Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā |
๘. สุปฺปวาสาสุตฺตวณฺณนา
8. Suppavāsāsuttavaṇṇanā
๑๘. อฎฺฐเม กุณฺฑิกายนฺติ เอวํนามเก โกลิยานํ นคเรฯ กุณฺฑธานวเนติ ตสฺส นครสฺส อวิทูเร กุณฺฑธานสงฺขาเต วเนฯ
18. Aṭṭhame kuṇḍikāyanti evaṃnāmake koliyānaṃ nagare. Kuṇḍadhānavaneti tassa nagarassa avidūre kuṇḍadhānasaṅkhāte vane.
ปุเพฺพ กิร กุโณฺฑ นาม เอโก ยโกฺข ตสฺมิํ วนสเณฺฑ วาสํ กเปฺปสิ, กุณฺฑธานมิสฺสเกน จ พลิกเมฺมน ตุสฺสตีติ ตสฺส ตถา ตตฺถ พลิํ อุปหรนฺติ, เตเนตํ วนสณฺฑํ กุณฺฑธานวนเนฺตฺวว ปญฺญายิตฺถฯ ตสฺส อวิทูเร เอกา คามปติกา อโหสิ, สาปิ ตสฺส ยกฺขสฺส อาณาปวตฺติฎฺฐาเน นิวิฎฺฐตฺตา เตเนว ปริปาลิตตฺตา กุณฺฑิกาติ โวหรียิตฺถ ฯ อปรภาเค ตตฺถ โกลิยราชาโน นครํ กาเรสุํ, ตมฺปิ ปุริมโวหาเรน กุณฺฑิกาเตฺวว วุจฺจติฯ ตสฺมิญฺจ วนสเณฺฑ โกลิยราชาโน ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ วสนตฺถาย วิหารํ ปติฎฺฐาเปสุํ, ตมฺปิ กุณฺฑธานวนเนฺตฺวว ปญฺญายิตฺถฯ อถ ภควา ชนปทจาริกํ จรโนฺต อนุกฺกเมน ตํ วิหารํ ปตฺวา ตตฺถ วิหาสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘เอกํ สมยํ ภควา กุณฺฑิกายํ วิหรติ กุณฺฑธานวเน’’ติฯ
Pubbe kira kuṇḍo nāma eko yakkho tasmiṃ vanasaṇḍe vāsaṃ kappesi, kuṇḍadhānamissakena ca balikammena tussatīti tassa tathā tattha baliṃ upaharanti, tenetaṃ vanasaṇḍaṃ kuṇḍadhānavanantveva paññāyittha. Tassa avidūre ekā gāmapatikā ahosi, sāpi tassa yakkhassa āṇāpavattiṭṭhāne niviṭṭhattā teneva paripālitattā kuṇḍikāti voharīyittha . Aparabhāge tattha koliyarājāno nagaraṃ kāresuṃ, tampi purimavohārena kuṇḍikātveva vuccati. Tasmiñca vanasaṇḍe koliyarājāno bhagavato bhikkhusaṅghassa ca vasanatthāya vihāraṃ patiṭṭhāpesuṃ, tampi kuṇḍadhānavanantveva paññāyittha. Atha bhagavā janapadacārikaṃ caranto anukkamena taṃ vihāraṃ patvā tattha vihāsi. Tena vuttaṃ – ‘‘ekaṃ samayaṃ bhagavā kuṇḍikāyaṃ viharati kuṇḍadhānavane’’ti.
สุปฺปวาสาติ ตสฺสา อุปาสิกาย นามํฯ โกลิยธีตาติ โกลิยราชปุตฺตีฯ สา หิ ภควโต อคฺคุปฎฺฐายิกา ปณีตทายิกานํ สาวิกานํ เอตทเคฺค ฐปิตา โสตาปนฺนา อริยสาวิกาฯ ยญฺหิ กิญฺจิ ภควโต ยุตฺตรูปํ ขาทนียํ โภชนียํ เภสชฺชํ วา น ตตฺถ อญฺญาหิ สํวิธาตพฺพํ อตฺถิ, สพฺพํ ตํ สยเมว อตฺตโน ปญฺญาย วิจาเรตฺวา สกฺกจฺจํ สมฺปาเทตฺวา อุปเนติฯ เทวสิกญฺจ อฎฺฐสตํ สงฺฆภตฺตปาฎิปุคฺคลิกภตฺตานิ เทติฯ โย โกจิ ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา ตํ กุลํ ปิณฺฑาย ปวิโฎฺฐ ริตฺตหโตฺถ น คจฺฉติฯ เอวํ มุตฺตจาคา ปยตปาณี โวสฺสคฺครตา ยาจโยคา ทานสํวิภาครตาฯ อสฺสา กุจฺฉิยํ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ปจฺฉิมภวิโก สาวกโพธิสโตฺต ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ สา ตํ คพฺภํ เกนจิเทว ปาปกเมฺมน สตฺต วสฺสานิ กุจฺฉินา ปริหริ, สตฺตาหญฺจ มูฬฺหคพฺภา อโหสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘สตฺต วสฺสานิ คพฺภํ ธาเรติ สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา’’ติฯ
Suppavāsāti tassā upāsikāya nāmaṃ. Koliyadhītāti koliyarājaputtī. Sā hi bhagavato aggupaṭṭhāyikā paṇītadāyikānaṃ sāvikānaṃ etadagge ṭhapitā sotāpannā ariyasāvikā. Yañhi kiñci bhagavato yuttarūpaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ bhesajjaṃ vā na tattha aññāhi saṃvidhātabbaṃ atthi, sabbaṃ taṃ sayameva attano paññāya vicāretvā sakkaccaṃ sampādetvā upaneti. Devasikañca aṭṭhasataṃ saṅghabhattapāṭipuggalikabhattāni deti. Yo koci bhikkhu vā bhikkhunī vā taṃ kulaṃ piṇḍāya paviṭṭho rittahattho na gacchati. Evaṃ muttacāgā payatapāṇī vossaggaratā yācayogā dānasaṃvibhāgaratā. Assā kucchiyaṃ purimabuddhesu katādhikāro pacchimabhaviko sāvakabodhisatto paṭisandhiṃ gaṇhi. Sā taṃ gabbhaṃ kenacideva pāpakammena satta vassāni kucchinā parihari, sattāhañca mūḷhagabbhā ahosi. Tena vuttaṃ – ‘‘satta vassāni gabbhaṃ dhāreti sattāhaṃ mūḷhagabbhā’’ti.
ตตฺถ สตฺต วสฺสานีติ สตฺต สํวจฺฉรานิ, อจฺจนฺตสํโยเค จ อิทํ อุปโยควจนํฯ คพฺภํ ธาเรตีติ คพฺภํ วหติ, คพฺภินี โหตีติ อโตฺถฯ สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภาติ สตฺต อหานิ พฺยากุลคพฺภาฯ คโพฺภ หิ ปริปโกฺก สมฺปชฺชมาโน วิชายนกาเล กมฺมชวาเตหิ สญฺจาเลตฺวา ปริวตฺติโต อุทฺธํปาโท อโธสิโร หุตฺวา โยนิมุขาภิมุโข โหติ, เอวํ โส กตฺถจิ อลโคฺค พหิ นิกฺขมติฯ วิปชฺชมาโน ปน วิปริวตฺตนวเสน โยนิมคฺคํ ปิทหิตฺวา ติริยํ นิปชฺชติ, สยเมว วา โยนิมโคฺค ปิทหติ, โส ตตฺถ กมฺมชวาเตหิ อปราปรํ ปริวตฺตมาโน พฺยากุโล มูฬฺหคโพฺภติ วุจฺจติฯ ตสฺสาปิ สตฺต ทิวเส เอวํ อโหสิ, เตน วุตฺตํ ‘‘สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา’’ติฯ
Tattha satta vassānīti satta saṃvaccharāni, accantasaṃyoge ca idaṃ upayogavacanaṃ. Gabbhaṃ dhāretīti gabbhaṃ vahati, gabbhinī hotīti attho. Sattāhaṃ mūḷhagabbhāti satta ahāni byākulagabbhā. Gabbho hi paripakko sampajjamāno vijāyanakāle kammajavātehi sañcāletvā parivattito uddhaṃpādo adhosiro hutvā yonimukhābhimukho hoti, evaṃ so katthaci alaggo bahi nikkhamati. Vipajjamāno pana viparivattanavasena yonimaggaṃ pidahitvā tiriyaṃ nipajjati, sayameva vā yonimaggo pidahati, so tattha kammajavātehi aparāparaṃ parivattamāno byākulo mūḷhagabbhoti vuccati. Tassāpi satta divase evaṃ ahosi, tena vuttaṃ ‘‘sattāhaṃ mūḷhagabbhā’’ti.
อยญฺจ คโพฺภ สีวลิเตฺถโรฯ ตสฺส กถํ สตฺต วสฺสานิ คพฺภวาสทุกฺขํ, สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภภาวปฺปตฺติ, มาตุ จสฺสาปิ โสตาปนฺนาย อริยสาวิกาย ตถา ทุกฺขานุภวนํ ชาตนฺติ? วุจฺจเต – อตีเต กาสิกราเช พาราณสิยํ รชฺชํ กาเรเนฺต เอโก โกสลราชา มหเนฺตน พเลนาคนฺตฺวา พาราณสิํ คเหตฺวา ตํ ราชานํ มาเรตฺวา ตสฺส อคฺคมเหสิํ อตฺตโน อคฺคมเหสิํ อกาสิฯ พาราณสิรโญฺญ ปน ปุโตฺต ปิตุ มรณกาเล นิทฺธมนทฺวาเรน ปลายิตฺวา อตฺตโน ญาติมิตฺตพนฺธเว เอกชฺฌํ กตฺวา อนุกฺกเมน พลํ สํหริตฺวา พาราณสิํ อาคนฺตฺวา อวิทูเร มหนฺตํ ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา ตสฺส รโญฺญ ปณฺณํ เปเสสิ ‘‘รชฺชํ วา เทตุ, ยุทฺธํ วา’’ติ ฯ ราชกุมารสฺส มาตา สาสนํ สุตฺวา ‘‘ยุเทฺธน กมฺมํ นตฺถิ, สพฺพทิสาสุ สญฺจารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา พาราณสินครํ ปริวาเรตุ, ตโต ทารูทกภตฺตปริกฺขเยน กิลนฺตา นคเร มนุสฺสา วินาว ยุเทฺธน ราชานํ คเหตฺวา ทสฺสนฺตี’’ติ ปณฺณํ เปเสสิฯ โส มาตุ สาสนํ สุตฺวา จตฺตาริ มหาทฺวารานิ รกฺขโนฺต สตฺต วสฺสานิ นครํ อุปรุนฺธิ, นคเร มนุสฺสา จูฬทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ทารูทกานิ อาหรนฺติ, สพฺพกิจฺจานิ กโรนฺติฯ
Ayañca gabbho sīvalitthero. Tassa kathaṃ satta vassāni gabbhavāsadukkhaṃ, sattāhaṃ mūḷhagabbhabhāvappatti, mātu cassāpi sotāpannāya ariyasāvikāya tathā dukkhānubhavanaṃ jātanti? Vuccate – atīte kāsikarāje bārāṇasiyaṃ rajjaṃ kārente eko kosalarājā mahantena balenāgantvā bārāṇasiṃ gahetvā taṃ rājānaṃ māretvā tassa aggamahesiṃ attano aggamahesiṃ akāsi. Bārāṇasirañño pana putto pitu maraṇakāle niddhamanadvārena palāyitvā attano ñātimittabandhave ekajjhaṃ katvā anukkamena balaṃ saṃharitvā bārāṇasiṃ āgantvā avidūre mahantaṃ khandhāvāraṃ bandhitvā tassa rañño paṇṇaṃ pesesi ‘‘rajjaṃ vā detu, yuddhaṃ vā’’ti . Rājakumārassa mātā sāsanaṃ sutvā ‘‘yuddhena kammaṃ natthi, sabbadisāsu sañcāraṃ pacchinditvā bārāṇasinagaraṃ parivāretu, tato dārūdakabhattaparikkhayena kilantā nagare manussā vināva yuddhena rājānaṃ gahetvā dassantī’’ti paṇṇaṃ pesesi. So mātu sāsanaṃ sutvā cattāri mahādvārāni rakkhanto satta vassāni nagaraṃ uparundhi, nagare manussā cūḷadvārena nikkhamitvā dārūdakāni āharanti, sabbakiccāni karonti.
อถ ราชกุมารสฺส มาตา ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา ‘‘พาโล มม ปุโตฺต อุปายํ น ชานาติ, คจฺฉถ, อสฺส จูฬทฺวารานิ ปิธาย นครํ อุปรุนฺธตูติ วเทถา’’ติ ปุตฺตสฺส คูฬฺหสาสนํ ปหิณิฯ โส มาตุ สาสนํ สุตฺวา สตฺต ทิวเส ตถา อกาสิฯ นาครา พหิ นิกฺขมิตุํ อลภนฺตา สตฺตเม ทิวเส ตสฺส รโญฺญ สีสํ คเหตฺวา กุมารสฺส อทํสุฯ กุมาโร นครํ ปวิสิตฺวา รชฺชํ อคฺคเหสิฯ โส ตทา สตฺต วสฺสานิ นครรุนฺธนกมฺมนิสฺสเนฺทน เอตรหิ สตฺต วสฺสานิ มาตุกุจฺฉิสงฺขาตาย โลหิตกุมฺภิยา วสิ, อวเสสโต ปน สตฺตาหํ นครูปรุนฺธเนน สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภภาวํ อาปชฺชิฯ ชาตกฎฺฐกถายํ ปน ‘‘สตฺต ทิวสานิ นครํ รุนฺธิตฺวา คหิตกมฺมนิสฺสเนฺทน สตฺตวสฺสานิ โลหิตกุมฺภิยํ วสิตฺวา สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภภาวํ อาปชฺชี’’ติ วุตฺตํฯ ยํ ปน โส ปทุมุตฺตรสมฺมาสมฺพุทฺธปาทมูเล ‘‘ลาภีนํ อโคฺค ภเวยฺย’’นฺติ มหาทานํ ทตฺวา ปตฺถนํ อกาสิ, ยญฺจ วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล นาคเรหิ สทฺธิํ สหสฺสคฺฆนิกํ คุฬทธิํ ทตฺวา ปตฺถนํ อกาสิ, ตสฺสานุภาเวน ลาภีนํ อโคฺค ชาโตฯ สุปฺปวาสาปิ ‘‘นครํ รุนฺธิตฺวา คณฺห, ตาตา’’ติ เปสิตภาเวน สตฺต วสฺสานิ กุจฺฉินา คพฺภํ ปริหริตฺวา สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภาชาตา ฯ เอวํ เต มาตาปุตฺตา อตฺตโน กมฺมสฺส อนุรูปํ อีทิสํ ทุกฺขํ ปฎิสํเวทิํสุฯ
Atha rājakumārassa mātā taṃ pavattiṃ sutvā ‘‘bālo mama putto upāyaṃ na jānāti, gacchatha, assa cūḷadvārāni pidhāya nagaraṃ uparundhatūti vadethā’’ti puttassa gūḷhasāsanaṃ pahiṇi. So mātu sāsanaṃ sutvā satta divase tathā akāsi. Nāgarā bahi nikkhamituṃ alabhantā sattame divase tassa rañño sīsaṃ gahetvā kumārassa adaṃsu. Kumāro nagaraṃ pavisitvā rajjaṃ aggahesi. So tadā satta vassāni nagararundhanakammanissandena etarahi satta vassāni mātukucchisaṅkhātāya lohitakumbhiyā vasi, avasesato pana sattāhaṃ nagarūparundhanena sattāhaṃ mūḷhagabbhabhāvaṃ āpajji. Jātakaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘satta divasāni nagaraṃ rundhitvā gahitakammanissandena sattavassāni lohitakumbhiyaṃ vasitvā sattāhaṃ mūḷhagabbhabhāvaṃ āpajjī’’ti vuttaṃ. Yaṃ pana so padumuttarasammāsambuddhapādamūle ‘‘lābhīnaṃ aggo bhaveyya’’nti mahādānaṃ datvā patthanaṃ akāsi, yañca vipassissa bhagavato kāle nāgarehi saddhiṃ sahassagghanikaṃ guḷadadhiṃ datvā patthanaṃ akāsi, tassānubhāvena lābhīnaṃ aggo jāto. Suppavāsāpi ‘‘nagaraṃ rundhitvā gaṇha, tātā’’ti pesitabhāvena satta vassāni kucchinā gabbhaṃ pariharitvā sattāhaṃ mūḷhagabbhājātā . Evaṃ te mātāputtā attano kammassa anurūpaṃ īdisaṃ dukkhaṃ paṭisaṃvediṃsu.
ตีหิ วิตเกฺกหีติ รตนตฺตยคุณานุสฺสติปฎิสํยุเตฺตหิ ตีหิ สมฺมาวิตเกฺกหิฯ อธิวาเสตีติ มูฬฺหคพฺภตาย อุปฺปนฺนทุกฺขํ สหติฯ สา หิ ภควโต สมฺพุทฺธภาวํ, อริยสงฺฆสฺส สุปฺปฎิปตฺติํ, นิพฺพานสฺส จ ทุกฺขนิสฺสรณภาวํ อนุสฺสรนฺตี อตฺตโน อุปฺปชฺชมานทุกฺขํ อมนสิกรเณเนว อภิภวิตฺวา ขมติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตีหิ วิตเกฺกหิ อธิวาเสตี’’ติฯ
Tīhivitakkehīti ratanattayaguṇānussatipaṭisaṃyuttehi tīhi sammāvitakkehi. Adhivāsetīti mūḷhagabbhatāya uppannadukkhaṃ sahati. Sā hi bhagavato sambuddhabhāvaṃ, ariyasaṅghassa suppaṭipattiṃ, nibbānassa ca dukkhanissaraṇabhāvaṃ anussarantī attano uppajjamānadukkhaṃ amanasikaraṇeneva abhibhavitvā khamati. Tena vuttaṃ ‘‘tīhi vitakkehi adhivāsetī’’ti.
สมฺมาสมฺพุโทฺธ วตาติอาทิ เตสํ วิตกฺกานํ ปวตฺติอาการทสฺสนํฯ ตสฺสโตฺถ – โย ภคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ ภควา โลกนาโถ สมฺมา อวิปรีตํ สามํ สยเมว สพฺพธเมฺม อโห วต พุโทฺธ, โส ภควา เอวรูปสฺส เอตรหิ มยา อนุภวิยมานสฺส อญฺญสฺส จ เอวํชาติกสฺส สกลสฺส วฎฺฎทุกฺขสฺส ปหานาย อจฺจนฺตํ อนุปฺปาทนิโรธาย ธมฺมํ กเถติ, อวิปรีตธมฺมํ กเถติฯ อวิปรีตธมฺมเทสนตาย หิ สตฺถุ สมฺมาสโมฺพธิสิทฺธิฯ ตสฺส ยถาวุตฺตคุณสฺส ภควโต ธมฺมสฺสวนเนฺต ชาตตฺตา สีลทิฎฺฐิสามเญฺญน สํหตตฺตา จ สาวกสโงฺฆติ ลทฺธนาโม อฎฺฐอริยปุคฺคลสมูโห สุปฺปฎิปโนฺน วต อโห วต สมฺมา ปฎิปโนฺน, โย อริยสโงฺฆ เอวรูปสฺส อีทิสสฺส วฎฺฎทุกฺขสฺส ปหานาย อนุปฺปาทนิโรธาย อนิวตฺติปฎิปทํ ปฎิปโนฺนฯ สุสุขํ วต อโห วต สุฎฺฐุ สุขํ สพฺพสงฺขตนิสฺสฎํ นิพฺพานํ, ยสฺมิํ นิพฺพาเน อีทิสํ วฎฺฎทุกฺขํ น อุปลพฺภตีติฯ เอตฺถ จ ปฎิปชฺชมานาปิ ปฎิปนฺนา อิเจฺจว วุตฺตา ปฎิปตฺติยา อนิวตฺติภาวโตฯ อถ วา อุปฺปนฺนสโทฺท วิย ปฎิปนฺนสโทฺท วตฺตมานโตฺถปิ เวทิตโพฺพฯ เตเนวาห ‘‘โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปโนฺน’’ติฯ
Sammāsambuddho vatātiādi tesaṃ vitakkānaṃ pavattiākāradassanaṃ. Tassattho – yo bhagyavantatādīhi kāraṇehi bhagavā lokanātho sammā aviparītaṃ sāmaṃ sayameva sabbadhamme aho vata buddho, so bhagavā evarūpassa etarahi mayā anubhaviyamānassa aññassa ca evaṃjātikassa sakalassa vaṭṭadukkhassa pahānāya accantaṃ anuppādanirodhāya dhammaṃ katheti, aviparītadhammaṃ katheti. Aviparītadhammadesanatāya hi satthu sammāsambodhisiddhi. Tassa yathāvuttaguṇassa bhagavato dhammassavanante jātattā sīladiṭṭhisāmaññena saṃhatattā ca sāvakasaṅghoti laddhanāmo aṭṭhaariyapuggalasamūho suppaṭipanno vata aho vata sammā paṭipanno, yo ariyasaṅgho evarūpassa īdisassa vaṭṭadukkhassa pahānāya anuppādanirodhāya anivattipaṭipadaṃ paṭipanno. Susukhaṃ vata aho vata suṭṭhu sukhaṃ sabbasaṅkhatanissaṭaṃ nibbānaṃ, yasmiṃ nibbāne īdisaṃ vaṭṭadukkhaṃ na upalabbhatīti. Ettha ca paṭipajjamānāpi paṭipannā icceva vuttā paṭipattiyā anivattibhāvato. Atha vā uppannasaddo viya paṭipannasaddo vattamānatthopi veditabbo. Tenevāha ‘‘sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipanno’’ti.
สามิกนฺติ อตฺตโน ปติํ โกลิยราชปุตฺตํฯ อามเนฺตสีติ อภาสิฯ มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหีติ มยฺหํ วจเนน จกฺกลกฺขณปฺปฎิมณฺฑิตานิ วิกสิตปทุมสสฺสิรีกานิ ภควโต จรณานิ ตว สิรสา วนฺทาหิ, อุตฺตมเงฺคน อภิวาทนํ กโรหีติ อโตฺถฯ อปฺปาพาธนฺติอาทีสุ อาพาโธติ วิสภาคเวทนา วุจฺจติ, ยา เอกเทเส อุปฺปชฺชิตฺวาปิ สกลสรีรํ อยปเฎฺฎน อาพนฺธิตฺวา วิย คณฺหติฯ อาตโงฺกติ กิจฺฉชีวิตกโร โรโคฯ อถ วา ยาเปตพฺพโรโค อาตโงฺก, อิตโร อาพาโธฯ ขุทฺทโก วา โรโค อาตโงฺก, พลวา อาพาโธฯ เกจิ ปน ‘‘อชฺฌตฺตสมุฎฺฐาโน อาพาโธ, พหิทฺธาสมุฎฺฐาโน อาตโงฺก’’ติ วทนฺติฯ ตทุภยสฺสาปิ อภาวํ ปุจฺฉาติ วทติฯ คิลานเสฺสว จ อุฎฺฐานํ นาม ครุกํ โหติ, กาเย พลํ น โหติ, ตสฺมา นิเคฺคลญฺญตาย ลหุปริวตฺติสงฺขาตํ กายสฺส ลหุฎฺฐานํ สรีรพลญฺจ ปุจฺฉาติ วทติฯ ผาสุวิหารนฺติ ฐานนิสินฺนคมนสยนสงฺขาเตสุ จตูสุ อิริยาปเถสุ สุขวิหารญฺจ ปุจฺฉาติ วทติฯ อถสฺส ปุจฺฉิตพฺพาการํ ทเสฺสนฺตี ‘‘สุปฺปวาสา, ภเนฺต’’ติอาทิมาหฯ เอวญฺจ วเทหีติ อิทานิ วตฺตพฺพาการํ นิทเสฺสติฯ
Sāmikanti attano patiṃ koliyarājaputtaṃ. Āmantesīti abhāsi. Mama vacanena bhagavato pāde sirasā vandāhīti mayhaṃ vacanena cakkalakkhaṇappaṭimaṇḍitāni vikasitapadumasassirīkāni bhagavato caraṇāni tava sirasā vandāhi, uttamaṅgena abhivādanaṃ karohīti attho. Appābādhantiādīsu ābādhoti visabhāgavedanā vuccati, yā ekadese uppajjitvāpi sakalasarīraṃ ayapaṭṭena ābandhitvā viya gaṇhati. Ātaṅkoti kicchajīvitakaro rogo. Atha vā yāpetabbarogo ātaṅko, itaro ābādho. Khuddako vā rogo ātaṅko, balavā ābādho. Keci pana ‘‘ajjhattasamuṭṭhāno ābādho, bahiddhāsamuṭṭhāno ātaṅko’’ti vadanti. Tadubhayassāpi abhāvaṃ pucchāti vadati. Gilānasseva ca uṭṭhānaṃ nāma garukaṃ hoti, kāye balaṃ na hoti, tasmā niggelaññatāya lahuparivattisaṅkhātaṃ kāyassa lahuṭṭhānaṃ sarīrabalañca pucchāti vadati. Phāsuvihāranti ṭhānanisinnagamanasayanasaṅkhātesu catūsu iriyāpathesu sukhavihārañca pucchāti vadati. Athassa pucchitabbākāraṃ dassentī ‘‘suppavāsā, bhante’’tiādimāha. Evañca vadehīti idāni vattabbākāraṃ nidasseti.
