Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๑๐. สุสิมสุตฺตวณฺณนา
10. Susimasuttavaṇṇanā
๗๐. ทสเม ครุกโตติ ครุภาวเหตูนํ อุตฺตมคุณานํ มตฺถกปฺปตฺติยา อนญฺญสาธารเณน ครุกาเรน ครุกโตฯ มานิโตติ สมฺมาปฎิปตฺติยา มานิโตฯ ตาย หิ วิญฺญูนํ มนาปตาติ อาห ‘‘มเนน ปิยายิโต’’ติฯ จตุปจฺจยปูชาย จ ปูชิโตติ อิทํ อตฺถวจนํฯ ยทตฺถํ สํคีติกาเรหิ ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหตี’’ติอาทินา อิมสฺส สุตฺตสฺส นิทานํ นิกฺขิตฺตํ, ตสฺส อตฺถสฺส อุลฺลิงฺควเสน วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอส นโย เสสปเทสุปิฯ อํสกูฎโตติ อุตฺตราสเงฺคน อุโภ อํสกูเฎ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ฐิตา ทกฺขิณอํสกูฎโต, อุภยโต วา อปเนนฺติฯ ปริจิตคนฺถวเสน ปณฺฑิตปริพฺพาชโก, ยโต ปจฺฉา วิเสสภาคี ชาโตฯ วิจิตฺตนยาย ธมฺมกถาย กถนโต ‘‘กวิเสโฎฺฐ’’ติ อาหํสุฯ
70. Dasame garukatoti garubhāvahetūnaṃ uttamaguṇānaṃ matthakappattiyā anaññasādhāraṇena garukārena garukato. Mānitoti sammāpaṭipattiyā mānito. Tāya hi viññūnaṃ manāpatāti āha ‘‘manena piyāyito’’ti. Catupaccayapūjāya ca pūjitoti idaṃ atthavacanaṃ. Yadatthaṃ saṃgītikārehi ‘‘tena kho pana samayena bhagavā sakkato hotī’’tiādinā imassa suttassa nidānaṃ nikkhittaṃ, tassa atthassa ulliṅgavasena vuttanti daṭṭhabbaṃ. Esa nayo sesapadesupi. Aṃsakūṭatoti uttarāsaṅgena ubho aṃsakūṭe paṭicchādetvā ṭhitā dakkhiṇaaṃsakūṭato, ubhayato vā apanenti. Paricitaganthavasena paṇḍitaparibbājako, yato pacchā visesabhāgī jāto. Vicittanayāya dhammakathāya kathanato ‘‘kaviseṭṭho’’ti āhaṃsu.
เตชุสฺสโทติ มหาเตโชฯ ปุเรภตฺตกิจฺจาทีนํ นิยตภาเวน นิยมมนุยุโตฺตฯ วิปสฺสนาลกฺขณมฺหีติ ญาณํ ตตฺถ กถิตํฯ ธมฺมนฺติ ตสฺสํ ตสฺสํ ปริสายํ เถรสฺส อสมฺมุขา เทสิตํ ธมฺมํฯ อาหริตฺวา กเถติ ตถา วรสฺส ทินฺนตฺตาฯ
Tejussadoti mahātejo. Purebhattakiccādīnaṃ niyatabhāvena niyamamanuyutto. Vipassanālakkhaṇamhīti ñāṇaṃ tattha kathitaṃ. Dhammanti tassaṃ tassaṃ parisāyaṃ therassa asammukhā desitaṃ dhammaṃ. Āharitvā katheti tathā varassa dinnattā.
กิญฺจาปิ สุสิโม ปูรณาทโย วิย สตฺถุปฎิโญฺญ น โหติ, ติตฺถิเยหิ ปน ‘‘อยํ พฺราหฺมณปพฺพชิโต ปญฺญวา เวทงฺคกุสโล’’ติ คณาจริยฎฺฐาเน ฐปิโต, ตถา จสฺส สมฺภาวิโตฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อหํ สตฺถาติ ปฎิชานโนฺต’’ติ, น สสฺสตทิฎฺฐิกตฺตาฯ ตถา เหส ภควโต สมฺมุขา อุปคนฺตุํ อสกฺขิฯ
Kiñcāpi susimo pūraṇādayo viya satthupaṭiñño na hoti, titthiyehi pana ‘‘ayaṃ brāhmaṇapabbajito paññavā vedaṅgakusalo’’ti gaṇācariyaṭṭhāne ṭhapito, tathā cassa sambhāvito. Tena vuttaṃ ‘‘ahaṃ satthāti paṭijānanto’’ti, na sassatadiṭṭhikattā. Tathā hesa bhagavato sammukhā upagantuṃ asakkhi.
อญฺญาติ อรหตฺตสฺส นามํ อญฺญินฺทฺริยสฺส จิณฺณเนฺต ปวตฺตตฺตาฯ ตํ ปวตฺตินฺติ ยํ อญฺญพฺยากรณํ วุตฺตํ, ตํ สุตฺวาฯ อสฺส สุสิมสฺส, ปรมปฺปมาณนฺติ อุตฺตมโกฎิฯ อาจริยมุฎฺฐีติ อาจริยสฺส มุฎฺฐิกตธโมฺมฯ
Aññāti arahattassa nāmaṃ aññindriyassa ciṇṇante pavattattā. Taṃ pavattinti yaṃ aññabyākaraṇaṃ vuttaṃ, taṃ sutvā. Assa susimassa, paramappamāṇanti uttamakoṭi. Ācariyamuṭṭhīti ācariyassa muṭṭhikatadhammo.
องฺคสนฺตตายาติ นีวรณาทีนํ ปจฺจนีกธมฺมานํ วิทูรภาเวน ฌานงฺคานํ วูปสนฺตตายฯ นิพฺพุตสพฺพทรถปริฬาหตาย หิ เตสํ ฌานานํ ปณีตตรภาโวฯ อารมฺมณสนฺตตายาติ รูปปติภาควิคเมน สณฺหสุขุมาทิภาวปฺปตฺตสฺส อารมฺมณสฺส สนฺตภาเวนฯ ยทเคฺคน หิ เตสํ ภาวนาติสยสมฺภาวิตสณฺหสุขุมปฺปการานิ อารมฺมณานิ สนฺตานิ, ตทเคฺคน ฌานงฺคานํ สนฺตตา เวทิตพฺพาฯ อารมฺมณสนฺตตาย วา ตทารมฺมณธมฺมานํ สนฺตตา โลกุตฺตรธมฺมารมฺมณาหิ ปจฺจเวกฺขณาหิ ทีเปตพฺพาฯ อารุปฺปวิโมกฺขาติ อรูปชฺฌานสญฺญาวิโมกฺขาฯ ปญฺญามเตฺตเนว วิมุตฺตา, น อุภโตภาควิมุตฺตาฯ ธมฺมานํ ฐิตตา ตํสภาวตา ธมฺมฎฺฐิติ, อนิจฺจทุกฺขานตฺตตา, ตตฺถ ญาณํ ธมฺมฎฺฐิติญาณนฺติ อาห ‘‘วิปสฺสนาญาณ’’นฺติฯ เอวมาหาติ ‘‘ปุเพฺพ โข, สุสิม, ธมฺมฎฺฐิติญาณํ, ปจฺฉา นิพฺพาเน ญาณ’’นฺติ เอวมาทิฯ
Aṅgasantatāyāti nīvaraṇādīnaṃ paccanīkadhammānaṃ vidūrabhāvena jhānaṅgānaṃ vūpasantatāya. Nibbutasabbadarathapariḷāhatāya hi tesaṃ jhānānaṃ paṇītatarabhāvo. Ārammaṇasantatāyāti rūpapatibhāgavigamena saṇhasukhumādibhāvappattassa ārammaṇassa santabhāvena. Yadaggena hi tesaṃ bhāvanātisayasambhāvitasaṇhasukhumappakārāni ārammaṇāni santāni, tadaggena jhānaṅgānaṃ santatā veditabbā. Ārammaṇasantatāya vā tadārammaṇadhammānaṃ santatā lokuttaradhammārammaṇāhi paccavekkhaṇāhi dīpetabbā. Āruppavimokkhāti arūpajjhānasaññāvimokkhā. Paññāmatteneva vimuttā, na ubhatobhāgavimuttā. Dhammānaṃ ṭhitatā taṃsabhāvatā dhammaṭṭhiti, aniccadukkhānattatā, tattha ñāṇaṃ dhammaṭṭhitiñāṇanti āha ‘‘vipassanāñāṇa’’nti. Evamāhāti ‘‘pubbe kho, susima, dhammaṭṭhitiñāṇaṃ, pacchā nibbāne ñāṇa’’nti evamādi.
วินาปิ สมาธินฺติ สมถลกฺขณปฺปตฺตํ ปุริมสิทฺธํ วินาปิ สมาธินฺติ วิปสฺสนายานิกํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เอวนฺติ วุตฺตากาเรนฯ น สมาธินิสฺสโนฺท อนุปุพฺพวิหารา วิยฯ น สมาธิอานิสํโส โลกิยาภิญฺญา วิยฯ น สมาธิสฺส นิปฺผตฺติ สพฺพภวคฺคํ วิยฯ วิปสฺสนาย นิปฺผตฺติ มโคฺค วา ผลํ วาติ โยชนาฯ
Vināpisamādhinti samathalakkhaṇappattaṃ purimasiddhaṃ vināpi samādhinti vipassanāyānikaṃ sandhāya vuttaṃ. Evanti vuttākārena. Na samādhinissando anupubbavihārā viya. Na samādhiānisaṃso lokiyābhiññā viya. Na samādhissa nipphatti sabbabhavaggaṃ viya. Vipassanāya nipphatti maggo vā phalaṃ vāti yojanā.
รูปาทีสุ เจเตสุ ติณฺณํ ลกฺขณานํ ปริวตฺตนวเสน เทสนา เตปริวฎฺฎเทสนาฯ อนุโยคํ อาโรเปโนฺตติ นนุ วุตฺตํ, สุสิม, อิทานิ อรหตฺตาธิคเมน สพฺพโส ปจฺจยาการํ ปฎิวิชฺฌิตฺวา ตตฺถ วิคตสโมฺมโหติ อนุโยคํ กโรโนฺตฯ ปากฎกรณตฺถนฺติ ยถา ตฺวํ, สุสิม, นิชฺฌานโก สุกฺขวิปสฺสโก จ หุตฺวา อาสวานํ ขยสมฺมสเน สุปฺปติฎฺฐิโต, เอวเมเตปิ ภิกฺขู, ตสฺมา ‘‘อปิ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต’’ติอาทินา น เต ตยา อนุยุญฺชิตพฺพาติฯ
Rūpādīsu cetesu tiṇṇaṃ lakkhaṇānaṃ parivattanavasena desanā teparivaṭṭadesanā. Anuyogaṃ āropentoti nanu vuttaṃ, susima, idāni arahattādhigamena sabbaso paccayākāraṃ paṭivijjhitvā tattha vigatasammohoti anuyogaṃ karonto. Pākaṭakaraṇatthanti yathā tvaṃ, susima, nijjhānako sukkhavipassako ca hutvā āsavānaṃ khayasammasane suppatiṭṭhito, evametepi bhikkhū, tasmā ‘‘api pana tumhe āyasmanto’’tiādinā na te tayā anuyuñjitabbāti.
สุสิมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Susimasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
มหาวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mahāvaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑๐. สุสิมสุตฺตํ • 10. Susimasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. สุสิมสุตฺตวณฺณนา • 10. Susimasuttavaṇṇanā