Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā |
๑๕. ปฎิสมฺภิทาวิภโงฺค
15. Paṭisambhidāvibhaṅgo
๑. สุตฺตนฺตภาชนียํ
1. Suttantabhājanīyaṃ
๑. สงฺคหวารวณฺณนา
1. Saṅgahavāravaṇṇanā
๗๑๘. อิทานิ ตทนนฺตเร ปฎิสมฺภิทาวิภเงฺค จตโสฺสติ คณนปริเจฺฉโทฯ ปฎิสมฺภิทาติ ปเภทาฯ ยสฺมา ปน ปรโต อเตฺถ ญาณํ อตฺถปฎิสมฺภิทาติอาทิมาห, ตสฺมา น อญฺญสฺส กสฺสจิ ปเภทา, ญาณเสฺสว ปเภทาติ เวทิตพฺพาฯ อิติ ‘‘จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา’’ติ ปเทน จตฺตาโร ญาณปฺปเภทาติ อยมโตฺถ สงฺคหิโตฯ อตฺถปฎิสมฺภิทาติ อเตฺถ ปฎิสมฺภิทา; อตฺถปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนาววตฺถานกรณสมตฺถํ อเตฺถ ปเภทคตํ ญาณนฺติ อโตฺถฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ ธมฺมปฺปเภทสฺส หิ สลฺลกฺขณวิภาวนาววตฺถานกรณสมตฺถํ ธเมฺม ปเภทคตํ ญาณํ ธมฺมปฎิสมฺภิทา นามฯ นิรุตฺติปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนาววตฺถานกรณสมตฺถํ นิรุตฺตาภิลาเป ปเภทคตํ ญาณํ นิรุตฺติปฎิสมฺภิทา นามฯ ปฎิภานปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนาววตฺถานกรณสมตฺถํ ปฎิภาเน ปเภทคตํ ญาณํ ปฎิภานปฎิสมฺภิทา นามฯ
718. Idāni tadanantare paṭisambhidāvibhaṅge catassoti gaṇanaparicchedo. Paṭisambhidāti pabhedā. Yasmā pana parato atthe ñāṇaṃ atthapaṭisambhidātiādimāha, tasmā na aññassa kassaci pabhedā, ñāṇasseva pabhedāti veditabbā. Iti ‘‘catasso paṭisambhidā’’ti padena cattāro ñāṇappabhedāti ayamattho saṅgahito. Atthapaṭisambhidāti atthe paṭisambhidā; atthappabhedassa sallakkhaṇavibhāvanāvavatthānakaraṇasamatthaṃ atthe pabhedagataṃ ñāṇanti attho. Sesapadesupi eseva nayo. Dhammappabhedassa hi sallakkhaṇavibhāvanāvavatthānakaraṇasamatthaṃ dhamme pabhedagataṃ ñāṇaṃ dhammapaṭisambhidā nāma. Niruttippabhedassa sallakkhaṇavibhāvanāvavatthānakaraṇasamatthaṃ niruttābhilāpe pabhedagataṃ ñāṇaṃ niruttipaṭisambhidā nāma. Paṭibhānappabhedassa sallakkhaṇavibhāvanāvavatthānakaraṇasamatthaṃ paṭibhāne pabhedagataṃ ñāṇaṃ paṭibhānapaṭisambhidā nāma.
อิทานิ ยถานิกฺขิตฺตา ปฎิสมฺภิทา ภาเชตฺวา ทเสฺสโนฺต อเตฺถ ญาณํ อตฺถปฎิสมฺภิทาติอาทิมาหฯ ตตฺถ อโตฺถติ สเงฺขปโต เหตุผลํฯ ตญฺหิ เหตุวเสน อรณียํ คนฺตพฺพํ ปตฺตพฺพํ, ตสฺมา อโตฺถติ วุจฺจติฯ ปเภทโต ปน ยํกิญฺจิ ปจฺจยสมุปฺปนฺนํ, นิพฺพานํ, ภาสิตโตฺถ, วิปาโก, กิริยาติ อิเม ปญฺจ ธมฺมา อโตฺถติ เวทิตพฺพาฯ ตํ อตฺถํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมิํ อเตฺถ ปเภทคตํ ญาณํ อตฺถปฎิสมฺภิทาฯ
Idāni yathānikkhittā paṭisambhidā bhājetvā dassento atthe ñāṇaṃ atthapaṭisambhidātiādimāha. Tattha atthoti saṅkhepato hetuphalaṃ. Tañhi hetuvasena araṇīyaṃ gantabbaṃ pattabbaṃ, tasmā atthoti vuccati. Pabhedato pana yaṃkiñci paccayasamuppannaṃ, nibbānaṃ, bhāsitattho, vipāko, kiriyāti ime pañca dhammā atthoti veditabbā. Taṃ atthaṃ paccavekkhantassa tasmiṃ atthe pabhedagataṃ ñāṇaṃ atthapaṭisambhidā.