ปรมนฺติ วจนสมฺปฎิจฺฉนํฯ เตน สาธุ, ภเทฺท, ยถา วุตฺตํ, ตถา ปฎิปชฺชามีติ ทเสฺสติฯ โกลิยปุโตฺตติ สุปฺปวาสาย สามิโก โกลิยราชปุโตฺตฯ สุขินี โหตูติ สเทวเก โลเก อคฺคทกฺขิเณโยฺย สตฺถา สุปฺปวาสาย เปสิตวนฺทนํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตทนนฺตรํ อตฺตโน เมตฺตาวิหารสํสูจกํ พุทฺธาจิณฺณํ สุขูปสํหารํ ตสฺสา สามญฺญโต ปกาเสตฺวา ปุน ตสฺสา ปุตฺตสฺส จ คพฺภวิปตฺติมูลกทุกฺขุปฺปตฺติปฎิเกฺขปมุเขน สุขูปสํหารํ นิทเสฺสโนฺต ‘‘สุขินี…เป.… อโรคา, อโรคํ ปุตฺตํ วิชายตู’’ติ อาหฯ
Paramanti vacanasampaṭicchanaṃ. Tena sādhu, bhadde, yathā vuttaṃ, tathā paṭipajjāmīti dasseti. Koliyaputtoti suppavāsāya sāmiko koliyarājaputto. Sukhinī hotūti sadevake loke aggadakkhiṇeyyo satthā suppavāsāya pesitavandanaṃ sampaṭicchitvā tadanantaraṃ attano mettāvihārasaṃsūcakaṃ buddhāciṇṇaṃ sukhūpasaṃhāraṃ tassā sāmaññato pakāsetvā puna tassā puttassa ca gabbhavipattimūlakadukkhuppattipaṭikkhepamukhena sukhūpasaṃhāraṃ nidassento ‘‘sukhinī…pe… arogā, arogaṃ puttaṃ vijāyatū’’ti āha.
สห วจนาติ ภควโต วจเนน สเหวฯ ยสฺมิํ กาเล ภควา ตถา อโวจ, ตสฺมิํเยว กาเล ตมฺปิ กมฺมํ ปริกฺขยํ อคมาสิฯ ตสฺส ปริกฺขีณภาวํ โอโลเกตฺวา สตฺถา ตถา อภาสิฯ อปเร ปน วทนฺติ – สเจ ตถา สตฺถา นาจิกฺขิสฺสา, ตโต ปรมฺปิ กิญฺจิ กาลํ ตสฺสา ตํ ทุกฺขํ อนุพนฺธิสฺสาฯ ยสฺมา ปน ภควตา ‘‘สุขินี อโรคา อโรคญฺจ ปุตฺตํ วิชายตู’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตสฺส วจนสมกาลเมว โส คโพฺภ พฺยากุลภาวํ วิชหิตฺวา สุเขเนว พหิ นิกฺขมิ, เอวํ เตสํ มาตาปุตฺตานํ โสตฺถิ อโหสิฯ อจิเนฺตโยฺย หิ พุทฺธานํ พุทฺธานุภาโวฯ ยถา หิ ปฎาจาราย ปิยวิปฺปโยคสมฺภูเตน โสเกน อุมฺมาทํ ปตฺวา –
Sahavacanāti bhagavato vacanena saheva. Yasmiṃ kāle bhagavā tathā avoca, tasmiṃyeva kāle tampi kammaṃ parikkhayaṃ agamāsi. Tassa parikkhīṇabhāvaṃ oloketvā satthā tathā abhāsi. Apare pana vadanti – sace tathā satthā nācikkhissā, tato parampi kiñci kālaṃ tassā taṃ dukkhaṃ anubandhissā. Yasmā pana bhagavatā ‘‘sukhinī arogā arogañca puttaṃ vijāyatū’’ti vuttaṃ, tasmā tassa vacanasamakālameva so gabbho byākulabhāvaṃ vijahitvā sukheneva bahi nikkhami, evaṃ tesaṃ mātāputtānaṃ sotthi ahosi. Acinteyyo hi buddhānaṃ buddhānubhāvo. Yathā hi paṭācārāya piyavippayogasambhūtena sokena ummādaṃ patvā –
‘‘อุโภ ปุตฺตา กาลกตา, ปเนฺถ มยฺหํ ปตี มโต;
‘‘Ubho puttā kālakatā, panthe mayhaṃ patī mato;
มาตา ปิตา จ ภาตา จ, เอกจิตกมฺหิ ฌายเร’’ติฯ (อป. เถรี ๒.๒.๔๙๘) –
Mātā pitā ca bhātā ca, ekacitakamhi jhāyare’’ti. (apa. therī 2.2.498) –
วตฺวา ชาตรูเปเนว จรนฺติยา ‘‘สติํ ปฎิลภาหิ ภคินี’’ติ ภควโต วจนสมนนฺตรเมว อุมฺมาโท วูปสมิ, ตถา สุปฺปิยาปิ อุปาสิกา อตฺตนาว อตฺตโน อูรุยํ กเตน มหาวเณน วุฎฺฐาตุํ อสโกฺกนฺตี สยนปิเฎฺฐ นิปนฺนา ‘‘อาคนฺตฺวา มํ วนฺทตู’’ติ วจนสมนนฺตรเมว วเณ ปากติเก ชาเต สยเมว คนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทีติ เอวมาทีนิ วตฺถูนิ อิธ อุทาหริตพฺพานีติฯ
Vatvā jātarūpeneva carantiyā ‘‘satiṃ paṭilabhāhi bhaginī’’ti bhagavato vacanasamanantarameva ummādo vūpasami, tathā suppiyāpi upāsikā attanāva attano ūruyaṃ katena mahāvaṇena vuṭṭhātuṃ asakkontī sayanapiṭṭhe nipannā ‘‘āgantvā maṃ vandatū’’ti vacanasamanantarameva vaṇe pākatike jāte sayameva gantvā bhagavantaṃ vandīti evamādīni vatthūni idha udāharitabbānīti.
เอวํ, ภเนฺตติ, ภเนฺต, ยถา ภควา สปุตฺตาย มาตุยา อโรคภาวํ อาสีสโนฺต อาห – ‘‘สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายตู’’ติ, ตํ เอวเมวฯ น หิ กทาจิ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ วจนสฺส อญฺญถาภาโวติ อธิปฺปาโยฯ เกจิ ปน ‘‘เอวมตฺถู’’ติ วทนฺติ, อปเร ‘‘โหตู’’ติ ปทสฺส อตฺถํ อาเนตฺวา วณฺณยนฺติฯ อภินนฺทิตฺวาติ กรวีกรุตมญฺชุนา พฺรหฺมสฺสเรน ภควตา วุจฺจมาเน ตสฺมิํ วจเน ปีติโสมนสฺสปฎิลาภโต อภิมุขภาเวน นนฺทิตฺวาฯ อนุโมทิตฺวาติ ตโต ปจฺฉาปิ สโมฺมทนํ อุปฺปาเทตฺวา, จิเตฺตน วา อภินนฺทิตฺวา วาจาย อนุโมทิตฺวา, วจนสมฺปตฺติยา วา อภินนฺทิตฺวา อตฺถสมฺปตฺติยา อนุโมทิตฺวาฯ สกํ ฆรํ ปจฺจายาสีติ อตฺตโน ฆรํ ปฎิคจฺฉิฯ เย ปน ‘‘เยน สกํ ฆร’’นฺติ ปฐนฺติ, เตสํ ยทิปิ ย-ต-สทฺทานํ สมฺพนฺธภาวโต ‘‘เตนา’’ติ ปทํ วุตฺตเมว โหติ, ตถาปิ ‘‘ปฎิยายิตฺวา’’ติ ปาฐเสโส โยเชตโพฺพ โหติฯ
Evaṃ, bhanteti, bhante, yathā bhagavā saputtāya mātuyā arogabhāvaṃ āsīsanto āha – ‘‘sukhinī arogā arogaṃ puttaṃ vijāyatū’’ti, taṃ evameva. Na hi kadāci buddhānaṃ bhagavantānaṃ vacanassa aññathābhāvoti adhippāyo. Keci pana ‘‘evamatthū’’ti vadanti, apare ‘‘hotū’’ti padassa atthaṃ ānetvā vaṇṇayanti. Abhinanditvāti karavīkarutamañjunā brahmassarena bhagavatā vuccamāne tasmiṃ vacane pītisomanassapaṭilābhato abhimukhabhāvena nanditvā. Anumoditvāti tato pacchāpi sammodanaṃ uppādetvā, cittena vā abhinanditvā vācāya anumoditvā, vacanasampattiyā vā abhinanditvā atthasampattiyā anumoditvā. Sakaṃ gharaṃ paccāyāsīti attano gharaṃ paṭigacchi. Ye pana ‘‘yena sakaṃ ghara’’nti paṭhanti, tesaṃ yadipi ya-ta-saddānaṃ sambandhabhāvato ‘‘tenā’’ti padaṃ vuttameva hoti, tathāpi ‘‘paṭiyāyitvā’’ti pāṭhaseso yojetabbo hoti.
วิชาตนฺติ ปชาตํ, ปสุตนฺติ อโตฺถฯ อจฺฉริยนฺติ อนฺธสฺส ปพฺพตาโรหนํ วิย นิจฺจํ น โหตีติ อจฺฉริยํ, อยํ ตาว สทฺทนโยฯ อฎฺฐกถาสุ ปน ‘‘อจฺฉราโยคฺคํ อจฺฉริย’’นฺติ วุตฺตํ , อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺตนฺติ อโตฺถฯ วตาติ สมฺภาวเน, อโห อจฺฉริยนฺติ อโตฺถฯ โภติ ธมฺมาลปนํฯ อภูตปุพฺพํ ภูตนฺติ อพฺภุตํฯ
Vijātanti pajātaṃ, pasutanti attho. Acchariyanti andhassa pabbatārohanaṃ viya niccaṃ na hotīti acchariyaṃ, ayaṃ tāva saddanayo. Aṭṭhakathāsu pana ‘‘accharāyoggaṃ acchariya’’nti vuttaṃ , accharaṃ paharituṃ yuttanti attho. Vatāti sambhāvane, aho acchariyanti attho. Bhoti dhammālapanaṃ. Abhūtapubbaṃ bhūtanti abbhutaṃ.
ตถาคตสฺสาติ อฎฺฐหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต – ตถา อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต, ตถธเมฺม ยาถาวโต อภิสมฺพุโทฺธติ ตถาคโต, ตถทสฺสิตาย ตถาคโต, ตถวาทิตาย ตถาคโต, ตถาการิตาย ตถาคโต, อภิภวนเฎฺฐน ตถาคโตฯ
Tathāgatassāti aṭṭhahi kāraṇehi bhagavā tathāgato – tathā āgatoti tathāgato, tathā gatoti tathāgato, tathalakkhaṇaṃ āgatoti tathāgato, tathadhamme yāthāvato abhisambuddhoti tathāgato, tathadassitāya tathāgato, tathavāditāya tathāgato, tathākāritāya tathāgato, abhibhavanaṭṭhena tathāgato.
กถํ ภควา ตถา อาคโตติ ตถาคโต? ยถา สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺนา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา อาคตาติฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? เยน อภินีหาเรน เต ภควโนฺต อาคตา, เตน อฎฺฐคุณสมนฺนาคเตน อยมฺปิ ภควา อาคโตฯ ยถา จ เต ภควโนฺต ทานปารมิํ ปูเรตฺวา สีลเนกฺขมฺมปญฺญาวีริยขนฺติสจฺจอธิฎฺฐานเมตฺตาอุเปกฺขาปารมีติ อิมา ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมติํส ปารมิโย ปูเรตฺวา ปญฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา ปุพฺพโยคปุพฺพจริยธมฺมกฺขานญาตตฺถจริยาทโย ปูเรตฺวา พุทฺธิจริยาย โกฎิํ ปตฺวา อาคตา, ตถา อยมฺปิ ภควา อาคโตฯ ยถา จ เต ภควโนฺต จตฺตาโร สติปฎฺฐาเน…เป.… อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวตฺวา พฺรูเหตฺวา อาคตา, ตถา อยมฺปิ ภควา อาคโตฯ เอวํ ตถา อาคโตติ ตถาคโตฯ
Kathaṃ bhagavā tathā āgatoti tathāgato? Yathā sabbalokahitāya ussukkamāpannā purimakā sammāsambuddhā āgatāti. Kiṃ vuttaṃ hoti? Yena abhinīhārena te bhagavanto āgatā, tena aṭṭhaguṇasamannāgatena ayampi bhagavā āgato. Yathā ca te bhagavanto dānapāramiṃ pūretvā sīlanekkhammapaññāvīriyakhantisaccaadhiṭṭhānamettāupekkhāpāramīti imā dasa pāramiyo, dasa upapāramiyo, dasa paramatthapāramiyoti samatiṃsa pāramiyo pūretvā pañca mahāpariccāge pariccajitvā pubbayogapubbacariyadhammakkhānañātatthacariyādayo pūretvā buddhicariyāya koṭiṃ patvā āgatā, tathā ayampi bhagavā āgato. Yathā ca te bhagavanto cattāro satipaṭṭhāne…pe… ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ bhāvetvā brūhetvā āgatā, tathā ayampi bhagavā āgato. Evaṃ tathā āgatoti tathāgato.
กถํ ตถา คโตติ ตถาคโต? ยถา สมฺปติชาตา เต ภควโนฺต สเมหิ ปาเทหิ ปถวิยํ ปติฎฺฐาย อุตฺตราภิมุขา สตฺตปทวีติหาเรน คตา, เสตจฺฉเตฺต ธาริยมาเน สพฺพาว ทิสา อนุวิโลเกสุํ, อาสภิญฺจ วาจํ ภาสิํสุ โลเก อตฺตโน เชฎฺฐเสฎฺฐภาวํ ปกาเสนฺตา, ตญฺจ เนสํ คมนํ ตถํ อโหสิ อวิตถํ อเนเกสํ วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวน, ตถา อยมฺปิ ภควา คโต, ตญฺจสฺส คมนํ กถํ อโหสิ อวิตถํ เตสเญฺญว วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวนฯ เอวํ ตถา คโตติ ตถาคโตฯ
Kathaṃ tathā gatoti tathāgato? Yathā sampatijātā te bhagavanto samehi pādehi pathaviyaṃ patiṭṭhāya uttarābhimukhā sattapadavītihārena gatā, setacchatte dhāriyamāne sabbāva disā anuvilokesuṃ, āsabhiñca vācaṃ bhāsiṃsu loke attano jeṭṭhaseṭṭhabhāvaṃ pakāsentā, tañca nesaṃ gamanaṃ tathaṃ ahosi avitathaṃ anekesaṃ visesādhigamānaṃ pubbanimittabhāvena, tathā ayampi bhagavā gato, tañcassa gamanaṃ kathaṃ ahosi avitathaṃ tesaññeva visesādhigamānaṃ pubbanimittabhāvena. Evaṃ tathā gatoti tathāgato.
ยถา วา เต ภควโนฺต เนกฺขเมฺมน กามจฺฉนฺทํ ปหาย คตา, อพฺยาปาเทน พฺยาปาทํ, อาโลกสญฺญาย ถินมิทฺธํ, อวิเกฺขเปน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ, ธมฺมววตฺถาเนน วิจิกิจฺฉํ ปหาย คตา, ญาเณน อวิชฺชํ ปทาเลตฺวา, ปาโมเชฺชน อรติํ วิโนเทตฺวา, อฎฺฐสมาปตฺตีหิ อฎฺฐารสหิ มหาวิปสฺสนาหิ จตูหิ จ อริยมเคฺคหิ ตํ ตํ ปฎิปกฺขํ ปหาย คตา, เอวํ อยมฺปิ ภควา คโตฯ เอวมฺปิ ตถา คโตติ ตถาคโตฯ
Yathā vā te bhagavanto nekkhammena kāmacchandaṃ pahāya gatā, abyāpādena byāpādaṃ, ālokasaññāya thinamiddhaṃ, avikkhepena uddhaccakukkuccaṃ, dhammavavatthānena vicikicchaṃ pahāya gatā, ñāṇena avijjaṃ padāletvā, pāmojjena aratiṃ vinodetvā, aṭṭhasamāpattīhi aṭṭhārasahi mahāvipassanāhi catūhi ca ariyamaggehi taṃ taṃ paṭipakkhaṃ pahāya gatā, evaṃ ayampi bhagavā gato. Evampi tathā gatoti tathāgato.
กถํ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต? ปถวีธาตุยา กกฺขฬลกฺขณํ, อาโปธาตุยา ปคฺฆรณลกฺขณํ, เตโชธาตุยา อุณฺหตฺตลกฺขณํ, วาโยธาตุยา วิตฺถมฺภนลกฺขณํ, อากาสธาตุยา อสมฺผุฎฺฐลกฺขณํ, รูปสฺส รุปฺปนลกฺขณํ, เวทนาย เวทยิตลกฺขณํ, สญฺญาย สญฺชานนลกฺขณํ, สงฺขารานํ อภิสงฺขรณลกฺขณํ, วิญฺญาณสฺส วิชานนลกฺขณนฺติ เอวํ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ, ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ, อฎฺฐารสนฺนํ ธาตูนํ, พาวีสติยา อินฺทฺริยานํ, จตุนฺนํ สจฺจานํ, ทฺวาทสปทิกสฺส ปจฺจยาการสฺส, จตุนฺนํ สติปฎฺฐานานํ, จตุนฺนํ สมฺมปฺปธานานํ, จตุนฺนํ อิทฺธิปาทานํ, ปญฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ, ปญฺจนฺนํ พลานํ, สตฺตนฺนํ โพชฺฌงฺคานํ, อริยสฺส อฎฺฐงฺคิกสฺส มคฺคสฺส, สตฺตนฺนํ วิสุทฺธีนํ, อมโตคธสฺส นิพฺพานสฺสาติ เอวํ ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺส ยํ สภาวสรสลกฺขณํ, ตํ ตถํ อวิตถํ อนญฺญถํ ลกฺขณํ ญาณคติยา อาคโต อวิรชฺฌิตฺวา ปโตฺต อธิคโตติ ตถาคโตฯ เอวํ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโตฯ
Kathaṃ tathalakkhaṇaṃ āgatoti tathāgato? Pathavīdhātuyā kakkhaḷalakkhaṇaṃ, āpodhātuyā paggharaṇalakkhaṇaṃ, tejodhātuyā uṇhattalakkhaṇaṃ, vāyodhātuyā vitthambhanalakkhaṇaṃ, ākāsadhātuyā asamphuṭṭhalakkhaṇaṃ, rūpassa ruppanalakkhaṇaṃ, vedanāya vedayitalakkhaṇaṃ, saññāya sañjānanalakkhaṇaṃ, saṅkhārānaṃ abhisaṅkharaṇalakkhaṇaṃ, viññāṇassa vijānanalakkhaṇanti evaṃ pañcannaṃ khandhānaṃ, dvādasannaṃ āyatanānaṃ, aṭṭhārasannaṃ dhātūnaṃ, bāvīsatiyā indriyānaṃ, catunnaṃ saccānaṃ, dvādasapadikassa paccayākārassa, catunnaṃ satipaṭṭhānānaṃ, catunnaṃ sammappadhānānaṃ, catunnaṃ iddhipādānaṃ, pañcannaṃ indriyānaṃ, pañcannaṃ balānaṃ, sattannaṃ bojjhaṅgānaṃ, ariyassa aṭṭhaṅgikassa maggassa, sattannaṃ visuddhīnaṃ, amatogadhassa nibbānassāti evaṃ tassa tassa dhammassa yaṃ sabhāvasarasalakkhaṇaṃ, taṃ tathaṃ avitathaṃ anaññathaṃ lakkhaṇaṃ ñāṇagatiyā āgato avirajjhitvā patto adhigatoti tathāgato. Evaṃ tathalakkhaṇaṃ āgatoti tathāgato.
กถํ ตถธเมฺม ยาถาวโต อภิสมฺพุโทฺธติ ตถาคโต? ตถธมฺมา นาม จตฺตาริ อริยสจฺจานิฯ ยถาห – ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถานิ อวิตถานิ อนญฺญถานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? อิทํ ทุกฺขนฺติ, ภิกฺขเว, ตถเมตํ อวิตถเมตํ อนญฺญถเมต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐) วิตฺถาโรฯ ตานิ จ ภควา อภิสมฺพุโทฺธ, ตสฺมา ตถานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโตฯ
Kathaṃ tathadhamme yāthāvato abhisambuddhoti tathāgato? Tathadhammā nāma cattāri ariyasaccāni. Yathāha – ‘‘cattārimāni, bhikkhave, tathāni avitathāni anaññathāni. Katamāni cattāri? Idaṃ dukkhanti, bhikkhave, tathametaṃ avitathametaṃ anaññathameta’’nti (saṃ. ni. 5.1090) vitthāro. Tāni ca bhagavā abhisambuddho, tasmā tathānaṃ abhisambuddhattā tathāgato.
อปิจ ชรามรณสฺส ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตโฎฺฐ ตโถ อวิตโถ อนญฺญโถ…เป.… สงฺขารานํ อวิชฺชาปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตโฎฺฐ ตโถ อวิตโถ อนญฺญโถ, ตถา อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยโฎฺฐ…เป... ชาติยา ชรามรณสฺส ปจฺจยโฎฺฐ ตโถ อวิตโถ อนญฺญโถ, ตํ สพฺพํ ภควา อภิสมฺพุโทฺธ, ตสฺมาปิ ตถานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโตฯ อภิสมฺพุทฺธโตฺถ หิ เอตฺถ คตสโทฺทติฯ เอวํ ตถธเมฺม ยาถาวโต อภิสมฺพุโทฺธติ ตถาคโตฯ
Apica jarāmaraṇassa jātipaccayasambhūtasamudāgataṭṭho tatho avitatho anaññatho…pe… saṅkhārānaṃ avijjāpaccayasambhūtasamudāgataṭṭho tatho avitatho anaññatho, tathā avijjāya saṅkhārānaṃ paccayaṭṭho…pe... jātiyā jarāmaraṇassa paccayaṭṭho tatho avitatho anaññatho, taṃ sabbaṃ bhagavā abhisambuddho, tasmāpi tathānaṃ abhisambuddhattā tathāgato. Abhisambuddhattho hi ettha gatasaddoti. Evaṃ tathadhamme yāthāvato abhisambuddhoti tathāgato.
กถํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต? ยํ สเทวเก…เป.… สเทวมนุสฺสาย ปชาย อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ จกฺขุทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉนฺตํ รูปารมฺมณํ นาม อตฺถิ, ตํ ภควา สพฺพาการโต ชานาติ ปสฺสติฯ เอวํ ชานตา ปสฺสตา จ เตน ตํ อิฎฺฐานิฎฺฐาทิวเสน วา ทิฎฺฐสุตมุตวิญฺญาเตสุ ลพฺภมานกปทวเสน วา ‘‘กตมํ ตํ รูปํ รูปายตนํ , ยํ รูปํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฎิฆํ นีลํ ปีตก’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๖๑๖) นเยน อเนเกหิ นาเมหิ เตรสหิ วาเรหิ ทฺวิปญฺญาสาย นเยหิ วิภชฺชมานํ ตถเมว โหติ, วิตถํ นตฺถิฯ เอส นโย โสตทฺวาราทีสุ อาปาถมาคจฺฉเนฺตสุ สทฺทาทีสุฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –
Kathaṃ tathadassitāya tathāgato? Yaṃ sadevake…pe… sadevamanussāya pajāya aparimāṇāsu lokadhātūsu aparimāṇānaṃ sattānaṃ cakkhudvāre āpāthamāgacchantaṃ rūpārammaṇaṃ nāma atthi, taṃ bhagavā sabbākārato jānāti passati. Evaṃ jānatā passatā ca tena taṃ iṭṭhāniṭṭhādivasena vā diṭṭhasutamutaviññātesu labbhamānakapadavasena vā ‘‘katamaṃ taṃ rūpaṃ rūpāyatanaṃ , yaṃ rūpaṃ catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya vaṇṇanibhā sanidassanaṃ sappaṭighaṃ nīlaṃ pītaka’’ntiādinā (dha. sa. 616) nayena anekehi nāmehi terasahi vārehi dvipaññāsāya nayehi vibhajjamānaṃ tathameva hoti, vitathaṃ natthi. Esa nayo sotadvārādīsu āpāthamāgacchantesu saddādīsu. Vuttañhetaṃ bhagavatā –
‘‘ยํ , ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส…เป.… สเทวมนุสฺสาย ทิฎฺฐํ สุตํ มุตํ วิญฺญาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมหํ ชานามิ, ตมหํ อพฺภญฺญาสิํ, ตํ ตถาคตสฺส วิทิตํ, ตํ ตถาคโต น อุปฎฺฐาสี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔)ฯ
‘‘Yaṃ , bhikkhave, sadevakassa lokassa…pe… sadevamanussāya diṭṭhaṃ sutaṃ mutaṃ viññātaṃ pattaṃ pariyesitaṃ anuvicaritaṃ manasā, tamahaṃ jānāmi, tamahaṃ abbhaññāsiṃ, taṃ tathāgatassa viditaṃ, taṃ tathāgato na upaṭṭhāsī’’ti (a. ni. 4.24).
เอวํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต ฯ ตตฺถ ตถทสฺสีอเตฺถ ตถาคโตติ ปทสมฺภโว เวทิตโพฺพฯ
Evaṃ tathadassitāya tathāgato . Tattha tathadassīatthe tathāgatoti padasambhavo veditabbo.
