Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๓. สุตสุตฺตํ
3. Sutasuttaṃ
๑๘๓. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ อถ โข วสฺสกาโร พฺราหฺมโณ มคธมหามโตฺต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข วสฺสกาโร พฺราหฺมโณ มคธมหามโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ –
183. Ekaṃ samayaṃ bhagavā rājagahe viharati veḷuvane kalandakanivāpe. Atha kho vassakāro brāhmaṇo magadhamahāmatto yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho vassakāro brāhmaṇo magadhamahāmatto bhagavantaṃ etadavoca –
‘‘อหญฺหิ, โภ โคตม, เอวํวาที เอวํทิฎฺฐิ 1 – ‘โย โกจิ ทิฎฺฐํ ภาสติ – เอวํ เม ทิฎฺฐนฺติ, นตฺถิ ตโต โทโส; โย โกจิ สุตํ ภาสติ – เอวํ เม สุตนฺติ, นตฺถิ ตโต โทโส; โย โกจิ มุตํ ภาสติ – เอวํ เม มุตนฺติ, นตฺถิ ตโต โทโส; โย โกจิ วิญฺญาตํ ภาสติ – เอวํ เม วิญฺญาตนฺติ, นตฺถิ ตโต โทโส’’’ติฯ
‘‘Ahañhi, bho gotama, evaṃvādī evaṃdiṭṭhi 2 – ‘yo koci diṭṭhaṃ bhāsati – evaṃ me diṭṭhanti, natthi tato doso; yo koci sutaṃ bhāsati – evaṃ me sutanti, natthi tato doso; yo koci mutaṃ bhāsati – evaṃ me mutanti, natthi tato doso; yo koci viññātaṃ bhāsati – evaṃ me viññātanti, natthi tato doso’’’ti.
‘‘นาหํ, พฺราหฺมณ, สพฺพํ ทิฎฺฐํ ภาสิตพฺพนฺติ วทามิ; น ปนาหํ, พฺราหฺมณ, สพฺพํ ทิฎฺฐํ น ภาสิตพฺพนฺติ วทามิ; นาหํ, พฺราหฺมณ, สพฺพํ สุตํ ภาสิตพฺพนฺติ วทามิ; น ปนาหํ, พฺราหฺมณ, สพฺพํ สุตํ น ภาสิตพฺพนฺติ วทามิ; นาหํ, พฺราหฺมณ, สพฺพํ มุตํ ภาสิตพฺพนฺติ วทามิ; น ปนาหํ, พฺราหฺมณ, สพฺพํ มุตํ น ภาสิตพฺพนฺติ วทามิ; นาหํ, พฺราหฺมณ, สพฺพํ วิญฺญาตํ ภาสิตพฺพนฺติ วทามิ; น ปนาหํ, พฺราหฺมณ, สพฺพํ วิญฺญาตํ น ภาสิตพฺพนฺติ วทามิฯ
‘‘Nāhaṃ, brāhmaṇa, sabbaṃ diṭṭhaṃ bhāsitabbanti vadāmi; na panāhaṃ, brāhmaṇa, sabbaṃ diṭṭhaṃ na bhāsitabbanti vadāmi; nāhaṃ, brāhmaṇa, sabbaṃ sutaṃ bhāsitabbanti vadāmi; na panāhaṃ, brāhmaṇa, sabbaṃ sutaṃ na bhāsitabbanti vadāmi; nāhaṃ, brāhmaṇa, sabbaṃ mutaṃ bhāsitabbanti vadāmi; na panāhaṃ, brāhmaṇa, sabbaṃ mutaṃ na bhāsitabbanti vadāmi; nāhaṃ, brāhmaṇa, sabbaṃ viññātaṃ bhāsitabbanti vadāmi; na panāhaṃ, brāhmaṇa, sabbaṃ viññātaṃ na bhāsitabbanti vadāmi.
‘‘ยญฺหิ, พฺราหฺมณ, ทิฎฺฐํ ภาสโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, เอวรูปํ ทิฎฺฐํ น ภาสิตพฺพนฺติ วทามิฯ ยญฺจ ขฺวสฺส, พฺราหฺมณ, ทิฎฺฐํ อภาสโต กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, เอวรูปํ ทิฎฺฐํ ภาสิตพฺพนฺติ วทามิฯ
‘‘Yañhi, brāhmaṇa, diṭṭhaṃ bhāsato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti, evarūpaṃ diṭṭhaṃ na bhāsitabbanti vadāmi. Yañca khvassa, brāhmaṇa, diṭṭhaṃ abhāsato kusalā dhammā parihāyanti, akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, evarūpaṃ diṭṭhaṃ bhāsitabbanti vadāmi.
‘‘ยญฺหิ, พฺราหฺมณ, สุตํ ภาสโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ , เอวรูปํ สุตํ น ภาสิตพฺพนฺติ วทามิฯ ยญฺจ ขฺวสฺส, พฺราหฺมณ, สุตํ อภาสโต กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, เอวรูปํ สุตํ ภาสิตพฺพนฺติ วทามิฯ
‘‘Yañhi, brāhmaṇa, sutaṃ bhāsato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti , evarūpaṃ sutaṃ na bhāsitabbanti vadāmi. Yañca khvassa, brāhmaṇa, sutaṃ abhāsato kusalā dhammā parihāyanti, akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, evarūpaṃ sutaṃ bhāsitabbanti vadāmi.
‘‘ยญฺหิ, พฺราหฺมณ, มุตํ ภาสโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, เอวรูปํ มุตํ น ภาสิตพฺพนฺติ วทามิฯ ยญฺจ ขฺวสฺส, พฺราหฺมณ, มุตํ อภาสโต กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, เอวรูปํ มุตํ ภาสิตพฺพนฺติ วทามิ ฯ
‘‘Yañhi, brāhmaṇa, mutaṃ bhāsato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti, evarūpaṃ mutaṃ na bhāsitabbanti vadāmi. Yañca khvassa, brāhmaṇa, mutaṃ abhāsato kusalā dhammā parihāyanti, akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, evarūpaṃ mutaṃ bhāsitabbanti vadāmi .
‘‘ยญฺหิ , พฺราหฺมณ, วิญฺญาตํ ภาสโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, เอวรูปํ วิญฺญาตํ น ภาสิตพฺพนฺติ วทามิฯ ยญฺจ ขฺวสฺส, พฺราหฺมณ, วิญฺญาตํ อภาสโต กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, เอวรูปํ วิญฺญาตํ ภาสิตพฺพนฺติ วทามี’’ติฯ
‘‘Yañhi , brāhmaṇa, viññātaṃ bhāsato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti, evarūpaṃ viññātaṃ na bhāsitabbanti vadāmi. Yañca khvassa, brāhmaṇa, viññātaṃ abhāsato kusalā dhammā parihāyanti, akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, evarūpaṃ viññātaṃ bhāsitabbanti vadāmī’’ti.
อถ โข วสฺสกาโร พฺราหฺมโณ มคธมหามโตฺต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามีติฯ ตติยํฯ
Atha kho vassakāro brāhmaṇo magadhamahāmatto bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā pakkāmīti. Tatiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๓. สุตสุตฺตวณฺณนา • 3. Sutasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๓. โยธาชีวสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-3. Yodhājīvasuttādivaṇṇanā