Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๙. สุสิมสุตฺตวณฺณนา

    9. Susimasuttavaṇṇanā

    ๑๑๐. นวเม ตุยฺหมฺปิ โน, อานนฺท, สาริปุโตฺต รุจฺจตีติ สตฺถา เถรสฺส วณฺณํ กเถตุกาโม, วโณฺณ จ นาเมส วิสภาคปุคฺคลสฺส สนฺติเก กเถตุํ น วฎฺฎติฯ ตสฺส สนฺติเก กถิโต หิ มตฺถกํ น ปาปุณาติฯ โส หิ ‘‘อสุโก นาม ภิกฺขุ สีลวา’’ติ วุเตฺตฯ ‘‘กิํ ตสฺส สีลํ? โครูปสีโล โสฯ กิํ ตยา อโญฺญ สีลวา น ทิฎฺฐปุโพฺพ’’ติ วา? ‘‘ปญฺญวา’’ติ วุเตฺต, ‘‘กิํ ปโญฺญ โส? กิํ ตยา อโญฺญ ปญฺญวา น ทิฎฺฐปุโพฺพ’’ติ? วา, อาทีนิ วตฺวา วณฺณกถาย อนฺตรายํ กโรติฯ อานนฺทเตฺถโร ปน สาริปุตฺตเตฺถรสฺส สภาโค, ปณีตานิ ลภิตฺวา เถรสฺส เทติ, อตฺตโน อุปฎฺฐากทารเก ปพฺพาเชตฺวา เถรสฺส สนฺติเก อุปชฺฌํ คณฺหาเปติ, อุปสมฺปาเทติฯ สาริปุตฺตเตฺถโรปิ อานนฺทเตฺถรสฺส ตเถว กโรติฯ กิํ การณา? อญฺญมญฺญสฺส คุเณสุ ปสีทิตฺวาฯ อานนฺทเตฺถโร หิ – ‘‘อมฺหากํ เชฎฺฐภาติโก เอกํ อสเงฺขฺยยฺยํ สตสหสฺสญฺจ กเปฺป ปารมิโย ปูเรตฺวา โสฬสวิธํ ปญฺญํ ปฎิวิชฺฌิตฺวา ธมฺมเสนาปติฎฺฐาเน ฐิโต’’ติ เถรสฺส คุเณสุ ปสีทิตฺวาว เถรํ มมายติฯ สาริปุตฺตเตฺถโรปิ – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส มยา กตฺตพฺพํ มุโขทกทานาทิกิจฺจํ สพฺพํ อานโนฺท กโรติฯ อานนฺทํ นิสฺสาย อหํ อิจฺฉิติจฺฉิตํ สมาปตฺติํ สมาปชฺชิตุํ ลภามี’’ติ อายสฺมโต อานนฺทสฺส คุเณสุ ปสีทิตฺวาว ตํ มมายติฯ ตสฺมา ภควา สาริปุตฺตเตฺถรสฺส วณฺณํ กเถตุกาโม อานนฺทเตฺถรสฺส สนฺติเก กเถตุํ อารโทฺธฯ

    110. Navame tuyhampi no, ānanda, sāriputto ruccatīti satthā therassa vaṇṇaṃ kathetukāmo, vaṇṇo ca nāmesa visabhāgapuggalassa santike kathetuṃ na vaṭṭati. Tassa santike kathito hi matthakaṃ na pāpuṇāti. So hi ‘‘asuko nāma bhikkhu sīlavā’’ti vutte. ‘‘Kiṃ tassa sīlaṃ? Gorūpasīlo so. Kiṃ tayā añño sīlavā na diṭṭhapubbo’’ti vā? ‘‘Paññavā’’ti vutte, ‘‘kiṃ pañño so? Kiṃ tayā añño paññavā na diṭṭhapubbo’’ti? Vā, ādīni vatvā vaṇṇakathāya antarāyaṃ karoti. Ānandatthero pana sāriputtattherassa sabhāgo, paṇītāni labhitvā therassa deti, attano upaṭṭhākadārake pabbājetvā therassa santike upajjhaṃ gaṇhāpeti, upasampādeti. Sāriputtattheropi ānandattherassa tatheva karoti. Kiṃ kāraṇā? Aññamaññassa guṇesu pasīditvā. Ānandatthero hi – ‘‘amhākaṃ jeṭṭhabhātiko ekaṃ asaṅkhyeyyaṃ satasahassañca kappe pāramiyo pūretvā soḷasavidhaṃ paññaṃ paṭivijjhitvā dhammasenāpatiṭṭhāne ṭhito’’ti therassa guṇesu pasīditvāva theraṃ mamāyati. Sāriputtattheropi – ‘‘sammāsambuddhassa mayā kattabbaṃ mukhodakadānādikiccaṃ sabbaṃ ānando karoti. Ānandaṃ nissāya ahaṃ icchiticchitaṃ samāpattiṃ samāpajjituṃ labhāmī’’ti āyasmato ānandassa guṇesu pasīditvāva taṃ mamāyati. Tasmā bhagavā sāriputtattherassa vaṇṇaṃ kathetukāmo ānandattherassa santike kathetuṃ āraddho.

    ตตฺถ ตุยฺหมฺปีติ สมฺปิณฺฑนโตฺถ ปิ-กาโรฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อานนฺท, สาริปุตฺตสฺส อาจาโร โคจโร วิหาโร อภิกฺกโม ปฎิกฺกโม อาโลกิตวิโลกิตํ สมิญฺชิตปสารณํ มยฺหํ รุจฺจติ, อสีติมหาเถรานํ รุจฺจติ, สเทวกสฺส โลกสฺส รุจฺจติฯ ตุยฺหมฺปิ รุจฺจตี’’ติ?

    Tattha tuyhampīti sampiṇḍanattho pi-kāro. Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘ānanda, sāriputtassa ācāro gocaro vihāro abhikkamo paṭikkamo ālokitavilokitaṃ samiñjitapasāraṇaṃ mayhaṃ ruccati, asītimahātherānaṃ ruccati, sadevakassa lokassa ruccati. Tuyhampi ruccatī’’ti?