กถํ ตถวาทิตาย ตถาคโต? ยํ รตฺติํ ภควา อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธ, ยญฺจ รตฺติํ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ, เอตฺถนฺตเร ปญฺจจตฺตาลีสวสฺสปริมาณกาลํ ยํ ภควตา ภาสิตํ ลปิตํ สุตฺตเคยฺยาทิ, สพฺพํ ตํ ปริสุทฺธํ ปริปุณฺณํ ราคมทาทินิมฺมถนํ เอกสทิสํ ตถํ อวิตถํฯ เตนาห –
Kathaṃ tathavāditāya tathāgato? Yaṃ rattiṃ bhagavā anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddho, yañca rattiṃ anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyi, etthantare pañcacattālīsavassaparimāṇakālaṃ yaṃ bhagavatā bhāsitaṃ lapitaṃ suttageyyādi, sabbaṃ taṃ parisuddhaṃ paripuṇṇaṃ rāgamadādinimmathanaṃ ekasadisaṃ tathaṃ avitathaṃ. Tenāha –
‘‘ยญฺจ, จุนฺท, รตฺติํ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุชฺฌติ, ยญฺจ รตฺติํ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ, ยํ เอตสฺมิํ อนฺตเร ภาสติ ลปติ นิทฺทิสติ, สพฺพํ ตํ ตเถว โหติ, โน อญฺญถา, ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๘๘)ฯ
‘‘Yañca, cunda, rattiṃ tathāgato anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambujjhati, yañca rattiṃ anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyati, yaṃ etasmiṃ antare bhāsati lapati niddisati, sabbaṃ taṃ tatheva hoti, no aññathā, tasmā ‘tathāgato’ti vuccatī’’ti (dī. ni. 3.188).
คทอโตฺถ เอตฺถ คตสโทฺทฯ เอวํ ตถวาทิตาย ตถาคโตฯ
Gadaattho ettha gatasaddo. Evaṃ tathavāditāya tathāgato.
อปิจ อาคทนํ อาคโท, วจนนฺติ อโตฺถฯ ตโถ อวิตโถ อวิปรีโต อาคโท อสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เอวเมตฺถ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ
Apica āgadanaṃ āgado, vacananti attho. Tatho avitatho aviparīto āgado assāti dakārassa takāraṃ katvā tathāgatoti evamettha padasiddhi veditabbā.
กถํ ตถาการิตาย ตถาคโต? ภควโต หิ วาจาย กาโย อนุโลเมติ, กายสฺสปิ วาจา, ตสฺมา ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที จ โหติฯ เอวํภูตสฺส จสฺส ยถาวาจา, กาโยปิ ตถา คโต ปวโตฺตติ อโตฺถฯ ยถา จ กาโย, วาจาปิ ตถา คตา ปวตฺตาติ ตถาคโตฯ เตนาห –
Kathaṃ tathākāritāya tathāgato? Bhagavato hi vācāya kāyo anulometi, kāyassapi vācā, tasmā yathāvādī tathākārī, yathākārī tathāvādī ca hoti. Evaṃbhūtassa cassa yathāvācā, kāyopi tathā gato pavattoti attho. Yathā ca kāyo, vācāpi tathā gatā pavattāti tathāgato. Tenāha –
‘‘ยถาวาที , ภิกฺขเว, ตถาคโต ตถาการี, ยถาการี ตถาวาทีฯ อิติ ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาทีฯ ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓)ฯ
‘‘Yathāvādī , bhikkhave, tathāgato tathākārī, yathākārī tathāvādī. Iti yathāvādī tathākārī, yathākārī tathāvādī. Tasmā ‘tathāgato’ti vuccatī’’ti (a. ni. 4.23).
เอวํ ตถาการิตาย ตถาคโตฯ
Evaṃ tathākāritāya tathāgato.
กถํ อภิภวนเฎฺฐน ตถาคโต? ยสฺมา อุปริ ภวคฺคํ เหฎฺฐา อวีจิํ ปริยนฺตํ กริตฺวา ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ สพฺพสเตฺต อภิภวติ สีเลนปิ สมาธินาปิ ปญฺญายปิ วิมุตฺติยาปิ วิมุตฺติญาณทสฺสเนนปิ , น ตสฺส ตุลา วา ปมาณํ วา อตฺถิ, อถ โข อตุโล อปฺปเมโยฺย อนุตฺตโร เทวเทโว สกฺกานํ อติสโกฺก, พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา สพฺพสตฺตุตฺตโม, ตสฺมา ตถาคโตฯ เตนาห –
Kathaṃ abhibhavanaṭṭhena tathāgato? Yasmā upari bhavaggaṃ heṭṭhā avīciṃ pariyantaṃ karitvā tiriyaṃ aparimāṇāsu lokadhātūsu sabbasatte abhibhavati sīlenapi samādhināpi paññāyapi vimuttiyāpi vimuttiñāṇadassanenapi , na tassa tulā vā pamāṇaṃ vā atthi, atha kho atulo appameyyo anuttaro devadevo sakkānaṃ atisakko, brahmānaṃ atibrahmā sabbasattuttamo, tasmā tathāgato. Tenāha –
‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป.… สเทวมนุสฺสาย ตถาคโต อภิภู อนภิภูโต อญฺญทตฺถุทโส วสวตฺติ, ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓)ฯ
‘‘Sadevake, bhikkhave, loke…pe… sadevamanussāya tathāgato abhibhū anabhibhūto aññadatthudaso vasavatti, tasmā ‘tathāgato’ti vuccatī’’ti (a. ni. 4.23).
ตตฺรายํ ปทสิทฺธิ – อคโท วิย อคโท, เทสนาวิลาโส เจว ปุญฺญุสฺสโย จฯ เตน โส มหานุภาโว ภิสโกฺก วิย ทิพฺพาคเทน สเปฺป สพฺพปรปฺปวาทิโน สเทวกญฺจ โลกํ อภิภวติฯ อิติ สพฺพโลกาภิภวเน ตโถ อวิตโถ อวิปรีโต ยถาวุโตฺตว อคโท เอตสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เวทิตโพฺพฯ เอวํ อภิภวนเฎฺฐน ตถาคโตฯ
Tatrāyaṃ padasiddhi – agado viya agado, desanāvilāso ceva puññussayo ca. Tena so mahānubhāvo bhisakko viya dibbāgadena sappe sabbaparappavādino sadevakañca lokaṃ abhibhavati. Iti sabbalokābhibhavane tatho avitatho aviparīto yathāvuttova agado etassāti dakārassa takāraṃ katvā tathāgatoti veditabbo. Evaṃ abhibhavanaṭṭhena tathāgato.
อปิจ ตถาย คโตติ ตถาคโต, ตถํ คโตติ ตถาคโตฯ ตตฺถ สกลโลกํ ตีรณปริญฺญาย ตถาย คโต อวคโตติ ตถาคโตฯ โลกสมุทยํ ปหานปริญฺญาย ตถาย คโต อตีโตติ ตถาคโตฯ โลกนิโรธํ สจฺฉิกิริยาย ตถาย คโต อธิคโตติ ตถาคโตฯ โลกนิโรธคามินิํ ปฎิปทํ ตถํ คโต ปฎิปโนฺนติ ตถาคโตฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –
Apica tathāya gatoti tathāgato, tathaṃ gatoti tathāgato. Tattha sakalalokaṃ tīraṇapariññāya tathāya gato avagatoti tathāgato. Lokasamudayaṃ pahānapariññāya tathāya gato atītoti tathāgato. Lokanirodhaṃ sacchikiriyāya tathāya gato adhigatoti tathāgato. Lokanirodhagāminiṃ paṭipadaṃ tathaṃ gato paṭipannoti tathāgato. Vuttañhetaṃ bhagavatā –
‘‘โลโก, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุโทฺธ, โลกสฺมา ตถาคโต วิสํยุโตฺตฯ โลกสมุทโย, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุโทฺธ, โลกสมุทโย ตถาคตสฺส ปหีโน, โลกนิโรโธ, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุโทฺธ, โลกนิโรโธ ตถาคตสฺส สจฺฉิกโตฯ โลกนิโรธคามินี ปฎิปทา , ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา , โลกนิโรธคามินี ปฎิปทา ตถาคตสฺส ภาวิตาฯ ยํ, ภิกฺขเว , สเทวกสฺส โลกสฺส…เป.… สพฺพํ ตํ ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธํฯ ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓)ฯ
‘‘Loko, bhikkhave, tathāgatena abhisambuddho, lokasmā tathāgato visaṃyutto. Lokasamudayo, bhikkhave, tathāgatena abhisambuddho, lokasamudayo tathāgatassa pahīno, lokanirodho, bhikkhave, tathāgatena abhisambuddho, lokanirodho tathāgatassa sacchikato. Lokanirodhagāminī paṭipadā , bhikkhave, tathāgatena abhisambuddhā , lokanirodhagāminī paṭipadā tathāgatassa bhāvitā. Yaṃ, bhikkhave , sadevakassa lokassa…pe… sabbaṃ taṃ tathāgatena abhisambuddhaṃ. Tasmā ‘tathāgato’ti vuccatī’’ti (a. ni. 4.23).
อปเรหิปิ อฎฺฐหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต – ตถาย อาคโตติ ตถาคโต, ตถาย คโตติ ตถาคโต, ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถาวิโธติ ตถาคโต, ตถา ปวตฺติโตติ ตถาคโต, ตเถหิ อคโตติ ตถาคโต, ตถา คตภาเวน ตถาคโตฯ
Aparehipi aṭṭhahi kāraṇehi bhagavā tathāgato – tathāya āgatoti tathāgato, tathāya gatoti tathāgato, tathāni āgatoti tathāgato, tathā gatoti tathāgato, tathāvidhoti tathāgato, tathā pavattitoti tathāgato, tathehi agatoti tathāgato, tathā gatabhāvena tathāgato.
กถํ ตถาย อาคโตติ ตถาคโต? ยา สา ภควตา สุเมธภูเตน ทีปงฺกรทสพลสฺส ปาทมูเล –
Kathaṃ tathāya āgatoti tathāgato? Yā sā bhagavatā sumedhabhūtena dīpaṅkaradasabalassa pādamūle –
‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ,
‘‘Manussattaṃ liṅgasampatti, hetu satthāradassanaṃ,
ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;
Pabbajjā guṇasampatti, adhikāro ca chandatā;
อฎฺฐธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติฯ (พุ. วํ. ๒.๕๙) –
Aṭṭhadhammasamodhānā, abhinīhāro samijjhatī’’ti. (bu. vaṃ. 2.59) –
เอวํ วุตฺตํ อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตํ อภินีหารํ สมฺปาเทเนฺตน ‘‘อหํ สเทวกํ โลกํ ติโณฺณ ตาเรสฺสามิ, มุโตฺต โมเจสฺสามิ, ทโนฺต ทเมสฺสามิ, สโนฺต สเมสฺสามิ, อสฺสโตฺถ อสฺสาเสสฺสามิ, ปรินิพฺพุโต ปรินิพฺพาเปสฺสามิ, พุโทฺธ โพเธสฺสามี’’ติ มหาปฎิญฺญา ปวตฺติตาฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Evaṃ vuttaṃ aṭṭhaṅgasamannāgataṃ abhinīhāraṃ sampādentena ‘‘ahaṃ sadevakaṃ lokaṃ tiṇṇo tāressāmi, mutto mocessāmi, danto damessāmi, santo samessāmi, assattho assāsessāmi, parinibbuto parinibbāpessāmi, buddho bodhessāmī’’ti mahāpaṭiññā pavattitā. Vuttañhetaṃ –
‘‘กิํ เม เอเกน ติเณฺณน, ปุริเสน ถามทสฺสินา;
‘‘Kiṃ me ekena tiṇṇena, purisena thāmadassinā;
สพฺพญฺญุตํ ปาปุณิตฺวา, สนฺตาเรสฺสํ สเทวกํฯ
Sabbaññutaṃ pāpuṇitvā, santāressaṃ sadevakaṃ.
‘‘อิมินา เม อธิกาเรน, กเตน ปุริสุตฺตเม;
‘‘Iminā me adhikārena, katena purisuttame;
สพฺพญฺญุตํ ปาปุณิตฺวา, ตาเรมิ ชนตํ พหุํฯ
Sabbaññutaṃ pāpuṇitvā, tāremi janataṃ bahuṃ.
‘‘สํสารโสตํ ฉินฺทิตฺวา, วิทฺธํเสตฺวา ตโย ภเว;
‘‘Saṃsārasotaṃ chinditvā, viddhaṃsetvā tayo bhave;
ธมฺมนาวํ สมารุยฺห, สนฺตาเรสฺสํ สเทวกํฯ
Dhammanāvaṃ samāruyha, santāressaṃ sadevakaṃ.
‘‘กิํ เม อญฺญาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;
‘‘Kiṃ me aññātavesena, dhammaṃ sacchikatenidha;
สพฺพญฺญุตํ ปาปุณิตฺวา, พุโทฺธ เหสฺสํ สเทวเก’’ติฯ (พุ. วํ. ๒.๕๕-๕๘);
Sabbaññutaṃ pāpuṇitvā, buddho hessaṃ sadevake’’ti. (bu. vaṃ. 2.55-58);
ตํ ปเนตํ มหาปฎิญฺญํ สกลสฺสาปิ พุทฺธกรธมฺมสมุทายสฺส ปวิจย ปจฺจเวกฺขณสมาทานานํ การณภูตํ อวิสํวาเทตฺวา โลกนายโก ยสฺมา มหากปฺปานํ สตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ นิรวเสสโต ทานปารมิอาทโย สมติํสปารมิโย ปูเรตฺวา, องฺคปริจฺจาคาทโย ปญฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา, สจฺจาธิฎฺฐานาทีนิ จตฺตาริ อธิฎฺฐานานิ ปริพฺรูเหตฺวา, ปุญฺญญาณสมฺภาเร สมฺภริตฺวา, ปุพฺพโยคปุพฺพจริยธมฺมกฺขานญาตตฺถจริยาทโย อุกฺกํสาเปตฺวา, พุทฺธิจริยํ ปรมโกฎิํ ปาเปตฺวา, อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตสฺมา ตเสฺสว สา มหาปฎิญฺญา ตถา อวิตถา อนญฺญถา, น ตสฺส วาลคฺคมตฺตมฺปิ วิตถํ อตฺถิฯ ตถา หิ ทีปงฺกรทสพโล โกณฺฑโญฺญ มงฺคโล…เป.… กสฺสโป ภควาติ อิเม จตุวีสติ สมฺมาสมฺพุทฺธา ปฎิปาฎิยา อุปฺปนฺนา ‘‘พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากริํสุฯ เอวํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติเก ลทฺธพฺยากรโณ เย เต กตาภินีหาเรหิ โพธิสเตฺตหิ ลทฺธพฺพา อานิสํสา, เต ลภิตฺวาว อาคโตติ ตาย ยถาวุตฺตาย มหาปฎิญฺญาย ตถาย อภิสมฺพุทฺธภาวํ อาคโต อธิคโตติ ตถาคโตฯ เอวํ ตถาย อาคโตติ ตถาคโตฯ
Taṃ panetaṃ mahāpaṭiññaṃ sakalassāpi buddhakaradhammasamudāyassa pavicaya paccavekkhaṇasamādānānaṃ kāraṇabhūtaṃ avisaṃvādetvā lokanāyako yasmā mahākappānaṃ satasahassādhikāni cattāri asaṅkhyeyyāni sakkaccaṃ nirantaraṃ niravasesato dānapāramiādayo samatiṃsapāramiyo pūretvā, aṅgapariccāgādayo pañca mahāpariccāge pariccajitvā, saccādhiṭṭhānādīni cattāri adhiṭṭhānāni paribrūhetvā, puññañāṇasambhāre sambharitvā, pubbayogapubbacariyadhammakkhānañātatthacariyādayo ukkaṃsāpetvā, buddhicariyaṃ paramakoṭiṃ pāpetvā, anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambujjhi, tasmā tasseva sā mahāpaṭiññā tathā avitathā anaññathā, na tassa vālaggamattampi vitathaṃ atthi. Tathā hi dīpaṅkaradasabalo koṇḍañño maṅgalo…pe… kassapo bhagavāti ime catuvīsati sammāsambuddhā paṭipāṭiyā uppannā ‘‘buddho bhavissatī’’ti byākariṃsu. Evaṃ catuvīsatiyā buddhānaṃ santike laddhabyākaraṇo ye te katābhinīhārehi bodhisattehi laddhabbā ānisaṃsā, te labhitvāva āgatoti tāya yathāvuttāya mahāpaṭiññāya tathāya abhisambuddhabhāvaṃ āgato adhigatoti tathāgato. Evaṃ tathāya āgatoti tathāgato.
กถํ ตถาย คโตติ ตถาคโต? ยาย มหากรุณาย โลกนาโถ มหาทุกฺขสมฺพาธปฺปฎิปนฺนํ สตฺตนิกายํ ทิสฺวา ‘‘ตสฺส นตฺถโญฺญ โกจิ ปฎิสฺสรณํ, อหเมว นมิโต สํสารทุกฺขโต มุโตฺต โมเจสฺสามี’’ติ สมุสฺสาหิตมานโส มหาภินีหารมกาสิฯ กตฺวา จ ยถาปณิธานํ สกลโลกหิตสมฺปาทนาย อุสฺสุกฺกมาปโนฺน อตฺตโน กายชีวิตนิรเปโกฺข ปเรสํ โสตปถาคมนมเตฺตนปิ จิตฺตุตฺราสสมุปฺปาทิกา อติทุกฺกรา ทุกฺกรจริยา สมาจรโนฺต ยถา มหาโพธิยา ปฎิปตฺติ หานภาคิยา สํกิเลสภาคิยา ฐิติภาคิยา วา น โหติ, อถ โข อุตฺตรุตฺตริ วิเสสภาคิยาว โหติ, ตถา ปฎิปชฺชมาโน อนุปุเพฺพน นิรวเสเส โพธิสมฺภาเร สมฺปาเทตฺวา อภิสโมฺพธิํ ปาปุณิฯ ตโต ปรญฺจ ตาเยว มหากรุณาย สโญฺจทิตมานโส ปวิเวกรติํ ปรมญฺจ สนฺตํ วิโมกฺขสุขํ ปหาย พาลชนพหุเล โลเก เตหิ สมุปฺปาทิตํ สมฺมานาวมานวิปฺปการํ อคเณตฺวา วิเนยฺยชนสฺส วินยเนน นิรวเสสํ พุทฺธกิจฺจํ นิฎฺฐเปสิฯ ตตฺถ โย ภควโต สเตฺตสุ มหากรุณาย สโมกฺกมนากาโร, โส ปรโต อาวิภวิสฺสติฯ ยถา จ พุทฺธภูตสฺส โลกนาถสฺส สเตฺตสุ มหากรุณา, เอวํ โพธิสตฺตภูตสฺสปิ มหาภินีหารกาลาทีสูติ สพฺพตฺถ สพฺพทา จ เอกสทิสตาย ตถา อวิตถา อนญฺญถา, ตสฺมา ตีสุปิ อวตฺถาสุ สพฺพสเตฺตสุ สมานรสาย ตถาย มหากรุณาย สกลโลกหิตาย คโต ปฎิปโนฺนติ ตถาคโตฯ เอวํ ตถาย คโตติ ตถาคโตฯ
Kathaṃ tathāya gatoti tathāgato? Yāya mahākaruṇāya lokanātho mahādukkhasambādhappaṭipannaṃ sattanikāyaṃ disvā ‘‘tassa natthañño koci paṭissaraṇaṃ, ahameva namito saṃsāradukkhato mutto mocessāmī’’ti samussāhitamānaso mahābhinīhāramakāsi. Katvā ca yathāpaṇidhānaṃ sakalalokahitasampādanāya ussukkamāpanno attano kāyajīvitanirapekkho paresaṃ sotapathāgamanamattenapi cittutrāsasamuppādikā atidukkarā dukkaracariyā samācaranto yathā mahābodhiyā paṭipatti hānabhāgiyā saṃkilesabhāgiyā ṭhitibhāgiyā vā na hoti, atha kho uttaruttari visesabhāgiyāva hoti, tathā paṭipajjamāno anupubbena niravasese bodhisambhāre sampādetvā abhisambodhiṃ pāpuṇi. Tato parañca tāyeva mahākaruṇāya sañcoditamānaso pavivekaratiṃ paramañca santaṃ vimokkhasukhaṃ pahāya bālajanabahule loke tehi samuppāditaṃ sammānāvamānavippakāraṃ agaṇetvā vineyyajanassa vinayanena niravasesaṃ buddhakiccaṃ niṭṭhapesi. Tattha yo bhagavato sattesu mahākaruṇāya samokkamanākāro, so parato āvibhavissati. Yathā ca buddhabhūtassa lokanāthassa sattesu mahākaruṇā, evaṃ bodhisattabhūtassapi mahābhinīhārakālādīsūti sabbattha sabbadā ca ekasadisatāya tathā avitathā anaññathā, tasmā tīsupi avatthāsu sabbasattesu samānarasāya tathāya mahākaruṇāya sakalalokahitāya gato paṭipannoti tathāgato. Evaṃ tathāya gatoti tathāgato.
กถํ ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต? ตถานิ นาม จตฺตาริ อริยมคฺคญาณานิฯ ตานิ หิ อิทํ ทุกฺขํ, อยํ ทุกฺขสมุทโย, อยํ ทุกฺขนิโรโธ, อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทาติ เอวํ สพฺพเญยฺยธมฺมสงฺคาหกานํ ปวตฺตินิวตฺติตทุภยเหตุภูตานํ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ทุกฺขสฺส ปีฬนโฎฺฐ สงฺขตโฎฺฐ สนฺตาปโฎฺฐ วิปริณามโฎฺฐ, สมุทยสฺส อายูหนโฎฺฐ นิทานโฎฺฐ สํโยคโฎฺฐ ปลิโพธโฎฺฐ, นิโรธสฺส นิสฺสรณโฎฺฐ วิเวกโฎฺฐ อสงฺขตโฎฺฐ อมตโฎฺฐ, มคฺคสฺส นิยฺยานโฎฺฐ เหตฺวโฎฺฐ ทสฺสนโฎฺฐ อาธิปเตยฺยโฎฺฐติอาทีนํ ตพฺพิภาคานญฺจ ยถาภูตสภาวาวโพธวิพนฺธกสฺส สํกิเลสปกฺขสฺส สมุจฺฉินฺทเนน ปฎิลทฺธาย ตตฺถ อสโมฺมหาภิสมยสงฺขาตาย อวิปรีตาการปฺปวตฺติยา ธมฺมานํ สภาวสรสลกฺขณสฺส อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนญฺญถานิ, ตานิ ภควา อนญฺญเนโยฺย สยเมว อาคโต อธิคโต, ตสฺมา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโตฯ
Kathaṃ tathāni āgatoti tathāgato? Tathāni nāma cattāri ariyamaggañāṇāni. Tāni hi idaṃ dukkhaṃ, ayaṃ dukkhasamudayo, ayaṃ dukkhanirodho, ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadāti evaṃ sabbañeyyadhammasaṅgāhakānaṃ pavattinivattitadubhayahetubhūtānaṃ catunnaṃ ariyasaccānaṃ dukkhassa pīḷanaṭṭho saṅkhataṭṭho santāpaṭṭho vipariṇāmaṭṭho, samudayassa āyūhanaṭṭho nidānaṭṭho saṃyogaṭṭho palibodhaṭṭho, nirodhassa nissaraṇaṭṭho vivekaṭṭho asaṅkhataṭṭho amataṭṭho, maggassa niyyānaṭṭho hetvaṭṭho dassanaṭṭho ādhipateyyaṭṭhotiādīnaṃ tabbibhāgānañca yathābhūtasabhāvāvabodhavibandhakassa saṃkilesapakkhassa samucchindanena paṭiladdhāya tattha asammohābhisamayasaṅkhātāya aviparītākārappavattiyā dhammānaṃ sabhāvasarasalakkhaṇassa avisaṃvādanato tathāni avitathāni anaññathāni, tāni bhagavā anaññaneyyo sayameva āgato adhigato, tasmā tathāni āgatoti tathāgato.
ยถา จ มคฺคญาณานิ, เอวํ ภควโต ตีสุ กาเลสุ อปฺปฎิหตญาณานิ จตุปฎิสมฺภิทาญาณานิ จตุเวสารชฺชญาณานิ ปญฺจคติปริเจฺฉทญาณานิ ฉอสาธารณญาณานิ สตฺตโพชฺฌงฺควิภาวนญาณานิ อฎฺฐมคฺคงฺควิภาวนญาณานิ นวานุปุพฺพวิหารสมาปตฺติญาณานิ ทสพลญาณานิ จ ตถภาเว เวทิตพฺพานิฯ
Yathā ca maggañāṇāni, evaṃ bhagavato tīsu kālesu appaṭihatañāṇāni catupaṭisambhidāñāṇāni catuvesārajjañāṇāni pañcagatiparicchedañāṇāni chaasādhāraṇañāṇāni sattabojjhaṅgavibhāvanañāṇāni aṭṭhamaggaṅgavibhāvanañāṇāni navānupubbavihārasamāpattiñāṇāni dasabalañāṇāni ca tathabhāve veditabbāni.