ธโมฺมติ สเงฺขปโต ปจฺจโยฯ โส หิ ยสฺมา ตํ ตํ วิทหติ ปวเตฺตติ เจว ปาเปติ จ, ตสฺมา ธโมฺมติ วุจฺจติฯ ปเภทโต ปน โย โกจิ ผลนิพฺพตฺตโก เหตุ, อริยมโคฺค, ภาสิตํ , กุสลํ, อกุสลนฺติ อิเม ปญฺจ ธมฺมา ธโมฺมติ เวทิตพฺพาฯ ตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมิํ ธเมฺม ปเภทคตํ ญาณํ ธมฺมปฎิสมฺภิทาฯ
Dhammoti saṅkhepato paccayo. So hi yasmā taṃ taṃ vidahati pavatteti ceva pāpeti ca, tasmā dhammoti vuccati. Pabhedato pana yo koci phalanibbattako hetu, ariyamaggo, bhāsitaṃ , kusalaṃ, akusalanti ime pañca dhammā dhammoti veditabbā. Taṃ dhammaṃ paccavekkhantassa tasmiṃ dhamme pabhedagataṃ ñāṇaṃ dhammapaṭisambhidā.
ตตฺร ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป ญาณนฺติ ตสฺมิํ อเตฺถ จ ธเมฺม จ ยา สภาวนิรุตฺติ, ตสฺสา อภิลาเป ตํ สภาวนิรุตฺติํ สทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมิํ สภาวนิรุตฺตาภิลาเป ปเภทคตํ ญาณํ นิรุตฺติปฎิสมฺภิทาฯ เอวมยํ นิรุตฺติปฎิสมฺภิทา สทฺทารมฺมณา นาม ชาตา, น ปญฺญตฺติอารมฺมณาฯ กสฺมา? ยสฺมา สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อยํ สภาวนิรุตฺติ, อยํ น สภาวนิรุตฺตี’’ติ ชานนฺติฯ ปฎิสมฺภิทาปฺปโตฺต หิ ‘‘ผโสฺส’’ติ วุเตฺต ‘‘อยํ สภาวนิรุตฺตี’’ติ ชานาติ, ‘‘ผสฺสา’’ติ วา ‘‘ผสฺส’’นฺติ วา วุเตฺต ปน ‘‘อยํ น สภาวนิรุตฺตี’’ติ ชานาติฯ เวทนาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อญฺญํ ปเนส นามอาขฺยาตอุปสคฺคพฺยญฺชนสทฺทํ ชานาติ น ชานาตีติ? ยทเคฺคน สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อยํ สภาวนิรุตฺติ, อยํ น สภาวนิรุตฺตี’’ติ ชานาติ, ตทเคฺคน ตมฺปิ ชานิสฺสตีติฯ ตํ ปน นยิทํ ปฎิสมฺภิทากิจฺจนฺติ ปฎิกฺขิปิตฺวา อิทํ วตฺถุ กถิตํ –
Tatra dhammaniruttābhilāpe ñāṇanti tasmiṃ atthe ca dhamme ca yā sabhāvanirutti, tassā abhilāpe taṃ sabhāvaniruttiṃ saddaṃ ārammaṇaṃ katvā paccavekkhantassa tasmiṃ sabhāvaniruttābhilāpe pabhedagataṃ ñāṇaṃ niruttipaṭisambhidā. Evamayaṃ niruttipaṭisambhidā saddārammaṇā nāma jātā, na paññattiārammaṇā. Kasmā? Yasmā saddaṃ sutvā ‘‘ayaṃ sabhāvanirutti, ayaṃ na sabhāvaniruttī’’ti jānanti. Paṭisambhidāppatto hi ‘‘phasso’’ti vutte ‘‘ayaṃ sabhāvaniruttī’’ti jānāti, ‘‘phassā’’ti vā ‘‘phassa’’nti vā vutte pana ‘‘ayaṃ na sabhāvaniruttī’’ti jānāti. Vedanādīsupi eseva nayo. Aññaṃ panesa nāmaākhyātaupasaggabyañjanasaddaṃ jānāti na jānātīti? Yadaggena saddaṃ sutvā ‘‘ayaṃ sabhāvanirutti, ayaṃ na sabhāvaniruttī’’ti jānāti, tadaggena tampi jānissatīti. Taṃ pana nayidaṃ paṭisambhidākiccanti paṭikkhipitvā idaṃ vatthu kathitaṃ –
ติสฺสทตฺตเตฺถโร กิร โพธิมเณฺฑ สุวณฺณสลากํ คเหตฺวา อฎฺฐารสสุ ภาสาสุ ‘กตรภาสาย กเถมี’ติ ปวาเรสิฯ ตํ ปน เตน อตฺตโน อุคฺคเห ฐตฺวา ปวาริตํ, น ปฎิสมฺภิทาย ฐิเตนฯ โส หิ มหาปญฺญตาย ตํ ตํ ภาสํ กถาเปตฺวา กถาเปตฺวา อุคฺคณฺหิ; ตโต อุคฺคเห ฐตฺวา เอวํ ปวาเรสิฯ
Tissadattatthero kira bodhimaṇḍe suvaṇṇasalākaṃ gahetvā aṭṭhārasasu bhāsāsu ‘katarabhāsāya kathemī’ti pavāresi. Taṃ pana tena attano uggahe ṭhatvā pavāritaṃ, na paṭisambhidāya ṭhitena. So hi mahāpaññatāya taṃ taṃ bhāsaṃ kathāpetvā kathāpetvā uggaṇhi; tato uggahe ṭhatvā evaṃ pavāresi.
ภาสํ นาม สตฺตา อุคฺคณฺหนฺตีติ วตฺวา จ ปเนตฺถ อิทํ กถิตํฯ มาตาปิตโร หิ ทหรกาเล กุมารเก มเญฺจ วา ปีเฐ วา นิปชฺชาเปตฺวา ตํ ตํ กถยมานา ตานิ ตานิ กิจฺจานิ กโรนฺติฯ ทารกา เตสํ ตํ ตํ ภาสํ ววตฺถาเปนฺติ – อิมินา อิทํ วุตฺตํ, อิมินา อิทํ วุตฺตนฺติฯ คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล สพฺพมฺปิ ภาสํ ชานนฺติฯ มาตา ทมิฬี, ปิตา อนฺธโกฯ เตสํ ชาโต ทารโก สเจ มาตุกถํ ปฐมํ สุณาติ, ทมิฬภาสํ ภาสิสฺสติ; สเจ ปิตุกถํ ปฐมํ สุณาติ, อนฺธกภาสํ ภาสิสฺสติฯ อุภินฺนมฺปิ ปน กถํ อสฺสุณโนฺต มาคธภาสํ ภาสิสฺสติฯ
Bhāsaṃ nāma sattā uggaṇhantīti vatvā ca panettha idaṃ kathitaṃ. Mātāpitaro hi daharakāle kumārake mañce vā pīṭhe vā nipajjāpetvā taṃ taṃ kathayamānā tāni tāni kiccāni karonti. Dārakā tesaṃ taṃ taṃ bhāsaṃ vavatthāpenti – iminā idaṃ vuttaṃ, iminā idaṃ vuttanti. Gacchante gacchante kāle sabbampi bhāsaṃ jānanti. Mātā damiḷī, pitā andhako. Tesaṃ jāto dārako sace mātukathaṃ paṭhamaṃ suṇāti, damiḷabhāsaṃ bhāsissati; sace pitukathaṃ paṭhamaṃ suṇāti, andhakabhāsaṃ bhāsissati. Ubhinnampi pana kathaṃ assuṇanto māgadhabhāsaṃ bhāsissati.
โยปิ อคามเก มหารเญฺญ นิพฺพโตฺต, ตตฺถ อโญฺญ กเถโนฺต นาม นตฺถิ, โสปิ อตฺตโน ธมฺมตาย วจนํ สมุฎฺฐาเปโนฺต มาคธภาสเมว ภาสิสฺสติฯ นิรเย, ติรจฺฉานโยนิยํ, เปตฺติวิสเย, มนุสฺสโลเก, เทวโลเกติ สพฺพตฺถ มาคธภาสาว อุสฺสนฺนาฯ ตตฺถ เสสา โอฎฺฎกิราตอนฺธกโยนกทมิฬภาสาทิกา อฎฺฐารส ภาสา ปริวตฺตนฺติ ฯ อยเมเวกา ยถาภุจฺจพฺรหฺมโวหารอริยโวหารสงฺขาตา มาคธภาสา น ปริวตฺตติฯ สมฺมาสพุโทฺธปิ เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ ตนฺติํ อาโรเปโนฺต มาคธภาสาย เอว อาโรเปสิฯ กสฺมา? เอวญฺหิ อตฺถํ อาหริตุํ สุขํ โหติฯ มาคธภาสาย หิ ตนฺติํ อารุฬฺหสฺส พุทฺธวจนสฺส ปฎิสมฺภิทาปฺปตฺตานํ โสตปถาคมนเมว ปปโญฺจ; โสเต ปน สงฺฆฎฺฎิตมเตฺตเยว นยสเตน นยสหเสฺสน อโตฺถ อุปฎฺฐาติฯ อญฺญาย ปน ภาสาย ตนฺติํ อารุฬฺหํ โปเถตฺวา โปเถตฺวา อุคฺคเหตพฺพํ โหติฯ พหุมฺปิ อุคฺคเหตฺวา ปน ปุถุชฺชนสฺส ปฎิสมฺภิทาปฺปตฺติ นาม นตฺถิฯ อริยสาวโก โน ปฎิสมฺภิทาปฺปโต นาม นตฺถิฯ
Yopi agāmake mahāraññe nibbatto, tattha añño kathento nāma natthi, sopi attano dhammatāya vacanaṃ samuṭṭhāpento māgadhabhāsameva bhāsissati. Niraye, tiracchānayoniyaṃ, pettivisaye, manussaloke, devaloketi sabbattha māgadhabhāsāva ussannā. Tattha sesā oṭṭakirātaandhakayonakadamiḷabhāsādikā aṭṭhārasa bhāsā parivattanti . Ayamevekā yathābhuccabrahmavohāraariyavohārasaṅkhātā māgadhabhāsā na parivattati. Sammāsabuddhopi tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ tantiṃ āropento māgadhabhāsāya eva āropesi. Kasmā? Evañhi atthaṃ āharituṃ sukhaṃ hoti. Māgadhabhāsāya hi tantiṃ āruḷhassa buddhavacanassa paṭisambhidāppattānaṃ sotapathāgamanameva papañco; sote pana saṅghaṭṭitamatteyeva nayasatena nayasahassena attho upaṭṭhāti. Aññāya pana bhāsāya tantiṃ āruḷhaṃ pothetvā pothetvā uggahetabbaṃ hoti. Bahumpi uggahetvā pana puthujjanassa paṭisambhidāppatti nāma natthi. Ariyasāvako no paṭisambhidāppato nāma natthi.
ญาเณสุ ญาณนฺติ สพฺพตฺถกญาณํ อารมฺมณํ กตฺวา ญาณํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ปเภทคตํ ญาณํ ปฎิภานปฎิสมฺภิทาติฯ อิมา ปน จตโสฺสปิ ปฎิสมฺภิทา ทฺวีสุ ฐาเนสุ ปเภทํ คจฺฉนฺติ, ปญฺจหิ การเณหิ วิสทา โหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ กตเมสุ ทฺวีสุ? เสกฺขภูมิยญฺจ อเสกฺขภูมิยญฺจฯ ตตฺถ สาริปุตฺตเตฺถรสฺส มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรสฺส มหากสฺสปเตฺถรสฺส มหากจฺจายนเตฺถรสฺส มหาโกฎฺฐิตเตฺถรสฺสาติ อสีติยาปิ มหาเถรานํ ปฎิสมฺภิทา อเสกฺขภูมิยํ ปเภทํ คตาฯ อานนฺทเตฺถรสฺส จิตฺตสฺส คหปติโน ธมฺมิกสฺส อุปาสกสฺส อุปาลิสฺส คหปติโน ขุชฺชุตฺตราย อุปาสิกายาติ เอวมาทีนํ ปฎิสมฺภิทา เสกฺขภูมิยํ ปเภทํ คตาติ อิมาสุ ทฺวีสุ ภูมีสุ ปเภทํ คจฺฉนฺติฯ
Ñāṇesu ñāṇanti sabbatthakañāṇaṃ ārammaṇaṃ katvā ñāṇaṃ paccavekkhantassa pabhedagataṃ ñāṇaṃ paṭibhānapaṭisambhidāti. Imā pana catassopi paṭisambhidā dvīsu ṭhānesu pabhedaṃ gacchanti, pañcahi kāraṇehi visadā hontīti veditabbā. Katamesu dvīsu? Sekkhabhūmiyañca asekkhabhūmiyañca. Tattha sāriputtattherassa mahāmoggallānattherassa mahākassapattherassa mahākaccāyanattherassa mahākoṭṭhitattherassāti asītiyāpi mahātherānaṃ paṭisambhidā asekkhabhūmiyaṃ pabhedaṃ gatā. Ānandattherassa cittassa gahapatino dhammikassa upāsakassa upālissa gahapatino khujjuttarāya upāsikāyāti evamādīnaṃ paṭisambhidā sekkhabhūmiyaṃ pabhedaṃ gatāti imāsu dvīsu bhūmīsu pabhedaṃ gacchanti.
กตเมหิ ปญฺจหิ การเณหิ ปฎิสมฺภิทา วิสทา โหนฺตีติ? อธิคเมน, ปริยตฺติยา, สวเนน, ปริปุจฺฉาย, ปุพฺพโยเคนาติฯ ตตฺถ ‘อธิคโม’ นาม อรหตฺตํฯ ตญฺหิ ปตฺตสฺส ปฎิสมฺภิทา วิสทา โหนฺติฯ ‘ปริยตฺติ’ นาม พุทฺธวจนํฯ ตญฺหิ อุคฺคณฺหนฺตสฺส ปฎิสมฺภิทา วิสทา โหนฺติฯ ‘สวนํ’ นาม ธมฺมสฺสวนํฯ สกฺกจฺจญฺหิ ธมฺมํ สุณนฺตสฺส ปฎิสมฺภิทา วิสทา โหนฺติฯ ‘ปริปุจฺฉา’ นาม อฎฺฐกถาฯ อุคฺคหิตปาฬิยา อตฺถํ กเถนฺตสฺส หิ ปฎิสมฺภิทา วิสทา โหนฺติฯ ‘ปุพฺพโยโค’ นาม ปุพฺพโยคาวจรตา, อตีตภเว หรณปจฺจาหรณนเยน ปริคฺคหิตกมฺมฎฺฐานตา; ปุพฺพโยคาวจรสฺส หิ ปฎิสมฺภิทา วิสทา โหนฺติ ฯ ตตฺถ อรหตฺตปฺปตฺติยา ปุนพฺพสุกุฎุมฺพิกปุตฺตสฺส ติสฺสเตฺถรสฺส ปฎิสมฺภิทา วิสทา อเหสุํฯ โส กิร ตมฺพปณฺณิทีเป พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปรตีรํ คนฺตฺวา โยนกธมฺมรกฺขิตเตฺถรสฺส สนฺติเก พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา อาคจฺฉโนฺต นาวํ อภิรุหนติเตฺถ เอกสฺมิํ ปเท อุปฺปนฺนกโงฺข โยชนสตมคฺคํ นิวตฺติตฺวา อาจริยสฺส สนฺติกํ คจฺฉโนฺต อนฺตรามเคฺค เอกสฺส กุฎุมฺพิกสฺส ปญฺหํ กเถสิฯ โส ปสีทิตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิกํ กมฺพลํ อทาสิฯ โสปิ ตํ อาหริตฺวา อาจริยสฺส อทาสิฯ เถโร วาสิยา โกเฎฺฎตฺวา นิสีทนฎฺฐาเน ปริภณฺฑํ กาเรสิฯ กิมตฺถายาติ? ปจฺฉิมาย ชนตาย อนุคฺคหตฺถายาติฯ เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อมฺหากํ คตมคฺคํ อาวเชฺชตฺวา อนาคเต สพฺรหฺมจาริโน ปฎิปตฺติํ ปูเรตพฺพํ มญฺญิสฺสนฺตี’’ติฯ ติสฺสเตฺถโรปิ อาจริยสฺส สนฺติเก กงฺขํ ฉินฺทิตฺวา ชมฺพุโกลปฎฺฎเน โอรุยฺห เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชนเวลาย วาลิกวิหารํ ปตฺวา สมฺมชฺชิฯ ตสฺส สมฺมชฺชิตฎฺฐานํ ทิสฺวา ‘อิทํ วีตราคสฺส ภิกฺขุโน สมฺมฎฺฐฎฺฐาน’นฺติ เถรสฺส วีมํสนตฺถาย ปญฺหํ ปุจฺฉิํสุฯ เถโร ปฎิสมฺภิทาปฺปตฺตตาย ปุจฺฉิตปุจฺฉิเต ปเญฺห กเถสีติฯ
Katamehi pañcahi kāraṇehi paṭisambhidā visadā hontīti? Adhigamena, pariyattiyā, savanena, paripucchāya, pubbayogenāti. Tattha ‘adhigamo’ nāma arahattaṃ. Tañhi pattassa paṭisambhidā visadā honti. ‘Pariyatti’ nāma buddhavacanaṃ. Tañhi uggaṇhantassa paṭisambhidā visadā honti. ‘Savanaṃ’ nāma dhammassavanaṃ. Sakkaccañhi dhammaṃ suṇantassa paṭisambhidā visadā honti. ‘Paripucchā’ nāma aṭṭhakathā. Uggahitapāḷiyā atthaṃ kathentassa hi paṭisambhidā visadā honti. ‘Pubbayogo’ nāma pubbayogāvacaratā, atītabhave haraṇapaccāharaṇanayena pariggahitakammaṭṭhānatā; pubbayogāvacarassa hi paṭisambhidā visadā honti . Tattha arahattappattiyā punabbasukuṭumbikaputtassa tissattherassa paṭisambhidā visadā ahesuṃ. So kira tambapaṇṇidīpe buddhavacanaṃ uggaṇhitvā paratīraṃ gantvā yonakadhammarakkhitattherassa santike buddhavacanaṃ uggaṇhitvā āgacchanto nāvaṃ abhiruhanatitthe ekasmiṃ pade uppannakaṅkho yojanasatamaggaṃ nivattitvā ācariyassa santikaṃ gacchanto antarāmagge ekassa kuṭumbikassa pañhaṃ kathesi. So pasīditvā satasahassagghanikaṃ kambalaṃ adāsi. Sopi taṃ āharitvā ācariyassa adāsi. Thero vāsiyā koṭṭetvā nisīdanaṭṭhāne paribhaṇḍaṃ kāresi. Kimatthāyāti? Pacchimāya janatāya anuggahatthāyāti. Evaṃ kirassa ahosi – ‘‘amhākaṃ gatamaggaṃ āvajjetvā anāgate sabrahmacārino paṭipattiṃ pūretabbaṃ maññissantī’’ti. Tissattheropi ācariyassa santike kaṅkhaṃ chinditvā jambukolapaṭṭane oruyha cetiyaṅgaṇaṃ sammajjanavelāya vālikavihāraṃ patvā sammajji. Tassa sammajjitaṭṭhānaṃ disvā ‘idaṃ vītarāgassa bhikkhuno sammaṭṭhaṭṭhāna’nti therassa vīmaṃsanatthāya pañhaṃ pucchiṃsu. Thero paṭisambhidāppattatāya pucchitapucchite pañhe kathesīti.
ปริยตฺติยา ปน ติสฺสทตฺตเตฺถรสฺส เจว นาคเสนเตฺถรสฺส จ ปฎิสมฺภิทา วิสทา อเหสุํฯ สกฺกจฺจธมฺมสวเนน สุธมฺมสามเณรสฺส ปฎิสมฺภิทา วิสทา อเหสุํฯ โส กิร ตลงฺครวาสี ธมฺมทินฺนเตฺถรสฺส ภาคิเนโยฺย ขุรเคฺคเยว อรหตฺตํ ปโตฺต มาตุลเตฺถรสฺส ธมฺมวินิจฺฉยฎฺฐาเน นิสีทิตฺวา สุณโนฺตเยว ตีณิ ปิฎกานิ ปคุณานิ อกาสิฯ อุคฺคหิตปาฬิยา อตฺถํ กเถนฺตสฺส ปน ติสฺสทตฺตเตฺถรสฺส เอว ปฎิสมฺภิทา วิสทา อเหสุํฯ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปน ปูเรตฺวา ยาว อนุโลมํ กมฺมฎฺฐานํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อาคตานํ วิสทภาวปฺปตฺตปฎิสมฺภิทานํ ปุพฺพโยคาวจรานํ อโนฺต นตฺถิฯ
Pariyattiyā pana tissadattattherassa ceva nāgasenattherassa ca paṭisambhidā visadā ahesuṃ. Sakkaccadhammasavanena sudhammasāmaṇerassa paṭisambhidā visadā ahesuṃ. So kira talaṅgaravāsī dhammadinnattherassa bhāgineyyo khuraggeyeva arahattaṃ patto mātulattherassa dhammavinicchayaṭṭhāne nisīditvā suṇantoyeva tīṇi piṭakāni paguṇāni akāsi. Uggahitapāḷiyā atthaṃ kathentassa pana tissadattattherassa eva paṭisambhidā visadā ahesuṃ. Gatapaccāgatavattaṃ pana pūretvā yāva anulomaṃ kammaṭṭhānaṃ ussukkāpetvā āgatānaṃ visadabhāvappattapaṭisambhidānaṃ pubbayogāvacarānaṃ anto natthi.
เอเตสุ ปน การเณสุ ปริยตฺติ, สวนํ, ปริปุจฺฉาติ อิมานิ ตีณิ ปเภทเสฺสว พลวการณานิฯ ปุพฺพโยโค อธิคมสฺส พลวปจฺจโย, ปเภทสฺส โหติ น โหตีติ? โหติ, น ปน ตถาฯ ปริยตฺติสวนปริปุจฺฉา หิ ปุเพฺพ โหนฺตุ วา มา วา, ปุพฺพโยเคน ปุเพฺพ เจว เอตรหิ จ สงฺขารสมฺมสนํ วินา ปฎิสมฺภิทา นาม นตฺถิฯ อิเม ปน เทฺวปิ เอกโต หุตฺวา ปฎิสมฺภิทา อุปตฺถเมฺภตฺวา วิสทา กโรนฺตีติฯ
Etesu pana kāraṇesu pariyatti, savanaṃ, paripucchāti imāni tīṇi pabhedasseva balavakāraṇāni. Pubbayogo adhigamassa balavapaccayo, pabhedassa hoti na hotīti? Hoti, na pana tathā. Pariyattisavanaparipucchā hi pubbe hontu vā mā vā, pubbayogena pubbe ceva etarahi ca saṅkhārasammasanaṃ vinā paṭisambhidā nāma natthi. Ime pana dvepi ekato hutvā paṭisambhidā upatthambhetvā visadā karontīti.
สงฺคหวารวณฺณนาฯ
Saṅgahavāravaṇṇanā.
๒. สจฺจวาราทิวณฺณนา
2. Saccavārādivaṇṇanā
๗๑๙. อิทานิ เย สงฺคหวาเร ปญฺจ อตฺถา จ ธมฺมา จ สงฺคหิตา, เตสํ ปเภททสฺสนนเยน ปฎิสมฺภิทา วิภชิตุํ ปุน จตโสฺสติอาทินา นเยน ปเภทวาโร อารโทฺธฯ โส สจฺจวารเหตุวารธมฺมวารปจฺจยาการวารปริยตฺติวารวเสน ปญฺจวิโธฯ ตตฺถ ปจฺจยสมุปฺปนฺนสฺส ทุกฺขสจฺจสฺส ปจฺจเยน ปตฺตพฺพสฺส นิพฺพานสฺส จ อตฺถภาวํ, ผลนิพฺพตฺตกสฺส สมุทยสฺส นิพฺพานสมฺปาปกสฺส อริยมคฺคสฺส จ ธมฺมภาวญฺจ ทเสฺสตุํ ‘สจฺจวาโร’ วุโตฺตฯ ยสฺส กสฺสจิ ปน เหตุผลนิพฺพตฺตกสฺส เหตุโน ธมฺมภาวํ, เหตุผลสฺส จ อตฺถภาวํ ทเสฺสตุํ ‘เหตุวาโร’ วุโตฺตฯ ตตฺถ จ เหตุผลกฺกมวเสน อุปฺปฎิปาฎิยา ปฐมํ ธมฺมปฎิสมฺภิทา นิทฺทิฎฺฐาฯ เย ปน ธมฺมา ตมฺหา ตมฺหา รูปารูปปฺปเภทา เหตุโต ชาตา, เตสํ อตฺถภาวํ, ตสฺส ตสฺส จ รูปารูปธมฺมปฺปเภทสฺส เหตุโน ธมฺมภาวํ ทเสฺสตุํ ‘ธมฺมวาโร’ วุโตฺตฯ ชรามรณาทีนํ ปน อตฺถภาวํ, ชรามรณาทิสมุทยสงฺขาตานํ ชาติอาทีนญฺจ ธมฺมภาวํ ทเสฺสตุํ ‘ปจฺจยาการวาโร’ วุโตฺตฯ ตโต ปริยตฺติสงฺขาตสฺส ตสฺส ตสฺส ภาสิตสฺส ธมฺมภาวํ, ภาสิตสงฺขาเตน ปจฺจเยน ปตฺตพฺพสฺส ภาสิตตฺถสฺส จ อตฺถภาวํ ทเสฺสตุํ ‘ปริยตฺติวาโร’ วุโตฺตฯ
719. Idāni ye saṅgahavāre pañca atthā ca dhammā ca saṅgahitā, tesaṃ pabhedadassananayena paṭisambhidā vibhajituṃ puna catassotiādinā nayena pabhedavāro āraddho. So saccavārahetuvāradhammavārapaccayākāravārapariyattivāravasena pañcavidho. Tattha paccayasamuppannassa dukkhasaccassa paccayena pattabbassa nibbānassa ca atthabhāvaṃ, phalanibbattakassa samudayassa nibbānasampāpakassa ariyamaggassa ca dhammabhāvañca dassetuṃ ‘saccavāro’ vutto. Yassa kassaci pana hetuphalanibbattakassa hetuno dhammabhāvaṃ, hetuphalassa ca atthabhāvaṃ dassetuṃ ‘hetuvāro’ vutto. Tattha ca hetuphalakkamavasena uppaṭipāṭiyā paṭhamaṃ dhammapaṭisambhidā niddiṭṭhā. Ye pana dhammā tamhā tamhā rūpārūpappabhedā hetuto jātā, tesaṃ atthabhāvaṃ, tassa tassa ca rūpārūpadhammappabhedassa hetuno dhammabhāvaṃ dassetuṃ ‘dhammavāro’ vutto. Jarāmaraṇādīnaṃ pana atthabhāvaṃ, jarāmaraṇādisamudayasaṅkhātānaṃ jātiādīnañca dhammabhāvaṃ dassetuṃ ‘paccayākāravāro’ vutto. Tato pariyattisaṅkhātassa tassa tassa bhāsitassa dhammabhāvaṃ, bhāsitasaṅkhātena paccayena pattabbassa bhāsitatthassa ca atthabhāvaṃ dassetuṃ ‘pariyattivāro’ vutto.
ตตฺถ จ ยสฺมา ภาสิตํ ญตฺวา ตสฺสโตฺถ ญายติ, ตสฺมา ภาสิตภาสิตตฺถกฺกเมน อุปฺปฎิปาฎิยา ปฐมํ ธมฺมปฎิสมฺภิทา นิทฺทิฎฺฐาฯ ปริยตฺติธมฺมสฺส จ ปเภททสฺสนตฺถํ ‘‘ตตฺถ กตมา ธมฺมปฎิสมฺภิทา’’ติ ปุจฺฉาปุพฺพงฺคโม ปฎินิเทฺทสวาโร วุโตฺตฯ ตตฺถ สุตฺตนฺติอาทีหิ นวหิ อเงฺคหิ นิปฺปเทสโต ตนฺติ คหิตาฯ อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อโตฺถ, อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อโตฺถติ อิมสฺมิมฺปิ ฐาเน ภาสิตวเสน นิปฺปเทสโต ตนฺติ เอว คหิตาติฯ
Tattha ca yasmā bhāsitaṃ ñatvā tassattho ñāyati, tasmā bhāsitabhāsitatthakkamena uppaṭipāṭiyā paṭhamaṃ dhammapaṭisambhidā niddiṭṭhā. Pariyattidhammassa ca pabhedadassanatthaṃ ‘‘tattha katamā dhammapaṭisambhidā’’ti pucchāpubbaṅgamo paṭiniddesavāro vutto. Tattha suttantiādīhi navahi aṅgehi nippadesato tanti gahitā. Ayaṃ imassa bhāsitassa attho, ayaṃ imassa bhāsitassa atthoti imasmimpi ṭhāne bhāsitavasena nippadesato tanti eva gahitāti.
สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนาฯ
Suttantabhājanīyavaṇṇanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๑๕. ปฎิสมฺภิทาวิภโงฺค • 15. Paṭisambhidāvibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๑๕. ปฎิสมฺภิทาวิภโงฺค • 15. Paṭisambhidāvibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๑๕. ปฎิสมฺภิทาวิภโงฺค • 15. Paṭisambhidāvibhaṅgo