Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā

    ๗. สติปฎฺฐานวิภโงฺค

    7. Satipaṭṭhānavibhaṅgo

    ๑. สุตฺตนฺตภาชนียํ อุเทฺทสวารวณฺณนา

    1. Suttantabhājanīyaṃ uddesavāravaṇṇanā

    ๓๕๕. อิทานิ ตทนนฺตเร สติปฎฺฐานวิภเงฺค จตฺตาโรติ คณนปริเจฺฉโทฯ เตน น ตโต เหฎฺฐา น อุทฺธนฺติ สติปฎฺฐานปริเจฺฉทํ ทีเปติฯ สติปฎฺฐานาติ ตโย สติปฎฺฐานา – สติโคจโรปิ, ติธา ปฎิปเนฺนสุ สาวเกสุ สตฺถุโน ปฎิธานุนยวีติวตฺตตาปิ, สติปิฯ ‘‘จตุนฺนํ, ภิกฺขเว, สติปฎฺฐานานํ สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ เทเสสฺสามิฯ ตํ สุณาถ…เป.… โก จ, ภิกฺขเว, กายสฺส สมุทโย? อาหารสมุทยา กายสฺส สมุทโย’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๔๐๘) หิ สติโคจโร สติปฎฺฐานนฺติ วุจฺจติฯ ตถา ‘‘กาโย อุปฎฺฐานํ, โน สติฯ สติ อุปฎฺฐานเญฺจว สติ จา’’ติอาทีสุ (ปฎิ. ม. ๓.๓๕)ฯ ตสฺสโตฺถ – ปติฎฺฐาติ อสฺมินฺติ ปฎฺฐานํฯ กา ปติฎฺฐาติ? สติฯ สติยา ปฎฺฐานํ สติปฎฺฐานํ, ปธานํ ฐานนฺติ วา ปฎฺฐานํ; สติยา ปฎฺฐานํ สติปฎฺฐานํ หตฺถิฎฺฐานอสฺสฎฺฐานาทีนิ วิยฯ

    355. Idāni tadanantare satipaṭṭhānavibhaṅge cattāroti gaṇanaparicchedo. Tena na tato heṭṭhā na uddhanti satipaṭṭhānaparicchedaṃ dīpeti. Satipaṭṭhānāti tayo satipaṭṭhānā – satigocaropi, tidhā paṭipannesu sāvakesu satthuno paṭidhānunayavītivattatāpi, satipi. ‘‘Catunnaṃ, bhikkhave, satipaṭṭhānānaṃ samudayañca atthaṅgamañca desessāmi. Taṃ suṇātha…pe… ko ca, bhikkhave, kāyassa samudayo? Āhārasamudayā kāyassa samudayo’’tiādīsu (saṃ. ni. 5.408) hi satigocaro satipaṭṭhānanti vuccati. Tathā ‘‘kāyo upaṭṭhānaṃ, no sati. Sati upaṭṭhānañceva sati cā’’tiādīsu (paṭi. ma. 3.35). Tassattho – patiṭṭhāti asminti paṭṭhānaṃ. Kā patiṭṭhāti? Sati. Satiyā paṭṭhānaṃ satipaṭṭhānaṃ, padhānaṃ ṭhānanti vā paṭṭhānaṃ; satiyā paṭṭhānaṃ satipaṭṭhānaṃ hatthiṭṭhānaassaṭṭhānādīni viya.

    ‘‘ตโย สติปฎฺฐานา ยทริโย เสวติ, ยทริโย เสวมาโน สตฺถา คณํ อนุสาสิตุมรหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๐๔, ๓๑๑) เอตฺถ ติธา ปฎิปเนฺนสุ สาวเกสุ สตฺถุโน ปฎิฆานุนยวีติวตฺตตา สติปฎฺฐานนฺติ วุตฺตาฯ ตสฺสโตฺถ – ปฎฺฐเปตพฺพโต ปฎฺฐานํ, ปวตฺตยิตพฺพโตติ อโตฺถฯ เกน ปฎฺฐเปตพฺพโตติ? สติยา; สติยา ปฎฺฐานํ สติปฎฺฐานํฯ ‘‘จตฺตาโร สติปฎฺฐานา ภาวิตา พหุลีกตา สตฺต โพชฺฌเงฺค ปริปูเรนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๔๗) ปน สติเยว สติปฎฺฐานนฺติ วุจฺจติฯ ตสฺสโตฺถ – ปติฎฺฐาตีติ ปฎฺฐานํ, อุปฎฺฐาติ โอกฺกนฺทิตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา ปวตฺตตีติ อโตฺถ; สติเยว ปฎฺฐานเฎฺฐน สติปฎฺฐานํ; อถวา สรณเฎฺฐน สติ, อุปฎฺฐานเฎฺฐน ปฎฺฐานํฯ อิติ สติ จ สา ปฎฺฐานญฺจาติปิ สติปฎฺฐานํฯ อิทมิธ อธิเปฺปตํฯ ยทิ เอวํ, กสฺมา สติปฎฺฐานาติ พหุวจนํ กตนฺติ? สติยา พหุตฺตา; อารมฺมณเภเทน หิ พหุกา ตา สติโยติฯ

    ‘‘Tayo satipaṭṭhānā yadariyo sevati, yadariyo sevamāno satthā gaṇaṃ anusāsitumarahatī’’ti (ma. ni. 3.304, 311) ettha tidhā paṭipannesu sāvakesu satthuno paṭighānunayavītivattatā satipaṭṭhānanti vuttā. Tassattho – paṭṭhapetabbato paṭṭhānaṃ, pavattayitabbatoti attho. Kena paṭṭhapetabbatoti? Satiyā; satiyā paṭṭhānaṃ satipaṭṭhānaṃ. ‘‘Cattāro satipaṭṭhānā bhāvitā bahulīkatā satta bojjhaṅge paripūrentī’’tiādīsu (ma. ni. 3.147) pana satiyeva satipaṭṭhānanti vuccati. Tassattho – patiṭṭhātīti paṭṭhānaṃ, upaṭṭhāti okkanditvā pakkhanditvā pavattatīti attho; satiyeva paṭṭhānaṭṭhena satipaṭṭhānaṃ; athavā saraṇaṭṭhena sati, upaṭṭhānaṭṭhena paṭṭhānaṃ. Iti sati ca sā paṭṭhānañcātipi satipaṭṭhānaṃ. Idamidha adhippetaṃ. Yadi evaṃ, kasmā satipaṭṭhānāti bahuvacanaṃ katanti? Satiyā bahuttā; ārammaṇabhedena hi bahukā tā satiyoti.

    กสฺมา ปน ภควตา จตฺตาโรว สติปฎฺฐานา วุตฺตา, อนูนา อนธิกาติ? เวเนยฺยหิตตฺตาฯ ตณฺหาจริตทิฎฺฐิจริตสมถยานิกวิปสฺสนายานิเกสุ หิ มนฺทติกฺขวเสน ทฺวิธา ปวเตฺตสุ มนฺทสฺส ตณฺหาจริตสฺส โอฬาริกํ กายานุปสฺสนาสติปฎฺฐานํ วิสุทฺธิมโคฺค, ติกฺขสฺส สุขุมํ เวทนานุปสฺสนาสติปฎฺฐานํฯ ทิฎฺฐิจริตสฺสปิ มนฺทสฺส นาติปฺปเภทคตํ จิตฺตานุปสฺสนาสติปฎฺฐานํ วิสุทฺธิมโคฺค, ติกฺขสฺส อติปฺปเภทคตํ ธมฺมานุปสฺสนาสติปฎฺฐานํฯ สมถยานิกสฺส จ มนฺทสฺส อกิเจฺฉน อธิคนฺตพฺพนิมิตฺตํ ปฐมํ สติปฎฺฐานํ วิสุทฺธิมโคฺค, ติกฺขสฺส โอฬาริการมฺมเณ อสณฺฐหนโต ทุติยํฯ วิปสฺสนายานิกสฺสาปิ มนฺทสฺส นาติปฺปเภทคตารมฺมณํ ตติยํ, ติกฺขสฺส อติปฺปเภทคตารมฺมณํ จตุตฺถํฯ อิติ จตฺตาโรว วุตฺตา, อนูนา อนธิกาติฯ

    Kasmā pana bhagavatā cattārova satipaṭṭhānā vuttā, anūnā anadhikāti? Veneyyahitattā. Taṇhācaritadiṭṭhicaritasamathayānikavipassanāyānikesu hi mandatikkhavasena dvidhā pavattesu mandassa taṇhācaritassa oḷārikaṃ kāyānupassanāsatipaṭṭhānaṃ visuddhimaggo, tikkhassa sukhumaṃ vedanānupassanāsatipaṭṭhānaṃ. Diṭṭhicaritassapi mandassa nātippabhedagataṃ cittānupassanāsatipaṭṭhānaṃ visuddhimaggo, tikkhassa atippabhedagataṃ dhammānupassanāsatipaṭṭhānaṃ. Samathayānikassa ca mandassa akicchena adhigantabbanimittaṃ paṭhamaṃ satipaṭṭhānaṃ visuddhimaggo, tikkhassa oḷārikārammaṇe asaṇṭhahanato dutiyaṃ. Vipassanāyānikassāpi mandassa nātippabhedagatārammaṇaṃ tatiyaṃ, tikkhassa atippabhedagatārammaṇaṃ catutthaṃ. Iti cattārova vuttā, anūnā anadhikāti.

    สุภสุขนิจฺจอตฺตภาววิปลฺลาสปฺปหานตฺถํ วาฯ กาโย หิ อสุโภฯ ตตฺถ สุภวิปลฺลาสวิปลฺลตฺถา สตฺตาฯ เตสํ ตตฺถ อสุภภาวทสฺสเนน ตสฺส วิปลฺลาสสฺส ปหานตฺถํ ปฐมํ สติปฎฺฐานํ วุตฺตํฯ สุขํ, นิจฺจํ, อตฺตาติ คหิเตสุปิ จ เวทนาทีสุ เวทนา ทุกฺขา, จิตฺตํ อนิจฺจํ, ธมฺมา อนตฺตาฯ เอเตสุ จ สุขนิจฺจอตฺตภาววิปลฺลาสวิปลฺลตฺถา สตฺตาฯ เตสํ ตตฺถ ทุกฺขาทิภาวทสฺสเนน เตสํ วิปลฺลาสานํ ปหานตฺถํ เสสานิ ตีณิ วุตฺตานีติฯ เอวํ สุภสุขนิจฺจอตฺตภาววิปลฺลาสปฺปหานตฺถํ วา จตฺตาโรว วุตฺตา อนูนา อนธิกาติ เวทิตพฺพาฯ น เกวลญฺจ วิปลฺลาสปหานตฺถเมว, อถ โข จตุโรฆโยคาสวคนฺถอุปาทานอคติปฺปหานตฺถมฺปิ จตุพฺพิธาหารปริญฺญตฺถญฺจ จตฺตาโรว วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ อยํ ตาว ปกรณนโยฯ

    Subhasukhaniccaattabhāvavipallāsappahānatthaṃ vā. Kāyo hi asubho. Tattha subhavipallāsavipallatthā sattā. Tesaṃ tattha asubhabhāvadassanena tassa vipallāsassa pahānatthaṃ paṭhamaṃ satipaṭṭhānaṃ vuttaṃ. Sukhaṃ, niccaṃ, attāti gahitesupi ca vedanādīsu vedanā dukkhā, cittaṃ aniccaṃ, dhammā anattā. Etesu ca sukhaniccaattabhāvavipallāsavipallatthā sattā. Tesaṃ tattha dukkhādibhāvadassanena tesaṃ vipallāsānaṃ pahānatthaṃ sesāni tīṇi vuttānīti. Evaṃ subhasukhaniccaattabhāvavipallāsappahānatthaṃ vā cattārova vuttā anūnā anadhikāti veditabbā. Na kevalañca vipallāsapahānatthameva, atha kho caturoghayogāsavaganthaupādānaagatippahānatthampi catubbidhāhārapariññatthañca cattārova vuttāti veditabbā. Ayaṃ tāva pakaraṇanayo.

    อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘สรณวเสน เจว เอกตฺตสโมสรณวเสน จ เอกเมว สติปฎฺฐานํ อารมฺมณวเสน จตฺตาโรติ เอตเทว วุตฺตํฯ ยถา หิ จตุทฺวาเร นคเร ปาจีนโต อาคจฺฉนฺตา ปาจีนทิสาย อุฎฺฐานกํ ภณฺฑํ คเหตฺวา ปาจีนทฺวาเรน นครเมว ปวิสนฺติ, ทกฺขิณโต, ปจฺฉิมโต, อุตฺตรโต อาคจฺฉนฺตา อุตฺตรทิสาย อุฎฺฐานกํ ภณฺฑํ คเหตฺวา อุตฺตรทฺวาเรน นครเมว ปวิสนฺติ, เอวํ สมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํฯ นครํ วิย หิ นิพฺพานมหานครํ, ทฺวารํ วิย อฎฺฐงฺคิโก โลกุตฺตรมโคฺคฯ ปาจีนทิสาทโย วิย กายาทโยฯ

    Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘saraṇavasena ceva ekattasamosaraṇavasena ca ekameva satipaṭṭhānaṃ ārammaṇavasena cattāroti etadeva vuttaṃ. Yathā hi catudvāre nagare pācīnato āgacchantā pācīnadisāya uṭṭhānakaṃ bhaṇḍaṃ gahetvā pācīnadvārena nagarameva pavisanti, dakkhiṇato, pacchimato, uttarato āgacchantā uttaradisāya uṭṭhānakaṃ bhaṇḍaṃ gahetvā uttaradvārena nagarameva pavisanti, evaṃ sampadamidaṃ veditabbaṃ. Nagaraṃ viya hi nibbānamahānagaraṃ, dvāraṃ viya aṭṭhaṅgiko lokuttaramaggo. Pācīnadisādayo viya kāyādayo.

    ยถา ปาจีนโต อาคจฺฉนฺตา ปาจีนทิสาย อุฎฺฐานกํ ภณฺฑํ คเหตฺวา ปาจีนทฺวาเรน นครเมว ปวิสนฺติ, เอวํ กายานุปสฺสนามุเขน อาคจฺฉนฺตา จุทฺทสวิเธน กายานุปสฺสนํ ภาเวตฺวา กายานุปสฺสนาภาวนานุภาวนิพฺพเตฺตน อริยมเคฺคน เอกํ นิพฺพานเมว โอสรนฺติฯ ยถา ทกฺขิณโต อาคจฺฉนฺตา ทกฺขิณทิสาย อุฎฺฐานกํ ภณฺฑํ คเหตฺวา ทกฺขิณทฺวาเรน นครเมว ปวิสนฺติ, เอวํ เวทนานุปสฺสนามุเขน อาคจฺฉนฺตา นววิเธน เวทนานุปสฺสนํ ภาเวตฺวา เวทนานุปสฺสนาภาวนานุภาวนิพฺพเตฺตน อริยมเคฺคน เอกํ นิพฺพานเมว โอสรนฺติฯ ยถา ปจฺฉิมโต อาคจฺฉนฺตา ปจฺฉิมทิสาย อุฎฺฐานกํ ภณฺฑํ คเหตฺวา ปจฺฉิมทฺวาเรน นครเมว ปวิสนฺติ, เอวํ จิตฺตานุปสฺสนามุเขน อาคจฺฉนฺตา โสฬสวิเธน จิตฺตานุปสฺสนํ ภาเวตฺวา จิตฺตานุปสฺสนาภาวนานุภาวนิพฺพเตฺตน อริยมเคฺคน เอกํ นิพฺพานเมว โอสรนฺติฯ ยถา อุตฺตรโต อาคจฺฉนฺตา อุตฺตรทิสาย อุฎฺฐานกํ ภณฺฑํ คเหตฺวา อุตฺตรทฺวาเรน นครเมว ปวิสนฺติ, เอวํ ธมฺมานุปสฺสนามุเขน อาคจฺฉนฺตา ปญฺจวิเธน ธมฺมานุปสฺสนํ ภาเวตฺวา ธมฺมานุปสฺสนาภาวนานุภาวนิพฺพเตฺตน อริยมเคฺคน เอกํ นิพฺพานเมว โอสรนฺตีติฯ เอวํ สรณวเสน เจว เอกตฺตสโมสรณวเสน จ เอกเมว สติปฎฺฐานํ อารมฺมณวเสน จตฺตาโรติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ

    Yathā pācīnato āgacchantā pācīnadisāya uṭṭhānakaṃ bhaṇḍaṃ gahetvā pācīnadvārena nagarameva pavisanti, evaṃ kāyānupassanāmukhena āgacchantā cuddasavidhena kāyānupassanaṃ bhāvetvā kāyānupassanābhāvanānubhāvanibbattena ariyamaggena ekaṃ nibbānameva osaranti. Yathā dakkhiṇato āgacchantā dakkhiṇadisāya uṭṭhānakaṃ bhaṇḍaṃ gahetvā dakkhiṇadvārena nagarameva pavisanti, evaṃ vedanānupassanāmukhena āgacchantā navavidhena vedanānupassanaṃ bhāvetvā vedanānupassanābhāvanānubhāvanibbattena ariyamaggena ekaṃ nibbānameva osaranti. Yathā pacchimato āgacchantā pacchimadisāya uṭṭhānakaṃ bhaṇḍaṃ gahetvā pacchimadvārena nagarameva pavisanti, evaṃ cittānupassanāmukhena āgacchantā soḷasavidhena cittānupassanaṃ bhāvetvā cittānupassanābhāvanānubhāvanibbattena ariyamaggena ekaṃ nibbānameva osaranti. Yathā uttarato āgacchantā uttaradisāya uṭṭhānakaṃ bhaṇḍaṃ gahetvā uttaradvārena nagarameva pavisanti, evaṃ dhammānupassanāmukhena āgacchantā pañcavidhena dhammānupassanaṃ bhāvetvā dhammānupassanābhāvanānubhāvanibbattena ariyamaggena ekaṃ nibbānameva osarantīti. Evaṃ saraṇavasena ceva ekattasamosaraṇavasena ca ekameva satipaṭṭhānaṃ ārammaṇavasena cattāroti vuttāti veditabbā.

    อิธ ภิกฺขูติ เอตฺถ กิญฺจาปิ ภควตา เทวโลเก นิสีทิตฺวา อยํ สติปฎฺฐานวิภโงฺค กถิโต, เอกภิกฺขุปิ ตตฺถ ภควโต สนฺติเก นิสินฺนโก นาม นตฺถิฯ เอวํ สเนฺตปิ ยสฺมา อิเม จตฺตาโร สติปฎฺฐาเน ภิกฺขู ภาเวนฺติ, ภิกฺขุโคจรา หิ เอเต, ตสฺมา อิธ ภิกฺขูติ อาลปติฯ กิํ ปเนเต สติปฎฺฐาเน ภิกฺขูเยว ภาเวนฺติ, น ภิกฺขุนีอาทโยติ? ภิกฺขุนีอาทโยปิ ภาเวนฺติฯ ภิกฺขู ปน อคฺคปริสาฯ อิติ อคฺคปริสตฺตา อิธ ภิกฺขูติ อาลปติฯ ปฎิปตฺติยา วา ภิกฺขุภาวทสฺสนโต เอวมาหฯ โย หิ อิมํ ปฎิปตฺติํ ปฎิปชฺชติ, โส ภิกฺขุ นาม โหติฯ ปฎิปนฺนโก หิ เทโว วา โหตุ มนุโสฺส วา, ภิกฺขูติ สงฺขํ คจฺฉติเยวฯ ยถาห –

    Idha bhikkhūti ettha kiñcāpi bhagavatā devaloke nisīditvā ayaṃ satipaṭṭhānavibhaṅgo kathito, ekabhikkhupi tattha bhagavato santike nisinnako nāma natthi. Evaṃ santepi yasmā ime cattāro satipaṭṭhāne bhikkhū bhāventi, bhikkhugocarā hi ete, tasmā idha bhikkhūti ālapati. Kiṃ panete satipaṭṭhāne bhikkhūyeva bhāventi, na bhikkhunīādayoti? Bhikkhunīādayopi bhāventi. Bhikkhū pana aggaparisā. Iti aggaparisattā idha bhikkhūti ālapati. Paṭipattiyā vā bhikkhubhāvadassanato evamāha. Yo hi imaṃ paṭipattiṃ paṭipajjati, so bhikkhu nāma hoti. Paṭipannako hi devo vā hotu manusso vā, bhikkhūti saṅkhaṃ gacchatiyeva. Yathāha –

    ‘‘อลงฺกโต เจปิ สมญฺจเรยฺย,

    ‘‘Alaṅkato cepi samañcareyya,

    สโนฺต ทโนฺต นิยโต พฺรหฺมจารี;

    Santo danto niyato brahmacārī;

    สเพฺพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ,

    Sabbesu bhūtesu nidhāya daṇḍaṃ,

    โส พฺราหฺมโณ โส สมโณ ส ภิกฺขู’’ติฯ (ธ. ป. ๑๔๒);

    So brāhmaṇo so samaṇo sa bhikkhū’’ti. (dha. pa. 142);

    กายานุปสฺสนาอุเทฺทสวณฺณนา

    Kāyānupassanāuddesavaṇṇanā

    อชฺฌตฺตนฺติ นิยกชฺฌตฺตํ อธิเปฺปตํฯ ตสฺมา อชฺฌตฺตํ กาเยติ อตฺตโน กาเยติ อโตฺถฯ ตตฺถ กาเยติ รูปกาเยฯ รูปกาโย หิ อิธ องฺคปจฺจงฺคานํ เกสาทีนญฺจ ธมฺมานํ สมูหเฎฺฐน, หตฺถิกายอสฺสกายรถกายาทโย วิย, กาโยติ อธิเปฺปโตฯ ยถา จ สมูหเฎฺฐน เอวํ กุจฺฉิตานํ อายเฎฺฐนฯ กุจฺฉิตานญฺหิ ปรมเชคุจฺฉานํ โส อาโยติปิ กาโยฯ อาโยติ อุปฺปตฺติเทโสฯ ตตฺรายํ วจนโตฺถ – อายนฺติ ตโตติ อาโยฯ เก อายนฺติ? กุจฺฉิตา เกสาทโยฯ อิติ กุจฺฉิตานํ เกสาทีนํ อาโยติ กาโยฯ

    Ajjhattanti niyakajjhattaṃ adhippetaṃ. Tasmā ajjhattaṃ kāyeti attano kāyeti attho. Tattha kāyeti rūpakāye. Rūpakāyo hi idha aṅgapaccaṅgānaṃ kesādīnañca dhammānaṃ samūhaṭṭhena, hatthikāyaassakāyarathakāyādayo viya, kāyoti adhippeto. Yathā ca samūhaṭṭhena evaṃ kucchitānaṃ āyaṭṭhena. Kucchitānañhi paramajegucchānaṃ so āyotipi kāyo. Āyoti uppattideso. Tatrāyaṃ vacanattho – āyanti tatoti āyo. Ke āyanti? Kucchitā kesādayo. Iti kucchitānaṃ kesādīnaṃ āyoti kāyo.

    กายานุปสฺสีติ กายํ อนุปสฺสนสีโล, กายํ วา อนุปสฺสมาโน กาเยติ จ วตฺวาปิ ปุน กายานุปสฺสีติ ทุติยํ กายคฺคหณํ อสมฺมิสฺสโต ววตฺถานฆนวินิโพฺภคาทิทสฺสนตฺถํ กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เตน น กาเย เวทนานุปสฺสี จิตฺตธมฺมานุปสฺสี วา; อถ โข กาเย กายานุปสฺสี เยวาติ กายสงฺขาเต วตฺถุสฺมิํ กายานุปสฺสนาการเสฺสว ทสฺสเนน อสมฺมิสฺสโต ววตฺถานํ ทสฺสิตํ โหติฯ ตถา น กาเย องฺคปจฺจงฺควินิมุตฺตเอกธมฺมานุปสฺสี, นาปิ เกสโลมาทิวินิมุตฺตอิตฺถิปุริสานุปสฺสีฯ โยปิ เจตฺถ เกสโลมาทิโก ภูตุปาทายสมูหสงฺขาโต กาโย, ตตฺถาปิ น ภูตุปาทายวินิมุตฺตเอกธมฺมานุปสฺสี; อถ โข รถสมฺภารานุปสฺสโก วิย องฺคปจฺจงฺคสมูหานุปสฺสี, นคราวยวานุปสฺสโก วิย เกสโลมาทิสมูหานุปสฺสี, กทลิกฺขนฺธปตฺตวฎฺฎิวินิภุญฺชโก วิย ริตฺตมุฎฺฐิวินิเวฐโก วิย จ ภูตุปาทายสมูหานุปสฺสีเยวาติ นานปฺปการโต สมูหวเสน กายสงฺขาตสฺส วตฺถุโน ทสฺสเนน ฆนวินิโพฺภโค ทสฺสิโต โหติฯ น เหตฺถ ยถาวุตฺตสมูหวินิมุโตฺต กาโย วา อิตฺถี วา ปุริโส วา อโญฺญ วา โกจิ ธโมฺม ทิสฺสติฯ ยถาวุตฺตธมฺมสมูหมเตฺตเยว ปน ตถา ตถา สตฺตา มิจฺฉาภินิเวสํ กโรนฺติฯ เตนาหุ โปราณา –

    Kāyānupassīti kāyaṃ anupassanasīlo, kāyaṃ vā anupassamāno kāyeti ca vatvāpi puna kāyānupassīti dutiyaṃ kāyaggahaṇaṃ asammissato vavatthānaghanavinibbhogādidassanatthaṃ katanti veditabbaṃ. Tena na kāye vedanānupassī cittadhammānupassī vā; atha kho kāye kāyānupassī yevāti kāyasaṅkhāte vatthusmiṃ kāyānupassanākārasseva dassanena asammissato vavatthānaṃ dassitaṃ hoti. Tathā na kāye aṅgapaccaṅgavinimuttaekadhammānupassī, nāpi kesalomādivinimuttaitthipurisānupassī. Yopi cettha kesalomādiko bhūtupādāyasamūhasaṅkhāto kāyo, tatthāpi na bhūtupādāyavinimuttaekadhammānupassī; atha kho rathasambhārānupassako viya aṅgapaccaṅgasamūhānupassī, nagarāvayavānupassako viya kesalomādisamūhānupassī, kadalikkhandhapattavaṭṭivinibhuñjako viya rittamuṭṭhiviniveṭhako viya ca bhūtupādāyasamūhānupassīyevāti nānappakārato samūhavasena kāyasaṅkhātassa vatthuno dassanena ghanavinibbhogo dassito hoti. Na hettha yathāvuttasamūhavinimutto kāyo vā itthī vā puriso vā añño vā koci dhammo dissati. Yathāvuttadhammasamūhamatteyeva pana tathā tathā sattā micchābhinivesaṃ karonti. Tenāhu porāṇā –

    ‘‘ยํ ปสฺสติ น ตํ ทิฎฺฐํ, ยํ ทิฎฺฐํ ตํ น ปสฺสติ;

    ‘‘Yaṃ passati na taṃ diṭṭhaṃ, yaṃ diṭṭhaṃ taṃ na passati;

    อปสฺสํ พชฺฌเต มูโฬฺห, พชฺฌมาโน น มุจฺจตี’’ติฯ

    Apassaṃ bajjhate mūḷho, bajjhamāno na muccatī’’ti.

    ฆนวินิโพฺภคาทิทสฺสนตฺถนฺติ วุตฺตํฯ อาทิสเทฺทน เจตฺถ อยมฺปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพ – อยญฺหิ เอตสฺมิํ กาเย กายานุปสฺสีเยว, น อญฺญธมฺมานุปสฺสีฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? ยถา อนุทกภูตายปิ มรีจิยา อุทกานุปสฺสิโน โหนฺติ, น เอวํ อนิจฺจทุกฺขานตฺตอสุภภูเตเยว อิมสฺมิํ กาเย นิจฺจสุขอตฺตสุภภาวานุปสฺสี; อถ โข กายานุปสฺสี อนิจฺจทุกฺขานตฺตอสุภาการสมูหานุปสฺสีเยวาติ วุตฺตํ โหติฯ อถ วา ยฺวายํ มหาสติปฎฺฐาเน ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรญฺญคโต วา…เป.… โส สโตว อสฺสสตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๗๔; ม. นิ. ๑.๑๐๗) นเยน อสฺสาสปสฺสาสาทิจุณฺณกชาตอฎฺฐิกปริโยสาโน กาโย วุโตฺต, โย จ ‘‘อิเธกโจฺจ ปถวีกายํ อนิจฺจโต อนุปสฺสติ, ตถา อาโปกายํ, เตโชกายํ, วาโยกายํ, เกสกายํ, โลมกายํ, ฉวิกายํ, จมฺมกายํ, มํสกายํ, รุธิรกายํ, นฺหารุกายํ, อฎฺฐิกายํ, อฎฺฐิมิญฺชกาย’’นฺติ ปฎิสมฺภิทายํ กาโย วุโตฺต, ตสฺส สพฺพสฺส อิมสฺมิํเยว กาเย อนุปสฺสนโต กาเย กายานุปสฺสีติ เอวมฺปิ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    Ghanavinibbhogādidassanatthanti vuttaṃ. Ādisaddena cettha ayampi attho veditabbo – ayañhi etasmiṃ kāye kāyānupassīyeva, na aññadhammānupassī. Kiṃ vuttaṃ hoti? Yathā anudakabhūtāyapi marīciyā udakānupassino honti, na evaṃ aniccadukkhānattaasubhabhūteyeva imasmiṃ kāye niccasukhaattasubhabhāvānupassī; atha kho kāyānupassī aniccadukkhānattaasubhākārasamūhānupassīyevāti vuttaṃ hoti. Atha vā yvāyaṃ mahāsatipaṭṭhāne ‘‘idha, bhikkhave, bhikkhu araññagato vā…pe… so satova assasatī’’tiādinā (dī. ni. 2.374; ma. ni. 1.107) nayena assāsapassāsādicuṇṇakajātaaṭṭhikapariyosāno kāyo vutto, yo ca ‘‘idhekacco pathavīkāyaṃ aniccato anupassati, tathā āpokāyaṃ, tejokāyaṃ, vāyokāyaṃ, kesakāyaṃ, lomakāyaṃ, chavikāyaṃ, cammakāyaṃ, maṃsakāyaṃ, rudhirakāyaṃ, nhārukāyaṃ, aṭṭhikāyaṃ, aṭṭhimiñjakāya’’nti paṭisambhidāyaṃ kāyo vutto, tassa sabbassa imasmiṃyeva kāye anupassanato kāye kāyānupassīti evampi attho daṭṭhabbo.

    อถ วา กาเย อหนฺติ วา มมนฺติ วา เอวํ คเหตพฺพสฺส กสฺสจิ อนนุปสฺสนโต, ตสฺส ตเสฺสว ปน เกสโลมาทิกสฺส นานาธมฺมสมูหสฺส อนุปสฺสนโต กาเย เกสาทิธมฺมสมูหสงฺขาเต กายานุปสฺสีติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อปิจ ‘‘อิมสฺมิํ กาเย อนิจฺจโต อนุปสฺสติ, โน นิจฺจโต’’ติอาทินา (ปฎิ. ม. ๓.๓๕) อนุกฺกเมน ปฎิสมฺภิทายํ อาคตนยสฺส สพฺพเสฺสว อนิจฺจลกฺขณาทิโน อาการสมูหสงฺขาตสฺส กายสฺส อนุปสฺสนโตปิ กาเย กายานุปสฺสีติ เอวมฺปิ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    Atha vā kāye ahanti vā mamanti vā evaṃ gahetabbassa kassaci ananupassanato, tassa tasseva pana kesalomādikassa nānādhammasamūhassa anupassanato kāye kesādidhammasamūhasaṅkhāte kāyānupassīti evamattho daṭṭhabbo. Apica ‘‘imasmiṃ kāye aniccato anupassati, no niccato’’tiādinā (paṭi. ma. 3.35) anukkamena paṭisambhidāyaṃ āgatanayassa sabbasseva aniccalakkhaṇādino ākārasamūhasaṅkhātassa kāyassa anupassanatopi kāye kāyānupassīti evampi attho daṭṭhabbo.

    ตถา หิ อยํ กาเย กายานุปสฺสนาปฎิปทํ ปฎิปโนฺน ภิกฺขุ อิมํ กายํ อนิจฺจานุปสฺสนาทีนํ สตฺตนฺนํ อนุปสฺสนานํ วเสน อนิจฺจโต อนุปสฺสติ โน นิจฺจโต, ทุกฺขโต อนุปสฺสติ โน สุขโต, อนตฺตโต อนุปสฺสติ โน อตฺตโต, นิพฺพินฺทติ โน นนฺทติ, วิรชฺชติ โน รชฺชติ, นิโรเธติ โน สมุเทติ, ปฎินิสฺสชฺชติ โน อาทิยติฯ โส ตํ อนิจฺจโต อนุปสฺสโนฺต นิจฺจสญฺญํ ปชหติ, ทุกฺขโต อนุปสฺสโนฺต สุขสญฺญํ ปชหติ, อนตฺตโต อนุปสฺสโนฺต อตฺตสญฺญํ ปชหติ , นิพฺพินฺทโนฺต นนฺทิํ ปชหติ, วิรชฺชโนฺต ราคํ ปชหติ, นิโรเธโนฺต สมุทยํ ปชหติ, ปฎินิสฺสชฺชโนฺต อาทานํ ปชหตีติ (ปฎิ. ม. ๓.๓๕) เวทิตโพฺพฯ

    Tathā hi ayaṃ kāye kāyānupassanāpaṭipadaṃ paṭipanno bhikkhu imaṃ kāyaṃ aniccānupassanādīnaṃ sattannaṃ anupassanānaṃ vasena aniccato anupassati no niccato, dukkhato anupassati no sukhato, anattato anupassati no attato, nibbindati no nandati, virajjati no rajjati, nirodheti no samudeti, paṭinissajjati no ādiyati. So taṃ aniccato anupassanto niccasaññaṃ pajahati, dukkhato anupassanto sukhasaññaṃ pajahati, anattato anupassanto attasaññaṃ pajahati , nibbindanto nandiṃ pajahati, virajjanto rāgaṃ pajahati, nirodhento samudayaṃ pajahati, paṭinissajjanto ādānaṃ pajahatīti (paṭi. ma. 3.35) veditabbo.

    วิหรตีติ จตูสุ อิริยาปถวิหาเรสุ อญฺญตรวิหารสมาโยคปริทีปนเมตํ, เอกํ อิริยาปถพาธนํ อปเรน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปตมานํ อตฺตภาวํ หรติ ปวเตฺตตีติ อโตฺถฯ

    Viharatīti catūsu iriyāpathavihāresu aññataravihārasamāyogaparidīpanametaṃ, ekaṃ iriyāpathabādhanaṃ aparena iriyāpathena vicchinditvā apatamānaṃ attabhāvaṃ harati pavattetīti attho.

    พหิทฺธา กาเยติ ปรสฺส กาเยฯ อชฺฌตฺตพหิทฺธา กาเยติ กาเลน อตฺตโน กาเย, กาเลน ปรสฺส กาเยฯ ปฐมนเยน หิ อตฺตโน กาเย กายปริคฺคโห วุโตฺต, ทุติยนเยน ปรสฺส กาเย, ตติยนเยน กาเลน อตฺตโน กาเลน ปรสฺส กาเยฯ อชฺฌตฺตพหิทฺธา ปน ฆฎิตารมฺมณํ นาม นตฺถิฯ ปคุณกมฺมฎฺฐานสฺส ปน อปราปรํ สญฺจรณกาโล เอตฺถ กถิโตฯ อาตาปีติ กายปริคฺคาหกวีริยสมาโยคปริทีปนเมตํฯ โส หิ ยสฺมา ตสฺมิํ สมเย ยํ ตํ วีริยํ ตีสุ ภเวสุ กิเลสานํ อาตาปนโต อาตาโปติ วุจฺจติ, เตน สมนฺนาคโต โหติ, ตสฺมา อาตาปีติ วุจฺจติฯ

    Bahiddhākāyeti parassa kāye. Ajjhattabahiddhā kāyeti kālena attano kāye, kālena parassa kāye. Paṭhamanayena hi attano kāye kāyapariggaho vutto, dutiyanayena parassa kāye, tatiyanayena kālena attano kālena parassa kāye. Ajjhattabahiddhā pana ghaṭitārammaṇaṃ nāma natthi. Paguṇakammaṭṭhānassa pana aparāparaṃ sañcaraṇakālo ettha kathito. Ātāpīti kāyapariggāhakavīriyasamāyogaparidīpanametaṃ. So hi yasmā tasmiṃ samaye yaṃ taṃ vīriyaṃ tīsu bhavesu kilesānaṃ ātāpanato ātāpoti vuccati, tena samannāgato hoti, tasmā ātāpīti vuccati.

    สมฺปชาโนติ กายปริคฺคาหเกน สมฺปชญฺญสงฺขาเตน ญาเณน สมนฺนาคโตฯ สติมาติ กายปริคฺคาหิกาย สติยา สมนฺนาคโตฯ อยํ ปน ยสฺมา สติยา อารมฺมณํ ปริคฺคเหตฺวา ปญฺญาย อนุปสฺสติ, น หิ สติวิรหิตสฺส อนุปสฺสนา นาม อตฺถิ, เตเนวาห – ‘‘สติญฺจ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพตฺถิกํ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔), ตสฺมา เอตฺถ ‘‘กาเย กายานุปสฺสี วิหรตี’’ติ เอตฺตาวตา กายานุปสฺสนาสติปฎฺฐานกมฺมฎฺฐานํ วุตฺตํ โหติฯ อถ วา ยสฺมา อนาตาปิโน อโนฺตสเงฺขโป อนฺตรายกโร โหติ, อสมฺปชาโน อุปายปริคฺคเห อนุปายปริวชฺชเน จ สมฺมุยฺหติ, มุฎฺฐสฺสตี อุปายาปริจฺจาเค อนุปายาปริคฺคเห จ อสมโตฺถว โหติ, เตนสฺส ตํ กมฺมฎฺฐานํ น สมฺปชฺชติ; ตสฺมา เยสํ ธมฺมานํ อานุภาเวน ตํ สมฺปชฺชติ เตสํ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อาตาปี สมฺปชาโน สติมา’’ติ อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Sampajānoti kāyapariggāhakena sampajaññasaṅkhātena ñāṇena samannāgato. Satimāti kāyapariggāhikāya satiyā samannāgato. Ayaṃ pana yasmā satiyā ārammaṇaṃ pariggahetvā paññāya anupassati, na hi sativirahitassa anupassanā nāma atthi, tenevāha – ‘‘satiñca khvāhaṃ, bhikkhave, sabbatthikaṃ vadāmī’’ti (saṃ. ni. 5.234), tasmā ettha ‘‘kāye kāyānupassī viharatī’’ti ettāvatā kāyānupassanāsatipaṭṭhānakammaṭṭhānaṃ vuttaṃ hoti. Atha vā yasmā anātāpino antosaṅkhepo antarāyakaro hoti, asampajāno upāyapariggahe anupāyaparivajjane ca sammuyhati, muṭṭhassatī upāyāpariccāge anupāyāpariggahe ca asamatthova hoti, tenassa taṃ kammaṭṭhānaṃ na sampajjati; tasmā yesaṃ dhammānaṃ ānubhāvena taṃ sampajjati tesaṃ dassanatthaṃ ‘‘ātāpī sampajāno satimā’’ti idaṃ vuttanti veditabbaṃ.

    อิติ กายานุปสฺสนาสติปฎฺฐานํ สมฺปโยคงฺคญฺจ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ปหานงฺคํ ทเสฺสตุํ วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสนฺติ วุตฺตํฯ ตตฺถ วิเนยฺยาติ ตทงฺควินเยน วา วิกฺขมฺภนวินเยน วา วินยิตฺวาฯ โลเกติ เอตฺถ ยฺวายํ อชฺฌตฺตาทิเภโท กาโย ปริคฺคหิโต เสฺวว อิธ โลโก นามฯ ตสฺมิํ โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ วินยิตฺวาติ อโตฺถฯ ยสฺมา ปเนตฺถ อภิชฺฌาคหเณน กามจฺฉโนฺท, โทมนสฺสคฺคหเณน พฺยาปาโท สงฺคหํ คจฺฉติ, ตสฺมา นีวรณปริยาปนฺนพลวธมฺมทฺวยทสฺสเนน นีวรณปฺปหานํ วุตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺพํฯ

    Iti kāyānupassanāsatipaṭṭhānaṃ sampayogaṅgañca dassetvā idāni pahānaṅgaṃ dassetuṃ vineyya loke abhijjhādomanassanti vuttaṃ. Tattha vineyyāti tadaṅgavinayena vā vikkhambhanavinayena vā vinayitvā. Loketi ettha yvāyaṃ ajjhattādibhedo kāyo pariggahito sveva idha loko nāma. Tasmiṃ loke abhijjhādomanassaṃ vinayitvāti attho. Yasmā panettha abhijjhāgahaṇena kāmacchando, domanassaggahaṇena byāpādo saṅgahaṃ gacchati, tasmā nīvaraṇapariyāpannabalavadhammadvayadassanena nīvaraṇappahānaṃ vuttaṃ hotīti veditabbaṃ.

    วิเสเสน เจตฺถ อภิชฺฌาวินเยน กายสมฺปตฺติมูลกสฺส อนุโรธสฺส, โทมนสฺสวินเยน กายวิปตฺติมูลกสฺส วิโรธสฺส, อภิชฺฌาวินเยน จ กาเย อภิรติยา, โทมนสฺสวินเยน กายภาวนาย อนภิรติยา, อภิชฺฌาวินเยน กาเย อภูตานํ สุภสุขภาวาทีนํ ปเกฺขปสฺส, โทมนสฺสวินเยน กาเย ภูตานํ อสุภาสุขภาวาทีนํ อปนยนสฺส จ ปหานํ วุตฺตํฯ เตน โยคาวจรสฺส โยคานุภาโว โยคสมตฺถตา จ ทีปิตา โหติฯ โยคานุภาโว หิ เอส ยทิทํ อนุโรธวิโรธวิปฺปมุโตฺต, อรติรติสโห, อภูตปเกฺขปภูตาปนยนวิรหิโต จ โหติฯ อนุโรธวิโรธวิปฺปมุโตฺต เจส อรติรติสโห อภูตํ อปกฺขิปโนฺต ภูตญฺจ อนปเนโนฺต โยคสมโตฺถ โหตีติฯ

    Visesena cettha abhijjhāvinayena kāyasampattimūlakassa anurodhassa, domanassavinayena kāyavipattimūlakassa virodhassa, abhijjhāvinayena ca kāye abhiratiyā, domanassavinayena kāyabhāvanāya anabhiratiyā, abhijjhāvinayena kāye abhūtānaṃ subhasukhabhāvādīnaṃ pakkhepassa, domanassavinayena kāye bhūtānaṃ asubhāsukhabhāvādīnaṃ apanayanassa ca pahānaṃ vuttaṃ. Tena yogāvacarassa yogānubhāvo yogasamatthatā ca dīpitā hoti. Yogānubhāvo hi esa yadidaṃ anurodhavirodhavippamutto, aratiratisaho, abhūtapakkhepabhūtāpanayanavirahito ca hoti. Anurodhavirodhavippamutto cesa aratiratisaho abhūtaṃ apakkhipanto bhūtañca anapanento yogasamattho hotīti.

    อปโร นโย – ‘‘กาเย กายานุปสฺสี’’ติ เอตฺถ อนุปสฺสนาย กมฺมฎฺฐานํ วุตฺตํฯ วิหรตีติ เอตฺถ วุตฺตวิหาเรน กมฺมฎฺฐานิกสฺส กายปริหรณํฯ อาตาปีติอาทีสุ อาตาเปน สมฺมปฺปธานํ, สติสมฺปชเญฺญน สพฺพตฺถิกกมฺมฎฺฐานํ, กมฺมฎฺฐานปริหรณูปาโย วา; สติยา วา กายานุปสฺสนาวเสน ปฎิลทฺธสมโถ, สมฺปชเญฺญน วิปสฺสนา , อภิชฺฌาโทมนสฺสวินเยน ภาวนาผลํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อยํ ตาว กายานุปสฺสนาสติปฎฺฐานุเทฺทสสฺส อตฺถวณฺณนาฯ

    Aparo nayo – ‘‘kāye kāyānupassī’’ti ettha anupassanāya kammaṭṭhānaṃ vuttaṃ. Viharatīti ettha vuttavihārena kammaṭṭhānikassa kāyapariharaṇaṃ. Ātāpītiādīsu ātāpena sammappadhānaṃ, satisampajaññena sabbatthikakammaṭṭhānaṃ, kammaṭṭhānapariharaṇūpāyo vā; satiyā vā kāyānupassanāvasena paṭiladdhasamatho, sampajaññena vipassanā , abhijjhādomanassavinayena bhāvanāphalaṃ vuttanti veditabbaṃ. Ayaṃ tāva kāyānupassanāsatipaṭṭhānuddesassa atthavaṇṇanā.

    เวทนานุปสฺสนาทิอุเทฺทสวณฺณนา

    Vedanānupassanādiuddesavaṇṇanā

    เวทนานุปสฺสนาสติปฎฺฐานุเทฺทสาทีสุปิ อชฺฌตฺตาทีนิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิฯ เอเตสุปิ หิ อตฺตโน เวทนาทีสุ, ปรสฺส เวทนาทีสุ, กาเลน อตฺตโน กาเลน ปรสฺส เวทนาทีสูติ ติวิโธ ปริคฺคโห วุโตฺตฯ เวทนาสุ เวทนานุปสฺสีติอาทีสุ จ เวทนาทีนํ ปุนวจเน ปโยชนํ กายานุปสฺสนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี, จิเตฺต จิตฺตานุปสฺสี, ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสีติ เอตฺถ ปน เวทนาติ ติโสฺส เวทนาฯ ตา จ โลกิยา เอว; จิตฺตมฺปิ โลกิยํ, ตถา ธมฺมาฯ เตสํ วิภาโค นิเทฺทสวาเร ปากโฎ ภวิสฺสติฯ เกวลํ ปนิธ ยถา เวทนา อนุปสฺสิตพฺพา ตถา อนุปสฺสโนฺต ‘‘เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี’’ติ เวทิตโพฺพฯ เอส นโย จิตฺตธเมฺมสุฯ กถญฺจ เวทนา อนุปสฺสิตพฺพาติ? สุขา ตาว เวทนา ทุกฺขโต, ทุกฺขา สลฺลโต, อทุกฺขมสุขา อนิจฺจโตฯ ยถาห –

    Vedanānupassanāsatipaṭṭhānuddesādīsupi ajjhattādīni vuttanayeneva veditabbāni. Etesupi hi attano vedanādīsu, parassa vedanādīsu, kālena attano kālena parassa vedanādīsūti tividho pariggaho vutto. Vedanāsu vedanānupassītiādīsu ca vedanādīnaṃ punavacane payojanaṃ kāyānupassanāyaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ. Vedanāsu vedanānupassī, citte cittānupassī, dhammesu dhammānupassīti ettha pana vedanāti tisso vedanā. Tā ca lokiyā eva; cittampi lokiyaṃ, tathā dhammā. Tesaṃ vibhāgo niddesavāre pākaṭo bhavissati. Kevalaṃ panidha yathā vedanā anupassitabbā tathā anupassanto ‘‘vedanāsu vedanānupassī’’ti veditabbo. Esa nayo cittadhammesu. Kathañca vedanā anupassitabbāti? Sukhā tāva vedanā dukkhato, dukkhā sallato, adukkhamasukhā aniccato. Yathāha –

    ‘‘โย สุขํ ทุกฺขโต อทฺท, ทุกฺขมทฺทกฺขิ สลฺลโต;

    ‘‘Yo sukhaṃ dukkhato adda, dukkhamaddakkhi sallato;

    อทุกฺขมสุขํ สนฺตํ, อทฺทกฺขิ นํ อนิจฺจโต;

    Adukkhamasukhaṃ santaṃ, addakkhi naṃ aniccato;

    ส เว สมฺมทโส ภิกฺขุ, อุปสโนฺต จริสฺสตี’’ติฯ (สํ. นิ. ๔.๒๕๓);

    Sa ve sammadaso bhikkhu, upasanto carissatī’’ti. (saṃ. ni. 4.253);

    สพฺพา เอว เจตา ทุกฺขาติปิ อนุปสฺสิตพฺพาฯ วุตฺตเญฺจตํ – ‘‘ยํ กิญฺจิ เวทยิตํ ตํ ทุกฺขสฺมินฺติ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๕๙)ฯ สุขทุกฺขโตปิ จ อนุปสฺสิตพฺพา, ยถาห – ‘‘สุขา โข, อาวุโส วิสาข, เวทนา ฐิติสุขา, วิปริณามทุกฺขา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕) สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํฯ อปิจ อนิจฺจาทิสตฺตานุปสฺสนาวเสนปิ (ปฎิ. ม. ๓.๓๕) อนุปสฺสิตพฺพาฯ เสสํ นิเทฺทสวาเรเยว ปากฎํ ภวิสฺสติฯ

    Sabbā eva cetā dukkhātipi anupassitabbā. Vuttañcetaṃ – ‘‘yaṃ kiñci vedayitaṃ taṃ dukkhasminti vadāmī’’ti (saṃ. ni. 4.259). Sukhadukkhatopi ca anupassitabbā, yathāha – ‘‘sukhā kho, āvuso visākha, vedanā ṭhitisukhā, vipariṇāmadukkhā’’ti (ma. ni. 1.465) sabbaṃ vitthāretabbaṃ. Apica aniccādisattānupassanāvasenapi (paṭi. ma. 3.35) anupassitabbā. Sesaṃ niddesavāreyeva pākaṭaṃ bhavissati.

    จิตฺตธเมฺมสุปิ จิตฺตํ ตาว อารมฺมณาธิปติสหชาตภูมิกมฺมวิปากกิริยาทินานตฺตเภทานํ อนิจฺจาทินุปสฺสนานํ นิเทฺทสวาเร อาคตสราคาทิเภทานญฺจ วเสน อนุปสฺสิตพฺพํฯ ธมฺมา สลกฺขณสามญฺญลกฺขณานํ สุญฺญตาธมฺมสฺส อนิจฺจาทิสตฺตานุปสฺสนานํ นิเทฺทสวาเร อาคตสนฺตาสนฺตาทิเภทานญฺจ วเสน อนุปสฺสิตพฺพาฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ กามเญฺจตฺถ ยสฺส กายสงฺขาเต โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ ปหีนํ, ตสฺส เวทนาทิโลเกสุปิ ตํ ปหีนเมวฯ นานาปุคฺคลวเสน ปน นานาจิตฺตกฺขณิกสติปฎฺฐานภาวนาวเสน จ สพฺพตฺถ วุตฺตํฯ ยโต วา เอกตฺถ ปหีนํ, เสเสสุปิ ปหีนํ โหติฯ เตเนวสฺส ตตฺถ ปหานทสฺสนตฺถมฺปิ เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพนฺติฯ

    Cittadhammesupi cittaṃ tāva ārammaṇādhipatisahajātabhūmikammavipākakiriyādinānattabhedānaṃ aniccādinupassanānaṃ niddesavāre āgatasarāgādibhedānañca vasena anupassitabbaṃ. Dhammā salakkhaṇasāmaññalakkhaṇānaṃ suññatādhammassa aniccādisattānupassanānaṃ niddesavāre āgatasantāsantādibhedānañca vasena anupassitabbā. Sesaṃ vuttanayameva. Kāmañcettha yassa kāyasaṅkhāte loke abhijjhādomanassaṃ pahīnaṃ, tassa vedanādilokesupi taṃ pahīnameva. Nānāpuggalavasena pana nānācittakkhaṇikasatipaṭṭhānabhāvanāvasena ca sabbattha vuttaṃ. Yato vā ekattha pahīnaṃ, sesesupi pahīnaṃ hoti. Tenevassa tattha pahānadassanatthampi evaṃ vuttanti veditabbanti.

    อุเทฺทสวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Uddesavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    กายานุปสฺสนานิเทฺทสวณฺณนา

    Kāyānupassanāniddesavaṇṇanā

    ๓๕๖. อิทานิ เสยฺยถาปิ นาม เฉโก วิลีวการโก ถูลกิลญฺชสณฺหกิลญฺชจโงฺกฎกเปฬาปุฎาทีนิ อุปกรณานิ กตฺตุกาโม เอกํ มหาเวฬุํ ลภิตฺวา จตุธา ฉินฺทิตฺวา ตโต เอเกกํ เวฬุขณฺฑํ คเหตฺวา ผาเลตฺวา ตํ ตํ อุปกรณํ กเรยฺย, ยถา วา ปน เฉโก สุวณฺณกาโร นานาวิหิตํ ปิฬนฺธนวิกติํ กตฺตุกาโม สุปริสุทฺธํ สุวณฺณฆฎิกํ ลภิตฺวา จตุธา ภินฺทิตฺวา ตโต เอเกกํ โกฎฺฐาสํ คเหตฺวา ตํ ตํ ปิฬนฺธนํ กเรยฺย, เอวเมว ภควา สติปฎฺฐานเทสนาย สตฺตานํ อเนกปฺปการํ วิเสสาธิคมํ กตฺตุกาโม เอกเมว สมฺมาสติํ ‘‘จตฺตาโร สติปฎฺฐานา – อิธ ภิกฺขุ อชฺฌตฺตํ กาเย กายานุปสฺสี วิหรตี’’ติอาทินา นเยน อารมฺมณวเสน จตุธา ภินฺทิตฺวา ตโต เอเกกํ สติปฎฺฐานํ คเหตฺวา วิภชโนฺต กถญฺจ ภิกฺขุ อชฺฌตฺตํ กาเยติอาทินา นเยน นิเทฺทสวารํ วตฺตุมารโทฺธฯ

    356. Idāni seyyathāpi nāma cheko vilīvakārako thūlakilañjasaṇhakilañjacaṅkoṭakapeḷāpuṭādīni upakaraṇāni kattukāmo ekaṃ mahāveḷuṃ labhitvā catudhā chinditvā tato ekekaṃ veḷukhaṇḍaṃ gahetvā phāletvā taṃ taṃ upakaraṇaṃ kareyya, yathā vā pana cheko suvaṇṇakāro nānāvihitaṃ piḷandhanavikatiṃ kattukāmo suparisuddhaṃ suvaṇṇaghaṭikaṃ labhitvā catudhā bhinditvā tato ekekaṃ koṭṭhāsaṃ gahetvā taṃ taṃ piḷandhanaṃ kareyya, evameva bhagavā satipaṭṭhānadesanāya sattānaṃ anekappakāraṃ visesādhigamaṃ kattukāmo ekameva sammāsatiṃ ‘‘cattāro satipaṭṭhānā – idha bhikkhu ajjhattaṃ kāye kāyānupassī viharatī’’tiādinā nayena ārammaṇavasena catudhā bhinditvā tato ekekaṃ satipaṭṭhānaṃ gahetvā vibhajanto kathañca bhikkhu ajjhattaṃ kāyetiādinā nayena niddesavāraṃ vattumāraddho.

    ตตฺถ กถญฺจาติอาทิ วิตฺถาเรตุํ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาฯ อยํ ปเนตฺถ สเงฺขปโตฺถ – เกน จ อากาเรน เกน ปกาเรน ภิกฺขุ อชฺฌตฺตํ กาเย กายานุปสฺสี วิหรตีติ? เสสปุจฺฉาวาเรสุปิ เอเสว นโยฯ อิธ ภิกฺขูติ อิมสฺมิํ สาสเน ภิกฺขุฯ อยเญฺหตฺถ อิธ-สโทฺท อชฺฌตฺตาทิวเสน สพฺพปฺปการกายานุปสฺสนานิพฺพตฺตกสฺส ปุคฺคลสฺส สนฺนิสฺสยภูตสาสนปริทีปโน อญฺญสาสนสฺส ตถาภาวปฎิเสธโน จฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ…เป.… สุญฺญา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อเญฺญหี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๓๙; อ. นิ. ๔.๒๔๑)ฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อิมสฺมิํ สาสเน ภิกฺขู’’ติฯ

    Tattha kathañcātiādi vitthāretuṃ kathetukamyatāpucchā. Ayaṃ panettha saṅkhepattho – kena ca ākārena kena pakārena bhikkhu ajjhattaṃ kāye kāyānupassī viharatīti? Sesapucchāvāresupi eseva nayo. Idha bhikkhūti imasmiṃ sāsane bhikkhu. Ayañhettha idha-saddo ajjhattādivasena sabbappakārakāyānupassanānibbattakassa puggalassa sannissayabhūtasāsanaparidīpano aññasāsanassa tathābhāvapaṭisedhano ca. Vuttañhetaṃ – ‘‘idheva, bhikkhave, samaṇo…pe… suññā parappavādā samaṇebhi aññehī’’ti (ma. ni. 1.139; a. ni. 4.241). Tena vuttaṃ ‘‘imasmiṃ sāsane bhikkhū’’ti.

    อชฺฌตฺตํ กายนฺติ อตฺตโน กายํฯ อุทฺธํ ปาทตลาติ ปาทตลโต อุปริฯ อโธ เกสมตฺถกาติ เกสคฺคโต เหฎฺฐาฯ ตจปริยนฺตนฺติ ติริยํ ตจปริจฺฉินฺนํฯ ปูรํ นานปฺปการสฺส อสุจิโน ปจฺจเวกฺขตีติ นานปฺปการเกสาทิอสุจิภริโต อยํ กาโยติ ปสฺสติฯ กถํ? อตฺถิ อิมสฺมิํ กาเย เกสา…เป.… มุตฺตนฺติฯ ตตฺถ อตฺถีติ สํวิชฺชนฺติฯ อิมสฺมินฺติ ยฺวายํ อุทฺธํ ปาทตลา อโธ เกสมตฺถกา ติริยํ ตจปริยโนฺต ปูโร นานปฺปการสฺส อสุจิโนติ วุจฺจติ ตสฺมิํฯ กาเยติ สรีเรฯ สรีรญฺหิ อสุจิสญฺจยโต กุจฺฉิตานํ เกสาทีนเญฺจว จกฺขุโรคาทีนญฺจ โรคสตานํ อายภูตโต กาโยติ วุจฺจติฯ

    Ajjhattaṃ kāyanti attano kāyaṃ. Uddhaṃ pādatalāti pādatalato upari. Adho kesamatthakāti kesaggato heṭṭhā. Tacapariyantanti tiriyaṃ tacaparicchinnaṃ. Pūraṃ nānappakārassa asucino paccavekkhatīti nānappakārakesādiasucibharito ayaṃ kāyoti passati. Kathaṃ? Atthi imasmiṃ kāye kesā…pe… muttanti. Tattha atthīti saṃvijjanti. Imasminti yvāyaṃ uddhaṃ pādatalā adho kesamatthakā tiriyaṃ tacapariyanto pūro nānappakārassa asucinoti vuccati tasmiṃ. Kāyeti sarīre. Sarīrañhi asucisañcayato kucchitānaṃ kesādīnañceva cakkhurogādīnañca rogasatānaṃ āyabhūtato kāyoti vuccati.

    เกสา โลมาติ เอเต เกสาทโย ทฺวตฺติํสาการาฯ ตตฺถ อตฺถิ อิมสฺมิํ กาเย เกสา, อตฺถิ อิมสฺมิํ กาเย โลมาติ เอวํ สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ อิมสฺมิญฺหิ ปาทตลโต ปฎฺฐาย อุปริ, เกสมตฺถกา ปฎฺฐาย เหฎฺฐา, ตจโต ปฎฺฐาย ติริยนฺตโตติ เอตฺตเก พฺยามมเตฺต กเฬวเร สพฺพากาเรนปิ วิจินโนฺต น โกจิ กิญฺจิ มุตฺตํ วา มณิํ วา เวฬุริยํ วา อครุํ วา กุงฺกุมํ วา กปฺปูรํ วา วาสจุณฺณาทิํ วา อณุมตฺตมฺปิ สุจิภาวํ ปสฺสติ, อถ โข ปรมทุคฺคนฺธเชคุจฺฉํ อสฺสิรีกทสฺสนํ นานปฺปการํ เกสโลมาทิเภทํ อสุจิํเยว ปสฺสติฯ เตน วุตฺตํ – อตฺถิ อิมสฺมิํ กาเย เกสา โลมา…เป.… มุตฺตนฺติฯ อยเมตฺถ ปทสมฺพนฺธโต วณฺณนาฯ

    Kesā lomāti ete kesādayo dvattiṃsākārā. Tattha atthi imasmiṃ kāye kesā, atthi imasmiṃ kāye lomāti evaṃ sambandho veditabbo. Imasmiñhi pādatalato paṭṭhāya upari, kesamatthakā paṭṭhāya heṭṭhā, tacato paṭṭhāya tiriyantatoti ettake byāmamatte kaḷevare sabbākārenapi vicinanto na koci kiñci muttaṃ vā maṇiṃ vā veḷuriyaṃ vā agaruṃ vā kuṅkumaṃ vā kappūraṃ vā vāsacuṇṇādiṃ vā aṇumattampi sucibhāvaṃ passati, atha kho paramaduggandhajegucchaṃ assirīkadassanaṃ nānappakāraṃ kesalomādibhedaṃ asuciṃyeva passati. Tena vuttaṃ – atthi imasmiṃ kāye kesā lomā…pe… muttanti. Ayamettha padasambandhato vaṇṇanā.

    อิมํ ปน กมฺมฎฺฐานํ ภาเวตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิตุกาเมน กุลปุเตฺตน อาทิโตว จตุพฺพิธํ สีลํ โสเธตฺวา สุปริสุทฺธสีเล ปติฎฺฐิเตน, ยฺวายํ ทสสุ ปลิโพเธสุ ปลิโพโธ อตฺถิ ตํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา, ปฎิกฺกูลมนสิการกมฺมฎฺฐานภาวนาย ปฐมชฺฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา, ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา, อรหตฺตํ อนาคามิผลาทีสุ วา อญฺญตรํ ปตฺตสฺส สพฺพนฺติเมน ปริเจฺฉเทน สาฎฺฐกถาย ปาฬิยา กตปริจยสฺส ตนฺติอาจริยสฺสาปิ กลฺยาณมิตฺตสฺส สนฺติเก อุคฺคเหตพฺพํฯ วิสุทฺธํ ตถารูปํ กลฺยาณมิตฺตํ เอกวิหาเร อลภเนฺตน ตสฺส วสนฎฺฐานํ คนฺตฺวา อุคฺคเหตพฺพํฯ ตตฺถ จตุพฺพิธสีลวิโสธนเญฺจว (วิสุทฺธิ. ๑.๑๙) ปลิโพโธ (วิสุทฺธิ. ๑.๔๑) จ ปลิโพธุปเจฺฉโท จ อาจริยสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมนวิธานญฺจ สพฺพมฺปิ วิสุทฺธิมเคฺค วิตฺถารโต กถิตํฯ ตสฺมา ตํ ตตฺถ กถิตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    Imaṃ pana kammaṭṭhānaṃ bhāvetvā arahattaṃ pāpuṇitukāmena kulaputtena āditova catubbidhaṃ sīlaṃ sodhetvā suparisuddhasīle patiṭṭhitena, yvāyaṃ dasasu palibodhesu palibodho atthi taṃ upacchinditvā, paṭikkūlamanasikārakammaṭṭhānabhāvanāya paṭhamajjhānaṃ nibbattetvā, jhānaṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā, arahattaṃ anāgāmiphalādīsu vā aññataraṃ pattassa sabbantimena paricchedena sāṭṭhakathāya pāḷiyā kataparicayassa tantiācariyassāpi kalyāṇamittassa santike uggahetabbaṃ. Visuddhaṃ tathārūpaṃ kalyāṇamittaṃ ekavihāre alabhantena tassa vasanaṭṭhānaṃ gantvā uggahetabbaṃ. Tattha catubbidhasīlavisodhanañceva (visuddhi. 1.19) palibodho (visuddhi. 1.41) ca palibodhupacchedo ca ācariyassa santikaṃ upasaṅkamanavidhānañca sabbampi visuddhimagge vitthārato kathitaṃ. Tasmā taṃ tattha kathitanayeneva veditabbaṃ.

    อาจริเยน ปน กมฺมฎฺฐานํ กเถเนฺตน ติวิเธน กเถตพฺพํฯ เอโก ภิกฺขุ ปกติยา อุคฺคหิตกมฺมฎฺฐาโน โหติฯ ตสฺส เอกํ เทฺว นิสชฺชวาเร สชฺฌายํ กาเรตฺวา กเถตพฺพํฯ เอโก สนฺติเก วสิตฺวา อุคฺคณฺหิตุกาโม โหติฯ ตสฺส อาคตาคตเวลาย กเถตพฺพํฯ เอโก อุคฺคณฺหิตฺวา อญฺญตฺถ คนฺตุกาโม โหติฯ ตสฺส นาติปปญฺจํ นาติสเงฺขปํ กตฺวา นิชฺชฎํ นิคฺคณฺฐิกํ กมฺมฎฺฐานํ กเถตพฺพํฯ กเถเนฺตน กิํ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ? สตฺตธา อุคฺคหโกสลฺลํ ทสธา จ มนสิการโกสลฺลํ อาจิกฺขิตพฺพํฯ

    Ācariyena pana kammaṭṭhānaṃ kathentena tividhena kathetabbaṃ. Eko bhikkhu pakatiyā uggahitakammaṭṭhāno hoti. Tassa ekaṃ dve nisajjavāre sajjhāyaṃ kāretvā kathetabbaṃ. Eko santike vasitvā uggaṇhitukāmo hoti. Tassa āgatāgatavelāya kathetabbaṃ. Eko uggaṇhitvā aññattha gantukāmo hoti. Tassa nātipapañcaṃ nātisaṅkhepaṃ katvā nijjaṭaṃ niggaṇṭhikaṃ kammaṭṭhānaṃ kathetabbaṃ. Kathentena kiṃ ācikkhitabbanti? Sattadhā uggahakosallaṃ dasadhā ca manasikārakosallaṃ ācikkhitabbaṃ.

    ตตฺถ วจสา มนสา วณฺณโต สณฺฐานโต ทิสโต โอกาสโต ปริเจฺฉทโตติ เอวํ สตฺตธา อุคฺคหโกสลฺลํ อาจิกฺขิตพฺพํฯ อิมสฺมิญฺหิ ปฎิกฺกูลมนสิการกมฺมฎฺฐาเน โยปิ ติปิฎโก โหติ, เตนปิ มนสิการกาเล ปฐมํ วาจาย สชฺฌาโย กาตโพฺพฯ เอกจฺจสฺส หิ สชฺฌายํ กโรนฺตเสฺสว กมฺมฎฺฐานํ ปากฎํ โหติ, มลยวาสีมหาเทวเตฺถรสฺส สนฺติเก อุคฺคหิตกมฺมฎฺฐานานํ ทฺวินฺนํ เถรานํ วิยฯ เถโร กิร เตหิ กมฺมฎฺฐานํ ยาจิโต ‘จตฺตาโร มาเส อิมํ เอวํ สชฺฌายํ กโรถา’ติ ทฺวตฺติสาการปาฬิํ อทาสิฯ เต, กิญฺจาปิ เตสํ เทฺว ตโย นิกายา ปคุณา, ปทกฺขิณคฺคาหิตาย ปน จตฺตาโร มาเส ทฺวตฺติํสาการํ สชฺฌายนฺตาว โสตาปนฺนา อเหสุํฯ

    Tattha vacasā manasā vaṇṇato saṇṭhānato disato okāsato paricchedatoti evaṃ sattadhā uggahakosallaṃ ācikkhitabbaṃ. Imasmiñhi paṭikkūlamanasikārakammaṭṭhāne yopi tipiṭako hoti, tenapi manasikārakāle paṭhamaṃ vācāya sajjhāyo kātabbo. Ekaccassa hi sajjhāyaṃ karontasseva kammaṭṭhānaṃ pākaṭaṃ hoti, malayavāsīmahādevattherassa santike uggahitakammaṭṭhānānaṃ dvinnaṃ therānaṃ viya. Thero kira tehi kammaṭṭhānaṃ yācito ‘cattāro māse imaṃ evaṃ sajjhāyaṃ karothā’ti dvattisākārapāḷiṃ adāsi. Te, kiñcāpi tesaṃ dve tayo nikāyā paguṇā, padakkhiṇaggāhitāya pana cattāro māse dvattiṃsākāraṃ sajjhāyantāva sotāpannā ahesuṃ.

    ตสฺมา กมฺมฎฺฐานํ กเถเนฺตน อาจริเยน อเนฺตวาสิโก วตฺตโพฺพ – ‘ปฐมํ ตาว วาจาย สชฺฌายํ กโรหี’ติฯ กโรเนฺตน จ ตจปญฺจกาทีนิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา อนุโลมปฎิโลมวเสน สชฺฌาโย กาตโพฺพฯ ‘‘เกสา โลมา นขา ทนฺตา ตโจ’’ติ หิ วตฺวา ปุน ปฎิโลมโต ‘‘ตโจ ทนฺตา นขา โลมา เกสา’’ติ วตฺตพฺพํฯ ตทนนฺตรํ วกฺกปญฺจเก ‘‘มํสํ นฺหารุ อฎฺฐิ อฎฺฐิมิญฺชํ วกฺก’’นฺติ วตฺวา ปุน ปฎิโลมโต ‘‘วกฺกํ อฎฺฐิมิญฺชํ อฎฺฐิ นฺหารุ มํสํ ตโจ ทนฺตา นขา โลมา เกสา’’ติ วตฺตพฺพํฯ ตโต ปปฺผาสปญฺจเก ‘‘หทยํ ยกนํ กิโลมกํ ปิหกํ ปปฺผาส’’นฺติ วตฺวา ปุน ปฎิโลมโต ‘‘ปปฺผาสํ ปิหกํ กิโลมกํ ยกนํ หทยํ วกฺกํ อฎฺฐิมิญฺชํ อฎฺฐิ นฺหารุ มํสํ ตโจ ทนฺตา นขา โลมา เกสา’’ติ วตฺตพฺพํฯ

    Tasmā kammaṭṭhānaṃ kathentena ācariyena antevāsiko vattabbo – ‘paṭhamaṃ tāva vācāya sajjhāyaṃ karohī’ti. Karontena ca tacapañcakādīni paricchinditvā anulomapaṭilomavasena sajjhāyo kātabbo. ‘‘Kesā lomā nakhā dantā taco’’ti hi vatvā puna paṭilomato ‘‘taco dantā nakhā lomā kesā’’ti vattabbaṃ. Tadanantaraṃ vakkapañcake ‘‘maṃsaṃ nhāru aṭṭhi aṭṭhimiñjaṃ vakka’’nti vatvā puna paṭilomato ‘‘vakkaṃ aṭṭhimiñjaṃ aṭṭhi nhāru maṃsaṃ taco dantā nakhā lomā kesā’’ti vattabbaṃ. Tato papphāsapañcake ‘‘hadayaṃ yakanaṃ kilomakaṃ pihakaṃ papphāsa’’nti vatvā puna paṭilomato ‘‘papphāsaṃ pihakaṃ kilomakaṃ yakanaṃ hadayaṃ vakkaṃ aṭṭhimiñjaṃ aṭṭhi nhāru maṃsaṃ taco dantā nakhā lomā kesā’’ti vattabbaṃ.

    ตโต อิมํ ตนฺติํ อนารุฬฺหมฺปิ ปฎิสมฺภิทามเคฺค (ปฎิ. ม. ๑.๔) อาคตํ มตฺถลุงฺคํ กรีสาวสาเน ตนฺติํ อาโรเปตฺวา อิมสฺมิํ มตฺถลุงฺคปญฺจเก ‘‘อนฺตํ อนฺตคุณํ อุทริยํ กรีสํ มตฺถลุงฺค’’นฺติ วตฺวา ปุน ปฎิโลมโต ‘‘มตฺถลุงฺคํ กรีสํ อุทริยํ อนฺตคุณํ อนฺตํ ปปฺผาสํ ปิหกํ กิโลมกํ ยกนํ หทยํ วกฺกํ อฎฺฐิมิญฺชํ อฎฺฐิ นฺหารุ มํสํ ตโจ ทนฺตา นขา โลมา เกสา’’ติ วตฺตพฺพํฯ

    Tato imaṃ tantiṃ anāruḷhampi paṭisambhidāmagge (paṭi. ma. 1.4) āgataṃ matthaluṅgaṃ karīsāvasāne tantiṃ āropetvā imasmiṃ matthaluṅgapañcake ‘‘antaṃ antaguṇaṃ udariyaṃ karīsaṃ matthaluṅga’’nti vatvā puna paṭilomato ‘‘matthaluṅgaṃ karīsaṃ udariyaṃ antaguṇaṃ antaṃ papphāsaṃ pihakaṃ kilomakaṃ yakanaṃ hadayaṃ vakkaṃ aṭṭhimiñjaṃ aṭṭhi nhāru maṃsaṃ taco dantā nakhā lomā kesā’’ti vattabbaṃ.

    ตโต เมทฉเกฺก ‘‘ปิตฺตํ เสมฺหํ ปุโพฺพ โลหิตํ เสโท เมโท’’ติ วตฺวา ปุน ปฎิโลมโต ‘‘เมโท เสโท โลหิตํ ปุโพฺพ เสมฺหํ ปิตฺตํ มตฺถลุงฺคํ กรีสํ อุทริยํ อนฺตคุณํ อนฺตํ ปปฺผาสํ ปิหกํ กิโลมกํ ยกนํ หทยํ วกฺกํ อฎฺฐิมิญฺชํ อฎฺฐิ นฺหารุ มํสํ ตโจ ทนฺตา นขา โลมา เกสา’’ติ วตฺตพฺพํฯ

    Tato medachakke ‘‘pittaṃ semhaṃ pubbo lohitaṃ sedo medo’’ti vatvā puna paṭilomato ‘‘medo sedo lohitaṃ pubbo semhaṃ pittaṃ matthaluṅgaṃ karīsaṃ udariyaṃ antaguṇaṃ antaṃ papphāsaṃ pihakaṃ kilomakaṃ yakanaṃ hadayaṃ vakkaṃ aṭṭhimiñjaṃ aṭṭhi nhāru maṃsaṃ taco dantā nakhā lomā kesā’’ti vattabbaṃ.

    ตโต มุตฺตฉเกฺก ‘‘อสฺสุ วสา เขโฬ สิงฺฆาณิกา ลสิกา มุตฺต’’นฺติ วตฺวา ปุน ปฎิโลมโต ‘‘มุตฺตํ ลสิกา สิงฺฆาณิกา เขโฬ วสา อสฺสุ เมโท เสโท โลหิตํ ปุโพฺพ เสมฺหํ ปิตฺตํ มตฺถลุงฺคํ กรีสํ อุทริยํ อนฺตคุณํ อนฺตํ ปปฺผาสํ ปิหกํ กิโลมกํ ยกนํ หทยํ วกฺกํ อฎฺฐิมิญฺชํ อฎฺฐิ นฺหารุ มํสํ ตโจ ทนฺตา นขา โลมา เกสา’’ติ เอวํ กาลสตมฺปิ กาลสหสฺสมฺปิ กาลสตสหสฺสมฺปิ วาจาย สชฺฌาโย กาตโพฺพฯ วจสา สชฺฌาเยน หิ กมฺมฎฺฐานตนฺติ ปคุณา โหติ; น อิโต จิโต จ จิตฺตํ วิธาวติ; โกฎฺฐาสา ปากฎา โหนฺติ, หตฺถสงฺขลิกา วิย ขายนฺติ, วติปาทปนฺติ วิย จ ขายนฺติฯ ยถา จ ปน วจสา, ตเถว มนสาปิ สชฺฌาโย กาตโพฺพฯ วจสา สชฺฌาโย หิ มนสา สชฺฌายสฺส ปจฺจโย โหติฯ มนสา สชฺฌาโย ลกฺขณปฎิเวธสฺส ปจฺจโย โหติฯ ลกฺขณปฎิเวโธ มคฺคผลปฎิเวธสฺส ปจฺจโย โหติฯ

    Tato muttachakke ‘‘assu vasā kheḷo siṅghāṇikā lasikā mutta’’nti vatvā puna paṭilomato ‘‘muttaṃ lasikā siṅghāṇikā kheḷo vasā assu medo sedo lohitaṃ pubbo semhaṃ pittaṃ matthaluṅgaṃ karīsaṃ udariyaṃ antaguṇaṃ antaṃ papphāsaṃ pihakaṃ kilomakaṃ yakanaṃ hadayaṃ vakkaṃ aṭṭhimiñjaṃ aṭṭhi nhāru maṃsaṃ taco dantā nakhā lomā kesā’’ti evaṃ kālasatampi kālasahassampi kālasatasahassampi vācāya sajjhāyo kātabbo. Vacasā sajjhāyena hi kammaṭṭhānatanti paguṇā hoti; na ito cito ca cittaṃ vidhāvati; koṭṭhāsā pākaṭā honti, hatthasaṅkhalikā viya khāyanti, vatipādapanti viya ca khāyanti. Yathā ca pana vacasā, tatheva manasāpi sajjhāyo kātabbo. Vacasā sajjhāyo hi manasā sajjhāyassa paccayo hoti. Manasā sajjhāyo lakkhaṇapaṭivedhassa paccayo hoti. Lakkhaṇapaṭivedho maggaphalapaṭivedhassa paccayo hoti.

    ‘วณฺณโต’ติ เกสาทีนํ วโณฺณ ววตฺถเปตโพฺพฯ ‘สณฺฐานโต’ติ เตสํเยว สณฺฐานํ ววตฺถเปตพฺพํ ฯ ‘ทิสโต’ติ อิมสฺมิํ สรีเร นาภิโต อุทฺธํ อุปริมา ทิสา, อโธ เหฎฺฐิมา ทิสาฯ ตสฺมา ‘‘อยํ โกฎฺฐาโส อิมิสฺสา นาม ทิสายา’’ติ ทิสา ววตฺถเปตพฺพาฯ ‘โอกาสโต’ติ ‘‘อยํ โกฎฺฐาโส อิมสฺมิํ นาม โอกาเส ปติฎฺฐิโต’’ติ เอวํ ตสฺส ตสฺส โอกาโส ววตฺถเปตโพฺพฯ ‘ปริเจฺฉทโต’ติ สภาคปริเจฺฉโท วิสภาคปริเจฺฉโทติ เทฺว ปริเจฺฉทาฯ ตตฺถ ‘‘อยํ โกฎฺฐาโส เหฎฺฐา จ อุปริ จ ติริยญฺจ อิมินา นาม ปริจฺฉิโนฺน’’ติ เอวํ สภาคปริเจฺฉโท เวทิตโพฺพฯ ‘‘เกสา น โลมา, โลมาปิ น เกสา’’ติ เอวํ อมิสฺสีกตวเสน วิสภาคปริเจฺฉโท เวทิตโพฺพฯ

    ‘Vaṇṇato’ti kesādīnaṃ vaṇṇo vavatthapetabbo. ‘Saṇṭhānato’ti tesaṃyeva saṇṭhānaṃ vavatthapetabbaṃ . ‘Disato’ti imasmiṃ sarīre nābhito uddhaṃ uparimā disā, adho heṭṭhimā disā. Tasmā ‘‘ayaṃ koṭṭhāso imissā nāma disāyā’’ti disā vavatthapetabbā. ‘Okāsato’ti ‘‘ayaṃ koṭṭhāso imasmiṃ nāma okāse patiṭṭhito’’ti evaṃ tassa tassa okāso vavatthapetabbo. ‘Paricchedato’ti sabhāgaparicchedo visabhāgaparicchedoti dve paricchedā. Tattha ‘‘ayaṃ koṭṭhāso heṭṭhā ca upari ca tiriyañca iminā nāma paricchinno’’ti evaṃ sabhāgaparicchedo veditabbo. ‘‘Kesā na lomā, lomāpi na kesā’’ti evaṃ amissīkatavasena visabhāgaparicchedo veditabbo.

    เอวํ สตฺตธา อุคฺคหโกสลฺลํ อาจิกฺขเนฺตน ปน ‘‘อิทํ กมฺมฎฺฐานํ อสุกสฺมิํ สุเตฺต ปฎิกฺกูลวเสน กถิตํ, อสุกสฺมิํ ธาตุวเสนา’’ติ ญตฺวา อาจิกฺขิตพฺพํฯ อิทญฺหิ มหาสติปฎฺฐาเน (ที. นิ. ๒.๓๗๒; ม. นิ. ๑.๑๐๕ อาทโย) ปฎิกฺกูลวเสเนว กถิตํ, มหาหตฺถิปโทปม (ม. นิ. ๑.๓๐๐ อาทโย) -มหาราหุโลวาท (ม. นิ. ๒.๑๑๓ อาทโย) -ธาตุวิภเงฺคสุ (ม. นิ. ๓.๓๔๒ อาทโย) ธาตุวเสน กถิตํฯ กายคตาสติสุเตฺต (ม. นิ. ๓.๑๕๓ อาทโย) ปน ยสฺส วณฺณโต อุปฎฺฐาติ, ตํ สนฺธาย จตฺตาริ ฌานานิ วิภตฺตานิฯ ตตฺถ ธาตุวเสน กถิตํ วิปสฺสนากมฺมฎฺฐานํ โหติ, ปฎิกฺกูลวเสน กถิตํ สมถกมฺมฎฺฐานํฯ ตเทตํ อิธ สมถกมฺมฎฺฐานํ อวิเสสโต สพฺพสาธารณวเสน กถิตนฺติ วทนฺติเยวาติฯ

    Evaṃ sattadhā uggahakosallaṃ ācikkhantena pana ‘‘idaṃ kammaṭṭhānaṃ asukasmiṃ sutte paṭikkūlavasena kathitaṃ, asukasmiṃ dhātuvasenā’’ti ñatvā ācikkhitabbaṃ. Idañhi mahāsatipaṭṭhāne (dī. ni. 2.372; ma. ni. 1.105 ādayo) paṭikkūlavaseneva kathitaṃ, mahāhatthipadopama (ma. ni. 1.300 ādayo) -mahārāhulovāda (ma. ni. 2.113 ādayo) -dhātuvibhaṅgesu (ma. ni. 3.342 ādayo) dhātuvasena kathitaṃ. Kāyagatāsatisutte (ma. ni. 3.153 ādayo) pana yassa vaṇṇato upaṭṭhāti, taṃ sandhāya cattāri jhānāni vibhattāni. Tattha dhātuvasena kathitaṃ vipassanākammaṭṭhānaṃ hoti, paṭikkūlavasena kathitaṃ samathakammaṭṭhānaṃ. Tadetaṃ idha samathakammaṭṭhānaṃ avisesato sabbasādhāraṇavasena kathitanti vadantiyevāti.

    เอวํ สตฺตธา อุคฺคหโกสลฺลํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อนุปุพฺพโต, นาติสีฆโต, นาติสณิกโต, วิเกฺขปปฎิพาหนโต, ปณฺณตฺติสมติกฺกมนโต, อนุปุพฺพมุญฺจนโต, อปฺปนาโต, ตโย จ สุตฺตนฺตา’’ติ เอวํ ทสธา มนสิการโกสลฺลํ อาจิกฺขิตพฺพํฯ ตตฺถ ‘อนุปุพฺพโต’ติ อิทญฺหิ สชฺฌายกรณโต ปฎฺฐาย อนุปฎิปาฎิยา มนสิกาตพฺพํ, น เอกนฺตริกายฯ เอกนฺตริกาย หิ มนสิกโรโนฺต ยถา นาม อกุสโล ปุริโส ทฺวตฺติํสปทํ นิเสฺสณิํ เอกนฺตริกาย อาโรหโนฺต กิลนฺตกาโย ปตติ, น อาโรหนํ สมฺปาเทติ; เอวเมว ภาวนาสมฺปตฺติวเสน อธิคนฺตพฺพสฺส อสฺสาทสฺส อนธิคมา กิลนฺตจิโตฺต ปตติ, น ภาวนํ สมฺปาเทติฯ

    Evaṃ sattadhā uggahakosallaṃ ācikkhitvā ‘‘anupubbato, nātisīghato, nātisaṇikato, vikkhepapaṭibāhanato, paṇṇattisamatikkamanato, anupubbamuñcanato, appanāto, tayo ca suttantā’’ti evaṃ dasadhā manasikārakosallaṃ ācikkhitabbaṃ. Tattha ‘anupubbato’ti idañhi sajjhāyakaraṇato paṭṭhāya anupaṭipāṭiyā manasikātabbaṃ, na ekantarikāya. Ekantarikāya hi manasikaronto yathā nāma akusalo puriso dvattiṃsapadaṃ nisseṇiṃ ekantarikāya ārohanto kilantakāyo patati, na ārohanaṃ sampādeti; evameva bhāvanāsampattivasena adhigantabbassa assādassa anadhigamā kilantacitto patati, na bhāvanaṃ sampādeti.

    อนุปุพฺพโต มนสิกโรเนฺตนาปิ จ ‘นาติสีฆโต’ มนสิกาตพฺพํฯ อติสีฆโต มนสิกโรโต หิ ยถา นาม ติโยชนํ มคฺคํ ปฎิปชฺชิตฺวา โอกฺกมนวิสฺสชฺชนํ อสลฺลเกฺขตฺวา สีเฆน ชเวน สตฺตกฺขตฺตุมฺปิ คมนาคมนํ กโรโต ปุริสสฺส กิญฺจาปิ อทฺธานํ ปริกฺขยํ คจฺฉติ, อถ โข ปุจฺฉิตฺวาว คนฺตพฺพํ โหติ; เอวเมว เกวลํ กมฺมฎฺฐานํ ปริโยสานํ ปาปุณาติ, อวิภูตํ ปน โหติ, น วิเสสํ อาวหติฯ ตสฺมา นาติสีฆโต มนสิกาตพฺพํฯ

    Anupubbato manasikarontenāpi ca ‘nātisīghato’ manasikātabbaṃ. Atisīghato manasikaroto hi yathā nāma tiyojanaṃ maggaṃ paṭipajjitvā okkamanavissajjanaṃ asallakkhetvā sīghena javena sattakkhattumpi gamanāgamanaṃ karoto purisassa kiñcāpi addhānaṃ parikkhayaṃ gacchati, atha kho pucchitvāva gantabbaṃ hoti; evameva kevalaṃ kammaṭṭhānaṃ pariyosānaṃ pāpuṇāti, avibhūtaṃ pana hoti, na visesaṃ āvahati. Tasmā nātisīghato manasikātabbaṃ.

    ยถา จ นาติสีฆโต เอวํ ‘นาติสณิกโต’ปิฯ อติสณิกโต มนสิกโรโต หิ ยถา นาม ตทเหว ติโยชนํ มคฺคํ คนฺตุกามสฺส ปุริสสฺส อนฺตรามเคฺค รุกฺขปพฺพตคหนาทีสุ วิลมฺพมานสฺส มโคฺค ปริกฺขยํ น คจฺฉติ, ทฺวีหตีเหน ปริโยสาเปตโพฺพ โหติ; เอวเมว กมฺมฎฺฐานํ ปริโยสานํ น คจฺฉติ, วิเสสาธิคมสฺส ปจฺจโย น โหติฯ

    Yathā ca nātisīghato evaṃ ‘nātisaṇikato’pi. Atisaṇikato manasikaroto hi yathā nāma tadaheva tiyojanaṃ maggaṃ gantukāmassa purisassa antarāmagge rukkhapabbatagahanādīsu vilambamānassa maggo parikkhayaṃ na gacchati, dvīhatīhena pariyosāpetabbo hoti; evameva kammaṭṭhānaṃ pariyosānaṃ na gacchati, visesādhigamassa paccayo na hoti.

    ‘วิเกฺขปปฎิพาหนโต’ติ กมฺมฎฺฐานํ วิสฺสเชฺชตฺวา พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมเณ เจตโส วิเกฺขโป ปฎิพาหิตโพฺพฯ อปฺปฎิพาหโต หิ ยถา นาม เอกปทิกํ ปปาตมคฺคํ ปฎิปนฺนสฺส ปุริสสฺส อกฺกมนปทํ อสลฺลเกฺขตฺวา อิโต จิโต จ วิโลกยโต ปทวาโร วิรชฺฌติ, ตโต สตโปริเส ปปาเต ปติตพฺพํ โหติ; เอวเมว พหิทฺธา วิเกฺขเป สติ กมฺมฎฺฐานํ ปริหายติ, ปริธํสติฯ ตสฺมา วิเกฺขปปฎิพาหนโต มนสิกาตพฺพํฯ

    ‘Vikkhepapaṭibāhanato’ti kammaṭṭhānaṃ vissajjetvā bahiddhā puthuttārammaṇe cetaso vikkhepo paṭibāhitabbo. Appaṭibāhato hi yathā nāma ekapadikaṃ papātamaggaṃ paṭipannassa purisassa akkamanapadaṃ asallakkhetvā ito cito ca vilokayato padavāro virajjhati, tato sataporise papāte patitabbaṃ hoti; evameva bahiddhā vikkhepe sati kammaṭṭhānaṃ parihāyati, paridhaṃsati. Tasmā vikkhepapaṭibāhanato manasikātabbaṃ.

    ‘ปณฺณตฺติสมติกฺกมนโต’ติ ยา อยํ ‘‘เกสา โลมา’’ติ อาทิกา ปณฺณตฺติ ตํ อติกฺกมิตฺวา ปฎิกฺกูลนฺติ จิตฺตํ ฐเปตพฺพํฯ ยถา หิ อุทกทุลฺลภกาเล มนุสฺสา อรเญฺญ อุทปานํ ทิสฺวา ตตฺถ ตาลปณฺณาทิกํ กิญฺจิเทว สญฺญาณํ พนฺธิตฺวา เตน สญฺญาเณน อาคนฺตฺวา นฺหายนฺติ เจว ปิวนฺติ จ, ยทา ปน เตสํ อภิณฺหสญฺจาเรน อาคตาคตปทํ ปากฎํ โหติ, ตทา สญฺญาเณน กิจฺจํ น โหติ, อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ คนฺตฺวา นฺหายนฺติ เจว ปิวนฺติ จ; เอวเมว ปุพฺพภาเค ‘เกสา โลมา’ติ ปณฺณตฺติวเสน มนสิกโรโต ปฎิกฺกูลภาโว ปากโฎ โหติฯ อถ ‘เกสา โลมา’ติ ปณฺณตฺติํ สมติกฺกมิตฺวา ปฎิกฺกูลภาเวเยว จิตฺตํ ฐเปตพฺพํฯ

    ‘Paṇṇattisamatikkamanato’ti yā ayaṃ ‘‘kesā lomā’’ti ādikā paṇṇatti taṃ atikkamitvā paṭikkūlanti cittaṃ ṭhapetabbaṃ. Yathā hi udakadullabhakāle manussā araññe udapānaṃ disvā tattha tālapaṇṇādikaṃ kiñcideva saññāṇaṃ bandhitvā tena saññāṇena āgantvā nhāyanti ceva pivanti ca, yadā pana tesaṃ abhiṇhasañcārena āgatāgatapadaṃ pākaṭaṃ hoti, tadā saññāṇena kiccaṃ na hoti, icchiticchitakkhaṇe gantvā nhāyanti ceva pivanti ca; evameva pubbabhāge ‘kesā lomā’ti paṇṇattivasena manasikaroto paṭikkūlabhāvo pākaṭo hoti. Atha ‘kesā lomā’ti paṇṇattiṃ samatikkamitvā paṭikkūlabhāveyeva cittaṃ ṭhapetabbaṃ.

    ‘อนุปุพฺพมุญฺจนโต’ติ โย โย โกฎฺฐาโส น อุปฎฺฐาติ, ตํ ตํ มุญฺจเนฺตน อนุปุพฺพมุญฺจนโต มนสิกาตพฺพํฯ อาทิกมฺมิกสฺส หิ ‘เกสา’ติ มนสิกโรโต มนสิกาโร คนฺตฺวา ‘มุตฺต’นฺติ อิมํ ปริโยสานโกฎฺฐาสเมว อาหจฺจ ติฎฺฐติฯ ‘มุตฺต’นฺติ จ มนสิกโรโต มนสิกาโร คนฺตฺวา ‘เกสา’ติ อิมํ อาทิโกฎฺฐาสเมว อาหจฺจ ติฎฺฐติฯ อถสฺส มนสิกโรโต เกจิ โกฎฺฐาสา อุปฎฺฐหนฺติ, เกจิ น อุปฎฺฐหนฺติฯ เตน เย เย อุปฎฺฐหนฺติ เตสุ เตสุ ตาว กมฺมํ กาตพฺพํ, ยาว ทฺวีสุ อุปฎฺฐิเตสุ เตสมฺปิ เอโก สุฎฺฐุตรํ อุปฎฺฐหติฯ เอวํ อุปฎฺฐิตํ ปน ตเมว ปุนปฺปุนํ มนสิกโรเนฺตน อปฺปนา อุปฺปาเทตพฺพาฯ

    ‘Anupubbamuñcanato’ti yo yo koṭṭhāso na upaṭṭhāti, taṃ taṃ muñcantena anupubbamuñcanato manasikātabbaṃ. Ādikammikassa hi ‘kesā’ti manasikaroto manasikāro gantvā ‘mutta’nti imaṃ pariyosānakoṭṭhāsameva āhacca tiṭṭhati. ‘Mutta’nti ca manasikaroto manasikāro gantvā ‘kesā’ti imaṃ ādikoṭṭhāsameva āhacca tiṭṭhati. Athassa manasikaroto keci koṭṭhāsā upaṭṭhahanti, keci na upaṭṭhahanti. Tena ye ye upaṭṭhahanti tesu tesu tāva kammaṃ kātabbaṃ, yāva dvīsu upaṭṭhitesu tesampi eko suṭṭhutaraṃ upaṭṭhahati. Evaṃ upaṭṭhitaṃ pana tameva punappunaṃ manasikarontena appanā uppādetabbā.

    ตตฺรายํ อุปมา – ยถา หิ ทฺวตฺติํสตาลเก ตาลวเน วสนฺตํ มกฺกฎํ คเหตุกาโม ลุโทฺท อาทิมฺหิ ฐิตตาลสฺส ปณฺณํ สเรน วิชฺฌิตฺวา อุกฺกุฎฺฐิํ กเรยฺย; อถ โส มกฺกโฎ ปฎิปาฎิยา ตสฺมิํ ตสฺมิํ ตาเล ปติตฺวา ปริยนฺตตาลเมว คเจฺฉยฺย; ตตฺถปิ คนฺตฺวา ลุเทฺทน ตเถว กเต ปุน เตเนว นเยน อาทิตาลํ อาคเจฺฉยฺย; โส เอวํ ปุนปฺปุนํ ปฎิปาฎิยา คจฺฉโนฺต อุกฺกุฎฺฐุกฺกุฎฺฐิฎฺฐาเนเยว อุฎฺฐหิตฺวา ปุน อนุกฺกเมน เอกสฺมิํ ตาเล นิปติตฺวา ตสฺส เวมเชฺฌ มกุฬตาลปณฺณสูจิํ ทฬฺหํ คเหตฺวา วิชฺฌิยมาโนปิ น อุฎฺฐเหยฺย, เอวํสมฺปทมิทํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Tatrāyaṃ upamā – yathā hi dvattiṃsatālake tālavane vasantaṃ makkaṭaṃ gahetukāmo luddo ādimhi ṭhitatālassa paṇṇaṃ sarena vijjhitvā ukkuṭṭhiṃ kareyya; atha so makkaṭo paṭipāṭiyā tasmiṃ tasmiṃ tāle patitvā pariyantatālameva gaccheyya; tatthapi gantvā luddena tatheva kate puna teneva nayena āditālaṃ āgaccheyya; so evaṃ punappunaṃ paṭipāṭiyā gacchanto ukkuṭṭhukkuṭṭhiṭṭhāneyeva uṭṭhahitvā puna anukkamena ekasmiṃ tāle nipatitvā tassa vemajjhe makuḷatālapaṇṇasūciṃ daḷhaṃ gahetvā vijjhiyamānopi na uṭṭhaheyya, evaṃsampadamidaṃ daṭṭhabbaṃ.

    ตตฺริทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ยถา หิ ตาลวเน ทฺวตฺติํสตาลา, เอวํ อิมสฺมิํ กาเย ทฺวตฺติํส โกฎฺฐาสา; มกฺกโฎ วิย จิตฺตํ; ลุโทฺท วิย โยคาวจโร; มกฺกฎสฺส ทฺวตฺติํสตาลเก ตาลวเน นิวาโส วิย โยคิโน จิตฺตสฺส ทฺวตฺติํสโกฎฺฐาสเก กาเย อารมฺมณวเสน อนุสํจรณํ; ลุเทฺทน อาทิมฺหิ ฐิตตาลสฺส ปณฺณํ สเรน วิชฺฌิตฺวา อุกฺกุฎฺฐิยา กตาย มกฺกฎสฺส ตสฺมิํ ตสฺมิํ ตาเล ปติตฺวา ปริยนฺตตาลคมนํ วิย โยคิโน ‘เกสา’ติ มนสิกาเร อารเทฺธ ปฎิปาฎิยา คนฺตฺวา ปริโยสานโกฎฺฐาเส เอว จิตฺตสฺส สณฺฐานํ; ปุน ปจฺจาคมเนปิ เอเสว นโย; ปุนปฺปุนํ ปฎิปาฎิยา คจฺฉมานสฺส มกฺกฎสฺส อุกฺกุฎฺฐุกฺกุฎฺฐิฎฺฐาเน อุฎฺฐานํ วิย ปุนปฺปุนํ มนสิกโรโต เกสุจิ เกสุจิ อุปฎฺฐิเตสุ อนุปฎฺฐหเนฺต วิสฺสเชฺชตฺวา อุปฎฺฐิเตสุ ปริกมฺมกรณํ; อนุกฺกเมน เอกสฺมิํ ตาเล นิปติตฺวา ตสฺส เวมเชฺฌ มกุฬตาลปณฺณสูจิํ ทฬฺหํ คเหตฺวา วิชฺฌิยมานสฺสาปิ อนุฎฺฐานํ วิย อวสาเน ทฺวีสุ อุปฎฺฐิเตสุ โย สุฎฺฐุตรํ อุปฎฺฐาติ ตเมว ปุนปฺปุนํ มนสิกริตฺวา อปฺปนาย อุปฺปาทนํฯ

    Tatridaṃ opammasaṃsandanaṃ – yathā hi tālavane dvattiṃsatālā, evaṃ imasmiṃ kāye dvattiṃsa koṭṭhāsā; makkaṭo viya cittaṃ; luddo viya yogāvacaro; makkaṭassa dvattiṃsatālake tālavane nivāso viya yogino cittassa dvattiṃsakoṭṭhāsake kāye ārammaṇavasena anusaṃcaraṇaṃ; luddena ādimhi ṭhitatālassa paṇṇaṃ sarena vijjhitvā ukkuṭṭhiyā katāya makkaṭassa tasmiṃ tasmiṃ tāle patitvā pariyantatālagamanaṃ viya yogino ‘kesā’ti manasikāre āraddhe paṭipāṭiyā gantvā pariyosānakoṭṭhāse eva cittassa saṇṭhānaṃ; puna paccāgamanepi eseva nayo; punappunaṃ paṭipāṭiyā gacchamānassa makkaṭassa ukkuṭṭhukkuṭṭhiṭṭhāne uṭṭhānaṃ viya punappunaṃ manasikaroto kesuci kesuci upaṭṭhitesu anupaṭṭhahante vissajjetvā upaṭṭhitesu parikammakaraṇaṃ; anukkamena ekasmiṃ tāle nipatitvā tassa vemajjhe makuḷatālapaṇṇasūciṃ daḷhaṃ gahetvā vijjhiyamānassāpi anuṭṭhānaṃ viya avasāne dvīsu upaṭṭhitesu yo suṭṭhutaraṃ upaṭṭhāti tameva punappunaṃ manasikaritvā appanāya uppādanaṃ.

    อปราปิ อุปมา – ยถา นาม ปิณฺฑปาติโก ภิกฺขุ ทฺวตฺติํสกุลํ คามํ อุปนิสฺสาย วสโนฺต ปฐมเคเห เอว เทฺว ภิกฺขา ลภิตฺวา ปรโต เอกํ วิสฺสเชฺชยฺย; ปุนทิวเส ติโสฺส ลภิตฺวา ปรโต เทฺว วิสฺสเชฺชยฺย; ตติยทิวเส อาทิมฺหิเยว ปตฺตปูรํ ลภิตฺวา อาสนสาลํ คนฺตฺวา ปริภุเญฺชยฺย, เอวํสมฺปทมิทํ ทฎฺฐพฺพํฯ ทฺวตฺติํสกุลคาโม วิย หิ ทฺวตฺติํสากาโร; ปิณฺฑปาติโก วิย โยคาวจโร; ตสฺส ตํ คามํ อุปนิสฺสาย วาโส วิย โยคิโน ทฺวตฺติํสากาเร ปริกมฺมกรณํ; ปฐมเคเห เทฺว ภิกฺขา ลภิตฺวา ปรโต เอกิสฺสา วิสฺสชฺชนํ วิย ทุติยทิวเส ติโสฺส ลภิตฺวา ปรโต ทฺวินฺนํ วิสฺสชฺชนํ วิย จ มนสิกโรโต มนสิกโรโต อนุปฎฺฐหเนฺต อนุปฎฺฐหเนฺต วิสฺสเชฺชตฺวา อุปฎฺฐิเตสุ อุปฎฺฐิเตสุ ยาว โกฎฺฐาสทฺวเย ปริกมฺมกรณํ; ตติยทิวเส อาทิมฺหิเยว ปตฺตปูรํ ลภิตฺวา อาสนสาลายํ นิสีทิตฺวา ปริโภโค วิย ทฺวีสุ โย สุฎฺฐุตรํ อุปฎฺฐหติ ตเมว ปุนปฺปุนํ มนสิกริตฺวา อปฺปนาย อุปฺปาทนํฯ

    Aparāpi upamā – yathā nāma piṇḍapātiko bhikkhu dvattiṃsakulaṃ gāmaṃ upanissāya vasanto paṭhamagehe eva dve bhikkhā labhitvā parato ekaṃ vissajjeyya; punadivase tisso labhitvā parato dve vissajjeyya; tatiyadivase ādimhiyeva pattapūraṃ labhitvā āsanasālaṃ gantvā paribhuñjeyya, evaṃsampadamidaṃ daṭṭhabbaṃ. Dvattiṃsakulagāmo viya hi dvattiṃsākāro; piṇḍapātiko viya yogāvacaro; tassa taṃ gāmaṃ upanissāya vāso viya yogino dvattiṃsākāre parikammakaraṇaṃ; paṭhamagehe dve bhikkhā labhitvā parato ekissā vissajjanaṃ viya dutiyadivase tisso labhitvā parato dvinnaṃ vissajjanaṃ viya ca manasikaroto manasikaroto anupaṭṭhahante anupaṭṭhahante vissajjetvā upaṭṭhitesu upaṭṭhitesu yāva koṭṭhāsadvaye parikammakaraṇaṃ; tatiyadivase ādimhiyeva pattapūraṃ labhitvā āsanasālāyaṃ nisīditvā paribhogo viya dvīsu yo suṭṭhutaraṃ upaṭṭhahati tameva punappunaṃ manasikaritvā appanāya uppādanaṃ.

    ‘อปฺปนาโต’ติ อปฺปนาโกฎฺฐาสโตฯ เกสาทีสุ เอเกกสฺมิํ โกฎฺฐาเส อปฺปนา โหตีติ เวทิตพฺพาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยฯ

    ‘Appanāto’ti appanākoṭṭhāsato. Kesādīsu ekekasmiṃ koṭṭhāse appanā hotīti veditabbāti ayamettha adhippāyo.

    ‘ตโย จ สุตฺตนฺตา’ติ อธิจิตฺตํ, สีติภาโว, โพชฺฌงฺคโกสลฺลนฺติ อิเม ตโย สุตฺตนฺตา วีริยสมาธิโยชนตฺถํ เวทิตพฺพาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยฯ ตตฺถ –

    ‘Tayo ca suttantā’ti adhicittaṃ, sītibhāvo, bojjhaṅgakosallanti ime tayo suttantā vīriyasamādhiyojanatthaṃ veditabbāti ayamettha adhippāyo. Tattha –

    ‘‘อธิจิตฺตมนุยุเตฺตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ตีณิ นิมิตฺตานิ กาเลน กาลํ มนสิกาตพฺพานิ…กาเลน กาลํ สมาธินิมิตฺตํ มนสิกาตพฺพํ, กาเลน กาลํ ปคฺคหนิมิตฺตํ มนสิกาตพฺพํ, กาเลน กาลํ อุเปกฺขานิมิตฺตํ มนสิกาตพฺพํฯ สเจ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุโตฺต ภิกฺขุ เอกนฺตํ สมาธินิมิตฺตํเยว มนสิกเรยฺย, ฐานํ ตํ จิตฺตํ โกสชฺชาย สํวเตฺตยฺยฯ สเจ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุโตฺต ภิกฺขุ เอกนฺตํ ปคฺคหนิมิตฺตํเยว มนสิกเรยฺย, ฐานํ ตํ จิตฺตํ อุทฺธจฺจาย สํวเตฺตยฺยฯ สเจ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุโตฺต ภิกฺขุ เอกนฺตํ อุเปกฺขานิมิตฺตํเยว มนสิกเรยฺย, ฐานํ ตํ จิตฺตํ น สมฺมาสมาธิเยยฺย อาสวานํ ขยายฯ ยโต จ โข, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุโตฺต ภิกฺขุ กาเลน กาลํ สมาธินิมิตฺตํ, ปคฺคหนิมิตฺตํ, อุเปกฺขานิมิตฺตํ มนสิกโรติ, ตํ โหติ จิตฺตํ มุทุ จ กมฺมนิยญฺจ ปภสฺสรญฺจ, น จ ปภงฺคุ, สมฺมา สมาธิยติ อาสวานํ ขยายฯ

    ‘‘Adhicittamanuyuttena, bhikkhave, bhikkhunā tīṇi nimittāni kālena kālaṃ manasikātabbāni…kālena kālaṃ samādhinimittaṃ manasikātabbaṃ, kālena kālaṃ paggahanimittaṃ manasikātabbaṃ, kālena kālaṃ upekkhānimittaṃ manasikātabbaṃ. Sace, bhikkhave, adhicittamanuyutto bhikkhu ekantaṃ samādhinimittaṃyeva manasikareyya, ṭhānaṃ taṃ cittaṃ kosajjāya saṃvatteyya. Sace, bhikkhave, adhicittamanuyutto bhikkhu ekantaṃ paggahanimittaṃyeva manasikareyya, ṭhānaṃ taṃ cittaṃ uddhaccāya saṃvatteyya. Sace, bhikkhave, adhicittamanuyutto bhikkhu ekantaṃ upekkhānimittaṃyeva manasikareyya, ṭhānaṃ taṃ cittaṃ na sammāsamādhiyeyya āsavānaṃ khayāya. Yato ca kho, bhikkhave, adhicittamanuyutto bhikkhu kālena kālaṃ samādhinimittaṃ, paggahanimittaṃ, upekkhānimittaṃ manasikaroti, taṃ hoti cittaṃ mudu ca kammaniyañca pabhassarañca, na ca pabhaṅgu, sammā samādhiyati āsavānaṃ khayāya.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการเนฺตวาสี วา อุกฺกํ พนฺธติ, อุกฺกํ พนฺธิตฺวา อุกฺกามุขํ อาลิเมฺปติ, อุกฺกามุขํ อาลิเมฺปตฺวา สณฺฑาเสน ชาตรูปํ คเหตฺวา อุกฺกามุเข ปกฺขิเปยฺย, อุกฺกามุเข ปกฺขิปิตฺวา กาเลน กาลํ อภิธมติ, กาเลน กาลํ อุทเกน ปริโปฺผเสติ, กาเลน กาลํ อชฺฌุเปกฺขติ ฯ สเจ, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการเนฺตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ เอกนฺตํ อภิธเมยฺย, ฐานํ ตํ ชาตรูปํ ฑเหยฺยฯ สเจ, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการเนฺตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ เอกนฺตํ อุทเกน ปริโปฺผเสยฺย, ฐานํ ตํ ชาตรูปํ นิพฺพาเยยฺยฯ สเจ, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการเนฺตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ เอกนฺตํ อชฺฌุเปเกฺขยฺย, ฐานํ ตํ ชาตรูปํ น สมฺมา ปริปากํ คเจฺฉยฺยฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, suvaṇṇakāro vā suvaṇṇakārantevāsī vā ukkaṃ bandhati, ukkaṃ bandhitvā ukkāmukhaṃ ālimpeti, ukkāmukhaṃ ālimpetvā saṇḍāsena jātarūpaṃ gahetvā ukkāmukhe pakkhipeyya, ukkāmukhe pakkhipitvā kālena kālaṃ abhidhamati, kālena kālaṃ udakena paripphoseti, kālena kālaṃ ajjhupekkhati . Sace, bhikkhave, suvaṇṇakāro vā suvaṇṇakārantevāsī vā taṃ jātarūpaṃ ekantaṃ abhidhameyya, ṭhānaṃ taṃ jātarūpaṃ ḍaheyya. Sace, bhikkhave, suvaṇṇakāro vā suvaṇṇakārantevāsī vā taṃ jātarūpaṃ ekantaṃ udakena paripphoseyya, ṭhānaṃ taṃ jātarūpaṃ nibbāyeyya. Sace, bhikkhave, suvaṇṇakāro vā suvaṇṇakārantevāsī vā taṃ jātarūpaṃ ekantaṃ ajjhupekkheyya, ṭhānaṃ taṃ jātarūpaṃ na sammā paripākaṃ gaccheyya.

    ‘‘ยโต จ โข, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการเนฺตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ กาเลน กาลํ อภิธมติ, กาเลน กาลํ อุทเกน ปริโปฺผเสติ, กาเลน กาลํ อชฺฌุเปกฺขติ, ตํ โหติ ชาตรูปํ มุทุ จ กมฺมนิยญฺจ ปภสฺสรญฺจ, น จ ปภงฺคุ, สมฺมา อุเปติ กมฺมาย; ยสฺสา ยสฺสา จ ปิฬนฺธนวิกติยา อากงฺขติ – ยทิ ปฎฺฎิกาย ยทิ กุณฺฑลาย ยทิ คีเวยฺยกาย ยทิ สุวณฺณมาลาย, ตญฺจสฺส อตฺถํ อนุโภติฯ

    ‘‘Yato ca kho, bhikkhave, suvaṇṇakāro vā suvaṇṇakārantevāsī vā taṃ jātarūpaṃ kālena kālaṃ abhidhamati, kālena kālaṃ udakena paripphoseti, kālena kālaṃ ajjhupekkhati, taṃ hoti jātarūpaṃ mudu ca kammaniyañca pabhassarañca, na ca pabhaṅgu, sammā upeti kammāya; yassā yassā ca piḷandhanavikatiyā ākaṅkhati – yadi paṭṭikāya yadi kuṇḍalāya yadi gīveyyakāya yadi suvaṇṇamālāya, tañcassa atthaṃ anubhoti.

    ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุเตฺตน…เป.… สมฺมา สมาธิยติ อาสวานํ ขยาย; ยสฺส ยสฺส จ อภิญฺญาสจฺฉิกรณียสฺส ธมฺมสฺส จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ อภิญฺญา สจฺฉิกิริยาย, ตตฺร ตเตฺรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๐๓) อิทํ สุตฺตํ อธิจิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    ‘‘Evameva kho, bhikkhave, adhicittamanuyuttena…pe… sammā samādhiyati āsavānaṃ khayāya; yassa yassa ca abhiññāsacchikaraṇīyassa dhammassa cittaṃ abhininnāmeti abhiññā sacchikiriyāya, tatra tatreva sakkhibhabbataṃ pāpuṇāti sati satiāyatane’’ti (a. ni. 3.103) idaṃ suttaṃ adhicittanti veditabbaṃ.

    ‘‘ฉหิ, ภิกฺขเว, ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภโพฺพ อนุตฺตรํ สีติภาวํ สจฺฉิกาตุํฯ กตเมหิ ฉหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยสฺมิํ สมเย จิตฺตํ นิคฺคเหตพฺพํ ตสฺมิํ สมเย จิตฺตํ นิคฺคณฺหาติ, ยสฺมิํ สมเย จิตฺตํ ปคฺคเหตพฺพํ ตสฺมิํ สมเย จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ, ยสฺมิํ สมเย จิตฺตํ สมฺปหํสิตพฺพํ ตสฺมิํ สมเย จิตฺตํ สมฺปหํเสติ, ยสฺมิํ สมเย จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขิตพฺพํ ตสฺมิํ สมเย จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขติ, ปณีตาธิมุตฺติโก จ โหติ นิพฺพานาภิรโต จฯ อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ฉหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภโพฺพ อนุตฺตรํ สีติภาวํ สจฺฉิกาตุ’’นฺติ (อ. นิ. ๖.๘๕) อิทํ สุตฺตํ สีติภาโวติ เวทิตพฺพํฯ

    ‘‘Chahi, bhikkhave, dhammehi samannāgato bhikkhu bhabbo anuttaraṃ sītibhāvaṃ sacchikātuṃ. Katamehi chahi? Idha, bhikkhave, bhikkhu yasmiṃ samaye cittaṃ niggahetabbaṃ tasmiṃ samaye cittaṃ niggaṇhāti, yasmiṃ samaye cittaṃ paggahetabbaṃ tasmiṃ samaye cittaṃ paggaṇhāti, yasmiṃ samaye cittaṃ sampahaṃsitabbaṃ tasmiṃ samaye cittaṃ sampahaṃseti, yasmiṃ samaye cittaṃ ajjhupekkhitabbaṃ tasmiṃ samaye cittaṃ ajjhupekkhati, paṇītādhimuttiko ca hoti nibbānābhirato ca. Imehi kho, bhikkhave, chahi dhammehi samannāgato bhikkhu bhabbo anuttaraṃ sītibhāvaṃ sacchikātu’’nti (a. ni. 6.85) idaṃ suttaṃ sītibhāvoti veditabbaṃ.

    โพชฺฌงฺคโกสลฺลํ ปน ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยสฺมิํ สมเย ลีนํ จิตฺตํ โหติ, อกาโล ตสฺมิํ สมเย ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔) สํยุตฺตมหาวเคฺค โพชฺฌงฺคสํยุเตฺต อาคตเมวฯ

    Bojjhaṅgakosallaṃ pana ‘‘evameva kho, bhikkhave, yasmiṃ samaye līnaṃ cittaṃ hoti, akālo tasmiṃ samaye passaddhisambojjhaṅgassa bhāvanāyā’’ti (saṃ. ni. 5.234) saṃyuttamahāvagge bojjhaṅgasaṃyutte āgatameva.

    อิติ อิทํ สตฺตวิธํ อุคฺคหโกสลฺลํ สุคฺคหิตํ กตฺวา อิมญฺจ ทสวิธํ มนสิการโกสลฺลํ สุฎฺฐุ ววตฺถเปตฺวา เตน โยคินา อุภยโกสลฺลวเสน กมฺมฎฺฐานํ สาธุกํ อุคฺคเหตพฺพํฯ สเจ ปนสฺส อาจริเยน สทฺธิํ เอกวิหาเรเยว ผาสุ โหติ, เอวํ วิตฺถาเรน อกถาเปตฺวา กมฺมฎฺฐานมนุยุญฺชเนฺตน วิเสสํ ลภิตฺวา อุปรูปริ กถาเปตพฺพํฯ อญฺญตฺถ วสิตุกาเมน ยถาวุเตฺตน วิธินา วิตฺถารโต กถาเปตฺวา ปุนปฺปุนํ ปริวเตฺตตฺวา สพฺพํ คณฺฐิฎฺฐานํ ฉินฺทิตฺวา กมฺมฎฺฐานภาวนาย อนนุรูปํ เสนาสนํ ปหาย มหาวาสตาทิอฎฺฐารสโทสวชฺชิเต อนุรูเป วิหาเร วิหรเนฺตน ขุทฺทกปลิโพธุปเจฺฉทํ กตฺวา โย ตาว ราคจริโต โหติ, เตน ยสฺมา ราโค ปหาตโพฺพ, ตสฺมา ปฎิกฺกูลมนสิกาเร ปริกมฺมํ กาตพฺพํฯ

    Iti idaṃ sattavidhaṃ uggahakosallaṃ suggahitaṃ katvā imañca dasavidhaṃ manasikārakosallaṃ suṭṭhu vavatthapetvā tena yoginā ubhayakosallavasena kammaṭṭhānaṃ sādhukaṃ uggahetabbaṃ. Sace panassa ācariyena saddhiṃ ekavihāreyeva phāsu hoti, evaṃ vitthārena akathāpetvā kammaṭṭhānamanuyuñjantena visesaṃ labhitvā uparūpari kathāpetabbaṃ. Aññattha vasitukāmena yathāvuttena vidhinā vitthārato kathāpetvā punappunaṃ parivattetvā sabbaṃ gaṇṭhiṭṭhānaṃ chinditvā kammaṭṭhānabhāvanāya ananurūpaṃ senāsanaṃ pahāya mahāvāsatādiaṭṭhārasadosavajjite anurūpe vihāre viharantena khuddakapalibodhupacchedaṃ katvā yo tāva rāgacarito hoti, tena yasmā rāgo pahātabbo, tasmā paṭikkūlamanasikāre parikammaṃ kātabbaṃ.

    กโรเนฺตน ปน เกเสสุ ตาว นิมิตฺตํ คเหตพฺพํฯ กถํ? เอกํ วา เทฺว วา เกเส ลุญฺจิตฺวา หตฺถตเล ฐเปตฺวา วโณฺณ ตาว ววตฺถเปตโพฺพฯ ฉินฺนฎฺฐาเนปิ เกเส โอโลเกตุํ วฎฺฎติ; อุทกปเตฺต วา ยาคุปเตฺต วา โอโลเกตุมฺปิ วฎฺฎติเยวฯ กาฬกกาเล ทิสฺวา กาฬกาติ มนสิกาตพฺพา; เสตกาเล เสตาติฯ มิสฺสกกาเล ปน อุสฺสทวเสน มนสิกาตพฺพา โหนฺติฯ ยถา จ เกเสสุ, เอวํ สกเลปิ ตจปญฺจเก ทิสฺวาว นิมิตฺตํ คเหตพฺพํฯ เอวํ นิมิตฺตํ คเหตฺวา สพฺพโกฎฺฐาเสสุ วณฺณสณฺฐานทิโสกาสปริเจฺฉทวเสน ววตฺถเปตฺวา วณฺณสณฺฐานคนฺธอาสโยกาสวเสน ปญฺจธา ปฎิกฺกูลโต ววตฺถเปตพฺพาฯ

    Karontena pana kesesu tāva nimittaṃ gahetabbaṃ. Kathaṃ? Ekaṃ vā dve vā kese luñcitvā hatthatale ṭhapetvā vaṇṇo tāva vavatthapetabbo. Chinnaṭṭhānepi kese oloketuṃ vaṭṭati; udakapatte vā yāgupatte vā oloketumpi vaṭṭatiyeva. Kāḷakakāle disvā kāḷakāti manasikātabbā; setakāle setāti. Missakakāle pana ussadavasena manasikātabbā honti. Yathā ca kesesu, evaṃ sakalepi tacapañcake disvāva nimittaṃ gahetabbaṃ. Evaṃ nimittaṃ gahetvā sabbakoṭṭhāsesu vaṇṇasaṇṭhānadisokāsaparicchedavasena vavatthapetvā vaṇṇasaṇṭhānagandhaāsayokāsavasena pañcadhā paṭikkūlato vavatthapetabbā.

    ตตฺรายํ สพฺพโกฎฺฐาเสสุ อนุปุพฺพกถา – เกสา ตาว ปกติวเณฺณน กาฬกา อทฺทาริฎฺฐกวณฺณา, สณฺฐานโต ทีฆวฎฺฎลิกา ตุลาทณฺฑสณฺฐานา, ทิสโต อุปริมทิสาย ชาตา, โอกาสโต อุโภสุ ปเสฺสสุ กณฺณจูฬิกาหิ, ปุรโต นลาฎเนฺตน, ปจฺฉโต คลวาฎเกน ปริจฺฉินฺนาฯ สีสกฎาหเวฐนํ อลฺลจมฺมํ เกสานํ โอกาโสฯ ปริเจฺฉทโต เกสา สีสเวฐนจเมฺม วีหคฺคมตฺตํ ปวิสิตฺวา ปติฎฺฐิเตน เหฎฺฐา อตฺตโน มูลตเลน, อุปริ อากาเสน, ติริยํ อญฺญมเญฺญน ปริจฺฉินฺนาฯ เทฺว เกสา เอกโต นตฺถีติ อยํ สภาคปริเจฺฉโทฯ

    Tatrāyaṃ sabbakoṭṭhāsesu anupubbakathā – kesā tāva pakativaṇṇena kāḷakā addāriṭṭhakavaṇṇā, saṇṭhānato dīghavaṭṭalikā tulādaṇḍasaṇṭhānā, disato uparimadisāya jātā, okāsato ubhosu passesu kaṇṇacūḷikāhi, purato nalāṭantena, pacchato galavāṭakena paricchinnā. Sīsakaṭāhaveṭhanaṃ allacammaṃ kesānaṃ okāso. Paricchedato kesā sīsaveṭhanacamme vīhaggamattaṃ pavisitvā patiṭṭhitena heṭṭhā attano mūlatalena, upari ākāsena, tiriyaṃ aññamaññena paricchinnā. Dve kesā ekato natthīti ayaṃ sabhāgaparicchedo.

    ‘เกสา น โลมา, โลมา น เกสา’ติ เอวํ อวเสเสหิ เอกติํสโกฎฺฐาเสหิ อมิสฺสีกตา เกสา นาม ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโสติ อยํ วิสภาคปริเจฺฉโทฯ อิทํ เกสานํ วณฺณาทิโต ววตฺถาปนํฯ

    ‘Kesā na lomā, lomā na kesā’ti evaṃ avasesehi ekatiṃsakoṭṭhāsehi amissīkatā kesā nāma pāṭiyekko koṭṭhāsoti ayaṃ visabhāgaparicchedo. Idaṃ kesānaṃ vaṇṇādito vavatthāpanaṃ.

    อิทํ ปน เตสํ วณฺณาทิวเสน ปญฺจธา ปฎิกฺกูลโต ววตฺถาปนํ – เกสา จ นาเมเต วณฺณโตปิ ปฎิกฺกูลา, สณฺฐานโตปิ คนฺธโตปิ อาสยโตปิ โอกาสโตปิ ปฎิกฺกูลาฯ มนุเญฺญปิ หิ ยาคุปเตฺต วา ภตฺตปเตฺต วา เกสวณฺณํ กิญฺจิ ทิสฺวา ‘เกสมิสฺสกมิทํ, หรถ น’นฺติ ชิคุจฺฉนฺติฯ เอวํ เกสา วณฺณโต ปฎิกฺกูลาฯ รตฺติํ ภุญฺชนฺตาปิ เกสสณฺฐานํ อกฺกวากํ วา มกจิวากํ วา ฉุปิตฺวาปิ ตเถว ชิคุจฺฉนฺติฯ เอวํ สณฺฐานโต ปฎิกฺกูลาฯ

    Idaṃ pana tesaṃ vaṇṇādivasena pañcadhā paṭikkūlato vavatthāpanaṃ – kesā ca nāmete vaṇṇatopi paṭikkūlā, saṇṭhānatopi gandhatopi āsayatopi okāsatopi paṭikkūlā. Manuññepi hi yāgupatte vā bhattapatte vā kesavaṇṇaṃ kiñci disvā ‘kesamissakamidaṃ, haratha na’nti jigucchanti. Evaṃ kesā vaṇṇato paṭikkūlā. Rattiṃ bhuñjantāpi kesasaṇṭhānaṃ akkavākaṃ vā makacivākaṃ vā chupitvāpi tatheva jigucchanti. Evaṃ saṇṭhānato paṭikkūlā.

    เตลมกฺขนปุปฺผธูมาทิสงฺขารวิรหิตานญฺจ เกสานํ คโนฺธ ปรมเชคุโจฺฉ โหติ, ตโต เชคุจฺฉตโร อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตานํฯ เกสา หิ วณฺณสณฺฐานโต อปฺปฎิกฺกูลาปิ สิยุํ, คเนฺธน ปน ปฎิกฺกูลาเยวฯ ยถา หิ ทหรสฺส กุมารสฺส วจฺจํ วณฺณโต หฬิทฺทิวณฺณํ, สณฺฐานโตปิ หลิทฺทิปิณฺฑสณฺฐานํ; สงฺขารฎฺฐาเน ฉฑฺฑิตญฺจ อุทฺธุมาตกกาฬสุนขสรีรํ วณฺณโต ตาลปกฺกวณฺณํ, สณฺฐานโต วเฎฺฎตฺวา วิสฺสฎฺฐมุทิงฺคสณฺฐานํ, ทาฐาปิสฺส สุมนมกุฬสทิสาติ อุภยมฺปิ วณฺณสณฺฐานโต สิยา อปฺปฎิกฺกูลํ, คเนฺธน ปน ปฎิกฺกูลเมว; เอวํ เกสาปิ สิยุํ วณฺณสณฺฐานโต อปฺปฎิกฺกูลา, คเนฺธน ปน ปฎิกฺกูลา เอวาติฯ

    Telamakkhanapupphadhūmādisaṅkhāravirahitānañca kesānaṃ gandho paramajeguccho hoti, tato jegucchataro aggimhi pakkhittānaṃ. Kesā hi vaṇṇasaṇṭhānato appaṭikkūlāpi siyuṃ, gandhena pana paṭikkūlāyeva. Yathā hi daharassa kumārassa vaccaṃ vaṇṇato haḷiddivaṇṇaṃ, saṇṭhānatopi haliddipiṇḍasaṇṭhānaṃ; saṅkhāraṭṭhāne chaḍḍitañca uddhumātakakāḷasunakhasarīraṃ vaṇṇato tālapakkavaṇṇaṃ, saṇṭhānato vaṭṭetvā vissaṭṭhamudiṅgasaṇṭhānaṃ, dāṭhāpissa sumanamakuḷasadisāti ubhayampi vaṇṇasaṇṭhānato siyā appaṭikkūlaṃ, gandhena pana paṭikkūlameva; evaṃ kesāpi siyuṃ vaṇṇasaṇṭhānato appaṭikkūlā, gandhena pana paṭikkūlā evāti.

    ยถา ปน อสุจิฎฺฐาเน คามนิสฺสเนฺทน ชาตานิ สูเปยฺยปณฺณานิ นาคริกมนุสฺสานํ เชคุจฺฉานิ โหนฺติ อปริโภคานิ, เอวํ เกสาปิ ปุพฺพโลหิตมุตฺตกรีสปิตฺตเสมฺหาทินิสฺสเนฺทน ชาตตฺตา อติเชคุจฺฉาติ อิทํ เนสํ ‘อาสยโต’ ปาฎิกุลฺยํฯ อิเม จ เกสา นาม คูถราสิมฺหิ อุฎฺฐิตกณฺณิกํ วิย เอกตฺติํสโกฎฺฐาสราสิมฺหิ ชาตาฯ เต สุสานสงฺการฎฺฐานาทีสุ ชาตสากํ วิย, ปริขาทีสุ ชาตกมลกุวลยาทิปุปฺผํ วิย จ อสุจิฎฺฐาเน ชาตตฺตา ปรมเชคุจฺฉาติ อิทํ เตสํ ‘โอกาสโต’ ปาฎิกฺกูลฺยํฯ

    Yathā pana asuciṭṭhāne gāmanissandena jātāni sūpeyyapaṇṇāni nāgarikamanussānaṃ jegucchāni honti aparibhogāni, evaṃ kesāpi pubbalohitamuttakarīsapittasemhādinissandena jātattā atijegucchāti idaṃ nesaṃ ‘āsayato’ pāṭikulyaṃ. Ime ca kesā nāma gūtharāsimhi uṭṭhitakaṇṇikaṃ viya ekattiṃsakoṭṭhāsarāsimhi jātā. Te susānasaṅkāraṭṭhānādīsu jātasākaṃ viya, parikhādīsu jātakamalakuvalayādipupphaṃ viya ca asuciṭṭhāne jātattā paramajegucchāti idaṃ tesaṃ ‘okāsato’ pāṭikkūlyaṃ.

    ยถา จ เกสานํ, เอวํ สพฺพโกฎฺฐาสานํ วณฺณสณฺฐานคนฺธาสโยกาสวเสน ปญฺจธา ปฎิกฺกูลตา ววตฺถเปตพฺพาฯ วณฺณสณฺฐานทิโสกาสปริเจฺฉทวเสน ปน สเพฺพปิ วิสุํ วิสุํ ววตฺถเปตพฺพาฯ

    Yathā ca kesānaṃ, evaṃ sabbakoṭṭhāsānaṃ vaṇṇasaṇṭhānagandhāsayokāsavasena pañcadhā paṭikkūlatā vavatthapetabbā. Vaṇṇasaṇṭhānadisokāsaparicchedavasena pana sabbepi visuṃ visuṃ vavatthapetabbā.

    ตตฺถ โลมา ตาว ปกติวณฺณโต น เกสา วิย อสมฺภินฺนกาฬกา, กาฬปิงฺคลา ปน โหนฺติ; สณฺฐานโต โอนตคฺคตาลมูลสณฺฐานา; ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตา; โอกาสโต ฐเปตฺวา เกสานํ ปติฎฺฐิโตกาสญฺจ หตฺถปาทตลานิ จ เยภุเยฺยน อวเสสสรีรเวฐนจเมฺม ชาตา; ปริเจฺฉทโต สรีรเวฐนจเมฺม ลิกฺขามตฺตํ ปวิสิตฺวา ปติฎฺฐิเตน เหฎฺฐา อตฺตโน มูลตเลน, อุปริ อากาเสน, ติริยํ อญฺญมเญฺญน ปริจฺฉินฺนาฯ เทฺว โลมา เอกโต นตฺถิฯ อยํ เตสํ สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสเยวฯ

    Tattha lomā tāva pakativaṇṇato na kesā viya asambhinnakāḷakā, kāḷapiṅgalā pana honti; saṇṭhānato onataggatālamūlasaṇṭhānā; disato dvīsu disāsu jātā; okāsato ṭhapetvā kesānaṃ patiṭṭhitokāsañca hatthapādatalāni ca yebhuyyena avasesasarīraveṭhanacamme jātā; paricchedato sarīraveṭhanacamme likkhāmattaṃ pavisitvā patiṭṭhitena heṭṭhā attano mūlatalena, upari ākāsena, tiriyaṃ aññamaññena paricchinnā. Dve lomā ekato natthi. Ayaṃ tesaṃ sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisoyeva.

    นขาติ วีสติยา นขปฎฺฎานํ นามํฯ เต สเพฺพปิ วณฺณโต เสตา; สณฺฐานโต มจฺฉสกลิกสณฺฐานา; ทิสโต ปาทนขา เหฎฺฐิมทิสาย ชาตา, หตฺถนขา อุปริมทิสายาติ ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตา; โอกาสโต องฺคุลีนํ อคฺคปิเฎฺฐสุ ปติฎฺฐิตา; ปริเจฺฉทโต ทฺวีสุ ทิสาสุ องฺคุลิโกฎิมํเสหิ, อโนฺต องฺคุลิปิฎฺฐิมํเสน, พหิ เจว อเคฺค จ อากาเสน, ติริยํ อญฺญมเญฺญน ปริจฺฉินฺนาฯ เทฺว นขา เอกโต นตฺถิฯ อยํ เนสํ สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสเยวฯ

    Nakhāti vīsatiyā nakhapaṭṭānaṃ nāmaṃ. Te sabbepi vaṇṇato setā; saṇṭhānato macchasakalikasaṇṭhānā; disato pādanakhā heṭṭhimadisāya jātā, hatthanakhā uparimadisāyāti dvīsu disāsu jātā; okāsato aṅgulīnaṃ aggapiṭṭhesu patiṭṭhitā; paricchedato dvīsu disāsu aṅgulikoṭimaṃsehi, anto aṅgulipiṭṭhimaṃsena, bahi ceva agge ca ākāsena, tiriyaṃ aññamaññena paricchinnā. Dve nakhā ekato natthi. Ayaṃ nesaṃ sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisoyeva.

    ทนฺตาติ ปริปุณฺณทนฺตสฺส ทฺวตฺติํส ทนฺตฎฺฐิกานิฯ เตปิ วณฺณโต เสตา; สณฺฐานโต อเนกสณฺฐานาฯ เตสญฺหิ เหฎฺฐิมาย ตาว ทนฺตปาฬิยา มเชฺฌ จตฺตาโร ทนฺตา มตฺติกาปิเณฺฑ ปฎิปาฎิยา ฐปิตอลาพุพีชสณฺฐานาฯ เตสํ อุโภสุ ปเสฺสสุ เอเกโก เอกมูลโก เอกโกฎิโก มลฺลิกมกุฬสณฺฐาโนฯ ตโต เอเกโก ทฺวิมูลโก ทฺวิโกฎิโก ยานกอุปตฺถมฺภนิกสณฺฐาโนฯ ตโต เทฺว เทฺว ติมูลา ติโกฎิกาฯ ตโต เทฺว เทฺว จตุมูลา จตุโกฎิกาติฯ อุปริมปาฬิยาปิ เอเสว นโย ฯ ทิสโต อุปริมทิสาย ชาตาฯ โอกาสโต ทฺวีสุ หนุกฎฺฐิเกสุ ปติฎฺฐิตาฯ ปริเจฺฉทโต เหฎฺฐา หนุกฎฺฐิเก ปติฎฺฐิเตน อตฺตโน มูลตเลน, อุปริ อากาเสน, ติริยํ อญฺญมเญฺญน ปริจฺฉินฺนาฯ เทฺว ทนฺตา เอกโต นตฺถิฯ อยํ เนสํ สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสเยวฯ

    Dantāti paripuṇṇadantassa dvattiṃsa dantaṭṭhikāni. Tepi vaṇṇato setā; saṇṭhānato anekasaṇṭhānā. Tesañhi heṭṭhimāya tāva dantapāḷiyā majjhe cattāro dantā mattikāpiṇḍe paṭipāṭiyā ṭhapitaalābubījasaṇṭhānā. Tesaṃ ubhosu passesu ekeko ekamūlako ekakoṭiko mallikamakuḷasaṇṭhāno. Tato ekeko dvimūlako dvikoṭiko yānakaupatthambhanikasaṇṭhāno. Tato dve dve timūlā tikoṭikā. Tato dve dve catumūlā catukoṭikāti. Uparimapāḷiyāpi eseva nayo . Disato uparimadisāya jātā. Okāsato dvīsu hanukaṭṭhikesu patiṭṭhitā. Paricchedato heṭṭhā hanukaṭṭhike patiṭṭhitena attano mūlatalena, upari ākāsena, tiriyaṃ aññamaññena paricchinnā. Dve dantā ekato natthi. Ayaṃ nesaṃ sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisoyeva.

    ตโจติ สกลสรีรํ เวเฐตฺวา ฐิตจมฺมํฯ ตสฺส อุปริ กาฬสามปีตาทิวณฺณา ฉวิ นาม, ยา สกลสรีรโตปิ สงฺกฑฺฒิยมานา พทรฎฺฐิมตฺตา โหติฯ ตโจ ปน วณฺณโต เสโตเยวฯ โส จสฺส เสตภาโว อคฺคิชาลาภิฆาตปหรณปหาราทีหิ วิทฺธํสิตาย ฉวิยา ปากโฎ โหติฯ สณฺฐานโต สรีรสณฺฐาโนว โหติฯ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ

    Tacoti sakalasarīraṃ veṭhetvā ṭhitacammaṃ. Tassa upari kāḷasāmapītādivaṇṇā chavi nāma, yā sakalasarīratopi saṅkaḍḍhiyamānā badaraṭṭhimattā hoti. Taco pana vaṇṇato setoyeva. So cassa setabhāvo aggijālābhighātapaharaṇapahārādīhi viddhaṃsitāya chaviyā pākaṭo hoti. Saṇṭhānato sarīrasaṇṭhānova hoti. Ayamettha saṅkhepo.

    วิตฺถารโต ปน ปาทงฺคุลิตฺตโจ โกสการกโกสสณฺฐาโนฯ ปิฎฺฐิปาทตฺตโจ ปุฎพนฺธอุปาหนสณฺฐาโนฯ ชงฺฆตฺตโจ ภตฺตปุฎกตาลปณฺณสณฺฐาโนฯ อูรุตฺตโจ ตณฺฑุลภริตทีฆตฺถวิกสณฺฐาโนฯ อานิสทตฺตโจ อุทกปูริตปฎปริสฺสาวนสณฺฐาโนฯ ปิฎฺฐิตฺตโจ ผลโกนทฺธจมฺมสณฺฐาโนฯ กุจฺฉิตฺตโจ วีณาโทณิโกนทฺธจมฺมสณฺฐาโนฯ อุรตฺตโจ เยภุเยฺยน จตุรสฺสสณฺฐาโนฯ อุภยพาหุตฺตโจ ตูณีโรนทฺธจมฺมสณฺฐาโนฯ ปิฎฺฐิหตฺถตฺตโจ ขุรโกสกสณฺฐาโน, ผณกตฺถวิกสณฺฐาโน วาฯ หตฺถงฺคุลิตฺตโจ กุญฺจิกาโกสกสณฺฐาโนฯ คีวตฺตโจ คลกญฺจุกสณฺฐาโนฯ มุขตฺตโจ ฉิทฺทาวจฺฉิโทฺท กีฎกุลาวกสณฺฐาโนฯ สีสตฺตโจ ปตฺตตฺถวิกสณฺฐาโนติฯ

    Vitthārato pana pādaṅgulittaco kosakārakakosasaṇṭhāno. Piṭṭhipādattaco puṭabandhaupāhanasaṇṭhāno. Jaṅghattaco bhattapuṭakatālapaṇṇasaṇṭhāno. Ūruttaco taṇḍulabharitadīghatthavikasaṇṭhāno. Ānisadattaco udakapūritapaṭaparissāvanasaṇṭhāno. Piṭṭhittaco phalakonaddhacammasaṇṭhāno. Kucchittaco vīṇādoṇikonaddhacammasaṇṭhāno. Urattaco yebhuyyena caturassasaṇṭhāno. Ubhayabāhuttaco tūṇīronaddhacammasaṇṭhāno. Piṭṭhihatthattaco khurakosakasaṇṭhāno, phaṇakatthavikasaṇṭhāno vā. Hatthaṅgulittaco kuñcikākosakasaṇṭhāno. Gīvattaco galakañcukasaṇṭhāno. Mukhattaco chiddāvacchiddo kīṭakulāvakasaṇṭhāno. Sīsattaco pattatthavikasaṇṭhānoti.

    ตจปริคฺคณฺหเกน จ โยคาวจเรน อุตฺตโรฎฺฐโต ปฎฺฐาย อุปริ มุขํ ญาณํ เปเสตฺวา ปฐมํ ตาว มุขํ ปริโยนนฺธิตฺวา ฐิตจมฺมํ ววตฺถเปตพฺพํฯ ตโต นลาฎฎฺฐิจมฺมํฯ ตโต ถวิกาย ปกฺขิตฺตปตฺตสฺส จ ถวิกาย จ อนฺตเรน หตฺถมิว สีสฎฺฐิกสฺส จ สีสจมฺมสฺส จ อนฺตเรน ญาณํ เปเสตฺวา อฎฺฐิเกน สทฺธิํ จมฺมสฺส เอกาพทฺธภาวํ วิโยเชเนฺตน สีสจมฺมํ ววตฺถเปตพฺพํฯ ตโต ขนฺธจมฺมํฯ ตโต อนุโลเมน ปฎิโลเมน จ ทกฺขิณหตฺถจมฺมํฯ อถ เตเนว นเยน วามหตฺถจมฺมํฯ ตโต ปิฎฺฐิจมฺมํฯ ตํ ตํ ววตฺถเปตฺวา อนุโลเมน จ ปฎิโลเมน จ ทกฺขิณปาทจมฺมํฯ อถ เตเนว นเยน วามปาทจมฺมํฯ ตโต อนุกฺกเมเนว วตฺถิอุทรหทยคีวจมฺมานิ ววตฺถเปตพฺพานิฯ อถ คีวาจมฺมานนฺตรํ เหฎฺฐิมหนุจมฺมํ ววตฺถเปตฺวา อธโรฎฺฐปริโยสานํ ปาเปตฺวา นิฎฺฐเปตพฺพํฯ เอวํ โอฬาริโกฬาริกํ ปริคฺคณฺหนฺตสฺส สุขุมมฺปิ ปากฎํ โหติฯ

    Tacapariggaṇhakena ca yogāvacarena uttaroṭṭhato paṭṭhāya upari mukhaṃ ñāṇaṃ pesetvā paṭhamaṃ tāva mukhaṃ pariyonandhitvā ṭhitacammaṃ vavatthapetabbaṃ. Tato nalāṭaṭṭhicammaṃ. Tato thavikāya pakkhittapattassa ca thavikāya ca antarena hatthamiva sīsaṭṭhikassa ca sīsacammassa ca antarena ñāṇaṃ pesetvā aṭṭhikena saddhiṃ cammassa ekābaddhabhāvaṃ viyojentena sīsacammaṃ vavatthapetabbaṃ. Tato khandhacammaṃ. Tato anulomena paṭilomena ca dakkhiṇahatthacammaṃ. Atha teneva nayena vāmahatthacammaṃ. Tato piṭṭhicammaṃ. Taṃ taṃ vavatthapetvā anulomena ca paṭilomena ca dakkhiṇapādacammaṃ. Atha teneva nayena vāmapādacammaṃ. Tato anukkameneva vatthiudarahadayagīvacammāni vavatthapetabbāni. Atha gīvācammānantaraṃ heṭṭhimahanucammaṃ vavatthapetvā adharoṭṭhapariyosānaṃ pāpetvā niṭṭhapetabbaṃ. Evaṃ oḷārikoḷārikaṃ pariggaṇhantassa sukhumampi pākaṭaṃ hoti.

    ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาโตฯ โอกาสโต สกลสรีรํ ปริโยนนฺธิตฺวา ฐิโตฯ ปริเจฺฉทโต เหฎฺฐา ปติฎฺฐิตตเลน, อุปริ อากาเสน ปริจฺฉิโนฺนฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสเยวฯ

    Disato dvīsu disāsu jāto. Okāsato sakalasarīraṃ pariyonandhitvā ṭhito. Paricchedato heṭṭhā patiṭṭhitatalena, upari ākāsena paricchinno. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisoyeva.

    มํสนฺติ นว มํสเปสิสตานิฯ ตํ สพฺพมฺปิ วณฺณโต รตฺตํ กิํสุกปุปฺผสทิสํ; สณฺฐานโต ชงฺฆปิณฺฑิกมํสํ ตาลปณฺณปุฎภตฺตสณฺฐานํ, อูรุมํสํ นิสทโปตกสณฺฐานํ, อานิสทมํสํ อุทฺธนโกฎิสณฺฐานํ, ปิฎฺฐิมํสํ ตาลคุฬปฎลสณฺฐานํ, ผาสุกทฺวยมํสํ โปตฺถลิกาย กุจฺฉิยํ ตนุมตฺติกาเลปนสณฺฐานํ, ถนมํสํ วเฎฺฎตฺวา อวกฺขิตฺตมตฺติกาปิณฺฑสณฺฐานํ, พาหุทฺวยมํสํ ทิคุณํ กตฺวา ฐปิตนิจฺจมฺมมหามูสิกสณฺฐานํฯ เอวํ โอฬาริโกฬาริกํ มํสํ ปริคฺคณฺหนฺตสฺส สุขุมมฺปิ ปากฎํ โหติฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตํฯ โอกาสโต สาธิกานิ ตีณิ อฎฺฐิสตานิ อนุลิเมฺปตฺวา ฐิตํฯ ปริเจฺฉทโต เหฎฺฐา อฎฺฐิสงฺฆาเต ปติฎฺฐิตตเลน, อุปริ ตเจน, ติริยํ อญฺญมเญฺญน ปริจฺฉินฺนํฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Maṃsanti nava maṃsapesisatāni. Taṃ sabbampi vaṇṇato rattaṃ kiṃsukapupphasadisaṃ; saṇṭhānato jaṅghapiṇḍikamaṃsaṃ tālapaṇṇapuṭabhattasaṇṭhānaṃ, ūrumaṃsaṃ nisadapotakasaṇṭhānaṃ, ānisadamaṃsaṃ uddhanakoṭisaṇṭhānaṃ, piṭṭhimaṃsaṃ tālaguḷapaṭalasaṇṭhānaṃ, phāsukadvayamaṃsaṃ potthalikāya kucchiyaṃ tanumattikālepanasaṇṭhānaṃ, thanamaṃsaṃ vaṭṭetvā avakkhittamattikāpiṇḍasaṇṭhānaṃ, bāhudvayamaṃsaṃ diguṇaṃ katvā ṭhapitaniccammamahāmūsikasaṇṭhānaṃ. Evaṃ oḷārikoḷārikaṃ maṃsaṃ pariggaṇhantassa sukhumampi pākaṭaṃ hoti. Disato dvīsu disāsu jātaṃ. Okāsato sādhikāni tīṇi aṭṭhisatāni anulimpetvā ṭhitaṃ. Paricchedato heṭṭhā aṭṭhisaṅghāte patiṭṭhitatalena, upari tacena, tiriyaṃ aññamaññena paricchinnaṃ. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    ‘นฺหารู’ติ นว นฺหารุสตานิฯ วณฺณโต สเพฺพปิ นฺหารู เสตา; สณฺฐานโต นานาสณฺฐานาฯ เอเตสุ หิ คีวาย อุปริภาคโต ปฎฺฐาย ปญฺจ มหานฺหารู สรีรํ วินทฺธมานา หทยสฺส ปุริมปเสฺสน โอติณฺณา, ปญฺจ ปจฺฉิมปเสฺสน, ปญฺจ ทกฺขิณปเสฺสน, ปญฺจ วามปเสฺสน, ทกฺขิณหตฺถํ วินทฺธมานาปิ หตฺถสฺส ปุริมปเสฺสน ปญฺจ, ปจฺฉิมปเสฺสน ปญฺจ, ตถา วามหตฺถํ วินทฺธมานาปิฯ ทกฺขิณปาทํ วินทฺธมานาปิ ปาทสฺส ปุริมปเสฺสน ปญฺจ, ปจฺฉิมปเสฺสน ปญฺจ, ตถา วามปาทํ วินทฺธมานาปีติฯ เอวํ สรีรธารกา นาม สฎฺฐิ มหานฺหารู กายํ วินทฺธมานา โอติณฺณา, เย กณฺฑราติปิ วุจฺจนฺติฯ เต สเพฺพปิ กนฺทลมกุฬสณฺฐานาฯ

    ‘Nhārū’ti nava nhārusatāni. Vaṇṇato sabbepi nhārū setā; saṇṭhānato nānāsaṇṭhānā. Etesu hi gīvāya uparibhāgato paṭṭhāya pañca mahānhārū sarīraṃ vinaddhamānā hadayassa purimapassena otiṇṇā, pañca pacchimapassena, pañca dakkhiṇapassena, pañca vāmapassena, dakkhiṇahatthaṃ vinaddhamānāpi hatthassa purimapassena pañca, pacchimapassena pañca, tathā vāmahatthaṃ vinaddhamānāpi. Dakkhiṇapādaṃ vinaddhamānāpi pādassa purimapassena pañca, pacchimapassena pañca, tathā vāmapādaṃ vinaddhamānāpīti. Evaṃ sarīradhārakā nāma saṭṭhi mahānhārū kāyaṃ vinaddhamānā otiṇṇā, ye kaṇḍarātipi vuccanti. Te sabbepi kandalamakuḷasaṇṭhānā.

    อเญฺญ ปน ตํ ตํ ปเทสํ อโชฺฌตฺถริตฺวา ฐิตา ตโต สุขุมตรา สุตฺตรชฺชุกสณฺฐานาฯ อเญฺญ ตโต สุขุมตรา ปูติลตาสณฺฐานาฯ อเญฺญ ตโต สุขุมตรา มหาวีณาตนฺติสณฺฐานาฯ อเญฺญ ถูลสุตฺตกสณฺฐานาฯ หตฺถปาทปิฎฺฐิยํ นฺหารู สกุณปาทสณฺฐานาฯ สีสนฺหารู ทารกานํ สีสชาลกสณฺฐานาฯ ปิฎฺฐินฺหารู อาตเป ปสาริตอลฺลชาลสณฺฐานาฯ อวเสสา ตํตํองฺคปจฺจงฺคานุคตา นฺหารู สรีเร ปฎิมุกฺกชาลกญฺจุกสณฺฐานาฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตาฯ โอกาสโต สกลสรีเร อฎฺฐีนิ อาพนฺธิตฺวา ฐิตาฯ ปริเจฺฉทโต เหฎฺฐา ติณฺณํ อฎฺฐิสตานํ อุปริ ปติฎฺฐิตตเลหิ, อุปริ มํสจมฺมานิ อาหจฺจ ฐิตปเทเสหิ, ติริยํ อญฺญมเญฺญน ปริจฺฉินฺนาฯ อยํ เนสํ สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสเยวฯ

    Aññe pana taṃ taṃ padesaṃ ajjhottharitvā ṭhitā tato sukhumatarā suttarajjukasaṇṭhānā. Aññe tato sukhumatarā pūtilatāsaṇṭhānā. Aññe tato sukhumatarā mahāvīṇātantisaṇṭhānā. Aññe thūlasuttakasaṇṭhānā. Hatthapādapiṭṭhiyaṃ nhārū sakuṇapādasaṇṭhānā. Sīsanhārū dārakānaṃ sīsajālakasaṇṭhānā. Piṭṭhinhārū ātape pasāritaallajālasaṇṭhānā. Avasesā taṃtaṃaṅgapaccaṅgānugatā nhārū sarīre paṭimukkajālakañcukasaṇṭhānā. Disato dvīsu disāsu jātā. Okāsato sakalasarīre aṭṭhīni ābandhitvā ṭhitā. Paricchedato heṭṭhā tiṇṇaṃ aṭṭhisatānaṃ upari patiṭṭhitatalehi, upari maṃsacammāni āhacca ṭhitapadesehi, tiriyaṃ aññamaññena paricchinnā. Ayaṃ nesaṃ sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisoyeva.

    อฎฺฐีติ ฐเปตฺวา ทฺวตฺติํส ทนฺตฎฺฐีนิ อวเสสานิ จตุสฎฺฐิ หตฺถฎฺฐีนิ, จตุสฎฺฐิ ปาทฎฺฐีนิ, จตุสฎฺฐิ มํสนิสฺสิตานิ มุทุอฎฺฐีนิ, เทฺว ปณฺหิกฎฺฐีนิ, เอเกกสฺมิํ ปาเท เทฺว โคปฺผกฎฺฐีนิ, เทฺว ชงฺฆฎฺฐีนิ, เทฺว ชณฺณุกฎฺฐีนิ, เทฺว อูรุฎฺฐีนิ, เทฺว กฎิฎฺฐีนิ, อฎฺฐารส ปิฎฺฐิกณฺฎกฎฺฐีนิ, จตุวีสติ ผาสุกฎฺฐีนิ, จุทฺทส อุรฎฺฐีนิ, เอกํ หทยฎฺฐิ, เทฺว อกฺขกฎฺฐีนิ, เทฺว โกฎฺฐฎฺฐีนิ, เทฺว พาหฎฺฐีนิ, เทฺว เทฺว อคฺคพาหฎฺฐีนิ, สตฺต คีวฎฺฐีนิ, เทฺว หนุกฎฺฐีนิ, เอกํ นาสิกฎฺฐิ, เทฺว อกฺขิฎฺฐีนิ, เทฺว กณฺณฎฺฐีนิ, เอกํ นลาฎฎฺฐิ, เอกํ มุทฺธฎฺฐิ, นว สีสกปาลฎฺฐีนีติ เอวํ ติมตฺตานิ อฎฺฐิสตานิฯ

    Aṭṭhīti ṭhapetvā dvattiṃsa dantaṭṭhīni avasesāni catusaṭṭhi hatthaṭṭhīni, catusaṭṭhi pādaṭṭhīni, catusaṭṭhi maṃsanissitāni muduaṭṭhīni, dve paṇhikaṭṭhīni, ekekasmiṃ pāde dve gopphakaṭṭhīni, dve jaṅghaṭṭhīni, dve jaṇṇukaṭṭhīni, dve ūruṭṭhīni, dve kaṭiṭṭhīni, aṭṭhārasa piṭṭhikaṇṭakaṭṭhīni, catuvīsati phāsukaṭṭhīni, cuddasa uraṭṭhīni, ekaṃ hadayaṭṭhi, dve akkhakaṭṭhīni, dve koṭṭhaṭṭhīni, dve bāhaṭṭhīni, dve dve aggabāhaṭṭhīni, satta gīvaṭṭhīni, dve hanukaṭṭhīni, ekaṃ nāsikaṭṭhi, dve akkhiṭṭhīni, dve kaṇṇaṭṭhīni, ekaṃ nalāṭaṭṭhi, ekaṃ muddhaṭṭhi, nava sīsakapālaṭṭhīnīti evaṃ timattāni aṭṭhisatāni.

    ตานิ สพฺพานิปิ วณฺณโต เสตานิ, สณฺฐานโต นานาสณฺฐานานิฯ ตตฺถ หิ อคฺคปาทงฺคุลิฎฺฐีนิ กตกพีชสณฺฐานานิฯ ตทนนฺตรานิ มชฺฌปพฺพฎฺฐีนิ ปนสฎฺฐิสณฺฐานานิฯ มูลปพฺพฎฺฐีนิ ปณวสณฺฐานานิฯ ปิฎฺฐิปาทฎฺฐีนิ โกฎฺฐิตกนฺทลกนฺทราสิสณฺฐานานิฯ ปณฺหิกฎฺฐิ เอกฎฺฐิตาลผลพีชสณฺฐานํฯ โคปฺผกฎฺฐีนิ พนฺธกีฬาโคฬกสณฺฐานานิฯ ชงฺฆฎฺฐีนํ โคปฺผกฎฺฐีสุ ปติฎฺฐิตฎฺฐานํ อนปนีตตจสินฺทิกฬีรสณฺฐานํฯ ขุทฺทกชงฺฆฎฺฐิกํ ธนุกทณฺฑสณฺฐานํ, มหนฺตํ มิลาตสปฺปปิฎฺฐิสณฺฐานํฯ ชณฺณุกฎฺฐิ เอกโต ปริกฺขีณเผณกสณฺฐานํฯ

    Tāni sabbānipi vaṇṇato setāni, saṇṭhānato nānāsaṇṭhānāni. Tattha hi aggapādaṅguliṭṭhīni katakabījasaṇṭhānāni. Tadanantarāni majjhapabbaṭṭhīni panasaṭṭhisaṇṭhānāni. Mūlapabbaṭṭhīni paṇavasaṇṭhānāni. Piṭṭhipādaṭṭhīni koṭṭhitakandalakandarāsisaṇṭhānāni. Paṇhikaṭṭhi ekaṭṭhitālaphalabījasaṇṭhānaṃ. Gopphakaṭṭhīni bandhakīḷāgoḷakasaṇṭhānāni. Jaṅghaṭṭhīnaṃ gopphakaṭṭhīsu patiṭṭhitaṭṭhānaṃ anapanītatacasindikaḷīrasaṇṭhānaṃ. Khuddakajaṅghaṭṭhikaṃ dhanukadaṇḍasaṇṭhānaṃ, mahantaṃ milātasappapiṭṭhisaṇṭhānaṃ. Jaṇṇukaṭṭhi ekato parikkhīṇapheṇakasaṇṭhānaṃ.

    ตตฺถ ชงฺฆฎฺฐิกสฺส ปติฎฺฐิตฎฺฐานํ อติขิณคฺคโคสิงฺคสณฺฐานํฯ อูรุฎฺฐิ ทุตฺตจฺฉิตวาสิผรสุทณฺฑกสณฺฐานํฯ ตสฺส กฎิฎฺฐิมฺหิ ปติฎฺฐิตฎฺฐานํ กีฬาโคฬกสณฺฐานํฯ เตน กฎิฎฺฐิโน ปติฎฺฐิตฎฺฐานํ อคฺคจฺฉินฺนมหาปุนฺนาคผลสณฺฐานํฯ กฎิฎฺฐีนิ เทฺวปิ เอกาพทฺธานิ หุตฺวา กุมฺภการกอุทฺธนสณฺฐานานิ, ปาฎิเยกฺกํ กมฺมารกูฎโยตฺตกสณฺฐานานิฯ โกฎิยํ ฐิตอานิสทฎฺฐิ อโธมุขํ กตฺวา คหิตสปฺปผณสณฺฐานํ สตฺตสุ ฐาเนสุ ฉิทฺทาวฉิทฺทํฯ ปิฎฺฐิกณฺฎกฎฺฐีนิ อพฺภนฺตรโต อุปรูปริ ฐปิตสีสกปฎฺฎเวฐกสณฺฐานานิ, พาหิรโต วฎฺฎนาวฬิสณฺฐานานิฯ เตสํ อนฺตรนฺตรา กกจทนฺตสทิสา เทฺว ตโย กณฺฎกา โหนฺติฯ จตุวีสติยา ผาสุกฎฺฐีสุ อปริปุณฺณานิ อปริปุณฺณาสิตสณฺฐานานิ, ปริปุณฺณานิ ปริปุณฺณาสิตสณฺฐานานิฯ สพฺพานิปิ โอทาตกุกฺกุฎสฺส ปสาริตปกฺขสณฺฐานานิฯ

    Tattha jaṅghaṭṭhikassa patiṭṭhitaṭṭhānaṃ atikhiṇaggagosiṅgasaṇṭhānaṃ. Ūruṭṭhi duttacchitavāsipharasudaṇḍakasaṇṭhānaṃ. Tassa kaṭiṭṭhimhi patiṭṭhitaṭṭhānaṃ kīḷāgoḷakasaṇṭhānaṃ. Tena kaṭiṭṭhino patiṭṭhitaṭṭhānaṃ aggacchinnamahāpunnāgaphalasaṇṭhānaṃ. Kaṭiṭṭhīni dvepi ekābaddhāni hutvā kumbhakārakauddhanasaṇṭhānāni, pāṭiyekkaṃ kammārakūṭayottakasaṇṭhānāni. Koṭiyaṃ ṭhitaānisadaṭṭhi adhomukhaṃ katvā gahitasappaphaṇasaṇṭhānaṃ sattasu ṭhānesu chiddāvachiddaṃ. Piṭṭhikaṇṭakaṭṭhīni abbhantarato uparūpari ṭhapitasīsakapaṭṭaveṭhakasaṇṭhānāni, bāhirato vaṭṭanāvaḷisaṇṭhānāni. Tesaṃ antarantarā kakacadantasadisā dve tayo kaṇṭakā honti. Catuvīsatiyā phāsukaṭṭhīsu aparipuṇṇāni aparipuṇṇāsitasaṇṭhānāni, paripuṇṇāni paripuṇṇāsitasaṇṭhānāni. Sabbānipi odātakukkuṭassa pasāritapakkhasaṇṭhānāni.

    จุทฺทส อุรฎฺฐีนิ ชิณฺณสนฺทมานิกปญฺชรสณฺฐานานิฯ หทยฎฺฐิ ทพฺพิผณสณฺฐานํฯ อกฺขกฎฺฐีนิ ขุทฺทกโลหวาสิทณฺฑสณฺฐานานิฯ โกฎฺฐฎฺฐีนิ เอกโต ปริกฺขีณสีหฬกุทาลสณฺฐานานิฯ พาหุฎฺฐีนิ อาทาสทณฺฑกสณฺฐานานิฯ อคฺคพาหุฎฺฐีนิ ยมกตาลกนฺทสณฺฐานานิฯ มณิพนฺธฎฺฐีนิ เอกโต อลฺลียาเปตฺวา ฐปิตสีสกปฎฺฎเวฐกสณฺฐานานิฯ ปิฎฺฐิหตฺถฎฺฐีนิ โกฎฺฎิตกนฺทลกนฺทราสิสณฺฐานานิฯ หตฺถงฺคุลีสุ มูลปพฺพฎฺฐีนิ ปณวสณฺฐานานิ; มชฺฌปพฺพฎฺฐีนิ อปริปุณฺณปนสฎฺฐิสณฺฐานานิ; อคฺคปพฺพฎฺฐีนิ กตกพีชสณฺฐานานิฯ สตฺต คีวฎฺฐีนิ ทเณฺฑน วิชฺฌิตฺวา ปฎิปาฎิยา ฐปิตวํสกฬีรจกฺกลิกสณฺฐานานิฯ เหฎฺฐิมหนุกฎฺฐิ กมฺมารานํ อโยกูฎโยตฺตกสณฺฐานํ, อุปริมํ อวเลขนสตฺถกสณฺฐานํฯ

    Cuddasa uraṭṭhīni jiṇṇasandamānikapañjarasaṇṭhānāni. Hadayaṭṭhi dabbiphaṇasaṇṭhānaṃ. Akkhakaṭṭhīni khuddakalohavāsidaṇḍasaṇṭhānāni. Koṭṭhaṭṭhīni ekato parikkhīṇasīhaḷakudālasaṇṭhānāni. Bāhuṭṭhīni ādāsadaṇḍakasaṇṭhānāni. Aggabāhuṭṭhīni yamakatālakandasaṇṭhānāni. Maṇibandhaṭṭhīni ekato allīyāpetvā ṭhapitasīsakapaṭṭaveṭhakasaṇṭhānāni. Piṭṭhihatthaṭṭhīni koṭṭitakandalakandarāsisaṇṭhānāni. Hatthaṅgulīsu mūlapabbaṭṭhīni paṇavasaṇṭhānāni; majjhapabbaṭṭhīni aparipuṇṇapanasaṭṭhisaṇṭhānāni; aggapabbaṭṭhīni katakabījasaṇṭhānāni. Satta gīvaṭṭhīni daṇḍena vijjhitvā paṭipāṭiyā ṭhapitavaṃsakaḷīracakkalikasaṇṭhānāni. Heṭṭhimahanukaṭṭhi kammārānaṃ ayokūṭayottakasaṇṭhānaṃ, uparimaṃ avalekhanasatthakasaṇṭhānaṃ.

    อกฺขิกูปนาสากูปฎฺฐีนิ อปนีตมิญฺชตรุณตาลฎฺฐิสณฺฐานานิฯ นลาฎฎฺฐิ อโธมุขฐปิตสงฺขถาลกกปาลสณฺฐานํฯ กณฺณจูฬิกฎฺฐีนิ นฺหาปิตขุรโกสกสณฺฐานานิฯ นลาฎกณฺณจูฬิกานํ อุปริ ปฎฺฎพนฺธโนกาเส อฎฺฐิ สงฺกุฎิตฆฎปุณฺณปฎลขณฺฑสณฺฐานํฯ มุทฺธฎฺฐิ มุขจฺฉินฺนวงฺกนาฬิเกรสณฺฐานํฯ สีสฎฺฐีนิ สิเพฺพตฺวา ฐปิตชชฺชรลาพุกฎาหสณฺฐานานิฯ

    Akkhikūpanāsākūpaṭṭhīni apanītamiñjataruṇatālaṭṭhisaṇṭhānāni. Nalāṭaṭṭhi adhomukhaṭhapitasaṅkhathālakakapālasaṇṭhānaṃ. Kaṇṇacūḷikaṭṭhīni nhāpitakhurakosakasaṇṭhānāni. Nalāṭakaṇṇacūḷikānaṃ upari paṭṭabandhanokāse aṭṭhi saṅkuṭitaghaṭapuṇṇapaṭalakhaṇḍasaṇṭhānaṃ. Muddhaṭṭhi mukhacchinnavaṅkanāḷikerasaṇṭhānaṃ. Sīsaṭṭhīni sibbetvā ṭhapitajajjaralābukaṭāhasaṇṭhānāni.

    ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตานิฯ โอกาสโต อวิเสเสน สกลสรีเร ฐิตานิฯ วิเสเสน ปเนตฺถ สีสฎฺฐีนิ คีวฎฺฐีสุ ปติฎฺฐิตานิ, คีวฎฺฐีนิ ปิฎฺฐิกณฺฎกฎฺฐีสุ, ปิฎฺฐิกณฺฎกฎฺฐีนิ กฎิฎฺฐีสุ, กฎิฎฺฐีนิ อูรุฎฺฐีสุ, อูรุฎฺฐีนิ ชณฺณุกฎฺฐีสุ, ชณฺณุกฎฺฐีนิ ชงฺฆฎฺฐีสุ, ชงฺฆฎฺฐีนิ โคปฺผกฎฺฐีสุ, โคปฺผกฎฺฐีนิ ปิฎฺฐิปาทฎฺฐีสุ ปติฎฺฐิตานิฯ ปริเจฺฉทโต อโนฺต อฎฺฐิมิเญฺชน, อุปริ มํเสน, อเคฺค มูเล จ อญฺญมเญฺญน ปริจฺฉินฺนานิฯ อยํ เนสํ สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Disato dvīsu disāsu jātāni. Okāsato avisesena sakalasarīre ṭhitāni. Visesena panettha sīsaṭṭhīni gīvaṭṭhīsu patiṭṭhitāni, gīvaṭṭhīni piṭṭhikaṇṭakaṭṭhīsu, piṭṭhikaṇṭakaṭṭhīni kaṭiṭṭhīsu, kaṭiṭṭhīni ūruṭṭhīsu, ūruṭṭhīni jaṇṇukaṭṭhīsu, jaṇṇukaṭṭhīni jaṅghaṭṭhīsu, jaṅghaṭṭhīni gopphakaṭṭhīsu, gopphakaṭṭhīni piṭṭhipādaṭṭhīsu patiṭṭhitāni. Paricchedato anto aṭṭhimiñjena, upari maṃsena, agge mūle ca aññamaññena paricchinnāni. Ayaṃ nesaṃ sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    อฎฺฐิมิญฺชนฺติ เตสํ เตสํ อฎฺฐีนํ อพฺภนฺตรคตํ มิญฺชํฯ ตํ วณฺณโต เสตํฯ สณฺฐานโต มหนฺตมหนฺตานํ อฎฺฐีนํ อพฺภนฺตรคตํ เวฬุนาฬิยํ ปกฺขิตฺตเสทิตมหาเวตฺตคฺคสณฺฐานํ, ขุทฺทานุขุทฺทกานํ อพฺภนฺตรคตํ เวฬุยฎฺฐิปเพฺพสุ ปกฺขิตฺตเสทิตตนุเวตฺตคฺคสณฺฐานํฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตํฯ โอกาสโต อฎฺฐีนํ อพฺภนฺตเร ปติฎฺฐิตํฯ ปริเจฺฉทโต อฎฺฐีนํ อพฺภนฺตรตเลหิ ปริจฺฉินฺนํฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Aṭṭhimiñjanti tesaṃ tesaṃ aṭṭhīnaṃ abbhantaragataṃ miñjaṃ. Taṃ vaṇṇato setaṃ. Saṇṭhānato mahantamahantānaṃ aṭṭhīnaṃ abbhantaragataṃ veḷunāḷiyaṃ pakkhittaseditamahāvettaggasaṇṭhānaṃ, khuddānukhuddakānaṃ abbhantaragataṃ veḷuyaṭṭhipabbesu pakkhittaseditatanuvettaggasaṇṭhānaṃ. Disato dvīsu disāsu jātaṃ. Okāsato aṭṭhīnaṃ abbhantare patiṭṭhitaṃ. Paricchedato aṭṭhīnaṃ abbhantaratalehi paricchinnaṃ. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    วกฺกนฺติ เอกพนฺธนา เทฺว มํสปิณฺฑาฯ ตํ วณฺณโต มนฺทรตฺตํ ปาฬิภทฺทกฎฺฐิวณฺณํฯ สณฺฐานโต ทารกานํ ยมกกีฬาโคฬกสณฺฐานํ, เอกวณฺฎปฎิพทฺธอมฺพผลทฺวยสณฺฐานํ วาฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต คลวาฎกา นิกฺขเนฺตน เอกมูเลน โถกํ คนฺตฺวา ทฺวิธา ภิเนฺนน ถูลนฺหารุนา วินิพทฺธํ หุตฺวา หทยมํสํ ปริกฺขิปิตฺวา ฐิตํฯ ปริเจฺฉทโต วกฺกํ วกฺกภาเคน ปริจฺฉินฺนํฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Vakkanti ekabandhanā dve maṃsapiṇḍā. Taṃ vaṇṇato mandarattaṃ pāḷibhaddakaṭṭhivaṇṇaṃ. Saṇṭhānato dārakānaṃ yamakakīḷāgoḷakasaṇṭhānaṃ, ekavaṇṭapaṭibaddhaambaphaladvayasaṇṭhānaṃ vā. Disato uparimāya disāya jātaṃ. Okāsato galavāṭakā nikkhantena ekamūlena thokaṃ gantvā dvidhā bhinnena thūlanhārunā vinibaddhaṃ hutvā hadayamaṃsaṃ parikkhipitvā ṭhitaṃ. Paricchedato vakkaṃ vakkabhāgena paricchinnaṃ. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    หทยนฺติ หทยมํสํฯ ตํ วณฺณโต รตฺตํ ปทุมปตฺตปิฎฺฐิวณฺณํฯ สณฺฐานโต พาหิรปตฺตานิ อปเนตฺวา อโธมุขฐปิตปทุมมกุฬสณฺฐานํฯ พหิ มฎฺฐํ; อโนฺต โกสาตกีผลสฺส อพฺภนฺตรสทิสํฯ ปญฺญวนฺตานํ โถกํ วิกสิตํ, มนฺทปญฺญานํ มกุฬิตเมวฯ อโนฺต จสฺส ปุนฺนาคฎฺฐิปติฎฺฐานมโตฺต อาวาฎโก โหติ, ยตฺถ อฑฺฒปสตมตฺตํ โลหิตํ สณฺฐาติ; ยํ นิสฺสาย มโนธาตุ มโนวิญฺญาณธาตุ จ วตฺตนฺติฯ ตํ ปเนตํ ราคจริตสฺส รตฺตํ โหติ, โทสจริตสฺส กาฬกํ, โมหจริตสฺส มํสโธวนุทกสทิสํ, วิตกฺกจริตสฺส กุลตฺถยูสวณฺณํ, สทฺธาจริตสฺส กณิการปุปฺผวณฺณํ, ปญฺญาจริตสฺส อจฺฉํ วิปฺปสนฺนํ อนาวิลํ ปณฺฑรํ ปริสุทฺธํ นิโทฺธตชาติมณิ วิย ชุติมนฺตํ ขายติฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต สรีรพฺภนฺตเร ทฺวินฺนํ ถนานํ มเชฺฌ ปติฎฺฐิตํฯ ปริเจฺฉทโต หทยํ หทยภาเคน ปริจฺฉินฺนํฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Hadayanti hadayamaṃsaṃ. Taṃ vaṇṇato rattaṃ padumapattapiṭṭhivaṇṇaṃ. Saṇṭhānato bāhirapattāni apanetvā adhomukhaṭhapitapadumamakuḷasaṇṭhānaṃ. Bahi maṭṭhaṃ; anto kosātakīphalassa abbhantarasadisaṃ. Paññavantānaṃ thokaṃ vikasitaṃ, mandapaññānaṃ makuḷitameva. Anto cassa punnāgaṭṭhipatiṭṭhānamatto āvāṭako hoti, yattha aḍḍhapasatamattaṃ lohitaṃ saṇṭhāti; yaṃ nissāya manodhātu manoviññāṇadhātu ca vattanti. Taṃ panetaṃ rāgacaritassa rattaṃ hoti, dosacaritassa kāḷakaṃ, mohacaritassa maṃsadhovanudakasadisaṃ, vitakkacaritassa kulatthayūsavaṇṇaṃ, saddhācaritassa kaṇikārapupphavaṇṇaṃ, paññācaritassa acchaṃ vippasannaṃ anāvilaṃ paṇḍaraṃ parisuddhaṃ niddhotajātimaṇi viya jutimantaṃ khāyati. Disato uparimāya disāya jātaṃ. Okāsato sarīrabbhantare dvinnaṃ thanānaṃ majjhe patiṭṭhitaṃ. Paricchedato hadayaṃ hadayabhāgena paricchinnaṃ. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    ยกนนฺติ ยมกมํสปฎลํฯ ตํ วณฺณโต รตฺตปณฺฑุกธาตุกํ, นาติรตฺตกุมุทสฺส ปตฺตปิฎฺฐิวณฺณํฯ สณฺฐานโต มูเล เอกํ, อเคฺค ยมกํ โกวิฬารปตฺตสณฺฐานํ ฯ ตญฺจ ทนฺธานํ เอกเมว โหติ มหนฺตํ, ปญฺญวนฺตานํ เทฺว วา ตีณิ วา ขุทฺทกานิฯ ทิสโต อุปริมทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต ทฺวินฺนํ ถนานํ อพฺภนฺตเร ทกฺขิณปสฺสํ นิสฺสาย ฐิตํฯ ปริเจฺฉทโต ยกนํ ยกนภาเคน ปริจฺฉินฺนํฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Yakananti yamakamaṃsapaṭalaṃ. Taṃ vaṇṇato rattapaṇḍukadhātukaṃ, nātirattakumudassa pattapiṭṭhivaṇṇaṃ. Saṇṭhānato mūle ekaṃ, agge yamakaṃ koviḷārapattasaṇṭhānaṃ . Tañca dandhānaṃ ekameva hoti mahantaṃ, paññavantānaṃ dve vā tīṇi vā khuddakāni. Disato uparimadisāya jātaṃ. Okāsato dvinnaṃ thanānaṃ abbhantare dakkhiṇapassaṃ nissāya ṭhitaṃ. Paricchedato yakanaṃ yakanabhāgena paricchinnaṃ. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    กิโลมกนฺติ ปฎิจฺฉนฺนาปฎิจฺฉนฺนเภทโต ทุวิธํ ปริโยนหนมํสํฯ ตํ ทุวิธมฺปิ วณฺณโต เสตํ, ทุกูลปิโลติกวณฺณํฯ สณฺฐานโต อตฺตโน โอกาสสณฺฐานํฯ ทิสโต ปฎิจฺฉนฺนกิโลมกํ อุปริมาย ทิสาย ชาตํฯ อิตรํ ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตํฯ โอกาสโต ปฎิจฺฉนฺนกิโลมกํ หทยญฺจ วกฺกญฺจ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ฐิตํฯ อปฎิจฺฉนฺนกิโลมกํ สกลสรีเร จมฺมสฺส เหฎฺฐโต มํสํ ปริโยนทฺธิตฺวา ฐิตํฯ ปริเจฺฉทโต เหฎฺฐา มํเสน, อุปริ จเมฺมน, ติริยํ กิโลมกภาเคน ปริจฺฉินฺนํฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Kilomakanti paṭicchannāpaṭicchannabhedato duvidhaṃ pariyonahanamaṃsaṃ. Taṃ duvidhampi vaṇṇato setaṃ, dukūlapilotikavaṇṇaṃ. Saṇṭhānato attano okāsasaṇṭhānaṃ. Disato paṭicchannakilomakaṃ uparimāya disāya jātaṃ. Itaraṃ dvīsu disāsu jātaṃ. Okāsato paṭicchannakilomakaṃ hadayañca vakkañca paṭicchādetvā ṭhitaṃ. Apaṭicchannakilomakaṃ sakalasarīre cammassa heṭṭhato maṃsaṃ pariyonaddhitvā ṭhitaṃ. Paricchedato heṭṭhā maṃsena, upari cammena, tiriyaṃ kilomakabhāgena paricchinnaṃ. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    ปิหกนฺติ อุทรชิวฺหามํสํฯ ตํ วณฺณโต นีลํ นิคฺคุณฺฑิกปุปฺผวณฺณํฯ สณฺฐานโต สตฺตงฺคุลปฺปมาณํ อพนฺธนํ กาฬวจฺฉกชิวฺหาสณฺฐานํฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต หทยสฺส วามปเสฺส อุทรปฎลสฺส มตฺถกปสฺสํ นิสฺสาย ฐิตํ, ยสฺมิํ ปหรณปฺปหาเรน พหิ นิกฺขเนฺต สตฺตานํ ชีวิตกฺขโย โหติฯ ปริเจฺฉทโต ปิหกภาเคน ปริจฺฉินฺนํฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Pihakanti udarajivhāmaṃsaṃ. Taṃ vaṇṇato nīlaṃ nigguṇḍikapupphavaṇṇaṃ. Saṇṭhānato sattaṅgulappamāṇaṃ abandhanaṃ kāḷavacchakajivhāsaṇṭhānaṃ. Disato uparimāya disāya jātaṃ. Okāsato hadayassa vāmapasse udarapaṭalassa matthakapassaṃ nissāya ṭhitaṃ, yasmiṃ paharaṇappahārena bahi nikkhante sattānaṃ jīvitakkhayo hoti. Paricchedato pihakabhāgena paricchinnaṃ. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    ปปฺผาสนฺติ ทฺวตฺติํสมํสขณฺฑปฺปเภทํ ปปฺผาสมํสํฯ ตํ วณฺณโต รตฺตํ นาติปกฺกอุทุมฺพรผลวณฺณํฯ สณฺฐานโต วิสมจฺฉินฺนพหลปูวขณฺฑสณฺฐานํฯ อพฺภนฺตเร อสิตปีตานํ อภาเว อุคฺคเตน กมฺมชเตชุสฺมนา อพฺภาหตตฺตา สงฺขาทิตปลาลปิณฺฑมิว นิรสํ นิโรชํฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต สรีรพฺภนฺตเร ทฺวินฺนํ ถนานมนฺตเร หทยญฺจ ยกนญฺจ ปฎิจฺฉาเทตฺวา โอลมฺพนฺตํ ฐิตํฯ ปริเจฺฉทโต ผปฺผาสภาเคน ปริจฺฉินฺนํฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Papphāsanti dvattiṃsamaṃsakhaṇḍappabhedaṃ papphāsamaṃsaṃ. Taṃ vaṇṇato rattaṃ nātipakkaudumbaraphalavaṇṇaṃ. Saṇṭhānato visamacchinnabahalapūvakhaṇḍasaṇṭhānaṃ. Abbhantare asitapītānaṃ abhāve uggatena kammajatejusmanā abbhāhatattā saṅkhāditapalālapiṇḍamiva nirasaṃ nirojaṃ. Disato uparimāya disāya jātaṃ. Okāsato sarīrabbhantare dvinnaṃ thanānamantare hadayañca yakanañca paṭicchādetvā olambantaṃ ṭhitaṃ. Paricchedato phapphāsabhāgena paricchinnaṃ. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    อนฺตนฺติ ปุริสสฺส ทฺวตฺติํส หตฺถา, อิตฺถิยา อฎฺฐวีสติหตฺถา เอกวีสติยา ฐาเนสุ โอภคฺคา อนฺตวฎฺฎิฯ ตเทตํ วณฺณโต เสตํ สกฺขรสุธาวณฺณํ ฯ สณฺฐานโต โลหิตโทณิยํ อาภุชิตฺวา ฐปิตสีสจฺฉินฺนสปฺปสณฺฐานํฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตํฯ โอกาสโต อุปริ คลวาฎเก เหฎฺฐา จ กรีสมเคฺค วินิพนฺธตฺตา คลวาฎกกรีสมคฺคปริยเนฺต สรีรพฺภนฺตเร ฐิตํฯ ปริเจฺฉทโต อนฺตภาเคน ปริจฺฉินฺนํฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Antanti purisassa dvattiṃsa hatthā, itthiyā aṭṭhavīsatihatthā ekavīsatiyā ṭhānesu obhaggā antavaṭṭi. Tadetaṃ vaṇṇato setaṃ sakkharasudhāvaṇṇaṃ . Saṇṭhānato lohitadoṇiyaṃ ābhujitvā ṭhapitasīsacchinnasappasaṇṭhānaṃ. Disato dvīsu disāsu jātaṃ. Okāsato upari galavāṭake heṭṭhā ca karīsamagge vinibandhattā galavāṭakakarīsamaggapariyante sarīrabbhantare ṭhitaṃ. Paricchedato antabhāgena paricchinnaṃ. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    อนฺตคุณนฺติ อนฺตโภคฎฺฐาเนสุ พนฺธนํฯ ตํ วณฺณโต เสตํ ทกสีตลิกมูลวณฺณํฯ สณฺฐานโต ทกสีตลิกมูลสณฺฐานเมวฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตํฯ โอกาสโต กุทาฬผรสุกมฺมาทีนิ กโรนฺตานํ ยนฺตากฑฺฒนกาเล ยนฺตสุตฺตมิว, ยนฺตผลกานิ อนฺตโภเค เอกโต อคฬเนฺต อาพนฺธิตฺวา ปาทปุญฺฉนรชฺชุมณฺฑลกสฺส อนฺตรา ตํ สิเพฺพตฺวา ฐิตรชฺชุกา วิย เอกวีสติยา ฐาเนสุ อนฺตโภคานํ อนฺตรา ฐิตํฯ ปริเจฺฉทโต อนฺตคุณภาเคน ปริจฺฉินฺนํฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Antaguṇanti antabhogaṭṭhānesu bandhanaṃ. Taṃ vaṇṇato setaṃ dakasītalikamūlavaṇṇaṃ. Saṇṭhānato dakasītalikamūlasaṇṭhānameva. Disato dvīsu disāsu jātaṃ. Okāsato kudāḷapharasukammādīni karontānaṃ yantākaḍḍhanakāle yantasuttamiva, yantaphalakāni antabhoge ekato agaḷante ābandhitvā pādapuñchanarajjumaṇḍalakassa antarā taṃ sibbetvā ṭhitarajjukā viya ekavīsatiyā ṭhānesu antabhogānaṃ antarā ṭhitaṃ. Paricchedato antaguṇabhāgena paricchinnaṃ. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    อุทริยนฺติ อุทเร ภวํ อสิตปิตขายิตสายิตํฯ ตํ วณฺณโต อโชฺฌหฎาหารวณฺณํฯ สณฺฐานโต ปริสฺสาวเน สิถิลพนฺธตณฺฑุลสณฺฐานํฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต อุทเร ฐิตํฯ อุทรํ นาม อุภโต นิปฺปีฬิยมานสฺส อลฺลสาฎกสฺส มเชฺฌ สญฺชาตโผฎกสทิสํ อนฺตปฎลํ; พหิ มฎฺฐํ, อโนฺต มํสกสมฺพุกปลิเวฐนกิลิฎฺฐปาวารกปุปฺผกสทิสํ, กุถิตปนสตจสฺส อพฺภนฺตรสทิสนฺติปิ วตฺตุํ วฎฺฎติ; ยตฺถ ตโกฺกฎกา, คณฺฑุปฺปาทกา, ตาลหีรกา, สูจิมุขกา, ปฎตนฺตสุตฺตกา อิเจฺจวมาทิทฺวตฺติํสกุลปฺปเภทา กิมโย อากุลพฺยากุลา สณฺฑสณฺฑจาริโน หุตฺวา นิวสนฺติ; เย ปานโภชนาทิมฺหิ อวิชฺชมาเน อุลฺลงฺฆิตฺวา วิรวนฺตา หทยมํสํ อภิหนนฺติ, ปานโภชนาทิอโชฺฌหรณเวลาย จ อุทฺธํมุขา หุตฺวา ปฐมโชฺฌหเฎ เทฺว ตโย อาโลเป ตุริตตุริตา วิลุมฺปนฺติ; ยํ เตสํ กิมีนํ สูติฆรํ, วจฺจกุฎิ, คิลานสาลา, สุสานญฺจ โหติฯ

    Udariyanti udare bhavaṃ asitapitakhāyitasāyitaṃ. Taṃ vaṇṇato ajjhohaṭāhāravaṇṇaṃ. Saṇṭhānato parissāvane sithilabandhataṇḍulasaṇṭhānaṃ. Disato uparimāya disāya jātaṃ. Okāsato udare ṭhitaṃ. Udaraṃ nāma ubhato nippīḷiyamānassa allasāṭakassa majjhe sañjātaphoṭakasadisaṃ antapaṭalaṃ; bahi maṭṭhaṃ, anto maṃsakasambukapaliveṭhanakiliṭṭhapāvārakapupphakasadisaṃ, kuthitapanasatacassa abbhantarasadisantipi vattuṃ vaṭṭati; yattha takkoṭakā, gaṇḍuppādakā, tālahīrakā, sūcimukhakā, paṭatantasuttakā iccevamādidvattiṃsakulappabhedā kimayo ākulabyākulā saṇḍasaṇḍacārino hutvā nivasanti; ye pānabhojanādimhi avijjamāne ullaṅghitvā viravantā hadayamaṃsaṃ abhihananti, pānabhojanādiajjhoharaṇavelāya ca uddhaṃmukhā hutvā paṭhamajjhohaṭe dve tayo ālope turitaturitā vilumpanti; yaṃ tesaṃ kimīnaṃ sūtigharaṃ, vaccakuṭi, gilānasālā, susānañca hoti.

    ยตฺถ เสยฺยถาปิ นาม จณฺฑาลคามทฺวาเร จนฺทนิกาย นิทาฆสมเย ถูลผุสิตเก เทเว วสฺสเนฺต อุทเกน วุยฺหมานํ มุตฺตกรีสจมฺมอฎฺฐินฺหารุขณฺฑเขฬสิงฺฆาณิกโลหิตปฺปภุติ นานากุณปชาตํ นิปติตฺวา กทฺทโมทกาลุฬิตํ ทฺวีหตีหจฺจเยน สญฺชาตกิมิกุลํ สูริยาตปเวคสนฺตาปกุถิตํ อุปริ เผณปุพฺพุลเก มุญฺจนฺตํ อภินีลวณฺณํ ปรมทุคฺคนฺธเชคุจฺฉํ เนว อุปคนฺตุํ น ทฎฺฐุํ อรหรูปตํ อาปชฺชิตฺวา ติฎฺฐติ, ปเคว ฆายิตุํ วา สายิตุํ วา; เอวเมว นานปฺปการปานโภชนาทิทนฺตมุสลสญฺจุณฺณิตํ ชิวฺหาหตฺถปริวตฺติตเขฬลาลาปลิพุทฺธํ ตงฺขณวิคตวณฺณคนฺธรสาทิสมฺปทํ ตนฺตวายขลิสุวานวมถุสทิสํ นิปติตฺวา ปิตฺตเสมฺหวาตปลิเวฐิตํ หุตฺวา อุทรคฺคิสนฺตาปเวคกุถิตํ กิมิกุลากุลํ อุปรูปริ เผณปุพฺพุลกานิ มุญฺจนฺตํ ปรมกสมฺพุทุคฺคนฺธเชคุจฺฉภาวํ อาปชฺชิตฺวา ติฎฺฐติ; ยํ สุตฺวาปิ ปานโภชนาทีสุ อมนุญฺญตา สณฺฐาติ, ปเคว ปญฺญาจกฺขุนา อวโลเกตฺวา, ยตฺถ จ ปติตํ ปานโภชนาทิ ปญฺจธา วิภาคํ คจฺฉติ – เอกํ ภาคํ ปาณกา ขาทนฺติ, เอกํ ภาคํ อุทรคฺคิ ฌาเปติ, เอโก ภาโค มุตฺตํ โหติ, เอโก กรีสํ, เอโก รสภาวํ อาปชฺชิตฺวา โสณิตมํสาทีนิ อุปพฺรูหยติฯ ปริเจฺฉทโต อุทรปฎเลน เจว อุทริยภาเคน จ ปริจฺฉินฺนํฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Yattha seyyathāpi nāma caṇḍālagāmadvāre candanikāya nidāghasamaye thūlaphusitake deve vassante udakena vuyhamānaṃ muttakarīsacammaaṭṭhinhārukhaṇḍakheḷasiṅghāṇikalohitappabhuti nānākuṇapajātaṃ nipatitvā kaddamodakāluḷitaṃ dvīhatīhaccayena sañjātakimikulaṃ sūriyātapavegasantāpakuthitaṃ upari pheṇapubbulake muñcantaṃ abhinīlavaṇṇaṃ paramaduggandhajegucchaṃ neva upagantuṃ na daṭṭhuṃ araharūpataṃ āpajjitvā tiṭṭhati, pageva ghāyituṃ vā sāyituṃ vā; evameva nānappakārapānabhojanādidantamusalasañcuṇṇitaṃ jivhāhatthaparivattitakheḷalālāpalibuddhaṃ taṅkhaṇavigatavaṇṇagandharasādisampadaṃ tantavāyakhalisuvānavamathusadisaṃ nipatitvā pittasemhavātapaliveṭhitaṃ hutvā udaraggisantāpavegakuthitaṃ kimikulākulaṃ uparūpari pheṇapubbulakāni muñcantaṃ paramakasambuduggandhajegucchabhāvaṃ āpajjitvā tiṭṭhati; yaṃ sutvāpi pānabhojanādīsu amanuññatā saṇṭhāti, pageva paññācakkhunā avaloketvā, yattha ca patitaṃ pānabhojanādi pañcadhā vibhāgaṃ gacchati – ekaṃ bhāgaṃ pāṇakā khādanti, ekaṃ bhāgaṃ udaraggi jhāpeti, eko bhāgo muttaṃ hoti, eko karīsaṃ, eko rasabhāvaṃ āpajjitvā soṇitamaṃsādīni upabrūhayati. Paricchedato udarapaṭalena ceva udariyabhāgena ca paricchinnaṃ. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    กรีสนฺติ วจฺจํฯ ตํ วณฺณโต เยภุเยฺยน อโชฺฌหฎาหารวณฺณเมว โหติฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐานํฯ ทิสโต เหฎฺฐิมาย ทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต ปกฺกาสเย ฐิตํฯ ปกฺกาสโย นาม เหฎฺฐา นาภิปิฎฺฐิกณฺฎกมูลานมนฺตเร อนฺตาวสาเน อุเพฺพเธน อฎฺฐงฺคุลมโตฺต เวฬุนาฬิกสทิโส, ยตฺถ เสยฺยถาปิ นาม อุปรูปริ ภูมิภาเค ปติตํ วโสฺสทกํ โอคฬิตฺวา เหฎฺฐา ภูมิภาคํ ปูเรตฺวา ติฎฺฐติ; เอวเมว ยํ กิญฺจิ อามาสเย ปติตํ ปานโภชนาทิกํ อุทรคฺคินา เผณุเทฺทหกํ ปกฺกํ ปกฺกํ นิสทาย ปิสิตมิว สณฺหภาวํ อาปชฺชิตฺวา อนฺตพิเลน โอคฬิตฺวา โอคฬิตฺวา มทฺทิตฺวา เวฬุปเพฺพ ปกฺขิปมานปณฺฑุมตฺติกา วิย สนฺนิจิตํ หุตฺวา ติฎฺฐติฯ ปริเจฺฉทโต ปกฺกาสยปฎเลน เจว กรีสภาเคน จ ปริจฺฉินฺนํฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Karīsanti vaccaṃ. Taṃ vaṇṇato yebhuyyena ajjhohaṭāhāravaṇṇameva hoti. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhānaṃ. Disato heṭṭhimāya disāya jātaṃ. Okāsato pakkāsaye ṭhitaṃ. Pakkāsayo nāma heṭṭhā nābhipiṭṭhikaṇṭakamūlānamantare antāvasāne ubbedhena aṭṭhaṅgulamatto veḷunāḷikasadiso, yattha seyyathāpi nāma uparūpari bhūmibhāge patitaṃ vassodakaṃ ogaḷitvā heṭṭhā bhūmibhāgaṃ pūretvā tiṭṭhati; evameva yaṃ kiñci āmāsaye patitaṃ pānabhojanādikaṃ udaragginā pheṇuddehakaṃ pakkaṃ pakkaṃ nisadāya pisitamiva saṇhabhāvaṃ āpajjitvā antabilena ogaḷitvā ogaḷitvā madditvā veḷupabbe pakkhipamānapaṇḍumattikā viya sannicitaṃ hutvā tiṭṭhati. Paricchedato pakkāsayapaṭalena ceva karīsabhāgena ca paricchinnaṃ. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    มตฺถลุงฺคนฺติ สีสกฎาหพฺภนฺตเร ฐิตมิญฺชราสิฯ ตํ วณฺณโต เสตํ อหิจฺฉตฺตกปิณฺฑิกวณฺณํ, ทธิภาวํ อสมฺปตฺตทุฎฺฐขีรวณฺณนฺติปิ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐานํฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต สีสกฎาหพฺภนฺตเร จตฺตาโร สิพฺพินิมเคฺค นิสฺสาย สโมธาเนตฺวา ฐปิตา จตฺตาโร ปิฎฺฐปิณฺฑา วิย สโมหิตํ ติฎฺฐติฯ ปริเจฺฉทโต สีสกฎาหสฺส อพฺภนฺตรตเลหิ เจว มตฺถลุงฺคภาเคน จ ปริจฺฉินฺนํฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Matthaluṅganti sīsakaṭāhabbhantare ṭhitamiñjarāsi. Taṃ vaṇṇato setaṃ ahicchattakapiṇḍikavaṇṇaṃ, dadhibhāvaṃ asampattaduṭṭhakhīravaṇṇantipi vattuṃ vaṭṭati. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhānaṃ. Disato uparimāya disāya jātaṃ. Okāsato sīsakaṭāhabbhantare cattāro sibbinimagge nissāya samodhānetvā ṭhapitā cattāro piṭṭhapiṇḍā viya samohitaṃ tiṭṭhati. Paricchedato sīsakaṭāhassa abbhantaratalehi ceva matthaluṅgabhāgena ca paricchinnaṃ. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    ปิตฺตนฺติ เทฺว ปิตฺตานิ – พทฺธปิตฺตญฺจ อพทฺธปิตฺตญฺจฯ ตตฺถ พทฺธปิตฺตํ วณฺณโต พหลมธุกเตลวณฺณํ, อพทฺธปิตฺตํ มิลาตอากุลิตปุปฺผวณฺณํฯ ตํ สณฺฐานโต อุภยมฺปิ โอกาสสณฺฐานํฯ ทิสโต พทฺธปิตฺตํ อุปริมาย ทิสาย ชาตํ, อิตรํ ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตํฯ โอกาสโต อพทฺธปิตฺตํ ฐเปตฺวา เกสโลมทนฺตนขานํ มํสวินิมุตฺตฎฺฐานเญฺจว ถทฺธสุกฺขจมฺมญฺจ อุทกมิว เตลพินฺทุํ อวเสสสรีรํ พฺยาเปตฺวา ฐิตํ, ยมฺหิ กุปิเต อกฺขีนิ ปีตกานิ โหนฺติ ภมนฺติ, คตฺตํ กมฺปติ กณฺฑุยติฯ พทฺธปิตฺตํ หทยปปฺผาสานมนฺตเร ยกนมํสํ นิสฺสาย ปติฎฺฐิเต มหาโกสาตกีโกสกสทิเส ปิตฺตโกสเก ฐิตํ, ยมฺหิ กุปิเต สตฺตา อุมฺมตฺตกา โหนฺติ, วิปลฺลตฺถจิตฺตา หิโรตฺตปฺปํ ฉเฑฺฑตฺวา อกตฺตพฺพํ กโรนฺติ, อภาสิตพฺพํ ภาสนฺติ, อจิเนฺตตพฺพํ จิเนฺตนฺติฯ ปริเจฺฉทโต ปิตฺตภาเคน ปริจฺฉินฺนํฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Pittanti dve pittāni – baddhapittañca abaddhapittañca. Tattha baddhapittaṃ vaṇṇato bahalamadhukatelavaṇṇaṃ, abaddhapittaṃ milātaākulitapupphavaṇṇaṃ. Taṃ saṇṭhānato ubhayampi okāsasaṇṭhānaṃ. Disato baddhapittaṃ uparimāya disāya jātaṃ, itaraṃ dvīsu disāsu jātaṃ. Okāsato abaddhapittaṃ ṭhapetvā kesalomadantanakhānaṃ maṃsavinimuttaṭṭhānañceva thaddhasukkhacammañca udakamiva telabinduṃ avasesasarīraṃ byāpetvā ṭhitaṃ, yamhi kupite akkhīni pītakāni honti bhamanti, gattaṃ kampati kaṇḍuyati. Baddhapittaṃ hadayapapphāsānamantare yakanamaṃsaṃ nissāya patiṭṭhite mahākosātakīkosakasadise pittakosake ṭhitaṃ, yamhi kupite sattā ummattakā honti, vipallatthacittā hirottappaṃ chaḍḍetvā akattabbaṃ karonti, abhāsitabbaṃ bhāsanti, acintetabbaṃ cintenti. Paricchedato pittabhāgena paricchinnaṃ. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    เสมฺหนฺติ สรีรพฺภนฺตเร เอกปตฺตปูรปฺปมาณํ เสมฺหํฯ ตํ วณฺณโต เสตํ นาคพลปณฺณรสวณฺณํฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐานํฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต อุทรปฎเล ฐิตํ, ยํ ปานโภชนาทีนิ อโชฺฌหรณกาเล เสยฺยถาปิ นาม อุทเก เสวาลปณกํ กเฎฺฐ วา กปาเล วา ปตเนฺต ฉิชฺชิตฺวา ทฺวิธา หุตฺวา ปุน อโชฺฌตฺถริตฺวา ติฎฺฐติ, เอวเมว ปานโภชนาทิมฺหิ นิปตเนฺต ฉิชฺชิตฺวา ทฺวิธา หุตฺวา ปุน อโชฺฌตฺถริตฺวา ติฎฺฐติ; ยมฺหิ จ มนฺทีภูเต ปกฺกคโณฺฑ วิย ปูติกุกฺกุฎณฺฑมิว จ อุทรํ ปรมเชคุจฺฉํ กุณปคนฺธํ โหติ; ตโต อุคฺคเตน จ คเนฺธน อุเทฺทโกปิ มุขมฺปิ ทุคฺคนฺธํ ปูติกุณปสทิสํ โหติ; โส จ ปุริโส ‘อเปหิ, ทุคฺคนฺธํ วายสี’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ; ยญฺจ วฑฺฒิตฺวา พหลตฺตมาปนฺนํ ปิธานผลกมิว วจฺจกุฎิยา อุทรปฎลสฺส อพฺภนฺตเรเยว กุณปคนฺธํ สนฺนิรุชฺฌิตฺวา ติฎฺฐติฯ ปริเจฺฉทโต เสมฺหภาเคน ปริจฺฉินฺนํฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Semhanti sarīrabbhantare ekapattapūrappamāṇaṃ semhaṃ. Taṃ vaṇṇato setaṃ nāgabalapaṇṇarasavaṇṇaṃ. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhānaṃ. Disato uparimāya disāya jātaṃ. Okāsato udarapaṭale ṭhitaṃ, yaṃ pānabhojanādīni ajjhoharaṇakāle seyyathāpi nāma udake sevālapaṇakaṃ kaṭṭhe vā kapāle vā patante chijjitvā dvidhā hutvā puna ajjhottharitvā tiṭṭhati, evameva pānabhojanādimhi nipatante chijjitvā dvidhā hutvā puna ajjhottharitvā tiṭṭhati; yamhi ca mandībhūte pakkagaṇḍo viya pūtikukkuṭaṇḍamiva ca udaraṃ paramajegucchaṃ kuṇapagandhaṃ hoti; tato uggatena ca gandhena uddekopi mukhampi duggandhaṃ pūtikuṇapasadisaṃ hoti; so ca puriso ‘apehi, duggandhaṃ vāyasī’ti vattabbataṃ āpajjati; yañca vaḍḍhitvā bahalattamāpannaṃ pidhānaphalakamiva vaccakuṭiyā udarapaṭalassa abbhantareyeva kuṇapagandhaṃ sannirujjhitvā tiṭṭhati. Paricchedato semhabhāgena paricchinnaṃ. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    ปุโพฺพติ ปูติโลหิตวเสน ปวตฺตปุโพฺพฯ โส วณฺณโต ปณฺฑุปลาสวโณฺณ, มตกสรีเร ปน ปูติพหลาจามวโณฺณ โหติฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐาโนฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาโตฯ โอกาสโต ปน ปุพฺพสฺส โอกาโส นาม นิพโทฺธ นตฺถิ ยตฺถ โส สนฺนิจิโต ติเฎฺฐยฺย; ยตฺร ยตฺร ปน ขาณุกณฺฎกปฺปหรณคฺคิชาลาทีหิ อภิหเต สรีรปฺปเทเส โลหิตํ สณฺฐหิตฺวา ปจฺจติ, คณฺฑปิฬกาทโย วา อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺร ตเตฺรว ติฎฺฐติฯ ปริเจฺฉทโต ปุพฺพภาเคน ปริจฺฉิโนฺน ฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Pubboti pūtilohitavasena pavattapubbo. So vaṇṇato paṇḍupalāsavaṇṇo, matakasarīre pana pūtibahalācāmavaṇṇo hoti. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhāno. Disato dvīsu disāsu jāto. Okāsato pana pubbassa okāso nāma nibaddho natthi yattha so sannicito tiṭṭheyya; yatra yatra pana khāṇukaṇṭakappaharaṇaggijālādīhi abhihate sarīrappadese lohitaṃ saṇṭhahitvā paccati, gaṇḍapiḷakādayo vā uppajjanti, tatra tatreva tiṭṭhati. Paricchedato pubbabhāgena paricchinno . Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    โลหิตนฺติ เทฺว โลหิตานิ – สนฺนิจิตโลหิตญฺจ สํสรณโลหิตญฺจฯ ตตฺถ สนฺนิจิตโลหิตํ วณฺณโต นิปกฺกพหลลาขารสวณฺณํ, สํสรณโลหิตํ อจฺฉลาขารสวณฺณํฯ สณฺฐานโต อุภยมฺปิ โอกาสสณฺฐานํฯ ทิสโต สนฺนิจิตโลหิตํ อุปริมาย ทิสาย ชาตํ, อิตรํ ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตํฯ โอกาสโต สํสรณโลหิตํ, ฐเปตฺวา เกสโลมทนฺตนขานํ มํสวินิมฺมุตฺตฎฺฐานเญฺจว ถทฺธสุกฺขจมฺมญฺจ, ธมนิชาลานุสาเรน สพฺพํ อุปาทินฺนกสรีรํ ผริตฺวา ฐิตํ; สนฺนิจิตโลหิตํ ยกนฎฺฐานสฺส เหฎฺฐาภาคํ ปูเรตฺวา เอกปตฺตปูรมตฺตํ หทยวกฺกปปฺผาสานํ อุปริ โถกํ โถกํ ปคฺฆรนฺตํ วกฺกหทยยกนปปฺผาเส เตมยมานํ ฐิตํฯ ตสฺมิญฺหิ วกฺกหทยาทีนิ อเตเมเนฺต สตฺตา ปิปาสิตา โหนฺติฯ ปริเจฺฉทโต โลหิตภาเคน ปริจฺฉินฺนํฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Lohitanti dve lohitāni – sannicitalohitañca saṃsaraṇalohitañca. Tattha sannicitalohitaṃ vaṇṇato nipakkabahalalākhārasavaṇṇaṃ, saṃsaraṇalohitaṃ acchalākhārasavaṇṇaṃ. Saṇṭhānato ubhayampi okāsasaṇṭhānaṃ. Disato sannicitalohitaṃ uparimāya disāya jātaṃ, itaraṃ dvīsu disāsu jātaṃ. Okāsato saṃsaraṇalohitaṃ, ṭhapetvā kesalomadantanakhānaṃ maṃsavinimmuttaṭṭhānañceva thaddhasukkhacammañca, dhamanijālānusārena sabbaṃ upādinnakasarīraṃ pharitvā ṭhitaṃ; sannicitalohitaṃ yakanaṭṭhānassa heṭṭhābhāgaṃ pūretvā ekapattapūramattaṃ hadayavakkapapphāsānaṃ upari thokaṃ thokaṃ paggharantaṃ vakkahadayayakanapapphāse temayamānaṃ ṭhitaṃ. Tasmiñhi vakkahadayādīni atemente sattā pipāsitā honti. Paricchedato lohitabhāgena paricchinnaṃ. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    เสโทติ โลมกูปาทีหิ ปคฺฆรณกอาโปธาตุฯ โส วณฺณโต วิปฺปสนฺนติลเตลวโณฺณฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐาโนฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาโตฯ โอกาสโต เสทโสฺสกาโส นาม นิพโทฺธ นตฺถิ, ยตฺถ โส โลหิตํ วิย สทา ติเฎฺฐยฺย; ยทา ปน อคฺคิสนฺตาปสูริยสนฺตาปอุตุวิการาทีหิ สรีรํ สนฺตปฺปติ ตทา อุทกโต อพฺพุฬฺหมตฺตวิสมจฺฉินฺนภิสมูฬาลกุมุทนาฬกลาโป วิย สพฺพเกสโลมกูปวิวเรหิ ปคฺฆรติฯ ตสฺมา ตสฺส สณฺฐานมฺปิ เกสโลมกูปวิวรานํเยว วเสน เวทิตพฺพํฯ เสทปริคฺคณฺหเกน จ โยคินา เกสโลมกูปวิวเร ปูเรตฺวา ฐิตวเสเนว เสโท มนสิกาตโพฺพฯ ปริเจฺฉทโต เสทภาเคน ปริจฺฉิโนฺนฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Sedoti lomakūpādīhi paggharaṇakaāpodhātu. So vaṇṇato vippasannatilatelavaṇṇo. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhāno. Disato dvīsu disāsu jāto. Okāsato sedassokāso nāma nibaddho natthi, yattha so lohitaṃ viya sadā tiṭṭheyya; yadā pana aggisantāpasūriyasantāpautuvikārādīhi sarīraṃ santappati tadā udakato abbuḷhamattavisamacchinnabhisamūḷālakumudanāḷakalāpo viya sabbakesalomakūpavivarehi paggharati. Tasmā tassa saṇṭhānampi kesalomakūpavivarānaṃyeva vasena veditabbaṃ. Sedapariggaṇhakena ca yoginā kesalomakūpavivare pūretvā ṭhitavaseneva sedo manasikātabbo. Paricchedato sedabhāgena paricchinno. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    เมโทติ ถินสิเนโหฯ โส วณฺณโต ผาลิตหลิทฺทิวโณฺณฯ สณฺฐานโต ถูลสรีรสฺส ตาว จมฺมมํสนฺตเร ฐปิตหลิทฺทิวณฺณทุกูลปิโลติกสณฺฐาโน โหติ, กิสสรีรสฺส ชงฺฆมํสํ อูรุมํสํ ปิฎฺฐิกณฺฎกนิสฺสิตํ ปิฎฺฐมํสํ อุทรวฎฺฎิมํสนฺติ เอตานิ นิสฺสาย ทิคุณํ ติคุณํ กตฺวา ฐปิตหลิทฺทิวณฺณทุกูลปิโลติกสณฺฐาโนฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาโตฯ โอกาสโต ถูลสฺส สกลสรีรํ ผริตฺวา, กิสสฺส ชงฺฆมํสาทีนิ นิสฺสาย ฐิโต, ยํ สิเนหสงฺขํ คตมฺปิ ปรมเชคุจฺฉตฺตา เนว มุทฺธนิ เตลตฺถาย, น นาสาเตลาทีนํ อตฺถาย คณฺหนฺติฯ ปริเจฺฉทโต เหฎฺฐา มํเสน, อุปริ จเมฺมน, ติริยํ เมทภาเคน ปริจฺฉิโนฺนฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Medoti thinasineho. So vaṇṇato phālitahaliddivaṇṇo. Saṇṭhānato thūlasarīrassa tāva cammamaṃsantare ṭhapitahaliddivaṇṇadukūlapilotikasaṇṭhāno hoti, kisasarīrassa jaṅghamaṃsaṃ ūrumaṃsaṃ piṭṭhikaṇṭakanissitaṃ piṭṭhamaṃsaṃ udaravaṭṭimaṃsanti etāni nissāya diguṇaṃ tiguṇaṃ katvā ṭhapitahaliddivaṇṇadukūlapilotikasaṇṭhāno. Disato dvīsu disāsu jāto. Okāsato thūlassa sakalasarīraṃ pharitvā, kisassa jaṅghamaṃsādīni nissāya ṭhito, yaṃ sinehasaṅkhaṃ gatampi paramajegucchattā neva muddhani telatthāya, na nāsātelādīnaṃ atthāya gaṇhanti. Paricchedato heṭṭhā maṃsena, upari cammena, tiriyaṃ medabhāgena paricchinno. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    อสฺสูติ อกฺขีหิ ปคฺธรณกอาโปธาตุฯ ตํ วณฺณโต วิปฺปสนฺนติลเตลวณฺณํฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐานํฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต อกฺขิกูปเกสุ ฐิตํฯ น เจตํ ปิตฺตโกสเก ปิตฺตมิว อกฺขิกูปเกสุ สทา สนฺนิจิตํ ติฎฺฐติ; ยทา ปน สตฺตา โสมนสฺสชาตา มหาหสิตํ หสนฺติ, โทมนสฺสชาตา โรทนฺติ ปริเทวนฺติ ตถารูปํ วิสภาคาหารํ อาหรนฺติ, ยทา จ เนสํ อกฺขีนิ ธูมรชปํสุกาทีหิ อภิหญฺญนฺติ, ตทา เอเตหิ โสมนสฺสโทมนสฺสวิสภาคาหารอุตูหิ สมุฎฺฐหิตฺวา อกฺขิกูปเก ปูเรตฺวา ติฎฺฐติ วา ปคฺฆรติ วาฯ อสฺสุปริคฺคณฺหเกน ปน โยคินา อกฺขิกูปเก ปูเรตฺวา ฐิตวเสเนว ปริคฺคณฺหิตพฺพํฯ ปริเจฺฉทโต อสฺสุภาเคน ปริจฺฉินฺนํฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Assūti akkhīhi pagdharaṇakaāpodhātu. Taṃ vaṇṇato vippasannatilatelavaṇṇaṃ. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhānaṃ. Disato uparimāya disāya jātaṃ. Okāsato akkhikūpakesu ṭhitaṃ. Na cetaṃ pittakosake pittamiva akkhikūpakesu sadā sannicitaṃ tiṭṭhati; yadā pana sattā somanassajātā mahāhasitaṃ hasanti, domanassajātā rodanti paridevanti tathārūpaṃ visabhāgāhāraṃ āharanti, yadā ca nesaṃ akkhīni dhūmarajapaṃsukādīhi abhihaññanti, tadā etehi somanassadomanassavisabhāgāhārautūhi samuṭṭhahitvā akkhikūpake pūretvā tiṭṭhati vā paggharati vā. Assupariggaṇhakena pana yoginā akkhikūpake pūretvā ṭhitavaseneva pariggaṇhitabbaṃ. Paricchedato assubhāgena paricchinnaṃ. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    วสาติ วิลีนเสฺนโหฯ สา วณฺณโต นาฬิเกรเตลวณฺณา, อาจาเม อาสิตฺตเตลวณฺณาติปิ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ สณฺฐานโต นฺหานกาเล ปสนฺนอุทกสฺส อุปริ ปริพฺภมนฺตสิเนหพินฺทุวิสฎสณฺฐานาฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตาฯ โอกาสโต เยภุเยฺยน หตฺถตลหตฺถปิฎฺฐิปาทตลปาทปิฎฺฐินาสาปุฎนลาฎอํสกูเฎสุ ฐิตาฯ น เจสา เอเตสุ โอกาเสสุ สทา วิลีนาว หุตฺวา ติฎฺฐติ; ยทา ปน อคฺคิสนฺตาปสูริยสนฺตาปอุตุวิสภาคธาตุวิสภาเคหิ เต ปเทสา อุสฺมา ชาตา โหนฺติ, ตทา ตตฺถ นฺหานกาเล ปสนฺนอุทกูปริ สิเนหพินฺทุวิสโฎ วิย อิโต จิโต จ สํสรติฯ ปริเจฺฉทโต วสาภาเคน ปริจฺฉินฺนา ฯ อยมสฺสา สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Vasāti vilīnasneho. Sā vaṇṇato nāḷikeratelavaṇṇā, ācāme āsittatelavaṇṇātipi vattuṃ vaṭṭati. Saṇṭhānato nhānakāle pasannaudakassa upari paribbhamantasinehabinduvisaṭasaṇṭhānā. Disato dvīsu disāsu jātā. Okāsato yebhuyyena hatthatalahatthapiṭṭhipādatalapādapiṭṭhināsāpuṭanalāṭaaṃsakūṭesu ṭhitā. Na cesā etesu okāsesu sadā vilīnāva hutvā tiṭṭhati; yadā pana aggisantāpasūriyasantāpautuvisabhāgadhātuvisabhāgehi te padesā usmā jātā honti, tadā tattha nhānakāle pasannaudakūpari sinehabinduvisaṭo viya ito cito ca saṃsarati. Paricchedato vasābhāgena paricchinnā . Ayamassā sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    เขโฬติ อโนฺตมุเข เผณมิสฺสา อาโปธาตุฯ โส วณฺณโต เสโต เผณวโณฺณฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐาโน, เผณสณฺฐานโตติปิ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาโตฯ โอกาสโต อุโภหิ กโปลปเสฺสหิ โอรุยฺห ชิวฺหาย ฐิโตฯ น เจส เอตฺถ สทา สนฺนิจิโต หุตฺวา ติฎฺฐติฯ ยทา ปน สตฺตา ตถารูปํ อาหารํ ปสฺสนฺติ วา สรนฺติ วา อุณฺหติตฺตกฎุกโลณมฺพิลานํ วา กิญฺจิ มุเข ฐเปนฺติ, ยทา วา เนสํ หทยํ อากิลายติ, กิสฺมิญฺจิเทว วา ชิคุจฺฉา อุปฺปชฺชติ, ตทา เขโฬ อุปฺปชฺชิตฺวา อุโภหิ กโปลปเสฺสหิ โอรุยฺห ชิวฺหาย สณฺฐาติฯ อคฺคชิวฺหาย เจส ตนุโก โหติ, มูลชิวฺหาย พหโล; มุเข ปกฺขิตฺตญฺจ ปุถุกํ วา ตณฺฑุลํ วา อญฺญํ วา กิญฺจิ ขาทนียํ, นทีปุฬิเน ขตกูปกสลิลํ วิย, ปริกฺขยํ อคจฺฉโนฺตว เตเมตุํ สมโตฺถ โหติฯ ปริเจฺฉทโต เขฬภาเคน ปริจฺฉิโนฺนฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Kheḷoti antomukhe pheṇamissā āpodhātu. So vaṇṇato seto pheṇavaṇṇo. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhāno, pheṇasaṇṭhānatotipi vattuṃ vaṭṭati. Disato uparimāya disāya jāto. Okāsato ubhohi kapolapassehi oruyha jivhāya ṭhito. Na cesa ettha sadā sannicito hutvā tiṭṭhati. Yadā pana sattā tathārūpaṃ āhāraṃ passanti vā saranti vā uṇhatittakaṭukaloṇambilānaṃ vā kiñci mukhe ṭhapenti, yadā vā nesaṃ hadayaṃ ākilāyati, kismiñcideva vā jigucchā uppajjati, tadā kheḷo uppajjitvā ubhohi kapolapassehi oruyha jivhāya saṇṭhāti. Aggajivhāya cesa tanuko hoti, mūlajivhāya bahalo; mukhe pakkhittañca puthukaṃ vā taṇḍulaṃ vā aññaṃ vā kiñci khādanīyaṃ, nadīpuḷine khatakūpakasalilaṃ viya, parikkhayaṃ agacchantova temetuṃ samattho hoti. Paricchedato kheḷabhāgena paricchinno. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    สิงฺฆาณิกาติ มตฺถลุงฺคโต ปคฺฆรณกอสุจิฯ สา วณฺณโต ตรุณตาลฎฺฐิมิญฺชวณฺณาฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐานาฯ ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตาฯ โอกาสโต นาสาปุเฎ ปูเรตฺวา ฐิตาฯ น เจสา เอตฺถ สทา สนฺนิจิตา หุตฺวา ติฎฺฐติ; อถ โข ยถา นาม ปุริโส ปทุมินีปเตฺตน ทธิํ พนฺธิตฺวา เหฎฺฐา กณฺฎเกน วิเชฺฌยฺย, อถ เตน ฉิเทฺทน ทธิมตฺถุ คฬิตฺวา พหิ ปเตยฺย, เอวเมว ยทา สตฺตา โรทนฺติ วา วิสภาคาหารอุตุวเสน วา สญฺชาตธาตุโกฺขภา โหนฺติ, ตทา อโนฺตสีสโต ปูติเสมฺหภาวํ อาปนฺนํ มตฺถลุงฺคํ คฬิตฺวา ตาลุมตฺถกวิวเรน โอตริตฺวา นาสาปุเฎ ปูเรตฺวา ติฎฺฐติ วา ปคฺฆรติ วาฯ สิงฺฆาณิกา ปริคฺคณฺหเกน ปน โยคินา นาสาปุเฎ ปูเรตฺวา ฐิตวเสเนว ปริคฺคณฺหิตพฺพาฯ ปริเจฺฉทโต สิงฺฆาณิกาภาเคน ปริจฺฉินฺนาฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Siṅghāṇikāti matthaluṅgato paggharaṇakaasuci. Sā vaṇṇato taruṇatālaṭṭhimiñjavaṇṇā. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhānā. Disato uparimāya disāya jātā. Okāsato nāsāpuṭe pūretvā ṭhitā. Na cesā ettha sadā sannicitā hutvā tiṭṭhati; atha kho yathā nāma puriso paduminīpattena dadhiṃ bandhitvā heṭṭhā kaṇṭakena vijjheyya, atha tena chiddena dadhimatthu gaḷitvā bahi pateyya, evameva yadā sattā rodanti vā visabhāgāhārautuvasena vā sañjātadhātukkhobhā honti, tadā antosīsato pūtisemhabhāvaṃ āpannaṃ matthaluṅgaṃ gaḷitvā tālumatthakavivarena otaritvā nāsāpuṭe pūretvā tiṭṭhati vā paggharati vā. Siṅghāṇikā pariggaṇhakena pana yoginā nāsāpuṭe pūretvā ṭhitavaseneva pariggaṇhitabbā. Paricchedato siṅghāṇikābhāgena paricchinnā. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    ลสิกาติ สรีรสนฺธีนํ อพฺภนฺตเร ปิจฺฉิลกุณปํฯ สา วณฺณโต กณิการนิยฺยาสวณฺณาฯ สณฺฐานโต โอกาสสณฺฐานาฯ ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตาฯ โอกาสโต อฎฺฐิสนฺธีนํ อพฺภญฺชนกิจฺจํ สาธยมานา อสีติสตสนฺธีนํ อพฺภนฺตเร ฐิตาฯ ยสฺส เจสา มนฺทา โหติ, ตสฺส อุฎฺฐหนฺตสฺส นิสีทนฺตสฺส อภิกฺกมนฺตสฺส ปฎิกฺกมนฺตสฺส สมฺมิญฺชนฺตสฺส ปสาเรนฺตสฺส อฎฺฐิกานิ กฎกฎายนฺติ, อจฺฉราสทฺทํ กโรโนฺต วิย วิจรติ, เอกโยชนทฺวิโยชนมตฺตมฺปิ อทฺธานํ คตสฺส วาโยธาตุ กุปฺปติ, คตฺตานิ ทุกฺขนฺติฯ ยสฺส ปน พหุกา โหติ ตสฺส อุฎฺฐานนิสชฺชาทีสุ น อฎฺฐีนิ กฎกฎายนฺติ, ทีฆมฺปิ อทฺธานํ คตสฺส น วาโยธาตุ กุปฺปติ, น คตฺตานิ ทุกฺขนฺติฯ ปริเจฺฉทโต ลสิกาภาเคน ปริจฺฉินฺนาฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Lasikāti sarīrasandhīnaṃ abbhantare picchilakuṇapaṃ. Sā vaṇṇato kaṇikāraniyyāsavaṇṇā. Saṇṭhānato okāsasaṇṭhānā. Disato dvīsu disāsu jātā. Okāsato aṭṭhisandhīnaṃ abbhañjanakiccaṃ sādhayamānā asītisatasandhīnaṃ abbhantare ṭhitā. Yassa cesā mandā hoti, tassa uṭṭhahantassa nisīdantassa abhikkamantassa paṭikkamantassa sammiñjantassa pasārentassa aṭṭhikāni kaṭakaṭāyanti, accharāsaddaṃ karonto viya vicarati, ekayojanadviyojanamattampi addhānaṃ gatassa vāyodhātu kuppati, gattāni dukkhanti. Yassa pana bahukā hoti tassa uṭṭhānanisajjādīsu na aṭṭhīni kaṭakaṭāyanti, dīghampi addhānaṃ gatassa na vāyodhātu kuppati, na gattāni dukkhanti. Paricchedato lasikābhāgena paricchinnā. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    มุตฺตนฺติ วณฺณโต มาสขาโรทกวณฺณํฯ สณฺฐานโต อโธมุขฐปิตอุทกกุมฺภนฺตรคตอุทกสณฺฐานํฯ ทิสโต เหฎฺฐิมาย ทิสาย ชาตํฯ โอกาสโต วตฺถิสฺส อพฺภนฺตเร ฐิตํฯ วตฺถิ นาม วตฺถิปุโฎ วุจฺจติ, ยตฺถ เสยฺยถาปิ นาม จนฺทนิกาย ปกฺขิเตฺต อมุเข รวณฆเฎ จนฺทนิกรโส ปวิสติ, น จสฺส ปวิสนมโคฺค ปญฺญายติ; เอวเมว สรีรโต มุตฺตํ ปวิสติ, น จสฺส ปวิสนมโคฺค ปญฺญายติ, นิกฺขมนมโคฺค ปน ปากโฎ โหติ; ยมฺหิ จ มุตฺตสฺส ภริเต ‘ปสฺสาวํ กโรมา’ติ สตฺตานํ อายูหนํ โหติฯ ปริเจฺฉทโต วตฺถิอพฺภนฺตเรน เจว มุตฺตภาเคน จ ปริจฺฉินฺนํฯ อยมสฺส สภาคปริเจฺฉโทฯ วิสภาคปริเจฺฉโท ปน เกสสทิโสวฯ

    Muttanti vaṇṇato māsakhārodakavaṇṇaṃ. Saṇṭhānato adhomukhaṭhapitaudakakumbhantaragataudakasaṇṭhānaṃ. Disato heṭṭhimāya disāya jātaṃ. Okāsato vatthissa abbhantare ṭhitaṃ. Vatthi nāma vatthipuṭo vuccati, yattha seyyathāpi nāma candanikāya pakkhitte amukhe ravaṇaghaṭe candanikaraso pavisati, na cassa pavisanamaggo paññāyati; evameva sarīrato muttaṃ pavisati, na cassa pavisanamaggo paññāyati, nikkhamanamaggo pana pākaṭo hoti; yamhi ca muttassa bharite ‘passāvaṃ karomā’ti sattānaṃ āyūhanaṃ hoti. Paricchedato vatthiabbhantarena ceva muttabhāgena ca paricchinnaṃ. Ayamassa sabhāgaparicchedo. Visabhāgaparicchedo pana kesasadisova.

    เอวญฺหิ เกสาทิเก โกฎฺฐาเส วณฺณสณฺฐานทิโสกาสปริเจฺฉทวเสน ววตฺถเปตฺวา อนุปุพฺพโต นาติสีฆโต นาติสณิกโตติอาทินา นเยน วณฺณสณฺฐานคนฺธาสโยกาสวเสน ปญฺจธา ‘ปฎิกฺกูลา ปฎิกฺกูลา’ติ มนสิกโรโต ปณฺณตฺติสมติกฺกมวเสน, เสยฺยถาปิ จกฺขุมโต ปุริสสฺส ทฺวตฺติํสวณฺณานํ กุสุมานํ เอกสุตฺตคณฺฐิตํ มาลํ โอโลเกนฺตสฺส สพฺพปุปฺผานิ อปุพฺพาปริยมิว ปากฎานิ โหนฺติ, เอวเมว ‘‘อตฺถิ อิมสฺมิํ กาเย เกสา’’ติ อิมํ กายํ โอโลเกนฺตสฺส สเพฺพ เต ธมฺมา อปุพฺพาปริยมิว ปากฎา โหนฺติฯ เตน วุตฺตํ มนสิการโกสลฺลกถายํ ‘‘อาทิกมฺมิกสฺส หิ ‘เกสา’ติ มนสิกโรโต มนสิกาโร คนฺตฺวา ‘มุตฺต’นฺติ อิมํ ปริโยสานโกฎฺฐาสเมว อาหจฺจ ติฎฺฐตี’’ติฯ

    Evañhi kesādike koṭṭhāse vaṇṇasaṇṭhānadisokāsaparicchedavasena vavatthapetvā anupubbato nātisīghato nātisaṇikatotiādinā nayena vaṇṇasaṇṭhānagandhāsayokāsavasena pañcadhā ‘paṭikkūlā paṭikkūlā’ti manasikaroto paṇṇattisamatikkamavasena, seyyathāpi cakkhumato purisassa dvattiṃsavaṇṇānaṃ kusumānaṃ ekasuttagaṇṭhitaṃ mālaṃ olokentassa sabbapupphāni apubbāpariyamiva pākaṭāni honti, evameva ‘‘atthi imasmiṃ kāye kesā’’ti imaṃ kāyaṃ olokentassa sabbe te dhammā apubbāpariyamiva pākaṭā honti. Tena vuttaṃ manasikārakosallakathāyaṃ ‘‘ādikammikassa hi ‘kesā’ti manasikaroto manasikāro gantvā ‘mutta’nti imaṃ pariyosānakoṭṭhāsameva āhacca tiṭṭhatī’’ti.

    สเจ ปน พหิทฺธาปิ มนสิการํ อุปสํหรติ, อถสฺส เอวํ สพฺพโกฎฺฐาเสสุ ปากฎีภูเตสุ อาหิณฺฑนฺตา มนุสฺสติรจฺฉานาทโย สตฺตาการํ วิชหิตฺวา โกฎฺฐาสราสิวเสเนว อุปฎฺฐหนฺติ; เตหิ จ อโชฺฌหริยมานํ ปานโภชนาทิ โกฎฺฐาสราสิมฺหิ ปกฺขิปิยมานมิว อุปฎฺฐาติฯ อถสฺส อนุปุพฺพมุญฺจนาทิวเสน ‘ปฎิกูลา ปฎิกูลา’ติ ปุนปฺปุนํ มนสิกโรโต อนุกฺกเมน อปฺปนา อุปฺปชฺชติฯ

    Sace pana bahiddhāpi manasikāraṃ upasaṃharati, athassa evaṃ sabbakoṭṭhāsesu pākaṭībhūtesu āhiṇḍantā manussatiracchānādayo sattākāraṃ vijahitvā koṭṭhāsarāsivaseneva upaṭṭhahanti; tehi ca ajjhohariyamānaṃ pānabhojanādi koṭṭhāsarāsimhi pakkhipiyamānamiva upaṭṭhāti. Athassa anupubbamuñcanādivasena ‘paṭikūlā paṭikūlā’ti punappunaṃ manasikaroto anukkamena appanā uppajjati.

    ตตฺถ เกสาทีนํ วณฺณสณฺฐานทิโสกาสปริเจฺฉทวเสน อุปฎฺฐานํ อุคฺคหนิมิตฺตํ, สพฺพาการโต ปฎิกูลวเสน อุปฎฺฐานํ ปฎิภาคนิมิตฺตํฯ ตํ ปุนปฺปุนํ อาวเชฺชนฺตสฺส มนสิกโรนฺตสฺส ตกฺกาหตํ วิตกฺกาหตํ กโรนฺตสฺส จตฺตาโร ขนฺธา ปฎิกูลารมฺมณา โหนฺติ, ปฐมชฺฌานวเสน อปฺปนา ปวตฺตติฯ ปุพฺพภาเค ปริกมฺมอุปจารจิตฺตานิ สวิตกฺกสวิจารานิ สปฺปีติกานิ โสมนสฺสสหคตานิ ปฎิกูลนิมิตฺตารมฺมณานิ; อปฺปนาปิ สวิตกฺกสวิจารา สปฺปีติกา โสมนสฺสสหคตาวฯ ภูมนฺตเรน ปน มหคฺคตา รูปาวจรา โหนฺติฯ ปฎิกฺกูเลปิ จ เอตสฺมิํ อารมฺมเณ อานิสํสทสฺสาวิตาย โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ, เอกตฺตารมฺมณพเลเนว วา ตํ อุปฺปชฺชติฯ ทุติยชฺฌานาทีนิ ปเนตฺถ น นิพฺพตฺตนฺติฯ กสฺมา? โอฬาริกตฺตาฯ อิทญฺหิ อารมฺมณํ โอฬาริกํฯ วิตกฺกพเลเนเวตฺถ จิเตฺตกคฺคตา ชายติ, น วิตกฺกสมติกฺกเมนาติฯ อยํ ตาว สมถวเสน กมฺมฎฺฐานกถาฯ

    Tattha kesādīnaṃ vaṇṇasaṇṭhānadisokāsaparicchedavasena upaṭṭhānaṃ uggahanimittaṃ, sabbākārato paṭikūlavasena upaṭṭhānaṃ paṭibhāganimittaṃ. Taṃ punappunaṃ āvajjentassa manasikarontassa takkāhataṃ vitakkāhataṃ karontassa cattāro khandhā paṭikūlārammaṇā honti, paṭhamajjhānavasena appanā pavattati. Pubbabhāge parikammaupacāracittāni savitakkasavicārāni sappītikāni somanassasahagatāni paṭikūlanimittārammaṇāni; appanāpi savitakkasavicārā sappītikā somanassasahagatāva. Bhūmantarena pana mahaggatā rūpāvacarā honti. Paṭikkūlepi ca etasmiṃ ārammaṇe ānisaṃsadassāvitāya somanassaṃ uppajjati, ekattārammaṇabaleneva vā taṃ uppajjati. Dutiyajjhānādīni panettha na nibbattanti. Kasmā? Oḷārikattā. Idañhi ārammaṇaṃ oḷārikaṃ. Vitakkabalenevettha cittekaggatā jāyati, na vitakkasamatikkamenāti. Ayaṃ tāva samathavasena kammaṭṭhānakathā.

    อวิเสสโต ปน สาธารณวเสน เอวํ เวทิตพฺพํ – อิทญฺหิ กมฺมฎฺฐานํ ภาเวตุกาเมน กมฺมฎฺฐานํ อุคฺคเหตฺวา สชฺฌายกาเล เอว เกสาทีนํ วณฺณนิมิตฺตสณฺฐานนิมิตฺตทิสานิมิตฺตโอกาสนิมิตฺตปริเจฺฉทนิมิตฺตานิ วาจาย โปเถตฺวา โปเถตฺวา เอเกกโกฎฺฐาเส ‘อยํ เอตํสริกฺขโก’ติ ติวิเธน สชฺฌาโย กาตโพฺพฯ กถํ? ตจปญฺจเก ตาว เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว อนุโลมโต ปญฺจาหํ, ปฎิโลมโต ปญฺจาหํ, อนุโลมปฎิโลมโต ปญฺจาหนฺติ อทฺธมาสํ สชฺฌาโย กาตโพฺพฯ ตโต อาจริยสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วกฺกปญฺจกํ อุคฺคณฺหิตฺวา ตเถว อทฺธมาสํ สชฺฌาโย กาตโพฺพฯ ตโต เต ทสปิ โกฎฺฐาเส เอกโต กตฺวา อทฺธมาสํฯ ปุน ปปฺผาสปญฺจกาทีสุปิ เอเกกํ อุคฺคณฺหิตฺวา อทฺธมาสํฯ ตโต เต ปญฺจทสปิ โกฎฺฐาเส อทฺธมาสํฯ มตฺถลุงฺคปญฺจกํ อทฺธมาสํฯ ตโต เตวีสติ โกฎฺฐาเส อทฺธมาสํฯ เมทฉกฺกํ อทฺธมาสํฯ ตโต เต ฉพฺพีสติปิ โกฎฺฐาเส เอกโต กตฺวา อทฺธมาสํฯ มุตฺตฉกฺกํ อทฺธมาสํฯ ตโต สเพฺพปิ ทฺวตฺติํส โกฎฺฐาเส เอกโต กตฺวา อทฺธมาสนฺติ เอวํ ฉ มาเส สชฺฌาโย กาตโพฺพฯ

    Avisesato pana sādhāraṇavasena evaṃ veditabbaṃ – idañhi kammaṭṭhānaṃ bhāvetukāmena kammaṭṭhānaṃ uggahetvā sajjhāyakāle eva kesādīnaṃ vaṇṇanimittasaṇṭhānanimittadisānimittaokāsanimittaparicchedanimittāni vācāya pothetvā pothetvā ekekakoṭṭhāse ‘ayaṃ etaṃsarikkhako’ti tividhena sajjhāyo kātabbo. Kathaṃ? Tacapañcake tāva heṭṭhā vuttanayeneva anulomato pañcāhaṃ, paṭilomato pañcāhaṃ, anulomapaṭilomato pañcāhanti addhamāsaṃ sajjhāyo kātabbo. Tato ācariyassa santikaṃ gantvā vakkapañcakaṃ uggaṇhitvā tatheva addhamāsaṃ sajjhāyo kātabbo. Tato te dasapi koṭṭhāse ekato katvā addhamāsaṃ. Puna papphāsapañcakādīsupi ekekaṃ uggaṇhitvā addhamāsaṃ. Tato te pañcadasapi koṭṭhāse addhamāsaṃ. Matthaluṅgapañcakaṃ addhamāsaṃ. Tato tevīsati koṭṭhāse addhamāsaṃ. Medachakkaṃ addhamāsaṃ. Tato te chabbīsatipi koṭṭhāse ekato katvā addhamāsaṃ. Muttachakkaṃ addhamāsaṃ. Tato sabbepi dvattiṃsa koṭṭhāse ekato katvā addhamāsanti evaṃ cha māse sajjhāyo kātabbo.

    ตตฺถ – อุปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺส สปฺปญฺญสฺส ภิกฺขุโน กมฺมฎฺฐานํ อุคฺคณฺหนฺตเสฺสว โกฎฺฐาสา อุปฎฺฐหนฺติ, เอกจฺจสฺส น อุปฎฺฐหนฺติฯ เตน ‘น อุปฎฺฐหนฺตี’ติ วีริยํ น วิสฺสเชฺชตพฺพํฯ ยตฺตกา โกฎฺฐาสา อุปฎฺฐหนฺติ ตตฺตเก คเหตฺวา สชฺฌาโย กาตโพฺพฯ เอวํ กมฺมฎฺฐานํ กเถเนฺตน ปน เนว ปญฺญวโต น มนฺทปญฺญสฺส วเสน กเถตพฺพํ, มชฺฌิมปญฺญสฺส วเสน กเถตพฺพํฯ มชฺฌิมปญฺญสฺส หิ วเสน อาจริยา ฉหิ มาเสหิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ตนฺติํ ฐปยิํสุฯ ยสฺส ปน เอตฺตาวตาปิ โกฎฺฐาสา ปากฎา น โหนฺติ, เตน ตโต ปรมฺปิ สชฺฌาโย กาตโพฺพ เอว; โน จ โข อปริจฺฉินฺทิตฺวา, ฉ ฉ มาเส ปริจฺฉินฺทิตฺวาว กาตโพฺพฯ

    Tattha – upanissayasampannassa sappaññassa bhikkhuno kammaṭṭhānaṃ uggaṇhantasseva koṭṭhāsā upaṭṭhahanti, ekaccassa na upaṭṭhahanti. Tena ‘na upaṭṭhahantī’ti vīriyaṃ na vissajjetabbaṃ. Yattakā koṭṭhāsā upaṭṭhahanti tattake gahetvā sajjhāyo kātabbo. Evaṃ kammaṭṭhānaṃ kathentena pana neva paññavato na mandapaññassa vasena kathetabbaṃ, majjhimapaññassa vasena kathetabbaṃ. Majjhimapaññassa hi vasena ācariyā chahi māsehi paricchinditvā tantiṃ ṭhapayiṃsu. Yassa pana ettāvatāpi koṭṭhāsā pākaṭā na honti, tena tato parampi sajjhāyo kātabbo eva; no ca kho aparicchinditvā, cha cha māse paricchinditvāva kātabbo.

    สชฺฌายํ กโรเนฺตน วโณฺณ น ปจฺจเวกฺขิตโพฺพ, น ลกฺขณํ มนสิกาตพฺพํ, โกฎฺฐาสวเสเนว สชฺฌาโย กาตโพฺพฯ อาจริเยนาปิ ‘วณฺณวเสน สชฺฌายํ กโรหี’ติ นิยเมตฺวา น กเถตพฺพํฯ นิยเมตฺวา กถิเต โก โทโสติ? สมฺปตฺติยมฺปิ วิปตฺติสญฺญาอาปชฺชนํฯ สเจ หิ อาจริเยน ‘วณฺณวเสน สชฺฌายํ กโรหี’ติ วุเตฺต อิมสฺส ภิกฺขุโน ตถา กโรนฺตสฺส กมฺมฎฺฐานํ วณฺณโต น อุปฎฺฐาติ, ปฎิกูลวเสน วา ธาตุวเสน วา อุปฎฺฐาติ, อเถส ‘น อิทํ กมฺมฎฺฐานํ วิลกฺขณ’นฺติ สญฺญี โหติ, อาจริเยน กถิตเมว กเปฺปตฺวา คณฺหาติฯ ‘ปฎิกูลวเสน สชฺฌายํ กโรหี’ติ วุเตฺตปิ สเจ ตสฺส ตถา กโรนฺตสฺส ปฎิกฺกูลโต น อุปฎฺฐาติ, วณฺณวเสน วา ธาตุวเสน วา อุปฎฺฐาติ, อเถส ‘นยิทํ กมฺมฎฺฐานํ วิลกฺขณ’นฺติ สญฺญี โหติ, อาจริเยน กถิตเมว กเปฺปตฺวา คณฺหาติฯ ‘ธาตุวเสน ตํ สชฺฌายํ กโรหี’ติ วุเตฺตปิ สเจ ตสฺส ตถา กโรนฺตสฺส ธาตุโต น อุปฎฺฐาติ, วณฺณวเสน วา ปฎิกูลวเสน วา อุปฎฺฐาติ, อเถส ‘นยิทํ กมฺมฎฺฐานํ วิลกฺขณ’นฺติ สญฺญี โหติ, อาจริเยน กถิตเมว กเปฺปตฺวา คณฺหาติฯ อยํ อาจริเยน นิยเมตฺวา กถิเต โทโสฯ

    Sajjhāyaṃ karontena vaṇṇo na paccavekkhitabbo, na lakkhaṇaṃ manasikātabbaṃ, koṭṭhāsavaseneva sajjhāyo kātabbo. Ācariyenāpi ‘vaṇṇavasena sajjhāyaṃ karohī’ti niyametvā na kathetabbaṃ. Niyametvā kathite ko dosoti? Sampattiyampi vipattisaññāāpajjanaṃ. Sace hi ācariyena ‘vaṇṇavasena sajjhāyaṃ karohī’ti vutte imassa bhikkhuno tathā karontassa kammaṭṭhānaṃ vaṇṇato na upaṭṭhāti, paṭikūlavasena vā dhātuvasena vā upaṭṭhāti, athesa ‘na idaṃ kammaṭṭhānaṃ vilakkhaṇa’nti saññī hoti, ācariyena kathitameva kappetvā gaṇhāti. ‘Paṭikūlavasena sajjhāyaṃ karohī’ti vuttepi sace tassa tathā karontassa paṭikkūlato na upaṭṭhāti, vaṇṇavasena vā dhātuvasena vā upaṭṭhāti, athesa ‘nayidaṃ kammaṭṭhānaṃ vilakkhaṇa’nti saññī hoti, ācariyena kathitameva kappetvā gaṇhāti. ‘Dhātuvasena taṃ sajjhāyaṃ karohī’ti vuttepi sace tassa tathā karontassa dhātuto na upaṭṭhāti, vaṇṇavasena vā paṭikūlavasena vā upaṭṭhāti, athesa ‘nayidaṃ kammaṭṭhānaṃ vilakkhaṇa’nti saññī hoti, ācariyena kathitameva kappetvā gaṇhāti. Ayaṃ ācariyena niyametvā kathite doso.

    กินฺติ ปน วตฺตโพฺพ โหตีติ? ‘โกฎฺฐาสวเสน สชฺฌายํ กโรหี’ติ วตฺตโพฺพฯ กถํ? ‘เกสโกฎฺฐาโส โลมโกฎฺฐาโสติ สชฺฌายํ กโรหี’ติ วตฺตโพฺพฯ สเจ ปนสฺส เอวํ โกฎฺฐาสวเสน สชฺฌายํ กโรนฺตสฺส วณฺณโต อุปฎฺฐาติ, อถาเนน โอวาทาจริยสฺส อาจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ ทฺวตฺติํสาการํ โกฎฺฐาสวเสน สชฺฌายํ กโรมิ; มยฺหํ ปน วณฺณโต อุปฎฺฐาตี’ติฯ อาจริเยน ‘กมฺมฎฺฐานํ วิย อกมฺมฎฺฐานํ, วิลกฺขณํ เอต’นฺติ น วิสํวาเทตพฺพํฯ ‘สาธุ, สปฺปุริส, ปุเพฺพ ตยา วณฺณกสิเณ ปริกมฺมํ กตปุพฺพํ ภวิสฺสติฯ เอตเทว กมฺมฎฺฐานํ ตุยฺหํ สปฺปายํฯ วณฺณวเสเนว สชฺฌายํ กโรหี’ติ วตฺตโพฺพฯ เตนปิ วณฺณวเสเนว สชฺฌาโย กาตโพฺพฯ

    Kinti pana vattabbo hotīti? ‘Koṭṭhāsavasena sajjhāyaṃ karohī’ti vattabbo. Kathaṃ? ‘Kesakoṭṭhāso lomakoṭṭhāsoti sajjhāyaṃ karohī’ti vattabbo. Sace panassa evaṃ koṭṭhāsavasena sajjhāyaṃ karontassa vaṇṇato upaṭṭhāti, athānena ovādācariyassa ācikkhitabbaṃ – ‘ahaṃ dvattiṃsākāraṃ koṭṭhāsavasena sajjhāyaṃ karomi; mayhaṃ pana vaṇṇato upaṭṭhātī’ti. Ācariyena ‘kammaṭṭhānaṃ viya akammaṭṭhānaṃ, vilakkhaṇaṃ eta’nti na visaṃvādetabbaṃ. ‘Sādhu, sappurisa, pubbe tayā vaṇṇakasiṇe parikammaṃ katapubbaṃ bhavissati. Etadeva kammaṭṭhānaṃ tuyhaṃ sappāyaṃ. Vaṇṇavaseneva sajjhāyaṃ karohī’ti vattabbo. Tenapi vaṇṇavaseneva sajjhāyo kātabbo.

    โส เอวํ กโรโนฺต อชฺฌตฺตํ นีลกํ ปีตกํ โลหิตกํ โอทาตกนฺติ จตฺตาริ วณฺณกสิณานิ ลภติฯ กถํ? ตสฺส หิ เกสโลมปิเตฺตสุ เจว อกฺขีนญฺจ กาฬกฎฺฐาเน วณฺณํ ‘นีลํ นีล’นฺติ มนสิกโรนฺตสฺส จตุกฺกปญฺจกชฺฌานานิ อุปฺปชฺชนฺติ; ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติฯ เมทสฺมิํ ปน อกฺขีนญฺจ ปีตกฎฺฐาเน วณฺณํ ‘ปีตกํ ปีตก’นฺติ มนสิกโรนฺตสฺส จตุกฺกปญฺจกชฺฌานานิ อุปฺปชฺชนฺติ; ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติฯ มํสโลหิเตสุ ปน อกฺขีนญฺจ รตฺตฎฺฐาเน วณฺณํ ‘โลหิตกํ โลหิตก’นฺติ มนสิกโรนฺตสฺส จตุกฺกปญฺจกชฺฌานานิ อุปฺปชฺชนฺติ; ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติฯ นขทนฺตจมฺมอฎฺฐีสุ ปน อกฺขีนญฺจ ปณฺฑรฎฺฐาเน วณฺณํ ‘โอทาตํ โอทาต’นฺติ มนสิกโรนฺตสฺส จตุกฺกปญฺจกชฺฌานานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติฯ อิทํ วณฺณวเสน อภินิวิฎฺฐสฺส ภิกฺขุโน ยาว อรหตฺตา นิคมนํฯ

    So evaṃ karonto ajjhattaṃ nīlakaṃ pītakaṃ lohitakaṃ odātakanti cattāri vaṇṇakasiṇāni labhati. Kathaṃ? Tassa hi kesalomapittesu ceva akkhīnañca kāḷakaṭṭhāne vaṇṇaṃ ‘nīlaṃ nīla’nti manasikarontassa catukkapañcakajjhānāni uppajjanti; jhānaṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā arahattaṃ pāpuṇāti. Medasmiṃ pana akkhīnañca pītakaṭṭhāne vaṇṇaṃ ‘pītakaṃ pītaka’nti manasikarontassa catukkapañcakajjhānāni uppajjanti; jhānaṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā arahattaṃ pāpuṇāti. Maṃsalohitesu pana akkhīnañca rattaṭṭhāne vaṇṇaṃ ‘lohitakaṃ lohitaka’nti manasikarontassa catukkapañcakajjhānāni uppajjanti; jhānaṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā arahattaṃ pāpuṇāti. Nakhadantacammaaṭṭhīsu pana akkhīnañca paṇḍaraṭṭhāne vaṇṇaṃ ‘odātaṃ odāta’nti manasikarontassa catukkapañcakajjhānāni uppajjanti, jhānaṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā arahattaṃ pāpuṇāti. Idaṃ vaṇṇavasena abhiniviṭṭhassa bhikkhuno yāva arahattā nigamanaṃ.

    อปรสฺส โกฎฺฐาสวเสน สชฺฌายํ กโรนฺตสฺส ปฎิกูลโต อุปฎฺฐาติฯ อถาเนน โอวาทาจริยสฺส อาจิกฺขิตพฺพํฯ อาจริเยน ‘กมฺมฎฺฐานํ วิย อกมฺมฎฺฐานํ, วิลกฺขณํ เอต’นฺติ น วิสํวาเทตพฺพํฯ ‘สาธุ, สปฺปุริส, ปุเพฺพ ตยา ปฎิกูลมนสิกาเร โยโค กโต ภวิสฺสติฯ เอตเทว กมฺมฎฺฐานํ ตุยฺหํ สปฺปายํฯ ปฎิกูลวเสเนว สชฺฌายํ กโรหี’ติ วตฺตโพฺพฯ เตนปิ ปฎิกูลวเสน สชฺฌาโย กาตโพฺพฯ ตสฺส เกสา นาม ‘อชญฺญา ทุคฺคนฺธา เชคุจฺฉา ปฎิกูลา’ติ เอวํ ปฎิกูลวเสน สชฺฌายํ กโรนฺตสฺส ปฎิกูลารมฺมเณ ปฐมชฺฌานํ นิพฺพตฺตติฯ โส ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติฯ อิทํ ปฎิกูลวเสน อภินิวิฎฺฐสฺส ภิกฺขุโน ยาว อรหตฺตา นิคมนํฯ

    Aparassa koṭṭhāsavasena sajjhāyaṃ karontassa paṭikūlato upaṭṭhāti. Athānena ovādācariyassa ācikkhitabbaṃ. Ācariyena ‘kammaṭṭhānaṃ viya akammaṭṭhānaṃ, vilakkhaṇaṃ eta’nti na visaṃvādetabbaṃ. ‘Sādhu, sappurisa, pubbe tayā paṭikūlamanasikāre yogo kato bhavissati. Etadeva kammaṭṭhānaṃ tuyhaṃ sappāyaṃ. Paṭikūlavaseneva sajjhāyaṃ karohī’ti vattabbo. Tenapi paṭikūlavasena sajjhāyo kātabbo. Tassa kesā nāma ‘ajaññā duggandhā jegucchā paṭikūlā’ti evaṃ paṭikūlavasena sajjhāyaṃ karontassa paṭikūlārammaṇe paṭhamajjhānaṃ nibbattati. So jhānaṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā arahattaṃ pāpuṇāti. Idaṃ paṭikūlavasena abhiniviṭṭhassa bhikkhuno yāva arahattā nigamanaṃ.

    อปรสฺส โกฎฺฐาสวเสน สชฺฌายํ กโรนฺตสฺส ธาตุโต อุปฎฺฐาติฯ ธาตุโต อุปฎฺฐหนฺตํ กีทิสํ หุตฺวา อุปฎฺฐาตีติ? เกสา ตาว วมฺมิกมตฺถเก ชาตกุนฺถติณกานิ วิย หุตฺวา อุปฎฺฐหนฺติฯ โลมา ปุราณคามฎฺฐาเน ชาตทพฺพติณกานิ วิยฯ นขา ทณฺฑเกสุ ฐปิตมธุกผลฎฺฐิโกสกา วิยฯ ทนฺตา มตฺติกาปิเณฺฑ ปเวเสตฺวา ฐปิตอลาพุพีชานิ วิยฯ ตโจ วีณาปพฺพเก ปริโยนทฺธอลฺลโคจมฺมํ วิย, มํสํ ภิตฺติยํ อนุลิตฺตมตฺติกา วิยฯ นฺหารุ ทพฺพสมฺภารพทฺธวลฺลี วิยฯ อฎฺฐิ อุสฺสาเปตฺวา ฐปิตภิตฺติทพฺพสมฺภาโร วิยฯ อฎฺฐิมิญฺชํ มหาเวฬุมฺหิ ปกฺขิตฺตเสทิตเวตฺตคฺคํ วิยฯ วกฺกํ, หทยํ, ยกนํ, กิโลมกํ, ปิหกํ, ปปฺผาสนฺติ อิเม ฉ โกฎฺฐาสา สูนการฆรํ วิย หุตฺวา อุปฎฺฐหนฺติฯ ทฺวตฺติํสหตฺถํ อนฺตํ โลหิตโทณิยํ สํเวลฺลิตฺวา ฐปิตฆรสโปฺป วิยฯ อนฺตคุณํ ปาทปุญฺฉนเก สิพฺพิตรชฺชุกา วิยฯ อุทริยํ ปริสฺสาวเน สิถิลพนฺธตณฺฑุลํ วิยฯ กรีสํ เวณุปเพฺพ ปกฺขิตฺตปณฺฑุมตฺติกา วิยฯ มตฺถลุงฺคํ โอมทฺทิตฺวา ฐปิตา จตฺตาโร ตณฺฑุลปิฎฺฐปิณฺฑา วิยฯ ทฺวาทสวิธา อาโปธาตุ ปฎิปาฎิยา ฐปิเตสุ ทฺวาทสสุ อุทกสราวเกสุ ปูริตอุทกํ วิย หุตฺวา อุปฎฺฐาติฯ

    Aparassa koṭṭhāsavasena sajjhāyaṃ karontassa dhātuto upaṭṭhāti. Dhātuto upaṭṭhahantaṃ kīdisaṃ hutvā upaṭṭhātīti? Kesā tāva vammikamatthake jātakunthatiṇakāni viya hutvā upaṭṭhahanti. Lomā purāṇagāmaṭṭhāne jātadabbatiṇakāni viya. Nakhā daṇḍakesu ṭhapitamadhukaphalaṭṭhikosakā viya. Dantā mattikāpiṇḍe pavesetvā ṭhapitaalābubījāni viya. Taco vīṇāpabbake pariyonaddhaallagocammaṃ viya, maṃsaṃ bhittiyaṃ anulittamattikā viya. Nhāru dabbasambhārabaddhavallī viya. Aṭṭhi ussāpetvā ṭhapitabhittidabbasambhāro viya. Aṭṭhimiñjaṃ mahāveḷumhi pakkhittaseditavettaggaṃ viya. Vakkaṃ, hadayaṃ, yakanaṃ, kilomakaṃ, pihakaṃ, papphāsanti ime cha koṭṭhāsā sūnakāragharaṃ viya hutvā upaṭṭhahanti. Dvattiṃsahatthaṃ antaṃ lohitadoṇiyaṃ saṃvellitvā ṭhapitagharasappo viya. Antaguṇaṃ pādapuñchanake sibbitarajjukā viya. Udariyaṃ parissāvane sithilabandhataṇḍulaṃ viya. Karīsaṃ veṇupabbe pakkhittapaṇḍumattikā viya. Matthaluṅgaṃ omadditvā ṭhapitā cattāro taṇḍulapiṭṭhapiṇḍā viya. Dvādasavidhā āpodhātu paṭipāṭiyā ṭhapitesu dvādasasu udakasarāvakesu pūritaudakaṃ viya hutvā upaṭṭhāti.

    อถาเนน โอวาทาจริยสฺส อาจิกฺขิตพฺพํฯ อาจริเยน ‘กมฺมฎฺฐานํ วิย อกมฺมฎฺฐานํ, วิลกฺขณํ เอต’นฺติ น วิสํวาเทตพฺพํฯ ‘สาธุ, สปฺปุริส, ปุเพฺพ ตยา ธาตุมนสิกาเร โยโค กโต ภวิสฺสติฯ เอตเทว กมฺมฎฺฐานํ ตุยฺหํ สปฺปายํฯ ธาตุวเสเนว สชฺฌายํ กโรหี’ติ วตฺตโพฺพฯ เตนปิ ธาตุวเสน สชฺฌาโย กาตโพฺพฯ

    Athānena ovādācariyassa ācikkhitabbaṃ. Ācariyena ‘kammaṭṭhānaṃ viya akammaṭṭhānaṃ, vilakkhaṇaṃ eta’nti na visaṃvādetabbaṃ. ‘Sādhu, sappurisa, pubbe tayā dhātumanasikāre yogo kato bhavissati. Etadeva kammaṭṭhānaṃ tuyhaṃ sappāyaṃ. Dhātuvaseneva sajjhāyaṃ karohī’ti vattabbo. Tenapi dhātuvasena sajjhāyo kātabbo.

    ตตฺริทํ มนสิการมุเขเนว สชฺฌายวิธานํ – อิธ ภิกฺขุ ‘เกสา สีสํ ปริโยนทฺธิตฺวา ฐิตจเมฺม ชาตาฯ เต น ชานนฺติ ‘มยํ สีสํ ปริโยนทฺธิตฺวา ฐิตจเมฺม ชาตา’ติ; สีสํ ปริโยนทฺธิตฺวา ฐิตจมฺมมฺปิ น ชานาติ ‘เกสา มยิ ชาตา’ติ; อเจตนา เอเต อพฺยากตา สุญฺญา ถทฺธา ปตฺถินฺนา ปถวีธาตุ เอสา’ติ มนสิกโรติฯ ‘โลมา สรีรํ ปริโยนหนจเมฺม ชาตาฯ เต น ชานนฺติ ‘มยํ สรีรํ ปริโยนหนจเมฺม ชาตา’ติฯ สรีรํ ปริโยนหนจมฺมมฺปิ น ชานาติ ‘โลมา มยิ ชาตา’ติ เอเตปิ อเจตนาฯ นขา องฺคุลีนํ อเคฺคสุ ชาตาฯ เต น ชานนฺติ ‘มยํ องฺคุลีนํ อเคฺคสุ ชาตา’ติฯ องฺคุลีนํ อคฺคานิปิ น ชานนฺติ ‘นขา อเมฺหสุ ชาตา’ติฯ เอเตปิ อเจตนาฯ ทนฺตา หนุกฎฺฐิเก ชาตาฯ เต น ชานนฺติ ‘มยํ หนุกฎฺฐิเก ชาตา’ติฯ หนุกฎฺฐิกมฺปิ น ชานาติ ‘ทนฺตา มยิ ชาตา’ติฯ เอเตปิ อเจตนาฯ ตโจ น ชานาติ ‘สรีรํ มยา ปริโยนทฺธ’นฺติฯ สรีรมฺปิ น ชานาติ ‘อหํ ตเจน ปริโยนทฺธ’นฺติฯ อยมฺปิ อเจตโนฯ มํสํ น ชานาติ ‘มยา สรีรํ อนุลิตฺต’นฺติฯ สรีรมฺปิ น ชานาติ ‘อหํ มํเสน อนุลิตฺต’นฺติฯ อิทมฺปิ อเจตนํฯ นฺหารุ น ชานาติ ‘อหํ อฎฺฐิปุญฺชํ อาพนฺธิตฺวา ฐิต’นฺติฯ อฎฺฐิปุโญฺชปิ น ชานาติ ‘นฺหารุชาเลนาหํ อาพโทฺธ’ติฯ อิทมฺปิ อเจตนํฯ

    Tatridaṃ manasikāramukheneva sajjhāyavidhānaṃ – idha bhikkhu ‘kesā sīsaṃ pariyonaddhitvā ṭhitacamme jātā. Te na jānanti ‘mayaṃ sīsaṃ pariyonaddhitvā ṭhitacamme jātā’ti; sīsaṃ pariyonaddhitvā ṭhitacammampi na jānāti ‘kesā mayi jātā’ti; acetanā ete abyākatā suññā thaddhā patthinnā pathavīdhātu esā’ti manasikaroti. ‘Lomā sarīraṃ pariyonahanacamme jātā. Te na jānanti ‘mayaṃ sarīraṃ pariyonahanacamme jātā’ti. Sarīraṃ pariyonahanacammampi na jānāti ‘lomā mayi jātā’ti etepi acetanā. Nakhā aṅgulīnaṃ aggesu jātā. Te na jānanti ‘mayaṃ aṅgulīnaṃ aggesu jātā’ti. Aṅgulīnaṃ aggānipi na jānanti ‘nakhā amhesu jātā’ti. Etepi acetanā. Dantā hanukaṭṭhike jātā. Te na jānanti ‘mayaṃ hanukaṭṭhike jātā’ti. Hanukaṭṭhikampi na jānāti ‘dantā mayi jātā’ti. Etepi acetanā. Taco na jānāti ‘sarīraṃ mayā pariyonaddha’nti. Sarīrampi na jānāti ‘ahaṃ tacena pariyonaddha’nti. Ayampi acetano. Maṃsaṃ na jānāti ‘mayā sarīraṃ anulitta’nti. Sarīrampi na jānāti ‘ahaṃ maṃsena anulitta’nti. Idampi acetanaṃ. Nhāru na jānāti ‘ahaṃ aṭṭhipuñjaṃ ābandhitvā ṭhita’nti. Aṭṭhipuñjopi na jānāti ‘nhārujālenāhaṃ ābaddho’ti. Idampi acetanaṃ.

    สีสฎฺฐิ น ชานาติ ‘อหํ คีวฎฺฐิเก ปติฎฺฐิต’นฺติฯ คีวฎฺฐิกมฺปิ น ชานาติ ‘มยิ สีสฎฺฐิกํ ปติฎฺฐิต’นฺติฯ คีวฎฺฐิ น ชานาติ ‘อหํ ปิฎฺฐิกณฺฎเก ฐิต’นฺติฯ ปิฎฺฐิกณฺฎฎฺฐิโกปิ กฎิฎฺฐิกํ อูรุฎฺฐิกํ ชงฺฆฎฺฐิกํ โคปฺผกฎฺฐิกํ น ชานาติ ‘อหํ ปณฺหิกฎฺฐิเก ปติฎฺฐิต’นฺติฯ ปณฺหิกฎฺฐิกมฺปิ น ชานาติ ‘อหํ โคปฺผกฎฺฐิกํ อุกฺขิปิตฺวา ฐิตนฺติ…เป.… คีวฎฺฐิกํ น ชานาติ ‘อหํ สีสฎฺฐิกํ อุกฺขิปิตฺวา ฐิต’นฺติฯ

    Sīsaṭṭhi na jānāti ‘ahaṃ gīvaṭṭhike patiṭṭhita’nti. Gīvaṭṭhikampi na jānāti ‘mayi sīsaṭṭhikaṃ patiṭṭhita’nti. Gīvaṭṭhi na jānāti ‘ahaṃ piṭṭhikaṇṭake ṭhita’nti. Piṭṭhikaṇṭaṭṭhikopi kaṭiṭṭhikaṃ ūruṭṭhikaṃ jaṅghaṭṭhikaṃ gopphakaṭṭhikaṃ na jānāti ‘ahaṃ paṇhikaṭṭhike patiṭṭhita’nti. Paṇhikaṭṭhikampi na jānāti ‘ahaṃ gopphakaṭṭhikaṃ ukkhipitvā ṭhitanti…pe… gīvaṭṭhikaṃ na jānāti ‘ahaṃ sīsaṭṭhikaṃ ukkhipitvā ṭhita’nti.

    ปฎิปาฎิยา อฎฺฐีนิ ฐิตานิ โกฎิยา,

    Paṭipāṭiyā aṭṭhīni ṭhitāni koṭiyā,

    อเนกสนฺธิยมิโต น เกหิจิ;

    Anekasandhiyamito na kehici;

    พโทฺธ นหารูหิ ชราย โจทิโต,

    Baddho nahārūhi jarāya codito,

    อเจตโน กฎฺฐกลิงฺครูปโมฯ

    Acetano kaṭṭhakaliṅgarūpamo.

    ‘อิทมฺปิ อเจตนํฯ อฎฺฐิมิญฺชํ; วกฺกํ…เป.… มตฺถลุงฺคํ อเจตนํ อพฺยากตํ สุญฺญํ ถทฺธํ ปตฺถินฺนํ ปถวีธาตู’ติ มนสิกโรติฯ ‘ปิตฺตํ เสมฺหํ…เป.… มุตฺตํ อเจตนํ อพฺยากตํ สุญฺญํ ยูสคตํ อาโปธาตู’ติ มนสิกโรติฯ

    ‘Idampi acetanaṃ. Aṭṭhimiñjaṃ; vakkaṃ…pe… matthaluṅgaṃ acetanaṃ abyākataṃ suññaṃ thaddhaṃ patthinnaṃ pathavīdhātū’ti manasikaroti. ‘Pittaṃ semhaṃ…pe… muttaṃ acetanaṃ abyākataṃ suññaṃ yūsagataṃ āpodhātū’ti manasikaroti.

    อิเม เทฺว มหาภูเต ปริคฺคณฺหนฺตสฺส อุทเร อุสฺสทา เตโชธาตุ ปากฎา โหติ, นาสาย อุสฺสทา วาโยธาตุ ปากฎา โหติฯ อิเม จตฺตาโร มหาภูเต ปริคฺคณฺหนฺตสฺส อุปาทารูปํ ปากฎํ โหติฯ มหาภูตํ นาม อุปาทารูเปน ปริจฺฉินฺนํ, อุปาทารูปํ มหาภูเตนฯ ยถา อาตโป นาม ฉายาย ปริจฺฉิโนฺน, ฉายา อาตเปน; เอวเมว มหาภูตํ อุปาทารูเปน ปริจฺฉินฺนํ , อุปาทารูปํ มหาภูเตนฯ อถสฺส เอวํ ‘‘จตฺตาริ มหาภูตานิ เตวีสติ อุปาทารูปานิ รูปกฺขโนฺธ’’ติ รูปกฺขนฺธํ ปริคฺคณฺหนฺตสฺส อายตนทฺวารวเสน อรูปิโน ขนฺธา ปากฎา โหนฺติฯ อิติ รูปารูปปริคฺคโห ปญฺจกฺขนฺธา โหนฺติ, ปญฺจกฺขนฺธา ทฺวาทสายตนานิ โหนฺติ, ทฺวาทสายตนานิ อฎฺฐารส ธาตุโย โหนฺตีติ ขนฺธายตนธาตุวเสน ยมกตาลกนฺธํ ผาเลโนฺต วิย เทฺว โกฎฺฐาเส กตฺวา นามรูปํ ววตฺถเปติฯ

    Ime dve mahābhūte pariggaṇhantassa udare ussadā tejodhātu pākaṭā hoti, nāsāya ussadā vāyodhātu pākaṭā hoti. Ime cattāro mahābhūte pariggaṇhantassa upādārūpaṃ pākaṭaṃ hoti. Mahābhūtaṃ nāma upādārūpena paricchinnaṃ, upādārūpaṃ mahābhūtena. Yathā ātapo nāma chāyāya paricchinno, chāyā ātapena; evameva mahābhūtaṃ upādārūpena paricchinnaṃ , upādārūpaṃ mahābhūtena. Athassa evaṃ ‘‘cattāri mahābhūtāni tevīsati upādārūpāni rūpakkhandho’’ti rūpakkhandhaṃ pariggaṇhantassa āyatanadvāravasena arūpino khandhā pākaṭā honti. Iti rūpārūpapariggaho pañcakkhandhā honti, pañcakkhandhā dvādasāyatanāni honti, dvādasāyatanāni aṭṭhārasa dhātuyo hontīti khandhāyatanadhātuvasena yamakatālakandhaṃ phālento viya dve koṭṭhāse katvā nāmarūpaṃ vavatthapeti.

    โส ‘‘อิทํ นามรูปํ น อเหตุ น อปฺปจฺจยา นิพฺพตฺตํ, สเหตุ สปฺปจฺจยา นิพฺพตฺตํฯ โก ปนสฺส เหตุ? โก ปน ปจฺจโย’’ติ อุปปริกฺขโนฺต ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา ตณฺหาปจฺจยา กมฺมปจฺจยา อาหารปจฺจยา จา’’ติ ตสฺส ปจฺจยํ ววตฺถเปตฺวา ‘‘อตีเตปิ ปจฺจยา เจว ปจฺจยสมุปฺปนฺนธมฺมา จ อนาคเตปิ เอตรหิปิ ปจฺจยา เจว ปจฺจยสมุปฺปนฺนธมฺมา จ, ตโต อุทฺธํ สโตฺต วา ปุคฺคโล วา นตฺถิ, สุทฺธสงฺขารปุโญฺช เอวา’’ติ – เอวํ ตีสุ อทฺธาสุ กงฺขํ วิตรติฯ อยํ ปน วิปสฺสนาสงฺขารสลฺลกฺขณา ญาตปริญฺญา นามฯ

    So ‘‘idaṃ nāmarūpaṃ na ahetu na appaccayā nibbattaṃ, sahetu sappaccayā nibbattaṃ. Ko panassa hetu? Ko pana paccayo’’ti upaparikkhanto ‘‘avijjāpaccayā taṇhāpaccayā kammapaccayā āhārapaccayā cā’’ti tassa paccayaṃ vavatthapetvā ‘‘atītepi paccayā ceva paccayasamuppannadhammā ca anāgatepi etarahipi paccayā ceva paccayasamuppannadhammā ca, tato uddhaṃ satto vā puggalo vā natthi, suddhasaṅkhārapuñjo evā’’ti – evaṃ tīsu addhāsu kaṅkhaṃ vitarati. Ayaṃ pana vipassanāsaṅkhārasallakkhaṇā ñātapariññā nāma.

    เอวํ สงฺขาเร สลฺลเกฺขตฺวา ฐิตสฺส ปน ภิกฺขุสฺส ทสพลสฺส สาสเน มูลํ โอติณฺณํ นาม โหติ, ปติฎฺฐา ลทฺธา นาม, จูฬโสตาปโนฺน นาม โหติ นิยตคติโกฯ ตถารูปํ ปน อุตุสปฺปายํ, ปุคฺคลสปฺปายํ, โภชนสปฺปายํ, ธมฺมสวณสปฺปายํ ลภิตฺวา เอกาสเน เอกปลฺลงฺกวรคโต ตีณิ ลกฺขณานิ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนาปฎิปาฎิยา สงฺขาเร สมฺมสโนฺต อรหตฺตํ คณฺหาตีติ อิทํ ธาตุวเสน อภินิวิฎฺฐสฺส ภิกฺขุโน ยาว อรหตฺตา นิคมนํฯ

    Evaṃ saṅkhāre sallakkhetvā ṭhitassa pana bhikkhussa dasabalassa sāsane mūlaṃ otiṇṇaṃ nāma hoti, patiṭṭhā laddhā nāma, cūḷasotāpanno nāma hoti niyatagatiko. Tathārūpaṃ pana utusappāyaṃ, puggalasappāyaṃ, bhojanasappāyaṃ, dhammasavaṇasappāyaṃ labhitvā ekāsane ekapallaṅkavaragato tīṇi lakkhaṇāni āropetvā vipassanāpaṭipāṭiyā saṅkhāre sammasanto arahattaṃ gaṇhātīti idaṃ dhātuvasena abhiniviṭṭhassa bhikkhuno yāva arahattā nigamanaṃ.

    ยสฺส ปน เนว วณฺณโต อุปฎฺฐาติ น ปฎิกูลโต น สุญฺญโต เตน ‘น เม อุปฎฺฐาตี’ติ น กมฺมฎฺฐานํ วิสฺสเชฺชตฺวา นิสีทิตพฺพํ, โกฎฺฐาสมนสิกาเรเยว ปน โยโค กาตโพฺพฯ โปราณกเตฺถรา กิร ‘โกฎฺฐาสมนสิกาโรว ปมาณ’นฺติ อาหํสุฯ อิจฺจสฺส ปุนปฺปุนํ โกฎฺฐาสวเสน สชฺฌายํ กโรนฺตสฺส โกฎฺฐาสา ปคุณา โหนฺติฯ กทา ปน ปคุณา นาม โหนฺตีติ? ยทา ‘เกสา’ติ อาวชฺชิตมเตฺต มนสิกาโร คนฺตฺวา ‘มตฺถลุงฺค’นฺติ อนฺติมโกฎฺฐาเส ปติฎฺฐาติ, ‘มตฺถลุงฺค’นฺติ อาวชฺชิตมเตฺต มนสิกาโร อาคนฺตฺวา ‘เกสา’ติ อาทิโกฎฺฐาเส ปติฎฺฐาติฯ

    Yassa pana neva vaṇṇato upaṭṭhāti na paṭikūlato na suññato tena ‘na me upaṭṭhātī’ti na kammaṭṭhānaṃ vissajjetvā nisīditabbaṃ, koṭṭhāsamanasikāreyeva pana yogo kātabbo. Porāṇakattherā kira ‘koṭṭhāsamanasikārova pamāṇa’nti āhaṃsu. Iccassa punappunaṃ koṭṭhāsavasena sajjhāyaṃ karontassa koṭṭhāsā paguṇā honti. Kadā pana paguṇā nāma hontīti? Yadā ‘kesā’ti āvajjitamatte manasikāro gantvā ‘matthaluṅga’nti antimakoṭṭhāse patiṭṭhāti, ‘matthaluṅga’nti āvajjitamatte manasikāro āgantvā ‘kesā’ti ādikoṭṭhāse patiṭṭhāti.

    อถสฺส ยถา นาม จกฺขุมโต ปุริสสฺส ทฺวตฺติํสวณฺณานํ ปุปฺผานํ เอกสุตฺตคนฺถิตํ มาลํ โอโลเกนฺตสฺส ปฎิปาฎิยา วา ปน นิขาเต ทฺวตฺติํสวติปาเท ปฎิกฺกมิตฺวา โอโลเกนฺตสฺส ปฎิปาฎิยาว ทฺวตฺติํสวณฺณานิ ปุปฺผานิ วติปาทา วา ปากฎา โหนฺติ, เอวเมว ทฺวตฺติํส โกฎฺฐาสา อุปฎฺฐหนฺติ, วิจรนฺตา ติรจฺฉานคตาปิ มนุสฺสาปิ สตฺตาติ น อุปฎฺฐหนฺติ, โกฎฺฐาสาติ อุปฎฺฐหนฺติ, ขาทนียโภชนียํ โกฎฺฐาสนฺตเร ปกฺขิปฺปมานํ วิย โหติฯ

    Athassa yathā nāma cakkhumato purisassa dvattiṃsavaṇṇānaṃ pupphānaṃ ekasuttaganthitaṃ mālaṃ olokentassa paṭipāṭiyā vā pana nikhāte dvattiṃsavatipāde paṭikkamitvā olokentassa paṭipāṭiyāva dvattiṃsavaṇṇāni pupphāni vatipādā vā pākaṭā honti, evameva dvattiṃsa koṭṭhāsā upaṭṭhahanti, vicarantā tiracchānagatāpi manussāpi sattāti na upaṭṭhahanti, koṭṭhāsāti upaṭṭhahanti, khādanīyabhojanīyaṃ koṭṭhāsantare pakkhippamānaṃ viya hoti.

    โกฎฺฐาสานํ ปคุณกาลโต ปฎฺฐาย ตีสุ มุเขสุ เอเกน มุเขน วิมุจฺจิสฺสติฯ กมฺมฎฺฐานํ วณฺณโต วา ปฎิกูลโต วา สุญฺญโต วา อุปฎฺฐาติ ฯ ยถา นาม ปูเว ปจิตุกามา อิตฺถี มทฺทิตฺวา ฐปิตปิฎฺฐโต ยํ ยํ อิจฺฉติ ตํ ตํ ปจติ, ยถา วา ปน สเม ภูมิปฺปเทเส ฐปิตํ อุทกปูรํ กุมฺภํ ยโต ยโต อาวิชฺฌนฺติ ตโต ตโตว อุทกํ นิกฺขมติ; เอวเมว โกฎฺฐาสานํ ปคุณกาลโต ปฎฺฐาย ตีสุ มุเขสุ เอเกน มุเขน วิมุจฺจิสฺสติฯ อากงฺขมานสฺส วณฺณโต, อากงฺขมานสฺส ปฎิกูลโต, อากงฺขมานสฺส สุญฺญโต กมฺมฎฺฐานํ อุปฎฺฐหิสฺสติเยวฯ อยํ เอตฺตโก อุคฺคหสนฺธิ นามฯ อิมสฺมิํ อุคฺคหสนฺธิสฺมิํ ฐตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตา ภิกฺขุ คณนปถํ วีติวตฺตาฯ

    Koṭṭhāsānaṃ paguṇakālato paṭṭhāya tīsu mukhesu ekena mukhena vimuccissati. Kammaṭṭhānaṃ vaṇṇato vā paṭikūlato vā suññato vā upaṭṭhāti . Yathā nāma pūve pacitukāmā itthī madditvā ṭhapitapiṭṭhato yaṃ yaṃ icchati taṃ taṃ pacati, yathā vā pana same bhūmippadese ṭhapitaṃ udakapūraṃ kumbhaṃ yato yato āvijjhanti tato tatova udakaṃ nikkhamati; evameva koṭṭhāsānaṃ paguṇakālato paṭṭhāya tīsu mukhesu ekena mukhena vimuccissati. Ākaṅkhamānassa vaṇṇato, ākaṅkhamānassa paṭikūlato, ākaṅkhamānassa suññato kammaṭṭhānaṃ upaṭṭhahissatiyeva. Ayaṃ ettako uggahasandhi nāma. Imasmiṃ uggahasandhismiṃ ṭhatvā arahattaṃ pattā bhikkhu gaṇanapathaṃ vītivattā.

    ยสฺส ปน อุคฺคหสนฺธิสฺมิํ กมฺมฎฺฐานํ น อุปฎฺฐาติ, เตน กมฺมฎฺฐานํ อุคฺคเหตฺวา, สเจ ยตฺถ อาจริโย วสติ, โส อาวาโส สปฺปาโย โหติ, อิเจฺจตํ กุสลํ; โน เจ, สปฺปายฎฺฐาเน วสิตพฺพํฯ วสเนฺตน อฎฺฐารส วิหารโทเส (วิสุทฺธิ. ๑.๕๒) วเชฺชตฺวา ปญฺจงฺคสมนฺนาคเต เสนาสเน วสิตพฺพํ, สยมฺปิ ปญฺจงฺคสมนฺนาคเตน ภวิตพฺพํฯ ตโต ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกเนฺตน รตฺติฎฺฐานํ วา ทิวาฎฺฐานํ วา ปวิสิตฺวา กมฺมฎฺฐานํ มนสิกาตพฺพํฯ

    Yassa pana uggahasandhismiṃ kammaṭṭhānaṃ na upaṭṭhāti, tena kammaṭṭhānaṃ uggahetvā, sace yattha ācariyo vasati, so āvāso sappāyo hoti, iccetaṃ kusalaṃ; no ce, sappāyaṭṭhāne vasitabbaṃ. Vasantena aṭṭhārasa vihāradose (visuddhi. 1.52) vajjetvā pañcaṅgasamannāgate senāsane vasitabbaṃ, sayampi pañcaṅgasamannāgatena bhavitabbaṃ. Tato pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkantena rattiṭṭhānaṃ vā divāṭṭhānaṃ vā pavisitvā kammaṭṭhānaṃ manasikātabbaṃ.

    กถํ? อาทิโต ตาว เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว อนุปุพฺพโต มนสิกาตพฺพํ, น เอกนฺตริกาฯ อนุปุพฺพโต มนสิกโรโนฺต หิ ทฺวตฺติํสปทํ นิเสฺสณิํ ปทปฎิปาฎิยา อกฺกมโนฺต ปาสาทํ อารุยฺห ปาสาทานิสํสํ อนุภวนกปุริโส วิย ‘เกสา โลมา’ติ ปฎิปาฎิยา กมฺมฎฺฐานํ มนสิกโรโนฺต กมฺมฎฺฐานโต จ น ปริหายติ, ปาสาทานิสํสสทิเส จ นว โลกุตฺตรธเมฺม อนุภวติฯ อนุปุพฺพโต มนสิกโรเนฺตนาปิ จ นาติสีฆโต นาติสณิกโต มนสิกาตพฺพํฯ อติสีฆโต มนสิกโรนฺตสฺส หิ กิญฺจาปิ กมฺมฎฺฐานํ ปคุณํ โหติ, อวิภูตํ ปน โหติฯ ตตฺถ โอปมฺมํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ

    Kathaṃ? Ādito tāva heṭṭhā vuttanayeneva anupubbato manasikātabbaṃ, na ekantarikā. Anupubbato manasikaronto hi dvattiṃsapadaṃ nisseṇiṃ padapaṭipāṭiyā akkamanto pāsādaṃ āruyha pāsādānisaṃsaṃ anubhavanakapuriso viya ‘kesā lomā’ti paṭipāṭiyā kammaṭṭhānaṃ manasikaronto kammaṭṭhānato ca na parihāyati, pāsādānisaṃsasadise ca nava lokuttaradhamme anubhavati. Anupubbato manasikarontenāpi ca nātisīghato nātisaṇikato manasikātabbaṃ. Atisīghato manasikarontassa hi kiñcāpi kammaṭṭhānaṃ paguṇaṃ hoti, avibhūtaṃ pana hoti. Tattha opammaṃ heṭṭhā vuttameva.

    อติสณิกโต มนสิกโรนฺตสฺส กมฺมฎฺฐานํ ปริโยสานํ น คจฺฉติ, อนฺตราว โอสกฺกิตพฺพํ โหติฯ ยถา หิ ปุริโส ติโยชนํ มคฺคํ สายํ กจฺฉํ พนฺธิตฺวา ปฎิปโนฺน นิกฺขนฺตฎฺฐานโต ปฎฺฐาย สีตลจฺฉายํ ทิสฺวา วิสฺสมติ, รมณียํ วาลิกตลํ ทิสฺวา ปิฎฺฐิํ ปสาเรติ, วนโปกฺขรณิํ ทิสฺวา ปานียํ ปิวติ นฺหายติ, ปพฺพตํ ทิสฺวา อารุยฺห ปพฺพตรามเณยฺยกํ ปสฺสติ, ตํ อนฺตราเยว สีโห วา พฺยโคฺฆ วา ทีปิ วา หนติ, โจรา วา ปน วิลุปฺปนฺติ เจว หนนฺติ จ; เอวเมว อติสณิกํ มนสิกโรนฺตสฺส กมฺมฎฺฐานํ ปริโยสานํ น คจฺฉติ, อนฺตราว โอสกฺกิตพฺพํ โหติฯ

    Atisaṇikato manasikarontassa kammaṭṭhānaṃ pariyosānaṃ na gacchati, antarāva osakkitabbaṃ hoti. Yathā hi puriso tiyojanaṃ maggaṃ sāyaṃ kacchaṃ bandhitvā paṭipanno nikkhantaṭṭhānato paṭṭhāya sītalacchāyaṃ disvā vissamati, ramaṇīyaṃ vālikatalaṃ disvā piṭṭhiṃ pasāreti, vanapokkharaṇiṃ disvā pānīyaṃ pivati nhāyati, pabbataṃ disvā āruyha pabbatarāmaṇeyyakaṃ passati, taṃ antarāyeva sīho vā byaggho vā dīpi vā hanati, corā vā pana viluppanti ceva hananti ca; evameva atisaṇikaṃ manasikarontassa kammaṭṭhānaṃ pariyosānaṃ na gacchati, antarāva osakkitabbaṃ hoti.

    ตสฺมา นาติสีฆํ นาติสณิกํ เอกทิวสํ ติํสวาเร มนสิกาตพฺพํ; ปาโตว ทส วาเร, มชฺฌนฺหิเก ทสวาเร, สายเนฺห ทส วาเร สชฺฌาโย กาตโพฺพ, โน กาตุํ น วฎฺฎติฯ ยถา หิ ปาโตว อุฎฺฐาย มุขํ โน โธวิตุํ น วฎฺฎติ, ขาทนียํ โภชนียํ โน ขาทิตุํ โน ภุญฺชิตุํ น วฎฺฎติ; เอตํ ปน วเฎฺฎยฺย; อิทเมว เอกเนฺตน โน กาตุํ น วฎฺฎติ; กโรโนฺต มหนฺตํ อตฺถํ คเหตฺวา ติฎฺฐติฯ ยถา หิ เอกสฺส ปุริสสฺส ตีณิ เขตฺตานิ; เอกํ เขตฺตํ อฎฺฐกุมฺภํ เทติ, เอกํ โสฬส, เอกํ ทฺวตฺติํส; เตน ตีณิปิ เขตฺตานิ ปฎิชคฺคิตุํ อสโกฺกเนฺตน เทฺว ฉเฑฺฑตฺวา เอกํ ทฺวตฺติํสกุมฺภทายกเมว ปฎิชคฺคิตพฺพํ; ตเตฺถว กสนวปนนิทฺทานาทีนิ กาตพฺพานิ; ตเทวสฺส อิตเรสุ ทฺวีสุ อุฎฺฐานกทายํ ทสฺสติ; เอวเมว เสสํ มุขโธวนาทิกมฺมํ ฉเฑฺฑตฺวาปิ เอเตฺถว กมฺมํ กาตพฺพํ, โน กาตุํ น วฎฺฎติฯ กโรโนฺต มหนฺตํ อตฺถํ คณฺหิตฺวา ติฎฺฐตีติ เอตฺตาวตา มชฺฌิมา ปฎิปทา นาม กถิตาฯ

    Tasmā nātisīghaṃ nātisaṇikaṃ ekadivasaṃ tiṃsavāre manasikātabbaṃ; pātova dasa vāre, majjhanhike dasavāre, sāyanhe dasa vāre sajjhāyo kātabbo, no kātuṃ na vaṭṭati. Yathā hi pātova uṭṭhāya mukhaṃ no dhovituṃ na vaṭṭati, khādanīyaṃ bhojanīyaṃ no khādituṃ no bhuñjituṃ na vaṭṭati; etaṃ pana vaṭṭeyya; idameva ekantena no kātuṃ na vaṭṭati; karonto mahantaṃ atthaṃ gahetvā tiṭṭhati. Yathā hi ekassa purisassa tīṇi khettāni; ekaṃ khettaṃ aṭṭhakumbhaṃ deti, ekaṃ soḷasa, ekaṃ dvattiṃsa; tena tīṇipi khettāni paṭijaggituṃ asakkontena dve chaḍḍetvā ekaṃ dvattiṃsakumbhadāyakameva paṭijaggitabbaṃ; tattheva kasanavapananiddānādīni kātabbāni; tadevassa itaresu dvīsu uṭṭhānakadāyaṃ dassati; evameva sesaṃ mukhadhovanādikammaṃ chaḍḍetvāpi ettheva kammaṃ kātabbaṃ, no kātuṃ na vaṭṭati. Karonto mahantaṃ atthaṃ gaṇhitvā tiṭṭhatīti ettāvatā majjhimā paṭipadā nāma kathitā.

    เอวํ ปฎิปเนฺนนาปิ วิเกฺขโป ปฎิพาหิตโพฺพฯ กมฺมฎฺฐานญฺหิ วิสฺสเชฺชตฺวา จิเตฺต พหิทฺธา วิเกฺขปํ คจฺฉเนฺต กมฺมฎฺฐานโต ปริหายติ, วฎฺฎภยํ สมติกฺกมิตุํ น สโกฺกติฯ ยถา หิ เอโก ปุริโส สหสฺสุทฺธารํ สาเธตฺวา วฑฺฒิํ ลภิตฺวา อทฺธานํ ปฎิปโนฺน อนฺตรามเคฺค กุมฺภีลมกรคาหรกฺขสสมุฎฺฐิตาย คมฺภีรคิริกนฺทราย อุปริ อตฺถตํ เอกปทิกํ ทณฺฑกเสตุํ อารุยฺห คจฺฉโนฺต อกฺกมนปทํ วิสฺสเชฺชตฺวา อิโต จิโต จ โอโลเกโนฺต ปริปติตฺวา กุมฺภีลาทิภตฺตํ โหติ, เอวเมว อยมฺปิ กมฺมฎฺฐานํ วิสฺสเชฺชตฺวา สจิเตฺต พหิทฺธา วิเกฺขปํ คจฺฉเนฺต กมฺมฎฺฐานโต ปริหายติ, วฎฺฎภยํ สมติกฺกมิตุํ น สโกฺกติฯ

    Evaṃ paṭipannenāpi vikkhepo paṭibāhitabbo. Kammaṭṭhānañhi vissajjetvā citte bahiddhā vikkhepaṃ gacchante kammaṭṭhānato parihāyati, vaṭṭabhayaṃ samatikkamituṃ na sakkoti. Yathā hi eko puriso sahassuddhāraṃ sādhetvā vaḍḍhiṃ labhitvā addhānaṃ paṭipanno antarāmagge kumbhīlamakaragāharakkhasasamuṭṭhitāya gambhīragirikandarāya upari atthataṃ ekapadikaṃ daṇḍakasetuṃ āruyha gacchanto akkamanapadaṃ vissajjetvā ito cito ca olokento paripatitvā kumbhīlādibhattaṃ hoti, evameva ayampi kammaṭṭhānaṃ vissajjetvā sacitte bahiddhā vikkhepaṃ gacchante kammaṭṭhānato parihāyati, vaṭṭabhayaṃ samatikkamituṃ na sakkoti.

    ตตฺริทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ปุริสสฺส สหสฺสุทฺธารํ สาเธตฺวา วฑฺฒิํ ลทฺธกาโล วิย หิ อิมสฺส ภิกฺขุโน อาจริยสนฺติเก กมฺมฎฺฐานสฺส อุคฺคหิตกาโล; อนฺตรา คมฺภีรคิริกนฺทรา วิย สํสาโร; ตสฺส กุมฺภีลาทีหิ ทฎฺฐกาโล วิย วฎฺฎมูลกานิ มหาทุกฺขานิ; เอกปทิกทณฺฑกเสตุ วิย อิมสฺส ภิกฺขุโน สชฺฌายวีถิ; ตสฺส ปุริสสฺส เอกปทิกํ ทณฺฑกเสตุํ อารุยฺห อกฺกมนปทํ วิสฺสเชฺชตฺวา อิโต จิโต จ โอโลเกนฺตสฺส ปริปติตฺวา กุมฺภีลาทีนํ ภตฺตภาวํ อาปนฺนกาโล วิย อิมสฺส ภิกฺขุโน กมฺมฎฺฐานํ วิสฺสเชฺชตฺวา พหิทฺธา วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺส กมฺมฎฺฐานโต ปริหายิตฺวา วฎฺฎภยํ สมติกฺกมิตุํ อสมตฺถภาโว เวทิตโพฺพฯ

    Tatridaṃ opammasaṃsandanaṃ – purisassa sahassuddhāraṃ sādhetvā vaḍḍhiṃ laddhakālo viya hi imassa bhikkhuno ācariyasantike kammaṭṭhānassa uggahitakālo; antarā gambhīragirikandarā viya saṃsāro; tassa kumbhīlādīhi daṭṭhakālo viya vaṭṭamūlakāni mahādukkhāni; ekapadikadaṇḍakasetu viya imassa bhikkhuno sajjhāyavīthi; tassa purisassa ekapadikaṃ daṇḍakasetuṃ āruyha akkamanapadaṃ vissajjetvā ito cito ca olokentassa paripatitvā kumbhīlādīnaṃ bhattabhāvaṃ āpannakālo viya imassa bhikkhuno kammaṭṭhānaṃ vissajjetvā bahiddhā vikkhittacittassa kammaṭṭhānato parihāyitvā vaṭṭabhayaṃ samatikkamituṃ asamatthabhāvo veditabbo.

    ตสฺมา เกสา มนสิกาตพฺพาฯ เกเส มนสิกริตฺวา จิตฺตุปฺปาทสฺส พหิทฺธา วิเกฺขปํ ปฎิพาหิตฺวา สุทฺธจิเตฺตเนว ‘โลมา นขา ทนฺตา ตโจ’ติ มนสิกาตพฺพํฯ เอวํ มนสิกโรโนฺต กมฺมฎฺฐานโต น ปริหายติ, วฎฺฎภยํ สมติกฺกมติฯ โอปมฺมํ ปเนตฺถ ตเทว ปริวเตฺตตฺวา เวทิตพฺพํฯ สหสฺสุทฺธารํ สาเธตฺวา วฑฺฒิํ ลภิตฺวา เฉกสฺส ปุริสสฺส ทณฺฑกเสตุํ อารุยฺห นิวาสนปารุปนํ สํวิธาย ธาตุปตฺถทฺธกายํ กตฺวา โสตฺถินา ปรตีรคมนํ วิย เฉกสฺส ภิกฺขุโน เกเส มนสิกริตฺวา จิตฺตุปฺปาทสฺส พหิทฺธา วิเกฺขปํ ปฎิพาหิตฺวา สุทฺธจิเตฺตเนว ‘โลมา นขา ทนฺตา ตโจ’ติ มนสิกโรนฺตสฺส กมฺมฎฺฐานโต อปริหายิตฺวา วฎฺฎภยํ สมติกฺกมนํ เวทิตพฺพํฯ

    Tasmā kesā manasikātabbā. Kese manasikaritvā cittuppādassa bahiddhā vikkhepaṃ paṭibāhitvā suddhacitteneva ‘lomā nakhā dantā taco’ti manasikātabbaṃ. Evaṃ manasikaronto kammaṭṭhānato na parihāyati, vaṭṭabhayaṃ samatikkamati. Opammaṃ panettha tadeva parivattetvā veditabbaṃ. Sahassuddhāraṃ sādhetvā vaḍḍhiṃ labhitvā chekassa purisassa daṇḍakasetuṃ āruyha nivāsanapārupanaṃ saṃvidhāya dhātupatthaddhakāyaṃ katvā sotthinā paratīragamanaṃ viya chekassa bhikkhuno kese manasikaritvā cittuppādassa bahiddhā vikkhepaṃ paṭibāhitvā suddhacitteneva ‘lomā nakhā dantā taco’ti manasikarontassa kammaṭṭhānato aparihāyitvā vaṭṭabhayaṃ samatikkamanaṃ veditabbaṃ.

    เอวํ พหิทฺธา วิเกฺขปํ ปฎิพาหเนฺตนาปิ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว ปณฺณตฺติํ สมติกฺกมนโต มนสิกาตพฺพํฯ ‘เกสา โลมา’ติ ปณฺณตฺติํ วิสฺสเชฺชตฺวา ‘ปฎิกูลํ ปฎิกูล’นฺติ สติ ฐเปตพฺพาฯ ปฐมํเยว ปน ปฎิกูลโต น อุปฎฺฐาติ ฯ ยาว น อุปฎฺฐาติ ตาว ปณฺณตฺติ น วิสฺสเชฺชตพฺพาฯ ยทา อุปฎฺฐาติ ตทา ปณฺณตฺติํ วิสฺสเชฺชตฺวา ‘ปฎิกูล’นฺติ มนสิกาตพฺพํฯ กโรเนฺตน จ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว ปญฺจหากาเรหิ ปฎิกูลโต มนสิกาตพฺพาฯ ตจปญฺจกสฺมิญฺหิ วณฺณสณฺฐานคนฺธาสโยกาสวเสเนว ปญฺจวิธมฺปิ ปาฎิกูลฺยํ ลพฺภติฯ เสเสสุปิ ยํ ยํ ลพฺภติ, ตสฺส ตสฺส วเสน มนสิกาโร ปวเตฺตตโพฺพฯ

    Evaṃ bahiddhā vikkhepaṃ paṭibāhantenāpi heṭṭhā vuttanayeneva paṇṇattiṃ samatikkamanato manasikātabbaṃ. ‘Kesā lomā’ti paṇṇattiṃ vissajjetvā ‘paṭikūlaṃ paṭikūla’nti sati ṭhapetabbā. Paṭhamaṃyeva pana paṭikūlato na upaṭṭhāti . Yāva na upaṭṭhāti tāva paṇṇatti na vissajjetabbā. Yadā upaṭṭhāti tadā paṇṇattiṃ vissajjetvā ‘paṭikūla’nti manasikātabbaṃ. Karontena ca heṭṭhā vuttanayeneva pañcahākārehi paṭikūlato manasikātabbā. Tacapañcakasmiñhi vaṇṇasaṇṭhānagandhāsayokāsavaseneva pañcavidhampi pāṭikūlyaṃ labbhati. Sesesupi yaṃ yaṃ labbhati, tassa tassa vasena manasikāro pavattetabbo.

    ตตฺถ เกสาทโย ปญฺจ โกฎฺฐาสา สุภนิมิตฺตํ ราคฎฺฐานิยํ อิฎฺฐารมฺมณนฺติ สงฺขํ คตาฯ เย เกจิ รชฺชนกสตฺตา นาม, สเพฺพ เต อิเมสุ ปญฺจสุ โกฎฺฐาเสสุ รชฺชนฺติฯ อยํ ปน ภิกฺขุ มหาชนสฺส รชฺชนฎฺฐาเน ‘ปฎิกูล’นฺติ อปฺปนํ ปาเปติฯ ตตฺถ อปฺปนาปฺปตฺติโต ปฎฺฐาย ปรโต อกิลมโนฺตว อปฺปนํ ปาปุณาติฯ

    Tattha kesādayo pañca koṭṭhāsā subhanimittaṃ rāgaṭṭhāniyaṃ iṭṭhārammaṇanti saṅkhaṃ gatā. Ye keci rajjanakasattā nāma, sabbe te imesu pañcasu koṭṭhāsesu rajjanti. Ayaṃ pana bhikkhu mahājanassa rajjanaṭṭhāne ‘paṭikūla’nti appanaṃ pāpeti. Tattha appanāppattito paṭṭhāya parato akilamantova appanaṃ pāpuṇāti.

    ตตฺริทํ โอปมฺมํ – ยถา หิ เฉโก ธนุคฺคโห ราชานํ อาราเธตฺวา สตสหสฺสุฎฺฐานกํ คามวรํ ลภิตฺวา สนฺนทฺธปญฺจาวุโธ ตตฺถ คจฺฉโนฺต อนฺตรามเคฺค ทฺวตฺติํส โจเร ทิสฺวา เตสุ ปญฺจโจรเชฎฺฐเก ฆาเตยฺย; เตสํ ฆาติตกาลโต ปฎฺฐาย เตสุ เทฺว เอกมคฺคํ ปฎิปชฺชมานา นาม น โหนฺติ; เอวํสมฺปทมิทํ ทฎฺฐพฺพํฯ ธนุคฺคหสฺส ราชานํ อาราเธตฺวา คามวรํ ลทฺธกาโล วิย หิ อิมสฺส ภิกฺขุโน อาจริยสนฺติเก กมฺมฎฺฐานํ อุคฺคเหตฺวา ฐิตกาโล; ทฺวตฺติํส โจรา วิย ทฺวตฺติํส โกฎฺฐาสา; ปญฺจ โจรเชฎฺฐกา วิย เกสาทโย ปญฺจ; โจรเชฎฺฐกานํ ฆาติตกาโล วิย อิมสฺส ภิกฺขุโน สพฺพสตฺตานํ รชฺชนฎฺฐาเน ตจปญฺจเก ‘ปฎิกูล’นฺติ อปฺปนาย ปาปิตกาโล; เสสโจรานํ ปาณิปฺปหาเรเนว ปลายิตกาโล วิย เสสโกฎฺฐาเสสุ อกิลมนฺตเสฺสว อปฺปนาปฺปตฺติ เวทิตพฺพาฯ

    Tatridaṃ opammaṃ – yathā hi cheko dhanuggaho rājānaṃ ārādhetvā satasahassuṭṭhānakaṃ gāmavaraṃ labhitvā sannaddhapañcāvudho tattha gacchanto antarāmagge dvattiṃsa core disvā tesu pañcacorajeṭṭhake ghāteyya; tesaṃ ghātitakālato paṭṭhāya tesu dve ekamaggaṃ paṭipajjamānā nāma na honti; evaṃsampadamidaṃ daṭṭhabbaṃ. Dhanuggahassa rājānaṃ ārādhetvā gāmavaraṃ laddhakālo viya hi imassa bhikkhuno ācariyasantike kammaṭṭhānaṃ uggahetvā ṭhitakālo; dvattiṃsa corā viya dvattiṃsa koṭṭhāsā; pañca corajeṭṭhakā viya kesādayo pañca; corajeṭṭhakānaṃ ghātitakālo viya imassa bhikkhuno sabbasattānaṃ rajjanaṭṭhāne tacapañcake ‘paṭikūla’nti appanāya pāpitakālo; sesacorānaṃ pāṇippahāreneva palāyitakālo viya sesakoṭṭhāsesu akilamantasseva appanāppatti veditabbā.

    เอวํ ปณฺณตฺติํ สมติกฺกมเนฺตน จ อนุปุพฺพมุญฺจนโต มนสิกาโร ปวเตฺตตโพฺพ – เกเส มนสิกโรเนฺตน มนสิกโรเนฺตเนว เกเสสุ สาเปเกฺขน หุตฺวา โลเมสุ สติ เปเสตพฺพาฯ ยาว โลมา น อุปฎฺฐหนฺติ ตาว ‘เกสา เกสา’ติ มนสิกาตพฺพาฯ ยทา ปน โลมา อุปฎฺฐหนฺติ ตทา เกเส วิสฺสเชฺชตฺวา โลเมสุ สติ อุปฎฺฐเปตพฺพาฯ เอวํ นขาทีสุปิ มนสิกาโร ปวเตฺตตโพฺพฯ

    Evaṃ paṇṇattiṃ samatikkamantena ca anupubbamuñcanato manasikāro pavattetabbo – kese manasikarontena manasikaronteneva kesesu sāpekkhena hutvā lomesu sati pesetabbā. Yāva lomā na upaṭṭhahanti tāva ‘kesā kesā’ti manasikātabbā. Yadā pana lomā upaṭṭhahanti tadā kese vissajjetvā lomesu sati upaṭṭhapetabbā. Evaṃ nakhādīsupi manasikāro pavattetabbo.

    ตตฺริทํ โอปมฺมํ – ยถา หิ ชลูกา คจฺฉมานา ยาว ปุรโต ปติฎฺฐํ น ลภติ ตาว ปจฺฉโต นงฺคุเฎฺฐน คหิตฎฺฐานํ น มุญฺจติ; ยทา ปน ปุรโต ปติฎฺฐํ ลภติ ตทา นงฺคุฎฺฐํ อุกฺขิปิตฺวา มุเขน คหิตฎฺฐาเน ฐเปติ; เอวเมว เกเส มนสิกโรเนฺตน มนสิกโรเนฺตเนว เกเสสุ สาเปเกฺขน หุตฺวา โลเมสุ สติ เปเสตพฺพาฯ ยาว โลมา น อุปฎฺฐหนฺติ ตาว ‘เกสา เกสา’ติ มนสิกาตพฺพาฯ ยทา โลมา อุปฎฺฐหนฺติ ตทา เกเส วิสฺสเชฺชตฺวา โลเมสุ สติ อุปฎฺฐเปตพฺพาฯ เอวํ นขาทีสุปิ มนสิกาโร ปวเตฺตตโพฺพฯ

    Tatridaṃ opammaṃ – yathā hi jalūkā gacchamānā yāva purato patiṭṭhaṃ na labhati tāva pacchato naṅguṭṭhena gahitaṭṭhānaṃ na muñcati; yadā pana purato patiṭṭhaṃ labhati tadā naṅguṭṭhaṃ ukkhipitvā mukhena gahitaṭṭhāne ṭhapeti; evameva kese manasikarontena manasikaronteneva kesesu sāpekkhena hutvā lomesu sati pesetabbā. Yāva lomā na upaṭṭhahanti tāva ‘kesā kesā’ti manasikātabbā. Yadā lomā upaṭṭhahanti tadā kese vissajjetvā lomesu sati upaṭṭhapetabbā. Evaṃ nakhādīsupi manasikāro pavattetabbo.

    เอวํ ปวเตฺตเนฺตน อปฺปนา โหตีติ วุตฺตมนสิการโกสลฺลํ สมฺปาเทตพฺพํฯ กถํ? อิทญฺหิ อปฺปนากมฺมฎฺฐานํ มนสิกโรนฺตสฺส อปฺปนํ ปาปุณาติ; ปฐมํเยว ตาว น อุปฎฺฐาติ; อนมตคฺคสฺมิญฺหิ สํสารวเฎฺฎ จ นานารมฺมเณสุ วฑฺฒิตํ จิตฺตํ ‘เกสา’ติ อาวชฺชิตมเตฺต สชฺฌายโสตานุสาเรน คนฺตฺวา มตฺถลุเงฺค ปติฎฺฐาติฯ ‘มตฺถลุงฺค’นฺติ อาวชฺชิตมเตฺต สชฺฌายโสตานุสาเรน อาคนฺตฺวา เกเสสุ ปติฎฺฐาติฯ มนสิกโรนฺตสฺส มนสิกโรนฺตสฺส ปน โส โส โกฎฺฐาโส อุปฎฺฐาติฯ สติ สมาธินาปิ ติฎฺฐมานา ปวตฺตติฯ เตน โย โย โกฎฺฐาโส อธิกตรํ อุปฎฺฐาติ ตตฺถ ตตฺถ ทฺวิคุเณน โยคํ กตฺวา อปฺปนา ปาเปตพฺพาฯ เอวํ อปฺปนาย ปาปิตกาลโต ปฎฺฐาย เสสโกฎฺฐาเสสุ อกิลมโนฺต อปฺปนํ ปาเปติฯ ตตฺถ ตาลวนมกฺกโฎว โอปมฺมํฯ

    Evaṃ pavattentena appanā hotīti vuttamanasikārakosallaṃ sampādetabbaṃ. Kathaṃ? Idañhi appanākammaṭṭhānaṃ manasikarontassa appanaṃ pāpuṇāti; paṭhamaṃyeva tāva na upaṭṭhāti; anamataggasmiñhi saṃsāravaṭṭe ca nānārammaṇesu vaḍḍhitaṃ cittaṃ ‘kesā’ti āvajjitamatte sajjhāyasotānusārena gantvā matthaluṅge patiṭṭhāti. ‘Matthaluṅga’nti āvajjitamatte sajjhāyasotānusārena āgantvā kesesu patiṭṭhāti. Manasikarontassa manasikarontassa pana so so koṭṭhāso upaṭṭhāti. Sati samādhināpi tiṭṭhamānā pavattati. Tena yo yo koṭṭhāso adhikataraṃ upaṭṭhāti tattha tattha dviguṇena yogaṃ katvā appanā pāpetabbā. Evaṃ appanāya pāpitakālato paṭṭhāya sesakoṭṭhāsesu akilamanto appanaṃ pāpeti. Tattha tālavanamakkaṭova opammaṃ.

    อปิเจตฺถ เอวมฺปิ โยชนา เวทิตพฺพา – ทฺวตฺติํสตาลกสฺมิญฺหิ ตาลวเน มกฺกโฎ ปฎิวสติฯ ตํ คเหตุกาโม ลุโทฺท โกฎิยํ ฐิตตาลมูเล ฐตฺวา อุกฺกุฎฺฐิมกาสิฯ มานชาติโก มกฺกโฎ ตํ ตํ ตาลํ ลงฺฆิตฺวา ปริยนฺตตาเล อฎฺฐาสิฯ ลุโทฺท ตตฺถปิ คนฺตฺวา อุกฺกุฎฺฐิมกาสิฯ มกฺกโฎ ปุน ตเถว ปุริมตาเล ปติฎฺฐาสิฯ โส อปราปรํ อนุพนฺธิยมาโน กิลมโนฺต ตสฺส ตเสฺสว ตาลสฺส มูเล ฐตฺวา อุกฺกุฎฺฐุกฺกุฎฺฐิกาเล อุฎฺฐหิตฺวา คจฺฉโนฺต คจฺฉโนฺต อติกิลมโนฺต เอกสฺส ตาลสฺส มกุฬปณฺณสูจิํ ทฬฺหํ คเหตฺวา ธนุโกฎิยา วิชฺฌิตฺวา คณฺหโนฺตปิ น ปลายติฯ

    Apicettha evampi yojanā veditabbā – dvattiṃsatālakasmiñhi tālavane makkaṭo paṭivasati. Taṃ gahetukāmo luddo koṭiyaṃ ṭhitatālamūle ṭhatvā ukkuṭṭhimakāsi. Mānajātiko makkaṭo taṃ taṃ tālaṃ laṅghitvā pariyantatāle aṭṭhāsi. Luddo tatthapi gantvā ukkuṭṭhimakāsi. Makkaṭo puna tatheva purimatāle patiṭṭhāsi. So aparāparaṃ anubandhiyamāno kilamanto tassa tasseva tālassa mūle ṭhatvā ukkuṭṭhukkuṭṭhikāle uṭṭhahitvā gacchanto gacchanto atikilamanto ekassa tālassa makuḷapaṇṇasūciṃ daḷhaṃ gahetvā dhanukoṭiyā vijjhitvā gaṇhantopi na palāyati.

    ตตฺถ ทฺวตฺติํส ตาลา วิย ทฺวตฺติํส โกฎฺฐาสา; มกฺกโฎ วิย จิตฺตํ; ลุโทฺท วิย โยคาวจโร; ลุเทฺทน ตาลมูเล ฐตฺวา อุกฺกุฎฺฐิกาเล มานชาติกสฺส มกฺกฎสฺส ปลายิตฺวา ปริยนฺตโกฎิยํ ฐิตกาโล วิย อนมตเคฺค สํสารวเฎฺฎ จ นานารมฺมเณสุ วฑฺฒิตจิตฺตสฺส ‘เกสา’ติ อาวชฺชิตมเตฺต สชฺฌายโสตานุสาเรน คนฺตฺวา มตฺถลุเงฺค ปติฎฺฐานํ; ปริยนฺตโกฎิยํ ฐตฺวา อุกฺกุเฎฺฐ โอริมโกฎิํ อาคมนกาโล วิย ‘มตฺถลุงฺค’นฺติ อาวชฺชิตมเตฺต สชฺฌายโสตานุสาเรน คนฺตฺวา เกเสสุ ปติฎฺฐานํ; อปราปรํ อนุพนฺธิยมานสฺส กิลมนฺตสฺส อุกฺกุฎฺฐุกฺกุฎฺฐิฎฺฐาเน อุฎฺฐานกาโล วิย มนสิกโรนฺตสฺส มนสิกโรนฺตสฺส ตสฺมิํ ตสฺมิํ โกฎฺฐาเส อุปฎฺฐหเนฺต สติยา ปติฎฺฐาย ปติฎฺฐาย คมนํ; ธนุโกฎิยา วิชฺฌิตฺวา คณฺหนฺตสฺสาปิ อปลายนกาโล วิย โย โกฎฺฐาโส อธิกตรํ อุปฎฺฐาติ, ตสฺมิํ ทฺวิคุณํ มนสิการํ กตฺวา อปฺปนาย ปาปนํฯ

    Tattha dvattiṃsa tālā viya dvattiṃsa koṭṭhāsā; makkaṭo viya cittaṃ; luddo viya yogāvacaro; luddena tālamūle ṭhatvā ukkuṭṭhikāle mānajātikassa makkaṭassa palāyitvā pariyantakoṭiyaṃ ṭhitakālo viya anamatagge saṃsāravaṭṭe ca nānārammaṇesu vaḍḍhitacittassa ‘kesā’ti āvajjitamatte sajjhāyasotānusārena gantvā matthaluṅge patiṭṭhānaṃ; pariyantakoṭiyaṃ ṭhatvā ukkuṭṭhe orimakoṭiṃ āgamanakālo viya ‘matthaluṅga’nti āvajjitamatte sajjhāyasotānusārena gantvā kesesu patiṭṭhānaṃ; aparāparaṃ anubandhiyamānassa kilamantassa ukkuṭṭhukkuṭṭhiṭṭhāne uṭṭhānakālo viya manasikarontassa manasikarontassa tasmiṃ tasmiṃ koṭṭhāse upaṭṭhahante satiyā patiṭṭhāya patiṭṭhāya gamanaṃ; dhanukoṭiyā vijjhitvā gaṇhantassāpi apalāyanakālo viya yo koṭṭhāso adhikataraṃ upaṭṭhāti, tasmiṃ dviguṇaṃ manasikāraṃ katvā appanāya pāpanaṃ.

    ตตฺถ อปฺปนาย ปาปิตกาลโต ปฎฺฐาย เสสโกฎฺฐาเสสุ อกิลมโนฺตว อปฺปนํ ปาเปสฺสติฯ ตสฺมา ‘ปฎิกูลํ ปฎิกูล’นฺติ ปุนปฺปุนํ อาวชฺชิตพฺพํ สมนฺนาหริตพฺพํ, ตกฺกาหตํ วิตกฺกาหตํ กาตพฺพํฯ เอวํ กโรนฺตสฺส จตฺตาโร ขนฺธา ปฎิกูลารมฺมณา โหนฺติ, อปฺปนํ ปาปุณาติฯ ปุพฺพภาคจิตฺตานิ ปริกมฺมอุปจารสงฺขาตานิ สวิตกฺกสวิจารานีติ สพฺพํ เหฎฺฐา วุตฺตสทิสเมวฯ เอกํ ปน โกฎฺฐาสํ มนสิกโรนฺตสฺส เอกเมว ปฐมชฺฌานํ นิพฺพตฺตติฯ ปาฎิเยกฺกํ มนสิกโรนฺตสฺส ทฺวตฺติํส ปฐมชฺฌานานิ นิพฺพตฺตนฺติฯ หเตฺถ คหิตปญฺหาวตฺถุ ปากติกเมวฯ

    Tattha appanāya pāpitakālato paṭṭhāya sesakoṭṭhāsesu akilamantova appanaṃ pāpessati. Tasmā ‘paṭikūlaṃ paṭikūla’nti punappunaṃ āvajjitabbaṃ samannāharitabbaṃ, takkāhataṃ vitakkāhataṃ kātabbaṃ. Evaṃ karontassa cattāro khandhā paṭikūlārammaṇā honti, appanaṃ pāpuṇāti. Pubbabhāgacittāni parikammaupacārasaṅkhātāni savitakkasavicārānīti sabbaṃ heṭṭhā vuttasadisameva. Ekaṃ pana koṭṭhāsaṃ manasikarontassa ekameva paṭhamajjhānaṃ nibbattati. Pāṭiyekkaṃ manasikarontassa dvattiṃsa paṭhamajjhānāni nibbattanti. Hatthe gahitapañhāvatthu pākatikameva.

    โส ตํ นิมิตฺตนฺติ โส ภิกฺขุ ตํ กมฺมฎฺฐานนิมิตฺตํฯ อาเสวตีติ เสวติ ภชติฯ ภาเวตีติ วเฑฺฒติฯ พหุลีกโรตีติ ปุนปฺปุนํ กโรติฯ สฺวาวตฺถิตํ ววตฺถเปตีติ สุววตฺถิตํ กโรติฯ พหิทฺธา กาเย จิตฺตํ อุปสํหรตีติ เอวํ กตฺวา พหิทฺธา ปรสฺส กาเย อตฺตโน จิตฺตํ อุปสํหรติ ฐเปติ เปเสติฯ

    So taṃ nimittanti so bhikkhu taṃ kammaṭṭhānanimittaṃ. Āsevatīti sevati bhajati. Bhāvetīti vaḍḍheti. Bahulīkarotīti punappunaṃ karoti. Svāvatthitaṃ vavatthapetīti suvavatthitaṃ karoti. Bahiddhā kāye cittaṃ upasaṃharatīti evaṃ katvā bahiddhā parassa kāye attano cittaṃ upasaṃharati ṭhapeti peseti.

    อตฺถิสฺส กาเยติ อตฺถิ อสฺส กาเยฯ อชฺฌตฺตพหิทฺธากาเย จิตฺตํ อุปสํหรตีติ กาเลน อตฺตโน กาเลน ปเรสํ กาเย จิตฺตํ อุปนาเมติฯ อตฺถิ กาเยติ อิทํ ยสฺมา น เอกเนฺตน อตฺตโน กาโย นาปิ ปรเสฺสว กาโย อธิเปฺปโต, ตสฺมา วุตฺตํฯ เอตฺถ ปน อตฺตโน ชีวมานกสรีเร ‘ปฎิกูล’นฺติ ปริกมฺมํ กโรนฺตสฺส อปฺปนาปิ อุปจารมฺปิ ชายติฯ ปรสฺส ชีวมานกสรีเร ‘ปฎิกูล’นฺติ มนสิกโรนฺตสฺส เนว อปฺปนา ชายติ, น อุปจารํฯ นนุ จ ทสสุ อสุเภสุ อุภยเมฺปตํ ชายตีติ? อาม, ชายติฯ ตานิ หิ อนุปาทินฺนกปเกฺข ฐิตานิฯ ตสฺมา ตตฺถ อปฺปนาปิ อุปจารมฺปิ ชายติฯ อิทํ ปน อุปาทินฺนกปเกฺข ฐิตํฯ เตเนเวตฺถ อุภยเมฺปตํ น ชายติฯ อสุภานุปสฺสนาสงฺขาตา ปน วิปสฺสนาภาวนา โหตีติ เวทิตพฺพาฯ อิมสฺมิํ ปเพฺพ กิํ กถิตนฺติ? สมถวิปสฺสนา กถิตาฯ

    Atthissa kāyeti atthi assa kāye. Ajjhattabahiddhākāye cittaṃ upasaṃharatīti kālena attano kālena paresaṃ kāye cittaṃ upanāmeti. Atthikāyeti idaṃ yasmā na ekantena attano kāyo nāpi parasseva kāyo adhippeto, tasmā vuttaṃ. Ettha pana attano jīvamānakasarīre ‘paṭikūla’nti parikammaṃ karontassa appanāpi upacārampi jāyati. Parassa jīvamānakasarīre ‘paṭikūla’nti manasikarontassa neva appanā jāyati, na upacāraṃ. Nanu ca dasasu asubhesu ubhayampetaṃ jāyatīti? Āma, jāyati. Tāni hi anupādinnakapakkhe ṭhitāni. Tasmā tattha appanāpi upacārampi jāyati. Idaṃ pana upādinnakapakkhe ṭhitaṃ. Tenevettha ubhayampetaṃ na jāyati. Asubhānupassanāsaṅkhātā pana vipassanābhāvanā hotīti veditabbā. Imasmiṃ pabbe kiṃ kathitanti? Samathavipassanā kathitā.

    อิทาเนตฺถ เอวํ สพฺพํ มนสิการสาธารณํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํฯ เอเตสญฺหิ –

    Idānettha evaṃ sabbaṃ manasikārasādhāraṇaṃ pakiṇṇakaṃ veditabbaṃ. Etesañhi –

    นิมิตฺตโต ลกฺขณโต, ธาตุโต อถ สุญฺญโต;

    Nimittato lakkhaṇato, dhātuto atha suññato;

    ขนฺธาทิโต จ วิเญฺญโยฺย, เกสาทีนํ วินิจฺฉโยฯ

    Khandhādito ca viññeyyo, kesādīnaṃ vinicchayo.

    ตตฺถ ‘นิมิตฺตโต’ติ ทฺวตฺติํสากาเร สฎฺฐิสตํ นิมิตฺตานิ, เยสํ วเสน โยคาวจโร ทฺวตฺติํสาการํ โกฎฺฐาสโต ปริคฺคณฺหาติ, เสยฺยถิทํ – เกสสฺส วณฺณนิมิตฺตํ, สณฺฐานนิมิตฺตํ, ทิสานิมิตฺตํ, โอกาสนิมิตฺตํ, ปริเจฺฉทนิมิตฺตนฺติ ปญฺจ นิมิตฺตานิ โหนฺติฯ โลมาทีสุปิ เอเสว นโยฯ

    Tattha ‘nimittato’ti dvattiṃsākāre saṭṭhisataṃ nimittāni, yesaṃ vasena yogāvacaro dvattiṃsākāraṃ koṭṭhāsato pariggaṇhāti, seyyathidaṃ – kesassa vaṇṇanimittaṃ, saṇṭhānanimittaṃ, disānimittaṃ, okāsanimittaṃ, paricchedanimittanti pañca nimittāni honti. Lomādīsupi eseva nayo.

    ‘ลกฺขณโต’ติ ทฺวตฺติํสากาเร อฎฺฐวีสติสตํ ลกฺขณานิ โหนฺติ, เยสํ วเสน โยคาวจโร ทฺวตฺติํสาการํ ลกฺขณโต มนสิกโรติ, เสยฺยถิทํ – เกเส ถทฺธตฺตลกฺขณํ, อาพนฺธตฺตลกฺขณํ, อุณฺหตฺตลกฺขณํ, วิตฺถมฺภนลกฺขณนฺติ จตฺตาริ ลกฺขณานิ โหนฺติฯ โลมาทีสุปิ เอเสว นโยฯ

    ‘Lakkhaṇato’ti dvattiṃsākāre aṭṭhavīsatisataṃ lakkhaṇāni honti, yesaṃ vasena yogāvacaro dvattiṃsākāraṃ lakkhaṇato manasikaroti, seyyathidaṃ – kese thaddhattalakkhaṇaṃ, ābandhattalakkhaṇaṃ, uṇhattalakkhaṇaṃ, vitthambhanalakkhaṇanti cattāri lakkhaṇāni honti. Lomādīsupi eseva nayo.

    ‘ธาตุโต’ติ ทฺวตฺติํสากาเร ‘‘จตุธาตุโร อยํ, ภิกฺขุ, ปุริโส’’ติ วุตฺตาสุ ธาตูสุ อฎฺฐวีสติสตํ ธาตุโย โหนฺติ, ยาสํ วเสน โยคาวจโร ทฺวตฺติํสาการํ ธาตุโต ปริคฺคณฺหาติ, เสยฺยถิทํ – เกเส กกฺขฬตา ปถวีธาตุ, อาพนฺธนตา อาโปธาตุ, อุณฺหตา เตโชธาตุ, วิตฺถมฺภนตา วาโยธาตูติ จตโสฺส ธาตุโย โหนฺติฯ โลมาทีสุปิ เอเสว นโยฯ

    ‘Dhātuto’ti dvattiṃsākāre ‘‘catudhāturo ayaṃ, bhikkhu, puriso’’ti vuttāsu dhātūsu aṭṭhavīsatisataṃ dhātuyo honti, yāsaṃ vasena yogāvacaro dvattiṃsākāraṃ dhātuto pariggaṇhāti, seyyathidaṃ – kese kakkhaḷatā pathavīdhātu, ābandhanatā āpodhātu, uṇhatā tejodhātu, vitthambhanatā vāyodhātūti catasso dhātuyo honti. Lomādīsupi eseva nayo.

    ‘สุญฺญโต’ติ ทฺวตฺติํสากาเร ฉนฺนวุติ สุญฺญตา โหนฺติ, ยาสํ วเสน โยคาวจโร ทฺวตฺติํสาการํ สุญฺญโต วิปสฺสติ, เสยฺยถิทํ – เกสา สุญฺญา อเตฺตน วา อตฺตนิเยน วา นิเจฺจน วา ธุเวน วา สสฺสเตน วา อวิปริณามธเมฺมน วาติฯ เกเส ตาว อตฺตสุญฺญตา, อตฺตนิยสุญฺญตา, นิจฺจภาวสุญฺญตาติ ติโสฺส สุญฺญตา โหนฺติฯ โลมาทีสุปิ เอเสว นโยฯ

    ‘Suññato’ti dvattiṃsākāre channavuti suññatā honti, yāsaṃ vasena yogāvacaro dvattiṃsākāraṃ suññato vipassati, seyyathidaṃ – kesā suññā attena vā attaniyena vā niccena vā dhuvena vā sassatena vā avipariṇāmadhammena vāti. Kese tāva attasuññatā, attaniyasuññatā, niccabhāvasuññatāti tisso suññatā honti. Lomādīsupi eseva nayo.

    ‘ขนฺธาทิโต’ติ ทฺวตฺติํสากาเร เกสาทีสุ ขนฺธาทิวเสน ปริคฺคยฺหมาเนสุ เกสา กติ ขนฺธา โหนฺติ, กติ อายตนานิ, กติ ธาตุโย, กติ สจฺจานิ, กติ สติปฎฺฐานานีติอาทินา นเยน เปตฺถ วินิจฺฉโย วิญฺญาตโพฺพฯ

    ‘Khandhādito’ti dvattiṃsākāre kesādīsu khandhādivasena pariggayhamānesu kesā kati khandhā honti, kati āyatanāni, kati dhātuyo, kati saccāni, kati satipaṭṭhānānītiādinā nayena pettha vinicchayo viññātabbo.

    ๓๕๗. เอวํ อชฺฌตฺตาทิเภทโต ติวิเธน กายานุปสฺสนํ วิตฺถารโต ทเสฺสตฺวา อิทานิ ‘‘กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน’’ติอาทีนิ ปทานิ ภาเชตฺวา ทเสฺสตุํ อนุปสฺสีติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ยาย อนุปสฺสนาย กายานุปสฺสี นาม โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ตตฺถ กตมา อนุปสฺสนา? ยา ปญฺญา ปชานนาติอาทิ วุตฺตํฯ อาตาปีติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ

    357. Evaṃ ajjhattādibhedato tividhena kāyānupassanaṃ vitthārato dassetvā idāni ‘‘kāyānupassī viharati ātāpī sampajāno’’tiādīni padāni bhājetvā dassetuṃ anupassītiādi āraddhaṃ. Tattha yāya anupassanāya kāyānupassī nāma hoti, taṃ dassetuṃ tattha katamā anupassanā? Yā paññā pajānanātiādi vuttaṃ. Ātāpītiādīsupi eseva nayo.

    ตตฺถ ปญฺญา ปชานนาติอาทีนิ เหฎฺฐา จิตฺตุปฺปาทกณฺฑวณฺณนายํ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๑๖) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิฯ อุเปโตติอาทีนิ สพฺพานิ อญฺญมญฺญเววจนานิฯ อปิจ อาเสวนวเสน อุเปโต, ภาวนาวเสน สุฎฺฐุ อุเปโตติ สมุเปโตอุปาคโต สมุปาคโต, อุปปโนฺน สมฺปโนฺนติ อิเมสุปิ ทฺวีสุ ทุเกสุ อยเมว นโยฯ พหุลีการวเสน ปน สมนฺนาคโตติ เอวเมตฺถ โยชนา เวทิตพฺพาฯ อิมินา อาตาเปน อุเปโตติ อาทีสุปิ เอเสว นโยฯ

    Tattha paññā pajānanātiādīni heṭṭhā cittuppādakaṇḍavaṇṇanāyaṃ (dha. sa. aṭṭha. 16) vuttanayeneva veditabbāni. Upetotiādīni sabbāni aññamaññavevacanāni. Apica āsevanavasena upeto, bhāvanāvasena suṭṭhu upetoti samupeto. Upāgato samupāgato, upapanno sampannoti imesupi dvīsu dukesu ayameva nayo. Bahulīkāravasena pana samannāgatoti evamettha yojanā veditabbā. Iminā ātāpena upetoti ādīsupi eseva nayo.

    วิหรตีติ ปเท ‘ตตฺถ กตโม วิหาโร’ติ ปุจฺฉํ อกตฺวา ปุคฺคลาธิฎฺฐานาย เทสนาย เทเสโนฺต อิริยตีติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ – จตุนฺนํ อิริยาปถานํ อญฺญตรสมงฺคีภาวโต อิริยติฯ เตหิ อิริยาปถจตุเกฺกหิ กายสกฎวตฺตเนน วตฺตติฯ เอกํ อิริยาปถทุกฺขํ อปเรน อิริยาปเถน พาธิตฺวา จิรฎฺฐิติกภาเวน สรีรกฺขนโต ปาเลติฯ เอกสฺมิํ อิริยาปเถ อสณฺฐหิตฺวา สพฺพิริยาปถวตนโต ยเปติฯ เตน เตน อิริยาปเถน ตถา ตถา กายสฺส ยาปนโต ยาเปติฯ จิรกาลวตฺตาปนโต จรติฯ อิริยาปเถน อิริยาปถํ วิจฺฉินฺทิตฺวา ชีวิตหรณโต วิหรติ

    Viharatīti pade ‘tattha katamo vihāro’ti pucchaṃ akatvā puggalādhiṭṭhānāya desanāya desento iriyatītiādimāha. Tassattho – catunnaṃ iriyāpathānaṃ aññatarasamaṅgībhāvato iriyati. Tehi iriyāpathacatukkehi kāyasakaṭavattanena vattati. Ekaṃ iriyāpathadukkhaṃ aparena iriyāpathena bādhitvā ciraṭṭhitikabhāvena sarīrakkhanato pāleti. Ekasmiṃ iriyāpathe asaṇṭhahitvā sabbiriyāpathavatanato yapeti. Tena tena iriyāpathena tathā tathā kāyassa yāpanato yāpeti. Cirakālavattāpanato carati. Iriyāpathena iriyāpathaṃ vicchinditvā jīvitaharaṇato viharati.

    ๓๖๒. เสฺวว กาโย โลโกติ ยสฺมิํ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ, เสฺวว กาโย ลุชฺชนปลุชฺชนเฎฺฐน โลโกฯ ยสฺมา ปนสฺส กาเย ปหียมานํ อภิชฺฌาโทมนสฺสํ เวทนาทีสุปิ ปหียติ เอว, ตสฺมา ปญฺจปิ อุปาทานกฺขนฺธา โลโกติ วุตฺตํฯ

    362. Sveva kāyo lokoti yasmiṃ kāye kāyānupassī viharati, sveva kāyo lujjanapalujjanaṭṭhena loko. Yasmā panassa kāye pahīyamānaṃ abhijjhādomanassaṃ vedanādīsupi pahīyati eva, tasmā pañcapi upādānakkhandhā lokoti vuttaṃ.

    สนฺตาติอาทีสุปิ นิโรธวเสน สนฺตตาย สนฺตาฯ ภาวนาย สมิตตฺตา สมิตาฯ วตฺถุปริญฺญาย อปฺปวตฺติวูปสมวเสน วูปสนฺตาฯ นิโรธสงฺขาตํ อตฺถํ คตาติ อตฺถงฺคตาฯ ปุนปฺปุนํ นิพฺพตฺติยา ปฎิพาหิตตฺตา อติวิย อตฺถํ คตาติ อพฺภตฺถงฺคตาฯ อปฺปิตาติ วินาสิตา, อปฺปวตฺติยํ ฐปิตาติปิ อโตฺถฯ พฺยปฺปิตาติ สุวินาสิตา, อติวิย อปฺปวตฺติยํ ฐปิตาติปิ อโตฺถฯ ยถา ปุน น อนฺวสฺสวนฺติ เอวํ โสสิตตฺตา โสสิตาฯ สุฎฺฐุ โสสิตาติ วิโสสิตา , สุกฺขาปิตาติ อโตฺถฯ วิคตนฺตา กตาติ พฺยนฺตี กตาฯ เอตฺถ จ อนุปสฺสนาย กมฺมฎฺฐานวิหาเรน กมฺมฎฺฐานิกสฺส กายปริหรณํ, อาตาเปน สมฺมปฺปธานํ, สติสมฺปชเญฺญน กมฺมฎฺฐานปริหรณูปาโย; สติยา วา กายานุปสฺสนาวเสน ปฎิลโทฺธ สมโถ, สมฺปชเญฺญน วิปสฺสนา, อภิชฺฌาโทมนสฺสวินเยน ภาวนาผลํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Santātiādīsupi nirodhavasena santatāya santā. Bhāvanāya samitattā samitā. Vatthupariññāya appavattivūpasamavasena vūpasantā. Nirodhasaṅkhātaṃ atthaṃ gatāti atthaṅgatā. Punappunaṃ nibbattiyā paṭibāhitattā ativiya atthaṃ gatāti abbhatthaṅgatā. Appitāti vināsitā, appavattiyaṃ ṭhapitātipi attho. Byappitāti suvināsitā, ativiya appavattiyaṃ ṭhapitātipi attho. Yathā puna na anvassavanti evaṃ sositattā sositā. Suṭṭhu sositāti visositā, sukkhāpitāti attho. Vigatantā katāti byantī katā. Ettha ca anupassanāya kammaṭṭhānavihārena kammaṭṭhānikassa kāyapariharaṇaṃ, ātāpena sammappadhānaṃ, satisampajaññena kammaṭṭhānapariharaṇūpāyo; satiyā vā kāyānupassanāvasena paṭiladdho samatho, sampajaññena vipassanā, abhijjhādomanassavinayena bhāvanāphalaṃ vuttanti veditabbaṃ.

    กายานุปสฺสนานิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kāyānupassanāniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    เวทนานุปสฺสนานิเทฺทสวณฺณนา

    Vedanānupassanāniddesavaṇṇanā

    ๓๖๓. เวทนานุปสฺสนานิเทฺทเสปิ เหฎฺฐา วุตฺตสทิสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ สุขํ เวทนํ เวทยมาโนติอาทีสุ ปน สุขํ เวทนนฺติ กายิกํ วา เจตสิกํ วา สุขํ เวทนํ เวทยมาโน ‘อหํ สุขํ เวทนํ เวทยามี’ติ ปชานาตีติ อโตฺถฯ ตตฺถ กามํ อุตฺตานเสยฺยกาปิ ทารกา ถญฺญปิวนาทิกาเล สุขํ เวทยมานา ‘สุขํ เวทนํ เวทยามา’ติ ปชานนฺติ, น ปเนตํ เอวรูปํ ชานนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เอวรูปญฺหิ ชานนํ สตฺตูปลทฺธิํ นปฺปชหติ, สตฺตสญฺญํ น อุคฺฆาเฎติ, กมฺมฎฺฐานํ วา สติปฎฺฐานภาวนา วา น โหติฯ อิมสฺส ปน ภิกฺขุโน ชานนํ สตฺตูปลทฺธิํ ปชหติ, สตฺตสญฺญํ อุคฺฆาเฎติ, กมฺมฎฺฐานเญฺจว สติปฎฺฐานภาวนา จ โหติฯ ‘อิทญฺหิ โก เวทยติ, กสฺส เวทนา, กิํ การณา เวทนา’ติ เอวํ สมฺปชานเวทิยนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ

    363. Vedanānupassanāniddesepi heṭṭhā vuttasadisaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ. Sukhaṃ vedanaṃ vedayamānotiādīsu pana sukhaṃ vedananti kāyikaṃ vā cetasikaṃ vā sukhaṃ vedanaṃ vedayamāno ‘ahaṃ sukhaṃ vedanaṃ vedayāmī’ti pajānātīti attho. Tattha kāmaṃ uttānaseyyakāpi dārakā thaññapivanādikāle sukhaṃ vedayamānā ‘sukhaṃ vedanaṃ vedayāmā’ti pajānanti, na panetaṃ evarūpaṃ jānanaṃ sandhāya vuttaṃ. Evarūpañhi jānanaṃ sattūpaladdhiṃ nappajahati, sattasaññaṃ na ugghāṭeti, kammaṭṭhānaṃ vā satipaṭṭhānabhāvanā vā na hoti. Imassa pana bhikkhuno jānanaṃ sattūpaladdhiṃ pajahati, sattasaññaṃ ugghāṭeti, kammaṭṭhānañceva satipaṭṭhānabhāvanā ca hoti. ‘Idañhi ko vedayati, kassa vedanā, kiṃ kāraṇā vedanā’ti evaṃ sampajānavediyanaṃ sandhāya vuttaṃ.

    ตตฺถ โก เวทยตีติ? น โกจิ สโตฺต วา ปุคฺคโล วา เวทยติฯ กสฺส เวทนาติ? น กสฺสจิ สตฺตสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา เวทนาฯ กิํ การณา เวทนาติ? วตฺถุอารมฺมณา จ ปเนสา เวทนาฯ ตสฺมา เอส เอวํ ปชานาติ – ‘ตํ ตํ สุขาทีนํ วตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา เวทนาว เวทยติ; ตํ ปน เวทนาปวตฺติํ อุปาทาย ‘อหํ เวทยามี’ติ โวหารมตฺตํ โหตี’ติฯ เอวํ วตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา เวทนาว เวทยตีติ สลฺลเกฺขโนฺต ‘เอส สุขํ เวทนํ เวทยามี’ติ ปชานาตีติ เวทิตโพฺพ, จิตฺตลปพฺพเต อญฺญตโร เถโร วิยฯ

    Tattha ko vedayatīti? Na koci satto vā puggalo vā vedayati. Kassa vedanāti? Na kassaci sattassa vā puggalassa vā vedanā. Kiṃ kāraṇā vedanāti? Vatthuārammaṇā ca panesā vedanā. Tasmā esa evaṃ pajānāti – ‘taṃ taṃ sukhādīnaṃ vatthuṃ ārammaṇaṃ katvā vedanāva vedayati; taṃ pana vedanāpavattiṃ upādāya ‘ahaṃ vedayāmī’ti vohāramattaṃ hotī’ti. Evaṃ vatthuṃ ārammaṇaṃ katvā vedanāva vedayatīti sallakkhento ‘esa sukhaṃ vedanaṃ vedayāmī’ti pajānātīti veditabbo, cittalapabbate aññataro thero viya.

    เถโร กิร อผาสุกกาเล พลวเวทนาย นิตฺถุนโนฺต อปราปรํ ปริวตฺตติฯ ตเมโก ทหโร อาห – ‘‘กตรํ โว, ภเนฺต, ฐานํ รุชตี’’ติ? ‘‘อาวุโส, ปาฎิเยกฺกํ รุชนฎฺฐานํ นาม นตฺถิ; วตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา เวทนาว เวทยตี’’ติฯ ‘‘เอวํ ชานนกาลโต ปฎฺฐาย อธิวาเสตุํ วฎฺฎติ โน, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘อธิวาเสมิ, อาวุโส’’ติฯ ‘‘อธิวาสนา, ภเนฺต, เสโยฺย’’ติฯ เถโร อธิวาเสสิฯ วาโต ยาว หทยา ผาเลสิฯ มญฺจเก อนฺตานิ ราสีกตานิ อเหสุํฯ เถโร ทหรสฺส ทเสฺสสิ – ‘‘วฎฺฎตาวุโส, เอตฺตกา อธิวาสนา’’ติ? ทหโร ตุณฺหี อโหสิฯ เถโร วีริยสมาธิํ โยเชตฺวา สหปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา สมสีสี หุตฺวา ปรินิพฺพายิฯ

    Thero kira aphāsukakāle balavavedanāya nitthunanto aparāparaṃ parivattati. Tameko daharo āha – ‘‘kataraṃ vo, bhante, ṭhānaṃ rujatī’’ti? ‘‘Āvuso, pāṭiyekkaṃ rujanaṭṭhānaṃ nāma natthi; vatthuṃ ārammaṇaṃ katvā vedanāva vedayatī’’ti. ‘‘Evaṃ jānanakālato paṭṭhāya adhivāsetuṃ vaṭṭati no, bhante’’ti. ‘‘Adhivāsemi, āvuso’’ti. ‘‘Adhivāsanā, bhante, seyyo’’ti. Thero adhivāsesi. Vāto yāva hadayā phālesi. Mañcake antāni rāsīkatāni ahesuṃ. Thero daharassa dassesi – ‘‘vaṭṭatāvuso, ettakā adhivāsanā’’ti? Daharo tuṇhī ahosi. Thero vīriyasamādhiṃ yojetvā sahapaṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇitvā samasīsī hutvā parinibbāyi.

    ยถา จ สุขํ, เอวํ ทุกฺขํ…เป.… นิรามิสํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยมาโน ‘นิรามิสํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยามี’’ติ ปชานาติฯ อิติ ภควา รูปกมฺมฎฺฐานํ กเถตฺวา อรูปกมฺมฎฺฐานํ กเถโนฺต เวทนาวเสน กเถสิฯ ทุวิธญฺหิ กมฺมฎฺฐานํ – รูปกมฺมฎฺฐานํ อรูปกมฺมฎฺฐานญฺจ; รูปปริคฺคโห อรูปปริคฺคโหติปิ เอตเทว วุจฺจติฯ ตตฺถ ภควา รูปกมฺมฎฺฐานํ กเถโนฺต สเงฺขปมนสิการวเสน วา วิตฺถารมนสิการวเสน วา จตุธาตุววตฺถานํ กเถสิฯ ตทุภยมฺปิ วิสุทฺธิมเคฺค สพฺพาการโต ทสฺสิตเมวฯ

    Yathā ca sukhaṃ, evaṃ dukkhaṃ…pe… nirāmisaṃ adukkhamasukhaṃ vedanaṃ vedayamāno ‘nirāmisaṃ adukkhamasukhaṃ vedanaṃ vedayāmī’’ti pajānāti. Iti bhagavā rūpakammaṭṭhānaṃ kathetvā arūpakammaṭṭhānaṃ kathento vedanāvasena kathesi. Duvidhañhi kammaṭṭhānaṃ – rūpakammaṭṭhānaṃ arūpakammaṭṭhānañca; rūpapariggaho arūpapariggahotipi etadeva vuccati. Tattha bhagavā rūpakammaṭṭhānaṃ kathento saṅkhepamanasikāravasena vā vitthāramanasikāravasena vā catudhātuvavatthānaṃ kathesi. Tadubhayampi visuddhimagge sabbākārato dassitameva.

    อรูปกมฺมฎฺฐานํ ปน กเถโนฺต เยภุเยฺยน เวทนาวเสน กเถสิฯ ติวิโธ หิ อรูปกมฺมฎฺฐาเน อภินิเวโส – ผสฺสวเสน, เวทนาวเสน, จิตฺตวเสนาติฯ กถํ? เอกจฺจสฺส หิ สํขิเตฺตน วา วิตฺถาเรน วา ปริคฺคหิเต รูปกมฺมฎฺฐาเน ตสฺมิํ อารมฺมเณ จิตฺตเจตสิกานํ ปฐมาภินิปาโต ตํ อารมฺมณํ ผุสโนฺต อุปฺปชฺชมาโน ผโสฺส ปากโฎ โหติฯ เอกจฺจสฺส ตํ อารมฺมณํ อนุภวนฺตี อุปฺปชฺชมานา เวทนา ปากฎา โหติฯ เอกจฺจสฺส ตํ อารมฺมณํ ปริคฺคเหตฺวา วิชานนฺตํ อุปฺปชฺชมานํ วิญฺญาณํ ปากฎํ โหติฯ

    Arūpakammaṭṭhānaṃ pana kathento yebhuyyena vedanāvasena kathesi. Tividho hi arūpakammaṭṭhāne abhiniveso – phassavasena, vedanāvasena, cittavasenāti. Kathaṃ? Ekaccassa hi saṃkhittena vā vitthārena vā pariggahite rūpakammaṭṭhāne tasmiṃ ārammaṇe cittacetasikānaṃ paṭhamābhinipāto taṃ ārammaṇaṃ phusanto uppajjamāno phasso pākaṭo hoti. Ekaccassa taṃ ārammaṇaṃ anubhavantī uppajjamānā vedanā pākaṭā hoti. Ekaccassa taṃ ārammaṇaṃ pariggahetvā vijānantaṃ uppajjamānaṃ viññāṇaṃ pākaṭaṃ hoti.

    ตตฺถ ยสฺส ผโสฺส ปากโฎ โหติ, โสปิ ‘น เกวลํ ผโสฺสว อุปฺปชฺชติ; เตน สทฺธิํ ตเทวารมฺมณํ อนุภวมานา เวทนาปิ อุปฺปชฺชติ, สญฺชานมานา สญฺญาปิ, เจตยมานา เจตนาปิ, วิชานนมานํ วิญฺญาณมฺปิ อุปฺปชฺชตี’ติ ผสฺสปญฺจมเกเยว ปริคฺคณฺหาติฯ ยสฺส เวทนา ปากฎา โหติ, โสปิ ‘น เกวลํ เวทนาว อุปฺปชฺชติ; ตาย สทฺธิํ ตเทวารมฺมณํ ผุสมาโน ผโสฺสปิ อุปฺปชฺชติ, สญฺชานนมานา สญฺญาปิ, เจตยมานา เจตนาปิ, วิชานนมานํ วิญฺญาณมฺปิ อุปฺปชฺชตี’ติ ผสฺสปญฺจมเกเยว ปริคฺคณฺหาติฯ ยสฺส วิญฺญาณํ ปากฎํ โหติ, โสปิ ‘น เกวลํ วิญฺญาณเมว อุปฺปชฺชติ; เตน สทฺธิํ ตเทวารมฺมณํ ผุสมาโน ผโสฺสปิ อุปฺปชฺชติ, อนุภวมานา เวทนาปิ, สญฺชานนมานา สญฺญาปิ, เจตยมานา เจตนาปิ อุปฺปชฺชตี’ติ ผสฺสปญฺจมเกเยว ปริคฺคณฺหาติฯ

    Tattha yassa phasso pākaṭo hoti, sopi ‘na kevalaṃ phassova uppajjati; tena saddhiṃ tadevārammaṇaṃ anubhavamānā vedanāpi uppajjati, sañjānamānā saññāpi, cetayamānā cetanāpi, vijānanamānaṃ viññāṇampi uppajjatī’ti phassapañcamakeyeva pariggaṇhāti. Yassa vedanā pākaṭā hoti, sopi ‘na kevalaṃ vedanāva uppajjati; tāya saddhiṃ tadevārammaṇaṃ phusamāno phassopi uppajjati, sañjānanamānā saññāpi, cetayamānā cetanāpi, vijānanamānaṃ viññāṇampi uppajjatī’ti phassapañcamakeyeva pariggaṇhāti. Yassa viññāṇaṃ pākaṭaṃ hoti, sopi ‘na kevalaṃ viññāṇameva uppajjati; tena saddhiṃ tadevārammaṇaṃ phusamāno phassopi uppajjati, anubhavamānā vedanāpi, sañjānanamānā saññāpi, cetayamānā cetanāpi uppajjatī’ti phassapañcamakeyeva pariggaṇhāti.

    โส ‘อิเม ผสฺสปญฺจมกา ธมฺมา กิํนิสฺสิตา’ติ อุปธาเรโนฺต ‘วตฺถุนิสฺสิตา’ติ ปชานาติฯ วตฺถุ นาม กรชกาโย; ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อิทญฺจ ปน เม วิญฺญาณํ เอตฺถสิตํ, เอตฺถปฎิพทฺธ’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๓๕)ฯ โส อตฺถโต ภูตานิ เจว อุปาทารูปานิ จฯ เอวเมตฺถ วตฺถุ รูปํ, ผสฺสปญฺจมกา นามนฺติ นามรูปเมว ปสฺสติฯ รูปเญฺจตฺถ รูปกฺขโนฺธ, นามํ จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธาติ ปญฺจกฺขนฺธมตฺตํ โหติฯ นามรูปวินิมุตฺตา หิ ปญฺจกฺขนฺธา ปญฺจกฺขนฺธวินิมุตฺตํ วา นามรูปํ นตฺถิฯ

    So ‘ime phassapañcamakā dhammā kiṃnissitā’ti upadhārento ‘vatthunissitā’ti pajānāti. Vatthu nāma karajakāyo; yaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘idañca pana me viññāṇaṃ etthasitaṃ, etthapaṭibaddha’’nti (dī. ni. 1.235). So atthato bhūtāni ceva upādārūpāni ca. Evamettha vatthu rūpaṃ, phassapañcamakā nāmanti nāmarūpameva passati. Rūpañcettha rūpakkhandho, nāmaṃ cattāro arūpino khandhāti pañcakkhandhamattaṃ hoti. Nāmarūpavinimuttā hi pañcakkhandhā pañcakkhandhavinimuttaṃ vā nāmarūpaṃ natthi.

    โส ‘อิเม ปญฺจกฺขนฺธา กิํเหตุกา’ติ อุปปริกฺขโนฺต ‘อวิชฺชาทิเหตุกา’ติ ปสฺสติ; ตโต ปจฺจโย เจว ปจฺจยุปฺปนฺนญฺจ อิทํ; อโญฺญ สโตฺต วา ปุคฺคโล วา นตฺถิ; สุทฺธสงฺขารปุญฺชมตฺตเมวาติ สปฺปจฺจยนามรูปวเสนว ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนาปฎิปาฎิยา ‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’ติ สมฺมสโนฺต วิจรติฯ โส ‘อชฺช อชฺชา’ติ ปฎิเวธํ อากงฺขมาโน ตถารูเป ทิวเส อุตุสปฺปายํ, ปุคฺคลสปฺปายํ, โภชนสปฺปายํ, ธมฺมสวนสปฺปายํ วา ลภิตฺวา เอกปลฺลเงฺกน นิสิโนฺนว วิปสฺสนํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา อรหเตฺต ปติฎฺฐาติฯ เอวํ อิเมสํ ติณฺณมฺปิ ชนานํ ยาว อรหตฺตา กมฺมฎฺฐานํ กถิตํ โหติฯ

    So ‘ime pañcakkhandhā kiṃhetukā’ti upaparikkhanto ‘avijjādihetukā’ti passati; tato paccayo ceva paccayuppannañca idaṃ; añño satto vā puggalo vā natthi; suddhasaṅkhārapuñjamattamevāti sappaccayanāmarūpavasenava tilakkhaṇaṃ āropetvā vipassanāpaṭipāṭiyā ‘aniccaṃ dukkhaṃ anattā’ti sammasanto vicarati. So ‘ajja ajjā’ti paṭivedhaṃ ākaṅkhamāno tathārūpe divase utusappāyaṃ, puggalasappāyaṃ, bhojanasappāyaṃ, dhammasavanasappāyaṃ vā labhitvā ekapallaṅkena nisinnova vipassanaṃ matthakaṃ pāpetvā arahatte patiṭṭhāti. Evaṃ imesaṃ tiṇṇampi janānaṃ yāva arahattā kammaṭṭhānaṃ kathitaṃ hoti.

    อิธ ปน ภควา อรูปกมฺมฎฺฐานํ กเถโนฺต เวทนาวเสน กเถสิฯ ผสฺสวเสน วา หิ วิญฺญาณวเสน วา กถิยมานํ น ปากฎํ โหติ, อนฺธการํ วิย ขายติฯ เวทนาวเสน ปน ปากฎํ โหติฯ กสฺมา? เวทนานํ อุปฺปตฺติปากฎตายฯ สุขทุกฺขเวทนานญฺหิ อุปฺปตฺติ ปากฎาฯ ยทา สุขํ อุปฺปชฺชติ, สกลสรีรํ โขเภนฺตํ มทฺทนฺตํ ผรมานํ อภิสนฺทยมานํ สตโธตสปฺปิํ ขาทาปยนฺตํ วิย, สตปากเตลํ มกฺขาปยมานํ วิย, อุทกฆฎสหเสฺสน ปริฬาหํ นิพฺพาปยมานํ วิย, ‘อโห สุขํ! อโห สุขนฺติ’! วาจํ นิจฺฉารยมานเมว อุปฺปชฺชติฯ ยทา ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, สกลสรีรํ โขเภนฺตํ มทฺทนฺตํ ผรมานํ อภิสนฺทยมานํ ตตฺตผาลํ ปเวเสนฺตํ วิย, วิลีนตมฺพโลเหน อาสิญฺจนฺตํ วิย, สุกฺขติณวนปฺปติมฺหิ อรเญฺญ ทารุอุกฺกากลาปํ ปกฺขิปมานํ วิย ‘อโห ทุกฺขํ! อโห ทุกฺขนฺติ!’ วิปฺปลาปยมานเมว อุปฺปชฺชติฯ อิติ สุขทุกฺขเวทนานํ อุปฺปตฺติ ปากฎา โหติฯ

    Idha pana bhagavā arūpakammaṭṭhānaṃ kathento vedanāvasena kathesi. Phassavasena vā hi viññāṇavasena vā kathiyamānaṃ na pākaṭaṃ hoti, andhakāraṃ viya khāyati. Vedanāvasena pana pākaṭaṃ hoti. Kasmā? Vedanānaṃ uppattipākaṭatāya. Sukhadukkhavedanānañhi uppatti pākaṭā. Yadā sukhaṃ uppajjati, sakalasarīraṃ khobhentaṃ maddantaṃ pharamānaṃ abhisandayamānaṃ satadhotasappiṃ khādāpayantaṃ viya, satapākatelaṃ makkhāpayamānaṃ viya, udakaghaṭasahassena pariḷāhaṃ nibbāpayamānaṃ viya, ‘aho sukhaṃ! Aho sukhanti’! Vācaṃ nicchārayamānameva uppajjati. Yadā dukkhaṃ uppajjati, sakalasarīraṃ khobhentaṃ maddantaṃ pharamānaṃ abhisandayamānaṃ tattaphālaṃ pavesentaṃ viya, vilīnatambalohena āsiñcantaṃ viya, sukkhatiṇavanappatimhi araññe dāruukkākalāpaṃ pakkhipamānaṃ viya ‘aho dukkhaṃ! Aho dukkhanti!’ Vippalāpayamānameva uppajjati. Iti sukhadukkhavedanānaṃ uppatti pākaṭā hoti.

    อทุกฺขมสุขา ปน ทุทฺทีปนา อนฺธการา อวิภูตาฯ สา สุขทุกฺขานํ อปคเม สาตาสาตปฎิเกฺขปวเสน มชฺฌตฺตาการภูตา อทุกฺขมสุขา เวทนาติ นยโต คณฺหนฺตสฺส ปากฎา โหติฯ ยถา กิํ? อนฺตรา ปิฎฺฐิปาสาณํ อารุหิตฺวา ปลายนฺตสฺส มิคสฺส อนุปถํ คจฺฉโนฺต มิคลุทฺทโก ปิฎฺฐิปาสาณสฺส โอรภาเค อปรภาเคปิ ปทํ ทิสฺวา มเชฺฌ อปสฺสโนฺตปิ ‘อิโต อารุโฬฺห, อิโต โอรุโฬฺห, มเชฺฌ ปิฎฺฐิปาสาเณ อิมินา ปเทเสน คโต ภวิสฺสตี’ติ นยโต ชานาติฯ เอวํ อารุฬฺหฎฺฐาเน ปทํ วิย หิ สุขาย เวทนาย อุปฺปตฺติ ปากฎา โหติ; โอรุฬฺหฎฺฐาเน ปทํ วิย ทุกฺขาย เวทนาย อุปฺปตฺติ ปากฎา โหติฯ ‘อิโต อารุโฬฺห, อิโต โอรุโฬฺห, มเชฺฌ เอวํ คโต’ติ นยโต คหณํ วิย สุขทุกฺขานํ อปคเม สาตาสาตปฎิเกฺขปวเสน มชฺฌตฺตาการภูตา อทุกฺขมสุขา เวทนาติ นยโต คณฺหนฺตสฺส ปากฎา โหติฯ

    Adukkhamasukhā pana duddīpanā andhakārā avibhūtā. Sā sukhadukkhānaṃ apagame sātāsātapaṭikkhepavasena majjhattākārabhūtā adukkhamasukhā vedanāti nayato gaṇhantassa pākaṭā hoti. Yathā kiṃ? Antarā piṭṭhipāsāṇaṃ āruhitvā palāyantassa migassa anupathaṃ gacchanto migaluddako piṭṭhipāsāṇassa orabhāge aparabhāgepi padaṃ disvā majjhe apassantopi ‘ito āruḷho, ito oruḷho, majjhe piṭṭhipāsāṇe iminā padesena gato bhavissatī’ti nayato jānāti. Evaṃ āruḷhaṭṭhāne padaṃ viya hi sukhāya vedanāya uppatti pākaṭā hoti; oruḷhaṭṭhāne padaṃ viya dukkhāya vedanāya uppatti pākaṭā hoti. ‘Ito āruḷho, ito oruḷho, majjhe evaṃ gato’ti nayato gahaṇaṃ viya sukhadukkhānaṃ apagame sātāsātapaṭikkhepavasena majjhattākārabhūtā adukkhamasukhā vedanāti nayato gaṇhantassa pākaṭā hoti.

    เอวํ ภควา ปฐมํ รูปกมฺมฎฺฐานํ กเถตฺวา ปจฺฉา อรูปกมฺมฎฺฐานํ กเถโนฺต เวทนาวเสน วินิวเตฺตตฺวา ทเสฺสสิ; น เกวลญฺจ อิเธว เอวํ ทเสฺสติ, ทีฆนิกายมฺหิ มหานิทาเน, สกฺกปเญฺห, มหาสติปฎฺฐาเน , มชฺฌิมนิกายมฺหิ สติปฎฺฐาเน จ จูฬตณฺหาสงฺขเย, มหาตณฺหาสงฺขเย, จูฬเวทเลฺล, มหาเวทเลฺล, รฎฺฐปาลสุเตฺต, มาคณฺฑิยสุเตฺต, ธาตุวิภเงฺค, อาเนญฺชสปฺปาเย, สํยุตฺตนิกายมฺหิ จูฬนิทานสุเตฺต, รุโกฺขปเม, ปริวีมํสนสุเตฺต, สกเล เวทนาสํยุเตฺตติ เอวํ อเนเกสุ สุเตฺตสุ ปฐมํ รูปกมฺมฎฺฐานํ กเถตฺวา ปจฺฉา อรูปกมฺมฎฺฐานํ เวทนาวเสน วินิวเตฺตตฺวา ทเสฺสสิฯ ยถา จ เตสุ เตสุ, เอวํ อิมสฺมิมฺปิ สติปฎฺฐานวิภเงฺค ปฐมํ รูปกมฺมฎฺฐานํ กเถตฺวา ปจฺฉา อรูปกมฺมฎฺฐานํ เวทนาวเสน วินิวเตฺตตฺวา ทเสฺสสิฯ

    Evaṃ bhagavā paṭhamaṃ rūpakammaṭṭhānaṃ kathetvā pacchā arūpakammaṭṭhānaṃ kathento vedanāvasena vinivattetvā dassesi; na kevalañca idheva evaṃ dasseti, dīghanikāyamhi mahānidāne, sakkapañhe, mahāsatipaṭṭhāne , majjhimanikāyamhi satipaṭṭhāne ca cūḷataṇhāsaṅkhaye, mahātaṇhāsaṅkhaye, cūḷavedalle, mahāvedalle, raṭṭhapālasutte, māgaṇḍiyasutte, dhātuvibhaṅge, āneñjasappāye, saṃyuttanikāyamhi cūḷanidānasutte, rukkhopame, parivīmaṃsanasutte, sakale vedanāsaṃyutteti evaṃ anekesu suttesu paṭhamaṃ rūpakammaṭṭhānaṃ kathetvā pacchā arūpakammaṭṭhānaṃ vedanāvasena vinivattetvā dassesi. Yathā ca tesu tesu, evaṃ imasmimpi satipaṭṭhānavibhaṅge paṭhamaṃ rūpakammaṭṭhānaṃ kathetvā pacchā arūpakammaṭṭhānaṃ vedanāvasena vinivattetvā dassesi.

    ตตฺถ สุขํ เวทนนฺติอาทีสุ อยํ อปโรปิ ปชานนปริยาโย – สุขํ เวทนํ เวทยามีติ ปชานาตีติ สุขเวทนากฺขเณ ทุกฺขาย เวทนาย อภาวโต สุขํ เวทนํ เวทยมาโน ‘สุขํ เวทนํ เวทยามี’ติ ปชานาติฯ เตน ยา ปุเพฺพ ภูตปุพฺพา ทุกฺขา เวทนา, ตสฺสา อิทานิ อภาวโต อิมิสฺสา จ สุขาย อิโต ปฐมํ อภาวโต เวทนา นาม อนิจฺจา อทฺธุวา วิปริณามธมฺมาติ อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา –

    Tattha sukhaṃ vedanantiādīsu ayaṃ aparopi pajānanapariyāyo – sukhaṃ vedanaṃ vedayāmīti pajānātīti sukhavedanākkhaṇe dukkhāya vedanāya abhāvato sukhaṃ vedanaṃ vedayamāno ‘sukhaṃ vedanaṃ vedayāmī’ti pajānāti. Tena yā pubbe bhūtapubbā dukkhā vedanā, tassā idāni abhāvato imissā ca sukhāya ito paṭhamaṃ abhāvato vedanā nāma aniccā addhuvā vipariṇāmadhammāti itiha tattha sampajāno hoti. Vuttampi cetaṃ bhagavatā –

    ‘‘ยสฺมิํ, อคฺคิเวสฺสน, สมเย สุขํ เวทนํ เวเทติ, เนว ตสฺมิํ สมเย ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ, น อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวเทติ, สุขํเยว ตสฺมิํ สมเย เวทนํ เวเทติฯ ยสฺมิํ , อคฺคิเวสฺสน, สมเย ทุกฺขํ…เป.… อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวเทติ, เนว ตสฺมิํ สมเย สุขํ เวทนํ เวเทติ, น ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ, อทุกฺขมสุขํเยว ตสฺมิํ สมเย เวทนํ เวเทติฯ สุขาปิ โข, อคฺคิเวสฺสน , เวทนา อนิจฺจา สงฺขตา ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมาฯ ทุกฺขาปิ โข…เป.… อทุกฺขมสุขาปิ โข, อคฺคิเวสฺสน, เวทนา อนิจฺจา สงฺขตา…เป.… นิโรธธมฺมาฯ เอวํ ปสฺสํ, อคฺคิเวสฺสน, สุตวา อริยสาวโก สุขายปิ เวทนาย นิพฺพินฺทติ, ทุกฺขายปิ เวทนาย นิพฺพินฺทติ, อทุกฺขมสุขายปิ เวทนาย นิพฺพินฺทติ, นิพฺพินฺทํ วิรชฺชติ, วิราคา วิมุจฺจติ, วิมุตฺตสฺมิํ วิมุตฺตมิติ ญาณํ โหติ; ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๐๕)ฯ

    ‘‘Yasmiṃ, aggivessana, samaye sukhaṃ vedanaṃ vedeti, neva tasmiṃ samaye dukkhaṃ vedanaṃ vedeti, na adukkhamasukhaṃ vedanaṃ vedeti, sukhaṃyeva tasmiṃ samaye vedanaṃ vedeti. Yasmiṃ , aggivessana, samaye dukkhaṃ…pe… adukkhamasukhaṃ vedanaṃ vedeti, neva tasmiṃ samaye sukhaṃ vedanaṃ vedeti, na dukkhaṃ vedanaṃ vedeti, adukkhamasukhaṃyeva tasmiṃ samaye vedanaṃ vedeti. Sukhāpi kho, aggivessana , vedanā aniccā saṅkhatā paṭiccasamuppannā khayadhammā vayadhammā virāgadhammā nirodhadhammā. Dukkhāpi kho…pe… adukkhamasukhāpi kho, aggivessana, vedanā aniccā saṅkhatā…pe… nirodhadhammā. Evaṃ passaṃ, aggivessana, sutavā ariyasāvako sukhāyapi vedanāya nibbindati, dukkhāyapi vedanāya nibbindati, adukkhamasukhāyapi vedanāya nibbindati, nibbindaṃ virajjati, virāgā vimuccati, vimuttasmiṃ vimuttamiti ñāṇaṃ hoti; ‘khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti pajānātī’’ti (ma. ni. 2.205).

    สามิสํ วา สุขนฺติอาทีสุ สามิสา สุขา นาม ปญฺจกามคุณามิสนิสฺสิตา ฉ เคหสฺสิตโสมนสฺสเวทนา; นิรามิสา สุขา นาม ฉ เนกฺขมฺมสฺสิตโสมนสฺสเวทนา; สามิสา ทุกฺขา นาม ฉ เคหสฺสิตโทมนสฺสเวทนา; นิรามิสา ทุกฺขา นาม ฉ เนกฺขมฺมสฺสิตโทมนสฺสเวทนา; สามิสา อทุกฺขมสุขา นาม ฉ เคหสิตอุเปกฺขาเวทนา; นิรามิสา อทุกฺขมสุขา นาม ฉ เนกฺขมฺมสฺสิตอุเปกฺขาเวทนาฯ ตาสํ วิภาโค อุปริปณฺณาเส ปาฬิยํ (ม. นิ. ๓.๓๐๔ อาทโย) อาคโตเยวฯ โส ตํ นิมิตฺตนฺติ โส ตํ เวทนานิมิตฺตํฯ พหิทฺธา เวทนาสูติ ปรปุคฺคลสฺส เวทนาสุฯ สุขํ เวทนํ เวทยมานนฺติ ปรปุคฺคลํ สุขเวทนํ เวทยมานํฯ อชฺฌตฺตพหิทฺธาติ กาเลน อตฺตโน กาเลน ปรสฺส เวทนาสุ จิตฺตํ อุปสํหรติฯ อิมสฺมิํ วาเร ยสฺมา เนว อตฺตา, น ปโร นิยมิโต; ตสฺมา เวทนาปริคฺคหมตฺตเมว ทเสฺสตุํ ‘‘อิธ ภิกฺขุ สุขํ เวทนํ สุขา เวทนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ อิมสฺมิํ ปน ปเพฺพ สุทฺธวิปสฺสนาว กถิตาติฯ

    Sāmisaṃvā sukhantiādīsu sāmisā sukhā nāma pañcakāmaguṇāmisanissitā cha gehassitasomanassavedanā; nirāmisā sukhā nāma cha nekkhammassitasomanassavedanā; sāmisā dukkhā nāma cha gehassitadomanassavedanā; nirāmisā dukkhā nāma cha nekkhammassitadomanassavedanā; sāmisā adukkhamasukhā nāma cha gehasitaupekkhāvedanā; nirāmisā adukkhamasukhā nāma cha nekkhammassitaupekkhāvedanā. Tāsaṃ vibhāgo uparipaṇṇāse pāḷiyaṃ (ma. ni. 3.304 ādayo) āgatoyeva. So taṃ nimittanti so taṃ vedanānimittaṃ. Bahiddhā vedanāsūti parapuggalassa vedanāsu. Sukhaṃ vedanaṃ vedayamānanti parapuggalaṃ sukhavedanaṃ vedayamānaṃ. Ajjhattabahiddhāti kālena attano kālena parassa vedanāsu cittaṃ upasaṃharati. Imasmiṃ vāre yasmā neva attā, na paro niyamito; tasmā vedanāpariggahamattameva dassetuṃ ‘‘idha bhikkhu sukhaṃ vedanaṃ sukhā vedanā’’tiādi vuttaṃ. Sesamettha uttānameva. Imasmiṃ pana pabbe suddhavipassanāva kathitāti.

    เวทนานุปสฺสนานิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vedanānupassanāniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    จิตฺตานุปสฺสนานิเทฺทสวณฺณนา

    Cittānupassanāniddesavaṇṇanā

    ๓๖๕. จิตฺตานุปสฺสนานิเทฺทเสปิ เหฎฺฐา วุตฺตสทิสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ สราคํ วา จิตฺตนฺติอาทีสุ ปน สราคนฺติ อฎฺฐวิธํ โลภสหคตํฯ วีตราคนฺติ โลกิยกุสลาพฺยากตํฯ อิทํ ปน ยสฺมา สมฺมสนํ น ธมฺมสโมธานํ, ตสฺมา อิธ เอกปเทปิ โลกุตฺตรํ น ลพฺภติฯ ยสฺมา ปหาเนกฎฺฐวเสน ราคาทีหิ สห วตฺตนฺติ ปหียนฺติ, ตสฺมา ทฺวีสุ ปเทสุ นิปฺปริยาเยน น ลพฺภนฺตีติ น คหิตานิฯ เสสานิ จตฺตาริ อกุสลจิตฺตานิ เนว ปุริมปทํ, น ปจฺฉิมปทํ ภชนฺติฯ สโทสนฺติ ทุวิธํ โทมนสฺสสหคตํฯ วีตโทสนฺติ โลกิยกุสลาพฺยากตํฯ เสสานิ ทส อกุสลจิตฺตานิ เนว ปุริมปทํ, น ปจฺฉิมปทํ ภชนฺติฯ สโมหนฺติ วิจิกิจฺฉาสหคตเญฺจว อุทฺธจฺจสหคตญฺจาติ ทุวิธํฯ ยสฺมา ปน โมโห สพฺพากุสเลสุ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา เสสานิปิ อิธ วฎฺฎนฺติ เอวฯ อิมสฺมิํ เยว หิ ทุเก ทฺวาทสากุสลจิตฺตานิ ปริยาทิณฺณานีติฯ วีตโมหนฺติ โลกิยกุสลาพฺยากตํฯ สํขิตฺตนฺติ ถินมิทฺธานุปติตํฯ เอตญฺหิ สงฺกุฎิตจิตฺตํ นามฯ วิกฺขิตฺตนฺติ อุทฺธจฺจสหคตํฯ เอตญฺหิ ปสฎจิตฺตํ นามฯ

    365. Cittānupassanāniddesepi heṭṭhā vuttasadisaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ. Sarāgaṃ vā cittantiādīsu pana sarāganti aṭṭhavidhaṃ lobhasahagataṃ. Vītarāganti lokiyakusalābyākataṃ. Idaṃ pana yasmā sammasanaṃ na dhammasamodhānaṃ, tasmā idha ekapadepi lokuttaraṃ na labbhati. Yasmā pahānekaṭṭhavasena rāgādīhi saha vattanti pahīyanti, tasmā dvīsu padesu nippariyāyena na labbhantīti na gahitāni. Sesāni cattāri akusalacittāni neva purimapadaṃ, na pacchimapadaṃ bhajanti. Sadosanti duvidhaṃ domanassasahagataṃ. Vītadosanti lokiyakusalābyākataṃ. Sesāni dasa akusalacittāni neva purimapadaṃ, na pacchimapadaṃ bhajanti. Samohanti vicikicchāsahagatañceva uddhaccasahagatañcāti duvidhaṃ. Yasmā pana moho sabbākusalesu uppajjati, tasmā sesānipi idha vaṭṭanti eva. Imasmiṃ yeva hi duke dvādasākusalacittāni pariyādiṇṇānīti. Vītamohanti lokiyakusalābyākataṃ. Saṃkhittanti thinamiddhānupatitaṃ. Etañhi saṅkuṭitacittaṃ nāma. Vikkhittanti uddhaccasahagataṃ. Etañhi pasaṭacittaṃ nāma.

    มหคฺคตนฺติ รูปาวจรํ อรูปาวจรญฺจฯ อมหคฺคตนฺติ กามาวจรํฯ สอุตฺตรนฺติ กามาวจรํฯ อนุตฺตรนฺติ รูปาวจรญฺจ อรูปาวจรญฺจฯ ตตฺราปิ สอุตฺตรํ รูปาวจรํ, อนุตฺตรํ อรูปาวจรเมวฯ สมาหิตนฺติ ยสฺส อปฺปนาสมาธิ อุปจารสมาธิ วา อตฺถิฯ อสมาหิตนฺติ อุภยสมาธิวิรหิตํฯ วิมุตฺตนฺติ ตทงฺควิกฺขมฺภนวิมุตฺตีหิ วินิมุตฺตํฯ อวิมุตฺตนฺติ อุภยวิมุตฺติรหิตํ; สมุเจฺฉทปฎิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณวิมุตฺตีนํ ปน อิธ โอกาโสว นตฺถิฯ สราคมสฺส จิตฺตนฺติ สราคํ อสฺส จิตฺตํฯ เสสํ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถเมวฯ อิมสฺมิมฺปิ ปเพฺพ สุทฺธวิปสฺสนาว กถิตาติฯ

    Mahaggatanti rūpāvacaraṃ arūpāvacarañca. Amahaggatanti kāmāvacaraṃ. Sauttaranti kāmāvacaraṃ. Anuttaranti rūpāvacarañca arūpāvacarañca. Tatrāpi sauttaraṃ rūpāvacaraṃ, anuttaraṃ arūpāvacarameva. Samāhitanti yassa appanāsamādhi upacārasamādhi vā atthi. Asamāhitanti ubhayasamādhivirahitaṃ. Vimuttanti tadaṅgavikkhambhanavimuttīhi vinimuttaṃ. Avimuttanti ubhayavimuttirahitaṃ; samucchedapaṭippassaddhinissaraṇavimuttīnaṃ pana idha okāsova natthi. Sarāgamassa cittanti sarāgaṃ assa cittaṃ. Sesaṃ heṭṭhā vuttanayattā uttānatthameva. Imasmimpi pabbe suddhavipassanāva kathitāti.

    จิตฺตานุปสฺสนานิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Cittānupassanāniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ธมฺมานุปสฺสนานิเทฺทสวณฺณนา

    Dhammānupassanāniddesavaṇṇanā

    นีวรณปพฺพวณฺณนา

    Nīvaraṇapabbavaṇṇanā

    ๓๖๗. เอตฺตาวตา ยสฺมา กายานุปสฺสนาย รูปกฺขนฺธปริคฺคโหว กถิโต, เวทนานุปสฺสนาย เวทนากฺขนฺธปริคฺคโหว จิตฺตานุปสฺสนาย วิญฺญาณกฺขนฺธปริคฺคโหว ตสฺมา อิทานิ สมฺปยุตฺตธมฺมสีเสน สญฺญาสงฺขารกฺขนฺธปริคฺคหมฺปิ กเถตุํ ธมฺมานุปสฺสนํ ทเสฺสโนฺต กถญฺจ ภิกฺขูติอาทิมาหฯ ตตฺถ สนฺตนฺติ อภิณฺหสมุทาจารวเสน สํวิชฺชมานํฯ อสนฺตนฺติ อสมุทาจารวเสน วา ปหีนตฺตา วา อวิชฺชมานํฯ ยถา จาติ เยน การเณน กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาโท โหติฯ ตญฺจ ปชานาตีติ ตญฺจ การณํ ปชานาติฯ อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    367. Ettāvatā yasmā kāyānupassanāya rūpakkhandhapariggahova kathito, vedanānupassanāya vedanākkhandhapariggahova cittānupassanāya viññāṇakkhandhapariggahova tasmā idāni sampayuttadhammasīsena saññāsaṅkhārakkhandhapariggahampi kathetuṃ dhammānupassanaṃ dassento kathañca bhikkhūtiādimāha. Tattha santanti abhiṇhasamudācāravasena saṃvijjamānaṃ. Asantanti asamudācāravasena vā pahīnattā vā avijjamānaṃ. Yathā cāti yena kāraṇena kāmacchandassa uppādo hoti. Tañca pajānātīti tañca kāraṇaṃ pajānāti. Iminā nayena sabbapadesu attho veditabbo.

    ตตฺถ สุภนิมิเตฺต อโยนิโสมนสิกาเรน กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาโท โหติฯ สุภนิมิตฺตํ นาม สุภมฺปิ สุภนิมิตฺตํ, สุภารมฺมณมฺปิ สุภนิมิตฺตํฯ อโยนิโสมนสิกาโร นาม อนุปายมนสิกาโร อุปฺปถมนสิกาโร, อนิเจฺจ นิจฺจนฺติ วา ทุเกฺข สุขนฺติ วา อนตฺตนิ อตฺตาติ วา อสุเภ สุภนฺติ วา มนสิกาโรฯ ตํ ตตฺถ พหุลํ ปวตฺตยโต กามจฺฉโนฺท อุปฺปชฺชติฯ เตนาห ภควา –

    Tattha subhanimitte ayonisomanasikārena kāmacchandassa uppādo hoti. Subhanimittaṃ nāma subhampi subhanimittaṃ, subhārammaṇampi subhanimittaṃ. Ayonisomanasikāro nāma anupāyamanasikāro uppathamanasikāro, anicce niccanti vā dukkhe sukhanti vā anattani attāti vā asubhe subhanti vā manasikāro. Taṃ tattha bahulaṃ pavattayato kāmacchando uppajjati. Tenāha bhagavā –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, สุภนิมิตฺตํฯ ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒)ฯ

    ‘‘Atthi, bhikkhave, subhanimittaṃ. Tattha ayonisomanasikārabahulīkāro – ayamāhāro anuppannassa vā kāmacchandassa uppādāya, uppannassa vā kāmacchandassa bhiyyobhāvāya vepullāyā’’ti (saṃ. ni. 5.232).

    อสุภนิมิเตฺต ปน โยนิโสมนสิกาเรนสฺส ปหานํ โหติฯ อสุภนิมิตฺตํ นาม อสุภมฺปิ อสุภนิมิตฺตํ, อสุภารมฺมณมฺปิ อสุภนิมิตฺตํฯ โยนิโสมนสิกาโร นาม อุปายมนสิกาโร ปถมนสิกาโร, อนิเจฺจ อนิจฺจนฺติ วา ทุเกฺข ทุกฺขนฺติ วา อนตฺตนิ อนตฺตาติ วา อสุเภ อสุภนฺติ วา มนสิกาโรฯ ตํ ตตฺถ พหุลํ ปวตฺตยโต กามจฺฉโนฺท ปหียติฯ เตนาห ภควา –

    Asubhanimitte pana yonisomanasikārenassa pahānaṃ hoti. Asubhanimittaṃ nāma asubhampi asubhanimittaṃ, asubhārammaṇampi asubhanimittaṃ. Yonisomanasikāro nāma upāyamanasikāro pathamanasikāro, anicce aniccanti vā dukkhe dukkhanti vā anattani anattāti vā asubhe asubhanti vā manasikāro. Taṃ tattha bahulaṃ pavattayato kāmacchando pahīyati. Tenāha bhagavā –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อสุภนิมิตฺตํฯ ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร อยมนาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส ภิโยฺยภาวาย, เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒)ฯ

    ‘‘Atthi, bhikkhave, asubhanimittaṃ. Tattha yonisomanasikārabahulīkāro ayamanāhāro anuppannassa vā kāmacchandassa uppādāya, uppannassa vā kāmacchandassa bhiyyobhāvāya, vepullāyā’’ti (saṃ. ni. 5.232).

    อปิจ ฉ ธมฺมา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, อสุภภาวนานุโยโค, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตญฺญุตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติฯ ทสวิธญฺหิ อสุภนิมิตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ กามจฺฉโนฺท ปหียติ, ภาเวนฺตสฺสาปิ; อินฺทฺริเยสุ ปิหิตทฺวารสฺสาปิ ; จตุนฺนํ ปญฺจนฺนํ อาโลปานํ โอกาเส สติ อุทกํ ปิวิตฺวา ยาปนสีลตาย โภชเน มตฺตญฺญุโนปิฯ เตน วุตฺตํ –

    Apica cha dhammā kāmacchandassa pahānāya saṃvattanti – asubhanimittassa uggaho, asubhabhāvanānuyogo, indriyesu guttadvāratā, bhojane mattaññutā, kalyāṇamittatā, sappāyakathāti. Dasavidhañhi asubhanimittaṃ uggaṇhantassāpi kāmacchando pahīyati, bhāventassāpi; indriyesu pihitadvārassāpi ; catunnaṃ pañcannaṃ ālopānaṃ okāse sati udakaṃ pivitvā yāpanasīlatāya bhojane mattaññunopi. Tena vuttaṃ –

    ‘‘จตฺตาโร ปญฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;

    ‘‘Cattāro pañca ālope, abhutvā udakaṃ pive;

    อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติฯ (เถรคา. ๙๘๓);

    Alaṃ phāsuvihārāya, pahitattassa bhikkhuno’’ti. (theragā. 983);

    อสุภกมฺมิกติสฺสเตฺถรสทิเส อสุภภาวนารเต กลฺยาณมิเตฺต เสวนฺตสฺสาปิ กามจฺฉโนฺท ปหียติ; ฐานนิสชฺชาทีสุ ทสอสุภนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติฯ อิเมหิ ปน ฉหิ ธเมฺมหิ ปหีนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส อรหตฺตมเคฺคน อายติํ อนุปฺปาโท โหตีติ ปชานาติฯ

    Asubhakammikatissattherasadise asubhabhāvanārate kalyāṇamitte sevantassāpi kāmacchando pahīyati; ṭhānanisajjādīsu dasaasubhanissitasappāyakathāyapi pahīyati. Tena vuttaṃ ‘‘cha dhammā kāmacchandassa pahānāya saṃvattantī’’ti. Imehi pana chahi dhammehi pahīnassa kāmacchandassa arahattamaggena āyatiṃ anuppādo hotīti pajānāti.

    ปฎิฆนิมิเตฺต อโยนิโสมนสิกาเรน ปน พฺยาปาทสฺส อุปฺปาโท โหติฯ ตตฺถ ปฎิฆมฺปิ ปฎิฆนิมิตฺตํ นาม; ปฎิฆารมฺมณมฺปิ ปฎิฆนิมิตฺตํฯ อโยนิโสมนสิกาโร สพฺพตฺถ เอกลกฺขโณวฯ ตํ ตสฺมิํ นิมิเตฺต พหุลํ ปวตฺตยโต พฺยาปาโท อุปฺปชฺชติฯ เตนาห ภควา –

    Paṭighanimitte ayonisomanasikārena pana byāpādassa uppādo hoti. Tattha paṭighampi paṭighanimittaṃ nāma; paṭighārammaṇampi paṭighanimittaṃ. Ayonisomanasikāro sabbattha ekalakkhaṇova. Taṃ tasmiṃ nimitte bahulaṃ pavattayato byāpādo uppajjati. Tenāha bhagavā –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปฎิฆนิมิตฺตํฯ ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒)ฯ

    ‘‘Atthi, bhikkhave, paṭighanimittaṃ. Tattha ayonisomanasikārabahulīkāro – ayamāhāro anuppannassa vā byāpādassa uppādāya, uppannassa vā byāpādassa bhiyyobhāvāya vepullāyā’’ti (saṃ. ni. 5.232).

    เมตฺตาย ปน เจโตวิมุตฺติยา โยนิโสมนสิกาเรนสฺส ปหานํ โหติฯ ตตฺถ เมตฺตาติ วุเตฺต อปฺปนาปิ อุปจาโรปิ วฎฺฎติ; เจโตวิมุตฺตีติ อปฺปนาวฯ โยนิโสมนสิกาโร วุตฺตลกฺขโณวฯ ตํ ตตฺถ พหุลํ ปวตฺตยโต พฺยาปาโท ปหียติฯ เตนาห ภควา –

    Mettāya pana cetovimuttiyā yonisomanasikārenassa pahānaṃ hoti. Tattha mettāti vutte appanāpi upacāropi vaṭṭati; cetovimuttīti appanāva. Yonisomanasikāro vuttalakkhaṇova. Taṃ tattha bahulaṃ pavattayato byāpādo pahīyati. Tenāha bhagavā –

    ‘‘อตฺถิ , ภิกฺขเว, เมตฺตาเจโตวิมุตฺติฯ ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส ภิโยฺยภาวาย, เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒ โถกํ วิสทิสํ)ฯ

    ‘‘Atthi , bhikkhave, mettācetovimutti. Tattha yonisomanasikārabahulīkāro – ayamāhāro anuppannassa vā byāpādassa uppādāya, uppannassa vā byāpādassa bhiyyobhāvāya, vepullāyā’’ti (saṃ. ni. 5.232 thokaṃ visadisaṃ).

    อปิจ ฉ ธมฺมา พฺยาปาทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – เมตฺตานิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, เมตฺตาภาวนานุโยโค, กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขณา, ปฎิสงฺขานพหุลีกตา , กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติฯ โอทิสฺสกาโนทิสฺสกทิสาผรณานญฺหิ อญฺญตรวเสน เมตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ พฺยาปาโท ปหียติฯ โอธิโส อโนธิโส ทิสาผรณวเสน เมตฺตํ ภาเวนฺตสฺสาปิฯ ‘ตฺวํ เอตสฺส กุโทฺธ กิํ กริสฺสสิ, กิมสฺส สีลาทีนิ วินาเสตุํ สกฺขิสฺสสิ? นนุ ตฺวํ อตฺตโน กเมฺมน อาคนฺตฺวา อตฺตโน กเมฺมเนว คมิสฺสสิ? ปรสฺส กุชฺฌนํ นาม วีตจฺจิตงฺคารตตฺตอโยสลากคูถาทีนิ คเหตฺวา ปรสฺส ปหริตุกามตาสทิสํ โหติฯ เอโสปิ ตว กุโทฺธ กิํ กริสฺสติ? กิํ เต สีลาทีนิ วินาเสตุํ สกฺขิสฺสติ? เอส อตฺตโน กเมฺมนาคนฺตฺวา อตฺตโน กเมฺมเนว คมิสฺสติ; อปฺปฎิจฺฉิตปเหณกํ วิย ปฎิวาตขิตฺตรโชมุฎฺฐิ วิย จ เอตเสฺสเวส โกโธ มตฺถเก ปติสฺสตี’ติฯ เอวํ อตฺตโน จ ปรสฺส จ กมฺมสฺสกตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ, อุภยกมฺมสฺสกตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปฎิสงฺขาเน ฐิตสฺสาปิ, อสฺสคุตฺตเตฺถรสทิเส เมตฺตาภาวนารเต กลฺยาณมิเตฺต เสวนฺตสฺสาปิ พฺยาปาโท ปหียติ; ฐานนิสชฺชาทีสุ เมตฺตานิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา พฺยาปาทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติฯ อิเมหิ ปน ฉหิ ธเมฺมหิ ปหีนสฺส พฺยาปาทสฺส อนาคามิมเคฺคน อายติํ อนุปฺปาโท โหตีติ ปชานาติฯ

    Apica cha dhammā byāpādassa pahānāya saṃvattanti – mettānimittassa uggaho, mettābhāvanānuyogo, kammassakatāpaccavekkhaṇā, paṭisaṅkhānabahulīkatā , kalyāṇamittatā, sappāyakathāti. Odissakānodissakadisāpharaṇānañhi aññataravasena mettaṃ uggaṇhantassāpi byāpādo pahīyati. Odhiso anodhiso disāpharaṇavasena mettaṃ bhāventassāpi. ‘Tvaṃ etassa kuddho kiṃ karissasi, kimassa sīlādīni vināsetuṃ sakkhissasi? Nanu tvaṃ attano kammena āgantvā attano kammeneva gamissasi? Parassa kujjhanaṃ nāma vītaccitaṅgāratattaayosalākagūthādīni gahetvā parassa paharitukāmatāsadisaṃ hoti. Esopi tava kuddho kiṃ karissati? Kiṃ te sīlādīni vināsetuṃ sakkhissati? Esa attano kammenāgantvā attano kammeneva gamissati; appaṭicchitapaheṇakaṃ viya paṭivātakhittarajomuṭṭhi viya ca etassevesa kodho matthake patissatī’ti. Evaṃ attano ca parassa ca kammassakataṃ paccavekkhatopi, ubhayakammassakataṃ paccavekkhitvā paṭisaṅkhāne ṭhitassāpi, assaguttattherasadise mettābhāvanārate kalyāṇamitte sevantassāpi byāpādo pahīyati; ṭhānanisajjādīsu mettānissitasappāyakathāyapi pahīyati. Tena vuttaṃ ‘‘cha dhammā byāpādassa pahānāya saṃvattantī’’ti. Imehi pana chahi dhammehi pahīnassa byāpādassa anāgāmimaggena āyatiṃ anuppādo hotīti pajānāti.

    อรตีติอาทีสุ อโยนิโสมนสิกาเรน ถินมิทฺธสฺส อุปฺปาโท โหติฯ อรติ นาม อุกฺกณฺฐิตตาฯ ตนฺที นาม กายาลสิยตาฯ วิชมฺภิกา นาม กายวินามนาฯ ภตฺตสมฺมโท นาม ภตฺตมุจฺฉา ภตฺตปริฬาโหฯ เจตโส ลีนตฺตํ นาม จิตฺตสฺส ลีนากาโรฯ อิเมสุ อรติอาทีสุ อโยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต ถินมิทฺธํ อุปฺปชฺชติฯ เตนาห ภควา –

    Aratītiādīsu ayonisomanasikārena thinamiddhassa uppādo hoti. Arati nāma ukkaṇṭhitatā. Tandī nāma kāyālasiyatā. Vijambhikā nāma kāyavināmanā. Bhattasammado nāma bhattamucchā bhattapariḷāho. Cetaso līnattaṃ nāma cittassa līnākāro. Imesu aratiādīsu ayonisomanasikāraṃ bahulaṃ pavattayato thinamiddhaṃ uppajjati. Tenāha bhagavā –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อรติ ตนฺที วิชมฺภิกา ภตฺตสมฺมโท เจตโส จ ลีนตฺตํฯ ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส อุปฺปาทาย , อุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒)ฯ

    ‘‘Atthi, bhikkhave, arati tandī vijambhikā bhattasammado cetaso ca līnattaṃ. Tattha ayonisomanasikārabahulīkāro – ayamāhāro anuppannassa vā thinamiddhassa uppādāya , uppannassa vā thinamiddhassa bhiyyobhāvāya vepullāyā’’ti (saṃ. ni. 5.232).

    อารมฺภธาตุอาทีสุ ปน โยนิโสมนสิกาเรนสฺส ปหานํ โหติฯ อารมฺภธาตุ นาม ปฐมารมฺภวีริยํฯ นิกฺกมธาตุ นาม โกสชฺชโต นิกฺขนฺตตฺตา ตโต พลวตรํฯ ปรกฺกมธาตุ นาม ปรํ ปรํ ฐานํ อกฺกมนโต ตโตปิ พลวตรํฯ อิมสฺมิํ ติปฺปเภเท วีริเย โยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต ถินมิทฺธํ ปหียติฯ เตนาห ภควา –

    Ārambhadhātuādīsu pana yonisomanasikārenassa pahānaṃ hoti. Ārambhadhātu nāma paṭhamārambhavīriyaṃ. Nikkamadhātu nāma kosajjato nikkhantattā tato balavataraṃ. Parakkamadhātu nāma paraṃ paraṃ ṭhānaṃ akkamanato tatopi balavataraṃ. Imasmiṃ tippabhede vīriye yonisomanasikāraṃ bahulaṃ pavattayato thinamiddhaṃ pahīyati. Tenāha bhagavā –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อารมฺภธาตุ, นิกฺกมธาตุ, ปรกฺกมธาตุฯ ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมนาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส ภิโยฺยภาวาย, เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒)ฯ

    ‘‘Atthi, bhikkhave, ārambhadhātu, nikkamadhātu, parakkamadhātu. Tattha yonisomanasikārabahulīkāro – ayamanāhāro anuppannassa vā thinamiddhassa uppādāya, uppannassa vā thinamiddhassa bhiyyobhāvāya, vepullāyā’’ti (saṃ. ni. 5.232).

    อปิจ ฉ ธมฺมา ถินมิทฺธสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – อติโภชเน นิมิตฺตคฺคาโห, อิริยาปถสมฺปริวตฺตนตา, อาโลกสญฺญามนสิกาโร, อโพฺภกาสวาโส, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติฯ อาหรหตฺถก ภุตฺตวมิตก ตตฺรวฎฺฎก อลํสาฎก กากมาสกโภชนํ ภุญฺชิตฺวา รตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐาเน นิสินฺนสฺส หิ สมณธมฺมํ กโรโต ถินมิทฺธํ มหาหตฺถี วิย โอตฺถรนฺตํ อาคจฺฉติฯ จตุปญฺจอาโลปโอกาสํ ปน ฐเปตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา ยาปนสีลสฺส ภิกฺขุโน ตํ น โหตีติ อติโภชเน นิมิตฺตํ คณฺหนฺตสฺสาปิ ถินมิทฺธํ ปหียติฯ ยสฺมิํ อิริยาปเถ ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ ตโต อญฺญํ ปริวเตฺตนฺตสฺสาปิ, รตฺติํ จนฺทาโลกทีปาโลกอุกฺกาโลเก ทิวา สูริยาโลกํ มนสิกโรนฺตสฺสาปิ, อโพฺภกาเส วสนฺตสฺสาปิ, มหากสฺสปเตฺถรสทิเส ปหีนถินมิเทฺธ กลฺยาณมิเตฺต เสวนฺตสฺสาปิ ถินมิทฺธํ ปหียติ; ฐานนิสชฺชาทีสุ ธุตงฺคนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา ถินมิทฺธสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติฯ อิเมหิ ปน ฉหิ ธเมฺมหิ ปหีนสฺส ถินมิทฺธสฺส อรหตฺตมเคฺคน อายติํ อนุปฺปาโท โหตีติ ปชานาติฯ

    Apica cha dhammā thinamiddhassa pahānāya saṃvattanti – atibhojane nimittaggāho, iriyāpathasamparivattanatā, ālokasaññāmanasikāro, abbhokāsavāso, kalyāṇamittatā, sappāyakathāti. Āharahatthaka bhuttavamitaka tatravaṭṭaka alaṃsāṭaka kākamāsakabhojanaṃ bhuñjitvā rattiṭṭhānadivāṭṭhāne nisinnassa hi samaṇadhammaṃ karoto thinamiddhaṃ mahāhatthī viya ottharantaṃ āgacchati. Catupañcaālopaokāsaṃ pana ṭhapetvā pānīyaṃ pivitvā yāpanasīlassa bhikkhuno taṃ na hotīti atibhojane nimittaṃ gaṇhantassāpi thinamiddhaṃ pahīyati. Yasmiṃ iriyāpathe thinamiddhaṃ okkamati tato aññaṃ parivattentassāpi, rattiṃ candālokadīpālokaukkāloke divā sūriyālokaṃ manasikarontassāpi, abbhokāse vasantassāpi, mahākassapattherasadise pahīnathinamiddhe kalyāṇamitte sevantassāpi thinamiddhaṃ pahīyati; ṭhānanisajjādīsu dhutaṅganissitasappāyakathāyapi pahīyati. Tena vuttaṃ ‘‘cha dhammā thinamiddhassa pahānāya saṃvattantī’’ti. Imehi pana chahi dhammehi pahīnassa thinamiddhassa arahattamaggena āyatiṃ anuppādo hotīti pajānāti.

    เจตโส อวูปสเม อโยนิโสมนสิกาเรน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อุปฺปาโท โหติฯ อวูปสโม นาม อวูปสนฺตากาโร; อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจเมเวตํ อตฺถโตฯ ตตฺถ อโยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ อุปฺปชฺชติฯ เตนาห ภควา –

    Cetaso avūpasame ayonisomanasikārena uddhaccakukkuccassa uppādo hoti. Avūpasamo nāma avūpasantākāro; uddhaccakukkuccamevetaṃ atthato. Tattha ayonisomanasikāraṃ bahulaṃ pavattayato uddhaccakukkuccaṃ uppajjati. Tenāha bhagavā –

    ‘‘อตฺถิ , ภิกฺขเว, เจตโส อวูปสโมฯ ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒)ฯ

    ‘‘Atthi , bhikkhave, cetaso avūpasamo. Tattha ayonisomanasikārabahulīkāro – ayamāhāro anuppannassa vā uddhaccakukkuccassa uppādāya, uppannassa vā uddhaccakukkuccassa bhiyyobhāvāya vepullāyā’’ti (saṃ. ni. 5.232).

    สมาธิสงฺขาเต ปน เจตโส วูปสเม โยนิโสมนสิกาเรนสฺส ปหานํ โหติฯ เตนาห ภควา –

    Samādhisaṅkhāte pana cetaso vūpasame yonisomanasikārenassa pahānaṃ hoti. Tenāha bhagavā –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, เจตโส วูปสโมฯ ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมนาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ภิโยฺยภาวาย, เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒)ฯ

    ‘‘Atthi, bhikkhave, cetaso vūpasamo. Tattha yonisomanasikārabahulīkāro – ayamanāhāro anuppannassa vā uddhaccakukkuccassa uppādāya, uppannassa vā uddhaccakukkuccassa bhiyyobhāvāya, vepullāyā’’ti (saṃ. ni. 5.232).

    อปิจ ฉ ธมฺมา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – พหุสฺสุตตา, ปริปุจฺฉกตา, วินเย ปกตญฺญุตา, วุฑฺฒเสวิตา , กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติฯ พาหุสเจฺจนปิ หิ เอกํ วา เทฺว วา ตโย วา จตฺตาโร วา ปญฺจ วา นิกาเย ปาฬิวเสน จ อตฺถวเสน จ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติฯ กปฺปิยากปฺปิยปริปุจฺฉาพหุลสฺสาปิ, วินยปญฺญตฺติยํ จิณฺณวสีภาวตาย ปกตญฺญุโนปิ, วุเฑฺฒ มหลฺลกเตฺถเร อุปสงฺกมนฺตสฺสาปิ, อุปาลิเตฺถรสทิเส วินยธเร กลฺยาณมิเตฺต เสวนฺตสฺสปิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ; ฐานนิสชฺชาทีสุ กปฺปิยากปฺปิยนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติฯ อิเมหิ ปน ฉหิ ธเมฺมหิ ปหีเน อุทฺธจฺจกุกฺกุเจฺจ อุทฺธจฺจสฺส อรหตฺตมเคฺคน กุกฺกุจฺจสฺส อนาคามิมเคฺคน อายติํ อนุปฺปาโท โหตีติ ปชานาติฯ

    Apica cha dhammā uddhaccakukkuccassa pahānāya saṃvattanti – bahussutatā, paripucchakatā, vinaye pakataññutā, vuḍḍhasevitā , kalyāṇamittatā, sappāyakathāti. Bāhusaccenapi hi ekaṃ vā dve vā tayo vā cattāro vā pañca vā nikāye pāḷivasena ca atthavasena ca uggaṇhantassāpi uddhaccakukkuccaṃ pahīyati. Kappiyākappiyaparipucchābahulassāpi, vinayapaññattiyaṃ ciṇṇavasībhāvatāya pakataññunopi, vuḍḍhe mahallakatthere upasaṅkamantassāpi, upālittherasadise vinayadhare kalyāṇamitte sevantassapi uddhaccakukkuccaṃ pahīyati; ṭhānanisajjādīsu kappiyākappiyanissitasappāyakathāyapi pahīyati. Tena vuttaṃ ‘‘cha dhammā uddhaccakukkuccassa pahānāya saṃvattantī’’ti. Imehi pana chahi dhammehi pahīne uddhaccakukkucce uddhaccassa arahattamaggena kukkuccassa anāgāmimaggena āyatiṃ anuppādo hotīti pajānāti.

    วิจิกิจฺฉาฐานีเยสุ ธเมฺมสุ อโยนิโสมนสิกาเรน วิจิกิจฺฉาย อุปฺปาโท โหติฯ วิจิกิจฺฉาฐานียา ธมฺมา นาม ปุนปฺปุนํ วิจิกิจฺฉาย การณตฺตา วิจิกิจฺฉาวฯ ตตฺถ อโยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติฯ เตนาห ภควา –

    Vicikicchāṭhānīyesu dhammesu ayonisomanasikārena vicikicchāya uppādo hoti. Vicikicchāṭhānīyā dhammā nāma punappunaṃ vicikicchāya kāraṇattā vicikicchāva. Tattha ayonisomanasikāraṃ bahulaṃ pavattayato vicikicchā uppajjati. Tenāha bhagavā –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, วิจิกิจฺฉาฐานียา ธมฺมาฯ ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒)ฯ

    ‘‘Atthi, bhikkhave, vicikicchāṭhānīyā dhammā. Tattha ayonisomanasikārabahulīkāro – ayamāhāro anuppannāya vā vicikicchāya uppādāya, uppannāya vā vicikicchāya bhiyyobhāvāya vepullāyā’’ti (saṃ. ni. 5.232).

    กุสลาทิธเมฺมสุ โยนิโสมนสิกาเรน ปนสฺสา ปหานํ โหติฯ เตนาห ภควา –

    Kusalādidhammesu yonisomanasikārena panassā pahānaṃ hoti. Tenāha bhagavā –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, กุสลากุสลา ธมฺมา, สาวชฺชานวชฺชา ธมฺมา, หีนปฺปณีตา ธมฺมา, กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาคา ธมฺมาฯ ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมนาหาโร อนุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย ภิโยฺยภาวาย, เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒)ฯ

    ‘‘Atthi, bhikkhave, kusalākusalā dhammā, sāvajjānavajjā dhammā, hīnappaṇītā dhammā, kaṇhasukkasappaṭibhāgā dhammā. Tattha yonisomanasikārabahulīkāro – ayamanāhāro anuppannāya vā vicikicchāya uppādāya, uppannāya vā vicikicchāya bhiyyobhāvāya, vepullāyā’’ti (saṃ. ni. 5.232).

    อปิจ ฉ ธมฺมา วิจิกิจฺฉาย ปหานาย สํวตฺตนฺติ – พหุสฺสุตตา, ปริปุจฺฉกตา, วินเย ปกตญฺญุตา, อธิโมกฺขพหุลตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติฯ พาหุสเจฺจนปิ หิ เอกํ วา…เป.… ปญฺจ วา นิกาเย ปาฬิวเสน จ อตฺถวเสน จ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ วิจิกิจฺฉา ปหียติฯ ตีณิ รตนานิ อารพฺภ ปริปุจฺฉาพหุลสฺสาปิ, วินเย จิณฺณวสีภาวสฺสาปิ, ตีสุ รตเนสุ โอกปฺปนิยสทฺธาสงฺขาตอธิโมกฺขพหุลสฺสาปิ , สทฺธาธิมุเตฺต วกฺกลิเตฺถรสทิเส กลฺยาณมิเตฺต เสวนฺตสฺสาปิ วิจิกิจฺฉา ปหียติฯ ฐานนิสฺสชฺชาทีสุ ติณฺณํ รตนานํ คุณนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา วิจิกิจฺฉาย ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติฯ อิเมหิ ปน ฉหิ ธเมฺมหิ ปหีนาย วิจิกิจฺฉาย โสตาปตฺติมเคฺคน อายติํ อนุปฺปาโท โหตีติ ปชานาติฯ

    Apica cha dhammā vicikicchāya pahānāya saṃvattanti – bahussutatā, paripucchakatā, vinaye pakataññutā, adhimokkhabahulatā, kalyāṇamittatā, sappāyakathāti. Bāhusaccenapi hi ekaṃ vā…pe… pañca vā nikāye pāḷivasena ca atthavasena ca uggaṇhantassāpi vicikicchā pahīyati. Tīṇi ratanāni ārabbha paripucchābahulassāpi, vinaye ciṇṇavasībhāvassāpi, tīsu ratanesu okappaniyasaddhāsaṅkhātaadhimokkhabahulassāpi , saddhādhimutte vakkalittherasadise kalyāṇamitte sevantassāpi vicikicchā pahīyati. Ṭhānanissajjādīsu tiṇṇaṃ ratanānaṃ guṇanissitasappāyakathāyapi pahīyati. Tena vuttaṃ ‘‘cha dhammā vicikicchāya pahānāya saṃvattantī’’ti. Imehi pana chahi dhammehi pahīnāya vicikicchāya sotāpattimaggena āyatiṃ anuppādo hotīti pajānāti.

    นีวรณปพฺพวณฺณนาฯ

    Nīvaraṇapabbavaṇṇanā.

    โพชฺฌงฺคปพฺพวณฺณนา

    Bojjhaṅgapabbavaṇṇanā

    โพชฺฌงฺคปเพฺพ สนฺตนฺติ ปฎิลาภวเสน วิชฺชมานํฯ อสนฺตนฺติ อปฺปฎิลาภวเสน อวิชฺชมานํฯ ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺสาติอาทีสุ ปน สติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ตาว –

    Bojjhaṅgapabbe santanti paṭilābhavasena vijjamānaṃ. Asantanti appaṭilābhavasena avijjamānaṃ. Yathā ca anuppannassātiādīsu pana satisambojjhaṅgassa tāva –

    ‘‘อตฺถิ , ภิกฺขเว, สติสโมฺพชฺฌงฺคฎฺฐานียา ธมฺมาฯ ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา สติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา สติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๘๓) – เอวํ อุปฺปาโท โหติฯ ตตฺถ สติเยว สติสโมฺพชฺฌงฺคฎฺฐานียา ธมฺมาฯ โยนิโสมนสิกาโร วุตฺตลกฺขโณเยวฯ ตํ ตตฺถ พหุลํ ปวตฺตยโต สติสโมฺพชฺฌโงฺค อุปฺปชฺชติฯ

    ‘‘Atthi , bhikkhave, satisambojjhaṅgaṭṭhānīyā dhammā. Tattha yonisomanasikārabahulīkāro – ayamāhāro anuppannassa vā satisambojjhaṅgassa uppādāya, uppannassa vā satisambojjhaṅgassa bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattatī’’ti (saṃ. ni. 5.183) – evaṃ uppādo hoti. Tattha satiyeva satisambojjhaṅgaṭṭhānīyā dhammā. Yonisomanasikāro vuttalakkhaṇoyeva. Taṃ tattha bahulaṃ pavattayato satisambojjhaṅgo uppajjati.

    อปิจ จตฺตาโร ธมฺมา สติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ – สติสมฺปชญฺญํ, มุฎฺฐสฺสติปุคฺคลปริวชฺชนตา, อุปฎฺฐิตสฺสติปุคฺคลเสวนตา, ตทธิมุตฺตตาติฯ อภิกฺกนฺตาทีสุ หิ สตฺตสุ ฐาเนสุ สติสมฺปชเญฺญน, ภตฺตนิกฺขิตฺตกากสทิเส มุฎฺฐสฺสติปุคฺคเล ปริวชฺชเนน, ติสฺสทตฺตเตฺถรอภยเตฺถรสทิเส อุปฎฺฐิตสฺสติปุคฺคเล เสวเนน, ฐานนิสชฺชาทีสุ สติสมุฎฺฐาปนตฺถํ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตตาย จ สติสโมฺพชฺฌโงฺค อุปฺปชฺชติฯ เอวํ จตูหิ การเณหิ อุปฺปนฺนสฺส ปนสฺส อรหตฺตมเคฺคน ภาวนาปาริปูริ โหตีติ ปชานาติฯ

    Apica cattāro dhammā satisambojjhaṅgassa uppādāya saṃvattanti – satisampajaññaṃ, muṭṭhassatipuggalaparivajjanatā, upaṭṭhitassatipuggalasevanatā, tadadhimuttatāti. Abhikkantādīsu hi sattasu ṭhānesu satisampajaññena, bhattanikkhittakākasadise muṭṭhassatipuggale parivajjanena, tissadattattheraabhayattherasadise upaṭṭhitassatipuggale sevanena, ṭhānanisajjādīsu satisamuṭṭhāpanatthaṃ ninnapoṇapabbhāracittatāya ca satisambojjhaṅgo uppajjati. Evaṃ catūhi kāraṇehi uppannassa panassa arahattamaggena bhāvanāpāripūri hotīti pajānāti.

    ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ปน –

    Dhammavicayasambojjhaṅgassa pana –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, กุสลากุสลา ธมฺมา…เป.… กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาคา ธมฺมาฯ ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒) –

    ‘‘Atthi, bhikkhave, kusalākusalā dhammā…pe… kaṇhasukkasappaṭibhāgā dhammā. Tattha yonisomanasikārabahulīkāro – ayamāhāro anuppannassa vā dhammavicayasambojjhaṅgassa uppādāya, uppannassa vā dhammavicayasambojjhaṅgassa bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattatī’’ti (saṃ. ni. 5.232) –

    เอวํ อุปฺปาโท โหติฯ

    Evaṃ uppādo hoti.

    อปิจ สตฺต ธมฺมา ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ – ปริปุจฺฉกตา, วตฺถุวิสทกิริยา, อินฺทฺริยสมตฺตปฎิปาทนา, ทุปฺปญฺญปุคฺคลปริวชฺชนา, ปญฺญวนฺตปุคฺคลเสวนา, คมฺภีรญาณจริยปจฺจเวกฺขณา, ตทธิมุตฺตตาติฯ ตตฺถ ปริปุจฺฉกตาติ ขนฺธธาตุอายตนอินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคมคฺคงฺคฌานสมถวิปสฺสนานํ อตฺถสนฺนิสฺสิตปริปุจฺฉาพหุลตาฯ วตฺถุวิสทกิริยาติ อชฺฌตฺติกพาหิรานํ วตฺถูนํ วิสทภาวกรณํฯ ยทา หิสฺส เกสนขโลมานิ ทีฆานิ โหนฺติ, สรีรํ วา อุสฺสนฺนโทสเญฺจว เสทมลมกฺขิตญฺจ, ตทา อชฺฌตฺติกํ วตฺถุ อวิสทํ โหติ อปริสุทฺธํฯ ยทา ปน จีวรํ ชิณฺณํ กิลิฎฺฐํ ทุคฺคนฺธํ โหติ, เสนาสนํ วา อุกฺลาปํ, ตทา พาหิรํ วตฺถุ อวิสทํ โหติ อปริสุทฺธํฯ ตสฺมา เกสาทิเฉทเนน อุทฺธํวิเรจนอโธวิเรจนาทีหิ สรีรสลฺลหุกภาวกรเณน, อุจฺฉาทนนฺหาปเนน จ อชฺฌตฺติกวตฺถุ วิสทํ กาตพฺพํฯ สูจิกมฺมโธวนรชนปริภณฺฑกรณาทีหิ พาหิรวตฺถุ วิสทํ กาตพฺพํฯ เอตสฺมิญฺหิ อชฺฌตฺติกพาหิรวตฺถุมฺหิ อวิสเท อุปฺปเนฺนสุ จิตฺตเจตสิเกสุ ญาณมฺปิ อวิสทํ โหติ อปริสุทฺธํ; อปริสุทฺธานิ ทีปกปลฺลกวฎฺฎิเตลานิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนทีปสิขาย โอภาโส วิยฯ วิสเท ปน อชฺฌตฺติกพาหิรวตฺถุมฺหิ อุปฺปเนฺนสุ จิตฺตเจตสิเกสุ ญาณมฺปิ วิสทํ โหติ ปริสุทฺธานิ ทีปกปลฺลกวฎฺฎิเตลานิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนทีปสิขาย โอภาโส วิยฯ เตน วุตฺตํ ‘‘วตฺถุวิสทกิริยา ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตตี’’ติฯ

    Apica satta dhammā dhammavicayasambojjhaṅgassa uppādāya saṃvattanti – paripucchakatā, vatthuvisadakiriyā, indriyasamattapaṭipādanā, duppaññapuggalaparivajjanā, paññavantapuggalasevanā, gambhīrañāṇacariyapaccavekkhaṇā, tadadhimuttatāti. Tattha paripucchakatāti khandhadhātuāyatanaindriyabalabojjhaṅgamaggaṅgajhānasamathavipassanānaṃ atthasannissitaparipucchābahulatā. Vatthuvisadakiriyāti ajjhattikabāhirānaṃ vatthūnaṃ visadabhāvakaraṇaṃ. Yadā hissa kesanakhalomāni dīghāni honti, sarīraṃ vā ussannadosañceva sedamalamakkhitañca, tadā ajjhattikaṃ vatthu avisadaṃ hoti aparisuddhaṃ. Yadā pana cīvaraṃ jiṇṇaṃ kiliṭṭhaṃ duggandhaṃ hoti, senāsanaṃ vā uklāpaṃ, tadā bāhiraṃ vatthu avisadaṃ hoti aparisuddhaṃ. Tasmā kesādichedanena uddhaṃvirecanaadhovirecanādīhi sarīrasallahukabhāvakaraṇena, ucchādananhāpanena ca ajjhattikavatthu visadaṃ kātabbaṃ. Sūcikammadhovanarajanaparibhaṇḍakaraṇādīhi bāhiravatthu visadaṃ kātabbaṃ. Etasmiñhi ajjhattikabāhiravatthumhi avisade uppannesu cittacetasikesu ñāṇampi avisadaṃ hoti aparisuddhaṃ; aparisuddhāni dīpakapallakavaṭṭitelāni nissāya uppannadīpasikhāya obhāso viya. Visade pana ajjhattikabāhiravatthumhi uppannesu cittacetasikesu ñāṇampi visadaṃ hoti parisuddhāni dīpakapallakavaṭṭitelāni nissāya uppannadīpasikhāya obhāso viya. Tena vuttaṃ ‘‘vatthuvisadakiriyā dhammavicayasambojjhaṅgassa uppādāya saṃvattatī’’ti.

    อินฺทฺริยสมตฺตปฎิปาทนา นาม สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ สมภาวกรณํฯ สเจ หิสฺส สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ โหติ, อิตรานิ มนฺทานิ, ตโต วีริยินฺทฺริยํ ปคฺคหกิจฺจํ, สตินฺทฺริยํ อุปฎฺฐานกิจฺจํ, สมาธินฺทฺริยํ อวิเกฺขปกิจฺจํ, ปญฺญินฺทฺริยํ ทสฺสนกิจฺจํ กาตุํ น สโกฺกติฯ ตสฺมา ตํ ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณน วา ยถา วา มนสิกโรโต พลวํ ชาตํ, ตถา อมนสิกาเรน หาเปตพฺพํฯ วกฺกลิเตฺถรวตฺถุ เจตฺถ นิทสฺสนํฯ สเจ ปน วีริยินฺทฺริยํ พลวํ โหติ, อถ เนว สทฺธินฺทฺริยํ อธิโมกฺขกิจฺจํ กาตุํ สโกฺกติ, น อิตรานิ อิตรกิจฺจเภทํฯ ตสฺมา ตํ ปสฺสทฺธาทิภาวนาย หาเปตพฺพํฯ ตตฺราปิ โสณเตฺถรวตฺถุ ทเสฺสตพฺพํฯ เอวํ เสเสสุปิ เอกสฺส พลวภาเว สติ อิตเรสํ อตฺตโน กิเจฺจสุ อสมตฺถตา เวทิตพฺพาฯ

    Indriyasamattapaṭipādanā nāma saddhādīnaṃ indriyānaṃ samabhāvakaraṇaṃ. Sace hissa saddhindriyaṃ balavaṃ hoti, itarāni mandāni, tato vīriyindriyaṃ paggahakiccaṃ, satindriyaṃ upaṭṭhānakiccaṃ, samādhindriyaṃ avikkhepakiccaṃ, paññindriyaṃ dassanakiccaṃ kātuṃ na sakkoti. Tasmā taṃ dhammasabhāvapaccavekkhaṇena vā yathā vā manasikaroto balavaṃ jātaṃ, tathā amanasikārena hāpetabbaṃ. Vakkalittheravatthu cettha nidassanaṃ. Sace pana vīriyindriyaṃ balavaṃ hoti, atha neva saddhindriyaṃ adhimokkhakiccaṃ kātuṃ sakkoti, na itarāni itarakiccabhedaṃ. Tasmā taṃ passaddhādibhāvanāya hāpetabbaṃ. Tatrāpi soṇattheravatthu dassetabbaṃ. Evaṃ sesesupi ekassa balavabhāve sati itaresaṃ attano kiccesu asamatthatā veditabbā.

    วิเสสโต ปเนตฺถ สทฺธาปญฺญานํ สมาธิวีริยานญฺจ สมตํ ปสํสนฺติฯ พลวสโทฺธ หิ มนฺทปโญฺญ มุทฺธปฺปสโนฺน โหติ, อวตฺถุสฺมิํ ปสีทติฯ พลวปโญฺญ มนฺทสโทฺธ เกราฎิกปกฺขํ ภชติ, เภสชฺชสมุฎฺฐิโต วิย โรโค อเตกิโจฺฉ โหติ ‘จิตฺตุปฺปาทมเตฺตเนว กุสลํ โหตี’ติ อติธาวิตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ อกโรโนฺต นิรเย อุปฺปชฺชติฯ อุภินฺนํ ปน สมตาย วตฺถุสฺมิํเยว ปสีทติฯ พลวสมาธิํ ปน มนฺทวีริยํ, สมาธิสฺส โกสชฺชปกฺขตฺตา, โกสชฺชํ อธิภวติฯ พลววีริยํ มนฺทสมาธิํ, วีริยสฺส อุทฺธจฺจปกฺขตฺตา, อุทฺธจฺจํ อธิภวติฯ สมาธิ ปน วีริเยน สํโยชิโต โกสเชฺช ปติตุํ น ลภติฯ วีริยํ สมาธินา สํโยชิตํ อุทฺธเจฺจ ปติตุํ น ลภติฯ ตสฺมา ตทุภยมฺปิ สมํ กาตพฺพํฯ อุภยสมตาย หิ อปฺปนา โหติ ฯ อปิจ สมาธิกมฺมิกสฺส พลวตีปิ สทฺธา วฎฺฎติฯ เอวํ โส สทฺทหโนฺต โอกเปฺปโนฺต อปฺปนํ ปาปุณิสฺสติฯ

    Visesato panettha saddhāpaññānaṃ samādhivīriyānañca samataṃ pasaṃsanti. Balavasaddho hi mandapañño muddhappasanno hoti, avatthusmiṃ pasīdati. Balavapañño mandasaddho kerāṭikapakkhaṃ bhajati, bhesajjasamuṭṭhito viya rogo atekiccho hoti ‘cittuppādamatteneva kusalaṃ hotī’ti atidhāvitvā dānādīni puññāni akaronto niraye uppajjati. Ubhinnaṃ pana samatāya vatthusmiṃyeva pasīdati. Balavasamādhiṃ pana mandavīriyaṃ, samādhissa kosajjapakkhattā, kosajjaṃ adhibhavati. Balavavīriyaṃ mandasamādhiṃ, vīriyassa uddhaccapakkhattā, uddhaccaṃ adhibhavati. Samādhi pana vīriyena saṃyojito kosajje patituṃ na labhati. Vīriyaṃ samādhinā saṃyojitaṃ uddhacce patituṃ na labhati. Tasmā tadubhayampi samaṃ kātabbaṃ. Ubhayasamatāya hi appanā hoti . Apica samādhikammikassa balavatīpi saddhā vaṭṭati. Evaṃ so saddahanto okappento appanaṃ pāpuṇissati.

    สมาธิปญฺญาสุ ปน สมาธิกมฺมิกสฺส เอกคฺคตา พลวตี วฎฺฎติฯ เอวญฺหิ โส อปฺปนํ ปาปุณาติฯ วิปสฺสนากมฺมิกสฺส ปญฺญา พลวตี วฎฺฎติฯ เอวญฺหิ โส ลกฺขณปฎิเวธํ ปาปุณาติฯ อุภินฺนํ ปน สมตาย อปฺปนา โหติเยวฯ สติ ปน สพฺพตฺถ พลวตี วฎฺฎติฯ สติ หิ จิตฺตํ อุทฺธจฺจปกฺขิกานํ สทฺธาวีริยปญฺญานํ วเสน อุทฺธจฺจปาตโต, โกสชฺชปกฺขิเกน จ สมาธินา โกสชฺชปาตโต รกฺขติฯ ตสฺมา สา, โลณธูปนํ วิย สพฺพพฺยญฺชเนสุ, สพฺพกมฺมิกอมโจฺจ วิย จ สพฺพราชกิเจฺจสุ, สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺพาฯ เตนาห ‘‘สติ จ ปน สพฺพตฺถิกา วุตฺตา ภควตาฯ กิํ การณา? จิตฺตญฺหิ สติปฎิสรณํ, อารกฺขปจฺจุปฎฺฐานา จ สติ; น วินา สติยา จิตฺตสฺส ปคฺคหนิคฺคโห โหตี’’ติฯ

    Samādhipaññāsu pana samādhikammikassa ekaggatā balavatī vaṭṭati. Evañhi so appanaṃ pāpuṇāti. Vipassanākammikassa paññā balavatī vaṭṭati. Evañhi so lakkhaṇapaṭivedhaṃ pāpuṇāti. Ubhinnaṃ pana samatāya appanā hotiyeva. Sati pana sabbattha balavatī vaṭṭati. Sati hi cittaṃ uddhaccapakkhikānaṃ saddhāvīriyapaññānaṃ vasena uddhaccapātato, kosajjapakkhikena ca samādhinā kosajjapātato rakkhati. Tasmā sā, loṇadhūpanaṃ viya sabbabyañjanesu, sabbakammikaamacco viya ca sabbarājakiccesu, sabbattha icchitabbā. Tenāha ‘‘sati ca pana sabbatthikā vuttā bhagavatā. Kiṃ kāraṇā? Cittañhi satipaṭisaraṇaṃ, ārakkhapaccupaṭṭhānā ca sati; na vinā satiyā cittassa paggahaniggaho hotī’’ti.

    ทุปฺปญฺญปุคฺคลปริวชฺชนา นาม ขนฺธาทิเภเท อโนคาฬฺหปญฺญานํ ทุเมฺมธปุคฺคลานํ อารกา ปริวชฺชนํฯ ปญฺญวนฺตปุคฺคลเสวนา นาม สมปญฺญาสลกฺขณปริคฺคาหิกาย อุทยพฺพยปญฺญาย สมนฺนาคตปุคฺคลเสวนาฯ คมฺภีรญาณจริยปจฺจเวกฺขณา นาม คมฺภีเรสุ ขนฺธาทีสุ ปวตฺตาย คมฺภีรปญฺญาย ปเภทปจฺจเวกฺขณาฯ ตทธิมุตฺตตา นาม ฐานนิสชฺชาทีสุ ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคสมุฎฺฐาปนตฺถํ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตตาฯ เอวํ อุปฺปนฺนสฺส ปนสฺส อรหตฺตมเคฺคน ภาวนาปาริปูริ โหตีติ ปชานาติฯ

    Duppaññapuggalaparivajjanā nāma khandhādibhede anogāḷhapaññānaṃ dummedhapuggalānaṃ ārakā parivajjanaṃ. Paññavantapuggalasevanā nāma samapaññāsalakkhaṇapariggāhikāya udayabbayapaññāya samannāgatapuggalasevanā. Gambhīrañāṇacariyapaccavekkhaṇā nāma gambhīresu khandhādīsu pavattāya gambhīrapaññāya pabhedapaccavekkhaṇā. Tadadhimuttatā nāma ṭhānanisajjādīsu dhammavicayasambojjhaṅgasamuṭṭhāpanatthaṃ ninnapoṇapabbhāracittatā. Evaṃ uppannassa panassa arahattamaggena bhāvanāpāripūri hotīti pajānāti.

    วีริยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส –

    Vīriyasambojjhaṅgassa –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อารมฺภธาตุ นิกฺกมธาตุ ปรกฺกมธาตุฯ ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา วีริยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา วีริยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒) –

    ‘‘Atthi, bhikkhave, ārambhadhātu nikkamadhātu parakkamadhātu. Tattha yonisomanasikārabahulīkāro – ayamāhāro anuppannassa vā vīriyasambojjhaṅgassa uppādāya, uppannassa vā vīriyasambojjhaṅgassa bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattatī’’ti (saṃ. ni. 5.232) –

    เอวํ อุปฺปาโท โหติฯ

    Evaṃ uppādo hoti.

    อปิจ เอกาทส ธมฺมา วีริยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ – อปายภยปจฺจเวกฺขณตา, อานิสํสทสฺสาวิตา, คมนวีถิปจฺจเวกฺขณตา, ปิณฺฑปาตาปจายนตา , ทายชฺชมหตฺตปจฺจเวกฺขณตา, สตฺถุมหตฺตปจฺจเวกฺขณตา, ชาติมหตฺตปจฺจเวกฺขณตา, สพฺรหฺมจาริมหตฺตปจฺจเวกฺขณตา, กุสีตปุคฺคลปริวชฺชนตา, อารทฺธวีริยปุคฺคลเสวนตา, ตทธิมุตฺตตาติฯ

    Apica ekādasa dhammā vīriyasambojjhaṅgassa uppādāya saṃvattanti – apāyabhayapaccavekkhaṇatā, ānisaṃsadassāvitā, gamanavīthipaccavekkhaṇatā, piṇḍapātāpacāyanatā , dāyajjamahattapaccavekkhaṇatā, satthumahattapaccavekkhaṇatā, jātimahattapaccavekkhaṇatā, sabrahmacārimahattapaccavekkhaṇatā, kusītapuggalaparivajjanatā, āraddhavīriyapuggalasevanatā, tadadhimuttatāti.

    ตตฺถ นิรเยสุ ปญฺจวิธพนฺธนกมฺมการณโต ปฎฺฐาย มหาทุกฺขํ อนุภวนกาเลปิ, ติรจฺฉานโยนิยํ ชาลกฺขิปกุมีนาทีหิ คหิตกาเลปิ, ปาจนกณฺฎกาทิปฺปหาราวิตุนฺนสฺส ปน สกฎวหนาทิกาเลปิ, เปตฺติวิสเย อเนกานิปิ วสฺสสหสฺสานิ เอกํ พุทฺธนฺตรมฺปิ ขุปฺปิปาสาหิ อาตุรีภูตกาเลปิ, กาลกญฺชิกอสุเรสุ สฎฺฐิหตฺถอสีติหตฺถปฺปมาเณน อฎฺฐิจมฺมมเตฺตเนว อตฺตภาเวน วาตาตปาทิทุกฺขานุภวนกาเลปิ น สกฺกา วีริยสโมฺพชฺฌงฺคํ อุปฺปาเทตุํฯ ‘อยเมว เต, ภิกฺขุ, กาโล วีริยกรณายา’ติ เอวํ อปายภยํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ วีริยสโมฺพชฺฌโงฺค อุปฺปชฺชติฯ ‘น สกฺกา กุสีเตน นว โลกุตฺตรธมฺมา ลทฺธุํ; อารทฺธวีริเยเนว สกฺกา; อยมานิสํโส วีริยสฺสา’ติ เอวํ อานิสํสทสฺสาวิโนปิ อุปฺปชฺชติฯ ‘สพฺพพุทฺธปเจฺจกพุทฺธมหาสาวเกเหว เต คตมโคฺค คนฺตโพฺพ; โส จ น สกฺกา กุสีเตน คนฺตุ’นฺติ เอวํ คมนวีถิํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติฯ ‘เย ตํ ปิณฺฑปาตาทีหิ อุปฎฺฐหนฺติ, อิเม เต มนุสฺสา เนว ญาตกา, น ทาสกมฺมกรา, นาปิ ตํ นิสฺสาย ‘ชีวิสฺสามา’ติ เต ปณีตานิ ปิณฺฑปาตาทีนิ เทนฺติ; อถ โข อตฺตโน การานํ มหปฺผลตํ ปจฺจาสิํสมานา เทนฺติฯ สตฺถาราปิ ‘อยํ อิเม ปจฺจเย ปริภุญฺชิตฺวา กายทฬฺหีพหุโล สุขํ วิหริสฺสตี’ติ น เอวญฺจ สมฺปสฺสตา ตุยฺหํ ปจฺจยา อนุญฺญตา; อถ โข ‘อยํ อิเม ปริภุญฺชมาโน สมณธมฺมํ กตฺวา วฎฺฎทุกฺขโต มุจฺจิสฺสตี’ติ เต ปจฺจยา อนุญฺญาตาฯ โส ทานิ ตฺวํ กุสีโต วิหรโนฺต น ตํ ปิณฺฑปาตํ อปจายิสฺสสิฯ อารทฺธวีริยเสฺสว หิ ปิณฺฑปาตาปจายนํ นาม โหตี’ติ เอวํ ปิณฺฑปาตาปจายนํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติ, มหามิตฺตเตฺถรสฺส วิยฯ

    Tattha nirayesu pañcavidhabandhanakammakāraṇato paṭṭhāya mahādukkhaṃ anubhavanakālepi, tiracchānayoniyaṃ jālakkhipakumīnādīhi gahitakālepi, pācanakaṇṭakādippahārāvitunnassa pana sakaṭavahanādikālepi, pettivisaye anekānipi vassasahassāni ekaṃ buddhantarampi khuppipāsāhi āturībhūtakālepi, kālakañjikaasuresu saṭṭhihatthaasītihatthappamāṇena aṭṭhicammamatteneva attabhāvena vātātapādidukkhānubhavanakālepi na sakkā vīriyasambojjhaṅgaṃ uppādetuṃ. ‘Ayameva te, bhikkhu, kālo vīriyakaraṇāyā’ti evaṃ apāyabhayaṃ paccavekkhantassāpi vīriyasambojjhaṅgo uppajjati. ‘Na sakkā kusītena nava lokuttaradhammā laddhuṃ; āraddhavīriyeneva sakkā; ayamānisaṃso vīriyassā’ti evaṃ ānisaṃsadassāvinopi uppajjati. ‘Sabbabuddhapaccekabuddhamahāsāvakeheva te gatamaggo gantabbo; so ca na sakkā kusītena gantu’nti evaṃ gamanavīthiṃ paccavekkhantassāpi uppajjati. ‘Ye taṃ piṇḍapātādīhi upaṭṭhahanti, ime te manussā neva ñātakā, na dāsakammakarā, nāpi taṃ nissāya ‘jīvissāmā’ti te paṇītāni piṇḍapātādīni denti; atha kho attano kārānaṃ mahapphalataṃ paccāsiṃsamānā denti. Satthārāpi ‘ayaṃ ime paccaye paribhuñjitvā kāyadaḷhībahulo sukhaṃ viharissatī’ti na evañca sampassatā tuyhaṃ paccayā anuññatā; atha kho ‘ayaṃ ime paribhuñjamāno samaṇadhammaṃ katvā vaṭṭadukkhato muccissatī’ti te paccayā anuññātā. So dāni tvaṃ kusīto viharanto na taṃ piṇḍapātaṃ apacāyissasi. Āraddhavīriyasseva hi piṇḍapātāpacāyanaṃ nāma hotī’ti evaṃ piṇḍapātāpacāyanaṃ paccavekkhantassāpi uppajjati, mahāmittattherassa viya.

    เถโร กิร กสฺสกเลเณ นาม ปฎิวสติฯ ตสฺส จ โคจรคาเม เอกา มหาอุปาสิกา เถรํ ปุตฺตํ กตฺวา ปฎิชคฺคติฯ สา เอกทิวสํ อรญฺญํ คจฺฉนฺตี ธีตรํ อาห – ‘‘อมฺม, อสุกสฺมิํ ฐาเน ปุราณตณฺฑุลา, อสุกสฺมิํ ขีรํ, อสุกสฺมิํ สปฺปิ, อสุกสฺมิํ ผาณิตํฯ ตว ภาติกสฺส อยฺยมิตฺตสฺส อาคตกาเล ภตฺตํ ปจิตฺวา ขีรสปฺปิผาณิเตหิ สทฺธิํ เทหิ , ตฺวญฺจ ภุเญฺชยฺยาสี’’ติฯ ‘‘ตฺวํ ปน กิํ ภุญฺชิสฺสสิ, อมฺมา’’ติ? ‘‘อหํ ปน หิโยฺย ปกฺกํ ปาริวาสิกภตฺตํ กญฺชิเยน ภุตฺตมฺหี’’ติฯ ‘‘ทิวา กิํ ภุญฺชิสฺสสิ, อมฺมา’’ติ? ‘‘สากปณฺณํ ปกฺขิปิตฺวา กณตณฺฑุเลหิ อมฺพิลยาคุํ ปจิตฺวา ฐเปหิ, อมฺมา’’ติฯ

    Thero kira kassakaleṇe nāma paṭivasati. Tassa ca gocaragāme ekā mahāupāsikā theraṃ puttaṃ katvā paṭijaggati. Sā ekadivasaṃ araññaṃ gacchantī dhītaraṃ āha – ‘‘amma, asukasmiṃ ṭhāne purāṇataṇḍulā, asukasmiṃ khīraṃ, asukasmiṃ sappi, asukasmiṃ phāṇitaṃ. Tava bhātikassa ayyamittassa āgatakāle bhattaṃ pacitvā khīrasappiphāṇitehi saddhiṃ dehi , tvañca bhuñjeyyāsī’’ti. ‘‘Tvaṃ pana kiṃ bhuñjissasi, ammā’’ti? ‘‘Ahaṃ pana hiyyo pakkaṃ pārivāsikabhattaṃ kañjiyena bhuttamhī’’ti. ‘‘Divā kiṃ bhuñjissasi, ammā’’ti? ‘‘Sākapaṇṇaṃ pakkhipitvā kaṇataṇḍulehi ambilayāguṃ pacitvā ṭhapehi, ammā’’ti.

    เถโร จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ นีหรโนฺตว ตํ สทฺทํ สุตฺวา อตฺตานํ โอวทิ – ‘มหาอุปาสิกา กิร กญฺชิเยน ปาริวาสิกภตฺตํ ภุญฺชิ; ทิวาปิ กณปณฺณมฺพิลยาคุํ ภุญฺชิสฺสติ; ตุยฺหํ อตฺถาย ปน ปุราณตณฺฑุลาทีนิ อาจิกฺขติฯ ตํ นิสฺสาย โข ปเนสา เนว เขตฺตํ, น วตฺถุํ, น ภตฺตํ, น วตฺถํ ปจฺจาสีสติ; ติโสฺส ปน สมฺปตฺติโย ปตฺถยมานา เทติฯ ตฺวํ เอติสฺสา ตา สมฺปตฺติโย ทาตุํ สกฺขิสฺสสิ, น สกฺขิสฺสสีติ? อยํ โข ปน ปิณฺฑปาโต ตยา สราเคน สโทเสน สโมเหน น สกฺกา ภุญฺชิตุ’นฺติ ปตฺตํ ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา คณฺฐิกํ มุญฺจิตฺวา นิวตฺติตฺวา กสฺสกเลณเมว คนฺตฺวา ปตฺตํ เหฎฺฐามเญฺจ จีวรํ จีวรวํเส ฐเปตฺวา ‘อรหตฺตํ อปาปุณิตฺวา น นิกฺขมิสฺสามี’ติ วีริยํ อธิฎฺฐหิตฺวา นิสีทิฯ ทีฆรตฺตํ อปฺปมโตฺต หุตฺวา นิวุตฺถภิกฺขุ วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา ปุเรภตฺตเมว อรหตฺตํ ปตฺวา วิกสมานมิว ปทุมํ มหาขีณาสโว สิตํ กโรโนฺตว นิสีทิฯ เลณทฺวาเร รุกฺขมฺหิ อธิวตฺถา เทวตา –

    Thero cīvaraṃ pārupitvā pattaṃ nīharantova taṃ saddaṃ sutvā attānaṃ ovadi – ‘mahāupāsikā kira kañjiyena pārivāsikabhattaṃ bhuñji; divāpi kaṇapaṇṇambilayāguṃ bhuñjissati; tuyhaṃ atthāya pana purāṇataṇḍulādīni ācikkhati. Taṃ nissāya kho panesā neva khettaṃ, na vatthuṃ, na bhattaṃ, na vatthaṃ paccāsīsati; tisso pana sampattiyo patthayamānā deti. Tvaṃ etissā tā sampattiyo dātuṃ sakkhissasi, na sakkhissasīti? Ayaṃ kho pana piṇḍapāto tayā sarāgena sadosena samohena na sakkā bhuñjitu’nti pattaṃ thavikāya pakkhipitvā gaṇṭhikaṃ muñcitvā nivattitvā kassakaleṇameva gantvā pattaṃ heṭṭhāmañce cīvaraṃ cīvaravaṃse ṭhapetvā ‘arahattaṃ apāpuṇitvā na nikkhamissāmī’ti vīriyaṃ adhiṭṭhahitvā nisīdi. Dīgharattaṃ appamatto hutvā nivutthabhikkhu vipassanaṃ vaḍḍhetvā purebhattameva arahattaṃ patvā vikasamānamiva padumaṃ mahākhīṇāsavo sitaṃ karontova nisīdi. Leṇadvāre rukkhamhi adhivatthā devatā –

    ‘‘นโม เต ปุริสาชญฺญ, นโม เต ปุริสุตฺตม;

    ‘‘Namo te purisājañña, namo te purisuttama;

    ยสฺส เต อาสวา ขีณา, ทกฺขิเณโยฺยสิ มาริสา’’ติฯ

    Yassa te āsavā khīṇā, dakkhiṇeyyosi mārisā’’ti.

    อุทานํ อุทาเนตฺวา – ‘ภเนฺต, ปิณฺฑาย ปวิฎฺฐานํ ตุมฺหาทิสานํ อรหนฺตานํ ภิกฺขํ ทตฺวา มหลฺลกิตฺถิโย ทุกฺขา มุจฺจิสฺสนฺตี’ติ อาหฯ

    Udānaṃ udānetvā – ‘bhante, piṇḍāya paviṭṭhānaṃ tumhādisānaṃ arahantānaṃ bhikkhaṃ datvā mahallakitthiyo dukkhā muccissantī’ti āha.

    เถโร อุฎฺฐหิตฺวา ทฺวารํ วิวริตฺวา กาลํ โอโลเกโนฺต ‘ปาโตเยวา’ติ ญตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย คามํ ปาวิสิฯ ทาริกาปิ ภตฺตํ สมฺปาเทตฺวา ‘อิทานิ เม ภาตา อาคมิสฺสติ, อิทานิ เม ภาตา อาคมิสฺสตีติ ทฺวารํ วิวริตฺวา โอโลกยมานา นิสีทิฯ สา, เถเร ฆรทฺวารํ สมฺปเตฺต, ปตฺตํ คเหตฺวา สปฺปิผาณิตโยชิตสฺส ขีรปิณฺฑปาตสฺส ปูเรตฺวา หเตฺถ ฐเปสิฯ เถโร ‘สุขํ โหตู’ติ อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิฯ สาปิ ตํ โอโลกยมานา อฎฺฐาสิฯ

    Thero uṭṭhahitvā dvāraṃ vivaritvā kālaṃ olokento ‘pātoyevā’ti ñatvā pattacīvaramādāya gāmaṃ pāvisi. Dārikāpi bhattaṃ sampādetvā ‘idāni me bhātā āgamissati, idāni me bhātā āgamissatīti dvāraṃ vivaritvā olokayamānā nisīdi. Sā, there gharadvāraṃ sampatte, pattaṃ gahetvā sappiphāṇitayojitassa khīrapiṇḍapātassa pūretvā hatthe ṭhapesi. Thero ‘sukhaṃ hotū’ti anumodanaṃ katvā pakkāmi. Sāpi taṃ olokayamānā aṭṭhāsi.

    เถรสฺส หิ ตทา อติวิย ปริสุโทฺธ ฉวิวโณฺณ อโหสิ, วิปฺปสนฺนานิ อินฺทฺริยานิ, มุขํ พนฺธนา มุตฺตตาลปกฺกํ วิย อติวิย วิโรจิตฺถฯ มหาอุปาสิกา อรญฺญา อาคนฺตฺวา – ‘‘กิํ, อมฺม, ภาติโก เต อาคโต’’ติ ปุจฺฉิฯ สา สพฺพํ ตํ ปวตฺติํ อาโรเจสิฯ อุปาสิกา ‘อชฺช เม ปุตฺตสฺส ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺต’นฺติ ญตฺวา ‘‘อภิรมติ เต, อมฺม, ภาตา พุทฺธสาสเน, น อุกฺกณฺฐตี’’ติ อาหฯ

    Therassa hi tadā ativiya parisuddho chavivaṇṇo ahosi, vippasannāni indriyāni, mukhaṃ bandhanā muttatālapakkaṃ viya ativiya virocittha. Mahāupāsikā araññā āgantvā – ‘‘kiṃ, amma, bhātiko te āgato’’ti pucchi. Sā sabbaṃ taṃ pavattiṃ ārocesi. Upāsikā ‘ajja me puttassa pabbajitakiccaṃ matthakaṃ patta’nti ñatvā ‘‘abhiramati te, amma, bhātā buddhasāsane, na ukkaṇṭhatī’’ti āha.

    มหนฺตํ โข ปเนตํ สตฺถุ ทายชฺชํ ยทิทํ สตฺต อริยธนานิ นามฯ ตํ น สกฺกา กุสีเตน คเหตุํฯ ยถา หิ วิปฺปฎิปนฺนํ ปุตฺตํ มาตาปิตโร ‘อยํ อมฺหากํ อปุโตฺต’ติ ปริพาหิรํ กโรนฺติ; โส เตสํ อจฺจเยน ทายชฺชํ น ลภติ; เอวํ กุสีโตปิ อิทํ อริยธนทายชฺชํ น ลภติ, อารทฺธวีริโยว ลภตีติ ทายชฺชมหตฺตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ อุปฺปชฺชติฯ ‘มหา โข ปน เต สตฺถาฯ สตฺถุโน หิ เต มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิคณฺหนกาเลปิ อภินิกฺขมเนปิ อภิสโมฺพธิยมฺปิ ธมฺมจกฺกปวตฺตนยมกปาฎิหาริยเทโวโรหนอายุสงฺขารโวสฺสชฺชเนสุปิ ปรินิพฺพานกาเลปิ ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปิตฺถฯ ยุตฺตํ นุ เต เอวรูปสฺส สตฺถุโน สาสเน ปพฺพชิตฺวา กุสีเตน ภวิตุ’นฺติ เอวํ สตฺถุมหตฺตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ อุปฺปชฺชติฯ

    Mahantaṃ kho panetaṃ satthu dāyajjaṃ yadidaṃ satta ariyadhanāni nāma. Taṃ na sakkā kusītena gahetuṃ. Yathā hi vippaṭipannaṃ puttaṃ mātāpitaro ‘ayaṃ amhākaṃ aputto’ti paribāhiraṃ karonti; so tesaṃ accayena dāyajjaṃ na labhati; evaṃ kusītopi idaṃ ariyadhanadāyajjaṃ na labhati, āraddhavīriyova labhatīti dāyajjamahattaṃ paccavekkhatopi uppajjati. ‘Mahā kho pana te satthā. Satthuno hi te mātukucchismiṃ paṭisandhigaṇhanakālepi abhinikkhamanepi abhisambodhiyampi dhammacakkapavattanayamakapāṭihāriyadevorohanaāyusaṅkhāravossajjanesupi parinibbānakālepi dasasahassilokadhātu kampittha. Yuttaṃ nu te evarūpassa satthuno sāsane pabbajitvā kusītena bhavitu’nti evaṃ satthumahattaṃ paccavekkhatopi uppajjati.

    ‘ชาติยาปิ ตฺวํ อิทานิ น ลามกชาติโกสิ; อสมฺภินฺนาย มหาสมฺมตปเวณิยา อาคเต โอกฺกากราชวํเส ชาโต; สิริสุโทฺธทนมหาราชสฺส จ มหามายาเทวิยา จ นตฺตา; ราหุลภทฺทสฺส กนิโฎฺฐฯ ตยา นาม เอวรูเปน ชินปุเตฺตน หุตฺวา น ยุตฺตํ กุสีเตน วิหริตุ’นฺติ เอวํ ชาติมหตฺตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ อุปฺปชฺชติฯ ‘สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เจว อสีติมหาสาวกา จ วีริเยเนว โลกุตฺตรธมฺมํ ปฎิวิชฺฌิํสุฯ ตฺวํ เอเตสํ สพฺรหฺมจารีนํ มคฺคํ ปฎิปชฺชสิ, นปฺปฎิปชฺชสี’ติ เอวํ สพฺรหฺมจาริมหตฺตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ อุปฺปชฺชติฯ

    ‘Jātiyāpi tvaṃ idāni na lāmakajātikosi; asambhinnāya mahāsammatapaveṇiyā āgate okkākarājavaṃse jāto; sirisuddhodanamahārājassa ca mahāmāyādeviyā ca nattā; rāhulabhaddassa kaniṭṭho. Tayā nāma evarūpena jinaputtena hutvā na yuttaṃ kusītena viharitu’nti evaṃ jātimahattaṃ paccavekkhatopi uppajjati. ‘Sāriputtamoggallānā ceva asītimahāsāvakā ca vīriyeneva lokuttaradhammaṃ paṭivijjhiṃsu. Tvaṃ etesaṃ sabrahmacārīnaṃ maggaṃ paṭipajjasi, nappaṭipajjasī’ti evaṃ sabrahmacārimahattaṃ paccavekkhatopi uppajjati.

    กุจฺฉิํ ปูเรตฺวา ฐิตอชครสทิเส วิสฺสฎฺฐกายิกเจตสิกวีริเย กุสีตปุคฺคเล ปริวเชฺชนฺตสฺสาปิ อารทฺธวีริเย ปหิตเตฺต ปุคฺคเล เสวนฺตสฺสาปิ ฐานนิสชฺชาทีสุ วิริยุปฺปาทนตฺถํ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติฯ เอวํ อุปฺปนฺนสฺส ปนสฺส อรหตฺตมเคฺคน ภาวนาปาริปูริ โหตีติ ปชานาติฯ

    Kucchiṃ pūretvā ṭhitaajagarasadise vissaṭṭhakāyikacetasikavīriye kusītapuggale parivajjentassāpi āraddhavīriye pahitatte puggale sevantassāpi ṭhānanisajjādīsu viriyuppādanatthaṃ ninnapoṇapabbhāracittassāpi uppajjati. Evaṃ uppannassa panassa arahattamaggena bhāvanāpāripūri hotīti pajānāti.

    ปีติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส –

    Pītisambojjhaṅgassa –

    ‘‘อตฺถิ , ภิกฺขเว, ปีติสโมฺพชฺฌงฺคฎฺฐานียา ธมฺมาฯ ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ปีติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา ปีติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒) –

    ‘‘Atthi , bhikkhave, pītisambojjhaṅgaṭṭhānīyā dhammā. Tattha yonisomanasikārabahulīkāro – ayamāhāro anuppannassa vā pītisambojjhaṅgassa uppādāya, uppannassa vā pītisambojjhaṅgassa bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattatī’’ti (saṃ. ni. 5.232) –

    เอวํ อุปฺปาโท โหติฯ ตตฺถ ปีติเยว ปีติสโมฺพชฺฌงฺคฎฺฐานียา ธมฺมา นามฯ ตสฺสา อุปฺปาทกมนสิกาโร โยนิโสมนสิกาโร นามฯ

    Evaṃ uppādo hoti. Tattha pītiyeva pītisambojjhaṅgaṭṭhānīyā dhammā nāma. Tassā uppādakamanasikāro yonisomanasikāro nāma.

    อปิจ เอกาทส ธมฺมา ปีติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ – พุทฺธานุสฺสติ, ธมฺมสงฺฆสีลจาคเทวตานุสฺสติ, อุปสมานุสฺสติ, ลูขปุคฺคลปริวชฺชนตา, สินิทฺธปุคฺคลเสวนตา, ปสาทนียสุตฺตนฺตปจฺจเวกฺขณตา, ตทธิมุตฺตตาติฯ

    Apica ekādasa dhammā pītisambojjhaṅgassa uppādāya saṃvattanti – buddhānussati, dhammasaṅghasīlacāgadevatānussati, upasamānussati, lūkhapuggalaparivajjanatā, siniddhapuggalasevanatā, pasādanīyasuttantapaccavekkhaṇatā, tadadhimuttatāti.

    พุทฺธคุเณ อนุสฺสรนฺตสฺสาปิ หิ ยาว อุปจารา สกลสรีรํ ผรมาโน ปีติสโมฺพชฺฌโงฺค อุปฺปชฺชติ; ธมฺมสงฺฆคุเณ อนุสฺสรนฺตสฺสาปิ, ทีฆรตฺตํ อกฺขณฺฑํ กตฺวา รกฺขิตํ จตุปาริสุทฺธิสีลํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, คิหิโน ทสสีลํ ปญฺจสีลํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, ทุพฺภิกฺขภยาทีสุ ปณีตํ โภชนํ สพฺรหฺมจารีนํ ทตฺวา ‘เอวํ นาม อทมฺหา’ติ จาคํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, คิหิโนปิ เอวรูเป กาเล สีลวนฺตานํ ทินฺนทานํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, เยหิ คุเณหิ สมนฺนาคตา เทวตา เทวตฺตํ ปตฺตา ตถารูปานํ คุณานํ อตฺตนิ อตฺถิตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภิเต กิเลเส สฎฺฐิปิ สตฺตติปิ วสฺสานิ น สมุทาจรนฺตีติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, เจติยทสฺสนโพธิทสฺสนเถรทสฺสเนสุ อสกฺกจฺจกิริยาย สํสูจิตลูขภาเว พุทฺธาทีสุ ปสาทสิเนหาภาเวน คทฺรภปิเฎฺฐ รชสทิเส ลูขปุคฺคเล ปริวเชฺชนฺตสฺสาปิ, พุทฺธาทีสุ ปสาทพหุเล มุทุจิเตฺต สินิทฺธปุคฺคเล เสวนฺตสฺสาปิ, รตนตฺตยคุณปริทีปเก ปสาทนียสุตฺตเนฺต ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, ฐานนิสชฺชาทีสุ ปีติอุปฺปาทนตฺถํ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติฯ เอวํ อุปฺปนฺนสฺส ปนสฺส อรหตฺตมเคฺคน ภาวนาปาริปูริ โหตีติ ปชานาติฯ

    Buddhaguṇe anussarantassāpi hi yāva upacārā sakalasarīraṃ pharamāno pītisambojjhaṅgo uppajjati; dhammasaṅghaguṇe anussarantassāpi, dīgharattaṃ akkhaṇḍaṃ katvā rakkhitaṃ catupārisuddhisīlaṃ paccavekkhantassāpi, gihino dasasīlaṃ pañcasīlaṃ paccavekkhantassāpi, dubbhikkhabhayādīsu paṇītaṃ bhojanaṃ sabrahmacārīnaṃ datvā ‘evaṃ nāma adamhā’ti cāgaṃ paccavekkhantassāpi, gihinopi evarūpe kāle sīlavantānaṃ dinnadānaṃ paccavekkhantassāpi, yehi guṇehi samannāgatā devatā devattaṃ pattā tathārūpānaṃ guṇānaṃ attani atthitaṃ paccavekkhantassāpi, samāpattiyā vikkhambhite kilese saṭṭhipi sattatipi vassāni na samudācarantīti paccavekkhantassāpi, cetiyadassanabodhidassanatheradassanesu asakkaccakiriyāya saṃsūcitalūkhabhāve buddhādīsu pasādasinehābhāvena gadrabhapiṭṭhe rajasadise lūkhapuggale parivajjentassāpi, buddhādīsu pasādabahule muducitte siniddhapuggale sevantassāpi, ratanattayaguṇaparidīpake pasādanīyasuttante paccavekkhantassāpi, ṭhānanisajjādīsu pītiuppādanatthaṃ ninnapoṇapabbhāracittassāpi uppajjati. Evaṃ uppannassa panassa arahattamaggena bhāvanāpāripūri hotīti pajānāti.

    ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส –

    Passaddhisambojjhaṅgassa –

    ‘‘อตฺถิ , ภิกฺขเว, กายปสฺสทฺธิ จิตฺตปสฺสทฺธิฯ ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒) –

    ‘‘Atthi , bhikkhave, kāyapassaddhi cittapassaddhi. Tattha yonisomanasikārabahulīkāro – ayamāhāro anuppannassa vā passaddhisambojjhaṅgassa uppādāya, uppannassa vā passaddhisambojjhaṅgassa bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattatī’’ti (saṃ. ni. 5.232) –

    เอวํ อุปฺปาโท โหติฯ อปิจ สตฺต ธมฺมา ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ – ปณีตโภชนเสวนตา, อุตุสุขเสวนตา , อิริยาปถสุขเสวนตา, มชฺฌตฺตปโยคตา, สารทฺธกายปุคฺคลปริวชฺชนตา, ปสฺสทฺธิกายปุคฺคลเสวนตา, ตทธิมุตฺตตาติฯ ปณีตญฺหิ สินิทฺธํ สปฺปายโภชนํ ภุญฺชนฺตสฺสาปิ, สีตุเณฺหสุ อุตูสุ ฐานาทีสุ จ อิริยาปเถสุ สปฺปายํ อุตุญฺจ อิริยาปถญฺจ เสวนฺตสฺสาปิ ปสฺสทฺธิ อุปฺปชฺชติฯ โย ปน มหาปุริสชาติโก สพฺพอุตุอิริยาปถกฺขโมว โหติ, น ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ ยสฺส สภาควิสภาคตา อตฺถิ, ตเสฺสว วิสภาเค อุตุอิริยาปเถ วเชฺชตฺวา สภาเค เสวนฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติฯ มชฺฌตฺตปโยโค วุจฺจติ อตฺตโน จ ปรสฺส จ กมฺมสฺสกตปจฺจเวกฺขณา; อิมินา มชฺฌตฺตปโยเคน อุปฺปชฺชติฯ โย เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปรํ วิเหฐยมาโนว วิจรติ, เอวรูปํ สารทฺธกายํ ปุคฺคลํ ปริวเชฺชนฺตสฺสาปิ, สํยตปาทปาณิํ ปสฺสทฺธกายํ ปุคฺคลํ เสวนฺตสฺสาปิ, ฐานนิสชฺชาทีสุ ปสฺสทฺธิอุปฺปาทนตฺถาย นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติฯ เอวํ อุปฺปนฺนสฺส ปนสฺส อรหตฺตมเคฺคน ภาวนาปาริปูริ โหตีติ ปชานาติฯ

    Evaṃ uppādo hoti. Apica satta dhammā passaddhisambojjhaṅgassa uppādāya saṃvattanti – paṇītabhojanasevanatā, utusukhasevanatā , iriyāpathasukhasevanatā, majjhattapayogatā, sāraddhakāyapuggalaparivajjanatā, passaddhikāyapuggalasevanatā, tadadhimuttatāti. Paṇītañhi siniddhaṃ sappāyabhojanaṃ bhuñjantassāpi, sītuṇhesu utūsu ṭhānādīsu ca iriyāpathesu sappāyaṃ utuñca iriyāpathañca sevantassāpi passaddhi uppajjati. Yo pana mahāpurisajātiko sabbautuiriyāpathakkhamova hoti, na taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Yassa sabhāgavisabhāgatā atthi, tasseva visabhāge utuiriyāpathe vajjetvā sabhāge sevantassāpi uppajjati. Majjhattapayogo vuccati attano ca parassa ca kammassakatapaccavekkhaṇā; iminā majjhattapayogena uppajjati. Yo leḍḍudaṇḍādīhi paraṃ viheṭhayamānova vicarati, evarūpaṃ sāraddhakāyaṃ puggalaṃ parivajjentassāpi, saṃyatapādapāṇiṃ passaddhakāyaṃ puggalaṃ sevantassāpi, ṭhānanisajjādīsu passaddhiuppādanatthāya ninnapoṇapabbhāracittassāpi uppajjati. Evaṃ uppannassa panassa arahattamaggena bhāvanāpāripūri hotīti pajānāti.

    สมาธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส –

    Samādhisambojjhaṅgassa –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, สมถนิมิตฺตํ อพฺยคฺคนิมิตฺตํฯ ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา สมาธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา สมาธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒) –

    ‘‘Atthi, bhikkhave, samathanimittaṃ abyagganimittaṃ. Tattha yonisomanasikārabahulīkāro – ayamāhāro anuppannassa vā samādhisambojjhaṅgassa uppādāya, uppannassa vā samādhisambojjhaṅgassa bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattatī’’ti (saṃ. ni. 5.232) –

    เอวํ อุปฺปาโท โหติฯ ตตฺถ สมโถว สมถนิมิตฺตํ, อวิเกฺขปเฎฺฐน จ อพฺยคฺคนิมิตฺตนฺติฯ

    Evaṃ uppādo hoti. Tattha samathova samathanimittaṃ, avikkhepaṭṭhena ca abyagganimittanti.

    อปิจ เอกาทส ธมฺมา สมาธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ – วตฺถุวิสทกิริยตา , อินฺทฺริยสมตฺตปฎิปาทนตา, นิมิตฺตกุสลตา, สมเย จิตฺตสฺส ปคฺคณฺหนตา, สมเย จิตฺตสฺส นิคฺคหณนตา, สมเย สมฺปหํสนตา, สมเย อชฺฌุเปกฺขณตา, อสมาหิตปุคฺคลปริวชฺชนตา, สมาหิตปุคฺคลเสวนตา, ฌานวิโมกฺขปจฺจเวกฺขณตา, ตทธิมุตฺตตาติฯ ตตฺถ วตฺถุวิสทกิริยตาอินฺทฺริยสมตฺตปฎิปาทนตา จ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ

    Apica ekādasa dhammā samādhisambojjhaṅgassa uppādāya saṃvattanti – vatthuvisadakiriyatā , indriyasamattapaṭipādanatā, nimittakusalatā, samaye cittassa paggaṇhanatā, samaye cittassa niggahaṇanatā, samaye sampahaṃsanatā, samaye ajjhupekkhaṇatā, asamāhitapuggalaparivajjanatā, samāhitapuggalasevanatā, jhānavimokkhapaccavekkhaṇatā, tadadhimuttatāti. Tattha vatthuvisadakiriyatā ca indriyasamattapaṭipādanatā ca vuttanayeneva veditabbā.

    นิมิตฺตกุสลตา นาม กสิณนิมิตฺตสฺส อุคฺคหณกุสลตาฯ สมเย จิตฺตสฺส ปคฺคหณนตาติ ยสฺมิํ สมเย อติสิถิลวีริยตาทีหิ ลีนํ จิตฺตํ โหติ, ตสฺมิํ สมเย ธมฺมวิจยวีริยปีติสโมฺพชฺฌงฺคสมุฎฺฐาปเนน ตสฺส ปคฺคณฺหนํฯ สมเย จิตฺตสฺส นิคฺคหณนตาติ ยสฺมิํ สมเย อจฺจารทฺธวีริยตาทีหิ อุทฺธฎํ จิตฺตํ โหติ, ตสฺมิํ สมเย ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคสมุฎฺฐาปเนน ตสฺส นิคฺคณฺหนํฯ สมเย สมฺปหํสนตาติ ยสฺมิํ สมเย จิตฺตํ ปญฺญาปโยคมนฺทตาย วา อุปสมสุขานธิคเมน วา นิรสฺสาทํ โหติ, ตสฺมิํ สมเย อฎฺฐสํเวควตฺถุปจฺจเวกฺขเณน สํเวเชติฯ อฎฺฐ สํเวควตฺถูนิ นาม ชาติชราพฺยาธิมรณานิ จตฺตาริ, อปายทุกฺขํ ปญฺจมํ, อตีเต วฎฺฎมูลกํ ทุกฺขํ, อนาคเต วฎฺฎมูลกํ ทุกฺขํ, ปจฺจุปฺปเนฺน อาหารปริเยฎฺฐิมูลกํ ทุกฺขนฺติฯ รตนตฺตยคุณานุสฺสรเณน จ ปสาทํ ชเนติฯ อยํ วุจฺจติ สมเย สมฺปหํสนตาติฯ

    Nimittakusalatā nāma kasiṇanimittassa uggahaṇakusalatā. Samaye cittassa paggahaṇanatāti yasmiṃ samaye atisithilavīriyatādīhi līnaṃ cittaṃ hoti, tasmiṃ samaye dhammavicayavīriyapītisambojjhaṅgasamuṭṭhāpanena tassa paggaṇhanaṃ. Samaye cittassa niggahaṇanatāti yasmiṃ samaye accāraddhavīriyatādīhi uddhaṭaṃ cittaṃ hoti, tasmiṃ samaye passaddhisamādhiupekkhāsambojjhaṅgasamuṭṭhāpanena tassa niggaṇhanaṃ. Samaye sampahaṃsanatāti yasmiṃ samaye cittaṃ paññāpayogamandatāya vā upasamasukhānadhigamena vā nirassādaṃ hoti, tasmiṃ samaye aṭṭhasaṃvegavatthupaccavekkhaṇena saṃvejeti. Aṭṭha saṃvegavatthūni nāma jātijarābyādhimaraṇāni cattāri, apāyadukkhaṃ pañcamaṃ, atīte vaṭṭamūlakaṃ dukkhaṃ, anāgate vaṭṭamūlakaṃ dukkhaṃ, paccuppanne āhārapariyeṭṭhimūlakaṃ dukkhanti. Ratanattayaguṇānussaraṇena ca pasādaṃ janeti. Ayaṃ vuccati samaye sampahaṃsanatāti.

    สมเย อชฺฌุเปกฺขนตา นาม ยสฺมิํ สมเย สมฺมาปฎิปตฺติํ อาคมฺม อลีนํ อนุทฺธฎํ อนิรสฺสาทํ อารมฺมเณ สมปฺปวตฺตํ สมถวีถิปฎิปนฺนํ จิตฺตํ โหติ, ตทายํ ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ น พฺยาปารํ อาปชฺชติ สารถี วิย สมปฺปวเตฺตสุ อเสฺสสุฯ อยํ วุจฺจติ สมเย อชฺฌุเปกฺขนตาติฯ อสมาหิตปุคฺคลปริวชฺชนตา นาม อุปจารํ วา อปฺปนํ วา อปฺปตฺตานํ วิกฺขิตฺตจิตฺตานํ ปุคฺคลานํ อารกา ปริวชฺชนํฯ สมาหิตปุคฺคลเสวนตา นาม อุปจาเรน วา อปฺปนาย วา สมาหิตจิตฺตานํ เสวนา ภชนา ปยิรุปาสนาฯ ตทธิมุตฺตตา นาม ฐานนิสชฺชาทีสุ สมาธิอุปฺปาทนตฺถํเยว นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตตาฯ เอวญฺหิ ปฎิปชฺชโต เอส อุปฺปชฺชติฯ เอวํ อุปฺปนฺนสฺส ปนสฺส อรหตฺตมเคฺคน ภาวนาปาริปูริ โหตีติ ปชานาติฯ

    Samaye ajjhupekkhanatā nāma yasmiṃ samaye sammāpaṭipattiṃ āgamma alīnaṃ anuddhaṭaṃ anirassādaṃ ārammaṇe samappavattaṃ samathavīthipaṭipannaṃ cittaṃ hoti, tadāyaṃ paggahaniggahasampahaṃsanesu na byāpāraṃ āpajjati sārathī viya samappavattesu assesu. Ayaṃ vuccati samaye ajjhupekkhanatāti. Asamāhitapuggalaparivajjanatā nāma upacāraṃ vā appanaṃ vā appattānaṃ vikkhittacittānaṃ puggalānaṃ ārakā parivajjanaṃ. Samāhitapuggalasevanatā nāma upacārena vā appanāya vā samāhitacittānaṃ sevanā bhajanā payirupāsanā. Tadadhimuttatā nāma ṭhānanisajjādīsu samādhiuppādanatthaṃyeva ninnapoṇapabbhāracittatā. Evañhi paṭipajjato esa uppajjati. Evaṃ uppannassa panassa arahattamaggena bhāvanāpāripūri hotīti pajānāti.

    อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคสฺส –

    Upekkhāsambojjhaṅgassa –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคฎฺฐานียา ธมฺมาฯ ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒) –

    ‘‘Atthi, bhikkhave, upekkhāsambojjhaṅgaṭṭhānīyā dhammā. Tattha yonisomanasikārabahulīkāro – ayamāhāro anuppannassa vā upekkhāsambojjhaṅgassa uppādāya, uppannassa vā upekkhāsambojjhaṅgassa bhiyyobhāvāya vepullāya bhāvanāya pāripūriyā saṃvattatī’’ti (saṃ. ni. 5.232) –

    เอวํ อุปฺปาโท โหติฯ ตตฺถ อุเปกฺขาว อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคฎฺฐานียา ธมฺมา นามฯ อปิจ ปญฺจ ธมฺมา อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ – สตฺตมชฺฌตฺตตา, สงฺขารมชฺฌตฺตตา, สตฺตสงฺขารเกลายนปุคฺคลปริวชฺชนตา, สตฺตสงฺขารมชฺฌตฺตปุคฺคลเสวนตา, ตทธิมุตฺตตาติฯ

    Evaṃ uppādo hoti. Tattha upekkhāva upekkhāsambojjhaṅgaṭṭhānīyā dhammā nāma. Apica pañca dhammā upekkhāsambojjhaṅgassa uppādāya saṃvattanti – sattamajjhattatā, saṅkhāramajjhattatā, sattasaṅkhārakelāyanapuggalaparivajjanatā, sattasaṅkhāramajjhattapuggalasevanatā, tadadhimuttatāti.

    ตตฺถ ทฺวีหากาเรหิ สตฺตมชฺฌตฺตตํ สมุฎฺฐาเปติ – ‘ตฺวํ อตฺตโน กเมฺมน อาคนฺตฺวา อตฺตโนว กเมฺมน คมิสฺสสิฯ เอโสปิ อตฺตโน กเมฺมน อาคนฺตฺวา อตฺตโนว กเมฺมน คมิสฺสติฯ ตฺวํ กํ เกลายสี’ติ เอวํ กมฺมสฺสกตปจฺจเวกฺขเณน จ ‘ปรมตฺถโต สโตฺตเยว นตฺถิฯ โส ตฺวํ กํ เกลายสี’ติ เอวํ นิสฺสตฺตปจฺจเวกฺขเณน จฯ ทฺวีเหวากาเรหิ สงฺขารมชฺฌตฺตตํ สมุฎฺฐาเปติ – ‘อิทํ จีวรํ อนุปุเพฺพน วณฺณวิการเญฺจว ชิณฺณภาวญฺจ อุปคนฺตฺวา ปาทปุญฺฉนโจฬกํ หุตฺวา ยฎฺฐิโกฎิยา ฉฑฺฑนียํ ภวิสฺสติฯ สเจ ปนสฺส สามิโก ภเวยฺย, นาสฺส เอวํ วินสฺสิตุํ ทเทยฺยา’ติ เอวํ อสฺสามิกภาวปจฺจเวกฺขเณน จฯ ‘อนทฺธนิยํ อิทํ ตาวกาลิก’นฺติ เอวํ ตาวกาลิกภาวปจฺจเวกฺขเณน จฯ ยถา จ จีวเร, เอวํ ปตฺตาทีสุปิ โยชนา กาตพฺพาฯ

    Tattha dvīhākārehi sattamajjhattataṃ samuṭṭhāpeti – ‘tvaṃ attano kammena āgantvā attanova kammena gamissasi. Esopi attano kammena āgantvā attanova kammena gamissati. Tvaṃ kaṃ kelāyasī’ti evaṃ kammassakatapaccavekkhaṇena ca ‘paramatthato sattoyeva natthi. So tvaṃ kaṃ kelāyasī’ti evaṃ nissattapaccavekkhaṇena ca. Dvīhevākārehi saṅkhāramajjhattataṃ samuṭṭhāpeti – ‘idaṃ cīvaraṃ anupubbena vaṇṇavikārañceva jiṇṇabhāvañca upagantvā pādapuñchanacoḷakaṃ hutvā yaṭṭhikoṭiyā chaḍḍanīyaṃ bhavissati. Sace panassa sāmiko bhaveyya, nāssa evaṃ vinassituṃ dadeyyā’ti evaṃ assāmikabhāvapaccavekkhaṇena ca. ‘Anaddhaniyaṃ idaṃ tāvakālika’nti evaṃ tāvakālikabhāvapaccavekkhaṇena ca. Yathā ca cīvare, evaṃ pattādīsupi yojanā kātabbā.

    สตฺตสงฺขารเกลายนปุคฺคลปริวชฺชนตาติ เอตฺถ โย ปุคฺคโล คิหี วา อตฺตโน ปุตฺตธีตาทิเก, ปพฺพชิโต วา อตฺตโน อเนฺตวาสิกสมานุปชฺฌายกาทิเก มมายติ, สหเตฺถเนว เนสํ เกสเจฺฉทนสูจิกมฺมจีวรโธวนรชนปตฺตปจนาทีนิ กโรติ, มุหุตฺตมฺปิ อปสฺสโนฺต ‘อสุโก สามเณโร กุหิํ? อสุโก ทหโร กุหิ’นฺติ? ภนฺตมิโค วิย อิโต จิโต จ อาโลเกติ; อเญฺญน เกสเจฺฉทนาทีนํ อตฺถาย ‘มุหุตฺตํ ตาว อสุกํ เปเสถา’ติ ยาจิยมาโนปิ ‘อเมฺหปิ ตํ อตฺตโน กมฺมํ น กาเรม, ตุเมฺห นํ คเหตฺวา กิลเมสฺสถา’ติ น เทติ – อยํ สตฺตเกลายโน นามฯ

    Sattasaṅkhārakelāyanapuggalaparivajjanatāti ettha yo puggalo gihī vā attano puttadhītādike, pabbajito vā attano antevāsikasamānupajjhāyakādike mamāyati, sahattheneva nesaṃ kesacchedanasūcikammacīvaradhovanarajanapattapacanādīni karoti, muhuttampi apassanto ‘asuko sāmaṇero kuhiṃ? Asuko daharo kuhi’nti? Bhantamigo viya ito cito ca āloketi; aññena kesacchedanādīnaṃ atthāya ‘muhuttaṃ tāva asukaṃ pesethā’ti yāciyamānopi ‘amhepi taṃ attano kammaṃ na kārema, tumhe naṃ gahetvā kilamessathā’ti na deti – ayaṃ sattakelāyano nāma.

    โย ปน จีวรปตฺตถาลกกตฺตรยฎฺฐิอาทีนิ มมายติ, อญฺญสฺส หเตฺถน ปรามสิตุมฺปิ น เทติ, ตาวกาลิกํ ยาจิโตปิ ‘มยมฺปิ อิมํ มมายนฺตา น ปริภุญฺชาม, ตุมฺหากํ กิํ ทสฺสามา’ติ วทติ – อยํ สงฺขารเกลายโน นามฯ โย ปน เตสุ ทฺวีสุปิ วตฺถูสุ มชฺฌโตฺต อุทาสีโน – อยํ สตฺตสงฺขารมชฺฌโตฺต นามฯ อิติ อยํ อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌโงฺค เอวรูเป สตฺตสงฺขารเกลายนปุคฺคเล อารกา ปริวเชฺชนฺตสฺสาปิ, สตฺตสงฺขารมชฺฌตฺตปุคฺคเล เสวนฺตสฺสาปิ, ฐานนิสชฺชาทีสุ ตทุปฺปาทนตฺถํ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติฯ เอวํ อุปฺปนฺนสฺส ปนสฺส อรหตฺตมเคฺคน ภาวนาปาริปูริ โหตีติ ปชานาติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ

    Yo pana cīvarapattathālakakattarayaṭṭhiādīni mamāyati, aññassa hatthena parāmasitumpi na deti, tāvakālikaṃ yācitopi ‘mayampi imaṃ mamāyantā na paribhuñjāma, tumhākaṃ kiṃ dassāmā’ti vadati – ayaṃ saṅkhārakelāyano nāma. Yo pana tesu dvīsupi vatthūsu majjhatto udāsīno – ayaṃ sattasaṅkhāramajjhatto nāma. Iti ayaṃ upekkhāsambojjhaṅgo evarūpe sattasaṅkhārakelāyanapuggale ārakā parivajjentassāpi, sattasaṅkhāramajjhattapuggale sevantassāpi, ṭhānanisajjādīsu taduppādanatthaṃ ninnapoṇapabbhāracittassāpi uppajjati. Evaṃ uppannassa panassa arahattamaggena bhāvanāpāripūri hotīti pajānāti. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.

    โพชฺฌงฺคปพฺพวณฺณนาฯ

    Bojjhaṅgapabbavaṇṇanā.

    อิเมสุปิ ทฺวีสุ ปเพฺพสุ สุทฺธวิปสฺสนาว กถิตาฯ อิติ อิเม จตฺตาโร สติปฎฺฐานา ปุพฺพภาเค นานาจิเตฺตสุ ลพฺภนฺติฯ อเญฺญเนว หิ จิเตฺตน กายํ ปริคฺคณฺหาติ, อเญฺญน เวทนํ, อเญฺญน จิตฺตํ, อเญฺญน ธเมฺม ปริคฺคณฺหาติ; โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ ปน เอกจิเตฺตเยว ลพฺภนฺติฯ อาทิโต หิ กายํ ปริคฺคณฺหิตฺวา อาคตสฺส วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตา สติ กายานุปสฺสนา นามฯ ตาย สติยา สมนฺนาคโต ปุคฺคโล กายานุปสฺสี นามฯ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อริยมคฺคํ ปตฺตสฺส มคฺคกฺขเณ มคฺคสมฺปยุตฺตา สติ กายนุปสฺสนา นามฯ ตาย สติยา สมนฺนาคโต ปุคฺคโล กายานุปสฺสี นามฯ เวทนํ ปริคฺคณฺหิตฺวา…ฯ จิตฺตํ ปริคฺคณฺหิตฺวา…ฯ ธเมฺม ปริคฺคณฺหิตฺวา อาคตสฺส วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตา สติ ธมฺมานุปสฺสนา นามฯ ตาย สติยา สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ธมฺมานุปสฺสี นามฯ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อริยมคฺคํ ปตฺตสฺส มคฺคกฺขเณ มคฺคสมฺปยุตฺตา สติ ธมฺมานุปสฺสนา นามฯ ตาย สติยา สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ธมฺมานุปสฺสี นามฯ เอวํ ตาว เทสนา ปุคฺคเล ติฎฺฐติฯ กาเย ปน ‘สุภ’นฺติ วิปลฺลาสปฺปหานา กายปริคฺคาหิกา สติ มเคฺคน สมิชฺฌตีติ กายานุปสฺสนา นามฯ เวทนาย ‘สุข’นฺติ วิปลฺลาสปฺปหานา เวทนาปริคฺคาหิกา สติ มเคฺคน สมิชฺฌตีติ เวทนานุปสฺสนา นามฯ จิเตฺต ‘นิจฺจ’นฺติ วิปลฺลาสปฺปหานา จิตฺตปริคฺคาหิกา สติ มเคฺคน สมิชฺฌตีติ จิตฺตานุปสฺสนา นามฯ ธเมฺมสุ ‘อตฺตา’ติ วิปลฺลาสปฺปหานา ธมฺมปริคฺคาหิกา สติ มเคฺคน สมิชฺฌตีติ ธมฺมานุปสฺสนา นามฯ อิติ เอกาว มคฺคสมฺปยุตฺตา สติ จตุกิจฺจสาธนเฎฺฐน จตฺตาริ นามานิ ลภติฯ เตน วุตฺตํ – ‘โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ ปน เอกจิเตฺตเยว ลพฺภนฺตี’ติฯ

    Imesupi dvīsu pabbesu suddhavipassanāva kathitā. Iti ime cattāro satipaṭṭhānā pubbabhāge nānācittesu labbhanti. Aññeneva hi cittena kāyaṃ pariggaṇhāti, aññena vedanaṃ, aññena cittaṃ, aññena dhamme pariggaṇhāti; lokuttaramaggakkhaṇe pana ekacitteyeva labbhanti. Ādito hi kāyaṃ pariggaṇhitvā āgatassa vipassanāsampayuttā sati kāyānupassanā nāma. Tāya satiyā samannāgato puggalo kāyānupassī nāma. Vipassanaṃ ussukkāpetvā ariyamaggaṃ pattassa maggakkhaṇe maggasampayuttā sati kāyanupassanā nāma. Tāya satiyā samannāgato puggalo kāyānupassī nāma. Vedanaṃ pariggaṇhitvā…. Cittaṃ pariggaṇhitvā…. Dhamme pariggaṇhitvā āgatassa vipassanāsampayuttā sati dhammānupassanā nāma. Tāya satiyā samannāgato puggalo dhammānupassī nāma. Vipassanaṃ ussukkāpetvā ariyamaggaṃ pattassa maggakkhaṇe maggasampayuttā sati dhammānupassanā nāma. Tāya satiyā samannāgato puggalo dhammānupassī nāma. Evaṃ tāva desanā puggale tiṭṭhati. Kāye pana ‘subha’nti vipallāsappahānā kāyapariggāhikā sati maggena samijjhatīti kāyānupassanā nāma. Vedanāya ‘sukha’nti vipallāsappahānā vedanāpariggāhikā sati maggena samijjhatīti vedanānupassanā nāma. Citte ‘nicca’nti vipallāsappahānā cittapariggāhikā sati maggena samijjhatīti cittānupassanā nāma. Dhammesu ‘attā’ti vipallāsappahānā dhammapariggāhikā sati maggena samijjhatīti dhammānupassanā nāma. Iti ekāva maggasampayuttā sati catukiccasādhanaṭṭhena cattāri nāmāni labhati. Tena vuttaṃ – ‘lokuttaramaggakkhaṇe pana ekacitteyeva labbhantī’ti.

    สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนาฯ

    Suttantabhājanīyavaṇṇanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๗. สติปฎฺฐานวิภโงฺค • 7. Satipaṭṭhānavibhaṅgo

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๗. สติปฎฺฐานวิภโงฺค • 7. Satipaṭṭhānavibhaṅgo

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๗. สติปฎฺฐานวิภโงฺค • 7. Satipaṭṭhānavibhaṅgo


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact