Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga |
๖. สุราปานวโคฺค
6. Surāpānavaggo
๑. สุราปานสิกฺขาปทํ
1. Surāpānasikkhāpadaṃ
๓๒๖. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา เจติเยสุ จาริกํ จรมาโน เยน ภทฺทวติกา เตน ปายาสิฯ อทฺทสํสุ โข โคปาลกา ปสุปาลกา กสฺสกา ปถาวิโน ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘มา โข, ภเนฺต, ภควา อมฺพติตฺถํ อคมาสิฯ อมฺพติเตฺถ, ภเนฺต, ชฎิลสฺส อสฺสเม นาโค ปฎิวสติ อิทฺธิมา อาสิวิโส 1 โฆรวิโสฯ โส ภควนฺตํ มา วิเหเฐสี’’ติฯ เอวํ วุเตฺต ภควา ตุณฺหี อโหสิฯ ทุติยมฺปิ โข…เป.… ตติยมฺปิ โข โคปาลกา ปสุปาลกา กสฺสกา ปถาวิโน ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘มา โข, ภเนฺต, ภควา อมฺพติตฺถํ อคมาสิฯ อมฺพติเตฺถ, ภเนฺต, ชฎิลสฺส อสฺสเม นาโค ปฎิวสติ อิทฺธิมา อาสิวิโส โฆรวิโสฯ โส ภควนฺตํ มา วิเหเฐสี’’ติฯ ตติยมฺปิ โข ภควา ตุณฺหี อโหสิฯ
326. Tena samayena buddho bhagavā cetiyesu cārikaṃ caramāno yena bhaddavatikā tena pāyāsi. Addasaṃsu kho gopālakā pasupālakā kassakā pathāvino bhagavantaṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘mā kho, bhante, bhagavā ambatitthaṃ agamāsi. Ambatitthe, bhante, jaṭilassa assame nāgo paṭivasati iddhimā āsiviso 2 ghoraviso. So bhagavantaṃ mā viheṭhesī’’ti. Evaṃ vutte bhagavā tuṇhī ahosi. Dutiyampi kho…pe… tatiyampi kho gopālakā pasupālakā kassakā pathāvino bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘mā kho, bhante, bhagavā ambatitthaṃ agamāsi. Ambatitthe, bhante, jaṭilassa assame nāgo paṭivasati iddhimā āsiviso ghoraviso. So bhagavantaṃ mā viheṭhesī’’ti. Tatiyampi kho bhagavā tuṇhī ahosi.
อถ โข ภควา อนุปุเพฺพน จาริกํ จรมาโน เยน ภทฺทวติกา ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา ภทฺทวติกายํ วิหรติ ฯ อถ โข อายสฺมา สาคโต เยน อมฺพติตฺถสฺส 3 ชฎิลสฺส อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ ; อุปสงฺกมิตฺวา อคฺยาคารํ ปวิสิตฺวา ติณสนฺถารกํ ปญฺญเปตฺวา นิสีทิ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาฯ อทฺทสา โข โส นาโค อายสฺมนฺตํ สาคตํ ปวิฎฺฐํ ฯ ทิสฺวาน ทุมฺมโน 4 ปธูปายิ 5ฯ อายสฺมาปิ สาคโต ปธูปายิ 6ฯ อถ โข โส นาโค มกฺขํ อสหมาโน ปชฺชลิฯ อายสฺมาปิ สาคโต เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา ปชฺชลิฯ อถ โข อายสฺมา สาคโต ตสฺส นาคสฺส เตชสา เตชํ ปริยาทิยิตฺวา เยน ภทฺทวติกา เตนุปสงฺกมิฯ อถ โข ภควา ภทฺทวติกายํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน โกสมฺพี เตน จาริกํ ปกฺกามิฯ อโสฺสสุํ โข โกสมฺพิกา อุปาสกา – ‘‘อโยฺย กิร สาคโต อมฺพติตฺถิเกน นาเคน สทฺธิํ สงฺคาเมสี’’ติฯ
Atha kho bhagavā anupubbena cārikaṃ caramāno yena bhaddavatikā tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā bhaddavatikāyaṃ viharati . Atha kho āyasmā sāgato yena ambatitthassa 7 jaṭilassa assamo tenupasaṅkami ; upasaṅkamitvā agyāgāraṃ pavisitvā tiṇasanthārakaṃ paññapetvā nisīdi pallaṅkaṃ ābhujitvā ujuṃ kāyaṃ paṇidhāya parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā. Addasā kho so nāgo āyasmantaṃ sāgataṃ paviṭṭhaṃ . Disvāna dummano 8 padhūpāyi 9. Āyasmāpi sāgato padhūpāyi 10. Atha kho so nāgo makkhaṃ asahamāno pajjali. Āyasmāpi sāgato tejodhātuṃ samāpajjitvā pajjali. Atha kho āyasmā sāgato tassa nāgassa tejasā tejaṃ pariyādiyitvā yena bhaddavatikā tenupasaṅkami. Atha kho bhagavā bhaddavatikāyaṃ yathābhirantaṃ viharitvā yena kosambī tena cārikaṃ pakkāmi. Assosuṃ kho kosambikā upāsakā – ‘‘ayyo kira sāgato ambatitthikena nāgena saddhiṃ saṅgāmesī’’ti.
อถ โข ภควา อนุปุเพฺพน จาริกํ จรมาโน เยน โกสมฺพี ตทวสริฯ อถ โข โกสมฺพิกา อุปาสกา ภควโต ปจฺจุคฺคมนํ กริตฺวา เยนายสฺมา สาคโต เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาคตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข โกสมฺพิกา อุปาสกา อายสฺมนฺตํ สาคตํ เอตทโวจุํ – ‘‘กิํ, ภเนฺต, อยฺยานํ ทุลฺลภญฺจ มนาปญฺจ, กิํ ปฎิยาเทมา’’ติ? เอวํ วุเตฺต ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู โกสมฺพิเก อุปาสเก เอตทโวจุํ – ‘‘อตฺถาวุโส, กาโปติกา นาม ปสนฺนา ภิกฺขูนํ ทุลฺลภา จ มนาปา จ, ตํ ปฎิยาเทถา’’ติฯ อถ โข โกสมฺพิกา อุปาสกา ฆเร ฆเร กาโปติกํ ปสนฺนํ ปฎิยาเทตฺวา อายสฺมนฺตํ สาคตํ ปิณฺฑาย ปวิฎฺฐํ ทิสฺวาน อายสฺมนฺตํ สาคตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ปิวตุ, ภเนฺต, อโยฺย สาคโต กาโปติกํ ปสนฺนํ, ปิวตุ , ภเนฺต, อโยฺย สาคโต กาโปติกํ ปสนฺน’’นฺติฯ อถ โข อายสฺมา สาคโต ฆเร ฆเร กาโปติกํ ปสนฺนํ ปิวิตฺวา นครมฺหา นิกฺขมโนฺต นครทฺวาเร ปริปติฯ
Atha kho bhagavā anupubbena cārikaṃ caramāno yena kosambī tadavasari. Atha kho kosambikā upāsakā bhagavato paccuggamanaṃ karitvā yenāyasmā sāgato tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ sāgataṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Ekamantaṃ ṭhitā kho kosambikā upāsakā āyasmantaṃ sāgataṃ etadavocuṃ – ‘‘kiṃ, bhante, ayyānaṃ dullabhañca manāpañca, kiṃ paṭiyādemā’’ti? Evaṃ vutte chabbaggiyā bhikkhū kosambike upāsake etadavocuṃ – ‘‘atthāvuso, kāpotikā nāma pasannā bhikkhūnaṃ dullabhā ca manāpā ca, taṃ paṭiyādethā’’ti. Atha kho kosambikā upāsakā ghare ghare kāpotikaṃ pasannaṃ paṭiyādetvā āyasmantaṃ sāgataṃ piṇḍāya paviṭṭhaṃ disvāna āyasmantaṃ sāgataṃ etadavocuṃ – ‘‘pivatu, bhante, ayyo sāgato kāpotikaṃ pasannaṃ, pivatu , bhante, ayyo sāgato kāpotikaṃ pasanna’’nti. Atha kho āyasmā sāgato ghare ghare kāpotikaṃ pasannaṃ pivitvā nagaramhā nikkhamanto nagaradvāre paripati.
อถ โข ภควา สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ นครมฺหา นิกฺขมโนฺต อทฺทส อายสฺมนฺตํ สาคตํ นครทฺวาเร ปริปตนฺตํฯ ทิสฺวาน ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘คณฺหถ, ภิกฺขเว, สาคต’’นฺติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปฎิสฺสุณิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาคตํ อารามํ เนตฺวา เยน ภควา เตน สีสํ กตฺวา นิปาเตสุํฯ อถ โข อายสฺมา สาคโต ปริวตฺติตฺวา เยน ภควา เตน ปาเท กริตฺวา เสยฺยํ กเปฺปสิ ฯ อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘นนุ, ภิกฺขเว, ปุเพฺพ สาคโต ตถาคเต สคารโว อโหสิ สปฺปติโสฺส’’ติ ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘อปิ นุ โข, ภิกฺขเว, สาคโต เอตรหิ ตถาคเต สคารโว สปฺปติโสฺส’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘นนุ, ภิกฺขเว, สาคโต อมฺพติตฺถิเกน นาเคน 11 สทฺธิํ สงฺคาเมสี’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘อปิ นุ โข, ภิกฺขเว, สาคโต เอตรหิ ปโหติ นาเคน สทฺธิํ สงฺคาเมตุ’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘อปิ นุ โข, ภิกฺขเว, ตํ ปาตพฺพํ ยํ ปิวิตฺวา วิสญฺญี อสฺสา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘อนนุจฺฉวิกํ, ภิกฺขเว, สาคตสฺส อนนุโลมิกํ อปฺปติรูปํ อสฺสามณกํ อกปฺปิยํ อกรณียํฯ กถญฺหิ นาม, ภิกฺขเว, สาคโต มชฺชํ ปิวิสฺสติ! เนตํ, ภิกฺขเว, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
Atha kho bhagavā sambahulehi bhikkhūhi saddhiṃ nagaramhā nikkhamanto addasa āyasmantaṃ sāgataṃ nagaradvāre paripatantaṃ. Disvāna bhikkhū āmantesi – ‘‘gaṇhatha, bhikkhave, sāgata’’nti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paṭissuṇitvā āyasmantaṃ sāgataṃ ārāmaṃ netvā yena bhagavā tena sīsaṃ katvā nipātesuṃ. Atha kho āyasmā sāgato parivattitvā yena bhagavā tena pāde karitvā seyyaṃ kappesi . Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘nanu, bhikkhave, pubbe sāgato tathāgate sagāravo ahosi sappatisso’’ti ? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Api nu kho, bhikkhave, sāgato etarahi tathāgate sagāravo sappatisso’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Nanu, bhikkhave, sāgato ambatitthikena nāgena 12 saddhiṃ saṅgāmesī’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Api nu kho, bhikkhave, sāgato etarahi pahoti nāgena saddhiṃ saṅgāmetu’’nti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Api nu kho, bhikkhave, taṃ pātabbaṃ yaṃ pivitvā visaññī assā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Ananucchavikaṃ, bhikkhave, sāgatassa ananulomikaṃ appatirūpaṃ assāmaṇakaṃ akappiyaṃ akaraṇīyaṃ. Kathañhi nāma, bhikkhave, sāgato majjaṃ pivissati! Netaṃ, bhikkhave, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๓๒๗. ‘‘สุราเมรยปาเน ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
327.‘‘Surāmerayapāne pācittiya’’nti.
๓๒๘. สุรา นาม ปิฎฺฐสุรา ปูวสุรา โอทนสุรา กิณฺณปกฺขิตฺตา สมฺภารสํยุตฺตาฯ
328.Surā nāma piṭṭhasurā pūvasurā odanasurā kiṇṇapakkhittā sambhārasaṃyuttā.
เมรโย นาม ปุปฺผาสโว ผลาสโว มธฺวาสโว คุฬาสโว สมฺภารสํยุโตฺตฯ
Merayo nāma pupphāsavo phalāsavo madhvāsavo guḷāsavo sambhārasaṃyutto.
ปิเวยฺยาติ อนฺตมโส กุสเคฺคนปิ ปิวติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Piveyyāti antamaso kusaggenapi pivati, āpatti pācittiyassa.
มเชฺช มชฺชสญฺญี ปิวติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ มเชฺช เวมติโก ปิวติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ มเชฺช อมชฺชสญฺญี ปิวติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Majje majjasaññī pivati, āpatti pācittiyassa. Majje vematiko pivati, āpatti pācittiyassa. Majje amajjasaññī pivati, āpatti pācittiyassa.
อมเชฺช มชฺชสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อมเชฺช เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อมเชฺช อมชฺชสญฺญี, อนาปตฺติฯ
Amajje majjasaññī, āpatti dukkaṭassa. Amajje vematiko, āpatti dukkaṭassa. Amajje amajjasaññī, anāpatti.
๓๒๙. อนาปตฺติ อมชฺชญฺจ โหติ มชฺชวณฺณํ มชฺชคนฺธํ มชฺชรสํ ตํ ปิวติ, สูปสมฺปาเก, มํสสมฺปาเก, เตลสมฺปาเก, อามลกผาณิเต, อมชฺชํ อริฎฺฐํ ปิวติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
329. Anāpatti amajjañca hoti majjavaṇṇaṃ majjagandhaṃ majjarasaṃ taṃ pivati, sūpasampāke, maṃsasampāke, telasampāke, āmalakaphāṇite, amajjaṃ ariṭṭhaṃ pivati, ummattakassa, ādikammikassāti.
สุราปานสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ปฐมํฯ
Surāpānasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ paṭhamaṃ.
๒. องฺคุลิปโตทกสิกฺขาปทํ
2. Aṅgulipatodakasikkhāpadaṃ
๓๓๐. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู สตฺตรสวคฺคิยํ ภิกฺขุํ องฺคุลิปโตทเกน หาเสสุํฯ โส ภิกฺขุ อุตฺตโนฺต อนสฺสาสโก กาลมกาสิฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ภิกฺขุํ องฺคุลิปโตทเกน หาเสสฺสนฺตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ องฺคุลิปโตทเกน หาเสถาติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, ภิกฺขุํ องฺคุลิปโตทเกน หาเสสฺสถ! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
330. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū sattarasavaggiyaṃ bhikkhuṃ aṅgulipatodakena hāsesuṃ. So bhikkhu uttanto anassāsako kālamakāsi. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū bhikkhuṃ aṅgulipatodakena hāsessantī’’ti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, bhikkhuṃ aṅgulipatodakena hāsethāti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, bhikkhuṃ aṅgulipatodakena hāsessatha! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๓๓๑. ‘‘องฺคุลิปโตทเก ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
331.‘‘Aṅgulipatodake pācittiya’’nti.
๓๓๒. องฺคุลิปโตทโก นาม 13 อุปสมฺปโนฺน อุปสมฺปนฺนํ หสาธิปฺปาโย 14 กาเยน กายํ อามสติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี องฺคุลิปโตทเกน หาเสติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุปสมฺปเนฺน เวมติโก องฺคุลิปโตทเกน หาเสติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺส ฯ อุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี องฺคุลิปโตทเกน หาเสติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
332.Aṅgulipatodako nāma 15 upasampanno upasampannaṃ hasādhippāyo 16 kāyena kāyaṃ āmasati, āpatti pācittiyassa. Upasampanne upasampannasaññī aṅgulipatodakena hāseti, āpatti pācittiyassa. Upasampanne vematiko aṅgulipatodakena hāseti, āpatti pācittiyassa . Upasampanne anupasampannasaññī aṅgulipatodakena hāseti, āpatti pācittiyassa.
กาเยน กายปฎิพทฺธํ อามสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ กายปฎิพเทฺธน กายํ อามสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ กายปฎิพเทฺธน กายปฎิพทฺธํ อามสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ นิสฺสคฺคิเยน กายํ อามสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ นิสฺสคฺคิเยน กายปฎิพทฺธํ อามสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ นิสฺสคฺคิเยน นิสฺสคฺคิยํ อามสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
Kāyena kāyapaṭibaddhaṃ āmasati, āpatti dukkaṭassa. Kāyapaṭibaddhena kāyaṃ āmasati, āpatti dukkaṭassa. Kāyapaṭibaddhena kāyapaṭibaddhaṃ āmasati, āpatti dukkaṭassa. Nissaggiyena kāyaṃ āmasati, āpatti dukkaṭassa. Nissaggiyena kāyapaṭibaddhaṃ āmasati, āpatti dukkaṭassa. Nissaggiyena nissaggiyaṃ āmasati, āpatti dukkaṭassa.
๓๓๓. อนุปสมฺปนฺนํ กาเยน กายํ อามสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ กาเยน กายปฎิพทฺธํ อามสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ กายปฎิพเทฺธน กายํ อามสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ กายปฎิพเทฺธน กายปฎิพทฺธํ อามสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ นิสฺสคฺคิเยน กายํ อามสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺส ฯ นิสฺสคฺคิเยน กายปฎิพทฺธํ อามสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ นิสฺสคฺคิเยน นิสฺสคฺคิยํ อามสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
333. Anupasampannaṃ kāyena kāyaṃ āmasati, āpatti dukkaṭassa. Kāyena kāyapaṭibaddhaṃ āmasati, āpatti dukkaṭassa. Kāyapaṭibaddhena kāyaṃ āmasati, āpatti dukkaṭassa. Kāyapaṭibaddhena kāyapaṭibaddhaṃ āmasati, āpatti dukkaṭassa. Nissaggiyena kāyaṃ āmasati, āpatti dukkaṭassa . Nissaggiyena kāyapaṭibaddhaṃ āmasati, āpatti dukkaṭassa. Nissaggiyena nissaggiyaṃ āmasati, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne upasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne vematiko, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne anupasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa.
๓๓๔. อนาปตฺติ น หสาธิปฺปาโย, สติ กรณีเย อามสติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
334. Anāpatti na hasādhippāyo, sati karaṇīye āmasati, ummattakassa, ādikammikassāti.
องฺคุลิปโตทกสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ทุติยํฯ
Aṅgulipatodakasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ dutiyaṃ.
๓. หสธมฺมสิกฺขาปทํ
3. Hasadhammasikkhāpadaṃ
๓๓๕. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน สตฺตรสวคฺคิยา ภิกฺขู อจิรวติยา นทิยา อุทเก กีฬนฺติฯ เตน โข ปน สมเยน ราชา ปเสนทิ โกสโล มลฺลิกาย เทวิยา สทฺธิํ อุปริปาสาทวรคโต โหติฯ อทฺทสา โข ราชา ปเสนทิ โกสโล สตฺตรสวคฺคิเย ภิกฺขู อจิรวติยา นทิยา อุทเก กีฬเนฺตฯ ทิสฺวาน มลฺลิกํ เทวิํ เอตทโวจ – ‘‘เอเต เต, มลฺลิเก, อรหโนฺต อุทเก กีฬนฺตี’’ติฯ ‘‘นิสฺสํสยํ โข, มหาราช, ภควตา สิกฺขาปทํ อปญฺญตฺตํฯ เต วา ภิกฺขู อปฺปกตญฺญุโน’’ติฯ อถ โข รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘เกน นุ โข อหํ อุปาเยน ภควโต จ น อาโรเจยฺยํ, ภควา จ ชาเนยฺย อิเม ภิกฺขู อุทเก กีฬิตา’’ติ? อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล สตฺตรสวคฺคิเย ภิกฺขู ปโกฺกสาเปตฺวา มหนฺตํ คุฬปิณฺฑํ อทาสิ – ‘‘อิมํ, ภเนฺต, คุฬปิณฺฑํ ภควโต เทถา’’ติฯ สตฺตรสวคฺคิยา ภิกฺขู ตํ คุฬปิณฺฑํ อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิมํ, ภเนฺต, คุฬปิณฺฑํ ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควโต เทตี’’ติฯ ‘‘กหํ ปน ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ราชา อทฺทสา’’ติฯ ‘‘อจิรวติยา นทิยา, ภควา, อุทเก กีฬเนฺต’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, อุทเก กีฬิสฺสถ! เนตํ , โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
335. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena sattarasavaggiyā bhikkhū aciravatiyā nadiyā udake kīḷanti. Tena kho pana samayena rājā pasenadi kosalo mallikāya deviyā saddhiṃ uparipāsādavaragato hoti. Addasā kho rājā pasenadi kosalo sattarasavaggiye bhikkhū aciravatiyā nadiyā udake kīḷante. Disvāna mallikaṃ deviṃ etadavoca – ‘‘ete te, mallike, arahanto udake kīḷantī’’ti. ‘‘Nissaṃsayaṃ kho, mahārāja, bhagavatā sikkhāpadaṃ apaññattaṃ. Te vā bhikkhū appakataññuno’’ti. Atha kho rañño pasenadissa kosalassa etadahosi – ‘‘kena nu kho ahaṃ upāyena bhagavato ca na āroceyyaṃ, bhagavā ca jāneyya ime bhikkhū udake kīḷitā’’ti? Atha kho rājā pasenadi kosalo sattarasavaggiye bhikkhū pakkosāpetvā mahantaṃ guḷapiṇḍaṃ adāsi – ‘‘imaṃ, bhante, guḷapiṇḍaṃ bhagavato dethā’’ti. Sattarasavaggiyā bhikkhū taṃ guḷapiṇḍaṃ ādāya yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘imaṃ, bhante, guḷapiṇḍaṃ rājā pasenadi kosalo bhagavato detī’’ti. ‘‘Kahaṃ pana tumhe, bhikkhave, rājā addasā’’ti. ‘‘Aciravatiyā nadiyā, bhagavā, udake kīḷante’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, udake kīḷissatha! Netaṃ , moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๓๓๗. อุทเก หสธโมฺม นาม อุปริโคปฺผเก อุทเก หสาธิปฺปาโย นิมุชฺชติ วา อุมฺมุชฺชติ วา ปลวติ วา, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
337.Udake hasadhammo nāma uparigopphake udake hasādhippāyo nimujjati vā ummujjati vā palavati vā, āpatti pācittiyassa.
๓๓๘. อุทเก หสธเมฺม หสธมฺมสญฺญี, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุทเก หสธเมฺม เวมติโก, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุทเก หสธเมฺม อหสธมฺมสญฺญี, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
338. Udake hasadhamme hasadhammasaññī, āpatti pācittiyassa. Udake hasadhamme vematiko, āpatti pācittiyassa. Udake hasadhamme ahasadhammasaññī, āpatti pācittiyassa.
เหฎฺฐาโคปฺผเก อุทเก กีฬติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อุทเก นาวาย กีฬติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ หเตฺถน วา ปาเทน วา กเฎฺฐน วา กฐลาย วา อุทกํ ปหรติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ภาชนคตํ อุทกํ วา กญฺชิกํ วา ขีรํ วา ตกฺกํ วา รชนํ วา ปสฺสาวํ วา จิกฺขลฺลํ วา กีฬติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
Heṭṭhāgopphake udake kīḷati, āpatti dukkaṭassa. Udake nāvāya kīḷati, āpatti dukkaṭassa. Hatthena vā pādena vā kaṭṭhena vā kaṭhalāya vā udakaṃ paharati, āpatti dukkaṭassa. Bhājanagataṃ udakaṃ vā kañjikaṃ vā khīraṃ vā takkaṃ vā rajanaṃ vā passāvaṃ vā cikkhallaṃ vā kīḷati, āpatti dukkaṭassa.
อุทเก อหสธเมฺม หสธมฺมสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อุทเก อหสธเมฺม เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อุทเก อหสธเมฺม อหสธมฺมสญฺญี, อนาปตฺติฯ
Udake ahasadhamme hasadhammasaññī, āpatti dukkaṭassa. Udake ahasadhamme vematiko, āpatti dukkaṭassa. Udake ahasadhamme ahasadhammasaññī, anāpatti.
๓๓๙. อนาปตฺติ น หสาธิปฺปาโย, สติ กรณีเย อุทกํ โอตริตฺวา นิมุชฺชติ วา อุมฺมุชฺชติ วา ปลวติ วา, ปารํ คจฺฉโนฺต นิมุชฺชติ วา อุมฺมุชฺชติ วา ปลวติ วา, อาปทาสุ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
339. Anāpatti na hasādhippāyo, sati karaṇīye udakaṃ otaritvā nimujjati vā ummujjati vā palavati vā, pāraṃ gacchanto nimujjati vā ummujjati vā palavati vā, āpadāsu, ummattakassa, ādikammikassāti.
หสธมฺมสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ตติยํฯ
Hasadhammasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ tatiyaṃ.
๔. อนาทริยสิกฺขาปทํ
4. Anādariyasikkhāpadaṃ
๓๔๐. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา ฉโนฺน อนาจารํ อาจรติฯ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘‘มาวุโส ฉนฺน, เอวรูปํ อกาสิฯ เนตํ กปฺปตี’’ติฯ โส อนาทริยํ ปฎิจฺจ กโรติเยวฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม อายสฺมา ฉโนฺน อนาทริยํ กริสฺสตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตฺวํ, ฉนฺน, อนาทริยํ กโรสีติ ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตฺวํ, โมฆปุริส, อนาทริยํ กริสฺสสิ! เนตํ, โมฆปุริส, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
340. Tena samayena buddho bhagavā kosambiyaṃ viharati ghositārāme. Tena kho pana samayena āyasmā channo anācāraṃ ācarati. Bhikkhū evamāhaṃsu – ‘‘māvuso channa, evarūpaṃ akāsi. Netaṃ kappatī’’ti. So anādariyaṃ paṭicca karotiyeva. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma āyasmā channo anādariyaṃ karissatī’’ti…pe… saccaṃ kira tvaṃ, channa, anādariyaṃ karosīti ? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tvaṃ, moghapurisa, anādariyaṃ karissasi! Netaṃ, moghapurisa, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๓๔๑. ‘‘อนาทริเย ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
341.‘‘Anādariye pācittiya’’nti.
๓๔๒. อนาทริยํ นาม เทฺว อนาทริยานิ – ปุคฺคลานาทริยญฺจ ธมฺมานาทริยญฺจฯ
342.Anādariyaṃ nāma dve anādariyāni – puggalānādariyañca dhammānādariyañca.
ปุคฺคลานาทริยํ นาม อุปสมฺปเนฺนน ปญฺญเตฺตน วุจฺจมาโน – ‘‘อยํ อุกฺขิตฺตโก วา วมฺภิโต วา ครหิโต วา, อิมสฺส วจนํ อกตํ ภวิสฺสตี’’ติ อนาทริยํ กโรติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Puggalānādariyaṃ nāma upasampannena paññattena vuccamāno – ‘‘ayaṃ ukkhittako vā vambhito vā garahito vā, imassa vacanaṃ akataṃ bhavissatī’’ti anādariyaṃ karoti, āpatti pācittiyassa.
ธมฺมานาทริยํ นาม อุปสมฺปเนฺนน ปญฺญเตฺตน วุจฺจมาโน ‘‘กถายํ นเสฺสยฺย วา วินเสฺสยฺย วา อนฺตรธาเยยฺย วา’’, ตํ วา น สิกฺขิตุกาโม อนาทริยํ กโรติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Dhammānādariyaṃ nāma upasampannena paññattena vuccamāno ‘‘kathāyaṃ nasseyya vā vinasseyya vā antaradhāyeyya vā’’, taṃ vā na sikkhitukāmo anādariyaṃ karoti, āpatti pācittiyassa.
๓๔๓. อุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี อนาทริยํ กโรติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุปสมฺปเนฺน เวมติโก อนาทริยํ กโรติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี อนาทริยํ กโรติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
343. Upasampanne upasampannasaññī anādariyaṃ karoti, āpatti pācittiyassa. Upasampanne vematiko anādariyaṃ karoti, āpatti pācittiyassa. Upasampanne anupasampannasaññī anādariyaṃ karoti, āpatti pācittiyassa.
อปญฺญเตฺตน วุจฺจมาโน – ‘‘อิทํ น สเลฺลขาย น ธุตตฺถาย น ปาสาทิกตาย น อปจยาย น วีริยารมฺภาย สํวตฺตตี’’ติ อนาทริยํ กโรติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺนน ปญฺญเตฺตน วา อปญฺญเตฺตน วา วุจฺจมาโน – ‘‘อิทํ น สเลฺลขาย น ธุตตฺถาย น ปาสาทิกตาย น อปจยาย น วีริยารมฺภาย สํวตฺตตี’’ติ อนาทริยํ กโรติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
Apaññattena vuccamāno – ‘‘idaṃ na sallekhāya na dhutatthāya na pāsādikatāya na apacayāya na vīriyārambhāya saṃvattatī’’ti anādariyaṃ karoti, āpatti dukkaṭassa. Anupasampannena paññattena vā apaññattena vā vuccamāno – ‘‘idaṃ na sallekhāya na dhutatthāya na pāsādikatāya na apacayāya na vīriyārambhāya saṃvattatī’’ti anādariyaṃ karoti, āpatti dukkaṭassa.
อนุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
Anupasampanne upasampannasaññī āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne vematiko, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne anupasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa.
๓๔๔. อนาปตฺติ – ‘‘เอวํ อมฺหากํ อาจริยานํ อุคฺคโห ปริปุจฺฉา’’ติ ภณติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
344. Anāpatti – ‘‘evaṃ amhākaṃ ācariyānaṃ uggaho paripucchā’’ti bhaṇati, ummattakassa, ādikammikassāti.
อนาทริยสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ จตุตฺถํฯ
Anādariyasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ catutthaṃ.
๕. ภิํสาปนสิกฺขาปทํ
5. Bhiṃsāpanasikkhāpadaṃ
๓๔๕. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู สตฺตรสวคฺคิเย ภิกฺขู ภิํสาเปนฺติฯ เต ภิํสาปียมานา โรทนฺติฯ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘‘กิสฺส ตุเมฺห, อาวุโส, โรทถา’’ติ? ‘‘อิเม, อาวุโส, ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อเมฺห ภิํสาเปนฺตี’’ติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ภิกฺขุํ ภิํสาเปสฺสนฺตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ ภิํสาเปถาติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, ภิกฺขุํ ภิํสาเปสฺสถ! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
345. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū sattarasavaggiye bhikkhū bhiṃsāpenti. Te bhiṃsāpīyamānā rodanti. Bhikkhū evamāhaṃsu – ‘‘kissa tumhe, āvuso, rodathā’’ti? ‘‘Ime, āvuso, chabbaggiyā bhikkhū amhe bhiṃsāpentī’’ti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū bhikkhuṃ bhiṃsāpessantī’’ti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, bhikkhuṃ bhiṃsāpethāti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, bhikkhuṃ bhiṃsāpessatha! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๓๔๖. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุํ ภิํสาเปยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
346.‘‘Yo pana bhikkhu bhikkhuṃ bhiṃsāpeyya, pācittiya’’nti.
๓๔๗. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ
347.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.
ภิกฺขุนฺติ อญฺญํ ภิกฺขุํฯ
Bhikkhunti aññaṃ bhikkhuṃ.
ภิํสาเปยฺยาติ อุปสมฺปโนฺน อุปสมฺปนฺนํ ภิํสาเปตุกาโม รูปํ วา สทฺทํ วา คนฺธํ วา รสํ วา โผฎฺฐพฺพํ วา อุปสํหรติฯ ภาเยยฺย วา โส น วา ภาเยยฺย, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ โจรกนฺตารํ วา วาฬกนฺตารํ วา ปิสาจกนฺตารํ วา อาจิกฺขติฯ ภาเยยฺย วา โส น วา ภาเยยฺย, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Bhiṃsāpeyyāti upasampanno upasampannaṃ bhiṃsāpetukāmo rūpaṃ vā saddaṃ vā gandhaṃ vā rasaṃ vā phoṭṭhabbaṃ vā upasaṃharati. Bhāyeyya vā so na vā bhāyeyya, āpatti pācittiyassa. Corakantāraṃ vā vāḷakantāraṃ vā pisācakantāraṃ vā ācikkhati. Bhāyeyya vā so na vā bhāyeyya, āpatti pācittiyassa.
๓๔๘. อุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี ภิํสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุปสมฺปเนฺน เวมติโก ภิํสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ‘อุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี ภิํสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
348. Upasampanne upasampannasaññī bhiṃsāpeti, āpatti pācittiyassa. Upasampanne vematiko bhiṃsāpeti, āpatti pācittiyassa. ‘Upasampanne anupasampannasaññī bhiṃsāpeti, āpatti pācittiyassa.
อนุปสมฺปนฺนํ ภิํสาเปตุกาโม รูปํ วา สทฺทํ วา คนฺธํ วา รสํ วา โผฎฺฐพฺพํ วา อุปสํหรติฯ ภาเยยฺย วา โส น วา ภาเยยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ โจรกนฺตารํ วา วาฬกนฺตารํ วา ปิสาจกนฺตารํ วา อาจิกฺขติฯ ภาเยยฺย วา โส น วา ภาเยยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺส ฯ อนุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
Anupasampannaṃ bhiṃsāpetukāmo rūpaṃ vā saddaṃ vā gandhaṃ vā rasaṃ vā phoṭṭhabbaṃ vā upasaṃharati. Bhāyeyya vā so na vā bhāyeyya, āpatti dukkaṭassa. Corakantāraṃ vā vāḷakantāraṃ vā pisācakantāraṃ vā ācikkhati. Bhāyeyya vā so na vā bhāyeyya, āpatti dukkaṭassa . Anupasampanne upasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne vematiko, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne anupasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa.
๓๔๙. อนาปตฺติ น ภิํสาเปตุกาโม รูปํ วา สทฺทํ วา คนฺธํ วา รสํ วา โผฎฺฐพฺพํ วา อุปสํหรติ, โจรกนฺตารํ วา วาฬกนฺตารํ วา ปิสาจกนฺตารํ วา อาจิกฺขติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
349. Anāpatti na bhiṃsāpetukāmo rūpaṃ vā saddaṃ vā gandhaṃ vā rasaṃ vā phoṭṭhabbaṃ vā upasaṃharati, corakantāraṃ vā vāḷakantāraṃ vā pisācakantāraṃ vā ācikkhati, ummattakassa, ādikammikassāti.
ภิํสาปนสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ปญฺจมํฯ
Bhiṃsāpanasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ pañcamaṃ.
๖. โชติกสิกฺขาปทํ
6. Jotikasikkhāpadaṃ
๓๕๐. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา ภเคฺคสุ วิหรติ สุํสุมารคิเร 19 เภสกฬาวเน มิคทาเยฯ เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู เหมนฺติเก กาเล อญฺญตรํ มหนฺตํ สุสิรกฎฺฐํ โชติํ สมาทหิตฺวา วิสิเพฺพสุํฯ ตสฺมิญฺจ สุสิเร กณฺหสโปฺป อคฺคินา สนฺตโตฺต นิกฺขมิตฺวา ภิกฺขู ปริปาเตสิฯ ภิกฺขู ตหํ ตหํ อุปธาวิํสุฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ภิกฺขู โชติํ สมาทหิตฺวา วิสิเพฺพสฺสนฺตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร, ภิกฺขเว, ภิกฺขู โชติํ สมาทหิตฺวา วิสิเพฺพนฺตีติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม เต, ภิกฺขเว , โมฆปุริสา โชติํ สมาทหิตฺวา วิสิเพฺพสฺสนฺติ! เนตํ, ภิกฺขเว, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
350. Tena samayena buddho bhagavā bhaggesu viharati suṃsumāragire 20 bhesakaḷāvane migadāye. Tena kho pana samayena bhikkhū hemantike kāle aññataraṃ mahantaṃ susirakaṭṭhaṃ jotiṃ samādahitvā visibbesuṃ. Tasmiñca susire kaṇhasappo agginā santatto nikkhamitvā bhikkhū paripātesi. Bhikkhū tahaṃ tahaṃ upadhāviṃsu. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma bhikkhū jotiṃ samādahitvā visibbessantī’’ti…pe… saccaṃ kira, bhikkhave, bhikkhū jotiṃ samādahitvā visibbentīti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma te, bhikkhave , moghapurisā jotiṃ samādahitvā visibbessanti! Netaṃ, bhikkhave, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
‘‘โย ปน ภิกฺขุ วิสิพฺพนาเปโกฺข โชติํ สมาทเหยฺย วา สมาทหาเปยฺย วา, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
‘‘Yo pana bhikkhu visibbanāpekkho jotiṃ samādaheyya vā samādahāpeyya vā, pācittiya’’nti.
เอวญฺจิทํ ภควตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ โหติฯ
Evañcidaṃ bhagavatā bhikkhūnaṃ sikkhāpadaṃ paññattaṃ hoti.
๓๕๑. เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู คิลานา โหนฺติฯ คิลานปุจฺฉกา ภิกฺขู คิลาเน ภิกฺขู เอตทโวจุํ – ‘‘กจฺจาวุโส, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนีย’’นฺติ? ‘‘ปุเพฺพ มยํ, อาวุโส, โชติํ สมาทหิตฺวา วิสิเพฺพม; เตน โน ผาสุ โหติฯ อิทานิ ปน ‘‘ภควตา ปฎิกฺขิตฺต’’นฺติ กุกฺกุจฺจายนฺตา น วิสิเพฺพม, เตน โน น ผาสุ โหตี’’ติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลาเนน ภิกฺขุนา โชติํ สมาทหิตฺวา วา สมาทหาเปตฺวา วา วิสิเพฺพตุํฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
351. Tena kho pana samayena bhikkhū gilānā honti. Gilānapucchakā bhikkhū gilāne bhikkhū etadavocuṃ – ‘‘kaccāvuso, khamanīyaṃ, kacci yāpanīya’’nti? ‘‘Pubbe mayaṃ, āvuso, jotiṃ samādahitvā visibbema; tena no phāsu hoti. Idāni pana ‘‘bhagavatā paṭikkhitta’’nti kukkuccāyantā na visibbema, tena no na phāsu hotī’’ti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… anujānāmi, bhikkhave, gilānena bhikkhunā jotiṃ samādahitvā vā samādahāpetvā vā visibbetuṃ. Evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
‘‘โย ปน ภิกฺขุ อคิลาโน วิสิพฺพนาเปโกฺข โชติํ สมาทเหยฺย วา สมาทหาเปยฺย วา, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
‘‘Yo pana bhikkhu agilāno visibbanāpekkho jotiṃ samādaheyyavā samādahāpeyya vā, pācittiya’’nti.
เอวญฺจิทํ ภควตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ โหติฯ
Evañcidaṃ bhagavatā bhikkhūnaṃ sikkhāpadaṃ paññattaṃ hoti.
๓๕๒. เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู ปทีเปปิ โชติเกปิ ชนฺตาฆเรปิ กุกฺกุจฺจายนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตถารูปปฺปจฺจยา โชติํ สมาทหิตุํ สมาทหาเปตุํฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
352. Tena kho pana samayena bhikkhū padīpepi jotikepi jantāgharepi kukkuccāyanti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… anujānāmi, bhikkhave, tathārūpappaccayā jotiṃ samādahituṃ samādahāpetuṃ. Evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๓๕๓. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อคิลาโน วิสิพฺพนาเปโกฺข โชติํ สมาทเหยฺย วา สมาทหาเปยฺย วา, อญฺญตฺร ตถารูปปฺปจฺจยา, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
353.‘‘Yo pana bhikkhu agilāno visibbanāpekkho jotiṃ samādaheyya vā samādahāpeyya vā, aññatra tathārūpappaccayā, pācittiya’’nti.
๓๕๔. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ
354.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.
อคิลาโน นาม ยสฺส วินา อคฺคินา ผาสุ โหติฯ
Agilāno nāma yassa vinā agginā phāsu hoti.
คิลาโน นาม ยสฺส วินา อคฺคินา น ผาสุ โหติฯ
Gilāno nāma yassa vinā agginā na phāsu hoti.
วิสิพฺพนาเปโกฺขติ ตปฺปิตุกาโมฯ
Visibbanāpekkhoti tappitukāmo.
โชติ นาม อคฺคิ วุจฺจติฯ
Joti nāma aggi vuccati.
สมาทเหยฺยาติ สยํ สมาทหติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Samādaheyyāti sayaṃ samādahati, āpatti pācittiyassa.
สมาทหาเปยฺยาติ อญฺญํ อาณาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ สกิํ อาณโตฺต พหุกมฺปิ สมาทหติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Samādahāpeyyāti aññaṃ āṇāpeti, āpatti pācittiyassa. Sakiṃ āṇatto bahukampi samādahati, āpatti pācittiyassa.
อญฺญตฺร ตถา รูปปฺปจฺจยาติ ฐเปตฺวา ตถารูปปฺปจฺจยํฯ
Aññatra tathā rūpappaccayāti ṭhapetvā tathārūpappaccayaṃ.
๓๕๕. อคิลาโน อคิลานสญฺญี วิสิพฺพนาเปโกฺข โชติํ สมาทหติ วา สมาทหาเปติ วา, อญฺญตฺร ตถารูปปฺปจฺจยา, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อคิลาโน เวมติโก วิสิพฺพนาเปโกฺข โชติํ สมาทหติ วา สมาทหาเปติ วา, อญฺญตฺร ตถารูปปฺปจฺจยา, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อคิลาโน คิลานสญฺญี วิสิพฺพนาเปโกฺข โชติํ สมาทหติ วา สมาทหาเปติ วา, อญฺญตฺร ตถารูปปฺปจฺจยา, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
355. Agilāno agilānasaññī visibbanāpekkho jotiṃ samādahati vā samādahāpeti vā, aññatra tathārūpappaccayā, āpatti pācittiyassa. Agilāno vematiko visibbanāpekkho jotiṃ samādahati vā samādahāpeti vā, aññatra tathārūpappaccayā, āpatti pācittiyassa. Agilāno gilānasaññī visibbanāpekkho jotiṃ samādahati vā samādahāpeti vā, aññatra tathārūpappaccayā, āpatti pācittiyassa.
ปฎิลาตํ อุกฺขิปติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ คิลาโน อคิลานสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ คิลาโน เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ คิลาโน คิลานสญฺญี, อนาปตฺติฯ
Paṭilātaṃ ukkhipati, āpatti dukkaṭassa. Gilāno agilānasaññī, āpatti dukkaṭassa. Gilāno vematiko, āpatti dukkaṭassa. Gilāno gilānasaññī, anāpatti.
๓๕๖. อนาปตฺติ คิลานสฺส, อเญฺญน กตํ วิสิเพฺพติ, วีตจฺจิตงฺคารํ วิสิเพฺพติ, ปทีเป โชติเก ชนฺตาฆเร ตถารูปปฺปจฺจยา, อาปทาสุ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
356. Anāpatti gilānassa, aññena kataṃ visibbeti, vītaccitaṅgāraṃ visibbeti, padīpe jotike jantāghare tathārūpappaccayā, āpadāsu, ummattakassa, ādikammikassāti.
โชติกสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ฉฎฺฐํฯ
Jotikasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ chaṭṭhaṃ.
๗. นหานสิกฺขาปทํ
7. Nahānasikkhāpadaṃ
๓๕๗. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู ตโปเท นหายนฺติฯ เตน โข ปน สมเยน 21 ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร ‘‘สีสํ นหายิสฺสามี’’ติ ตโปทํ คนฺตฺวา – ‘‘ยาวายฺยา นหายนฺตี’’ติ เอกมนฺตํ ปฎิมาเนสิฯ ภิกฺขู ยาว สมนฺธการา นหายิํสุฯ อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร วิกาเล สีสํ นหายิตฺวา, นครทฺวาเร ถกิเต พหินคเร วสิตฺวา, กาลเสฺสว อสมฺภิเนฺนน วิเลปเนน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ราชานํ มาคธํ เสนิยํ พิมฺพิสารํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กิสฺส ตฺวํ, มหาราช, กาลเสฺสว อาคโต อสมฺภิเนฺนน วิเลปเนนา’’ติ? อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสิฯ อถ โข ภควา ราชานํ มาคธํ เสนิยํ พิมฺพิสารํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุเตฺตเชสิ สมฺปหํเสสิฯ อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุเตฺตชิโต สมฺปหํสิโต อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ภิกฺขู ปฎิปุจฺฉิ – ‘‘สจฺจํ กิร, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ราชานมฺปิ ปสฺสิตฺวา น มตฺตํ ชานิตฺวา นหายนฺตี’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม เต, ภิกฺขเว, โมฆปุริสา ราชานมฺปิ ปสฺสิตฺวา น มตฺตํ ชานิตฺวา นหายิสฺสนฺติ! เนตํ, ภิกฺขเว, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
357. Tena samayena buddho bhagavā rājagahe viharati veḷuvane kalandakanivāpe. Tena kho pana samayena bhikkhū tapode nahāyanti. Tena kho pana samayena 22 rājā māgadho seniyo bimbisāro ‘‘sīsaṃ nahāyissāmī’’ti tapodaṃ gantvā – ‘‘yāvāyyā nahāyantī’’ti ekamantaṃ paṭimānesi. Bhikkhū yāva samandhakārā nahāyiṃsu. Atha kho rājā māgadho seniyo bimbisāro vikāle sīsaṃ nahāyitvā, nagaradvāre thakite bahinagare vasitvā, kālasseva asambhinnena vilepanena yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho rājānaṃ māgadhaṃ seniyaṃ bimbisāraṃ bhagavā etadavoca – ‘‘kissa tvaṃ, mahārāja, kālasseva āgato asambhinnena vilepanenā’’ti? Atha kho rājā māgadho seniyo bimbisāro bhagavato etamatthaṃ ārocesi. Atha kho bhagavā rājānaṃ māgadhaṃ seniyaṃ bimbisāraṃ dhammiyā kathāya sandassesi samādapesi samuttejesi sampahaṃsesi. Atha kho rājā māgadho seniyo bimbisāro bhagavatā dhammiyā kathāya sandassito samādapito samuttejito sampahaṃsito uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe bhikkhusaṅghaṃ sannipātāpetvā bhikkhū paṭipucchi – ‘‘saccaṃ kira, bhikkhave, bhikkhū rājānampi passitvā na mattaṃ jānitvā nahāyantī’’ti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma te, bhikkhave, moghapurisā rājānampi passitvā na mattaṃ jānitvā nahāyissanti! Netaṃ, bhikkhave, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
‘‘โย ปน ภิกฺขุ โอเรนทฺธมาสํ นหาเยยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
‘‘Yo pana bhikkhu orenaddhamāsaṃ nahāyeyya, pācittiya’’nti.
เอวญฺจิทํ ภควตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ โหติฯ
Evañcidaṃ bhagavatā bhikkhūnaṃ sikkhāpadaṃ paññattaṃ hoti.
๓๕๘. เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อุณฺหสมเย ปริฬาหสมเย กุกฺกุจฺจายนฺตา น นหายนฺติ, เสทคเตน คเตฺตน สยนฺติฯ จีวรมฺปิ เสนาสนมฺปิ ทุสฺสติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุณฺหสมเย ปริฬาหสมเย โอเรนทฺธมาสํ นหายิตุํฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
358. Tena kho pana samayena bhikkhū uṇhasamaye pariḷāhasamaye kukkuccāyantā na nahāyanti, sedagatena gattena sayanti. Cīvarampi senāsanampi dussati. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… anujānāmi, bhikkhave, uṇhasamaye pariḷāhasamaye orenaddhamāsaṃ nahāyituṃ. Evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
‘‘โย ปน ภิกฺขุ โอเรนทฺธมาสํ นหาเยยฺย, อญฺญตฺร สมยา, ปาจิตฺติยํฯ ตตฺถายํ สมโยฯ ทิยโฑฺฒ มาโส เสโส คิมฺหานนฺติ 23 วสฺสานสฺส ปฐโม มาโส อิเจฺจเต อฑฺฒเตยฺยมาสา อุณฺหสมโย ปริฬาหสมโย – อยํ ตตฺถ สมโย’’ติฯ
‘‘Yopana bhikkhu orenaddhamāsaṃ nahāyeyya, aññatra samayā, pācittiyaṃ. Tatthāyaṃ samayo. Diyaḍḍho māso seso gimhānanti24vassānassa paṭhamo māso iccete aḍḍhateyyamāsā uṇhasamayo pariḷāhasamayo – ayaṃ tattha samayo’’ti.
เอวญฺจิทํ ภควตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ โหติฯ
Evañcidaṃ bhagavatā bhikkhūnaṃ sikkhāpadaṃ paññattaṃ hoti.
๓๕๙. เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู คิลานา โหนฺติฯ คิลานปุจฺฉกา ภิกฺขู คิลาเน ภิกฺขู เอตทโวจุํ – ‘‘กจฺจาวุโส, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนีย’’นฺติ? ‘‘ปุเพฺพ มยํ, อาวุโส, โอเรนทฺธมาสํ นหายาม, เตน โน ผาสุ โหติ; อิทานิ ปน ‘‘ภควตา ปฎิกฺขิตฺต’’นฺติ กุกฺกุจฺจายนฺตา น นหายาม, เตน โน น ผาสุ โหตี’’ติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลาเนน ภิกฺขุนา โอเรนทฺธมาสํ นหายิตุํฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
359. Tena kho pana samayena bhikkhū gilānā honti. Gilānapucchakā bhikkhū gilāne bhikkhū etadavocuṃ – ‘‘kaccāvuso, khamanīyaṃ, kacci yāpanīya’’nti? ‘‘Pubbe mayaṃ, āvuso, orenaddhamāsaṃ nahāyāma, tena no phāsu hoti; idāni pana ‘‘bhagavatā paṭikkhitta’’nti kukkuccāyantā na nahāyāma, tena no na phāsu hotī’’ti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… anujānāmi, bhikkhave, gilānena bhikkhunā orenaddhamāsaṃ nahāyituṃ. Evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
‘‘โย ปน ภิกฺขุ โอเรนทฺธมาสํ นหาเยยฺย, อญฺญตฺร สมยา, ปาจิตฺติยํฯ ตตฺถายํ สมโยฯ ทิยโฑฺฒ มาโส เสโส คิมฺหานนฺติ 25 วสฺสานสฺส ปฐโม มาโส อิเจฺจเต อฑฺฒเตยฺยมาสา อุณฺหสมโย, ปริฬาหสมโย, คิลานสมโย – อยํ ตตฺถ สมโย’’ติฯ
‘‘Yo pana bhikkhu orenaddhamāsaṃ nahāyeyya, aññatra samayā, pācittiyaṃ. Tatthāyaṃ samayo. Diyaḍḍho māso seso gimhānanti26vassānassapaṭhamo māso iccete aḍḍhateyyamāsā uṇhasamayo, pariḷāhasamayo, gilānasamayo – ayaṃ tattha samayo’’ti.
เอวญฺจิทํ ภควตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ โหติฯ
Evañcidaṃ bhagavatā bhikkhūnaṃ sikkhāpadaṃ paññattaṃ hoti.
๓๖๐. เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู นวกมฺมํ กตฺวา กุกฺกุจฺจายนฺตา น นหายนฺติฯ เต เสทคเตน คเตฺตน สยนฺติฯ จีวรมฺปิ เสนาสนมฺปิ ทุสฺสติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กมฺมสมเย โอเรนทฺธมาสํ นหายิตุํฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
360. Tena kho pana samayena bhikkhū navakammaṃ katvā kukkuccāyantā na nahāyanti. Te sedagatena gattena sayanti. Cīvarampi senāsanampi dussati. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… anujānāmi, bhikkhave, kammasamaye orenaddhamāsaṃ nahāyituṃ. Evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
‘‘โย ปน ภิกฺขุ โอเรนทฺธมาสํ นหาเยยฺย, อญฺญตฺร สมยา, ปาจิตฺติยํฯ ตตฺถายํ สมโยฯ ทิยโฑฺฒ มาโส เสโส คิมฺหานนฺติ วสฺสานสฺส ปฐโม มาโส อิเจฺจเต อฑฺฒเตยฺยมาสา อุณฺหสมโย, ปริฬาหสมโย, คิลานสมโย, กมฺมสมโย – อยํ ตตฺถ สมโย’’ติฯ
‘‘Yo pana bhikkhu orenaddhamāsaṃ nahāyeyya, aññatra samayā, pācittiyaṃ. Tatthāyaṃ samayo. Diyaḍḍho māso seso gimhānanti vassānassa paṭhamo māso iccete aḍḍhateyyamāsā uṇhasamayo, pariḷāhasamayo, gilānasamayo, kammasamayo – ayaṃ tattha samayo’’ti.
เอวญฺจิทํ ภควตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ โหติฯ
Evañcidaṃ bhagavatā bhikkhūnaṃ sikkhāpadaṃ paññattaṃ hoti.
๓๖๑. เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อทฺธานํ คนฺตฺวา กุกฺกุจฺจายนฺตา น นหายนฺติฯ เต เสทคเตน คเตฺตน สยนฺติฯ จีวรมฺปิ เสนาสนมฺปิ ทุสฺสติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อทฺธานคมนสมเย โอเรนทฺธมาสํ นหายิตุํฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
361. Tena kho pana samayena bhikkhū addhānaṃ gantvā kukkuccāyantā na nahāyanti. Te sedagatena gattena sayanti. Cīvarampi senāsanampi dussati. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… anujānāmi, bhikkhave, addhānagamanasamaye orenaddhamāsaṃ nahāyituṃ. Evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
‘‘โย ปน ภิกฺขุ โอเรนทฺธมาสํ นหาเยยฺย, อญฺญตฺร สมยา, ปาจิตฺติยํฯ ตตฺถายํ สมโยฯ ทิยโฑฺฒ มาโส เสโส คิมฺหานนฺติ วสฺสานสฺส ปฐโม มาโส อิเจฺจเต อฑฺฒเตยฺยมาสา อุณฺหสมโย, ปริฬาหสมโย, คิลานสมโย, กมฺมสมโย, อทฺธานคมนสมโย – อยํ ตตฺถ สมโย’’ติฯ
‘‘Yo pana bhikkhu orenaddhamāsaṃ nahāyeyya, aññatra samayā, pācittiyaṃ. Tatthāyaṃ samayo. Diyaḍḍho māso seso gimhānanti vassānassa paṭhamo māso iccete aḍḍhateyyamāsā uṇhasamayo, pariḷāhasamayo, gilānasamayo, kammasamayo, addhānagamanasamayo – ayaṃ tattha samayo’’ti.
เอวญฺจิทํ ภควตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ โหติฯ
Evañcidaṃ bhagavatā bhikkhūnaṃ sikkhāpadaṃ paññattaṃ hoti.
๓๖๒. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู อโชฺฌกาเส จีวรกมฺมํ กโรนฺตา สรเชน วาเตน โอกิณฺณา โหนฺติฯ เทโว จ โถกํ โถกํ ผุสายติฯ ภิกฺขู กุกฺกุจฺจายนฺตา น นหายนฺติ, กิลิเนฺนน คเตฺตน สยนฺติฯ จีวรมฺปิ เสนาสนมฺปิ ทุสฺสติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วาตวุฎฺฐิสมเย โอเรนทฺธมาสํ นหายิตุํฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
362. Tena kho pana samayena sambahulā bhikkhū ajjhokāse cīvarakammaṃ karontā sarajena vātena okiṇṇā honti. Devo ca thokaṃ thokaṃ phusāyati. Bhikkhū kukkuccāyantā na nahāyanti, kilinnena gattena sayanti. Cīvarampi senāsanampi dussati. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… anujānāmi, bhikkhave, vātavuṭṭhisamaye orenaddhamāsaṃ nahāyituṃ. Evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๓๖๓. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ โอเรนทฺธมาสํ นหาเยยฺย, อญฺญตฺร สมยา, ปาจิตฺติยํฯ ตตฺถายํ สมโยฯ ทิยโฑฺฒ มาโส เสโส คิมฺหานนฺติ วสฺสานสฺส ปฐโม มาโส อิเจฺจเต อฑฺฒเตยฺยมาสา อุณฺหสมโย, ปริฬาหสมโย, คิลานสมโย, กมฺมสมโย, อทฺธานคมนสมโย, วาตวุฎฺฐิสมโย – อยํ ตตฺถ สมโย’’ติฯ
363.‘‘Yo pana bhikkhu orenaddhamāsaṃ nahāyeyya, aññatra samayā, pācittiyaṃ. Tatthāyaṃ samayo. Diyaḍḍho māso seso gimhānanti vassānassa paṭhamo māso iccete aḍḍhateyyamāsā uṇhasamayo, pariḷāhasamayo, gilānasamayo, kammasamayo, addhānagamanasamayo, vātavuṭṭhisamayo– ayaṃ tattha samayo’’ti.
๓๖๔. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ
364.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.
โอเรนทฺธมาสนฺติ อูนกทฺธมาสํฯ
Orenaddhamāsanti ūnakaddhamāsaṃ.
นหาเยยฺยาติ จุเณฺณน วา มตฺติกาย วา นหายติ, ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฎํฯ นหานปริโยสาเน, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Nahāyeyyāti cuṇṇena vā mattikāya vā nahāyati, payoge payoge dukkaṭaṃ. Nahānapariyosāne, āpatti pācittiyassa.
อญฺญตฺร สมยาติ ฐเปตฺวา สมยํฯ
Aññatrasamayāti ṭhapetvā samayaṃ.
อุณฺหสมโย นาม ทิยโฑฺฒ มาโส เสโส คิมฺหานํฯ ปริฬาหสมโย นาม วสฺสานสฺส ปฐโม มาโส ‘‘อิเจฺจเต อฑฺฒเตยฺยมาสา อุณฺหสมโย ปริฬาหสมโย’’ติ นหายิตพฺพํฯ
Uṇhasamayo nāma diyaḍḍho māso seso gimhānaṃ. Pariḷāhasamayo nāma vassānassa paṭhamo māso ‘‘iccete aḍḍhateyyamāsā uṇhasamayo pariḷāhasamayo’’ti nahāyitabbaṃ.
คิลานสมโย นาม ยสฺส วินา นหาเนน น ผาสุ โหติฯ คิลานสมโยติ นหายิตพฺพํฯ
Gilānasamayo nāma yassa vinā nahānena na phāsu hoti. Gilānasamayoti nahāyitabbaṃ.
กมฺมสมโย นาม อนฺตมโส ปริเวณมฺปิ สมฺมฎฺฐํ โหติฯ ‘‘กมฺมสมโย’’ติ นหายิตพฺพํฯ
Kammasamayo nāma antamaso pariveṇampi sammaṭṭhaṃ hoti. ‘‘Kammasamayo’’ti nahāyitabbaṃ.
อทฺธานคมนสมโย นาม ‘‘อทฺธโยชนํ คจฺฉิสฺสามี’’ติ นหายิตพฺพํ, คจฺฉเนฺตน นหายิตพฺพํ, คเตน นหายิตพฺพํฯ
Addhānagamanasamayo nāma ‘‘addhayojanaṃ gacchissāmī’’ti nahāyitabbaṃ, gacchantena nahāyitabbaṃ, gatena nahāyitabbaṃ.
วาตวุฎฺฐิสมโย นาม ภิกฺขู สรเชน วาเตน โอกิณฺณา โหนฺติ, เทฺว วา ตีณิ วา อุทกผุสิตานิ กาเย ปติตานิ โหนฺติฯ ‘‘วาตวุฎฺฐิสมโย’’ติ นหายิตพฺพํฯ
Vātavuṭṭhisamayo nāma bhikkhū sarajena vātena okiṇṇā honti, dve vā tīṇi vā udakaphusitāni kāye patitāni honti. ‘‘Vātavuṭṭhisamayo’’ti nahāyitabbaṃ.
๓๖๕. อูนกทฺธมาเส อูนกสญฺญี, อญฺญตฺร สมยา, นหายติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อูนกทฺธมาเส เวมติโก, อญฺญตฺร สมยา, นหายติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อูนกทฺธมาเส อติเรกสญฺญี, อญฺญตฺร สมยา, นหายติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
365. Ūnakaddhamāse ūnakasaññī, aññatra samayā, nahāyati, āpatti pācittiyassa. Ūnakaddhamāse vematiko, aññatra samayā, nahāyati, āpatti pācittiyassa. Ūnakaddhamāse atirekasaññī, aññatra samayā, nahāyati, āpatti pācittiyassa.
อติเรกทฺธมาเส อูนกสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อติเรกทฺธมาเส เวมติโก , อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อติเรกทฺธมาเส อติเรกสญฺญี, อนาปตฺติฯ
Atirekaddhamāse ūnakasaññī, āpatti dukkaṭassa. Atirekaddhamāse vematiko , āpatti dukkaṭassa. Atirekaddhamāse atirekasaññī, anāpatti.
๓๖๖. อนาปตฺติ สมเย, อทฺธมาสํ นหายติ, อติเรกทฺธมาสํ นหายติ, ปารํ คจฺฉโนฺต นหายติ, สพฺพปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ, อาปทาสุ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
366. Anāpatti samaye, addhamāsaṃ nahāyati, atirekaddhamāsaṃ nahāyati, pāraṃ gacchanto nahāyati, sabbapaccantimesu janapadesu, āpadāsu, ummattakassa, ādikammikassāti.
นหานสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ สตฺตมํฯ
Nahānasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ sattamaṃ.
๘. ทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปทํ
8. Dubbaṇṇakaraṇasikkhāpadaṃ
๓๖๗. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู จ ปริพฺพาชกา จ สาเกตา สาวตฺถิํ อทฺธานมคฺคปฺปฎิปนฺนา โหนฺติฯ อนฺตรามเคฺค โจรา นิกฺขมิตฺวา เต อจฺฉินฺทิํสุฯ สาวตฺถิยา ราชภฎา นิกฺขมิตฺวา เต โจเร สภเณฺฑ คเหตฺวา ภิกฺขูนํ สนฺติเก ทูตํ ปาเหสุํ – ‘‘อาคจฺฉนฺตุ, ภทนฺตา, สกํ สกํ จีวรํ สญฺชานิตฺวา คณฺหนฺตู’’ติฯ ภิกฺขู น สญฺชานนฺติฯ เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ภทนฺตา อตฺตโน อตฺตโน จีวรํ น สญฺชานิสฺสนฺตี’’ติ! อโสฺสสุํ โข ภิกฺขู เตสํ มนุสฺสานํ อุชฺฌายนฺตานํ ขิยฺยนฺตานํ วิปาเจนฺตานํฯ อถ โข เต ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ภิกฺขูนํ ตทนุจฺฉวิกํ ตทนุโลมิกํ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปญฺญเปสฺสามิ ทส อตฺถวเส ปฎิจฺจ – สงฺฆสุฎฺฐุตาย, สงฺฆผาสุตาย…เป.… สทฺธมฺมฎฺฐิติยา, วินยานุคฺคหายฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
367. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena sambahulā bhikkhū ca paribbājakā ca sāketā sāvatthiṃ addhānamaggappaṭipannā honti. Antarāmagge corā nikkhamitvā te acchindiṃsu. Sāvatthiyā rājabhaṭā nikkhamitvā te core sabhaṇḍe gahetvā bhikkhūnaṃ santike dūtaṃ pāhesuṃ – ‘‘āgacchantu, bhadantā, sakaṃ sakaṃ cīvaraṃ sañjānitvā gaṇhantū’’ti. Bhikkhū na sañjānanti. Te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma bhadantā attano attano cīvaraṃ na sañjānissantī’’ti! Assosuṃ kho bhikkhū tesaṃ manussānaṃ ujjhāyantānaṃ khiyyantānaṃ vipācentānaṃ. Atha kho te bhikkhū bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe bhikkhusaṅghaṃ sannipātāpetvā bhikkhūnaṃ tadanucchavikaṃ tadanulomikaṃ dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – ‘‘tena hi, bhikkhave, bhikkhūnaṃ sikkhāpadaṃ paññapessāmi dasa atthavase paṭicca – saṅghasuṭṭhutāya, saṅghaphāsutāya…pe… saddhammaṭṭhitiyā, vinayānuggahāya. Evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๓๖๘. ‘‘นวํ ปน ภิกฺขุนา จีวรลาเภน ติณฺณํ ทุพฺพณฺณกรณานํ อญฺญตรํ ทุพฺพณฺณกรณํ อาทาตพฺพํ – นีลํ วา กทฺทมํ วา กาฬสามํ วาฯ อนาทา เจ ภิกฺขุ ติณฺณํ ทุพฺพณฺณกรณานํ อญฺญตรํ ทุพฺพณฺณกรณํ นวํ จีวรํ ปริภุเญฺชยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
368.‘‘Navaṃ pana bhikkhunā cīvaralābhena tiṇṇaṃ dubbaṇṇakaraṇānaṃ aññataraṃ dubbaṇṇakaraṇaṃ ādātabbaṃ – nīlaṃ vā kaddamaṃ vā kāḷasāmaṃ vā. Anādāce bhikkhu tiṇṇaṃ dubbaṇṇakaraṇānaṃ aññataraṃ dubbaṇṇakaraṇaṃnavaṃ cīvaraṃ paribhuñjeyya, pācittiya’’nti.
๓๖๙. นวํ นาม อกตกปฺปํ วุจฺจติฯ
369.Navaṃ nāma akatakappaṃ vuccati.
จีวรํ นาม ฉนฺนํ จีวรานํ อญฺญตรํ จีวรํฯ
Cīvaraṃ nāma channaṃ cīvarānaṃ aññataraṃ cīvaraṃ.
ติณฺณํ ทุพฺพณฺณกรณานํ อญฺญตรํ ทุพฺพณฺณกรณํ อาทาตพฺพนฺติ อนฺตมโส กุสเคฺคนปิ อาทาตพฺพํฯ
Tiṇṇaṃ dubbaṇṇakaraṇānaṃ aññataraṃ dubbaṇṇakaraṇaṃ ādātabbanti antamaso kusaggenapi ādātabbaṃ.
นีลํ นาม เทฺว นีลานิ – กํสนีลํ, ปลาสนีลํฯ
Nīlaṃ nāma dve nīlāni – kaṃsanīlaṃ, palāsanīlaṃ.
กทฺทโม นาม โอทโก วุจฺจติฯ
Kaddamo nāma odako vuccati.
อนาทา เจ ภิกฺขุ ติณฺณํ ทุพฺพณฺณกรณานํ อญฺญตรํ ทุพฺพณฺณกรณนฺติ อนฺตมโส กุสเคฺคนปิ อนาทิยิตฺวา ติณฺณํ ทุพฺพณฺณกรณานํ อญฺญตรํ ทุพฺพณฺณกรณํ นวํ จีวรํ ปริภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Anādā ce bhikkhu tiṇṇaṃ dubbaṇṇakaraṇānaṃ aññataraṃ dubbaṇṇakaraṇanti antamaso kusaggenapi anādiyitvā tiṇṇaṃ dubbaṇṇakaraṇānaṃ aññataraṃ dubbaṇṇakaraṇaṃ navaṃ cīvaraṃ paribhuñjati, āpatti pācittiyassa.
๓๗๐. อนาทิเนฺน อนาทินฺนสญฺญี ปริภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อนาทิเนฺน เวมติโก ปริภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อนาทิเนฺน อาทินฺนสญฺญี ปริภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
370. Anādinne anādinnasaññī paribhuñjati, āpatti pācittiyassa. Anādinne vematiko paribhuñjati, āpatti pācittiyassa. Anādinne ādinnasaññī paribhuñjati, āpatti pācittiyassa.
อาทิเนฺน อนาทินฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อาทิเนฺน เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อาทิเนฺน อาทินฺนสญฺญี, อนาปตฺติฯ
Ādinne anādinnasaññī, āpatti dukkaṭassa. Ādinne vematiko, āpatti dukkaṭassa. Ādinne ādinnasaññī, anāpatti.
๓๗๑. อนาปตฺติอาทิยิตฺวา ปริภุญฺชติ, กโปฺป นโฎฺฐ โหติ, กปฺปกโตกาโส ชิโณฺณ โหติ, กปฺปกเตน อกปฺปกตํ สํสิพฺพิตํ โหติ, อคฺคเฬ อนุวาเต ปริภเณฺฑ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
371. Anāpattiādiyitvā paribhuñjati, kappo naṭṭho hoti, kappakatokāso jiṇṇo hoti, kappakatena akappakataṃ saṃsibbitaṃ hoti, aggaḷe anuvāte paribhaṇḍe, ummattakassa, ādikammikassāti.
ทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ อฎฺฐมํฯ
Dubbaṇṇakaraṇasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ aṭṭhamaṃ.
๙. วิกปฺปนสิกฺขาปทํ
9. Vikappanasikkhāpadaṃ
๓๗๒. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อุปนโนฺท สกฺยปุโตฺต ภาตุโน สทฺธิวิหาริกสฺส ภิกฺขุโน สามํ จีวรํ วิกเปฺปตฺวา อปฺปจฺจุทฺธารณํ 29 ปริภุญฺชติฯ อถ โข โส ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสิ – ‘‘อยํ, อาวุโส, อายสฺมา อุปนโนฺท สกฺยปุโตฺต มยฺหํ จีวรํ สามํ วิกเปฺปตฺวา อปฺปจฺจุทฺธารณํ ปริภุญฺชตี’’ติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม อายสฺมา อุปนโนฺท สกฺยปุโตฺต ภิกฺขุสฺส สามํ จีวรํ วิกเปฺปตฺวา อปฺปจฺจุทฺธารณํ ปริภุญฺชิสฺสตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตฺวํ, อุปนนฺท, ภิกฺขุสฺส สามํ จีวรํ วิกเปฺปตฺวา อปฺปจฺจุทฺธารณํ ปริภุญฺชสีติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตฺวํ, โมฆปุริส, ภิกฺขุสฺส สามํ จีวรํ วิกเปฺปตฺวา อปฺปจฺจุทฺธารณํ ปริภุญฺชิสฺสสิ! เนตํ, โมฆปุริส, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
372. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena āyasmā upanando sakyaputto bhātuno saddhivihārikassa bhikkhuno sāmaṃ cīvaraṃ vikappetvā appaccuddhāraṇaṃ 30 paribhuñjati. Atha kho so bhikkhu bhikkhūnaṃ etamatthaṃ ārocesi – ‘‘ayaṃ, āvuso, āyasmā upanando sakyaputto mayhaṃ cīvaraṃ sāmaṃ vikappetvā appaccuddhāraṇaṃ paribhuñjatī’’ti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma āyasmā upanando sakyaputto bhikkhussa sāmaṃ cīvaraṃ vikappetvā appaccuddhāraṇaṃ paribhuñjissatī’’ti…pe… saccaṃ kira tvaṃ, upananda, bhikkhussa sāmaṃ cīvaraṃ vikappetvā appaccuddhāraṇaṃ paribhuñjasīti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tvaṃ, moghapurisa, bhikkhussa sāmaṃ cīvaraṃ vikappetvā appaccuddhāraṇaṃ paribhuñjissasi! Netaṃ, moghapurisa, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๓๗๓. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา สิกฺขมานาย วา สามเณรสฺส วา สามเณริยา วา สามํ จีวรํ วิกเปฺปตฺวา อปฺปจฺจุทฺธารณํ 31 ปริภุเญฺชยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
373.‘‘Yo pana bhikkhu bhikkhussa vā bhikkhuniyā vā sikkhamānāya vā sāmaṇerassa vā sāmaṇeriyā vā sāmaṃ cīvaraṃ vikappetvā appaccuddhāraṇaṃ32paribhuñjeyya, pācittiya’’nti.
๓๗๔. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ
374.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.
ภิกฺขุสฺสาติ อญฺญสฺส ภิกฺขุสฺสฯ
Bhikkhussāti aññassa bhikkhussa.
ภิกฺขุนี นาม อุภโตสเงฺฆ อุปสมฺปนฺนาฯ
Bhikkhunī nāma ubhatosaṅghe upasampannā.
สิกฺขมานา นาม เทฺว วสฺสานิ ฉสุ ธเมฺมสุ สิกฺขิตสิกฺขาฯ
Sikkhamānā nāma dve vassāni chasu dhammesu sikkhitasikkhā.
สามเณโร นาม ทสสิกฺขาปทิโกฯ
Sāmaṇero nāma dasasikkhāpadiko.
สามเณรี นาม ทสสิกฺขาปทิกาฯ
Sāmaṇerī nāma dasasikkhāpadikā.
สามนฺติ สยํ วิกเปฺปตฺวาฯ
Sāmanti sayaṃ vikappetvā.
จีวรํ นาม ฉนฺนํ จีวรานํ อญฺญตรํ จีวรํ วิกปฺปนุปคํ ปจฺฉิมํฯ
Cīvaraṃ nāma channaṃ cīvarānaṃ aññataraṃ cīvaraṃ vikappanupagaṃ pacchimaṃ.
วิกปฺปนา นาม เทฺว วิกปฺปนา – สมฺมุขาวิกปฺปนา จ ปรมฺมุขาวิกปฺปนา จฯ
Vikappanā nāma dve vikappanā – sammukhāvikappanā ca parammukhāvikappanā ca.
สมฺมุขาวิกปฺปนา นาม ‘‘อิมํ จีวรํ ตุยฺหํ วิกเปฺปมิ อิตฺถนฺนามสฺส วา’’ติฯ
Sammukhāvikappanā nāma ‘‘imaṃ cīvaraṃ tuyhaṃ vikappemi itthannāmassa vā’’ti.
ปรมฺมุขาวิกปฺปนา นาม ‘‘อิมํ จีวรํ วิกปฺปนตฺถาย ตุยฺหํ ทมฺมี’’ติฯ เตน วตฺตโพฺพ – ‘‘โก เต มิโตฺต วา สนฺทิโฎฺฐ วา’’ติ? ‘‘อิตฺถนฺนาโม จ อิตฺถนฺนาโม จา’’ติฯ เตน วตฺตโพฺพ – ‘‘อหํ เตสํ ทมฺมิ, เตสํ สนฺตกํ ปริภุญฺช วา วิสฺสเชฺชหิ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรหี’’ติฯ
Parammukhāvikappanā nāma ‘‘imaṃ cīvaraṃ vikappanatthāya tuyhaṃ dammī’’ti. Tena vattabbo – ‘‘ko te mitto vā sandiṭṭho vā’’ti? ‘‘Itthannāmo ca itthannāmo cā’’ti. Tena vattabbo – ‘‘ahaṃ tesaṃ dammi, tesaṃ santakaṃ paribhuñja vā vissajjehi vā yathāpaccayaṃ vā karohī’’ti.
อปฺปจฺจุทฺธารณํ นาม ตสฺส วา อทินฺนํ, ตสฺส วา อวิสฺสสโนฺต ปริภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Appaccuddhāraṇaṃ nāma tassa vā adinnaṃ, tassa vā avissasanto paribhuñjati, āpatti pācittiyassa.
๓๗๕. อปฺปจฺจุทฺธารเณ อปฺปจฺจุทฺธารณสญฺญี ปริภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อปฺปจฺจุทฺธารเณ เวมติโก ปริภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อปฺปจฺจุทฺธารเณ อปฺปจฺจุทฺธารณสญฺญี ปริภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
375. Appaccuddhāraṇe appaccuddhāraṇasaññī paribhuñjati, āpatti pācittiyassa. Appaccuddhāraṇe vematiko paribhuñjati, āpatti pācittiyassa. Appaccuddhāraṇe appaccuddhāraṇasaññī paribhuñjati, āpatti pācittiyassa.
อธิเฎฺฐติ วา วิสฺสเชฺชติ วา, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ปจฺจุทฺธารเณ อปฺปจฺจุทฺธารณสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺส ฯ ปจฺจุทฺธารเณ เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ปจฺจุทฺธารเณ ปจฺจุทฺธารณสญฺญี, อนาปตฺติฯ
Adhiṭṭheti vā vissajjeti vā, āpatti dukkaṭassa. Paccuddhāraṇe appaccuddhāraṇasaññī, āpatti dukkaṭassa . Paccuddhāraṇe vematiko, āpatti dukkaṭassa. Paccuddhāraṇe paccuddhāraṇasaññī, anāpatti.
๓๗๖. อนาปตฺติ โส วา เทติ, ตสฺส วา วิสฺสสโนฺต ปริภุญฺชติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
376. Anāpatti so vā deti, tassa vā vissasanto paribhuñjati, ummattakassa, ādikammikassāti.
วิกปฺปนสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ นวมํฯ
Vikappanasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ navamaṃ.
๑๐. จีวรอปนิธานสิกฺขาปทํ
10. Cīvaraapanidhānasikkhāpadaṃ
๓๗๗. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน สตฺตรสวคฺคิยา ภิกฺขู อสนฺนิหิตปริกฺขารา โหนฺติฯ ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู สตฺตรสวคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ ปตฺตมฺปิ จีวรมฺปิ อปนิเธนฺติฯ สตฺตรสวคฺคิยา ภิกฺขู ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู เอตทโวจุํ – ‘‘เทถาวุโส, อมฺหากํ ปตฺตมฺปิ จีวรมฺปี’’ติฯ ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู หสนฺติ, เต โรทนฺติฯ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘‘กิสฺส ตุเมฺห, อาวุโส, โรทถา’’ติ? ‘‘อิเม, อาวุโส, ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อมฺหากํ ปตฺตมฺปิ จีวรมฺปิ อปนิเธนฺตี’’ติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ภิกฺขูนํ ปตฺตมฺปิ จีวรมฺปิ อปนิเธสฺสนฺตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปตฺตมฺปิ จีวรมฺปิ อปนิเธถาติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, ภิกฺขูนํ ปตฺตมฺปิ จีวรมฺปิ อปนิเธสฺสถ! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
377. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena sattarasavaggiyā bhikkhū asannihitaparikkhārā honti. Chabbaggiyā bhikkhū sattarasavaggiyānaṃ bhikkhūnaṃ pattampi cīvarampi apanidhenti. Sattarasavaggiyā bhikkhū chabbaggiye bhikkhū etadavocuṃ – ‘‘dethāvuso, amhākaṃ pattampi cīvarampī’’ti. Chabbaggiyā bhikkhū hasanti, te rodanti. Bhikkhū evamāhaṃsu – ‘‘kissa tumhe, āvuso, rodathā’’ti? ‘‘Ime, āvuso, chabbaggiyā bhikkhū amhākaṃ pattampi cīvarampi apanidhentī’’ti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū bhikkhūnaṃ pattampi cīvarampi apanidhessantī’’ti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, bhikkhūnaṃ pattampi cīvarampi apanidhethāti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, bhikkhūnaṃ pattampi cīvarampi apanidhessatha! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๓๗๘. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส ปตฺตํ วา จีวรํ วา นิสีทนํ วา สูจิฆรํ วา กายพนฺธนํ วา อปนิเธยฺย วา อปนิธาเปยฺย วา, อนฺตมโส หสาเปโกฺขปิ, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ
378.‘‘Yopana bhikkhu bhikkhussa pattaṃ vā cīvaraṃ vā nisīdanaṃ vā sūcigharaṃ vā kāyabandhanaṃ vā apanidheyya vā apanidhāpeyya vā, antamaso hasāpekkhopi, pācittiya’’nti.
๓๗๙. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ
379.Yopanāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.
ภิกฺขุสฺสาติ อญฺญสฺส ภิกฺขุสฺสฯ
Bhikkhussāti aññassa bhikkhussa.
ปโตฺต นาม เทฺว ปตฺตา – อโยปโตฺต, มตฺติกาปโตฺตฯ
Patto nāma dve pattā – ayopatto, mattikāpatto.
จีวรํ นาม ฉนฺนํ จีวรานํ อญฺญตรํ จีวรํ, วิกปฺปนุปคํ ปจฺฉิมํฯ
Cīvaraṃ nāma channaṃ cīvarānaṃ aññataraṃ cīvaraṃ, vikappanupagaṃ pacchimaṃ.
นิสีทนํ นาม สทสํ วุจฺจติฯ
Nisīdanaṃ nāma sadasaṃ vuccati.
สูจิฆรํ นาม สสูจิกํ วา อสูจิกํ วาฯ
Sūcigharaṃ nāma sasūcikaṃ vā asūcikaṃ vā.
กายพนฺธนํ นาม เทฺว กายพนฺธนานิ – ปฎฺฎิกา, สูกรนฺตกํฯ
Kāyabandhanaṃ nāma dve kāyabandhanāni – paṭṭikā, sūkarantakaṃ.
อปนิเธยฺย วาติ สยํ อปนิเธติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Apanidheyya vāti sayaṃ apanidheti, āpatti pācittiyassa.
อปนิธาเปยฺย วาติ อญฺญํ อาณาเปสิ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อปนิธาเปยฺย วา ติ อยฺยํ อาณาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ สกิํ อาณโตฺต พหุกมฺปิ อปนิเธติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
Apanidhāpeyya vāti aññaṃ āṇāpesi, āpatti pācittiyassa. Apanidhāpeyya vā ti ayyaṃ āṇāpeti, āpatti pācittiyassa. Sakiṃ āṇatto bahukampi apanidheti, āpatti pācittiyassa.
อนฺตมโส หสาเปโกฺขปีติ กีฬาธิปฺปาโยฯ
Antamaso hasāpekkhopīti kīḷādhippāyo.
๓๘๐. อุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี ปตฺตํ วา จีวรํ วา นิสีทนํ วา สูจิฆรํ วา กายพนฺธนํ วา อปนิเธติ วา อปนิธาเปติ วา, อนฺตมโส หสาเปโกฺขปิ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อุปสมฺปเนฺน เวมติโก…เป.… อุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี ปตฺตํ วา จีวรํ วา นิสีทนํ วา สูจิฆรํ วา กายพนฺธนํ วา อปนิเธติ วา อปนิธาเปติ วา, อนฺตมโส หสาเปโกฺขปิ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ
380. Upasampanne upasampannasaññī pattaṃ vā cīvaraṃ vā nisīdanaṃ vā sūcigharaṃ vā kāyabandhanaṃ vā apanidheti vā apanidhāpeti vā, antamaso hasāpekkhopi, āpatti pācittiyassa. Upasampanne vematiko…pe… upasampanne anupasampannasaññī pattaṃ vā cīvaraṃ vā nisīdanaṃ vā sūcigharaṃ vā kāyabandhanaṃ vā apanidheti vā apanidhāpeti vā, antamaso hasāpekkhopi, āpatti pācittiyassa.
อญฺญํ ปริกฺขารํ อปนิเธติ วา อปนิธาเปติ วา, อนฺตมโส หสาเปโกฺขปิ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปนฺนสฺส ปตฺตํ วา จีวรํ วา อญฺญํ วา ปริกฺขารํ อปนิเธติ วา อปนิธาเปติ วา, อนฺตมโส หสาเปโกฺขปิ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน อุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺส ฯ อนุปสมฺปเนฺน เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุปสมฺปเนฺน อนุปสมฺปนฺนสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
Aññaṃ parikkhāraṃ apanidheti vā apanidhāpeti vā, antamaso hasāpekkhopi, āpatti dukkaṭassa. Anupasampannassa pattaṃ vā cīvaraṃ vā aññaṃ vā parikkhāraṃ apanidheti vā apanidhāpeti vā, antamaso hasāpekkhopi, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne upasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa . Anupasampanne vematiko, āpatti dukkaṭassa. Anupasampanne anupasampannasaññī, āpatti dukkaṭassa.
๓๘๑. อนาปตฺติ นหสาธิปฺปาโย, ทุนฺนิกฺขิตฺตํ ปฎิสาเมติ, ‘‘ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ทสฺสามี’’ติ ปฎิสาเมติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
381. Anāpatti nahasādhippāyo, dunnikkhittaṃ paṭisāmeti, ‘‘dhammiṃ kathaṃ katvā dassāmī’’ti paṭisāmeti, ummattakassa, ādikammikassāti.
จีวรอปนิธานสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ทสมํฯ
Cīvaraapanidhānasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ dasamaṃ.
สุราปานวโคฺค ฉโฎฺฐฯ
Surāpānavaggo chaṭṭho.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
โชตินหานทุพฺพณฺณํ, สามํ อปนิเธน จาติฯ
Jotinahānadubbaṇṇaṃ, sāmaṃ apanidhena cāti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā
๑. สุราปานสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Surāpānasikkhāpadavaṇṇanā
๒. องฺคุลิปโตทกสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Aṅgulipatodakasikkhāpadavaṇṇanā
๓. หสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา • 3. Hasadhammasikkhāpadavaṇṇanā
๔. อนาทริยสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Anādariyasikkhāpadavaṇṇanā
๕. ภิํสาปนสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Bhiṃsāpanasikkhāpadavaṇṇanā
๖. โชติสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Jotisikkhāpadavaṇṇanā
๗. นหานสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Nahānasikkhāpadavaṇṇanā
๘. ทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Dubbaṇṇakaraṇasikkhāpadavaṇṇanā
๙. วิกปฺปนสิกฺขาปทวณฺณนา • 9. Vikappanasikkhāpadavaṇṇanā
๑๐. จีวราปนิธานสิกฺขาปทวณฺณนา • 10. Cīvarāpanidhānasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā
๑. สุราปานสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Surāpānasikkhāpadavaṇṇanā
๒. องฺคุลิปโตทกสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Aṅgulipatodakasikkhāpadavaṇṇanā
๓. หสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา • 3. Hasadhammasikkhāpadavaṇṇanā
๔. อนาทริยสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Anādariyasikkhāpadavaṇṇanā
๕. ภิํสาปนสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Bhiṃsāpanasikkhāpadavaṇṇanā
๖. โชติสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Jotisikkhāpadavaṇṇanā
๗. นหานสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Nahānasikkhāpadavaṇṇanā
๘. ทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Dubbaṇṇakaraṇasikkhāpadavaṇṇanā
๙. วิกปฺปนสิกฺขาปทวณฺณนา • 9. Vikappanasikkhāpadavaṇṇanā
๑๐. จีวรอปนิธานสิกฺขาปทวณฺณนา • 10. Cīvaraapanidhānasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā
๑. สุราปานสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Surāpānasikkhāpadavaṇṇanā
๒. องฺคุลิปโตทกสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Aṅgulipatodakasikkhāpadavaṇṇanā
๓. หสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา • 3. Hasadhammasikkhāpadavaṇṇanā
๔. อนาทริยสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Anādariyasikkhāpadavaṇṇanā
๕. ภิํสาปนสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Bhiṃsāpanasikkhāpadavaṇṇanā
๖. โชติสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Jotisikkhāpadavaṇṇanā
๗. นหานสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Nahānasikkhāpadavaṇṇanā
๘. ทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Dubbaṇṇakaraṇasikkhāpadavaṇṇanā
๙. วิกปฺปนสิกฺขาปทวณฺณนา • 9. Vikappanasikkhāpadavaṇṇanā
๑๐. จีวราปนิธานสิกฺขาปทวณฺณนา • 10. Cīvarāpanidhānasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā
๑. สุราปานสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Surāpānasikkhāpadavaṇṇanā
๒. องฺคุลิปโตทกสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Aṅgulipatodakasikkhāpadavaṇṇanā
๓. หสธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา • 3. Hasadhammasikkhāpadavaṇṇanā
๔. อนาทริยสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Anādariyasikkhāpadavaṇṇanā
๕. ภิํสาปนสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Bhiṃsāpanasikkhāpadavaṇṇanā
๖. โชติสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Jotisikkhāpadavaṇṇanā
๗. นหานสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Nahānasikkhāpadavaṇṇanā
๘. ทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Dubbaṇṇakaraṇasikkhāpadavaṇṇanā
๙. วิกปฺปนสิกฺขาปทวณฺณนา • 9. Vikappanasikkhāpadavaṇṇanā
๑๐. จีวรอปนิธานสิกฺขาปทวณฺณนา • 10. Cīvaraapanidhānasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi
๑. สุราปานสิกฺขาปท-อตฺถโยชนา • 1. Surāpānasikkhāpada-atthayojanā
๒. องฺคุลิปโตทกสิกฺขาปทํ • 2. Aṅgulipatodakasikkhāpadaṃ
๓. หสธมฺมสิกฺขาปทํ • 3. Hasadhammasikkhāpadaṃ
๔. อนาทริยสิกฺขาปทํ • 4. Anādariyasikkhāpadaṃ
๖. โชติสิกฺขาปทํ • 6. Jotisikkhāpadaṃ
๗. นหานสิกฺขาปทํ • 7. Nahānasikkhāpadaṃ
๘. ทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปทํ • 8. Dubbaṇṇakaraṇasikkhāpadaṃ
๙. วิกปฺปนสิกฺขาปทํ • 9. Vikappanasikkhāpadaṃ
๑๐. จีวราปนิธานสิกฺขาปทํ • 10. Cīvarāpanidhānasikkhāpadaṃ