ตตฺรายํ วิภาวนา – ยญฺหิ กิญฺจิ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ หีนาทิเภทภินฺนาสุ อตีตาสุ ขนฺธายตนธาตูสุ สภาวกิจฺจาทิ อวตฺถาวิเสสาทิ ขนฺธปฺปฎิพทฺธนามโคตฺตาทิ จ ชานิตพฺพํฯ อนินฺทฺริยพเทฺธสุ จ อติสุขุมติโรหิตวิทูรเทเสสุปิ รูปธเมฺมสุ โย ตํตํปจฺจยวิเสเสหิ สทฺธิํ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ วณฺณสณฺฐานคนฺธรสผสฺสาทิวิเสโส, ตตฺถ สพฺพเตฺถว หตฺถตเล ฐปิตอามลเก วิย ปจฺจกฺขโต อปฺปฎิหตํ ภควโต ญาณํ ปวตฺตติ, ตถา อนาคตาสุ ปจฺจุปฺปนฺนาสุ จาติ อิมานิ ตีสุ กาเลสุ อปฺปฎิหตญาณานิ นามฯ ยถาห –
Tatrāyaṃ vibhāvanā – yañhi kiñci aparimāṇāsu lokadhātūsu aparimāṇānaṃ sattānaṃ hīnādibhedabhinnāsu atītāsu khandhāyatanadhātūsu sabhāvakiccādi avatthāvisesādi khandhappaṭibaddhanāmagottādi ca jānitabbaṃ. Anindriyabaddhesu ca atisukhumatirohitavidūradesesupi rūpadhammesu yo taṃtaṃpaccayavisesehi saddhiṃ paccayuppannānaṃ vaṇṇasaṇṭhānagandharasaphassādiviseso, tattha sabbattheva hatthatale ṭhapitaāmalake viya paccakkhato appaṭihataṃ bhagavato ñāṇaṃ pavattati, tathā anāgatāsu paccuppannāsu cāti imāni tīsu kālesu appaṭihatañāṇāni nāma. Yathāha –
‘‘อตีตํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฎิหตํ ญาณํ, อนาคตํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฎิหตํ ญาณํ, ปจฺจุปฺปนฺนํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฎิหตํ ญาณ’’นฺติ (ปฎิ. ม. ๓.๕)ฯ
‘‘Atītaṃse buddhassa bhagavato appaṭihataṃ ñāṇaṃ, anāgataṃse buddhassa bhagavato appaṭihataṃ ñāṇaṃ, paccuppannaṃse buddhassa bhagavato appaṭihataṃ ñāṇa’’nti (paṭi. ma. 3.5).
ตานิ ปเนตานิ ตตฺถ ตตฺถ ธมฺมานํ สภาวสรสลกฺขณสฺส อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนญฺญถานิ, ตานิ ภควา สยมฺภูญาเณน อธิคญฺฉีติฯ เอวมฺปิ ตถานิ อาคโตติ ตถาคโตฯ
Tāni panetāni tattha tattha dhammānaṃ sabhāvasarasalakkhaṇassa avisaṃvādanato tathāni avitathāni anaññathāni, tāni bhagavā sayambhūñāṇena adhigañchīti. Evampi tathāni āgatoti tathāgato.
ตถา อตฺถปฺปฎิสมฺภิทา ธมฺมปฺปฎิสมฺภิทา นิรุตฺติปฺปฎิสมฺภิทา ปฎิภานปฺปฎิสมฺภิทาติ จตโสฺส ปฎิสมฺภิทาฯ ตตฺถ อตฺถปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ อตฺถปฺปเภทคตํ ญาณํ อตฺถปฺปฎิสมฺภิทาฯ ธมฺมปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ธมฺมปฺปเภทคตํ ญาณํ ธมฺมปฺปฎิสมฺภิทาฯ นิรุตฺติปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ นิรุตฺตาภิลาเป ปเภทคตํ ญาณํ นิรุตฺติปฺปฎิสมฺภิทาฯ ปฎิภานปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ปฎิภานปฺปเภทคตํ ญาณํ ปฎิภานปฺปฎิสมฺภิทาฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Tathā atthappaṭisambhidā dhammappaṭisambhidā niruttippaṭisambhidā paṭibhānappaṭisambhidāti catasso paṭisambhidā. Tattha atthappabhedassa sallakkhaṇavibhāvanavavatthānakaraṇasamatthaṃ atthappabhedagataṃ ñāṇaṃ atthappaṭisambhidā. Dhammappabhedassa sallakkhaṇavibhāvanavavatthānakaraṇasamatthaṃ dhammappabhedagataṃ ñāṇaṃ dhammappaṭisambhidā. Niruttippabhedassa sallakkhaṇavibhāvanavavatthānakaraṇasamatthaṃ niruttābhilāpe pabhedagataṃ ñāṇaṃ niruttippaṭisambhidā. Paṭibhānappabhedassa sallakkhaṇavibhāvanavavatthānakaraṇasamatthaṃ paṭibhānappabhedagataṃ ñāṇaṃ paṭibhānappaṭisambhidā. Vuttañhetaṃ –
‘‘อเตฺถ ญาณํ อตฺถปฺปฎิสมฺภิทา, ธเมฺม ญาณํ ธมฺมปฺปฎิสมฺภิทา, ตตฺร ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป ญาณํ นิรุตฺติปฺปฎิสมฺภิทา, ญาเณสุ ญาณํ ปฎิภานปฺปฎิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๘-๗๒๑)ฯ
‘‘Atthe ñāṇaṃ atthappaṭisambhidā, dhamme ñāṇaṃ dhammappaṭisambhidā, tatra dhammaniruttābhilāpe ñāṇaṃ niruttippaṭisambhidā, ñāṇesu ñāṇaṃ paṭibhānappaṭisambhidā’’ti (vibha. 718-721).
เอตฺถ จ เหตุอนุสาเรน อรณียโต อธิคนฺตพฺพโต จ สเงฺขปโต เหตุผลํ อโตฺถ นามฯ ปเภทโต ปน ยํ กิญฺจิ ปจฺจยุปฺปนฺนํ, นิพฺพานํ , ภาสิตโตฺถ, วิปาโก, กิริยาติ อิเม ปญฺจ ธมฺมา อโตฺถฯ ตํ อตฺถํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมิํ อเตฺถ ปเภทคตํ ญาณํ อตฺถปฺปฎิสมฺภิทาฯ ธโมฺมติ สเงฺขปโต ปจฺจโยฯ โส หิ ยสฺมา ตํ ตํ อตฺถํ วิทหติ ปวเตฺตติ เจว ปาเปติ จ, ตสฺมา ธโมฺมติ วุจฺจติ, ปเภทโต ปน โย โกจิ ผลนิพฺพตฺตนโก เหตุ อริยมโคฺค ภาสิตํ กุสลํ อกุสลนฺติ อิเม ปญฺจ ธมฺมา ธโมฺม, ตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมิํ ธเมฺม ปเภทคตํ ญาณํ ธมฺมปฺปฎิสมฺภิทาฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –
Ettha ca hetuanusārena araṇīyato adhigantabbato ca saṅkhepato hetuphalaṃ attho nāma. Pabhedato pana yaṃ kiñci paccayuppannaṃ, nibbānaṃ , bhāsitattho, vipāko, kiriyāti ime pañca dhammā attho. Taṃ atthaṃ paccavekkhantassa tasmiṃ atthe pabhedagataṃ ñāṇaṃ atthappaṭisambhidā. Dhammoti saṅkhepato paccayo. So hi yasmā taṃ taṃ atthaṃ vidahati pavatteti ceva pāpeti ca, tasmā dhammoti vuccati, pabhedato pana yo koci phalanibbattanako hetu ariyamaggo bhāsitaṃ kusalaṃ akusalanti ime pañca dhammā dhammo, taṃ dhammaṃ paccavekkhantassa tasmiṃ dhamme pabhedagataṃ ñāṇaṃ dhammappaṭisambhidā. Vuttampi cetaṃ –
‘‘ทุเกฺข ญาณํ อตฺถปฺปฎิสมฺภิทา, ทุกฺขสมุทเย ญาณํ ธมฺมปฺปฎิสมฺภิทา, ทุกฺขนิโรเธ ญาณํ อตฺถปฺปฎิสมฺภิทา, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย ญาณํ ธมฺมปฺปฎิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๙)ฯ
‘‘Dukkhe ñāṇaṃ atthappaṭisambhidā, dukkhasamudaye ñāṇaṃ dhammappaṭisambhidā, dukkhanirodhe ñāṇaṃ atthappaṭisambhidā, dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāya ñāṇaṃ dhammappaṭisambhidā’’ti (vibha. 719).
อถ วา เหตุมฺหิ ญาณํ ธมฺมปฺปฎิสมฺภิทา, เหตุผเล ญาณํ อตฺถปฺปฎิสมฺภิทาฯ เย ธมฺมา ชาตา ภูตา สญฺชาตา นิพฺพตฺตา อภินิพฺพตฺตา ปาตุภูตา, อิเมสุ ธเมฺมสุ ญาณํ อตฺถปฺปฎิสมฺภิทาฯ ยมฺหา ธมฺมา เต ธมฺมา ชาตา ภูตา สญฺชาตา นิพฺพตฺตา อภินิพฺพตฺตา ปาตุภูตา, เตสุ ธเมฺมสุ ญาณํ ธมฺมปฺปฎิสมฺภิทาฯ ชรามรเณ ญาณํ อตฺถปฺปฎิสมฺภิทา, ชรามรณสมุทเย ญาณํ ธมฺมปฺปฎิสมฺภิทาฯ ชรามรณนิโรเธ ญาณํ อตฺถปฺปฎิสมฺภิทา, ชรามรณนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย ญาณํ ธมฺมปฺปฎิสมฺภิทาฯ ชาติยา, ภเว, อุปาทาเน, ตณฺหาย, เวทนาย, ผเสฺส, สฬายตเน, นามรูเป, วิญฺญาเณ, สงฺขาเรสุ ญาณํ อตฺถปฺปฎิสมฺภิทา, สงฺขารสมุทเย ญาณํ ธมฺมปฺปฎิสมฺภิทาฯ สงฺขารนิโรเธ ญาณํ อตฺถปฺปฎิสมฺภิทา, สงฺขารนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย ญาณํ ธมฺมปฺปฎิสมฺภิทาฯ
Atha vā hetumhi ñāṇaṃ dhammappaṭisambhidā, hetuphale ñāṇaṃ atthappaṭisambhidā. Ye dhammā jātā bhūtā sañjātā nibbattā abhinibbattā pātubhūtā, imesu dhammesu ñāṇaṃ atthappaṭisambhidā. Yamhā dhammā te dhammā jātā bhūtā sañjātā nibbattā abhinibbattā pātubhūtā, tesu dhammesu ñāṇaṃ dhammappaṭisambhidā. Jarāmaraṇe ñāṇaṃ atthappaṭisambhidā, jarāmaraṇasamudaye ñāṇaṃ dhammappaṭisambhidā. Jarāmaraṇanirodhe ñāṇaṃ atthappaṭisambhidā, jarāmaraṇanirodhagāminiyā paṭipadāya ñāṇaṃ dhammappaṭisambhidā. Jātiyā, bhave, upādāne, taṇhāya, vedanāya, phasse, saḷāyatane, nāmarūpe, viññāṇe, saṅkhāresu ñāṇaṃ atthappaṭisambhidā, saṅkhārasamudaye ñāṇaṃ dhammappaṭisambhidā. Saṅkhāranirodhe ñāṇaṃ atthappaṭisambhidā, saṅkhāranirodhagāminiyā paṭipadāya ñāṇaṃ dhammappaṭisambhidā.
‘‘อิธ ภิกฺขุ ธมฺมํ ชานาติ สุตฺตํ เคยฺยํ…เป.… เวทลฺลํ, อยํ วุจฺจติ ธมฺมปฺปฎิสมฺภิทาฯ โส ตสฺส ตเสฺสว ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานาติ ‘อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อโตฺถ, อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อโตฺถ’ติ, อยํ วุจฺจติ อตฺถปฺปฎิสมฺภิทาฯ
‘‘Idha bhikkhu dhammaṃ jānāti suttaṃ geyyaṃ…pe… vedallaṃ, ayaṃ vuccati dhammappaṭisambhidā. So tassa tasseva bhāsitassa atthaṃ jānāti ‘ayaṃ imassa bhāsitassa attho, ayaṃ imassa bhāsitassa attho’ti, ayaṃ vuccati atthappaṭisambhidā.
‘‘กตเม ธมฺมา กุสลา? ยสฺมิํ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ โสมนสฺสสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ รูปารมฺมณํ วา…เป.… ธมฺมารมฺมณํ วา ยํ ยํ วา ปนารพฺภ, ตสฺมิํ สมเย ผโสฺส โหติ…เป.… อวิเกฺขโป โหติ…เป.… อิเม ธมฺมา กุสลาฯ อิเมสุ ธเมฺมสุ ญาณํ ธมฺมปฺปฎิสมฺภิทา, เตสํ วิปาเก ญาณํ อตฺถปฺปฎิสมฺภิทา’’ติอาทิ (วิภ. ๗๒๔-๗๒๕) วิตฺถาโรฯ
‘‘Katame dhammā kusalā? Yasmiṃ samaye kāmāvacaraṃ kusalaṃ cittaṃ uppannaṃ hoti somanassasahagataṃ ñāṇasampayuttaṃ rūpārammaṇaṃ vā…pe… dhammārammaṇaṃ vā yaṃ yaṃ vā panārabbha, tasmiṃ samaye phasso hoti…pe… avikkhepo hoti…pe… ime dhammā kusalā. Imesu dhammesu ñāṇaṃ dhammappaṭisambhidā, tesaṃ vipāke ñāṇaṃ atthappaṭisambhidā’’tiādi (vibha. 724-725) vitthāro.
ยา ปเนตสฺมิํ อเตฺถ จ ธเมฺม จ สภาวนิรุตฺติ อพฺยภิจารโวหาโร อภิลาโป, ตสฺมิํ สภาวนิรุตฺตาภิลาเป มาคธิกาย สพฺพสตฺตานํ มูลภาสาย ‘‘อยํ สภาวนิรุตฺติ, อยํ อสภาวนิรุตฺตี’’ติ ปเภทคตํ ญาณํ นิรุตฺติปฺปฎิสมฺภิทาฯ ยถาวุเตฺตสุ เตสุ ญาเณสุ โคจรกิจฺจโต วิตฺถารโต ปวตฺตํ สพฺพมฺปิ ตํ ญาณํ อารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมิํ ญาเณ ปเภทคตํ ญาณํ ปฎิภานปฺปฎิสมฺภิทาฯ อิติ อิมานิ จตฺตาริ ปฎิสมฺภิทาญาณานิ สยเมว ภควตา อธิคตานิ อตฺถธมฺมาทิเก ตสฺมิํ ตสฺมิํ อตฺตโน วิสเย อวิสํวาทนวเสน อวิปรีตาการปฺปวตฺติยา ตถานิ อวิตถานิ อนญฺญถานิฯ เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโตฯ
Yā panetasmiṃ atthe ca dhamme ca sabhāvanirutti abyabhicāravohāro abhilāpo, tasmiṃ sabhāvaniruttābhilāpe māgadhikāya sabbasattānaṃ mūlabhāsāya ‘‘ayaṃ sabhāvanirutti, ayaṃ asabhāvaniruttī’’ti pabhedagataṃ ñāṇaṃ niruttippaṭisambhidā. Yathāvuttesu tesu ñāṇesu gocarakiccato vitthārato pavattaṃ sabbampi taṃ ñāṇaṃ ārammaṇaṃ katvā paccavekkhantassa tasmiṃ ñāṇe pabhedagataṃ ñāṇaṃ paṭibhānappaṭisambhidā. Iti imāni cattāri paṭisambhidāñāṇāni sayameva bhagavatā adhigatāni atthadhammādike tasmiṃ tasmiṃ attano visaye avisaṃvādanavasena aviparītākārappavattiyā tathāni avitathāni anaññathāni. Evampi bhagavā tathāni āgatoti tathāgato.
ตถา ยํกิญฺจิ เญยฺยํ นาม, สพฺพํ ตํ ภควตา สพฺพากาเรน ญาตํ ทิฎฺฐํ อธิคตํ อภิสมฺพุทฺธํฯ ตถา หิสฺส อภิเญฺญยฺยา ธมฺมา อภิเญฺญยฺยโต พุทฺธา, ปริเญฺญยฺยา ธมฺมา ปริเญฺญยฺยโต, ปหาตพฺพา ธมฺมา ปหาตพฺพโต, สจฺฉิกาตพฺพา ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพโต, ภาเวตพฺพา ธมฺมา ภาเวตพฺพโต, ยโต นํ โกจิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา ‘‘อิเม นาม เต ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’’ติ สห ธเมฺมน อนุยุญฺชิตุํ สมโตฺถ นตฺถิฯ
Tathā yaṃkiñci ñeyyaṃ nāma, sabbaṃ taṃ bhagavatā sabbākārena ñātaṃ diṭṭhaṃ adhigataṃ abhisambuddhaṃ. Tathā hissa abhiññeyyā dhammā abhiññeyyato buddhā, pariññeyyā dhammā pariññeyyato, pahātabbā dhammā pahātabbato, sacchikātabbā dhammā sacchikātabbato, bhāvetabbā dhammā bhāvetabbato, yato naṃ koci samaṇo vā brāhmaṇo vā devo vā māro vā brahmā vā ‘‘ime nāma te dhammā anabhisambuddhā’’ti saha dhammena anuyuñjituṃ samattho natthi.
ยํกิญฺจิ ปหาตพฺพํ นาม, สพฺพํ ตํ ภควโต อนวเสสโต โพธิมูเลเยว ปหีนํ อนุปฺปตฺติธมฺมํ , น ตสฺส ปหานาย อุตฺตริ กรณียํ อตฺถิฯ ตถา หิสฺส โลภโทสโมหวิปรีตมนสิการอหิริกาโนตฺตปฺปถินมิทฺธโกธูปนาห- มกฺขปลาสอิสฺสามจฺฉริยมายาสาเฐยฺยถมฺภสารมฺภมานาติมานมทปฺปมาทติวิธา- กุสลมูลทุจฺจริตวิสมวิปรีตสญฺญา- มลวิตกฺกปปญฺจเอสนาตณฺหาจตุพฺพิธวิปริเยสอาสวคนฺถ- โอฆโยคาคติตณฺหุปาทานปญฺจาภินนฺทนนีวรณเจโตขิลเจตโสวินิพนฺธ- ฉวิวาทมูลสตฺตานุสยอฎฺฐมิจฺฉตฺตนวอาฆาตวตฺถุตณฺหา- มูลกทสอกุสลกมฺมปถเอกวีสติ อเนสนทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิคตอฎฺฐสตตณฺหาวิจริตาทิปฺปเภทํ ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ สห วาสนาย ปหีนํ สมุจฺฉินฺนํ สมูหตํ, ยโต นํ โกจิ สมโณ วา…เป.… พฺรหฺมา วา ‘‘อิเม นาม เต กิเลสา อปฺปหีนา’’ติ สห ธเมฺมน อนุยุญฺชิตุํ สมโตฺถ นตฺถิฯ
Yaṃkiñci pahātabbaṃ nāma, sabbaṃ taṃ bhagavato anavasesato bodhimūleyeva pahīnaṃ anuppattidhammaṃ , na tassa pahānāya uttari karaṇīyaṃ atthi. Tathā hissa lobhadosamohaviparītamanasikāraahirikānottappathinamiddhakodhūpanāha- makkhapalāsaissāmacchariyamāyāsāṭheyyathambhasārambhamānātimānamadappamādatividhā- kusalamūladuccaritavisamaviparītasaññā- malavitakkapapañcaesanātaṇhācatubbidhavipariyesaāsavagantha- oghayogāgatitaṇhupādānapañcābhinandananīvaraṇacetokhilacetasovinibandha- chavivādamūlasattānusayaaṭṭhamicchattanavaāghātavatthutaṇhā- mūlakadasaakusalakammapathaekavīsati anesanadvāsaṭṭhidiṭṭhigataaṭṭhasatataṇhāvicaritādippabhedaṃ diyaḍḍhakilesasahassaṃ saha vāsanāya pahīnaṃ samucchinnaṃ samūhataṃ, yato naṃ koci samaṇo vā…pe… brahmā vā ‘‘ime nāma te kilesā appahīnā’’ti saha dhammena anuyuñjituṃ samattho natthi.
เย จิเม ภควตา กมฺมวิปากกิเลสูปวาทอาณาวีติกฺกมปฺปเภทา อนฺตรายิกา วุตฺตา, อลเมว เต ปฎิเสวโต เอกเนฺตน อนฺตรายายฯ ยโต นํ โกจิ สมโณ วา…เป.… พฺรหฺมา วา ‘‘นาลํ เต ปฎิเสวโต อนฺตรายายา’’ติ สห ธเมฺมน อนุยุญฺชิตุํ สมโตฺถ นตฺถิฯ
Ye cime bhagavatā kammavipākakilesūpavādaāṇāvītikkamappabhedā antarāyikā vuttā, alameva te paṭisevato ekantena antarāyāya. Yato naṃ koci samaṇo vā…pe… brahmā vā ‘‘nālaṃ te paṭisevato antarāyāyā’’ti saha dhammena anuyuñjituṃ samattho natthi.
โย จ ภควตา นิรวเสสวฎฺฎทุกฺขนิสฺสรณาย สีลสมาธิปญฺญาย สงฺคโห สตฺตโกฎฺฐาสิโก สตฺตติํสปฺปเภโท อริยมคฺคปุพฺพงฺคโม อนุตฺตโร นิยฺยานิโก ธโมฺม เทสิโต, โส เอกเนฺตเนว นิยฺยาติ, ปฎิปนฺนสฺส วฎฺฎทุกฺขโต โมกฺขาย โหติ, ยโต นํ โกจิ สมโณ วา…เป.… พฺรหฺมา วา ‘‘นิยฺยานิโก ธโมฺมติ ตยา เทสิโต น นิยฺยาตี’’ติ สห ธเมฺมน อนุยุญฺชิตุํ สมโตฺถ นตฺถีติฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฎิชานโต อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๐) วิตฺถาโรฯ เอวเมตานิ อตฺตโน ญาณปฺปหานเทสนาวิเสสานํ อวิตถภาวาวโพธนโต อวิปรีตาการปฺปวตฺติตานิ ภควโต จตุเวสารชฺชญาณานิ ตถานิ อวิตถานิ อนญฺญถานิฯ เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโตฯ
Yo ca bhagavatā niravasesavaṭṭadukkhanissaraṇāya sīlasamādhipaññāya saṅgaho sattakoṭṭhāsiko sattatiṃsappabhedo ariyamaggapubbaṅgamo anuttaro niyyāniko dhammo desito, so ekanteneva niyyāti, paṭipannassa vaṭṭadukkhato mokkhāya hoti, yato naṃ koci samaṇo vā…pe… brahmā vā ‘‘niyyāniko dhammoti tayā desito na niyyātī’’ti saha dhammena anuyuñjituṃ samattho natthīti. Vuttañhetaṃ – ‘‘sammāsambuddhassa te paṭijānato ime dhammā anabhisambuddhā’’ti (ma. ni. 1.150) vitthāro. Evametāni attano ñāṇappahānadesanāvisesānaṃ avitathabhāvāvabodhanato aviparītākārappavattitāni bhagavato catuvesārajjañāṇāni tathāni avitathāni anaññathāni. Evampi bhagavā tathāni āgatoti tathāgato.
ตถา นิรยคติ, ติรจฺฉานคติ, เปตคติ, มนุสฺสคติ, เทวคตีติ ปญฺจ คติโย, ตาสุ สญฺชีวาทโย อฎฺฐ มหานิรยา, กุกฺกุฬาทโย โสฬส อุสฺสทนิรยา, โลกนฺตริกนิรโยติ สเพฺพปิเม เอกนฺตทุกฺขตาย นิรสฺสาทเฎฺฐน นิรยา, ยถากมฺมุนา คนฺตพฺพโต คติ จาติ นิรยคติ, ติพฺพนฺธการสีตนรกาปิ เอเตเสฺวว อโนฺตคธาฯ กิมิกีฎสรีสปปกฺขิโสณสิงฺคาลาทโย ติริยํ อญฺฉิตภาเวน ติรจฺฉานา, เต เอว คตีติ ติรจฺฉานคติฯ ขุปฺปิปาสิตตฺตา ปรทตฺตูปชีวินิชฺฌามตณฺหิกาทโย ทุกฺขพหุลตาย ปากฎสุขโต อิตา วิคตาติ เปตา, เต เอว คตีติ เปตคติ, กาลกญฺจิกาทิอสุราปิ เอเตเสฺววโนฺตคธาฯ ปริตฺตทีปวาสีหิ สทฺธิํ ชมฺพุทีปาทิจตุมหาทีปวาสิโน มนโส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสา, เต เอว คตีติ มนุสฺสคติฯ จาตุมหาราชิกโต ปฎฺฐาย ยาว เนวสญฺญานาสญฺญายตนูปคาติ อิเม ฉพฺพีสติ เทวนิกายา ทิพฺพนฺติ อตฺตโน อิทฺธานุภาเวน กีฬนฺติ โชตนฺติ จาติ เทวา, เต เอว คตีติ เทวคติฯ
Tathā nirayagati, tiracchānagati, petagati, manussagati, devagatīti pañca gatiyo, tāsu sañjīvādayo aṭṭha mahānirayā, kukkuḷādayo soḷasa ussadanirayā, lokantarikanirayoti sabbepime ekantadukkhatāya nirassādaṭṭhena nirayā, yathākammunā gantabbato gati cāti nirayagati, tibbandhakārasītanarakāpi etesveva antogadhā. Kimikīṭasarīsapapakkhisoṇasiṅgālādayo tiriyaṃ añchitabhāvena tiracchānā, te eva gatīti tiracchānagati. Khuppipāsitattā paradattūpajīvinijjhāmataṇhikādayo dukkhabahulatāya pākaṭasukhato itā vigatāti petā, te eva gatīti petagati, kālakañcikādiasurāpi etesvevantogadhā. Parittadīpavāsīhi saddhiṃ jambudīpādicatumahādīpavāsino manaso ussannatāya manussā, te eva gatīti manussagati. Cātumahārājikato paṭṭhāya yāva nevasaññānāsaññāyatanūpagāti ime chabbīsati devanikāyā dibbanti attano iddhānubhāvena kīḷanti jotanti cāti devā, te eva gatīti devagati.
