Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
๕. กุมฺภวโคฺค
5. Kumbhavaggo
[๒๙๑] ๑. สุราฆฎชาตกวณฺณนา
[291] 1. Surāghaṭajātakavaṇṇanā
สพฺพกามททํ กุมฺภนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อนาถปิณฺฑิกสฺส ภาคิเนยฺยํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร มาตาปิตูนํ สนฺตกา จตฺตาลีส หิรญฺญโกฎิโย ปานพฺยสเนน นาเสตฺวา เสฎฺฐิโน สนฺติกํ อคมาสิฯ โสปิสฺส ‘‘โวหารํ กโรหี’’ติ สหสฺสํ อทาสิ, ตมฺปิ นาเสตฺวา ปุน อคมาสิฯ ปุนสฺส ปญฺจ สตานิ ทาเปสิ, ตานิปิ นาเสตฺวา ปุน อาคตสฺส เทฺว ถูลสาฎเก ทาเปสิฯ เตปิ นาเสตฺวา ปุน อาคตํ คีวายํ คาหาเปตฺวา นีหราเปสิฯ โส อนาโถ หุตฺวา ปรกุฎฺฎํ นิสฺสาย กาลมกาสิ, ตเมนํ กฑฺฒิตฺวา พหิ ฉเฑฺฑสุํฯ อนาถปิณฺฑิโก วิหารํ คนฺตฺวา สพฺพํ ตํ ภาคิเนยฺยสฺส ปวตฺติํ ตถาคตสฺส อาโรเจสิฯ สตฺถา ‘‘ตฺวํ เอตํ กถํ สนฺตเปฺปสฺสสิ, ยมหํ ปุเพฺพ สพฺพกามททํ กุมฺภํ ทตฺวาปิ สนฺตเปฺปตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Sabbakāmadadaṃkumbhanti idaṃ satthā jetavane viharanto anāthapiṇḍikassa bhāgineyyaṃ ārabbha kathesi. So kira mātāpitūnaṃ santakā cattālīsa hiraññakoṭiyo pānabyasanena nāsetvā seṭṭhino santikaṃ agamāsi. Sopissa ‘‘vohāraṃ karohī’’ti sahassaṃ adāsi, tampi nāsetvā puna agamāsi. Punassa pañca satāni dāpesi, tānipi nāsetvā puna āgatassa dve thūlasāṭake dāpesi. Tepi nāsetvā puna āgataṃ gīvāyaṃ gāhāpetvā nīharāpesi. So anātho hutvā parakuṭṭaṃ nissāya kālamakāsi, tamenaṃ kaḍḍhitvā bahi chaḍḍesuṃ. Anāthapiṇḍiko vihāraṃ gantvā sabbaṃ taṃ bhāgineyyassa pavattiṃ tathāgatassa ārocesi. Satthā ‘‘tvaṃ etaṃ kathaṃ santappessasi, yamahaṃ pubbe sabbakāmadadaṃ kumbhaṃ datvāpi santappetuṃ nāsakkhi’’nti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต เสฎฺฐิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปิตุ อจฺจเยน เสฎฺฐิฎฺฐานํ ลภิฯ ตสฺส เคเห ภูมิคตเมว จตฺตาลีสโกฎิธนํ อโหสิ, ปุโตฺต ปนสฺส เอโกเยวฯ โพธิสโตฺต ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา กาลกโต สโกฺก เทวราชา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ อถสฺส ปุโตฺต วีถิํ อาวริตฺวา มณฺฑปํ กาเรตฺวา มหาชนปริวุโต นิสีทิตฺวา สุรํ ปาตุํ อารภิฯ โส ลงฺฆนธาวนนจฺจคีตาทีนิ กโรนฺตานํ สหสฺสํ สหสฺสํ ททมาโน อิตฺถิโสณฺฑสุราโสณฺฑมํสโสณฺฑาทิภาวํ อาปชฺชิตฺวา ‘‘กฺว คีตํ, กฺว นจฺจํ, กฺว วาทิต’’นฺติ สมชฺชตฺถิโก ปมโตฺต หุตฺวา อาหิณฺฑโนฺต นจิรเสฺสว จตฺตาลีสโกฎิธนํ อุปโภคปริโภคูปกรณานิ จ วินาเสตฺวา ทุคฺคโต กปโณ ปิโลติกํ นิวาเสตฺวา วิจริฯ สโกฺก อาวเชฺชโนฺต ตสฺส ทุคฺคตภาวํ ญตฺวา ปุตฺตเปเมน อาคนฺตฺวา สพฺพกามททํ กุมฺภํ ทตฺวา ‘‘ตาต, ยถา อยํ กุโมฺภ น ภิชฺชติ, ตถา นํ รกฺข, อิมสฺมิํ เต สติ ธนสฺส ปริเจฺฉโท นาม น ภวิสฺสติ, อปฺปมโตฺต โหหี’’ติ โอวทิตฺวา เทวโลกเมว คโตฯ ตโต ปฎฺฐาย สุรํ ปิวโนฺต วิจริฯ อเถกทิวสํ มโตฺต ตํ กุมฺภํ อากาเส ขิปิตฺวา สมฺปฎิจฺฉโนฺต เอกวารํ วิรชฺฌิ , กุโมฺภ ภูมิยํ ปติตฺวา ภิชฺชิฯ ตโต ปฎฺฐาย ปุน ทลิโทฺท หุตฺวา ปิโลติกํ นิวาเสตฺวา กปาลหโตฺถ ภิกฺขํ จรโนฺต ปรกุฎฺฎํ นิสฺสาย กาลมกาสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto seṭṭhikule nibbattitvā pitu accayena seṭṭhiṭṭhānaṃ labhi. Tassa gehe bhūmigatameva cattālīsakoṭidhanaṃ ahosi, putto panassa ekoyeva. Bodhisatto dānādīni puññāni katvā kālakato sakko devarājā hutvā nibbatti. Athassa putto vīthiṃ āvaritvā maṇḍapaṃ kāretvā mahājanaparivuto nisīditvā suraṃ pātuṃ ārabhi. So laṅghanadhāvananaccagītādīni karontānaṃ sahassaṃ sahassaṃ dadamāno itthisoṇḍasurāsoṇḍamaṃsasoṇḍādibhāvaṃ āpajjitvā ‘‘kva gītaṃ, kva naccaṃ, kva vādita’’nti samajjatthiko pamatto hutvā āhiṇḍanto nacirasseva cattālīsakoṭidhanaṃ upabhogaparibhogūpakaraṇāni ca vināsetvā duggato kapaṇo pilotikaṃ nivāsetvā vicari. Sakko āvajjento tassa duggatabhāvaṃ ñatvā puttapemena āgantvā sabbakāmadadaṃ kumbhaṃ datvā ‘‘tāta, yathā ayaṃ kumbho na bhijjati, tathā naṃ rakkha, imasmiṃ te sati dhanassa paricchedo nāma na bhavissati, appamatto hohī’’ti ovaditvā devalokameva gato. Tato paṭṭhāya suraṃ pivanto vicari. Athekadivasaṃ matto taṃ kumbhaṃ ākāse khipitvā sampaṭicchanto ekavāraṃ virajjhi , kumbho bhūmiyaṃ patitvā bhijji. Tato paṭṭhāya puna daliddo hutvā pilotikaṃ nivāsetvā kapālahattho bhikkhaṃ caranto parakuṭṭaṃ nissāya kālamakāsi.
สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา –
Satthā imaṃ atītaṃ āharitvā –
๑๒๑.
121.
‘‘สพฺพกามททํ กุมฺภํ, กุฎํ ลทฺธาน ธุตฺตโก;
‘‘Sabbakāmadadaṃ kumbhaṃ, kuṭaṃ laddhāna dhuttako;
ยาว นํ อนุปาเลติ, ตาว โส สุขเมธติฯ
Yāva naṃ anupāleti, tāva so sukhamedhati.
๑๒๒.
122.
‘‘ยทา มโตฺต จ ทิโตฺต จ, ปมาทา กุมฺภมพฺภิทา;
‘‘Yadā matto ca ditto ca, pamādā kumbhamabbhidā;
ตทา นโคฺค จ โปโตฺถ จ, ปจฺฉา พาโล วิหญฺญติฯ
Tadā naggo ca pottho ca, pacchā bālo vihaññati.
๑๒๓.
123.
‘‘เอวเมว โย ธนํ ลทฺธา, ปมโตฺต ปริภุญฺชติ;
‘‘Evameva yo dhanaṃ laddhā, pamatto paribhuñjati;
ปจฺฉา ตปฺปติ ทุเมฺมโธ, กุฎํ ภิตฺวาว ธุตฺตโก’’ติฯ –
Pacchā tappati dummedho, kuṭaṃ bhitvāva dhuttako’’ti. –
อิมา อภิสมฺพุทฺธคาถา วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิฯ
Imā abhisambuddhagāthā vatvā jātakaṃ samodhānesi.
ตตฺถ สพฺพกามททนฺติ สเพฺพ วตฺถุกาเม ทาตุํ สมตฺถํ กุมฺภํฯ กุฎนฺติ กุมฺภเววจนํฯ ยาวาติ ยตฺตกํ กาลํฯ อนุปาเลตีติ โย โกจิ เอวรูปํ ลภิตฺวา ยาว รกฺขติ, ตาว โส สุขเมธตีติ อโตฺถฯ มโตฺต จ ทิโตฺต จาติ สุรามเทน มโตฺต ทเปฺปน ทิโตฺตฯ ปมาทา กุมฺภมพฺภิทาติ ปมาเทน กุมฺภํ ภินฺทิฯ นโคฺค จ โปโตฺถ จาติ กทาจิ นโคฺค, กทาจิ โปตฺถกปิโลติกาย นิวตฺถตฺตา โปโตฺถฯ เอวเมวาติ เอวํ เอวฯ ปมโตฺตติ ปมาเทนฯ ตปฺปตีติ โสจติฯ
Tattha sabbakāmadadanti sabbe vatthukāme dātuṃ samatthaṃ kumbhaṃ. Kuṭanti kumbhavevacanaṃ. Yāvāti yattakaṃ kālaṃ. Anupāletīti yo koci evarūpaṃ labhitvā yāva rakkhati, tāva so sukhamedhatīti attho. Mattoca ditto cāti surāmadena matto dappena ditto. Pamādā kumbhamabbhidāti pamādena kumbhaṃ bhindi. Naggo ca pottho cāti kadāci naggo, kadāci potthakapilotikāya nivatthattā pottho. Evamevāti evaṃ eva. Pamattoti pamādena. Tappatīti socati.
‘‘ตทา สุราฆฎเภทโก ธุโตฺต เสฎฺฐิภาคิเนโยฺย อโหสิ, สโกฺก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
‘‘Tadā surāghaṭabhedako dhutto seṭṭhibhāgineyyo ahosi, sakko pana ahameva ahosi’’nti.
สุราฆฎชาตกวณฺณนา ปฐมาฯ
Surāghaṭajātakavaṇṇanā paṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๙๑. สุราฆฎชาตกํ • 291. Surāghaṭajātakaṃ