    ตโต เถโร สาฎกนฺตเร ลโทฺธกาโส พลวมโลฺล วิย ตุฎฺฐมานโส หุตฺวา – ‘‘สตฺถา มยฺหํ ปิยสหายสฺส วณฺณํ กถาเปตุกาโมฯ ลภิสฺสามิ โน อชฺช, ทีปธชภูตํ มหาชมฺพุํ วิธุนโนฺต วิย วลาหกนฺตรโต จนฺทํ นีหริตฺวา ทเสฺสโนฺต วิย สาริปุตฺตเตฺถรสฺส วณฺณํ กเถตุ’’นฺติ จิเนฺตตฺวา ปฐมตรํ ตาว จตูหิ ปเทหิ ปุคฺคลปลาเป หรโนฺต กสฺส หิ นาม, ภเนฺต, อพาลสฺสาติอาทิมาหฯ พาโล หิ พาลตาย, ทุโฎฺฐ โทสตาย, มูโฬฺห โมเหน, วิปลฺลตฺถจิโตฺต อุมฺมตฺตโก จิตฺตวิปลฺลาเสน วณฺณํ ‘‘วโณฺณ’’ติ วา อวณฺณํ ‘‘อวเณฺณ’’ติ วา, ‘‘อยํ พุโทฺธ, อยํ สาวโก’’ติ วา น ชานาติฯ อพาลาทโย ปน ชานนฺติ, ตสฺมา อพาลสฺสาติอาทิมาหฯ น รุเจฺจยฺยาติ พาลาทีนํเยว หิ โส น รุเจฺจยฺย, น อญฺญสฺส กสฺสจิ น รุเจฺจยฺยฯ

    Tato thero sāṭakantare laddhokāso balavamallo viya tuṭṭhamānaso hutvā – ‘‘satthā mayhaṃ piyasahāyassa vaṇṇaṃ kathāpetukāmo. Labhissāmi no ajja, dīpadhajabhūtaṃ mahājambuṃ vidhunanto viya valāhakantarato candaṃ nīharitvā dassento viya sāriputtattherassa vaṇṇaṃ kathetu’’nti cintetvā paṭhamataraṃ tāva catūhi padehi puggalapalāpe haranto kassa hi nāma, bhante, abālassātiādimāha. Bālo hi bālatāya, duṭṭho dosatāya, mūḷho mohena, vipallatthacitto ummattako cittavipallāsena vaṇṇaṃ ‘‘vaṇṇo’’ti vā avaṇṇaṃ ‘‘avaṇṇe’’ti vā, ‘‘ayaṃ buddho, ayaṃ sāvako’’ti vā na jānāti. Abālādayo pana jānanti, tasmā abālassātiādimāha. Na rucceyyāti bālādīnaṃyeva hi so na rucceyya, na aññassa kassaci na rucceyya.

    เอวํ ปุคฺคลปลาเป หริตฺวา อิทานิ โสฬสหิ ปเทหิ ยถาภูตํ วณฺณํ กเถโนฺต ปณฺฑิโต, ภเนฺตติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปณฺฑิโตติ ปณฺฑิเจฺจน สมนฺนาคโต, จตูสุ โกสเลฺลสุ ฐิตเสฺสตํ นามํฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ ธาตุกุสโล จ โหติ อายตนกุสโล จ ปฎิจฺจสมุปฺปาทกุสโล จ ฐานาฎฺฐานกุสโล จ, เอตฺตาวตา โข, อานนฺท, ‘ปณฺฑิโต ภิกฺขู’ติ อลํ วจนายา’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๔)ฯ มหาปโญฺญติอาทีสุ มหาปญฺญาทีหิ สมนฺนาคโตติ อโตฺถฯ ตตฺริทํ มหาปญฺญาทีนํ นานตฺตํ (ปฎิ. ม. ๓.๔) – กตมา มหาปญฺญา? มหเนฺต สีลกฺขเนฺธ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหเนฺต สมาธิกฺขเนฺธ, ปญฺญากฺขเนฺธ, วิมุตฺติกฺขเนฺธ, วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขเนฺธ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญาฯ มหนฺตานิ ฐานาฎฺฐานานิ, มหาวิหารสมาปตฺติโย, มหนฺตานิ อริยสจฺจานิ, มหเนฺต สติปฎฺฐาเน, สมฺมปฺปธาเน, อิทฺธิปาเท, มหนฺตานิ อินฺทฺริยานิ, พลานิ, โพชฺฌงฺคานิ, มหเนฺต อริยมเคฺค , มหนฺตานิ สามญฺญผลานิ, มหาอภิญฺญาโย, มหนฺตํ ปรมตฺถํ นิพฺพานํ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญาฯ

    Evaṃ puggalapalāpe haritvā idāni soḷasahi padehi yathābhūtaṃ vaṇṇaṃ kathento paṇḍito, bhantetiādimāha. Tattha paṇḍitoti paṇḍiccena samannāgato, catūsu kosallesu ṭhitassetaṃ nāmaṃ. Vuttañhetaṃ – ‘‘yato kho, ānanda, bhikkhu dhātukusalo ca hoti āyatanakusalo ca paṭiccasamuppādakusalo ca ṭhānāṭṭhānakusalo ca, ettāvatā kho, ānanda, ‘paṇḍito bhikkhū’ti alaṃ vacanāyā’’ti (ma. ni. 3.124). Mahāpaññotiādīsu mahāpaññādīhi samannāgatoti attho. Tatridaṃ mahāpaññādīnaṃ nānattaṃ (paṭi. ma. 3.4) – katamā mahāpaññā? Mahante sīlakkhandhe pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahante samādhikkhandhe, paññākkhandhe, vimuttikkhandhe, vimuttiñāṇadassanakkhandhe pariggaṇhātīti mahāpaññā. Mahantāni ṭhānāṭṭhānāni, mahāvihārasamāpattiyo, mahantāni ariyasaccāni, mahante satipaṭṭhāne, sammappadhāne, iddhipāde, mahantāni indriyāni, balāni, bojjhaṅgāni, mahante ariyamagge , mahantāni sāmaññaphalāni, mahāabhiññāyo, mahantaṃ paramatthaṃ nibbānaṃ pariggaṇhātīti mahāpaññā.

