เยน โส อุปาสโก เตนุปสงฺกม ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อุปาสกํ เอวํ วเทหิ – ‘สุปฺปวาสา, อาวุโส, โกลิยธีตา สตฺต วสฺสานิ คพฺภํ ธาเรสิฯ สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา สา เอตรหิ สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชาตาฯ สา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ภเตฺตน นิมเนฺตติฯ กโรตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สตฺต ภตฺตานิ, ปจฺฉา ตฺวํ กริสฺสสี’ติ 8ฯ ตุเยฺหโส อุปฎฺฐาโก’’ติฯ
Tena kho pana samayena aññatarena upāsakena buddhappamukho bhikkhusaṅgho svātanāya bhattena nimantito hoti. So ca upāsako āyasmato mahāmoggallānassa 9 upaṭṭhāko hoti. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ mahāmoggallānaṃ āmantesi – ‘‘ehi tvaṃ, moggallāna, yena so upāsako tenupasaṅkama ; upasaṅkamitvā taṃ upāsakaṃ evaṃ vadehi – ‘suppavāsā, āvuso, koliyadhītā satta vassāni gabbhaṃ dhāresi. Sattāhaṃ mūḷhagabbhā sā etarahi sukhinī arogā arogaṃ puttaṃ vijātā. Sā sattāhaṃ buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ bhattena nimanteti. Karotu suppavāsā koliyadhītā satta bhattāni, pacchā tvaṃ karissasī’ti 10. Tuyheso upaṭṭhāko’’ti.
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา เยน โส อุปาสโก เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อุปาสกํ เอตทโวจ – ‘‘สุปฺปวาสา, อาวุโส, โกลิยธีตา สตฺต วสฺสานิ คพฺภํ ธาเรติฯ สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา สา เอตรหิ สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชาตาฯ สา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ภเตฺตน นิมเนฺตติฯ กโรตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สตฺต ภตฺตานิ, ปจฺฉา ตฺวํ กริสฺสสี’’ติฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā mahāmoggallāno bhagavato paṭissutvā yena so upāsako tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā taṃ upāsakaṃ etadavoca – ‘‘suppavāsā, āvuso, koliyadhītā satta vassāni gabbhaṃ dhāreti. Sattāhaṃ mūḷhagabbhā sā etarahi sukhinī arogā arogaṃ puttaṃ vijātā. Sā sattāhaṃ buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ bhattena nimanteti. Karotu suppavāsā koliyadhītā satta bhattāni, pacchā tvaṃ karissasī’’ti.
‘‘สเจ เม, ภเนฺต, อโยฺย มหาโมคฺคลฺลาโน ติณฺณํ ธมฺมานํ ปาฎิโภโค – โภคานญฺจ ชีวิตสฺส จ สทฺธาย จ, กโรตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สตฺต ภตฺตานิ, ปจฺฉาหํ กริสฺสามี’’ติฯ ‘‘ทฺวินฺนํ โข เต อหํ 11, อาวุโส, ธมฺมานํ ปาฎิโภโค – โภคานญฺจ ชีวิตสฺส จฯ สทฺธาย ปน ตฺวํเยว ปาฎิโภโค’’ติฯ
‘‘Sace me, bhante, ayyo mahāmoggallāno tiṇṇaṃ dhammānaṃ pāṭibhogo – bhogānañca jīvitassa ca saddhāya ca, karotu suppavāsā koliyadhītā satta bhattāni, pacchāhaṃ karissāmī’’ti. ‘‘Dvinnaṃ kho te ahaṃ 12, āvuso, dhammānaṃ pāṭibhogo – bhogānañca jīvitassa ca. Saddhāya pana tvaṃyeva pāṭibhogo’’ti.
‘‘สเจ เม, ภเนฺต, อโยฺย มหาโมคฺคลฺลาโน ทฺวินฺนํ ธมฺมานํ ปาฎิโภโค – โภคานญฺจ ชีวิตสฺส จ, กโรตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สตฺต ภตฺตานิ, ปจฺฉาหํ กริสฺสามี’’ติฯ
‘‘Sace me, bhante, ayyo mahāmoggallāno dvinnaṃ dhammānaṃ pāṭibhogo – bhogānañca jīvitassa ca, karotu suppavāsā koliyadhītā satta bhattāni, pacchāhaṃ karissāmī’’ti.
อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ อุปาสกํ สญฺญาเปตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สญฺญโตฺต 13, ภเนฺต, โส อุปาสโก มยา; กโรตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สตฺต ภตฺตานิ, ปจฺฉา โส กริสฺสตี’’ติฯ
Atha kho āyasmā mahāmoggallāno taṃ upāsakaṃ saññāpetvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘saññatto 14, bhante, so upāsako mayā; karotu suppavāsā koliyadhītā satta bhattāni, pacchā so karissatī’’ti.
อถ โข สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตเปฺปสิ สมฺปวาเรสิ, ตญฺจ ทารกํ ภควนฺตํ วนฺทาเปสิ สพฺพญฺจ ภิกฺขุสงฺฆํฯ
Atha kho suppavāsā koliyadhītā sattāhaṃ buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ paṇītena khādanīyena bhojanīyena sahatthā santappesi sampavāresi, tañca dārakaṃ bhagavantaṃ vandāpesi sabbañca bhikkhusaṅghaṃ.
อถ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ตํ ทารกํ เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ เต, ทารก, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ น กิญฺจิ ทุกฺข’’นฺติ? ‘‘กุโต เม, ภเนฺต สาริปุตฺต, ขมนียํ, กุโต ยาปนียํ! สตฺต เม วสฺสานิ โลหิตกุมฺภิยํ วุตฺตานี’’ติฯ
Atha kho āyasmā sāriputto taṃ dārakaṃ etadavoca – ‘‘kacci te, dāraka, khamanīyaṃ, kacci yāpanīyaṃ, kacci na kiñci dukkha’’nti? ‘‘Kuto me, bhante sāriputta, khamanīyaṃ, kuto yāpanīyaṃ! Satta me vassāni lohitakumbhiyaṃ vuttānī’’ti.
อถ โข สุปฺปวาสา โกลิยธีตา – ‘‘ปุโตฺต เม ธมฺมเสนาปตินา สทฺธิํ มเนฺตตี’’ติ อตฺตมนา ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา อโหสิฯ อถ โข ภควา (สุปฺปวาสํ โกลียธีตรํ อตฺตมนํ ปมุทิตํ ปีติโสมนสฺสชาตํ วิทิตฺวา 15) 16 สุปฺปวาสํ โกลิยธีตรํ เอตทโวจ – ‘‘อิเจฺฉยฺยาสิ ตฺวํ, สุปฺปวาเส, อญฺญมฺปิ เอวรูปํ ปุตฺต’’นฺติ? ‘‘อิเจฺฉยฺยามหํ, ภควา, อญฺญานิปิ เอวรูปานิ สตฺต ปุตฺตานี’’ติ ฯ
Atha kho suppavāsā koliyadhītā – ‘‘putto me dhammasenāpatinā saddhiṃ mantetī’’ti attamanā pamuditā pītisomanassajātā ahosi. Atha kho bhagavā (suppavāsaṃ kolīyadhītaraṃ attamanaṃ pamuditaṃ pītisomanassajātaṃ viditvā 17) 18 suppavāsaṃ koliyadhītaraṃ etadavoca – ‘‘iccheyyāsi tvaṃ, suppavāse, aññampi evarūpaṃ putta’’nti? ‘‘Iccheyyāmahaṃ, bhagavā, aññānipi evarūpāni satta puttānī’’ti .
อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
Atha kho bhagavā etamatthaṃ viditvā tāyaṃ velāyaṃ imaṃ udānaṃ udānesi –
‘‘อสาตํ สาตรูเปน, ปิยรูเปน อปฺปิยํ;
‘‘Asātaṃ sātarūpena, piyarūpena appiyaṃ;
ทุกฺขํ สุขสฺส รูเปน, ปมตฺตมติวตฺตตี’’ติฯ อฎฺฐมํ;
Dukkhaṃ sukhassa rūpena, pamattamativattatī’’ti. aṭṭhamaṃ;
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā / ๘. สุปฺปวาสาสุตฺตวณฺณนา • 8. Suppavāsāsuttavaṇṇanā