ตา ปเนตา คติโย ยสฺมา ตํตํกมฺมนิพฺพโตฺต อุปปตฺติภววิเสโส, ตสฺมา อตฺถโต วิปากกฺขนฺธา กฎตฺตา จ รูปํฯ ตตฺถ ‘‘อยํ นาม คติ อิมินา นาม กมฺมุนา ชายติ, ตสฺส จ กมฺมสฺส ปจฺจยวิเสเสหิ เอวํ วิภาคภินฺนตฺตา วิสุํ เอเต สตฺตนิกายา เอวํ วิภาคภินฺนา’’ติ ยถาสกํ เหตุผลวิภาคปริจฺฉินฺทนวเสน ฐานโส เหตุโส ภควโต ญาณํ ปวตฺตติฯ เตนาห ภควา –
Tā panetā gatiyo yasmā taṃtaṃkammanibbatto upapattibhavaviseso, tasmā atthato vipākakkhandhā kaṭattā ca rūpaṃ. Tattha ‘‘ayaṃ nāma gati iminā nāma kammunā jāyati, tassa ca kammassa paccayavisesehi evaṃ vibhāgabhinnattā visuṃ ete sattanikāyā evaṃ vibhāgabhinnā’’ti yathāsakaṃ hetuphalavibhāgaparicchindanavasena ṭhānaso hetuso bhagavato ñāṇaṃ pavattati. Tenāha bhagavā –
‘‘ปญฺจ โข อิมา, สาริปุตฺต, คติโยฯ กตมา ปญฺจ? นิรโย, ติรจฺฉานโยนิ, เปตฺติวิสโย, มนุสฺสา, เทวาฯ นิรยญฺจาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ นิรยคามิญฺจ มคฺคํ นิรยคามินิญฺจ ปฎิปทํ, ยถา ปฎิปโนฺน จ กายสฺส เภทา ปรมฺมรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ, ตญฺจ ปชานามี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๑๕๓)ฯ
‘‘Pañca kho imā, sāriputta, gatiyo. Katamā pañca? Nirayo, tiracchānayoni, pettivisayo, manussā, devā. Nirayañcāhaṃ, sāriputta, pajānāmi nirayagāmiñca maggaṃ nirayagāminiñca paṭipadaṃ, yathā paṭipanno ca kāyassa bhedā parammaraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati, tañca pajānāmī’’tiādi (ma. ni. 1.153).
ตานิ ปเนตานิ ภควโต ญาณานิ ตสฺมิํ ตสฺมิํ วิสเย อวิปรีตาการปฺปวตฺติยา อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนญฺญถานิฯ เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโตฯ
Tāni panetāni bhagavato ñāṇāni tasmiṃ tasmiṃ visaye aviparītākārappavattiyā avisaṃvādanato tathāni avitathāni anaññathāni. Evampi bhagavā tathāni āgatoti tathāgato.
ตถา ยํ สตฺตานํ สทฺธาทิโยควิกลาวิกลภาวาวโพธเนน อปฺปรชกฺขมหารชกฺขตาทิวิเสสวิภาวนํ ปญฺญาสาย อากาเรหิ ปวตฺตํ ภควโต อินฺทฺริยปโรปริยตฺตญาณํฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘สโทฺธ ปุคฺคโล อปฺปรชโกฺข, อสฺสโทฺธ ปุคฺคโล มหารชโกฺข’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๑๑๑) วิตฺถาโรฯ
Tathā yaṃ sattānaṃ saddhādiyogavikalāvikalabhāvāvabodhanena apparajakkhamahārajakkhatādivisesavibhāvanaṃ paññāsāya ākārehi pavattaṃ bhagavato indriyaparopariyattañāṇaṃ. Vuttañhetaṃ – ‘‘saddho puggalo apparajakkho, assaddho puggalo mahārajakkho’’ti (paṭi. ma. 1.111) vitthāro.
ยญฺจ ‘‘อยํ ปุคฺคโล อปฺปรชโกฺข, อยํ สสฺสตทิฎฺฐิโก, อยํ อุเจฺฉททิฎฺฐิโก, อยํ อนุโลมิกายํ ขนฺติยํ ฐิโต, อยํ ยถาภูตญาเณ ฐิโต, อยํ กามาสโย, น เนกฺขมฺมาทิอาสโย, อยํ เนกฺขมฺมาสโย, น กามาทิอาสโย’’ติอาทินา ‘‘อิมสฺส กามราโค อติวิย ถามคโต, น ปฎิฆาทิโก, อิมสฺส ปฎิโฆ อติวิย ถามคโต, น กามราคาทิโก’’ติอาทินา ‘‘อิมสฺส ปุญฺญาภิสงฺขาโร อธิโก, น อปุญฺญาภิสงฺขาโร น อาเนญฺชาภิสงฺขาโร, อิมสฺส อปุญฺญาภิสงฺขาโร อธิโก, น ปุญฺญาภิสงฺขาโร น อาเนญฺชาภิสงฺขาโร, อิมสฺส อาเนญฺชาภิสงฺขาโร อธิโก, น ปุญฺญาภิสงฺขาโร น อปุญฺญาภิสงฺขาโรฯ อิมสฺส กายสุจริตํ อธิกํ, อิมสฺส วจีสุจริตํ, อิมสฺส มโนสุจริตํ, อยํ หีนาธิมุตฺติโก, อยํ ปณีตาธิมุตฺติโก, อยํ กมฺมาวรเณน สมนฺนาคโต, อยํ กิเลสาวรเณน สมนฺนาคโต, อยํ วิปากาวรเณน สมนฺนาคโต, อยํ น กมฺมาวรเณน สมนฺนาคโต, น กิเลสาวรเณน สมนฺนาคโต, น วิปากาวรเณน สมนฺนาคโต’’ติอาทินา จ สตฺตานํ อาสยาทีนํ ยถาภูตํ วิภาวนาการปฺปวตฺตํ ภควโต อาสยานุสยญาณํฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
Yañca ‘‘ayaṃ puggalo apparajakkho, ayaṃ sassatadiṭṭhiko, ayaṃ ucchedadiṭṭhiko, ayaṃ anulomikāyaṃ khantiyaṃ ṭhito, ayaṃ yathābhūtañāṇe ṭhito, ayaṃ kāmāsayo, na nekkhammādiāsayo, ayaṃ nekkhammāsayo, na kāmādiāsayo’’tiādinā ‘‘imassa kāmarāgo ativiya thāmagato, na paṭighādiko, imassa paṭigho ativiya thāmagato, na kāmarāgādiko’’tiādinā ‘‘imassa puññābhisaṅkhāro adhiko, na apuññābhisaṅkhāro na āneñjābhisaṅkhāro, imassa apuññābhisaṅkhāro adhiko, na puññābhisaṅkhāro na āneñjābhisaṅkhāro, imassa āneñjābhisaṅkhāro adhiko, na puññābhisaṅkhāro na apuññābhisaṅkhāro. Imassa kāyasucaritaṃ adhikaṃ, imassa vacīsucaritaṃ, imassa manosucaritaṃ, ayaṃ hīnādhimuttiko, ayaṃ paṇītādhimuttiko, ayaṃ kammāvaraṇena samannāgato, ayaṃ kilesāvaraṇena samannāgato, ayaṃ vipākāvaraṇena samannāgato, ayaṃ na kammāvaraṇena samannāgato, na kilesāvaraṇena samannāgato, na vipākāvaraṇena samannāgato’’tiādinā ca sattānaṃ āsayādīnaṃ yathābhūtaṃ vibhāvanākārappavattaṃ bhagavato āsayānusayañāṇaṃ. Yaṃ sandhāya vuttaṃ –
‘‘อิธ ตถาคโต สตฺตานํ อาสยํ ชานาติ, อนุสยํ ชานาติ, จริตํ ชานาติ, อธิมุตฺติํ ชานาติ, ภพฺพาภเพฺพ สเตฺต ชานาตี’’ติอาทิ (ปฎิ. ม. ๑.๑๑๓)ฯ
‘‘Idha tathāgato sattānaṃ āsayaṃ jānāti, anusayaṃ jānāti, caritaṃ jānāti, adhimuttiṃ jānāti, bhabbābhabbe satte jānātī’’tiādi (paṭi. ma. 1.113).
ยญฺจ อุปริมเหฎฺฐิมปุริมปจฺฉิมกาเยหิ ทกฺขิณวามอกฺขิกณฺณโสตนาสิกโสตอํสกูฎหตฺถปาเทหิ องฺคุลิองฺคุลนฺตเรหิ โลมกูเปหิ จ อคฺคิกฺขนฺธูทกธาราปวตฺตนํ อนญฺญสาธารณํ วิวิธวิกุพฺพนิทฺธินิมฺมาปนกํ ภควโต ยมกปาฎิหาริยญาณํฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
Yañca uparimaheṭṭhimapurimapacchimakāyehi dakkhiṇavāmaakkhikaṇṇasotanāsikasotaaṃsakūṭahatthapādehi aṅguliaṅgulantarehi lomakūpehi ca aggikkhandhūdakadhārāpavattanaṃ anaññasādhāraṇaṃ vividhavikubbaniddhinimmāpanakaṃ bhagavato yamakapāṭihāriyañāṇaṃ. Yaṃ sandhāya vuttaṃ –
‘‘อิธ ตถาคโต ยมกปาฎิหาริยํ กโรติ อสาธารณํ สาวเกหิ, อุปริมกายโต อคฺคิกฺขโนฺธ ปวตฺตติ, เหฎฺฐิมกายโต อุทกธารา ปวตฺตติฯ เหฎฺฐิมกายโต อคฺคิกฺขโนฺธ ปวตฺตติ, อุปริมกายโต อุทกธารา ปวตฺตตี’’ติอาทิ (ปฎิ. ม. ๑.๑๑๖)ฯ
‘‘Idha tathāgato yamakapāṭihāriyaṃ karoti asādhāraṇaṃ sāvakehi, uparimakāyato aggikkhandho pavattati, heṭṭhimakāyato udakadhārā pavattati. Heṭṭhimakāyato aggikkhandho pavattati, uparimakāyato udakadhārā pavattatī’’tiādi (paṭi. ma. 1.116).
ยญฺจ ราคาทีหิ ชาติอาทีหิ จ อเนเกหิ ทุกฺขธเมฺมหิ อุปทฺทุตํ สตฺตนิกายํ ตโต นีหริตุกามตาวเสน นานานเยหิ ปวตฺตสฺส ภควโต มหากรุโณกฺกมนสฺส ปจฺจยภูตํ มหากรุณาสมาปตฺติญาณํฯ ยถาห (ปฎิ. ม. ๑.๑๑๗-๑๑๘) –
Yañca rāgādīhi jātiādīhi ca anekehi dukkhadhammehi upaddutaṃ sattanikāyaṃ tato nīharitukāmatāvasena nānānayehi pavattassa bhagavato mahākaruṇokkamanassa paccayabhūtaṃ mahākaruṇāsamāpattiñāṇaṃ. Yathāha (paṭi. ma. 1.117-118) –
‘‘กตมํ ตถาคตสฺส มหากรุณาสมาปตฺติยา ญาณํ? พหุเกหิ อากาเรหิ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สเตฺตสุ มหากรุณา โอกฺกมติ, อาทิโตฺต โลกสนฺนิวาโสติ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สเตฺตสุ มหากรุณา โอกฺกมติฯ อุยฺยุโตฺต, ปยาโต, กุมฺมคฺคปฺปฎิปโนฺน, อุปนียติ โลโก อทฺธุโว, อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร , อสฺสโก โลโก, สพฺพํ ปหาย คมนียํ, อูโน โลโก อติโตฺต ตณฺหาทาโสติ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สเตฺตสุ มหากรุณา โอกฺกมติฯ
‘‘Katamaṃ tathāgatassa mahākaruṇāsamāpattiyā ñāṇaṃ? Bahukehi ākārehi passantānaṃ buddhānaṃ bhagavantānaṃ sattesu mahākaruṇā okkamati, āditto lokasannivāsoti passantānaṃ buddhānaṃ bhagavantānaṃ sattesu mahākaruṇā okkamati. Uyyutto, payāto, kummaggappaṭipanno, upanīyati loko addhuvo, atāṇo loko anabhissaro , assako loko, sabbaṃ pahāya gamanīyaṃ, ūno loko atitto taṇhādāsoti passantānaṃ buddhānaṃ bhagavantānaṃ sattesu mahākaruṇā okkamati.
‘‘อตายโน โลกสนฺนิวาโส, อเลโณ, อสรโณ, อสรณีภูโตฯ อุทฺธโต โลโก อวูปสโนฺต, สสโลฺล โลกสนฺนิวาโส วิโทฺธ ปุถุสเลฺลหิ, อวิชฺชนฺธการาวรโณ กิเลสปญฺชรปกฺขิโตฺต, อวิชฺชาคโต โลกสนฺนิวาโส อณฺฑภูโต ปริโยนโทฺธ ตนฺตากุลกชาโต กุลคุณฺฑิกชาโต มุญฺชปพฺพชภูโต อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ สํสารํ นาติวตฺตติ, อวิชฺชาวิสโทสสํลิโตฺต, กิเลสกลลีภูโต, ราคโทสโมหชฎาชฎิโตฯ
‘‘Atāyano lokasannivāso, aleṇo, asaraṇo, asaraṇībhūto. Uddhato loko avūpasanto, sasallo lokasannivāso viddho puthusallehi, avijjandhakārāvaraṇo kilesapañjarapakkhitto, avijjāgato lokasannivāso aṇḍabhūto pariyonaddho tantākulakajāto kulaguṇḍikajāto muñjapabbajabhūto apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ saṃsāraṃ nātivattati, avijjāvisadosasaṃlitto, kilesakalalībhūto, rāgadosamohajaṭājaṭito.
‘‘ตณฺหาสงฺฆาฎปฎิมุโกฺก, ตณฺหาชาเลน โอตฺถโฎ, ตณฺหาโสเตน วุยฺหติ, ตณฺหาสโญฺญชเนน สํยุโตฺต, ตณฺหานุสเยน อนุสโฎ, ตณฺหาสนฺตาเปน สนฺตปฺปติ, ตณฺหาปริฬาเหน ปริฑยฺหติฯ
‘‘Taṇhāsaṅghāṭapaṭimukko, taṇhājālena otthaṭo, taṇhāsotena vuyhati, taṇhāsaññojanena saṃyutto, taṇhānusayena anusaṭo, taṇhāsantāpena santappati, taṇhāpariḷāhena pariḍayhati.
‘‘ทิฎฺฐิสงฺฆาฎปฎิมุโกฺก, ทิฎฺฐิชาเลน โอตฺถโฎ, ทิฎฺฐิโสเตน วุยฺหติ, ทิฎฺฐิสโญฺญชเนน สํยุโตฺต, ทิฎฺฐานุสเยน อนุสโฎ, ทิฎฺฐิสนฺตาเปน สนฺตปฺปติ, ทิฎฺฐิปริฬาเหน ปริฑยฺหติฯ
‘‘Diṭṭhisaṅghāṭapaṭimukko, diṭṭhijālena otthaṭo, diṭṭhisotena vuyhati, diṭṭhisaññojanena saṃyutto, diṭṭhānusayena anusaṭo, diṭṭhisantāpena santappati, diṭṭhipariḷāhena pariḍayhati.
‘‘ชาติยา อนุคโต, ชราย อนุสโฎ, พฺยาธินา อภิภูโต, มรเณน อพฺภาหโต, ทุเกฺข ปติฎฺฐิโตฯ
‘‘Jātiyā anugato, jarāya anusaṭo, byādhinā abhibhūto, maraṇena abbhāhato, dukkhe patiṭṭhito.
‘‘ตณฺหาย อุฑฺฑิโต, ชราปาการปริกฺขิโตฺต, มจฺจุปาเสน ปริกฺขิโตฺต, มหาพนฺธนพโทฺธ, ราคพนฺธเนน โทสโมหมานทิฎฺฐิกิเลสทุจฺจริตพนฺธเนน พโทฺธ, มหาสมฺพาธปฺปฎิปโนฺน, มหาปลิโพเธน ปลิพุโทฺธ, มหาปปาเต ปติโต, มหากนฺตารปฺปฎิปโนฺน, มหาสํสารปฺปฎิปโนฺน, มหาวิทุเคฺค สมฺปริวตฺตติ, มหาปลิเป ปลิปโนฺนฯ
‘‘Taṇhāya uḍḍito, jarāpākāraparikkhitto, maccupāsena parikkhitto, mahābandhanabaddho, rāgabandhanena dosamohamānadiṭṭhikilesaduccaritabandhanena baddho, mahāsambādhappaṭipanno, mahāpalibodhena palibuddho, mahāpapāte patito, mahākantārappaṭipanno, mahāsaṃsārappaṭipanno, mahāvidugge samparivattati, mahāpalipe palipanno.
‘‘อพฺภาหโต โลกสนฺนิวาโส, อาทิโตฺต โลกสนฺนิวาโส ราคคฺคินา โทสคฺคินา โมหคฺคินา ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ, อุนฺนีตโก โลกสนฺนิวาโส หญฺญติ นิจฺจมตาโณ ปตฺตทโณฺฑ ตกฺกโร, วชฺชพนฺธนพโทฺธ อาฆาตนปจฺจุปฎฺฐิโต, อนาโถ โลกสนฺนิวาโส ปรมการุญฺญปฺปโตฺต, ทุกฺขาภิตุโนฺน จิรรตฺตํ ปีฬิโต, คธิโต นิจฺจํ ปิปาสิโตฯ
‘‘Abbhāhato lokasannivāso, āditto lokasannivāso rāgagginā dosagginā mohagginā jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi, unnītako lokasannivāso haññati niccamatāṇo pattadaṇḍo takkaro, vajjabandhanabaddho āghātanapaccupaṭṭhito, anātho lokasannivāso paramakāruññappatto, dukkhābhitunno cirarattaṃ pīḷito, gadhito niccaṃ pipāsito.
‘‘อโนฺธ อจกฺขุโก, หตเนโตฺต อปริณายโก, วิปถปกฺขโนฺท อญฺชสาปรโทฺธ, มโหฆปกฺขโนฺทฯ
‘‘Andho acakkhuko, hatanetto apariṇāyako, vipathapakkhando añjasāparaddho, mahoghapakkhando.
‘‘ทฺวีหิ ทิฎฺฐิคเตหิ ปริยุฎฺฐิโต, ตีหิ ทุจฺจริเตหิ วิปฺปฎิปโนฺน, จตูหิ โยเคหิ โยชิโต, จตูหิ คเนฺถหิ คนฺถิโต, จตูหิ อุปาทาเนหิ อุปาทิยติ, ปญฺจคติสมารุโฬฺห, ปญฺจหิ กามคุเณหิ รชฺชติ, ปญฺจหิ นีวรเณหิ โอตฺถโฎ, ฉหิ วิวาทมูเลหิ วิวทติ, ฉหิ ตณฺหากาเยหิ รชฺชติ, ฉหิ ทิฎฺฐิคเตหิ ปริยุฎฺฐิโต, สตฺตหิ อนุสเยหิ อนุสโฎ, สตฺตหิ สโญฺญชเนหิ สํยุโตฺต, สตฺตหิ มาเนหิ อุนฺนโต, อฎฺฐหิ โลกธเมฺมหิ สมฺปริวตฺตติ, อฎฺฐหิ มิจฺฉเตฺตหิ นิยฺยาโต, อฎฺฐหิ ปุริสโทเสหิ ทุสฺสติ, นวหิ อาฆาตวตฺถูหิ อาฆาติโต, นววิธมาเนหิ อุนฺนโต, นวหิ ตณฺหามูลเกหิ ธเมฺมหิ รชฺชติ, ทสหิ กิเลสวตฺถูหิ กิลิสฺสติ, ทสหิ อาฆาตวตฺถูหิ อาฆาติโต, ทสหิ อกุสลกมฺมปเถหิ สมนฺนาคโต, ทสหิ สํโยชเนหิ สํยุโตฺต, ทสหิ มิจฺฉเตฺตหิ นิยฺยาโต, ทสวตฺถุกาย มิจฺฉาทิฎฺฐิยา สมนฺนาคโต, ทสวตฺถุกาย อนฺตคฺคาหิกาย ทิฎฺฐิยา สมนฺนาคโต, อฎฺฐสตตณฺหาปปเญฺจหิ ปปญฺจิโต, ทฺวาสฎฺฐิยา ทิฎฺฐิคเตหิ ปริยุฎฺฐิโต, โลกสนฺนิวาโสติ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สเตฺตสุ มหากรุณา โอกฺกมติฯ
‘‘Dvīhi diṭṭhigatehi pariyuṭṭhito, tīhi duccaritehi vippaṭipanno, catūhi yogehi yojito, catūhi ganthehi ganthito, catūhi upādānehi upādiyati, pañcagatisamāruḷho, pañcahi kāmaguṇehi rajjati, pañcahi nīvaraṇehi otthaṭo, chahi vivādamūlehi vivadati, chahi taṇhākāyehi rajjati, chahi diṭṭhigatehi pariyuṭṭhito, sattahi anusayehi anusaṭo, sattahi saññojanehi saṃyutto, sattahi mānehi unnato, aṭṭhahi lokadhammehi samparivattati, aṭṭhahi micchattehi niyyāto, aṭṭhahi purisadosehi dussati, navahi āghātavatthūhi āghātito, navavidhamānehi unnato, navahi taṇhāmūlakehi dhammehi rajjati, dasahi kilesavatthūhi kilissati, dasahi āghātavatthūhi āghātito, dasahi akusalakammapathehi samannāgato, dasahi saṃyojanehi saṃyutto, dasahi micchattehi niyyāto, dasavatthukāya micchādiṭṭhiyā samannāgato, dasavatthukāya antaggāhikāya diṭṭhiyā samannāgato, aṭṭhasatataṇhāpapañcehi papañcito, dvāsaṭṭhiyā diṭṭhigatehi pariyuṭṭhito, lokasannivāsoti passantānaṃ buddhānaṃ bhagavantānaṃ sattesu mahākaruṇā okkamati.
‘‘อหญฺจมฺหิ ติโณฺณ, โลโก จ อติโณฺณฯ อหญฺจมฺหิ มุโตฺต, โลโก จ อมุโตฺตฯ อหญฺจมฺหิ ทโนฺต, โลโก จ อทโนฺตฯ อหญฺจมฺหิ สโนฺต, โลโก จ อสโนฺตฯ อหญฺจมฺหิ อสฺสโตฺถ, โลโก จ อนสฺสโตฺถฯ อหญฺจมฺหิ ปรินิพฺพุโต, โลโก จ อปรินิพฺพุโตฯ ปโหมิ ขฺวาหํ ติโณฺณ ตาเรตุํ, มุโตฺต โมเจตุํ, ทโนฺต ทเมตุํ, สโนฺต สเมตุํ, อสฺสโตฺถ อสฺสาเสตุํ, ปรินิพฺพุโต ปรินิพฺพาเปตุนฺติ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สเตฺตสุ มหากรุณา โอกฺกมตี’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๑๑๗-๑๑๘)ฯ
‘‘Ahañcamhi tiṇṇo, loko ca atiṇṇo. Ahañcamhi mutto, loko ca amutto. Ahañcamhi danto, loko ca adanto. Ahañcamhi santo, loko ca asanto. Ahañcamhi assattho, loko ca anassattho. Ahañcamhi parinibbuto, loko ca aparinibbuto. Pahomi khvāhaṃ tiṇṇo tāretuṃ, mutto mocetuṃ, danto dametuṃ, santo sametuṃ, assattho assāsetuṃ, parinibbuto parinibbāpetunti passantānaṃ buddhānaṃ bhagavantānaṃ sattesu mahākaruṇā okkamatī’’ti (paṭi. ma. 1.117-118).
เอวํ เอกูนนวุติยา อากาเรหิ วิภชนํ กตํฯ
Evaṃ ekūnanavutiyā ākārehi vibhajanaṃ kataṃ.
ยํ ปน ยาวตา ธมฺมธาตุยา ยตฺตกํ ญาตพฺพํ สงฺขตาสงฺขตาทิกสฺส สพฺพสฺส ปโรปเทสนิรเปกฺขํ สพฺพากาเรน ปฎิวิชฺฌนสมตฺถํ อากงฺขมตฺตปฺปฎิพทฺธวุตฺติอนญฺญสาธารณํ ภควโต ญาณํ สพฺพถา อนวเสสสงฺขตาสงฺขตสมฺมุติสจฺจาวโพธโต สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ตตฺถาวรณาภาวโต นิสฺสงฺคปฺปวตฺติมุปาทาย อนาวรณญาณนฺติ วุจฺจติฯ เอกเมว หิ ตํ ญาณํ วิสยปฺปวตฺติมุเขน อเญฺญหิ อสาธารณภาวทสฺสนตฺถํ ทุวิเธน อุทฺทิฎฺฐํฯ อญฺญถา สพฺพญฺญุตานาวรณญาณานํ สาธารณตา สพฺพวิสยตา อาปเชฺชยฺยุํ, น จ ตํ ยุตฺตํ กิญฺจาปิ อิมาย ยุตฺติยาฯ อยเญฺหตฺถ ปาฬิ –
Yaṃ pana yāvatā dhammadhātuyā yattakaṃ ñātabbaṃ saṅkhatāsaṅkhatādikassa sabbassa paropadesanirapekkhaṃ sabbākārena paṭivijjhanasamatthaṃ ākaṅkhamattappaṭibaddhavuttianaññasādhāraṇaṃ bhagavato ñāṇaṃ sabbathā anavasesasaṅkhatāsaṅkhatasammutisaccāvabodhato sabbaññutaññāṇaṃ tatthāvaraṇābhāvato nissaṅgappavattimupādāya anāvaraṇañāṇanti vuccati. Ekameva hi taṃ ñāṇaṃ visayappavattimukhena aññehi asādhāraṇabhāvadassanatthaṃ duvidhena uddiṭṭhaṃ. Aññathā sabbaññutānāvaraṇañāṇānaṃ sādhāraṇatā sabbavisayatā āpajjeyyuṃ, na ca taṃ yuttaṃ kiñcāpi imāya yuttiyā. Ayañhettha pāḷi –
‘‘สพฺพํ สงฺขตมสงฺขตํ อนวเสสํ ชานาตีติ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ, ตตฺถ อาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณญาณํฯ อตีตํ สพฺพํ ชานาตีติ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ, ตตฺถ อาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณญาณํฯ อนาคตํ สพฺพํ ชานาตีติ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ, ตตฺถ อาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณญาณํฯ ปจฺจุปฺปนฺนํ สพฺพํ ชานาตีติ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ, ตตฺถ อาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณญาณ’’นฺติ (ปฎิ. ม. ๑.๑๑๙-๑๒๐) วิตฺถาโรฯ
‘‘Sabbaṃ saṅkhatamasaṅkhataṃ anavasesaṃ jānātīti sabbaññutaññāṇaṃ, tattha āvaraṇaṃ natthīti anāvaraṇañāṇaṃ. Atītaṃ sabbaṃ jānātīti sabbaññutaññāṇaṃ, tattha āvaraṇaṃ natthīti anāvaraṇañāṇaṃ. Anāgataṃ sabbaṃ jānātīti sabbaññutaññāṇaṃ, tattha āvaraṇaṃ natthīti anāvaraṇañāṇaṃ. Paccuppannaṃ sabbaṃ jānātīti sabbaññutaññāṇaṃ, tattha āvaraṇaṃ natthīti anāvaraṇañāṇa’’nti (paṭi. ma. 1.119-120) vitthāro.
เอวเมตานิ ภควโต ฉอสาธารณญาณานิ อวิปรีตาการปฺปวตฺติยา ยถาสกวิสยสฺส อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนญฺญถานิฯ เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโตฯ
Evametāni bhagavato chaasādhāraṇañāṇāni aviparītākārappavattiyā yathāsakavisayassa avisaṃvādanato tathāni avitathāni anaññathāni. Evampi bhagavā tathāni āgatoti tathāgato.
ตถา –
Tathā –
‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, โพชฺฌงฺคา – สติสโมฺพชฺฌโงฺค, ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌโงฺค, วีริยสโมฺพชฺฌโงฺค, ปีติสโมฺพชฺฌโงฺค, ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌโงฺค, สมาธิสโมฺพชฺฌโงฺค, อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌโงฺค’’ติ (ปฎิ. ม. ๒.๑๗; สํ. นิ. ๕.๑๘๕) เอวํ สรูปโต, ‘‘ยายํ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานา ลีนุทฺธจฺจปติฎฺฐานายูหนกามสุขลฺลิกตฺตกิลมถานุโยคอุเจฺฉทสสฺสตาภินิเวสาทีนํ อเนเกสํ อุปทฺทวานํ ปฎิปกฺขภูตา สติอาทิเภทา ธมฺมสามคฺคี, ยาย อริยสาวโก พุชฺฌติ กิเลสนิทฺทาย อุฎฺฐหติ, จตฺตาริ วา อริยสจฺจานิ ปฎิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรตีติ, สา ธมฺมสามคฺคี โพธีติ วุจฺจติฯ ตสฺสา ‘โพธิยา องฺคาติ โพชฺฌงฺคา, อริยสาวโก วา ยถาวุตฺตาย ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌตีติ กตฺวา โพธีติ วุจฺจติ, ตสฺส โพธิสฺส องฺคาติปิ โพชฺฌงฺคา’’ติ เอวํ สามญฺญลกฺขณโตฯ ‘‘อุปฎฺฐานลกฺขโณ สติสโมฺพชฺฌโงฺค, ปวิจยลกฺขโณ ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌโงฺค, ปคฺคหลกฺขโณ วีริยสโมฺพชฺฌโงฺค, ผรณลกฺขโณ ปีติสโมฺพชฺฌโงฺค, อุปสมลกฺขโณ ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌโงฺค, อวิเกฺขปลกฺขโณ สมาธิสโมฺพชฺฌโงฺค, ปฎิสงฺขานลกฺขโณ อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌโงฺค’’ติ เอวํ วิเสสลกฺขณโตฯ
‘‘Sattime, bhikkhave, bojjhaṅgā – satisambojjhaṅgo, dhammavicayasambojjhaṅgo, vīriyasambojjhaṅgo, pītisambojjhaṅgo, passaddhisambojjhaṅgo, samādhisambojjhaṅgo, upekkhāsambojjhaṅgo’’ti (paṭi. ma. 2.17; saṃ. ni. 5.185) evaṃ sarūpato, ‘‘yāyaṃ lokuttaramaggakkhaṇe uppajjamānā līnuddhaccapatiṭṭhānāyūhanakāmasukhallikattakilamathānuyogaucchedasassatābhinivesādīnaṃ anekesaṃ upaddavānaṃ paṭipakkhabhūtā satiādibhedā dhammasāmaggī, yāya ariyasāvako bujjhati kilesaniddāya uṭṭhahati, cattāri vā ariyasaccāni paṭivijjhati, nibbānameva vā sacchikarotīti, sā dhammasāmaggī bodhīti vuccati. Tassā ‘bodhiyā aṅgāti bojjhaṅgā, ariyasāvako vā yathāvuttāya dhammasāmaggiyā bujjhatīti katvā bodhīti vuccati, tassa bodhissa aṅgātipi bojjhaṅgā’’ti evaṃ sāmaññalakkhaṇato. ‘‘Upaṭṭhānalakkhaṇo satisambojjhaṅgo, pavicayalakkhaṇo dhammavicayasambojjhaṅgo, paggahalakkhaṇo vīriyasambojjhaṅgo, pharaṇalakkhaṇo pītisambojjhaṅgo, upasamalakkhaṇo passaddhisambojjhaṅgo, avikkhepalakkhaṇo samādhisambojjhaṅgo, paṭisaṅkhānalakkhaṇo upekkhāsambojjhaṅgo’’ti evaṃ visesalakkhaṇato.
‘‘ตตฺถ กตโม สติสโมฺพชฺฌโงฺค? อิธ, ภิกฺขุ , สติมา โหติ ปรเมน สติเนปเกฺกน สมนฺนาคโต, จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา โหติ อนุสฺสริตา’’ติอาทินา (วิภ. ๔๖๗) สตฺตนฺนํ โพชฺฌงฺคานํ อญฺญมโญฺญปการวเสน เอกกฺขเณ ปวตฺติทสฺสนโต, ‘‘ตตฺถ กตโม สติสโมฺพชฺฌโงฺค? อตฺถิ อชฺฌตฺตํ, ภิกฺขเว, ธเมฺมสุ สติ, อตฺถิ พหิทฺธา ธเมฺมสุ สตี’’ติอาทินา เตสํ วิสยวิภาเคน ปวตฺติทสฺสนโตฯ ‘‘ตตฺถ กตโม สติสโมฺพชฺฌโงฺค? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สติสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิ’’นฺติอาทินา (วิภ. ๔๗๑) ภาวนาวิธิทสฺสนโตฯ ‘‘ตตฺถ กตเม สตฺต โพชฺฌงฺคา? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ…เป.… ตสฺมิํ สมเย สตฺต โพชฺฌงฺคา โหนฺติ สติสโมฺพชฺฌโงฺค…เป.… อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌโงฺคฯ ตตฺถ กตโม สติสโมฺพชฺฌโงฺค? ยา สติ…เป.… อนุสฺสตี’’ติอาทินา (วิภ. ๔๗๘-๔๗๙) ฉนฺนวุติยา นยสหสฺสวิภาเคหีติ เอวํ นานาการโต ปวตฺตานิ ภควโต สโมฺพชฺฌงฺควิภาวนญาณานิ ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนญฺญถานิฯ เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโตฯ
‘‘Tattha katamo satisambojjhaṅgo? Idha, bhikkhu , satimā hoti paramena satinepakkena samannāgato, cirakatampi cirabhāsitampi saritā hoti anussaritā’’tiādinā (vibha. 467) sattannaṃ bojjhaṅgānaṃ aññamaññopakāravasena ekakkhaṇe pavattidassanato, ‘‘tattha katamo satisambojjhaṅgo? Atthi ajjhattaṃ, bhikkhave, dhammesu sati, atthi bahiddhā dhammesu satī’’tiādinā tesaṃ visayavibhāgena pavattidassanato. ‘‘Tattha katamo satisambojjhaṅgo? Idha, bhikkhave, bhikkhu satisambojjhaṅgaṃ bhāveti vivekanissitaṃ virāganissitaṃ nirodhanissitaṃ vossaggapariṇāmi’’ntiādinā (vibha. 471) bhāvanāvidhidassanato. ‘‘Tattha katame satta bojjhaṅgā? Idha bhikkhu yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti…pe… tasmiṃ samaye satta bojjhaṅgā honti satisambojjhaṅgo…pe… upekkhāsambojjhaṅgo. Tattha katamo satisambojjhaṅgo? Yā sati…pe… anussatī’’tiādinā (vibha. 478-479) channavutiyā nayasahassavibhāgehīti evaṃ nānākārato pavattāni bhagavato sambojjhaṅgavibhāvanañāṇāni tassa tassa atthassa avisaṃvādanato tathāni avitathāni anaññathāni. Evampi bhagavā tathāni āgatoti tathāgato.
ตถา –
Tathā –
‘‘ตตฺถ กตมํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา อริยสจฺจํ? อยเมว อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคฯ เสยฺยถิทํ, สมฺมาทิฎฺฐิ…เป.… สมฺมาสมาธี’’ติ (วิภ. ๒๐๕) เอวํ สรูปโตฯ สพฺพกิเลเสหิ อารกตฺตา อริยภาวกรตฺตา อริยผลปฺปฎิลาภกรตฺตา จ อริโย, อฎฺฐวิธตฺตา นิพฺพานาธิคมาย เอกนฺตการณตฺตา จ อฎฺฐงฺคิโกฯ กิเลเส มาเรโนฺต คจฺฉติ, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคียติ, สยํ วา นิพฺพานํ มคฺคตีติ มโคฺคติ เอวํ สามญฺญลกฺขณโตฯ ‘‘สมฺมา ทสฺสนลกฺขณา สมฺมาทิฎฺฐิ, สมฺมา อภินิโรปนลกฺขโณ สมฺมาสงฺกโปฺป, สมฺมา ปริคฺคหณลกฺขณา สมฺมาวาจา, สมฺมา สมุฎฺฐานลกฺขโณ สมฺมากมฺมโนฺต, สมฺมา โวทานลกฺขโณ สมฺมาอาชีโว, สมฺมา ปคฺคหลกฺขโณ สมฺมาวายาโม, สมฺมา อุปฎฺฐานลกฺขณา สมฺมาสติ, สมฺมา อวิเกฺขปลกฺขโณ สมฺมาสมาธี’’ติ เอวํ วิเสสลกฺขณโต ฯ สมฺมาทิฎฺฐิ อเญฺญหิปิ อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลเสหิ สทฺธิํ มิจฺฉาทิฎฺฐิํ ปชหติ, นิพฺพานํ อารมฺมณํ กโรติ, ตปฺปฎิจฺฉาทกโมหวิธมเนน อสโมฺมหโต สมฺปยุตฺตธเมฺม จ ปสฺสติฯ ตถา สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ มิจฺฉาสงฺกปฺปาทีนิ ปชหนฺติ, นิพฺพานญฺจ อารมฺมณํ กโรนฺติ, สหชาตธมฺมานํ สมฺมาอภินิโรปนปริคฺคหณสมุฎฺฐานโวทานปคฺคหอุปฎฺฐานสมาทหนานิ จ กโรนฺตีติ เอวํ กิจฺจวิภาคโตฯ สมฺมาทิฎฺฐิ ปุพฺพภาเค นานกฺขณา วิสุํ วิสุํ ทุกฺขาทิอารมฺมณา หุตฺวา มคฺคกาเล เอกกฺขณา นิพฺพานเมว อารมฺมณํ กตฺวา กิจฺจโต ‘‘ทุเกฺข ญาณ’’นฺติอาทีนิ จตฺตาริ นามานิ ลภติ, สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ ปุพฺพภาเค นานกฺขณา นานารมฺมณา มคฺคกาเล เอกกฺขณา เอการมฺมณาฯ
‘‘Tattha katamaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā ariyasaccaṃ? Ayameva ariyo aṭṭhaṅgiko maggo. Seyyathidaṃ, sammādiṭṭhi…pe… sammāsamādhī’’ti (vibha. 205) evaṃ sarūpato. Sabbakilesehi ārakattā ariyabhāvakarattā ariyaphalappaṭilābhakarattā ca ariyo, aṭṭhavidhattā nibbānādhigamāya ekantakāraṇattā ca aṭṭhaṅgiko. Kilese mārento gacchati, nibbānatthikehi maggīyati, sayaṃ vā nibbānaṃ maggatīti maggoti evaṃ sāmaññalakkhaṇato. ‘‘Sammā dassanalakkhaṇā sammādiṭṭhi, sammā abhiniropanalakkhaṇo sammāsaṅkappo, sammā pariggahaṇalakkhaṇā sammāvācā, sammā samuṭṭhānalakkhaṇo sammākammanto, sammā vodānalakkhaṇo sammāājīvo, sammā paggahalakkhaṇo sammāvāyāmo, sammā upaṭṭhānalakkhaṇā sammāsati, sammā avikkhepalakkhaṇo sammāsamādhī’’ti evaṃ visesalakkhaṇato. Sammādiṭṭhi aññehipi attano paccanīkakilesehi saddhiṃ micchādiṭṭhiṃ pajahati, nibbānaṃ ārammaṇaṃ karoti, tappaṭicchādakamohavidhamanena asammohato sampayuttadhamme ca passati. Tathā sammāsaṅkappādayopi micchāsaṅkappādīni pajahanti, nibbānañca ārammaṇaṃ karonti, sahajātadhammānaṃ sammāabhiniropanapariggahaṇasamuṭṭhānavodānapaggahaupaṭṭhānasamādahanāni ca karontīti evaṃ kiccavibhāgato. Sammādiṭṭhi pubbabhāge nānakkhaṇā visuṃ visuṃ dukkhādiārammaṇā hutvā maggakāle ekakkhaṇā nibbānameva ārammaṇaṃ katvā kiccato ‘‘dukkhe ñāṇa’’ntiādīni cattāri nāmāni labhati, sammāsaṅkappādayopi pubbabhāge nānakkhaṇā nānārammaṇā maggakāle ekakkhaṇā ekārammaṇā.
เตสุ สมฺมาสงฺกโปฺป กิจฺจโต เนกฺขมฺมสงฺกโปฺปติอาทีนิ ตีณิ นามานิ ลภติ, สมฺมาวาจาทโย ตโย ปุพฺพภาเค มุสาวาทาเวรมณีติอาทิวิภาคา วิรติโยปิ เจตนาโยปิ หุตฺวา มคฺคกฺขเณ วิรติโยว, สมฺมาวายามสติโย กิจฺจโต สมฺมปฺปธานสติปฎฺฐานวเสน จตฺตาริ นามานิ ลภนฺติฯ สมฺมาสมาธิ ปน มคฺคกฺขเณปิ ปฐมชฺฌานาทิวเสน นานา เอวาติ เอวํ ปุพฺพภาคปรภาเคสุ ปวตฺติวิภาคโต, ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมฺมาทิฎฺฐิํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิต’’นฺติอาทินา (วิภ. ๔๘๙) ภาวนาวิธิโต, ‘‘ตตฺถ กตโม อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค? อิธ, ภิกฺขุ, ยสฺมิํ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ…เป.… ทุกฺขาปฎิปทํ ทนฺธาภิญฺญํ, ตสฺมิํ สมเย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค โหติ สมฺมาทิฎฺฐิ สมฺมาสงฺกโปฺป’’ติอาทินา (วิภ. ๔๙๙) จตุราสีติยา นยสหสฺสวิภาเคหีติ เอวํ อเนกาการโต ปวตฺตานิ ภควโต อริยมคฺควิภาวนญาณานิ อตฺถสฺส อวิสํวาทนโต สพฺพานิปิ ตถานิ อวิตถานิ อนญฺญถานิฯ เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโตฯ
Tesu sammāsaṅkappo kiccato nekkhammasaṅkappotiādīni tīṇi nāmāni labhati, sammāvācādayo tayo pubbabhāge musāvādāveramaṇītiādivibhāgā viratiyopi cetanāyopi hutvā maggakkhaṇe viratiyova, sammāvāyāmasatiyo kiccato sammappadhānasatipaṭṭhānavasena cattāri nāmāni labhanti. Sammāsamādhi pana maggakkhaṇepi paṭhamajjhānādivasena nānā evāti evaṃ pubbabhāgaparabhāgesu pavattivibhāgato, ‘‘idha, bhikkhave, bhikkhu sammādiṭṭhiṃ bhāveti vivekanissita’’ntiādinā (vibha. 489) bhāvanāvidhito, ‘‘tattha katamo aṭṭhaṅgiko maggo? Idha, bhikkhu, yasmiṃ samaye lokuttaraṃ jhānaṃ bhāveti…pe… dukkhāpaṭipadaṃ dandhābhiññaṃ, tasmiṃ samaye aṭṭhaṅgiko maggo hoti sammādiṭṭhi sammāsaṅkappo’’tiādinā (vibha. 499) caturāsītiyā nayasahassavibhāgehīti evaṃ anekākārato pavattāni bhagavato ariyamaggavibhāvanañāṇāni atthassa avisaṃvādanato sabbānipi tathāni avitathāni anaññathāni. Evampi bhagavā tathāni āgatoti tathāgato.
ตถา ปฐมชฺฌานสมาปตฺติ ยา จ นิโรธสมาปตฺตีติ เอตาสุ อนุปฎิปาฎิยา วิหริตพฺพเฎฺฐน สมาปชฺชิตพฺพเฎฺฐน จ อนุปุพฺพวิหารสมาปตฺตีสุ สมฺปาทนปจฺจเวกฺขณาทิวเสน ยถารหํ สมฺปโยควเสน จ ปวตฺตานิ ภควโต ญาณานิ ตทตฺถสิทฺธิยา ตถานิ อวิตถานิ อนญฺญถานิ ฯ ตถา ‘‘อิทํ อิมสฺส ฐานํ, อิทํ อฎฺฐาน’’นฺติ อวิปรีตํ ตสฺส ตสฺส ผลสฺส การณาการณชานนํ, เตสํ เตสํ สตฺตานํ อตีตาทิเภทภินฺนสฺส กมฺมสมาทานสฺส อนวเสสโต ยถาภูตํ วิปากนฺตรชานนํ, อายูหนกฺขเณเยว ตสฺส ตสฺส สตฺตสฺส ‘‘อยํ นิรยคามินี ปฎิปทา…เป.… อยํ นิพฺพานคามินี ปฎิปทา’’ติ ยาถาวโต สาสวานาสวกมฺมวิภาคชานนํ, ๐.ขนฺธายตนาทีนํ อุปาทินฺนานุปาทินฺนาทิอเนกสภาวํ นานาสภาวญฺจ ตสฺส โลกสฺส ‘‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา อิมสฺมิํ ธมฺมปฺปพเนฺธ อยํ วิเสโส ชายตี’’ติอาทินา นเยน ยถาภูตํ ธาตุนานตฺตชานนํ, อนวเสสโต สตฺตานํ หีนาทิอชฺฌาสยาธิมุตฺติชานนํ, สทฺธาทิอินฺทฺริยานํ ติกฺขมุทุตาชานนํ, สํกิเลสาทีหิ สทฺธิํ ฌานวิโมกฺขาทิวิเสสชานนํ , สตฺตานํ อปริมาณาสุ ชาตีสุ ตปฺปฎิพเนฺธน สทฺธิํ อนวเสสโต ปุเพฺพนิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตติชานนํ, หีนาทิวิภาเคหิ สทฺธิํ จุติปฎิสนฺธิชานนํ, ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว จตุสจฺจชานนนฺติ อิมานิ ภควโต ทสพลญาณานิ อวิรชฺฌิตฺวา ยถาสกํ วิสยาวคาหนโต ยถาธิเปฺปตตฺถสาธนโต จ ยถาภูตวุตฺติยา ตถานิ อวิตถานิ อนญฺญถานิฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Tathā paṭhamajjhānasamāpatti yā ca nirodhasamāpattīti etāsu anupaṭipāṭiyā viharitabbaṭṭhena samāpajjitabbaṭṭhena ca anupubbavihārasamāpattīsu sampādanapaccavekkhaṇādivasena yathārahaṃ sampayogavasena ca pavattāni bhagavato ñāṇāni tadatthasiddhiyā tathāni avitathāni anaññathāni . Tathā ‘‘idaṃ imassa ṭhānaṃ, idaṃ aṭṭhāna’’nti aviparītaṃ tassa tassa phalassa kāraṇākāraṇajānanaṃ, tesaṃ tesaṃ sattānaṃ atītādibhedabhinnassa kammasamādānassa anavasesato yathābhūtaṃ vipākantarajānanaṃ, āyūhanakkhaṇeyeva tassa tassa sattassa ‘‘ayaṃ nirayagāminī paṭipadā…pe… ayaṃ nibbānagāminī paṭipadā’’ti yāthāvato sāsavānāsavakammavibhāgajānanaṃ, 0.khandhāyatanādīnaṃ upādinnānupādinnādianekasabhāvaṃ nānāsabhāvañca tassa lokassa ‘‘imāya nāma dhātuyā ussannattā imasmiṃ dhammappabandhe ayaṃ viseso jāyatī’’tiādinā nayena yathābhūtaṃ dhātunānattajānanaṃ, anavasesato sattānaṃ hīnādiajjhāsayādhimuttijānanaṃ, saddhādiindriyānaṃ tikkhamudutājānanaṃ, saṃkilesādīhi saddhiṃ jhānavimokkhādivisesajānanaṃ , sattānaṃ aparimāṇāsu jātīsu tappaṭibandhena saddhiṃ anavasesato pubbenivutthakkhandhasantatijānanaṃ, hīnādivibhāgehi saddhiṃ cutipaṭisandhijānanaṃ, ‘‘idaṃ dukkha’’ntiādinā heṭṭhā vuttanayeneva catusaccajānananti imāni bhagavato dasabalañāṇāni avirajjhitvā yathāsakaṃ visayāvagāhanato yathādhippetatthasādhanato ca yathābhūtavuttiyā tathāni avitathāni anaññathāni. Vuttañhetaṃ –
‘‘อิธ ตถาคโต ฐานญฺจ ฐานโต อฎฺฐานญฺจ อฎฺฐานโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติอาทิ (วิภ. ๘๐๙; อ. นิ. ๑๐.๒๑)ฯ
‘‘Idha tathāgato ṭhānañca ṭhānato aṭṭhānañca aṭṭhānato yathābhūtaṃ pajānātī’’tiādi (vibha. 809; a. ni. 10.21).
เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโตฯ
Evampi bhagavā tathāni āgatoti tathāgato.
ยถา เจเตสํ ญาณานํ วเสน, เอวํ ยถาวุตฺตานํ สติปฎฺฐานสมฺมปฺปธานวิภาวนญาณาทีนํ อนนฺตาปริเมยฺยเภทานํ อนญฺญสาธารณานํ ปญฺญาวิเสสานํ วเสน ภควา ตถานิ ญาณานิ อาคโต อธิคโตติ ตถาคโตฯ เอวมฺปิ ตถานิ อาคโตติ ตถาคโตฯ
Yathā cetesaṃ ñāṇānaṃ vasena, evaṃ yathāvuttānaṃ satipaṭṭhānasammappadhānavibhāvanañāṇādīnaṃ anantāparimeyyabhedānaṃ anaññasādhāraṇānaṃ paññāvisesānaṃ vasena bhagavā tathāni ñāṇāni āgato adhigatoti tathāgato. Evampi tathāni āgatoti tathāgato.
กถํ ตถา คโตติ ตถาคโต? ยา สา ภควโต อภิชาติ อภิสโมฺพธิ ธมฺมวินยปญฺญาปนา อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ, สา ตถาฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? ยทตฺถํ โลกนาเถน อภิสโมฺพธิ ปตฺถิตา ปวตฺติตา จ, ตทตฺถสฺส เอกนฺตสิทฺธิยา อวิสํวาทนโต อวิปรีตตฺถวุตฺติยา ตถา อวิตถา อนญฺญถาฯ ตถา หิ อยํ ภควา โพธิสตฺตภูโต สมติํสปารมิปริปูรณาทิกํ วุตฺตปฺปเภทํ สพฺพํ พุทฺธตฺตเหตุํ สมฺปาเทตฺวา ตุสิตปุเร ฐิโตว พุทฺธโกลาหลํ สุตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ เอกโต สนฺนิปติตาหิ อุปสงฺกมิตฺวา –
Kathaṃ tathā gatoti tathāgato? Yā sā bhagavato abhijāti abhisambodhi dhammavinayapaññāpanā anupādisesanibbānadhātu, sā tathā. Kiṃ vuttaṃ hoti? Yadatthaṃ lokanāthena abhisambodhi patthitā pavattitā ca, tadatthassa ekantasiddhiyā avisaṃvādanato aviparītatthavuttiyā tathā avitathā anaññathā. Tathā hi ayaṃ bhagavā bodhisattabhūto samatiṃsapāramiparipūraṇādikaṃ vuttappabhedaṃ sabbaṃ buddhattahetuṃ sampādetvā tusitapure ṭhitova buddhakolāhalaṃ sutvā dasasahassacakkavāḷadevatāhi ekato sannipatitāhi upasaṅkamitvā –
‘‘กาโล เทว มหาวีร, อุปฺปชฺช มาตุกุจฺฉิยํ;
‘‘Kālo deva mahāvīra, uppajja mātukucchiyaṃ;
สเทวกํ ตารยโนฺต, พุชฺฌสฺสุ อมตํ ปท’’นฺติฯ (พุ. วํ. ๑.๖๗) –
Sadevakaṃ tārayanto, bujjhassu amataṃ pada’’nti. (bu. vaṃ. 1.67) –
อายาจิโต อุปฺปนฺนปุพฺพนิมิโตฺต ปญฺจ มหาวิโลกนานิ วิโลเกตฺวา ‘‘อิทานาหํ มนุสฺสโยนิยํ อุปฺปชฺชิตฺวา อภิสมฺพุชฺฌิสฺสามี’’ติ อาสาฬฺหิปุณฺณมาย สกฺยราชกุเล มหามายาย เทวิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวา ทส มาเส เทวมนุเสฺสหิ มหตา ปริหาเรน ปริหริยมาโน วิสาขปุณฺณมาย ปจฺจูสสมเย อภิชาติํ ปาปุณิฯ
Āyācito uppannapubbanimitto pañca mahāvilokanāni viloketvā ‘‘idānāhaṃ manussayoniyaṃ uppajjitvā abhisambujjhissāmī’’ti āsāḷhipuṇṇamāya sakyarājakule mahāmāyāya deviyā kucchimhi paṭisandhiṃ gahetvā dasa māse devamanussehi mahatā parihārena parihariyamāno visākhapuṇṇamāya paccūsasamaye abhijātiṃ pāpuṇi.
อภิชาติกฺขเณ ปนสฺส ปฎิสนฺธิคฺคหณกฺขเณ วิย ทฺวตฺติํสปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํฯ อยญฺหิ ทสสหสฺสี โลกธาตุ กมฺปิ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ, ทสสุ จกฺกวาฬสหเสฺสสุ อปฺปมาโณ โอภาโส ผริ, ตสฺส ตํ สิริํ ทฎฺฐุกามา วิย ชจฺจนฺธา จกฺขูนิ ปฎิลภิํสุ, พธิรา สทฺทํ สุณิํสุฯ มูคา สมาลปิํสุ, ขุชฺชา อุชุคตฺตา อเหสุํ, ปงฺคุลา ปทสา คมนํ ปฎิลภิํสุ, พนฺธนคตา สพฺพสตฺตา อนฺทุพนฺธนาทีหิ มุจฺจิํสุ, สพฺพนิรเยสุ อคฺคิ นิพฺพายิ, เปตฺติวิสเย ขุปฺปิปาสา วูปสมิ, ติรจฺฉานานํ ภยํ นาโหสิ, สพฺพสตฺตานํ โรโค วูปสมิ, สพฺพสตฺตา ปิยํวทา อเหสุํ, มธุเรนากาเรน อสฺสา หสิํสุ, วารณา คชฺชิํสุ, สพฺพตูริยานิ สกํ สกํ นินฺนาทํ มุญฺจิํสุ, อฆฎฺฎิตานิ เอว มนุสฺสานํ หตฺถูปคาทีนิ อาภรณานิ มธุเรนากาเรน รวิํสุ, สพฺพทิสา วิปฺปสนฺนา อเหสุํ, สตฺตานํ สุขํ อุปฺปาทยมาโน มุทุสีตลวาโต วายิ, อกาลเมโฆ วสฺสิ, ปถวิโตปิ อุทกํ อุพฺภิชฺชิตฺวา วิสฺสนฺทิ, ปกฺขิโน อากาสคมนํ วิชหิํสุ, นทิโย อสนฺทมานา อฎฺฐํสุ, มหาสมุเทฺท มธุรํ อุทกํ อโหสิ, อุปกฺกิเลสวิมุเตฺต สูริเย ทิสฺสมาเน เอว อากาสคตา สพฺพา โชติโย ชลิํสุ , ฐเปตฺวา อรูปาวจเร เทเว อวเสสา สเพฺพ เทวา สเพฺพปิ เนรยิกา ทิสฺสมานรูปา อเหสุํ, ตรุกุฎฺฎกวาฎเสลาทโย อนาวรณภูตา อเหสุํ, สตฺตานํ จุตูปปาตา นาเหสุํ, สพฺพํ อนิฎฺฐคนฺธํ อภิภวิตฺวา ทิพฺพคโนฺธ วายิ, สเพฺพ ผลูปคา รุกฺขา ผลธรา สมฺปชฺชิํสุ, มหาสมุโทฺท สพฺพตฺถกเมว ปญฺจวเณฺณหิ ปทุเมหิ สญฺฉนฺนตโล อโหสิ, ถลชชลชาทีนิ สพฺพปุปฺผานิ ปุปฺผิํสุ, รุกฺขานํ ขเนฺธสุ ขนฺธปทุมานิ, สาขาสุ สาขปทุมานิ, ลตาสุ ลตาปทุมานิ ปุปฺผิํสุ, มหีตเล สิลาตลานิ ภินฺทิตฺวา อุปรูปริ สตฺต สตฺต หุตฺวา ทณฺฑปทุมานิ นาม นิกฺขมิํสุ, อากาเส โอลมฺพกปทุมานิ นิพฺพตฺติํสุ, สมนฺตโต ปุปฺผวสฺสํ วสฺสิ, อากาเส ทิพฺพตูริยานิ วชฺชิํสุ, สกลทสสหสฺสี โลกธาตุ วเฎฺฎตฺวา วิสฺสฎฺฐมาลาคุฬํ วิย อุปฺปีเฬตฺวา พทฺธมาลากลาโป วิย อลงฺกตปฺปฎิยตฺตํ มาลาสนํ วิย จ เอกมาลามาลินี วิปฺผุรนฺตวาฬพีชนี ปุปฺผธูปคนฺธปริวาสิตา ปรมโสภคฺคปฺปตฺตา อโหสิ, ตานิ จ ปุพฺพนิมิตฺตานิ อุปริ อธิคตานํ อเนเกสํ วิเสสาธิคมานํ นิมิตฺตภูตานิ เอว อเหสุํฯ เอวํ อเนกจฺฉริยปาตุภาวปฺปฎิมณฺฑิตา จายํ อภิชาติ ยทตฺถํ อเนน อภิสโมฺพธิ ปตฺถิตา, ตสฺสา อภิสโมฺพธิยา เอกนฺตสิทฺธิยา ตถาว อโหสิ อวิตถา อนญฺญถาฯ
Abhijātikkhaṇe panassa paṭisandhiggahaṇakkhaṇe viya dvattiṃsapubbanimittāni pāturahesuṃ. Ayañhi dasasahassī lokadhātu kampi saṅkampi sampakampi sampavedhi, dasasu cakkavāḷasahassesu appamāṇo obhāso phari, tassa taṃ siriṃ daṭṭhukāmā viya jaccandhā cakkhūni paṭilabhiṃsu, badhirā saddaṃ suṇiṃsu. Mūgā samālapiṃsu, khujjā ujugattā ahesuṃ, paṅgulā padasā gamanaṃ paṭilabhiṃsu, bandhanagatā sabbasattā andubandhanādīhi mucciṃsu, sabbanirayesu aggi nibbāyi, pettivisaye khuppipāsā vūpasami, tiracchānānaṃ bhayaṃ nāhosi, sabbasattānaṃ rogo vūpasami, sabbasattā piyaṃvadā ahesuṃ, madhurenākārena assā hasiṃsu, vāraṇā gajjiṃsu, sabbatūriyāni sakaṃ sakaṃ ninnādaṃ muñciṃsu, aghaṭṭitāni eva manussānaṃ hatthūpagādīni ābharaṇāni madhurenākārena raviṃsu, sabbadisā vippasannā ahesuṃ, sattānaṃ sukhaṃ uppādayamāno mudusītalavāto vāyi, akālamegho vassi, pathavitopi udakaṃ ubbhijjitvā vissandi, pakkhino ākāsagamanaṃ vijahiṃsu, nadiyo asandamānā aṭṭhaṃsu, mahāsamudde madhuraṃ udakaṃ ahosi, upakkilesavimutte sūriye dissamāne eva ākāsagatā sabbā jotiyo jaliṃsu , ṭhapetvā arūpāvacare deve avasesā sabbe devā sabbepi nerayikā dissamānarūpā ahesuṃ, tarukuṭṭakavāṭaselādayo anāvaraṇabhūtā ahesuṃ, sattānaṃ cutūpapātā nāhesuṃ, sabbaṃ aniṭṭhagandhaṃ abhibhavitvā dibbagandho vāyi, sabbe phalūpagā rukkhā phaladharā sampajjiṃsu, mahāsamuddo sabbatthakameva pañcavaṇṇehi padumehi sañchannatalo ahosi, thalajajalajādīni sabbapupphāni pupphiṃsu, rukkhānaṃ khandhesu khandhapadumāni, sākhāsu sākhapadumāni, latāsu latāpadumāni pupphiṃsu, mahītale silātalāni bhinditvā uparūpari satta satta hutvā daṇḍapadumāni nāma nikkhamiṃsu, ākāse olambakapadumāni nibbattiṃsu, samantato pupphavassaṃ vassi, ākāse dibbatūriyāni vajjiṃsu, sakaladasasahassī lokadhātu vaṭṭetvā vissaṭṭhamālāguḷaṃ viya uppīḷetvā baddhamālākalāpo viya alaṅkatappaṭiyattaṃ mālāsanaṃ viya ca ekamālāmālinī vipphurantavāḷabījanī pupphadhūpagandhaparivāsitā paramasobhaggappattā ahosi, tāni ca pubbanimittāni upari adhigatānaṃ anekesaṃ visesādhigamānaṃ nimittabhūtāni eva ahesuṃ. Evaṃ anekacchariyapātubhāvappaṭimaṇḍitā cāyaṃ abhijāti yadatthaṃ anena abhisambodhi patthitā, tassā abhisambodhiyā ekantasiddhiyā tathāva ahosi avitathā anaññathā.
ตถา เย พุทฺธเวเนยฺยา โพธเนยฺยพนฺธวา, เต สเพฺพปิ อนวเสสโต สยเมว ภควตา วินีตาฯ เย จ สาวกเวเนยฺยา ธมฺมเวเนยฺยา จ, เตปิ สาวกาทีหิ วินีตา วินยํ คจฺฉนฺติ คมิสฺสนฺติ จาติ ยทตฺถํ ภควตา อภิสโมฺพธิ อภิปตฺถิตา, ตทตฺถสฺส เอกนฺตสิทฺธิยา อภิสโมฺพธิ ตถา อวิตถา อนญฺญถาฯ
Tathā ye buddhaveneyyā bodhaneyyabandhavā, te sabbepi anavasesato sayameva bhagavatā vinītā. Ye ca sāvakaveneyyā dhammaveneyyā ca, tepi sāvakādīhi vinītā vinayaṃ gacchanti gamissanti cāti yadatthaṃ bhagavatā abhisambodhi abhipatthitā, tadatthassa ekantasiddhiyā abhisambodhi tathā avitathā anaññathā.
อปิจ ยสฺส ยสฺส เญยฺยธมฺมสฺส โย โย สภาโว พุชฺฌิตโพฺพ, โส โส หตฺถตเล ฐปิตอามลกํ วิย อาวชฺชนมตฺตปฺปฎิพเทฺธน อตฺตโน ญาเณน อวิปรีตํ อนวเสสโต ภควตา อภิสมฺพุโทฺธติ เอวมฺปิ อภิสโมฺพธิ ตถา อวิตถา อนญฺญถาฯ
Apica yassa yassa ñeyyadhammassa yo yo sabhāvo bujjhitabbo, so so hatthatale ṭhapitaāmalakaṃ viya āvajjanamattappaṭibaddhena attano ñāṇena aviparītaṃ anavasesato bhagavatā abhisambuddhoti evampi abhisambodhi tathā avitathā anaññathā.
ตถา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ ตถา ตถา เทเสตพฺพปฺปการํ เตสํ เตสญฺจ สตฺตานํ อาสยานุสยจริตาธิมุตฺติํ สมฺมเทว โอโลเกตฺวา ธมฺมตํ อวิชหเนฺตเนว ปญฺญตฺตินยโวหารมคฺคํ อนติธาวเนฺตเนว จ ธมฺมตํ วิภาวเนฺตน ยถาปราธํ ยถาชฺฌาสยํ ยถาธมฺมญฺจ อนุสาสเนฺตน ภควตา เวเนยฺยา วินีตา อริยภูมิํ สมฺปาปิตาติ ธมฺมวินยปญฺญาปนาปิสฺส ตทตฺถสิทฺธิยา ยถาภูตวุตฺติยา จ ตถา อวิตถา อนญฺญถาฯ
Tathā tesaṃ tesaṃ dhammānaṃ tathā tathā desetabbappakāraṃ tesaṃ tesañca sattānaṃ āsayānusayacaritādhimuttiṃ sammadeva oloketvā dhammataṃ avijahanteneva paññattinayavohāramaggaṃ anatidhāvanteneva ca dhammataṃ vibhāvantena yathāparādhaṃ yathājjhāsayaṃ yathādhammañca anusāsantena bhagavatā veneyyā vinītā ariyabhūmiṃ sampāpitāti dhammavinayapaññāpanāpissa tadatthasiddhiyā yathābhūtavuttiyā ca tathā avitathā anaññathā.
ตถา ยา สา ภควตา อนุปฺปตฺตา ปถวิยาทิผสฺสเวทนาทิรูปารูปสภาววินิมุตฺตา ลุชฺชนภาวาภาวโต โลกสภาวาตีตา ตมสา วิสํสฎฺฐตฺตา เกนจิ อโนภาสนียา โลกสภาวาภาวโต เอว คติอาทิภาวรหิตา อปฺปติฎฺฐา อนารมฺมณา อมตมหานิพฺพานธาตุ ขนฺธสงฺขาตานํ อุปาทีนํ เลสมตฺตสฺสปิ อภาวโต อนุปาทิเสสาติ วุจฺจติ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
Tathā yā sā bhagavatā anuppattā pathaviyādiphassavedanādirūpārūpasabhāvavinimuttā lujjanabhāvābhāvato lokasabhāvātītā tamasā visaṃsaṭṭhattā kenaci anobhāsanīyā lokasabhāvābhāvato eva gatiādibhāvarahitā appatiṭṭhā anārammaṇā amatamahānibbānadhātu khandhasaṅkhātānaṃ upādīnaṃ lesamattassapi abhāvato anupādisesāti vuccati, yaṃ sandhāya vuttaṃ –
‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ตทายตนํ, ยตฺถ เนว ปถวี น อาโป น เตโช น วาโย น อากาสานญฺจายตนํ น วิญฺญาณญฺจายตนํ น อากิญฺจญฺญายตนํ น เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ นายํ โลโก น ปโร โลโก น จ อุโภ จนฺทิมสูริยา, ตตฺราปาหํ, ภิกฺขเว, เนว อาคติํ วทามิ น คติํ น ฐิติํ น จุติํ น อุปปตฺติํ, อปฺปติฎฺฐํ อปฺปวตฺตํ อนารมฺมณเมเวตํ, เอเสวโนฺต ทุกฺขสฺสา’’ติ (อุทา. ๗๑)ฯ
‘‘Atthi, bhikkhave, tadāyatanaṃ, yattha neva pathavī na āpo na tejo na vāyo na ākāsānañcāyatanaṃ na viññāṇañcāyatanaṃ na ākiñcaññāyatanaṃ na nevasaññānāsaññāyatanaṃ nāyaṃ loko na paro loko na ca ubho candimasūriyā, tatrāpāhaṃ, bhikkhave, neva āgatiṃ vadāmi na gatiṃ na ṭhitiṃ na cutiṃ na upapattiṃ, appatiṭṭhaṃ appavattaṃ anārammaṇamevetaṃ, esevanto dukkhassā’’ti (udā. 71).
สา สเพฺพสมฺปิ อุปาทานกฺขนฺธานํ อตฺถงฺคโม, สพฺพสงฺขารานํ สมโถ, สพฺพูปธีนํ ปฎินิสฺสโคฺค, สพฺพทุกฺขานํ วูปสโม, สพฺพาลยานํ สมุคฺฆาโต, สพฺพวฎฺฎานํ อุปเจฺฉโท, อจฺจนฺตสนฺติลกฺขโณติ ยถาวุตฺตสภาวสฺส กทาจิปิ อวิสํวาทนโต ตถา อวิตถา อนญฺญถาฯ เอวเมตา อภิชาติอาทิกา ตถา คโต อุปคโต อธิคโต ปฎิปโนฺน ปโตฺตติ ตถาคโตฯ เอวํ ภควา ตถา คโตติ ตถาคโตฯ
Sā sabbesampi upādānakkhandhānaṃ atthaṅgamo, sabbasaṅkhārānaṃ samatho, sabbūpadhīnaṃ paṭinissaggo, sabbadukkhānaṃ vūpasamo, sabbālayānaṃ samugghāto, sabbavaṭṭānaṃ upacchedo, accantasantilakkhaṇoti yathāvuttasabhāvassa kadācipi avisaṃvādanato tathā avitathā anaññathā. Evametā abhijātiādikā tathā gato upagato adhigato paṭipanno pattoti tathāgato. Evaṃ bhagavā tathā gatoti tathāgato.
กถํ ตถาวิโธติ ตถาคโต? ยถาวิธา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา, อยมฺปิ ภควา ตถาวิโธฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? ยถาวิธา เต ภควโนฺต มคฺคสีเลน ผลสีเลน สเพฺพนปิ โลกิยโลกุตฺตรสีเลน, มคฺคสมาธินา ผลสมาธินา สเพฺพนปิ โลกิยโลกุตฺตรสมาธินา, มคฺคปญฺญาย ผลปญฺญาย สพฺพายปิ โลกิยโลกุตฺตรปญฺญาย, เทวสิกํ วลญฺชิตเพฺพหิ จตุวีสติโกฎิสตสหสฺสสมาปตฺติวิหาเรหิ, ตทงฺควิมุตฺติยา, วิกฺขมฺภนวิมุตฺติยา, สมุเจฺฉทวิมุตฺติยา, ปฎิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติยา, นิสฺสรณวิมุตฺติยาติ สเงฺขปโตฯ วิตฺถารโต ปน อนนฺตาปริมาณเภเทหิ อจิเนฺตยฺยานุภาเวหิ สกลสพฺพญฺญุคุเณหิ, อยมฺปิ อมฺหากํ ภควา ตถาวิโธฯ สเพฺพสญฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อายุเวมตฺตํ, สรีรปฺปมาณเวมตฺตํ, กุลเวมตฺตํ, ทุกฺกรจริยาเวมตฺตํ, รสฺมิเวมตฺตนฺติ, อิเมหิ ปญฺจหิ เวมเตฺตหิ สิยา เวมตฺตํ, น ปน สีลวิสุทฺธิยาทีสุ วิสุทฺธีสุ สมถวิปสฺสนาปฎิปตฺติยํ อตฺตนา ปฎิลทฺธคุเณสุ จ กิญฺจิ นานากรณํ อตฺถิฯ อถ โข มเชฺฌ ภินฺนสุวณฺณํ วิย อญฺญมญฺญํ นิพฺพิเสสา เต พุทฺธา ภควโนฺตฯ ตสฺมา ยถาวิธา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา, อยมฺปิ ภควา ตถาวิโธฯ เอวํ ตถาวิโธติ ตถาคโตฯ วิธโตฺถ เจตฺถ คตสโทฺท, ตถา หิ โลกิยา วิธยุตฺตคตสเทฺท ปการเตฺถ วทนฺติฯ
Kathaṃ tathāvidhoti tathāgato? Yathāvidhā purimakā sammāsambuddhā, ayampi bhagavā tathāvidho. Kiṃ vuttaṃ hoti? Yathāvidhā te bhagavanto maggasīlena phalasīlena sabbenapi lokiyalokuttarasīlena, maggasamādhinā phalasamādhinā sabbenapi lokiyalokuttarasamādhinā, maggapaññāya phalapaññāya sabbāyapi lokiyalokuttarapaññāya, devasikaṃ valañjitabbehi catuvīsatikoṭisatasahassasamāpattivihārehi, tadaṅgavimuttiyā, vikkhambhanavimuttiyā, samucchedavimuttiyā, paṭippassaddhivimuttiyā, nissaraṇavimuttiyāti saṅkhepato. Vitthārato pana anantāparimāṇabhedehi acinteyyānubhāvehi sakalasabbaññuguṇehi, ayampi amhākaṃ bhagavā tathāvidho. Sabbesañhi sammāsambuddhānaṃ āyuvemattaṃ, sarīrappamāṇavemattaṃ, kulavemattaṃ, dukkaracariyāvemattaṃ, rasmivemattanti, imehi pañcahi vemattehi siyā vemattaṃ, na pana sīlavisuddhiyādīsu visuddhīsu samathavipassanāpaṭipattiyaṃ attanā paṭiladdhaguṇesu ca kiñci nānākaraṇaṃ atthi. Atha kho majjhe bhinnasuvaṇṇaṃ viya aññamaññaṃ nibbisesā te buddhā bhagavanto. Tasmā yathāvidhā purimakā sammāsambuddhā, ayampi bhagavā tathāvidho. Evaṃ tathāvidhoti tathāgato. Vidhattho cettha gatasaddo, tathā hi lokiyā vidhayuttagatasadde pakāratthe vadanti.
กถํ ตถา ปวตฺติโตติ ตถาคโต? อนญฺญสาธารเณน อิทฺธานุภาเวน สมนฺนาคตตฺตา อตฺถปฺปฎิสมฺภิทาทีนํ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺติยา อนาวรณญาณปฺปฎิลาเภน จ ภควโต กายปฺปวตฺติยาทีนํ กตฺถจิ ปฎิฆาตาภาวโต ยถา รุจิ ตถา คตํ คติ คมนํ กายวจีจิตฺตปฺปวตฺติ เอตสฺสาติ ตถาคโตฯ เอวํ ตถา ปวตฺติโตติ ตถาคโตฯ
Kathaṃ tathā pavattitoti tathāgato? Anaññasādhāraṇena iddhānubhāvena samannāgatattā atthappaṭisambhidādīnaṃ ukkaṃsapāramippattiyā anāvaraṇañāṇappaṭilābhena ca bhagavato kāyappavattiyādīnaṃ katthaci paṭighātābhāvato yathā ruci tathā gataṃ gati gamanaṃ kāyavacīcittappavatti etassāti tathāgato. Evaṃ tathā pavattitoti tathāgato.
กถํ ตเถหิ อคโตติ ตถาคโต? โพธิสมฺภารสมฺภรเณ ตปฺปฎิปกฺขปฺปวตฺติสงฺขาตํ นตฺถิ เอตสฺส คตนฺติ อคโตฯ โส ปนสฺส อคตภาโว มเจฺฉรทานปารมิอาทีสุ อวิปรีตํ อาทีนวานิสํสปจฺจเวกฺขณาทินยปฺปวเตฺตหิ ญาเณหีติ ตเถหิ ญาเณหิ อคโตติ ตถาคโตฯ
Kathaṃ tathehi agatoti tathāgato? Bodhisambhārasambharaṇe tappaṭipakkhappavattisaṅkhātaṃ natthi etassa gatanti agato. So panassa agatabhāvo maccheradānapāramiādīsu aviparītaṃ ādīnavānisaṃsapaccavekkhaṇādinayappavattehi ñāṇehīti tathehi ñāṇehi agatoti tathāgato.
อถ วา กิเลสาภิสงฺขารปฺปวตฺติสงฺขาตํ ขนฺธปฺปวตฺติสงฺขาตเมว วา ปญฺจสุปิ คตีสุ คตํ คมนํ เอตสฺส นตฺถีติ อคโตฯ สอุปาทิเสสอนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติยา สฺวายมสฺส อคตภาโว ตเถหิ อริยมคฺคญาเณหีติ เอวมฺปิ ภควา ตเถหิ อคโตติ ตถาคโตฯ
Atha vā kilesābhisaṅkhārappavattisaṅkhātaṃ khandhappavattisaṅkhātameva vā pañcasupi gatīsu gataṃ gamanaṃ etassa natthīti agato. Saupādisesaanupādisesanibbānappattiyā svāyamassa agatabhāvo tathehi ariyamaggañāṇehīti evampi bhagavā tathehi agatoti tathāgato.
กถํ ตถา คตภาเวน ตถาคโต? ตถา คตภาเวนาติ จ ตถาคตสฺส สพฺภาเวน อตฺถิตายาติ อโตฺถฯ โก ปเนส ตถาคโต, ยสฺส อตฺถิตาย ภควา ตถาคโตติ วุจฺจตีติ? สทฺธโมฺมฯ สทฺธโมฺม หิ อริยมโคฺค ตาว ยถา ยุคนทฺธสมถวิปสฺสนาพเลน อนวเสสโต กิเลสปกฺขํ สมูหนเนฺตน สมุเจฺฉทปฺปหานวเสน คนฺตพฺพํ , ตถา คโตฯ ผลธโมฺม ยถา อตฺตโน มคฺคานุรูปํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิปหานวเสน คนฺตพฺพํ, ตถา คโต ปวโตฺตฯ นิพฺพานธโมฺม ปน ยถา คโต ปญฺญาย ปฎิวิโทฺธ สกลวฎฺฎทุกฺขวูปสมาย สมฺปชฺชติ, พุทฺธาทีหิ ตถา คโต สจฺฉิกโตติ ตถาคโตฯ ปริยตฺติธโมฺมปิ ยถา ปุริมพุเทฺธหิ สุตฺตเคยฺยาทิวเสน ปวตฺติอาทิปฺปกาสนวเสน จ เวเนยฺยานํ อาสยาทิอนุรูปํ ปวตฺติโต, อมฺหากมฺปิ ภควตา ตถา คโต คทิโต ปวตฺติโตติ วา ตถาคโตฯ ยถา ภควตา เทสิโต, ตถา ภควโต สาวเกหิ คโต อวคโตติ ตถาคโตฯ เอวํ สโพฺพปิ สทฺธโมฺม ตถาคโตฯ เตนาห สโกฺก เทวานมิโนฺท – ‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ, ธมฺมํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติ (ขุ. ปา. ๖.๑๗; สุ. นิ. ๒๔๐)ฯ สฺวาสฺส อตฺถีติ ภควา ตถาคโตฯ
Kathaṃ tathā gatabhāvena tathāgato? Tathā gatabhāvenāti ca tathāgatassa sabbhāvena atthitāyāti attho. Ko panesa tathāgato, yassa atthitāya bhagavā tathāgatoti vuccatīti? Saddhammo. Saddhammo hi ariyamaggo tāva yathā yuganaddhasamathavipassanābalena anavasesato kilesapakkhaṃ samūhanantena samucchedappahānavasena gantabbaṃ , tathā gato. Phaladhammo yathā attano maggānurūpaṃ paṭippassaddhipahānavasena gantabbaṃ, tathā gato pavatto. Nibbānadhammo pana yathā gato paññāya paṭividdho sakalavaṭṭadukkhavūpasamāya sampajjati, buddhādīhi tathā gato sacchikatoti tathāgato. Pariyattidhammopi yathā purimabuddhehi suttageyyādivasena pavattiādippakāsanavasena ca veneyyānaṃ āsayādianurūpaṃ pavattito, amhākampi bhagavatā tathā gato gadito pavattitoti vā tathāgato. Yathā bhagavatā desito, tathā bhagavato sāvakehi gato avagatoti tathāgato. Evaṃ sabbopi saddhammo tathāgato. Tenāha sakko devānamindo – ‘‘tathāgataṃ devamanussapūjitaṃ, dhammaṃ namassāma suvatthi hotū’’ti (khu. pā. 6.17; su. ni. 240). Svāssa atthīti bhagavā tathāgato.
ยถา จ ธโมฺม, เอวํ อริยสโงฺฆปิ ยถา อตฺตหิตาย ปรหิตาย จ ปฎิปเนฺนหิ สุวิสุทฺธํ ปุพฺพภาคสมถวิปสฺสนาปฎิปทํ ปุรกฺขตฺวา เตน เตน มเคฺคน คนฺตพฺพํ, ตํ ตํ ตถา คโตติ ตถาคโตฯ ยถา วา ภควตา สจฺจปฎิจฺจสมุปฺปาทาทโย เทสิตา, ตถาว พุทฺธตฺตา ตถา คทนโต จ ตถาคโตฯ เตนาห สโกฺก เทวราชา – ‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ, สงฺฆํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติฯ สฺวาสฺส สาวกภูโต อตฺถีติ ภควา ตถาคโตฯ เอวํ ตถาคตภาเวน ตถาคโตติฯ
Yathā ca dhammo, evaṃ ariyasaṅghopi yathā attahitāya parahitāya ca paṭipannehi suvisuddhaṃ pubbabhāgasamathavipassanāpaṭipadaṃ purakkhatvā tena tena maggena gantabbaṃ, taṃ taṃ tathā gatoti tathāgato. Yathā vā bhagavatā saccapaṭiccasamuppādādayo desitā, tathāva buddhattā tathā gadanato ca tathāgato. Tenāha sakko devarājā – ‘‘tathāgataṃ devamanussapūjitaṃ, saṅghaṃ namassāma suvatthi hotū’’ti. Svāssa sāvakabhūto atthīti bhagavā tathāgato. Evaṃ tathāgatabhāvena tathāgatoti.
อิทมฺปิ จ ตถาคตสฺส ตถาคตภาวทีปเน มุขมตฺตกเมว, สพฺพากาเรน ปน ตถาคโตว ตถาคตสฺส ตถาคตภาวํ วเณฺณยฺยฯ อิทญฺหิ ตถาคตปทํ มหตฺถํ มหาคติกํ มหาวิสยํ, ตสฺส อปฺปมาทปทสฺส วิย เตปิฎกมฺปิ พุทฺธวจนํ ยุตฺติโต อตฺถภาเวน อาหรโนฺต ‘‘อติเตฺถน ธมฺมกถิโก ปกฺขโนฺท’’ติ น วตฺตโพฺพติฯ
Idampi ca tathāgatassa tathāgatabhāvadīpane mukhamattakameva, sabbākārena pana tathāgatova tathāgatassa tathāgatabhāvaṃ vaṇṇeyya. Idañhi tathāgatapadaṃ mahatthaṃ mahāgatikaṃ mahāvisayaṃ, tassa appamādapadassa viya tepiṭakampi buddhavacanaṃ yuttito atthabhāvena āharanto ‘‘atitthena dhammakathiko pakkhando’’ti na vattabboti.
ตเตฺถตํ วุจฺจติ –
Tatthetaṃ vuccati –
‘‘ยเถว โลเก ปุริมา มเหสิโน,
‘‘Yatheva loke purimā mahesino,
สพฺพญฺญุภาวํ มุนโย อิธาคตา;
Sabbaññubhāvaṃ munayo idhāgatā;
ตถา อยํ สกฺยมุนีปิ อาคโต,
Tathā ayaṃ sakyamunīpi āgato,
ตถาคโต วุจฺจติ เตน จกฺขุมาฯ
Tathāgato vuccati tena cakkhumā.
‘‘ปหาย กามาทิมเล อเสสโต,
‘‘Pahāya kāmādimale asesato,
สมาธิญาเณหิ ยถา คตา ชินา;
Samādhiñāṇehi yathā gatā jinā;
ปุราตนา สกฺยมุนี ชุตินฺธโร,
Purātanā sakyamunī jutindharo,
ตถา คโต เตน ตถาคโต มโตฯ
Tathā gato tena tathāgato mato.
‘‘ตถญฺจ ธาตายตนาทิลกฺขณํ,
‘‘Tathañca dhātāyatanādilakkhaṇaṃ,
สภาวสามญฺญวิภาคเภทโต;
Sabhāvasāmaññavibhāgabhedato;
สยมฺภุญาเณน ชิโนยมาคโต,
Sayambhuñāṇena jinoyamāgato,
ตถาคโต วุจฺจติ สกฺยปุงฺคโวฯ
Tathāgato vuccati sakyapuṅgavo.
‘‘ตถานิ สจฺจานิ สมนฺตจกฺขุนา,
‘‘Tathāni saccāni samantacakkhunā,
ตถา อิทปฺปจฺจยตา จ สพฺพโส;
Tathā idappaccayatā ca sabbaso;
อนญฺญเนยฺยา นยโต วิภาวิตา,
Anaññaneyyā nayato vibhāvitā,
ตถา คโต เตน ชิโน ตถาคโตฯ
Tathā gato tena jino tathāgato.
‘‘อเนกเภทาสุปิ โลกธาตุสุ,
‘‘Anekabhedāsupi lokadhātusu,
ชินสฺส รูปายตนาทิโคจเร;
Jinassa rūpāyatanādigocare;
วิจิตฺตเภเท ตถเมว ทสฺสนํ,
Vicittabhede tathameva dassanaṃ,
ตถาคโต เตน สมนฺตโลจโนฯ
Tathāgato tena samantalocano.
‘‘ยโต จ ธมฺมํ ตถเมว ภาสติ,
‘‘Yato ca dhammaṃ tathameva bhāsati,
กโรติ วาจาย นุรูปมตฺตโน;
Karoti vācāya nurūpamattano;
คุเณหิ โลกํ อภิภุยฺยิรียติ,
Guṇehi lokaṃ abhibhuyyirīyati,
ตถาคโต เตนปิ โลกนายโกฯ
Tathāgato tenapi lokanāyako.
‘‘ตถา ปริญฺญาย ตถาย สพฺพโส,
‘‘Tathā pariññāya tathāya sabbaso,
อเวทิ โลกํ ปภวํ อติกฺกมิ;
Avedi lokaṃ pabhavaṃ atikkami;
คโต จ ปจฺจกฺขกิริยาย นิพฺพุติํ,
Gato ca paccakkhakiriyāya nibbutiṃ,
อรียมคฺคญฺจ คโต ตถาคโตฯ
Arīyamaggañca gato tathāgato.
‘‘ตถา ปฎิญฺญาย ตถาย สพฺพโส,
‘‘Tathā paṭiññāya tathāya sabbaso,
หิตาย โลกสฺส ยโตยมาคโต;
Hitāya lokassa yatoyamāgato;
ตถาย นาโถ กรุณาย สพฺพทา,
Tathāya nātho karuṇāya sabbadā,
คโต จ เตนาปิ ชิโน ตถาคโตฯ
Gato ca tenāpi jino tathāgato.
‘‘ตถานิ ญาณานิ ยโตยมาคโต,
‘‘Tathāni ñāṇāni yatoyamāgato,
ยถาสภาวํ วิสยาวโพธโต;
Yathāsabhāvaṃ visayāvabodhato;
ตถาภิชาติปฺปภุตี ตถาคโต,
Tathābhijātippabhutī tathāgato,
ตทตฺถสมฺปาทนโต ตถาคโตฯ
Tadatthasampādanato tathāgato.
‘‘ยถาวิธา เต ปุริมา มเหสิโน,
‘‘Yathāvidhā te purimā mahesino,
ตถาวิโธยมฺปิ ตถา ยถารุจิ;
Tathāvidhoyampi tathā yathāruci;
ปวตฺตวาจา ตนุจิตฺตภาวโต,
Pavattavācā tanucittabhāvato,
ตถาคโต วุจฺจติ อคฺคปุคฺคโลฯ
Tathāgato vuccati aggapuggalo.
‘‘สโมฺพธิสมฺภารวิปกฺขโต ปุเร,
‘‘Sambodhisambhāravipakkhato pure,
คตํ น สํสารคตมฺปิ ตสฺส วา;
Gataṃ na saṃsāragatampi tassa vā;
น จตฺถิ นาถสฺส ภวนฺตทสฺสิโน,
Na catthi nāthassa bhavantadassino,
ตเถหิ ตสฺมา อคโต ตถาคโตฯ
Tathehi tasmā agato tathāgato.
‘‘ตถาคโต ธมฺมวโร มเหสินา,
‘‘Tathāgato dhammavaro mahesinā,
ยถา ปหาตพฺพมลํ ปหียติ;
Yathā pahātabbamalaṃ pahīyati;
ตถาคโต อริยคโณปิ สตฺถุโน,
Tathāgato ariyagaṇopi satthuno,
ตถาคโต เตน สมงฺคิภาวโต’’ติฯ
Tathāgato tena samaṅgibhāvato’’ti.
มหิทฺธิกตาติ ปรเมน จิตฺตวสีภาเวน จ อิทฺธิวิธโยเคน ธมฺมานุภาวญฺญถตฺตนิปฺผาทนสมตฺถตาสงฺขาตาย มหติยา อิทฺธิยา สมนฺนาคโม มหิทฺธิกตาฯ จิรกาลสมฺภูเตน สุวิทูรปฺปฎิปเกฺขน อิจฺฉิตตฺถนิปฺผตฺติเหตุภูเตน มหาชุติเกน ปุญฺญเตเชน สมนฺนาคโม มหานุภาวตาฯ ยตฺราติ อจฺฉริยปสํสาโกตุหลหาสปสาทิโก ปจฺจตฺตเตฺถ นิปาโตฯ เตน ยุตฺตตฺตา วิชายิสฺสตีติ อนาคตกาลวจนํ, อโตฺถ ปน อตีตกาโลเยวฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – ยา หิ นาม อยํ สุปฺปวาสา ตถา ทุกฺขนิมุคฺคา กิจฺฉาปนฺนา ภควโต วจนสมกาลเมว สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายีติฯ อตฺตมโนติ สกมโน, ภควติ ปสาเทน กิเลสรหิตจิโตฺตติ อโตฺถฯ กิเลสปริยุฎฺฐิตญฺหิ จิตฺตํ วเส อวตฺตนโต อตฺตมโนติ น สกฺกา วตฺตุนฺติฯ อตฺตมโนติ วา ปีติโสมนเสฺสหิ คหิตมโนฯ ปมุทิโตติ ปาโมเชฺชน ยุโตฺตฯ ปีติโสมนสฺสชาโตติ ชาตพลวปีติโสมนโสฺสฯ อถาติ ปจฺฉา, ตโต กติปาหสฺส อจฺจเยนฯ สตฺตภตฺตานีติ สตฺตสุ ทิวเสสุ ทาตพฺพภตฺตานิฯ สฺวาตนายาติ สฺวาตนปุญฺญตฺถํ, ยํ เสฺว พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ทานวเสน ปยิรุปาสนวเสน จ ภวิสฺสติ ปุญฺญํ ตทตฺถํฯ
Mahiddhikatāti paramena cittavasībhāvena ca iddhividhayogena dhammānubhāvaññathattanipphādanasamatthatāsaṅkhātāya mahatiyā iddhiyā samannāgamo mahiddhikatā. Cirakālasambhūtena suvidūrappaṭipakkhena icchitatthanipphattihetubhūtena mahājutikena puññatejena samannāgamo mahānubhāvatā. Yatrāti acchariyapasaṃsākotuhalahāsapasādiko paccattatthe nipāto. Tena yuttattā vijāyissatīti anāgatakālavacanaṃ, attho pana atītakāloyeva. Ayañhettha attho – yā hi nāma ayaṃ suppavāsā tathā dukkhanimuggā kicchāpannā bhagavato vacanasamakālameva sukhinī arogā arogaṃ puttaṃ vijāyīti. Attamanoti sakamano, bhagavati pasādena kilesarahitacittoti attho. Kilesapariyuṭṭhitañhi cittaṃ vase avattanato attamanoti na sakkā vattunti. Attamanoti vā pītisomanassehi gahitamano. Pamuditoti pāmojjena yutto. Pītisomanassajātoti jātabalavapītisomanasso. Athāti pacchā, tato katipāhassa accayena. Sattabhattānīti sattasu divasesu dātabbabhattāni. Svātanāyāti svātanapuññatthaṃ, yaṃ sve buddhappamukhassa saṅghassa dānavasena payirupāsanavasena ca bhavissati puññaṃ tadatthaṃ.
อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อามเนฺตสีติ กสฺมา อามเนฺตสิ? สุปฺปวาสาย สามิกสฺส ปสาทรกฺขณตฺถํฯ สุปฺปวาสา ปน อจลปฺปสาทาว, อุปาสกสฺส ปน ปสาทรกฺขณํ มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรสฺส ภาโรฯ เตนาห ‘‘ตุเยฺหโส อุปฎฺฐาโก’’ติฯ ตตฺถ ตุเยฺหโสติ ตุยฺหํ เอโสฯ ติณฺณํ ธมฺมานํ ปาฎิโภโคติ มม โภคาทีนํ ติณฺณํ ธมฺมานํ อหานิยา อวินาสาย อโยฺย มหาโมคฺคลฺลาโน ยทิ ปาฎิโภโค ยทิ ปติภู, อิโต สตฺต ทิวเส อติกฺกมิตฺวา มม สกฺกา ทานํ ทาตุนฺติ ยทิ อเยฺยน ญาตนฺติ ทีเปติฯ เถโรปิ ตสฺส เตสุ ทิวเสสุ โภคานํ ชีวิตสฺส จ อนุปทฺทวํ ปสฺสิตฺวา อาห – ‘‘ทฺวินฺนํ โข เนสํ, อาวุโส, ธมฺมานํ ปาฎิโภโค โภคานญฺจ ชีวิตสฺส จา’’ติฯ สทฺธา ปนสฺส จิตฺตปฺปฎิพทฺธาติ ตเสฺสว ภารํ กโรโนฺต ‘‘สทฺธาย ปน ตฺวเญฺญว ปาฎิโภโค’’ติ อาหฯ อปิ จ โส อุปาสโก ทิฎฺฐสโจฺจ, ตสฺส สทฺธาย อญฺญถาภาโว นตฺถีติ ตถา วุตฺตํฯ เตเนว จ การเณน ภควตา ‘‘ปจฺฉาปิ ตฺวํ กริสฺสสีติ สญฺญาเปหี’’ติ วุตฺตํฯ อุปาสโกปิ สตฺถริ เถเร จ คารเวน สุพฺพจตาย ตสฺสา จ ปุเญฺญน วฑฺฒิํ อิจฺฉโนฺต ‘‘กโรตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สตฺต ภตฺตานิ, ปจฺฉาหํ กริสฺสามี’’ติ อนุชานิฯ
Atha kho bhagavā āyasmantaṃ mahāmoggallānaṃ āmantesīti kasmā āmantesi? Suppavāsāya sāmikassa pasādarakkhaṇatthaṃ. Suppavāsā pana acalappasādāva, upāsakassa pana pasādarakkhaṇaṃ mahāmoggallānattherassa bhāro. Tenāha ‘‘tuyheso upaṭṭhāko’’ti. Tattha tuyhesoti tuyhaṃ eso. Tiṇṇaṃ dhammānaṃ pāṭibhogoti mama bhogādīnaṃ tiṇṇaṃ dhammānaṃ ahāniyā avināsāya ayyo mahāmoggallāno yadi pāṭibhogo yadi patibhū, ito satta divase atikkamitvā mama sakkā dānaṃ dātunti yadi ayyena ñātanti dīpeti. Theropi tassa tesu divasesu bhogānaṃ jīvitassa ca anupaddavaṃ passitvā āha – ‘‘dvinnaṃ kho nesaṃ, āvuso, dhammānaṃ pāṭibhogo bhogānañca jīvitassa cā’’ti. Saddhā panassa cittappaṭibaddhāti tasseva bhāraṃ karonto ‘‘saddhāya pana tvaññeva pāṭibhogo’’ti āha. Api ca so upāsako diṭṭhasacco, tassa saddhāya aññathābhāvo natthīti tathā vuttaṃ. Teneva ca kāraṇena bhagavatā ‘‘pacchāpi tvaṃ karissasīti saññāpehī’’ti vuttaṃ. Upāsakopi satthari there ca gāravena subbacatāya tassā ca puññena vaḍḍhiṃ icchanto ‘‘karotu suppavāsā koliyadhītā satta bhattāni, pacchāhaṃ karissāmī’’ti anujāni.
ตญฺจ ทารกนฺติ วิชาตทิวสโต ปฎฺฐาย เอกาทสมํ ทิวสํ อติกฺกมิตฺวา ตโต ปรํ สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ โภเชตฺวา สตฺตเม ทิวเส ตํ สตฺตวสฺสิกํ ทารกํ ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ วนฺทาเปสิฯ สตฺต เม วสฺสานีติ สตฺต เม สํวจฺฉรานิ, อจฺจนฺตสํโยควเสน เจตํ อุปโยควจนํฯ โลหิตกุมฺภิยํ วุตฺถานีติ มาตุกุจฺฉิยํ อตฺตโน คพฺภวาสทุกฺขํ สนฺธาย วทติฯ อญฺญานิปิ เอวรูปานิ สตฺต ปุตฺตานีติ ‘‘อเญฺญปิ เอวรูเป สตฺต ปุเตฺต’’ติ วตฺตเพฺพ ลิงฺควิปลฺลาสวเสน วุตฺตํ ‘‘เอวรูปานี’’ติฯ เอวํ สตฺต วสฺสานิ คพฺภธารณวเสน สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภตาย จ มหนฺตํ ทุกฺขํ ปาเปตฺวา อุปฺปชฺชนกปุเตฺตติ อโตฺถฯ เอเตน มาตุคามานํ ปุตฺตโลลตาย ปุตฺตลาเภน ติตฺติ นตฺถีติ ทเสฺสติฯ
Tañca dārakanti vijātadivasato paṭṭhāya ekādasamaṃ divasaṃ atikkamitvā tato paraṃ sattāhaṃ buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ bhojetvā sattame divase taṃ sattavassikaṃ dārakaṃ bhagavantaṃ bhikkhusaṅghañca vandāpesi. Satta me vassānīti satta me saṃvaccharāni, accantasaṃyogavasena cetaṃ upayogavacanaṃ. Lohitakumbhiyaṃ vutthānīti mātukucchiyaṃ attano gabbhavāsadukkhaṃ sandhāya vadati. Aññānipi evarūpāni satta puttānīti ‘‘aññepi evarūpe satta putte’’ti vattabbe liṅgavipallāsavasena vuttaṃ ‘‘evarūpānī’’ti. Evaṃ satta vassāni gabbhadhāraṇavasena sattāhaṃ mūḷhagabbhatāya ca mahantaṃ dukkhaṃ pāpetvā uppajjanakaputteti attho. Etena mātugāmānaṃ puttalolatāya puttalābhena titti natthīti dasseti.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ สตฺตทิวสาธิกานิ สตฺต สํวจฺฉรานิ คพฺภธารณาทิวเสน ปวตฺตํ มหนฺตํ ทุกฺขํ เอกปเท วิสริตฺวา ปุตฺตโลลตาวเสน ตาย วุตฺตมตฺถํ วิทิตฺวาฯ อิมํ อุทานนฺติ อิมํ จิตฺตสุขปฺปมโตฺต วิย ปมตฺตปุคฺคเล อิฎฺฐากาเรน วเญฺจตฺวา ตณฺหาสิเนหสฺส มหานตฺถกรภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิฯ
Etamatthaṃ viditvāti etaṃ sattadivasādhikāni satta saṃvaccharāni gabbhadhāraṇādivasena pavattaṃ mahantaṃ dukkhaṃ ekapade visaritvā puttalolatāvasena tāya vuttamatthaṃ viditvā. Imaṃ udānanti imaṃ cittasukhappamatto viya pamattapuggale iṭṭhākārena vañcetvā taṇhāsinehassa mahānatthakarabhāvadīpakaṃ udānaṃ udānesi.
ตตฺถ อสาตนฺติ อมธุรํ อสุนฺทรํ อนิฎฺฐํฯ สาตรูเปนาติ อิฎฺฐสภาเวนฯ ปิยรูเปนาติ ปิยายิตพฺพภาเวนฯ สุขสฺส รูเปนาติ สุขสภาเวนฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา อสาตํ อปฺปิยํ ทุกฺขเมว สมานํ สกลมฺปิ วฎฺฎคตํ สงฺขารชาตํ อปฺปหีนวิปลฺลาสตฺตา อโยนิโสมนสิกาเรน อิฎฺฐํ วิย ปิยํ วิย สุขํ วิย จ หุตฺวา อุปฎฺฐหมานํ สติวิปฺปวาเสน ปมตฺตปุคฺคลํ อติวตฺตติ อภิภวติ อโชฺฌตฺถรติ, ตสฺมา อิมมฺปิ สุปฺปวาสํ ปุนปิ สตฺตกฺขตฺตุํ เอวรูปํ อสาตํ อปฺปิยํ ทุกฺขํ สาตาทิปติรูปเกน ทุเกฺขน ปุตฺตสงฺขาตเปมวตฺถุสุเขน อโชฺฌตฺถรตีติฯ
Tattha asātanti amadhuraṃ asundaraṃ aniṭṭhaṃ. Sātarūpenāti iṭṭhasabhāvena. Piyarūpenāti piyāyitabbabhāvena. Sukhassa rūpenāti sukhasabhāvena. Idaṃ vuttaṃ hoti – yasmā asātaṃ appiyaṃ dukkhameva samānaṃ sakalampi vaṭṭagataṃ saṅkhārajātaṃ appahīnavipallāsattā ayonisomanasikārena iṭṭhaṃ viya piyaṃ viya sukhaṃ viya ca hutvā upaṭṭhahamānaṃ sativippavāsena pamattapuggalaṃ ativattati abhibhavati ajjhottharati, tasmā imampi suppavāsaṃ punapi sattakkhattuṃ evarūpaṃ asātaṃ appiyaṃ dukkhaṃ sātādipatirūpakena dukkhena puttasaṅkhātapemavatthusukhena ajjhottharatīti.
อฎฺฐมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Aṭṭhamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๘. สุปฺปวาสาสุตฺตํ • 8. Suppavāsāsuttaṃ