    สา ปน เถรสฺส เทโวโรหนํ กตฺวา สงฺกสฺสนครทฺวาเร ฐิเตน สตฺถารา ปุถุชฺชนปญฺจเก ปเญฺห ปุจฺฉิเต ตํ วิสฺสเชฺชนฺตสฺส ปากฎา ชาตาฯ

    Sā pana therassa devorohanaṃ katvā saṅkassanagaradvāre ṭhitena satthārā puthujjanapañcake pañhe pucchite taṃ vissajjentassa pākaṭā jātā.

    กตมา ปุถุปญฺญา? ปุถุ นานาขเนฺธสุ, (ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญาฯ) ปุถุ นานาธาตูสุ, ปุถุ นานาอายตเนสุ, ปุถุ นานาปฎิจฺจสมุปฺปาเทสุ, ปุถุ นานาสุญฺญตมนุปลเพฺภสุ, ปุถุ นานาอเตฺถสุ, ธเมฺมสุ นิรุตฺตีสุ ปฎิภาเนสุ, ปุถุ นานาสีลกฺขเนฺธสุ, ปุถุ นานาสมาธิ-ปญฺญาวิมุตฺติ-วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขเนฺธสุ, ปุถุ นานาฐานาฎฺฐาเนสุ, ปุถุ นานาวิหารสมาปตฺตีสุ, ปุถุ นานาอริยสเจฺจสุ, ปุถุ นานาสติปฎฺฐาเนสุ, สมฺมปฺปธาเนสุ, อิทฺธิปาเทสุ, อินฺทฺริเยสุ, พเลสุ, โพชฺฌเงฺคสุ, ปุถุ นานาอริยมเคฺคสุ, สามญฺญผเลสุ, อภิญฺญาสุ, ปุถุ นานาชนสาธารเณ ธเมฺม สมติกฺกมฺม ปรมเตฺถ นิพฺพาเน ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญาฯ

    Katamā puthupaññā? Puthu nānākhandhesu, (ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā.) Puthu nānādhātūsu, puthu nānāāyatanesu, puthu nānāpaṭiccasamuppādesu, puthu nānāsuññatamanupalabbhesu, puthu nānāatthesu, dhammesu niruttīsu paṭibhānesu, puthu nānāsīlakkhandhesu, puthu nānāsamādhi-paññāvimutti-vimuttiñāṇadassanakkhandhesu, puthu nānāṭhānāṭṭhānesu, puthu nānāvihārasamāpattīsu, puthu nānāariyasaccesu, puthu nānāsatipaṭṭhānesu, sammappadhānesu, iddhipādesu, indriyesu, balesu, bojjhaṅgesu, puthu nānāariyamaggesu, sāmaññaphalesu, abhiññāsu, puthu nānājanasādhāraṇe dhamme samatikkamma paramatthe nibbāne ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā.

    กตมา หาสปญฺญา? อิเธกโจฺจ หาสพหุโล เวทพหุโล ตุฎฺฐิพหุโล ปาโมชฺชพหุโล สีลํ ปริปูเรติ, อินฺทฺริยสํวรํ ปริปูเรติ, โภชเน มตฺตญฺญุตํ, ชาคริยานุโยคํ, สีลกฺขนฺธํ, สมาธิกฺขนฺธํ, ปญฺญากฺขนฺธํ, วิมุตฺติกฺขนฺธํ, วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขนฺธํ ปริปูเรตีติ, หาสปญฺญาฯ หาสพหุโล ปาโมชฺชพหุโล ฐานาฎฺฐานํ ปฎิวิชฺฌตีติ หาสปญฺญาฯ หาสพหุโล วิหารสมาปตฺติโย ปริปูเรตีติ หาสปญฺญาฯ หาสพหุโล อริยสจฺจานิ ปฎิวิชฺฌติฯ สติปฎฺฐาเน , สมฺมปฺปธาเน, อิทฺธิปาเท, อินฺทฺริยานิ, พลานิ , โพชฺฌงฺคานิ, อริยมคฺคํ ภาเวตีติ หาสปญฺญาฯ หาสพหุโล สามญฺญผลานิ สจฺฉิกโรติ, อภิญฺญาโย ปฎิวิชฺฌตีติ หาสปญฺญา, หาสพหุโล เวทตุฎฺฐิปาโมชฺชพหุโล ปรมตฺถํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรตีติ หาสปญฺญาฯ

    Katamā hāsapaññā? Idhekacco hāsabahulo vedabahulo tuṭṭhibahulo pāmojjabahulo sīlaṃ paripūreti, indriyasaṃvaraṃ paripūreti, bhojane mattaññutaṃ, jāgariyānuyogaṃ, sīlakkhandhaṃ, samādhikkhandhaṃ, paññākkhandhaṃ, vimuttikkhandhaṃ, vimuttiñāṇadassanakkhandhaṃ paripūretīti, hāsapaññā. Hāsabahulo pāmojjabahulo ṭhānāṭṭhānaṃ paṭivijjhatīti hāsapaññā. Hāsabahulo vihārasamāpattiyo paripūretīti hāsapaññā. Hāsabahulo ariyasaccāni paṭivijjhati. Satipaṭṭhāne , sammappadhāne, iddhipāde, indriyāni, balāni , bojjhaṅgāni, ariyamaggaṃ bhāvetīti hāsapaññā. Hāsabahulo sāmaññaphalāni sacchikaroti, abhiññāyo paṭivijjhatīti hāsapaññā, hāsabahulo vedatuṭṭhipāmojjabahulo paramatthaṃ nibbānaṃ sacchikarotīti hāsapaññā.

    เถโร จ สรโท นาม ตาปโส หุตฺวา อโนมทสฺสิสฺส ภควโต ปาทมูเล อคฺคสาวกปตฺถนํ ปฎฺฐเปสิฯ ตํกาลโต ปฎฺฐาย หาสพหุโล สีลปริปูรณาทีนิ อกาสีติ หาสปโญฺญฯ

    Thero ca sarado nāma tāpaso hutvā anomadassissa bhagavato pādamūle aggasāvakapatthanaṃ paṭṭhapesi. Taṃkālato paṭṭhāya hāsabahulo sīlaparipūraṇādīni akāsīti hāsapañño.

    กตมา ชวนปญฺญา? ยํกิญฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ…เป.… ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ รูปํ อนิจฺจโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ ทุกฺขโต ขิปฺปํ, อนตฺตโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ ยา กาจิ เวทนา…เป.… ยา กาจิ สญฺญา… เย เกจิ สงฺขารา… ยํกิญฺจิ วิญฺญาณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ…เป.… สพฺพํ วิญฺญาณํ อนิจฺจโต, ทุกฺขโต, อนตฺตโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ จกฺขุ…เป.… ชรามรณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจโต, ทุกฺขโต, อนตฺตโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ ขยเฎฺฐน, ทุกฺขํ ภยเฎฺฐน, อนตฺตา อสารกเฎฺฐนาติ ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา วิภาวยิตฺวา วิภูตํ กตฺวา รูปนิโรเธ นิพฺพาเน ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ เวทนา… สญฺญา… สงฺขารา… วิญฺญาณํ… จกฺขุ…เป.… ชรามรณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ ขยเฎฺฐน…เป.… วิภูตํ กตฺวา ชรามรณนิโรเธ นิพฺพาเน ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ…เป.… วิญฺญาณํฯ จกฺขุ…เป.… ชรามรณํ อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนํ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺมนฺติ ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา วิภาวยิตฺวา วิภูตํ กตฺวา ชรามรณนิโรเธ นิพฺพาเน ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ

    Katamā javanapaññā? Yaṃkiñci rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ…pe… yaṃ dūre santike vā, sabbaṃ rūpaṃ aniccato khippaṃ javatīti javanapaññā. Dukkhato khippaṃ, anattato khippaṃ javatīti javanapaññā. Yā kāci vedanā…pe… yā kāci saññā… ye keci saṅkhārā… yaṃkiñci viññāṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ…pe… sabbaṃ viññāṇaṃ aniccato, dukkhato, anattato khippaṃ javatīti javanapaññā. Cakkhu…pe… jarāmaraṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ aniccato, dukkhato, anattato khippaṃ javatīti javanapaññā. Rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ aniccaṃ khayaṭṭhena, dukkhaṃ bhayaṭṭhena, anattā asārakaṭṭhenāti tulayitvā tīrayitvā vibhāvayitvā vibhūtaṃ katvā rūpanirodhe nibbāne khippaṃ javatīti javanapaññā. Vedanā… saññā… saṅkhārā… viññāṇaṃ… cakkhu…pe… jarāmaraṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ aniccaṃ khayaṭṭhena…pe… vibhūtaṃ katvā jarāmaraṇanirodhe nibbāne khippaṃ javatīti javanapaññā. Rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ…pe… viññāṇaṃ. Cakkhu…pe… jarāmaraṇaṃ aniccaṃ saṅkhataṃ paṭiccasamuppannaṃ khayadhammaṃ vayadhammaṃ virāgadhammaṃ nirodhadhammanti tulayitvā tīrayitvā vibhāvayitvā vibhūtaṃ katvā jarāmaraṇanirodhe nibbāne khippaṃ javatīti javanapaññā.

    กตมา ติกฺขปญฺญา? ขิปฺปํ กิเลเส ฉินฺทตีติ ติกฺขปญฺญาฯ อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสติ, อุปฺปนฺนํ พฺยาปาทวิตกฺกํ… อุปฺปนฺนํ วิหิํสาวิตกฺกํ… อุปฺปนฺนุปฺปเนฺน ปาปเก อกุสเล ธเมฺม… อุปฺปนฺนํ ราคํ… โทสํ… โมหํ… โกธํ… อุปนาหํ… มกฺขํ… ปฬาสํ… อิสฺสํ… มจฺฉริยํ… มายํ… สาเฐยฺยํ… ถมฺภํ… สารมฺภํ… มานํ… อติมานํ… มทํ… ปมาทํ… สเพฺพ กิเลเส… สเพฺพ ทุจฺจริเต… สเพฺพ อภิสงฺขาเร… สเพฺพ ภวคามิกเมฺม นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ, พฺยนฺตีกโรติ, อนภาวํ คเมตีติ ติกฺขปญฺญาฯ เอกสฺมิํ อาสเน จตฺตาโร จ อริยมคฺคา, จตฺตาริ จ สามญฺญผลานิ, จตโสฺส จ ปฎิสมฺภิทาโย, ฉ จ อภิญฺญาโย อธิคตา โหนฺติ สจฺฉิกตา ผสฺสิตา ปญฺญายาติ ติกฺขปญฺญาฯ

    Katamā tikkhapaññā? Khippaṃ kilese chindatīti tikkhapaññā. Uppannaṃ kāmavitakkaṃ nādhivāseti, uppannaṃ byāpādavitakkaṃ… uppannaṃ vihiṃsāvitakkaṃ… uppannuppanne pāpake akusale dhamme… uppannaṃ rāgaṃ… dosaṃ… mohaṃ… kodhaṃ… upanāhaṃ… makkhaṃ… paḷāsaṃ… issaṃ… macchariyaṃ… māyaṃ… sāṭheyyaṃ… thambhaṃ… sārambhaṃ… mānaṃ… atimānaṃ… madaṃ… pamādaṃ… sabbe kilese… sabbe duccarite… sabbe abhisaṅkhāre… sabbe bhavagāmikamme nādhivāseti pajahati vinodeti, byantīkaroti, anabhāvaṃ gametīti tikkhapaññā. Ekasmiṃ āsane cattāro ca ariyamaggā, cattāri ca sāmaññaphalāni, catasso ca paṭisambhidāyo, cha ca abhiññāyo adhigatā honti sacchikatā phassitā paññāyāti tikkhapaññā.

    เถโร จ ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนาปริคฺคหสุเตฺต เทสิยมาเน ฐิตโกว สพฺพกิเลเส ฉินฺทิตฺวา สาวกปารมิญาณํ ปฎิวิทฺธกาลโต ปฎฺฐาย ติกฺขปโญฺญ นาม ชาโตฯ เตนาห – ‘‘ติกฺขปโญฺญ, ภเนฺต, อายสฺมา สาริปุโตฺต’’ติฯ

    Thero ca bhāgineyyassa dīghanakhaparibbājakassa vedanāpariggahasutte desiyamāne ṭhitakova sabbakilese chinditvā sāvakapāramiñāṇaṃ paṭividdhakālato paṭṭhāya tikkhapañño nāma jāto. Tenāha – ‘‘tikkhapañño, bhante, āyasmā sāriputto’’ti.

    กตมา นิเพฺพธิกปญฺญา? อิเธกโจฺจ สพฺพสงฺขาเรสุ อุเพฺพคพหุโล โหติ อุตฺตาสพหุโล อุกฺกณฺฐนพหุโล อรติพหุโล อนภิรติพหุโล พหิมุโข น รมติ สพฺพสงฺขาเรสุ, อนิพฺพิทฺธปุพฺพํ อปฺปทาลิตปุพฺพํ โลภกฺขนฺธํ นิพฺพิชฺฌติ ปทาเลตีติ นิเพฺพธิกปญฺญาฯ อนิพฺพิทฺธปุพฺพํ อปฺปทาลิตปุพฺพํ โทสกฺขนฺธํ… โมหกฺขนฺธํ… โกธํ… อุปนาหํ…เป.… สเพฺพ ภวคามิกเมฺม นิพฺพิชฺฌติ ปทาเลตีติ นิเพฺพธิกปญฺญาฯ

    Katamā nibbedhikapaññā? Idhekacco sabbasaṅkhāresu ubbegabahulo hoti uttāsabahulo ukkaṇṭhanabahulo aratibahulo anabhiratibahulo bahimukho na ramati sabbasaṅkhāresu, anibbiddhapubbaṃ appadālitapubbaṃ lobhakkhandhaṃ nibbijjhati padāletīti nibbedhikapaññā. Anibbiddhapubbaṃ appadālitapubbaṃ dosakkhandhaṃ… mohakkhandhaṃ… kodhaṃ… upanāhaṃ…pe… sabbe bhavagāmikamme nibbijjhati padāletīti nibbedhikapaññā.

    อปฺปิโจฺฉติ สนฺตคุณนิคุหนตา, ปจฺจยปฎิคฺคหเณ จ มตฺตญฺญุตา, เอตํ อปฺปิจฺฉลกฺขณนฺติ อิมินา ลกฺขเณน สมนฺนาคโตฯ สนฺตุโฎฺฐติ จตูสุ ปจฺจเยสุ ยถาลาภสโนฺตโส ยถาพลสโนฺตโส ยถาสารุปฺปสโนฺตโสติ, อิเมหิ ตีหิ สโนฺตเสหิ สมนฺนาคโตฯ ปวิวิโตฺตติ กายวิเวโก จ วิเวกฎฺฐกายานํ เนกฺขมฺมาภิรตานํ, จิตฺตวิเวโก จ ปริสุทฺธจิตฺตานํ ปรมโวทานปฺปตฺตานํ, อุปธิวิเวโก จ นิรุปธีนํ ปุคฺคลานํ วิสงฺขารคตานนฺติ, อิเมสํ ติณฺณํ วิเวกานํ ลาภีฯ อสํสโฎฺฐติ ทสฺสนสํสโคฺค สวนสํสโคฺค สมุลฺลปนสํสโคฺค ปริโภคสํสโคฺค กายสํสโคฺคติ, อิเมหิ ปญฺจหิ สํสเคฺคหิ วิรหิโตฯ อยญฺจ ปญฺจวิโธ สํสโคฺค ราชูหิ ราชมหามเตฺตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ อุปาสเกหิ อุปสิกาหิ ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีหีติ อฎฺฐหิ ปุคฺคเลหิ สทฺธิํ ชายติ, โส สโพฺพปิ เถรสฺส นตฺถีติ อสํสโฎฺฐฯ

    Appicchoti santaguṇaniguhanatā, paccayapaṭiggahaṇe ca mattaññutā, etaṃ appicchalakkhaṇanti iminā lakkhaṇena samannāgato. Santuṭṭhoti catūsu paccayesu yathālābhasantoso yathābalasantoso yathāsāruppasantosoti, imehi tīhi santosehi samannāgato. Pavivittoti kāyaviveko ca vivekaṭṭhakāyānaṃ nekkhammābhiratānaṃ, cittaviveko ca parisuddhacittānaṃ paramavodānappattānaṃ, upadhiviveko ca nirupadhīnaṃ puggalānaṃ visaṅkhāragatānanti, imesaṃ tiṇṇaṃ vivekānaṃ lābhī. Asaṃsaṭṭhoti dassanasaṃsaggo savanasaṃsaggo samullapanasaṃsaggo paribhogasaṃsaggo kāyasaṃsaggoti, imehi pañcahi saṃsaggehi virahito. Ayañca pañcavidho saṃsaggo rājūhi rājamahāmattehi titthiyehi titthiyasāvakehi upāsakehi upasikāhi bhikkhūhi bhikkhunīhīti aṭṭhahi puggalehi saddhiṃ jāyati, so sabbopi therassa natthīti asaṃsaṭṭho.

    อารทฺธวีริโยติ ปคฺคหิตวีริโย ปริปุณฺณวีริโยฯ ตตฺถ อารทฺธวีริโย ภิกฺขุ คมเน อุปฺปนฺนกิเลสสฺส ฐานํ ปาปุณิตุํ น เทติ, ฐาเน อุปฺปนฺนสฺส นิสชฺชํ, นิสชฺชาย อุปฺปนฺนสฺส เสยฺยํ ปาปุณิตุํ น เทติ, ตสฺมิํ ตสฺมิํ อิริยาปเถ อุปฺปนฺนํ ตตฺถ ตเตฺถว นิคฺคณฺหาติฯ เถโร ปน จตุจตฺตาลีส วสฺสานิ มเญฺจ ปิฎฺฐิํ น ปสาเรติฯ ตํ สนฺธาย ‘‘อารทฺธวีริโย’’ติ อาหฯ วตฺตาติ โอธุนนวตฺตาฯ ภิกฺขูนํ อชฺฌาจารํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช กเถสฺสามิ, เสฺว กเถสฺสามี’’ติ กถาววตฺถานํ น กโรติ, ตสฺมิํ ตสฺมิํ เยว ฐาเน โอวทติ อนุสาสตีติ อโตฺถฯ

    Āraddhavīriyoti paggahitavīriyo paripuṇṇavīriyo. Tattha āraddhavīriyo bhikkhu gamane uppannakilesassa ṭhānaṃ pāpuṇituṃ na deti, ṭhāne uppannassa nisajjaṃ, nisajjāya uppannassa seyyaṃ pāpuṇituṃ na deti, tasmiṃ tasmiṃ iriyāpathe uppannaṃ tattha tattheva niggaṇhāti. Thero pana catucattālīsa vassāni mañce piṭṭhiṃ na pasāreti. Taṃ sandhāya ‘‘āraddhavīriyo’’ti āha. Vattāti odhunanavattā. Bhikkhūnaṃ ajjhācāraṃ disvā ‘‘ajja kathessāmi, sve kathessāmī’’ti kathāvavatthānaṃ na karoti, tasmiṃ tasmiṃ yeva ṭhāne ovadati anusāsatīti attho.

    วจนกฺขโมติ วจนํ ขมติฯ เอโก หิ ปรสฺส โอวาทํ เทติ, สยํ ปน อเญฺญน โอวทิยมาโน กุชฺฌติฯ เถโร ปน ปรสฺสปิ โอวาทํ เทติ, สยํ โอวทิยมาโนปิ สิรสา สมฺปฎิจฺฉติฯ เอกทิวสํ กิร สาริปุตฺตเตฺถรํ สตฺตวสฺสิโก สามเณโร – ‘‘ภเนฺต, สาริปุตฺต, ตุมฺหากํ นิวาสนกโณฺณ โอลมฺพตี’’ติ อาหฯ เถโร กิญฺจิ อวตฺวาว เอกมนฺตํ คนฺตฺวา ปริมณฺฑลํ นิวาเสตฺวา อาคมฺม ‘‘เอตฺตกํ วฎฺฎติ อาจริยา’’ติ อญฺชลิํ ปคฺคยฺห อฎฺฐาสิฯ

    Vacanakkhamoti vacanaṃ khamati. Eko hi parassa ovādaṃ deti, sayaṃ pana aññena ovadiyamāno kujjhati. Thero pana parassapi ovādaṃ deti, sayaṃ ovadiyamānopi sirasā sampaṭicchati. Ekadivasaṃ kira sāriputtattheraṃ sattavassiko sāmaṇero – ‘‘bhante, sāriputta, tumhākaṃ nivāsanakaṇṇo olambatī’’ti āha. Thero kiñci avatvāva ekamantaṃ gantvā parimaṇḍalaṃ nivāsetvā āgamma ‘‘ettakaṃ vaṭṭati ācariyā’’ti añjaliṃ paggayha aṭṭhāsi.

    ‘‘ตทหุ ปพฺพชิโต สโนฺต, ชาติยา สตฺตวสฺสิโก;

    ‘‘Tadahu pabbajito santo, jātiyā sattavassiko;

    โสปิ มํ อนุสาเสยฺย, สมฺปฎิจฺฉามิ มตฺถเก’’ติฯ (มิ. ป. ๖.๔.๘) –

    Sopi maṃ anusāseyya, sampaṭicchāmi matthake’’ti. (mi. pa. 6.4.8) –

    อาหฯ

    Āha.

    โจทโกติ วตฺถุสฺมิํ โอติเณฺณ วา อโนติเณฺณ วา วีติกฺกมํ ทิสฺวา – ‘‘อาวุโส, ภิกฺขุนา นาม เอวํ นิวาเสตพฺพํ, เอวํ ปารุปิตพฺพํ, เอวํ คนฺตพฺพํ, เอวํ ฐาตพฺพํ, เอวํ นิสีทิตพฺพํ, เอวํ ขาทิตพฺพํ, เอวํ ภุญฺชิตพฺพ’’นฺติ ตนฺติวเสน อนุสิฎฺฐิํ เทติฯ

    Codakoti vatthusmiṃ otiṇṇe vā anotiṇṇe vā vītikkamaṃ disvā – ‘‘āvuso, bhikkhunā nāma evaṃ nivāsetabbaṃ, evaṃ pārupitabbaṃ, evaṃ gantabbaṃ, evaṃ ṭhātabbaṃ, evaṃ nisīditabbaṃ, evaṃ khāditabbaṃ, evaṃ bhuñjitabba’’nti tantivasena anusiṭṭhiṃ deti.

    ปาปครหีติ ปาปปุคฺคเล น ปเสฺส, น เตสํ วจนํ สุเณ, เตหิ สทฺธิํ เอกจกฺกวาเฬปิ น วเสยฺยํฯ

    Pāpagarahīti pāpapuggale na passe, na tesaṃ vacanaṃ suṇe, tehi saddhiṃ ekacakkavāḷepi na vaseyyaṃ.

    ‘‘มา เม กทาจิ ปาปิโจฺฉ, กุสีโต หีนวีริโย;

    ‘‘Mā me kadāci pāpiccho, kusīto hīnavīriyo;

    อปฺปสฺสุโต อนาทโร, สเมโต อหุ กตฺถจี’’ติฯ –

    Appassuto anādaro, sameto ahu katthacī’’ti. –

    เอวํ ปาปปุคฺคเลปิ ครหติ, ‘‘สมเณน นาม ราควสิเกน โทสโมหวสิเกน น โหตพฺพํ, อุปฺปโนฺน ราโค โทโส โมโห ปหาตโพฺพ’’ติ เอวํ ปาปธเมฺมปิ ครหตีติ ทฺวีหิ การเณหิ ‘‘ปาปครหี, ภเนฺต, อายสฺมา สาริปุโตฺต’’ติ วทติฯ

    Evaṃ pāpapuggalepi garahati, ‘‘samaṇena nāma rāgavasikena dosamohavasikena na hotabbaṃ, uppanno rāgo doso moho pahātabbo’’ti evaṃ pāpadhammepi garahatīti dvīhi kāraṇehi ‘‘pāpagarahī, bhante, āyasmā sāriputto’’ti vadati.

    เอวํ อายสฺมตา อานเนฺทน โสฬสหิ ปเทหิ เถรสฺส ยถาภูตวณฺณปฺปกาสเน กเต – ‘‘กิํ อานโนฺท อตฺตโน ปิยสหายสฺส วณฺณํ กเถตุํ น ลภติ, กเถตุ กิํ ปน เตน กถิตํ ตเถว โหติ, กิํ โส สพฺพญฺญู’’ติ? โกจิ ปาปปุคฺคโล วตฺตุํ มา ลภตูติ สตฺถา ตํ วณฺณภณนํ อกุปฺปํ สพฺพญฺญุภาสิตํ กโรโนฺต ชินมุทฺทิกาย ลญฺฉโนฺต เอวเมตนฺติอาทิมาหฯ

    Evaṃ āyasmatā ānandena soḷasahi padehi therassa yathābhūtavaṇṇappakāsane kate – ‘‘kiṃ ānando attano piyasahāyassa vaṇṇaṃ kathetuṃ na labhati, kathetu kiṃ pana tena kathitaṃ tatheva hoti, kiṃ so sabbaññū’’ti? Koci pāpapuggalo vattuṃ mā labhatūti satthā taṃ vaṇṇabhaṇanaṃ akuppaṃ sabbaññubhāsitaṃ karonto jinamuddikāya lañchanto evametantiādimāha.

    เอวํ ตถาคเตน จ อานนฺทเตฺถเรน จ มหาเถรสฺส วเณฺณ กถิยมาเน ภุมฎฺฐกา เทวตา อุฎฺฐหิตฺวา เอเตเหว โสฬสหิ ปเทหิ วณฺณํ กถยิํสุฯ ตโต อากาสฎฺฐกเทวตา สีตวลาหกา อุณฺหวลาหกา จาตุมหาราชิกาติ ยาว อกนิฎฺฐพฺรหฺมโลกา เทวตา อุฎฺฐหิตฺวา เอเตเหว โสฬสหิ ปเทหิ วณฺณํ กถยิํสุฯ เอเตนุปาเยน เอกจกฺกวาฬํ อาทิํ กตฺวา ทสสุ จกฺกวาฬสหเสฺสสุ เทวตา อุฎฺฐหิตฺวา กถยิํสุฯ อถายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สทฺธิวิหาริโก สุสีโม เทวปุโตฺต จิเนฺตสิ – ‘‘อิมา เทวตา อตฺตโน อตฺตโน นกฺขตฺตกีฬํ ปหาย ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา มยฺหํ อุปชฺฌายเสฺสว วณฺณํ กเถนฺติ, คจฺฉามิ ตถาคตสฺส สนฺติกํ, คนฺตฺวา เอตเทว วณฺณภณนํ เทวตาภาสิตํ กโรมี’’ติ, โส ตถา อกาสิฯ ตํ ทเสฺสตุํ อถ โข สุสีโมติอาทิ วุตฺตํฯ

    Evaṃ tathāgatena ca ānandattherena ca mahātherassa vaṇṇe kathiyamāne bhumaṭṭhakā devatā uṭṭhahitvā eteheva soḷasahi padehi vaṇṇaṃ kathayiṃsu. Tato ākāsaṭṭhakadevatā sītavalāhakā uṇhavalāhakā cātumahārājikāti yāva akaniṭṭhabrahmalokā devatā uṭṭhahitvā eteheva soḷasahi padehi vaṇṇaṃ kathayiṃsu. Etenupāyena ekacakkavāḷaṃ ādiṃ katvā dasasu cakkavāḷasahassesu devatā uṭṭhahitvā kathayiṃsu. Athāyasmato sāriputtassa saddhivihāriko susīmo devaputto cintesi – ‘‘imā devatā attano attano nakkhattakīḷaṃ pahāya tattha tattha gantvā mayhaṃ upajjhāyasseva vaṇṇaṃ kathenti, gacchāmi tathāgatassa santikaṃ, gantvā etadeva vaṇṇabhaṇanaṃ devatābhāsitaṃ karomī’’ti, so tathā akāsi. Taṃ dassetuṃ atha kho susīmotiādi vuttaṃ.

    อุจฺจาวจาติ อเญฺญสุ ฐาเนสุ ปณีตํ อุจฺจํ วุจฺจติ, หีนํ อวจํฯ อิธ ปน อุจฺจาวจาติ นานาวิธา วณฺณนิภาฯ ตสฺสา กิร เทวปริสาย นีลฎฺฐานํ อตินีลํ, ปีตกฎฺฐานํ อติปีตกํ, โลหิตฎฺฐานํ อติโลหิตํ, โอทาตฎฺฐานํ อโจฺจทาตนฺติ, จตุพฺพิธา วณฺณนิภา ปาตุภวิฯ เตเนว เสยฺยถาปิ นามาติ จตโสฺส อุปมา อาคตาฯ ตตฺถ สุโภติ สุนฺทโรฯ ชาติมาติ ชาติสมฺปโนฺนฯ สุปริกมฺมกโตติ โธวนาทิปริกเมฺมน สุฎฺฐุ ปริกมฺมกโตฯ ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิโตฺตติ รตฺตกมฺพเล ฐปิโตฯ เอวเมวนฺติ รตฺตกมฺพเล นิกฺขิตฺตมณิ วิย สพฺพา เอกปฺปหาเรเนว วิโรจิตุํ อารทฺธาฯ นิกฺขนฺติ อติเรกปญฺจสุวเณฺณน กตปิฬนฺธนํฯ ตญฺหิ ฆฎฺฎนมชฺชนกฺขมํ โหติฯ ชโมฺพนทนฺติ มหาชมฺพุสาขาย ปวตฺตนทิยํ นิพฺพตฺตํ, มหาชมฺพุผลรเส วา ปถวิยํ ปวิเฎฺฐ สุวณฺณงฺกุรา อุฎฺฐหนฺติ, เตน สุวเณฺณน กตปิฬนฺธนนฺติปิ อโตฺถฯ ทกฺขกมฺมารปุตฺตอุกฺกามุขสุกุสลสมฺปหฎฺฐนฺติ สุกุสเลน กมฺมารปุเตฺตน อุกฺกามุเข ปจิตฺวา สมฺปหฎฺฐํฯ ธาตุวิภเงฺค (ม. นิ. ๓.๓๕๗ อาทโย) อกตภณฺฑํ คหิตํ, อิธ ปน กตภณฺฑํฯ

    Uccāvacāti aññesu ṭhānesu paṇītaṃ uccaṃ vuccati, hīnaṃ avacaṃ. Idha pana uccāvacāti nānāvidhā vaṇṇanibhā. Tassā kira devaparisāya nīlaṭṭhānaṃ atinīlaṃ, pītakaṭṭhānaṃ atipītakaṃ, lohitaṭṭhānaṃ atilohitaṃ, odātaṭṭhānaṃ accodātanti, catubbidhā vaṇṇanibhā pātubhavi. Teneva seyyathāpi nāmāti catasso upamā āgatā. Tattha subhoti sundaro. Jātimāti jātisampanno. Suparikammakatoti dhovanādiparikammena suṭṭhu parikammakato. Paṇḍukambale nikkhittoti rattakambale ṭhapito. Evamevanti rattakambale nikkhittamaṇi viya sabbā ekappahāreneva virocituṃ āraddhā. Nikkhanti atirekapañcasuvaṇṇena katapiḷandhanaṃ. Tañhi ghaṭṭanamajjanakkhamaṃ hoti. Jambonadanti mahājambusākhāya pavattanadiyaṃ nibbattaṃ, mahājambuphalarase vā pathaviyaṃ paviṭṭhe suvaṇṇaṅkurā uṭṭhahanti, tena suvaṇṇena katapiḷandhanantipi attho. Dakkhakammāraputtaukkāmukhasukusalasampahaṭṭhanti sukusalena kammāraputtena ukkāmukhe pacitvā sampahaṭṭhaṃ. Dhātuvibhaṅge (ma. ni. 3.357 ādayo) akatabhaṇḍaṃ gahitaṃ, idha pana katabhaṇḍaṃ.

    วิเทฺธติ ทูรีภูเตฯ เทเวติ อากาเสฯ นภํ อพฺภุสฺสกฺกมาโนติ อากาสํ อภิลงฺฆโนฺตฯ อิมินา ตรุณสูริยภาโว ทสฺสิโตฯ โสรโตติ โสรเจฺจน สมนฺนาคโตฯ ทโนฺตติ นิพฺพิเสวโนฯ สตฺถุวณฺณาภโตติ สตฺถารา อาภตวโณฺณฯ สตฺถา หิ อฎฺฐปริสมเชฺฌ นิสีทิตฺวา ‘‘เสวถ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๗๑) นเยน เถรสฺส วณฺณํ อาหรีติ เถโร อาภตวโณฺณ นาม โหติฯ กาลํ กงฺขตีติ ปรินิพฺพานกาลํ ปเตฺถติฯ ขีณาสโว หิ เนว มรณํ อภินนฺทติ, น ชีวิตํ ปเตฺถติ, ทิวสสเงฺขปํ เวตนํ คเหตฺวา ฐิตปุริโส วิย กาลํ ปน ปเตฺถติ, โอโลเกโนฺต ติฎฺฐตีติ อโตฺถฯ เตเนวาห –

    Viddheti dūrībhūte. Deveti ākāse. Nabhaṃ abbhussakkamānoti ākāsaṃ abhilaṅghanto. Iminā taruṇasūriyabhāvo dassito. Soratoti soraccena samannāgato. Dantoti nibbisevano. Satthuvaṇṇābhatoti satthārā ābhatavaṇṇo. Satthā hi aṭṭhaparisamajjhe nisīditvā ‘‘sevatha, bhikkhave, sāriputtamoggallāne’’tiādinā (ma. ni. 3.371) nayena therassa vaṇṇaṃ āharīti thero ābhatavaṇṇo nāma hoti. Kālaṃ kaṅkhatīti parinibbānakālaṃ pattheti. Khīṇāsavo hi neva maraṇaṃ abhinandati, na jīvitaṃ pattheti, divasasaṅkhepaṃ vetanaṃ gahetvā ṭhitapuriso viya kālaṃ pana pattheti, olokento tiṭṭhatīti attho. Tenevāha –

    ‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิตํ;

    ‘‘Nābhinandāmi maraṇaṃ, nābhinandāmi jīvitaṃ;

    กาลญฺจ ปฎิกงฺขามิ, นิพฺพิสํ ภตโก ยถา’’ติฯ (เถรคา. ๑๐๐๑-๑๐๐๒); นวมํ;

    Kālañca paṭikaṅkhāmi, nibbisaṃ bhatako yathā’’ti. (theragā. 1001-1002); Navamaṃ;







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๙. สุสิมสุตฺตํ • 9. Susimasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๙. สุสิมสุตฺตวณฺณนา • 9. Susimasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact