Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā |
ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa
อภิธมฺมปิฎเก
Abhidhammapiṭake
สโมฺมหวิโนทนี นาม
Sammohavinodanī nāma
วิภงฺค-อฎฺฐกถา
Vibhaṅga-aṭṭhakathā
๑. ขนฺธวิภโงฺค
1. Khandhavibhaṅgo
๑. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา
1. Suttantabhājanīyavaṇṇanā
จตุสจฺจทโส นาโถ, จตุธา ธมฺมสงฺคณิํ;
Catusaccadaso nātho, catudhā dhammasaṅgaṇiṃ;
ปกาสยิตฺวา สมฺพุโทฺธ, ตเสฺสว สมนนฺตรํฯ
Pakāsayitvā sambuddho, tasseva samanantaraṃ.
อุเปโต พุทฺธธเมฺมหิ, อฎฺฐารสหิ นายโก;
Upeto buddhadhammehi, aṭṭhārasahi nāyako;
อฎฺฐารสนฺนํ ขนฺธาทิ-วิภงฺคานํ วเสน ยํฯ
Aṭṭhārasannaṃ khandhādi-vibhaṅgānaṃ vasena yaṃ.
วิภงฺคํ เทสยี สตฺถา, ตสฺส สํวณฺณนากฺกโม;
Vibhaṅgaṃ desayī satthā, tassa saṃvaṇṇanākkamo;
อิทานิ ยสฺมา สมฺปโตฺต, ตสฺมา ตสฺสตฺถวณฺณนํฯ
Idāni yasmā sampatto, tasmā tassatthavaṇṇanaṃ.
กริสฺสามิ วิคาเหตฺวา, โปราณฎฺฐกถานยํ;
Karissāmi vigāhetvā, porāṇaṭṭhakathānayaṃ;
สทฺธเมฺม คารวํ กตฺวา, ตํ สุณาถ สมาหิตาติฯ
Saddhamme gāravaṃ katvā, taṃ suṇātha samāhitāti.
๑. ปญฺจกฺขนฺธา – รูปกฺขโนฺธ…เป.… วิญฺญาณกฺขโนฺธติ อิทํ วิภงฺคปฺปกรณสฺส อาทิภูเต ขนฺธวิภเงฺค สุตฺตนฺตภาชนียํ นามฯ ตตฺถ ปญฺจาติ คณนปริเจฺฉโทฯ เตน น ตโต เหฎฺฐา น อุทฺธนฺติ ทเสฺสติฯ ขนฺธาติ ปริจฺฉินฺนธมฺมนิทสฺสนํฯ ตตฺรายํ ขนฺธ-สโทฺท สมฺพหุเลสุ ฐาเนสุ ทิสฺสติ – ราสิมฺหิ, คุเณ, ปณฺณตฺติยํ, รุฬฺหิยนฺติฯ ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหาสมุเทฺท น สุกรํ อุทกสฺส ปมาณํ คเหตุํ – เอตฺตกานิ อุทกาฬฺหกานีติ วา เอตฺตกานิ อุทกาฬฺหกสตานีติ วา เอตฺตกานิ อุทกาฬฺหกสหสฺสานีติ วา เอตฺตกานิ อุทกาฬฺหกสตสหสฺสานีติ วา, อถ โข อสเงฺขฺยโยฺย อปฺปเมโยฺย มหาอุทกกฺขโนฺธเตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๕๑; ๖.๓๗) หิ ราสิโต ขโนฺธ นามฯ นหิ ปริตฺตกํ อุทกํ อุทกกฺขโนฺธติ วุจฺจติ, พหุกเมว วุจฺจติฯ ตถา น ปริตฺตโก รโช รชกฺขโนฺธ, น อปฺปมตฺตกา คาโว ควกฺขโนฺธ, น อปฺปมตฺตกํ พลํ พลกฺขโนฺธ, น อปฺปมตฺตกํ ปุญฺญํ ปุญฺญกฺขโนฺธติ วุจฺจติฯ พหุกเมว หิ รโช รชกฺขโนฺธ, พหุกาว ควาทโย ควกฺขโนฺธ, พลกฺขโนฺธ, ปุญฺญกฺขโนฺธติ วุจฺจนฺติฯ ‘‘สีลกฺขโนฺธ สมาธิกฺขโนฺธ’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๕๕) ปน คุณโต ขโนฺธ นามฯ ‘‘อทฺทสา โข ภควา มหนฺตํ ทารุกฺขนฺธํ คงฺคาย นทิยา โสเตน วุยฺหมาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๒๔๑)ฯ เอตฺถ ปณฺณตฺติโต ขโนฺธ นามฯ ‘‘ยํ จิตฺตํ มโน มานสํ…เป.… วิญฺญาณํ วิญฺญาณกฺขโนฺธ’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๖๓, ๖๕) รุฬฺหิโต ขโนฺธ นามฯ สฺวายมิธ ราสิโต อธิเปฺปโตฯ อยญฺหิ ขนฺธโฎฺฐ นาม ปิณฺฑโฎฺฐ ปูคโฎฺฐ ฆฎโฎฺฐ ราสโฎฺฐฯ ตสฺมา ‘ราสิลกฺขณา ขนฺธา’ติ เวทิตพฺพาฯ โกฎฺฐาสโฎฺฐติปิ วตฺตุํ วฎฺฎติ; โลกสฺมิญฺหิ อิณํ คเหตฺวา โจทิยมานา ‘ทฺวีหิ ขเนฺธหิ ทสฺสาม, ตีหิ ขเนฺธหิ ทสฺสามา’ติ วทนฺติฯ อิติ ‘โกฎฺฐาสลกฺขณา ขนฺธา’ติปิ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ เอวเมตฺถ รูปกฺขโนฺธติ รูปราสิ รูปโกฎฺฐาโส, เวทนากฺขโนฺธติ เวทนาราสิ เวทนาโกฎฺฐาโสติ อิมินา นเยน สญฺญากฺขนฺธาทีนํ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
1. Pañcakkhandhā – rūpakkhandho…pe… viññāṇakkhandhoti idaṃ vibhaṅgappakaraṇassa ādibhūte khandhavibhaṅge suttantabhājanīyaṃ nāma. Tattha pañcāti gaṇanaparicchedo. Tena na tato heṭṭhā na uddhanti dasseti. Khandhāti paricchinnadhammanidassanaṃ. Tatrāyaṃ khandha-saddo sambahulesu ṭhānesu dissati – rāsimhi, guṇe, paṇṇattiyaṃ, ruḷhiyanti. ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, mahāsamudde na sukaraṃ udakassa pamāṇaṃ gahetuṃ – ettakāni udakāḷhakānīti vā ettakāni udakāḷhakasatānīti vā ettakāni udakāḷhakasahassānīti vā ettakāni udakāḷhakasatasahassānīti vā, atha kho asaṅkhyeyyo appameyyo mahāudakakkhandhotveva saṅkhyaṃ gacchatī’’tiādīsu (a. ni. 4.51; 6.37) hi rāsito khandho nāma. Nahi parittakaṃ udakaṃ udakakkhandhoti vuccati, bahukameva vuccati. Tathā na parittako rajo rajakkhandho, na appamattakā gāvo gavakkhandho, na appamattakaṃ balaṃ balakkhandho, na appamattakaṃ puññaṃ puññakkhandhoti vuccati. Bahukameva hi rajo rajakkhandho, bahukāva gavādayo gavakkhandho, balakkhandho, puññakkhandhoti vuccanti. ‘‘Sīlakkhandho samādhikkhandho’’tiādīsu (dī. ni. 3.355) pana guṇato khandho nāma. ‘‘Addasā kho bhagavā mahantaṃ dārukkhandhaṃ gaṅgāya nadiyā sotena vuyhamāna’’nti (saṃ. ni. 4.241). Ettha paṇṇattito khandho nāma. ‘‘Yaṃ cittaṃ mano mānasaṃ…pe… viññāṇaṃ viññāṇakkhandho’’tiādīsu (dha. sa. 63, 65) ruḷhito khandho nāma. Svāyamidha rāsito adhippeto. Ayañhi khandhaṭṭho nāma piṇḍaṭṭho pūgaṭṭho ghaṭaṭṭho rāsaṭṭho. Tasmā ‘rāsilakkhaṇā khandhā’ti veditabbā. Koṭṭhāsaṭṭhotipi vattuṃ vaṭṭati; lokasmiñhi iṇaṃ gahetvā codiyamānā ‘dvīhi khandhehi dassāma, tīhi khandhehi dassāmā’ti vadanti. Iti ‘koṭṭhāsalakkhaṇā khandhā’tipi vattuṃ vaṭṭati. Evamettha rūpakkhandhoti rūparāsi rūpakoṭṭhāso, vedanākkhandhoti vedanārāsi vedanākoṭṭhāsoti iminā nayena saññākkhandhādīnaṃ attho veditabbo.
เอตฺตาวตา สมฺมาสมฺพุโทฺธ ยฺวายํ ‘‘จตฺตาโร จ มหาภูตา จตุนฺนญฺจ มหาภูตานํ อุปาทายรูป’’นฺติ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนาทีสุ เอกาทสสุ โอกาเสสุ วิภโตฺต ‘ปญฺจวีสติ รูปโกฎฺฐาสา’ติ จ ‘ฉนฺนวุติ รูปโกฎฺฐาสา’ติ จ เอวํปเภโท รูปราสิ, ตํ สพฺพํ ปริปิเณฺฑตฺวา รูปกฺขโนฺธ นามาติ ทเสฺสสิฯ โย ปนายํ ‘‘สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา, อทุกฺขมสุขา เวทนา’’ติ เตสุเยว เอกาทสสุ โอกาเสสุ วิภโตฺต จตุภูมิกเวทนาราสิ, ตํ สพฺพํ ปริปิเณฺฑตฺวา เวทนากฺขโนฺธ นามาติ ทเสฺสสิฯ โย ปนายํ ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา สญฺญา…เป.… มโนสมฺผสฺสชา สญฺญา’’ติ เตสุเยว เอกาทสสุ โอกาเสสุ วิภโตฺต จตุภูมิกสญฺญาราสิ , ตํ สพฺพํ ปริปิเณฺฑตฺวา สญฺญากฺขโนฺธ นามาติ ทเสฺสสิฯ โย ปนายํ ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เจตนา…เป.… มโนสมฺผสฺสชา เจตนา’’ติ เตสุเยว เอกาทสสุ โอกาเสสุ วิภโตฺต จตุภูมิกเจตนาราสิ, ตํ สพฺพํ ปริปิเณฺฑตฺวา สงฺขารกฺขโนฺธ นามาติ ทเสฺสสิฯ โย ปนายํ ‘‘จกฺขุวิญฺญาณํ, โสตฆานชิวฺหากายวิญฺญาณํ, มโนธาตุ, มโนวิญฺญาณธาตู’’ติ เตสุเยว เอกาทสสุ โอกาเสสุ วิภโตฺต จตุภูมิกจิตฺตราสิ, ตํ สพฺพํ ปริปิเณฺฑตฺวา วิญฺญาณกฺขโนฺธ นามาติ ทเสฺสสิฯ
Ettāvatā sammāsambuddho yvāyaṃ ‘‘cattāro ca mahābhūtā catunnañca mahābhūtānaṃ upādāyarūpa’’nti atītānāgatapaccuppannādīsu ekādasasu okāsesu vibhatto ‘pañcavīsati rūpakoṭṭhāsā’ti ca ‘channavuti rūpakoṭṭhāsā’ti ca evaṃpabhedo rūparāsi, taṃ sabbaṃ paripiṇḍetvā rūpakkhandho nāmāti dassesi. Yo panāyaṃ ‘‘sukhā vedanā, dukkhā vedanā, adukkhamasukhā vedanā’’ti tesuyeva ekādasasu okāsesu vibhatto catubhūmikavedanārāsi, taṃ sabbaṃ paripiṇḍetvā vedanākkhandho nāmāti dassesi. Yo panāyaṃ ‘‘cakkhusamphassajā saññā…pe… manosamphassajā saññā’’ti tesuyeva ekādasasu okāsesu vibhatto catubhūmikasaññārāsi , taṃ sabbaṃ paripiṇḍetvā saññākkhandho nāmāti dassesi. Yo panāyaṃ ‘‘cakkhusamphassajā cetanā…pe… manosamphassajā cetanā’’ti tesuyeva ekādasasu okāsesu vibhatto catubhūmikacetanārāsi, taṃ sabbaṃ paripiṇḍetvā saṅkhārakkhandho nāmāti dassesi. Yo panāyaṃ ‘‘cakkhuviññāṇaṃ, sotaghānajivhākāyaviññāṇaṃ, manodhātu, manoviññāṇadhātū’’ti tesuyeva ekādasasu okāsesu vibhatto catubhūmikacittarāsi, taṃ sabbaṃ paripiṇḍetvā viññāṇakkhandho nāmāti dassesi.
อปิเจตฺถ สพฺพมฺปิ จตุสมุฎฺฐานิกํ รูปํ รูปกฺขโนฺธ, กามาวจรอฎฺฐกุสลจิตฺตาทีหิ เอกูนนวุติจิเตฺตหิ สหชาตา เวทนา เวทนากฺขโนฺธ, สญฺญา สญฺญากฺขโนฺธ, ผสฺสาทโย ธมฺมา สงฺขารกฺขโนฺธ, เอกูนนวุติ จิตฺตานิ วิญฺญาณกฺขโนฺธติฯ เอวมฺปิ ปญฺจสุ ขเนฺธสุ ธมฺมปริเจฺฉโท เวทิตโพฺพฯ
Apicettha sabbampi catusamuṭṭhānikaṃ rūpaṃ rūpakkhandho, kāmāvacaraaṭṭhakusalacittādīhi ekūnanavuticittehi sahajātā vedanā vedanākkhandho, saññā saññākkhandho, phassādayo dhammā saṅkhārakkhandho, ekūnanavuti cittāni viññāṇakkhandhoti. Evampi pañcasu khandhesu dhammaparicchedo veditabbo.
๑. รูปกฺขนฺธนิเทฺทโส
1. Rūpakkhandhaniddeso
๒. อิทานิ เต รูปกฺขนฺธาทโย วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ตตฺถ กตโม รูปกฺขโนฺธติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ ปญฺจสุ ขเนฺธสุฯ กตโมติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาฯ รูปกฺขโนฺธติ ปุจฺฉิตธมฺมนิทสฺสนํฯ อิทานิ ตํ วิภชโนฺต ยํ กิญฺจิ รูปนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยํ กิญฺจีติ อนวเสสปริยาทานํฯ รูปนฺติ อติปฺปสงฺคนิยมนํฯ เอวํ ปททฺวเยนาปิ รูปสฺส อนวเสสปริคฺคโห กโต โหติฯ
2. Idāni te rūpakkhandhādayo vibhajitvā dassetuṃ tattha katamo rūpakkhandhotiādimāha. Tattha tatthāti tesu pañcasu khandhesu. Katamoti kathetukamyatāpucchā. Rūpakkhandhoti pucchitadhammanidassanaṃ. Idāni taṃ vibhajanto yaṃ kiñci rūpantiādimāha. Tattha yaṃ kiñcīti anavasesapariyādānaṃ. Rūpanti atippasaṅganiyamanaṃ. Evaṃ padadvayenāpi rūpassa anavasesapariggaho kato hoti.
ตตฺถ เกนเฎฺฐน รูปนฺติ? รุปฺปนเฎฺฐน รูปํฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –
Tattha kenaṭṭhena rūpanti? Ruppanaṭṭhena rūpaṃ. Vuttañhetaṃ bhagavatā –
‘‘กิญฺจ , ภิกฺขเว, รูปํ วเทถ? รุปฺปตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา รูปนฺติ วุจฺจติฯ เกน รุปฺปติ? สีเตนปิ รุปฺปติ, อุเณฺหนปิ รุปฺปติ, ชิฆจฺฉายปิ รุปฺปติ, ปิปาสายปิ รุปฺปติ, ฑํสมกสวาตาตปสริสปสมฺผเสฺสนปิ รุปฺปติฯ รุปฺปตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา รูปนฺติ วุจฺจตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗๙)ฯ
‘‘Kiñca , bhikkhave, rūpaṃ vadetha? Ruppatīti kho, bhikkhave, tasmā rūpanti vuccati. Kena ruppati? Sītenapi ruppati, uṇhenapi ruppati, jighacchāyapi ruppati, pipāsāyapi ruppati, ḍaṃsamakasavātātapasarisapasamphassenapi ruppati. Ruppatīti kho, bhikkhave, tasmā rūpanti vuccatī’’ti (saṃ. ni. 3.79).
ตตฺถ กินฺติ การณปุจฺฉา; เกน การเณน รูปํ วเทถ, เกน การเณน ตํ รูปํ นามาติ อโตฺถฯ รุปฺปตีติ เอตฺถ อิตีติ การณุเทฺทโสฯ ยสฺมา รุปฺปติ ตสฺมา รูปนฺติ วุจฺจตีติ อโตฺถฯ รุปฺปตีติ กุปฺปติ ฆฎฺฎียติ ปีฬิยติ ภิชฺชตีติ อโตฺถฯ เอวํ อิมินา เอตฺตเกน ฐาเนน รุปฺปนเฎฺฐน รูปํ วุตฺตํฯ รุปฺปนลกฺขเณน รูปนฺติปิ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ รุปฺปนลกฺขณเญฺหตํฯ
Tattha kinti kāraṇapucchā; kena kāraṇena rūpaṃ vadetha, kena kāraṇena taṃ rūpaṃ nāmāti attho. Ruppatīti ettha itīti kāraṇuddeso. Yasmā ruppati tasmā rūpanti vuccatīti attho. Ruppatīti kuppati ghaṭṭīyati pīḷiyati bhijjatīti attho. Evaṃ iminā ettakena ṭhānena ruppanaṭṭhena rūpaṃ vuttaṃ. Ruppanalakkhaṇena rūpantipi vattuṃ vaṭṭati. Ruppanalakkhaṇañhetaṃ.
สีเตนปิ รุปฺปตีติอาทีสุ ปน สีเตน ตาว รุปฺปนํ โลกนฺตริกนิรเย ปากฎํฯ ติณฺณํ ติณฺณญฺหิ จกฺกวาฬานํ อนฺตเร เอเกโก โลกนฺตริกนิรโย นาม โหติ อฎฺฐโยชนสหสฺสปฺปมาโณ, ยสฺส เนว เหฎฺฐา ปถวี อตฺถิ, น อุปริ จนฺทิมสูริยทีปมณิอาโลโก, นิจฺจนฺธกาโรฯ ตตฺถ นิพฺพตฺตสตฺตานํ ติคาวุโต อตฺตภาโว โหติฯ เต วคฺคุลิโย วิย ปพฺพตปาเท ทีฆปุถุเลหิ นเขหิ ลคฺคิตฺวา อวํสิรา โอลมฺพนฺติฯ ยทา สํสปฺปนฺตา อญฺญมญฺญสฺส หตฺถปาสคตา โหนฺติ อถ ‘ภโกฺข โน ลโทฺธ’ติ มญฺญมานา ตตฺถ พฺยาวฎา วิปริวตฺติตฺวา โลกสนฺธารเก อุทเก ปตนฺติ, สีตวาเต ปหรเนฺตปิ ปกฺกมธุกผลานิ วิย ฉิชฺชิตฺวา อุทเก ปตนฺติฯ ปติตมตฺตาว อจฺจนฺตขาเรน สีโตทเกน ฉินฺนจมฺมนฺหารุมํสอฎฺฐีหิ ภิชฺชมาเนหิ ตตฺตเตเล ปติตปิฎฺฐปิณฺฑิ วิย ปฎปฎายมานา วิลียนฺติฯ เอวํ สีเตน รุปฺปนํ โลกนฺตริกนิรเย ปากฎํฯ มหิํสกรฎฺฐาทีสุปิ หิมปาตสีตเลสุ ปเทเสสุ เอตํ ปากฎเมวฯ ตตฺถ หิ สตฺตา สีเตน ภินฺนจฺฉินฺนสรีรา ชีวิตกฺขยมฺปิ ปาปุณนฺติฯ
Sītenapiruppatītiādīsu pana sītena tāva ruppanaṃ lokantarikaniraye pākaṭaṃ. Tiṇṇaṃ tiṇṇañhi cakkavāḷānaṃ antare ekeko lokantarikanirayo nāma hoti aṭṭhayojanasahassappamāṇo, yassa neva heṭṭhā pathavī atthi, na upari candimasūriyadīpamaṇiāloko, niccandhakāro. Tattha nibbattasattānaṃ tigāvuto attabhāvo hoti. Te vagguliyo viya pabbatapāde dīghaputhulehi nakhehi laggitvā avaṃsirā olambanti. Yadā saṃsappantā aññamaññassa hatthapāsagatā honti atha ‘bhakkho no laddho’ti maññamānā tattha byāvaṭā viparivattitvā lokasandhārake udake patanti, sītavāte paharantepi pakkamadhukaphalāni viya chijjitvā udake patanti. Patitamattāva accantakhārena sītodakena chinnacammanhārumaṃsaaṭṭhīhi bhijjamānehi tattatele patitapiṭṭhapiṇḍi viya paṭapaṭāyamānā vilīyanti. Evaṃ sītena ruppanaṃ lokantarikaniraye pākaṭaṃ. Mahiṃsakaraṭṭhādīsupi himapātasītalesu padesesu etaṃ pākaṭameva. Tattha hi sattā sītena bhinnacchinnasarīrā jīvitakkhayampi pāpuṇanti.
อุเณฺหน รุปฺปนํ อวีจิมหานิรเย ปากฎํฯ ตตฺถ หิ ตตฺตาย โลหปถวิยา นิปชฺชาเปตฺวา ปญฺจวิธพนฺธนาทิกรณกาเล สตฺตา มหาทุกฺขํ อนุภวนฺติฯ
Uṇhena ruppanaṃ avīcimahāniraye pākaṭaṃ. Tattha hi tattāya lohapathaviyā nipajjāpetvā pañcavidhabandhanādikaraṇakāle sattā mahādukkhaṃ anubhavanti.
ชิฆจฺฉาย รุปฺปนํ เปตฺติวิสเย เจว ทุพฺภิกฺขกาเล จ ปากฎํฯ เปตฺติวิสยสฺมิญฺหิ สตฺตา เทฺว ตีณิ พุทฺธนฺตรานิ กิญฺจิเทว อามิสํ หเตฺถน คเหตฺวา มุเข ปกฺขิปนฺตา นาม น โหนฺติ ฯ อโนฺตอุทรํ อาทิตฺตสุสิรรุโกฺข วิย โหติฯ ทุพฺภิเกฺข กญฺชิกมตฺตมฺปิ อลภิตฺวา มรณปฺปตฺตานํ ปมาณํ นาม นตฺถิฯ
Jighacchāya ruppanaṃ pettivisaye ceva dubbhikkhakāle ca pākaṭaṃ. Pettivisayasmiñhi sattā dve tīṇi buddhantarāni kiñcideva āmisaṃ hatthena gahetvā mukhe pakkhipantā nāma na honti . Antoudaraṃ ādittasusirarukkho viya hoti. Dubbhikkhe kañjikamattampi alabhitvā maraṇappattānaṃ pamāṇaṃ nāma natthi.
ปิปาสาย รุปฺปนํ กาลกญฺชิกาทีสุ ปากฎํฯ ตตฺถ หิ สตฺตา เทฺว ตีณิ พุทฺธนฺตรานิ หทยเตมนมตฺตํ วา ชิวฺหาเตมนมตฺตํ วา อุทกพินฺทุํ ลทฺธุํ น สโกฺกนฺติฯ ‘ปานียํ ปิวิสฺสามา’ติ นทิํ คตานมฺปิ นที วาลิกาตลํ สมฺปชฺชติฯ มหาสมุทฺทํ ปกฺขนฺตานมฺปิ มหาสมุโทฺท ปิฎฺฐิปาสาโณ โหติฯ เต สุสฺสนฺตา พลวทุกฺขปีฬิตา วิจรนฺติฯ
Pipāsāya ruppanaṃ kālakañjikādīsu pākaṭaṃ. Tattha hi sattā dve tīṇi buddhantarāni hadayatemanamattaṃ vā jivhātemanamattaṃ vā udakabinduṃ laddhuṃ na sakkonti. ‘Pānīyaṃ pivissāmā’ti nadiṃ gatānampi nadī vālikātalaṃ sampajjati. Mahāsamuddaṃ pakkhantānampi mahāsamuddo piṭṭhipāsāṇo hoti. Te sussantā balavadukkhapīḷitā vicaranti.
เอโก กิร กาลกญฺชิกอสุโร ปิปาสํ อธิวาเสตุํ อสโกฺกโนฺต โยชนคมฺภีรวิตฺถารํ มหาคงฺคํ โอตริฯ ตสฺส คตคตฎฺฐาเน อุทกํ ฉิชฺชติ, ธูโม อุคฺคจฺฉติ, ตเตฺต ปิฎฺฐิปาสาเณ จงฺกมนกาโล วิย โหติฯ ตสฺส อุทกสทฺทํ สุตฺวา อิโต จิโต จ วิจรนฺตเสฺสว รตฺติ วิภายิฯ อถ นํ ปาโตว ภิกฺขาจารํ คจฺฉนฺตา ติํสมตฺตา ปิณฺฑจาริกภิกฺขู ทิสฺวา – ‘‘โก นาม ตฺวํ, สปฺปุริสา’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ ‘‘เปโตหมสฺมิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กิํ ปริเยสสี’’ติ? ‘‘ปานียํ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘อยํ คงฺคา ปริปุณฺณา, กิํ ตฺวํ น ปสฺสสี’’ติ? ‘‘น อุปกปฺปติ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เตน หิ คงฺคาปิเฎฺฐ นิปชฺช, มุเข เต ปานียํ อาสิญฺจิสฺสามา’’ติฯ โส วาลิกาปุฬิเน อุตฺตาโน นิปชฺชิฯ ภิกฺขู ติํสมเตฺต ปเตฺต นีหริตฺวา อุทกํ อาหริตฺวา อาหริตฺวา ตสฺส มุเข อาสิญฺจิํสุฯ เตสํ ตถา กโรนฺตานํเยว เวลา อุปกฎฺฐา ชาตาฯ ตโต ‘‘ภิกฺขาจารกาโล อมฺหากํ, สปฺปุริส; กจฺจิ เต อสฺสาทมตฺตา ลทฺธา’’ติ อาหํสุฯ เปโต ‘‘สเจ เม, ภเนฺต, ติํสมตฺตานํ อยฺยานํ ติํสมเตฺตหิ ปเตฺตหิ อาสิตฺตอุทกโต อฑฺฒปสตมตฺตมฺปิ ปรคลคตํ, เปตตฺตภาวโต โมโกฺข มา โหตู’’ติ อาหฯ เอวํ ปิปาสาย รุปฺปนํ เปตฺติวิสเย ปากฎํฯ
Eko kira kālakañjikaasuro pipāsaṃ adhivāsetuṃ asakkonto yojanagambhīravitthāraṃ mahāgaṅgaṃ otari. Tassa gatagataṭṭhāne udakaṃ chijjati, dhūmo uggacchati, tatte piṭṭhipāsāṇe caṅkamanakālo viya hoti. Tassa udakasaddaṃ sutvā ito cito ca vicarantasseva ratti vibhāyi. Atha naṃ pātova bhikkhācāraṃ gacchantā tiṃsamattā piṇḍacārikabhikkhū disvā – ‘‘ko nāma tvaṃ, sappurisā’’ti pucchiṃsu. ‘‘Petohamasmi, bhante’’ti. ‘‘Kiṃ pariyesasī’’ti? ‘‘Pānīyaṃ, bhante’’ti. ‘‘Ayaṃ gaṅgā paripuṇṇā, kiṃ tvaṃ na passasī’’ti? ‘‘Na upakappati, bhante’’ti. ‘‘Tena hi gaṅgāpiṭṭhe nipajja, mukhe te pānīyaṃ āsiñcissāmā’’ti. So vālikāpuḷine uttāno nipajji. Bhikkhū tiṃsamatte patte nīharitvā udakaṃ āharitvā āharitvā tassa mukhe āsiñciṃsu. Tesaṃ tathā karontānaṃyeva velā upakaṭṭhā jātā. Tato ‘‘bhikkhācārakālo amhākaṃ, sappurisa; kacci te assādamattā laddhā’’ti āhaṃsu. Peto ‘‘sace me, bhante, tiṃsamattānaṃ ayyānaṃ tiṃsamattehi pattehi āsittaudakato aḍḍhapasatamattampi paragalagataṃ, petattabhāvato mokkho mā hotū’’ti āha. Evaṃ pipāsāya ruppanaṃ pettivisaye pākaṭaṃ.
ฑํสาทีหิ รุปฺปนํ ฑํสมกฺขิกาทิสมฺพพหุเลสุ ปเทเสสุ ปากฎํฯ เอตฺถ จ ฑํสาติ ปิงฺคลมกฺขิกา, มกสาติ มกสาว วาตาติ กุจฺฉิวาตปิฎฺฐิวาตาทิวเสน เวทิตพฺพาฯ สรีรสฺมิญฺหิ วาตโรโค อุปฺปชฺชิตฺวา หตฺถปาทปิฎฺฐิอาทีนิ ภินฺทติ, กาณํ กโรติ, ขุชฺชํ กโรติ, ปีฐสปฺปิํ กโรติฯ อาตโปติ สูริยาตโปฯ เตน รุปฺปนํ มรุกนฺตาราทีสุ ปากฎํฯ เอกา กิร อิตฺถี มรุกนฺตาเร รตฺติํ สตฺถโต โอหีนา ทิวา สูริเย อุคฺคจฺฉเนฺต วาลิกาย ตปฺปมานาย ปาเท ฐเปตุํ อสโกฺกนฺตี สีสโต ปจฺฉิํ โอตาเรตฺวา อกฺกมิฯ กเมน ปจฺฉิยา อุณฺหาภิตตฺตาย ฐาตุํ อสโกฺกนฺตี ตสฺสา อุปริ สาฎกํ ฐเปตฺวา อกฺกมิฯ ตสฺมิมฺปิ สนฺตเตฺต อเงฺกน คหิตํ ปุตฺตกํ อโธมุขํ นิปชฺชาเปตฺวา กนฺทนฺตํ กนฺทนฺตํ อกฺกมิตฺวา สทฺธิํ เตน ตสฺมิํเยว ฐาเน อุณฺหาภิตตฺตา กาลมกาสิฯ
Ḍaṃsādīhi ruppanaṃ ḍaṃsamakkhikādisambabahulesu padesesu pākaṭaṃ. Ettha ca ḍaṃsāti piṅgalamakkhikā, makasāti makasāva vātāti kucchivātapiṭṭhivātādivasena veditabbā. Sarīrasmiñhi vātarogo uppajjitvā hatthapādapiṭṭhiādīni bhindati, kāṇaṃ karoti, khujjaṃ karoti, pīṭhasappiṃ karoti. Ātapoti sūriyātapo. Tena ruppanaṃ marukantārādīsu pākaṭaṃ. Ekā kira itthī marukantāre rattiṃ satthato ohīnā divā sūriye uggacchante vālikāya tappamānāya pāde ṭhapetuṃ asakkontī sīsato pacchiṃ otāretvā akkami. Kamena pacchiyā uṇhābhitattāya ṭhātuṃ asakkontī tassā upari sāṭakaṃ ṭhapetvā akkami. Tasmimpi santatte aṅkena gahitaṃ puttakaṃ adhomukhaṃ nipajjāpetvā kandantaṃ kandantaṃ akkamitvā saddhiṃ tena tasmiṃyeva ṭhāne uṇhābhitattā kālamakāsi.
สรีสปาติ เย เกจิ ทีฆชาติกา สรนฺตา คจฺฉนฺติฯ เตสํ สมฺผเสฺสน รุปฺปนํ อาสีวิสทฎฺฐาทีนํ วเสน เวทิตพฺพํฯ
Sarīsapāti ye keci dīghajātikā sarantā gacchanti. Tesaṃ samphassena ruppanaṃ āsīvisadaṭṭhādīnaṃ vasena veditabbaṃ.
อิทานิ ‘ยํ กิญฺจิ รูป’นฺติ ปเทน สํคหิตํ ปญฺจวีสติโกฎฺฐาสฉนฺนวุติโกฎฺฐาสปฺปเภทํ สพฺพมฺปิ รูปํ อตีตาทิโกฎฺฐาเสสุ ปกฺขิปิตฺวา ทเสฺสตุํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนนฺติ อาหฯ ตโต ปรํ ตเทว อชฺฌตฺตทุกาทีสุ จตูสุ ทุเกสุ ปกฺขิปิตฺวา ทเสฺสตุํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วาติอาทิ วุตฺตํฯ ตโต ปรํ สพฺพเมฺปตํ เอกาทสสุ ปเทเสสุ ปริยาทิยิตฺวา ทสฺสิตํ รูปํ เอกโต ปิณฺฑํ กตฺวา ทเสฺสตุํ ตเทกชฺฌนฺติอาทิ วุตฺตํฯ
Idāni ‘yaṃ kiñci rūpa’nti padena saṃgahitaṃ pañcavīsatikoṭṭhāsachannavutikoṭṭhāsappabhedaṃ sabbampi rūpaṃ atītādikoṭṭhāsesu pakkhipitvā dassetuṃ atītānāgatapaccuppannanti āha. Tato paraṃ tadeva ajjhattadukādīsu catūsu dukesu pakkhipitvā dassetuṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vātiādi vuttaṃ. Tato paraṃ sabbampetaṃ ekādasasu padesesu pariyādiyitvā dassitaṃ rūpaṃ ekato piṇḍaṃ katvā dassetuṃ tadekajjhantiādi vuttaṃ.
ตตฺถ ตเทกชฺฌนฺติ ตํ เอกชฺฌํ; อภิสญฺญูหิตฺวาติ อภิสํหริตฺวา; อภิสงฺขิปิตฺวาติ สเงฺขปํ กตฺวา; อิทํ วุตฺตํ โหติ – สพฺพเมฺปตํ วุตฺตปฺปการํ รูปํ รุปฺปนลกฺขณสงฺขาเต เอกวิธภาเว ปญฺญาย ราสิํ กตฺวา รูปกฺขโนฺธ นามาติ วุจฺจตีติฯ เอเตน สพฺพมฺปิ รูปํ รุปฺปนลกฺขเณ ราสิภาวูปคมเนน รูปกฺขโนฺธติ ทสฺสิตํ โหติฯ น หิ รูปโต อโญฺญ รูปกฺขโนฺธ นาม อตฺถิฯ ยถา จ รูปํ, เอวํ เวทนาทโยปิ เวทยิตลกฺขณาทีสุ ราสิภาวูปคมเนนฯ น หิ เวทนาทีหิ อเญฺญ เวทนากฺขนฺธาทโย นาม อตฺถิฯ
Tattha tadekajjhanti taṃ ekajjhaṃ; abhisaññūhitvāti abhisaṃharitvā; abhisaṅkhipitvāti saṅkhepaṃ katvā; idaṃ vuttaṃ hoti – sabbampetaṃ vuttappakāraṃ rūpaṃ ruppanalakkhaṇasaṅkhāte ekavidhabhāve paññāya rāsiṃ katvā rūpakkhandho nāmāti vuccatīti. Etena sabbampi rūpaṃ ruppanalakkhaṇe rāsibhāvūpagamanena rūpakkhandhoti dassitaṃ hoti. Na hi rūpato añño rūpakkhandho nāma atthi. Yathā ca rūpaṃ, evaṃ vedanādayopi vedayitalakkhaṇādīsu rāsibhāvūpagamanena. Na hi vedanādīhi aññe vedanākkhandhādayo nāma atthi.
๓. อิทานิ เอเกกสฺมิํ โอกาเส ปกฺขิตฺตํ รูปํ วิสุํ วิสุํ ภาเชตฺวา ทเสฺสโนฺต ตตฺถ กตมํ รูปํ อตีตนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เอกาทสสุ โอกาเสสุ ปกฺขิปิตฺวา ฐปิตมาติกาย ภุมฺมํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนนฺติอาทินา นเยน ฐปิตาย มาติกาย ยํ อตีตํ รูปนฺติ วุตฺตํ, ตํ กตมนฺติ? อิมินา อุปาเยน สพฺพปุจฺฉาสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อตีตํ นิรุทฺธนฺติอาทีนิ ปทานิ นิเกฺขปกณฺฑสฺส อตีตตฺติกภาชนียวณฺณนายํ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๑๐๔๔) วุตฺตาเนวฯ จตฺตาโร จ มหาภูตาติ อิทํ อตีตนฺติ วุตฺตรูปสฺส สภาวทสฺสนํฯ ยถา เจตฺถ เอวํ สพฺพตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อิมินา อิทํ ทเสฺสติ – อตีตรูปมฺปิ ภูตานิ เจว ภูตานิ อุปาทาย นิพฺพตฺตรูปญฺจ, อนาคตมฺปิ…เป.… ทูรสนฺติกมฺปิ ฯ น หิ ภูเตหิ เจว ภูตานิ อุปาทาย ปวตฺตรูปโต จ อญฺญํ รูปํ นาม อตฺถีติฯ
3. Idāni ekekasmiṃ okāse pakkhittaṃ rūpaṃ visuṃ visuṃ bhājetvā dassento tattha katamaṃ rūpaṃ atītantiādimāha. Tattha tatthāti ekādasasu okāsesu pakkhipitvā ṭhapitamātikāya bhummaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – atītānāgatapaccuppannantiādinā nayena ṭhapitāya mātikāya yaṃ atītaṃ rūpanti vuttaṃ, taṃ katamanti? Iminā upāyena sabbapucchāsu attho veditabbo. Atītaṃ niruddhantiādīni padāni nikkhepakaṇḍassa atītattikabhājanīyavaṇṇanāyaṃ (dha. sa. aṭṭha. 1044) vuttāneva. Cattāro ca mahābhūtāti idaṃ atītanti vuttarūpassa sabhāvadassanaṃ. Yathā cettha evaṃ sabbattha attho veditabbo. Iminā idaṃ dasseti – atītarūpampi bhūtāni ceva bhūtāni upādāya nibbattarūpañca, anāgatampi…pe… dūrasantikampi . Na hi bhūtehi ceva bhūtāni upādāya pavattarūpato ca aññaṃ rūpaṃ nāma atthīti.
อปโร นโย – อตีตํเสน สงฺคหิตนฺติ อตีตโกฎฺฐาเสเนว สงฺคหิตํ, เอเตฺถว คณนํ คตํฯ กินฺติ? จตฺตาโร จ มหาภูตา จตุนฺนญฺจ มหาภูตานํ อุปาทายรูปนฺติฯ เอวํ สพฺพตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อนาคตปจฺจุปฺปนฺนนิเทฺทสปทานิปิ เหฎฺฐา วุตฺตตฺถาเนวฯ
Aparo nayo – atītaṃsena saṅgahitanti atītakoṭṭhāseneva saṅgahitaṃ, ettheva gaṇanaṃ gataṃ. Kinti? Cattāro ca mahābhūtā catunnañca mahābhūtānaṃ upādāyarūpanti. Evaṃ sabbattha attho veditabbo. Anāgatapaccuppannaniddesapadānipi heṭṭhā vuttatthāneva.
อิทํ ปน อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ นาม สุตฺตนฺตปริยายโต อภิธมฺมนิเทฺทสโตติ ทุวิธํฯ ตํ สุตฺตนฺตปริยาเย ภเวน ปริจฺฉินฺนํฯ ปฎิสนฺธิโต หิ ปฎฺฐาย อตีตภเวสุ นิพฺพตฺตํ รูปํ, อนนฺตรภเว วา นิพฺพตฺตํ โหตุ กปฺปโกฎิสตสหสฺสมตฺถเก วา, สพฺพํ อตีตเมว นามฯ จุติโต ปฎฺฐาย อนาคตภเวสุ นิพฺพตฺตนกรูปํ, อนนฺตรภเว วา นิพฺพตฺตํ โหตุ กปฺปโกฎิสตสหสฺสมตฺถเก วา, สพฺพํ อนาคตเมว นามฯ จุติปฎิสนฺธิอนนฺตเร ปวตฺตรูปํ ปจฺจุปฺปนฺนํ นามฯ อภิธมฺมนิเทฺทเส ปน ขเณน ปริจฺฉินฺนํฯ ตโย หิ รูปสฺส ขณา – อุปฺปาโท, ฐิติ, ภโงฺคติฯ อิเม ตโย ขเณ ปตฺวา นิรุทฺธํ รูปํ, สมนนฺตรนิรุทฺธํ วา โหตุ อตีเต กปฺปโกฎิสตสหสฺสมตฺถเก วา, สพฺพํ อตีตเมว นามฯ ตโย ขเณ อสมฺปตฺตํ รูปํ, เอกจิตฺตกฺขณมเตฺตน วา อสมฺปตฺตํ โหตุ อนาคเต กปฺปโกฎิสตสหสฺสมตฺถเก วา, สพฺพํ อนาคตเมว นามฯ อิเม ตโย ขเณ สมฺปตฺตํ รูปํ ปน ปจฺจุปฺปนฺนํ นามฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ อิทํ สุตฺตนฺตภาชนียํ, เอวํ สเนฺตปิ อภิธมฺมนิเทฺทเสเนว อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนรูปํ นิทฺทิฎฺฐนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Idaṃ pana atītānāgatapaccuppannaṃ nāma suttantapariyāyato abhidhammaniddesatoti duvidhaṃ. Taṃ suttantapariyāye bhavena paricchinnaṃ. Paṭisandhito hi paṭṭhāya atītabhavesu nibbattaṃ rūpaṃ, anantarabhave vā nibbattaṃ hotu kappakoṭisatasahassamatthake vā, sabbaṃ atītameva nāma. Cutito paṭṭhāya anāgatabhavesu nibbattanakarūpaṃ, anantarabhave vā nibbattaṃ hotu kappakoṭisatasahassamatthake vā, sabbaṃ anāgatameva nāma. Cutipaṭisandhianantare pavattarūpaṃ paccuppannaṃ nāma. Abhidhammaniddese pana khaṇena paricchinnaṃ. Tayo hi rūpassa khaṇā – uppādo, ṭhiti, bhaṅgoti. Ime tayo khaṇe patvā niruddhaṃ rūpaṃ, samanantaraniruddhaṃ vā hotu atīte kappakoṭisatasahassamatthake vā, sabbaṃ atītameva nāma. Tayo khaṇe asampattaṃ rūpaṃ, ekacittakkhaṇamattena vā asampattaṃ hotu anāgate kappakoṭisatasahassamatthake vā, sabbaṃ anāgatameva nāma. Ime tayo khaṇe sampattaṃ rūpaṃ pana paccuppannaṃ nāma. Tattha kiñcāpi idaṃ suttantabhājanīyaṃ, evaṃ santepi abhidhammaniddeseneva atītānāgatapaccuppannarūpaṃ niddiṭṭhanti veditabbaṃ.
อปโร นโย – อิทญฺหิ รูปํ อทฺธาสนฺตติสมยขณวเสน จตุธา อตีตํ นาม โหติฯ ตถา อนาคตปจฺจุปฺปนฺนํฯ อทฺธาวเสน ตาว เอกสฺส เอกสฺมิํ ภเว ปฎิสนฺธิโต ปุเพฺพ อตีตํ, จุติโต อุทฺธํ อนาคตํ, อุภินฺนมนฺตเร ปจฺจุปฺปนฺนํฯ สนฺตติวเสน สภาคเอกอุตุสมุฎฺฐานํ เอกาหารสมุฎฺฐานญฺจ ปุพฺพาปริยวเสน ปวตฺตมานมฺปิ ปจฺจุปฺปนฺนํฯ ตโต ปุเพฺพ วิสภาคอุตุอาหารสมุฎฺฐานํ อตีตํ, ปจฺฉา อนาคตํฯ จิตฺตชํ เอกวีถิเอกชวนเอกสมาปตฺติสมุฎฺฐานํ ปจฺจุปฺปนฺนํฯ ตโต ปุเพฺพ อตีตํ, ปจฺฉา อนาคตํฯ กมฺมสมุฎฺฐานสฺส ปาฎิเยกฺกํ สนฺตติวเสน อตีตาทิเภโท นตฺถิฯ เตสเญฺญว ปน อุตุอาหารจิตฺตสมุฎฺฐานานํ อุปตฺถมฺภกวเสน ตสฺส อตีตาทิเภโท เวทิตโพฺพฯ สมยวเสน เอกมุหุตฺตปุพฺพณฺหสายนฺหรตฺติทิวาทีสุ สมเยสุ สนฺตานวเสน ปวตฺตมานํ ตํ ตํ สมยํ ปจฺจุปฺปนฺนํ นามฯ ตโต ปุเพฺพ อตีตํ, ปจฺฉา อนาคตํฯ ขณวเสน อุปฺปาทาทิกฺขณตฺตยปริยาปนฺนํ ปจฺจุปฺปนฺนํ นามฯ ตโต ปุเพฺพ อตีตํ, ปจฺฉา อนาคตํฯ
Aparo nayo – idañhi rūpaṃ addhāsantatisamayakhaṇavasena catudhā atītaṃ nāma hoti. Tathā anāgatapaccuppannaṃ. Addhāvasena tāva ekassa ekasmiṃ bhave paṭisandhito pubbe atītaṃ, cutito uddhaṃ anāgataṃ, ubhinnamantare paccuppannaṃ. Santativasena sabhāgaekautusamuṭṭhānaṃ ekāhārasamuṭṭhānañca pubbāpariyavasena pavattamānampi paccuppannaṃ. Tato pubbe visabhāgautuāhārasamuṭṭhānaṃ atītaṃ, pacchā anāgataṃ. Cittajaṃ ekavīthiekajavanaekasamāpattisamuṭṭhānaṃ paccuppannaṃ. Tato pubbe atītaṃ, pacchā anāgataṃ. Kammasamuṭṭhānassa pāṭiyekkaṃ santativasena atītādibhedo natthi. Tesaññeva pana utuāhāracittasamuṭṭhānānaṃ upatthambhakavasena tassa atītādibhedo veditabbo. Samayavasena ekamuhuttapubbaṇhasāyanharattidivādīsu samayesu santānavasena pavattamānaṃ taṃ taṃ samayaṃ paccuppannaṃ nāma. Tato pubbe atītaṃ, pacchā anāgataṃ. Khaṇavasena uppādādikkhaṇattayapariyāpannaṃ paccuppannaṃ nāma. Tato pubbe atītaṃ, pacchā anāgataṃ.
อปิจ อติกฺกเหตุปจฺจยกิจฺจํ อตีตํฯ นิฎฺฐิตเหตุกิจฺจํ อนิฎฺฐิตปจฺจยกิจฺจํ ปจฺจุปฺปนฺนํฯ อุภยกิจฺจมสมฺปตฺตํ อนาคตํฯ สกิจฺจกฺขเณ วา ปจฺจุปฺปนฺนํฯ ตโต ปุเพฺพ อตีตํ, ปจฺฉา อนาคตํฯ เอตฺถ จ ขณาทิกถาว นิปฺปริยายา, เสสา สปริยายาฯ ตาสุ นิปฺปริยายกถา อิธ อธิเปฺปตาฯ อชฺฌตฺตทุกสฺสาปิ นิเทฺทสปทานิ เหฎฺฐา อชฺฌตฺตตฺติกนิเทฺทเส (ธ. ส. อฎฺฐ. ๑๐๕๐) วุตฺตตฺถาเนวฯ โอฬาริกาทีนิ รูปกณฺฑวณฺณนายํ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๖๗๔) วุตฺตตฺถาเนวฯ
Apica atikkahetupaccayakiccaṃ atītaṃ. Niṭṭhitahetukiccaṃ aniṭṭhitapaccayakiccaṃ paccuppannaṃ. Ubhayakiccamasampattaṃ anāgataṃ. Sakiccakkhaṇe vā paccuppannaṃ. Tato pubbe atītaṃ, pacchā anāgataṃ. Ettha ca khaṇādikathāva nippariyāyā, sesā sapariyāyā. Tāsu nippariyāyakathā idha adhippetā. Ajjhattadukassāpi niddesapadāni heṭṭhā ajjhattattikaniddese (dha. sa. aṭṭha. 1050) vuttatthāneva. Oḷārikādīni rūpakaṇḍavaṇṇanāyaṃ (dha. sa. aṭṭha. 674) vuttatthāneva.
๖. หีนทุกนิเทฺทเส เตสํ เตสํ สตฺตานนฺติ พหูสุ สเตฺตสุ สามิวจนํฯ อปรสฺสาปิ อปรสฺสาปีติ หิ วุจฺจมาเน ทิวสมฺปิ กปฺปสตสหสฺสมฺปิ วทโนฺต เอตฺตกเมว วเทยฺยฯ อิติ สตฺถา ทฺวีเหว ปเทหิ อนวเสเส สเตฺต ปริยาทิยโนฺต ‘เตสํ เตสํ สตฺตาน’นฺติ อาหฯ เอตฺตเกน หิ สพฺพมฺปิ อปรทีปนํ สิทฺธํ โหติฯ อุญฺญาตนฺติ อวมตํฯ อวญฺญาตนฺติ วเมฺภตฺวา ญาตํฯ รูปนฺติปิ น วิทิตํฯ หีฬิตนฺติ อคเหตพฺพเฎฺฐน ขิตฺตํ ฉฑฺฑิตํ, ชิคุจฺฉิตนฺติปิ วทนฺติฯ ปริภูตนฺติ กิเมเตนาติ วาจาย ปริภวิตํฯ อจิตฺตีกตนฺติ น ครุกตํฯ หีนนฺติ ลามกํฯ หีนมตนฺติ หีนนฺติ มตํ, ลามกํ กตฺวา ญาตํฯ หีนสมฺมตนฺติ หีนนฺติ โลเก สมฺมตํ, หีเนหิ วา สมฺมตํ, คูถภเกฺขหิ คูโถ วิยฯ อนิฎฺฐนฺติ อปฺปิยํ, ปฎิลาภตฺถาย วา อปริเยสิตํฯ สเจปิ นํ โกจิ ปริเยเสยฺย, ปริเยสตุฯ เอตสฺส ปน อารมฺมณสฺส เอตเทว นามํฯ อกนฺตนฺติ อกามิตํ, นิสฺสิริกํ วาฯ อมนาปนฺติ มนสฺมิํ น อปฺปิตํฯ ตาทิสญฺหิ อารมฺมณํ มนสฺมิํ น อปฺปียติฯ อถ วา มนํ อปฺปายติ วเฑฺฒตีติ มนาปํ, น มนาปํ อมนาปํฯ
6. Hīnadukaniddese tesaṃ tesaṃ sattānanti bahūsu sattesu sāmivacanaṃ. Aparassāpi aparassāpīti hi vuccamāne divasampi kappasatasahassampi vadanto ettakameva vadeyya. Iti satthā dvīheva padehi anavasese satte pariyādiyanto ‘tesaṃ tesaṃ sattāna’nti āha. Ettakena hi sabbampi aparadīpanaṃ siddhaṃ hoti. Uññātanti avamataṃ. Avaññātanti vambhetvā ñātaṃ. Rūpantipi na viditaṃ. Hīḷitanti agahetabbaṭṭhena khittaṃ chaḍḍitaṃ, jigucchitantipi vadanti. Paribhūtanti kimetenāti vācāya paribhavitaṃ. Acittīkatanti na garukataṃ. Hīnanti lāmakaṃ. Hīnamatanti hīnanti mataṃ, lāmakaṃ katvā ñātaṃ. Hīnasammatanti hīnanti loke sammataṃ, hīnehi vā sammataṃ, gūthabhakkhehi gūtho viya. Aniṭṭhanti appiyaṃ, paṭilābhatthāya vā apariyesitaṃ. Sacepi naṃ koci pariyeseyya, pariyesatu. Etassa pana ārammaṇassa etadeva nāmaṃ. Akantanti akāmitaṃ, nissirikaṃ vā. Amanāpanti manasmiṃ na appitaṃ. Tādisañhi ārammaṇaṃ manasmiṃ na appīyati. Atha vā manaṃ appāyati vaḍḍhetīti manāpaṃ, na manāpaṃ amanāpaṃ.
อปโร นโย – อนิฎฺฐํ สมฺปตฺติวิรหโตฯ ตํ เอกเนฺตน กมฺมสมุฎฺฐาเนสุ อกุสลกมฺมสมุฎฺฐานํฯ อกนฺตํ สุขสฺส อเหตุภาวโตฯ อมนาปํ ทุกฺขสฺส เหตุภาวโตฯ รูปา สทฺทาติ อิทมสฺส สภาวทีปนํฯ อิมสฺมิญฺหิ ปเท อกุสลกมฺมชวเสน อนิฎฺฐา ปญฺจ กามคุณา วิภตฺตาฯ กุสลกมฺมชํ ปน อนิฎฺฐํ นาม นตฺถิ, สพฺพํ อิฎฺฐเมวฯ
Aparo nayo – aniṭṭhaṃ sampattivirahato. Taṃ ekantena kammasamuṭṭhānesu akusalakammasamuṭṭhānaṃ. Akantaṃ sukhassa ahetubhāvato. Amanāpaṃ dukkhassa hetubhāvato. Rūpā saddāti idamassa sabhāvadīpanaṃ. Imasmiñhi pade akusalakammajavasena aniṭṭhā pañca kāmaguṇā vibhattā. Kusalakammajaṃ pana aniṭṭhaṃ nāma natthi, sabbaṃ iṭṭhameva.
ปณีตปทนิเทฺทโส วุตฺตปฎิปกฺขนเยน เวทิตโพฺพฯ อิมสฺมิํ ปน ปเท กุสลกมฺมชวเสน อิฎฺฐา ปญฺจ กามคุณา วิภตฺตาฯ กุสลกมฺมชญฺหิ อนิฎฺฐํ นาม นตฺถิ, สพฺพํ อิฎฺฐเมวฯ ยถา จ กมฺมเชสุ เอวํ อุตุสมุฎฺฐานาทีสุปิ อิฎฺฐานิฎฺฐตา อตฺถิ เอวาติ อิมสฺมิํ ทุเก อิฎฺฐานิฎฺฐารมฺมณํ ปฎิวิภตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อยํ ตาว อาจริยานํ สมานตฺถกถาฯ วิตณฺฑวาที ปนาห – อิฎฺฐานิฎฺฐํ นาม ปาฎิเยกฺกํ ปฎิวิภตฺตํ นตฺถิ, เตสํ เตสํ รุจิวเสน กถิตํฯ
Paṇītapadaniddeso vuttapaṭipakkhanayena veditabbo. Imasmiṃ pana pade kusalakammajavasena iṭṭhā pañca kāmaguṇā vibhattā. Kusalakammajañhi aniṭṭhaṃ nāma natthi, sabbaṃ iṭṭhameva. Yathā ca kammajesu evaṃ utusamuṭṭhānādīsupi iṭṭhāniṭṭhatā atthi evāti imasmiṃ duke iṭṭhāniṭṭhārammaṇaṃ paṭivibhattanti veditabbaṃ. Ayaṃ tāva ācariyānaṃ samānatthakathā. Vitaṇḍavādī panāha – iṭṭhāniṭṭhaṃ nāma pāṭiyekkaṃ paṭivibhattaṃ natthi, tesaṃ tesaṃ rucivasena kathitaṃ.
ยถาห –
Yathāha –
‘‘มนาปปริยนฺตํ ขฺวาหํ, มหาราช, ปญฺจสุ กามคุเณสุ อคฺคนฺติ วทามิฯ เตว, มหาราช, รูปา เอกจฺจสฺส มนาปา โหนฺติ, เอกจฺจสฺส อมนาปา โหนฺติฯ เตว, มหาราช, สทฺทา, คนฺธา, รสา, โผฎฺฐพฺพา เอกจฺจสฺส มนาปา โหนฺติ, เอกจฺจสฺส อมนาปา โหนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๒๓)ฯ
‘‘Manāpapariyantaṃ khvāhaṃ, mahārāja, pañcasu kāmaguṇesu agganti vadāmi. Teva, mahārāja, rūpā ekaccassa manāpā honti, ekaccassa amanāpā honti. Teva, mahārāja, saddā, gandhā, rasā, phoṭṭhabbā ekaccassa manāpā honti, ekaccassa amanāpā hontī’’ti (saṃ. ni. 1.123).
เอวํ ยสฺมา เตเยว รูปาทโย เอโก อสฺสาเทติ อภินนฺทติ, ตตฺถ โลภํ อุปฺปาเทติฯ เอโก กุชฺฌติ ปฎิหญฺญติ, ตตฺถ โทสํ อุปฺปาเทติฯ เอกสฺส อิฎฺฐา โหนฺติ กนฺตา มนาปา, เอกสฺส อนิฎฺฐา อกนฺตา อมนาปาฯ เอโก เจเต ‘อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา’ติ ทกฺขิณโต คณฺหาติ, เอโก ‘อนิฎฺฐา อกนฺตา อมนาปา’ติ วามโตฯ ตสฺมา อิฎฺฐานิฎฺฐํ นาม ปาฎิเยกฺกํ ปฎิวิภตฺตํ นาม นตฺถิฯ ปจฺจนฺตวาสีนญฺหิ คณฺฑุปฺปาทาปิ อิฎฺฐา โหนฺติ กนฺตา มนาปา, มชฺฌิมเทสวาสีนํ อติเชคุจฺฉาฯ เตสญฺจ โมรมํสาทีนิ อิฎฺฐานิ โหนฺติ, อิตเรสํ ตานิ อติเชคุจฺฉานีติฯ
Evaṃ yasmā teyeva rūpādayo eko assādeti abhinandati, tattha lobhaṃ uppādeti. Eko kujjhati paṭihaññati, tattha dosaṃ uppādeti. Ekassa iṭṭhā honti kantā manāpā, ekassa aniṭṭhā akantā amanāpā. Eko cete ‘iṭṭhā kantā manāpā’ti dakkhiṇato gaṇhāti, eko ‘aniṭṭhā akantā amanāpā’ti vāmato. Tasmā iṭṭhāniṭṭhaṃ nāma pāṭiyekkaṃ paṭivibhattaṃ nāma natthi. Paccantavāsīnañhi gaṇḍuppādāpi iṭṭhā honti kantā manāpā, majjhimadesavāsīnaṃ atijegucchā. Tesañca moramaṃsādīni iṭṭhāni honti, itaresaṃ tāni atijegucchānīti.
โส วตฺตโพฺพ – ‘‘กิํ ปน ตฺวํ อิฎฺฐานิฎฺฐารมฺมณํ ปาฎิเยกฺกํ ปฎิวิภตฺตํ นาม นตฺถีติ วเทสี’’ติ? ‘‘อาม นตฺถี’’ติ วทามิฯ ปุน ตเถว ยาวตติยํ ปติฎฺฐาเปตฺวา ปโญฺห ปุจฺฉิตโพฺพ – ‘‘นิพฺพานํ นาม อิฎฺฐํ อุทาหุ อนิฎฺฐ’’นฺติ? ชานมาโน ‘‘อิฎฺฐ’’นฺติ วกฺขติฯ สเจปิ น วเทยฺย, มา วทตุฯ นิพฺพานํ ปน เอกนฺตอิฎฺฐเมวฯ ‘‘นนุ เอโก นิพฺพานสฺส วเณฺณ กถิยมาเน กุชฺฌิตฺวา – ‘ตฺวํ นิพฺพานสฺส วณฺณํ กเถสิ, กิํ ตตฺถ อนฺนปานมาลาคนฺธวิเลปนสยนจฺฉาทนสมิทฺธา ปญฺจ กามคุณา อตฺถี’ติ วตฺวา ‘นตฺถี’ติ วุเตฺต ‘อลํ ตว นิพฺพาเนนา’ติ นิพฺพานสฺส วเณฺณ กถิยมาเน กุชฺฌิตฺวา อุโภ กเณฺณ ถเกตีติ อิเฎฺฐตํฯ เอตสฺส ปน วเสน ตว วาเท นิพฺพานํ อนิฎฺฐํ นาม โหติ ฯ น ปเนตํ เอวํ คเหตพฺพํฯ เอโส หิ วิปรีตสญฺญาย กเถติฯ สญฺญาวิปลฺลาเสน จ ตเทว อารมฺมณํ เอกสฺส อิฎฺฐํ โหติ, เอกสฺส อนิฎฺฐํ’’ฯ
So vattabbo – ‘‘kiṃ pana tvaṃ iṭṭhāniṭṭhārammaṇaṃ pāṭiyekkaṃ paṭivibhattaṃ nāma natthīti vadesī’’ti? ‘‘Āma natthī’’ti vadāmi. Puna tatheva yāvatatiyaṃ patiṭṭhāpetvā pañho pucchitabbo – ‘‘nibbānaṃ nāma iṭṭhaṃ udāhu aniṭṭha’’nti? Jānamāno ‘‘iṭṭha’’nti vakkhati. Sacepi na vadeyya, mā vadatu. Nibbānaṃ pana ekantaiṭṭhameva. ‘‘Nanu eko nibbānassa vaṇṇe kathiyamāne kujjhitvā – ‘tvaṃ nibbānassa vaṇṇaṃ kathesi, kiṃ tattha annapānamālāgandhavilepanasayanacchādanasamiddhā pañca kāmaguṇā atthī’ti vatvā ‘natthī’ti vutte ‘alaṃ tava nibbānenā’ti nibbānassa vaṇṇe kathiyamāne kujjhitvā ubho kaṇṇe thaketīti iṭṭhetaṃ. Etassa pana vasena tava vāde nibbānaṃ aniṭṭhaṃ nāma hoti . Na panetaṃ evaṃ gahetabbaṃ. Eso hi viparītasaññāya katheti. Saññāvipallāsena ca tadeva ārammaṇaṃ ekassa iṭṭhaṃ hoti, ekassa aniṭṭhaṃ’’.
อิฎฺฐานิฎฺฐารมฺมณํ ปน ปาฎิเยกฺกํ วิภตฺตํ อตฺถีติฯ กสฺส วเสน วิภตฺตนฺติ? มชฺฌิมกสตฺตสฺสฯ อิทญฺหิ น อติอิสฺสรานํ มหาสมฺมตมหาสุทสฺสนธมฺมาโสกาทีนํ วเสน วิภตฺตํฯ เตสญฺหิ ทิพฺพกปฺปมฺปิ อารมฺมณํ อมนาปํ อุปฎฺฐาติฯ น อติทุคฺคตานํ ทุลฺลภนฺนปานานํ วเสน วิภตฺตํฯ เตสญฺหิ กณาชกภตฺตสิตฺถานิปิ ปูติมํสรโสปิ อติมธุโร อมตสทิโส จ โหติฯ มชฺฌิมกานํ ปน คณกมหามตฺตเสฎฺฐิกุฎุมฺพิกวาณิชาทีนํ กาเลน อิฎฺฐํ กาเลน อนิฎฺฐํ ลภมานานํ วเสน วิภตฺตํฯ เอวรูปา หิ อิฎฺฐานิฎฺฐํ ปริจฺฉินฺทิตุํ สโกฺกนฺตีติฯ
Iṭṭhāniṭṭhārammaṇaṃ pana pāṭiyekkaṃ vibhattaṃ atthīti. Kassa vasena vibhattanti? Majjhimakasattassa. Idañhi na atiissarānaṃ mahāsammatamahāsudassanadhammāsokādīnaṃ vasena vibhattaṃ. Tesañhi dibbakappampi ārammaṇaṃ amanāpaṃ upaṭṭhāti. Na atiduggatānaṃ dullabhannapānānaṃ vasena vibhattaṃ. Tesañhi kaṇājakabhattasitthānipi pūtimaṃsarasopi atimadhuro amatasadiso ca hoti. Majjhimakānaṃ pana gaṇakamahāmattaseṭṭhikuṭumbikavāṇijādīnaṃ kālena iṭṭhaṃ kālena aniṭṭhaṃ labhamānānaṃ vasena vibhattaṃ. Evarūpā hi iṭṭhāniṭṭhaṃ paricchindituṃ sakkontīti.
ติปิฎกจูฬนาคเตฺถโร ปนาห – ‘‘อิฎฺฐานิฎฺฐํ นาม วิปากวเสเนว ปริจฺฉินฺนํ, น ชวนวเสนฯ ชวนํ ปน สญฺญาวิปลฺลาสวเสน อิฎฺฐสฺมิํเยว รชฺชติ, อิฎฺฐสฺมิํเยว ทุสฺสติ; อนิฎฺฐสฺมิํเยว รชฺชติ, อนิฎฺฐสฺมิํเยว ทุสฺสตี’’ติฯ วิปากวเสเนว ปเนตํ เอกนฺตโต ปริจฺฉิชฺชติฯ น หิ สกฺกา วิปากจิตฺตํ วเญฺจตุํฯ สเจ อารมฺมณํ อิฎฺฐํ โหติ, กุสลวิปากํ อุปฺปชฺชติฯ สเจ อนิฎฺฐํ, อกุสลวิปากํ อุปฺปชฺชติฯ กิญฺจาปิ หิ มิจฺฉาทิฎฺฐิกา พุทฺธํ วา สงฺฆํ วา มหาเจติยาทีนิ วา อุฬารานิ อารมฺมณานิ ทิสฺวา อกฺขีนิ ปิทหนฺติ, โทมนสฺสํ อาปชฺชนฺติ, ธมฺมสทฺทํ สุตฺวา กเณฺณ ถเกนฺติ, จกฺขุวิญฺญาณโสตวิญฺญาณานิ ปน เนสํ กุสลวิปากาเนว โหนฺติฯ
Tipiṭakacūḷanāgatthero panāha – ‘‘iṭṭhāniṭṭhaṃ nāma vipākavaseneva paricchinnaṃ, na javanavasena. Javanaṃ pana saññāvipallāsavasena iṭṭhasmiṃyeva rajjati, iṭṭhasmiṃyeva dussati; aniṭṭhasmiṃyeva rajjati, aniṭṭhasmiṃyeva dussatī’’ti. Vipākavaseneva panetaṃ ekantato paricchijjati. Na hi sakkā vipākacittaṃ vañcetuṃ. Sace ārammaṇaṃ iṭṭhaṃ hoti, kusalavipākaṃ uppajjati. Sace aniṭṭhaṃ, akusalavipākaṃ uppajjati. Kiñcāpi hi micchādiṭṭhikā buddhaṃ vā saṅghaṃ vā mahācetiyādīni vā uḷārāni ārammaṇāni disvā akkhīni pidahanti, domanassaṃ āpajjanti, dhammasaddaṃ sutvā kaṇṇe thakenti, cakkhuviññāṇasotaviññāṇāni pana nesaṃ kusalavipākāneva honti.
กิญฺจาปิ คูถสูกราทโย คูถคนฺธํ ฆายิตฺวา ‘ขาทิตุํ ลภิสฺสามา’ติ โสมนสฺสชาตา โหนฺติ, คูถทสฺสเน ปน เตสํ จกฺขุวิญฺญาณํ, ตสฺส คนฺธฆายเน ฆานวิญฺญาณํ, รสสายเน ชิวฺหาวิญฺญาณญฺจ อกุสลวิปากเมว โหติฯ พนฺธิตฺวา วรสยเน สยาปิตสูกโร จ กิญฺจาปิ วิรวติ, สญฺญาวิปลฺลาเสน ปนสฺส ชวนสฺมิํเยว โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ, กายวิญฺญาณํ กุสลวิปากเมวฯ กสฺมา? อารมฺมณสฺส อิฎฺฐตายฯ
Kiñcāpi gūthasūkarādayo gūthagandhaṃ ghāyitvā ‘khādituṃ labhissāmā’ti somanassajātā honti, gūthadassane pana tesaṃ cakkhuviññāṇaṃ, tassa gandhaghāyane ghānaviññāṇaṃ, rasasāyane jivhāviññāṇañca akusalavipākameva hoti. Bandhitvā varasayane sayāpitasūkaro ca kiñcāpi viravati, saññāvipallāsena panassa javanasmiṃyeva domanassaṃ uppajjati, kāyaviññāṇaṃ kusalavipākameva. Kasmā? Ārammaṇassa iṭṭhatāya.
อปิจ ทฺวารวเสนาปิ อิฎฺฐานิฎฺฐตา เวทิตพฺพาฯ สุขสมฺผสฺสญฺหิ คูถกลลํ จกฺขุทฺวารฆานทฺวาเรสุ อนิฎฺฐํ, กายทฺวาเร อิฎฺฐํ โหติฯ จกฺกวตฺติโน มณิรตเนน โปถิยมานสฺส, สุวณฺณสูเล อุตฺตาสิตสฺส จ มณิรตนสุวณฺณสูลานิ จกฺขุทฺวาเร อิฎฺฐานิ โหนฺติ, กายทฺวาเร อนิฎฺฐานิฯ กสฺมา? มหาทุกฺขสฺส อุปฺปาทนโตฯ เอวํ อิฎฺฐานิฎฺฐํ เอกนฺตโต วิปาเกเนว ปริจฺฉิชฺชตีติ เวทิตพฺพํฯ
Apica dvāravasenāpi iṭṭhāniṭṭhatā veditabbā. Sukhasamphassañhi gūthakalalaṃ cakkhudvāraghānadvāresu aniṭṭhaṃ, kāyadvāre iṭṭhaṃ hoti. Cakkavattino maṇiratanena pothiyamānassa, suvaṇṇasūle uttāsitassa ca maṇiratanasuvaṇṇasūlāni cakkhudvāre iṭṭhāni honti, kāyadvāre aniṭṭhāni. Kasmā? Mahādukkhassa uppādanato. Evaṃ iṭṭhāniṭṭhaṃ ekantato vipākeneva paricchijjatīti veditabbaṃ.
ตํ ตํ วา ปนาติ เอตฺถ น เหฎฺฐิมนโย โอโลเกตโพฺพฯ น หิ ภควา สมฺมุติมนาปํ ภินฺทติ, ปุคฺคลมนาปํ ปน ภินฺทติฯ ตสฺมา ตํตํวาปนวเสเนว อุปาทายุปาทาย หีนปฺปณีตตา เวทิตพฺพาฯ เนรยิกานญฺหิ รูปํ โกฎิปฺปตฺตํ หีนํ นาม; ตํ อุปาทาย ติรจฺฉาเนสุ นาคสุปณฺณานํ รูปํ ปณีตํ นามฯ เตสํ รูปํ หีนํ; ตํ อุปาทาย เปตานํ รูปํ ปณีตํ นามฯ เตสมฺปิ หีนํ; ตํ อุปาทาย ชานปทานํ รูปํ ปณีตํ นามฯ เตสมฺปิ หีนํ; ตํ อุปาทาย คามโภชกานํ รูปํ ปณีตํ นามฯ เตสมฺปิ หีนํ; ตํ อุปาทาย ชนปทสามิกานํ รูปํ ปณีตํ นามฯ เตสมฺปิ หีนํ; ตํ อุปาทาย ปเทสราชูนํ รูปํ ปณีตํ นามฯ เตสมฺปิ หีนํ; ตํ อุปาทาย จกฺกวตฺติรโญฺญ รูปํ ปณีตํ นามฯ ตสฺสาปิ หีนํ; ตํ อุปาทาย ภุมฺมเทวานํ รูปํ ปณีตํ นามฯ เตสมฺปิ หีนํ; ตํ อุปาทาย จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ รูปํ ปณีตํ นามฯ เตสมฺปิ หีนํ; ตํ อุปาทาย ตาวติํสานํ เทวานํ รูปํ ปณีตํ นาม…เป.… อกนิฎฺฐเทวานํ ปน รูปํ มตฺถกปฺปตฺตํ ปณีตํ นามฯ
Taṃ taṃ vā panāti ettha na heṭṭhimanayo oloketabbo. Na hi bhagavā sammutimanāpaṃ bhindati, puggalamanāpaṃ pana bhindati. Tasmā taṃtaṃvāpanavaseneva upādāyupādāya hīnappaṇītatā veditabbā. Nerayikānañhi rūpaṃ koṭippattaṃ hīnaṃ nāma; taṃ upādāya tiracchānesu nāgasupaṇṇānaṃ rūpaṃ paṇītaṃ nāma. Tesaṃ rūpaṃ hīnaṃ; taṃ upādāya petānaṃ rūpaṃ paṇītaṃ nāma. Tesampi hīnaṃ; taṃ upādāya jānapadānaṃ rūpaṃ paṇītaṃ nāma. Tesampi hīnaṃ; taṃ upādāya gāmabhojakānaṃ rūpaṃ paṇītaṃ nāma. Tesampi hīnaṃ; taṃ upādāya janapadasāmikānaṃ rūpaṃ paṇītaṃ nāma. Tesampi hīnaṃ; taṃ upādāya padesarājūnaṃ rūpaṃ paṇītaṃ nāma. Tesampi hīnaṃ; taṃ upādāya cakkavattirañño rūpaṃ paṇītaṃ nāma. Tassāpi hīnaṃ; taṃ upādāya bhummadevānaṃ rūpaṃ paṇītaṃ nāma. Tesampi hīnaṃ; taṃ upādāya cātumahārājikānaṃ devānaṃ rūpaṃ paṇītaṃ nāma. Tesampi hīnaṃ; taṃ upādāya tāvatiṃsānaṃ devānaṃ rūpaṃ paṇītaṃ nāma…pe… akaniṭṭhadevānaṃ pana rūpaṃ matthakappattaṃ paṇītaṃ nāma.
๗. ทูรทุกนิเทฺทเส อิตฺถินฺทฺริยาทีนิ เหฎฺฐา วิภตฺตาเนวฯ อิมสฺมิํ ปน ทุเก ทุปฺปริคฺคหเฎฺฐน ลกฺขณทุปฺปฎิวิชฺฌตาย สุขุมรูปํ ทูเรติ กถิตํฯ สุขปริคฺคหเฎฺฐน ลกฺขณสุปฺปฎิวิชฺฌตาย โอฬาริกรูปํ สนฺติเกติฯ กพฬีการาหารปริโยสาเน จ นิยฺยาตนฎฺฐาเนปิ ‘อิทํ วุจฺจติ รูปํ ทูเร’ติ น นียฺยาติตํฯ กสฺมา? ทุวิธญฺหิ ทูเร นาม – ลกฺขณโต จ โอกาสโต จาติฯ ตตฺถ ลกฺขณโต ทูเรติ น กถิตํ, ตํ โอกาสโต กเถตพฺพํฯ ตสฺมา ทูเรติ อกถิตํฯ โอฬาริกรูปํ โอกาสโต ทูเรติ ทเสฺสตุํ อนิยฺยาเตตฺวาว ยํ วา ปนญฺญมฺปีติอาทิมาหฯ สนฺติกปทนิเทฺทเสปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ อนาสเนฺนติ น อาสเนฺน, อนุปกเฎฺฐติ นิสฺสเฎ, ทูเรติ ทูรมฺหิ, อสนฺติเกติ น สนฺติเกฯ อิทํ วุจฺจติ รูปํ ทูเรติ อิทํ ปณฺณรสวิธํ สุขุมรูปํ ลกฺขณโต ทูเร, ทสวิธํ ปน โอฬาริกรูปํ เยวาปนกวเสน โอกาสโต ทูเรติ วุจฺจติฯ สนฺติกปทนิเทฺทโส อุตฺตานโตฺถเยวฯ
7. Dūradukaniddese itthindriyādīni heṭṭhā vibhattāneva. Imasmiṃ pana duke duppariggahaṭṭhena lakkhaṇaduppaṭivijjhatāya sukhumarūpaṃ dūreti kathitaṃ. Sukhapariggahaṭṭhena lakkhaṇasuppaṭivijjhatāya oḷārikarūpaṃ santiketi. Kabaḷīkārāhārapariyosāne ca niyyātanaṭṭhānepi ‘idaṃ vuccati rūpaṃ dūre’ti na nīyyātitaṃ. Kasmā? Duvidhañhi dūre nāma – lakkhaṇato ca okāsato cāti. Tattha lakkhaṇato dūreti na kathitaṃ, taṃ okāsato kathetabbaṃ. Tasmā dūreti akathitaṃ. Oḷārikarūpaṃ okāsato dūreti dassetuṃ aniyyātetvāva yaṃ vā panaññampītiādimāha. Santikapadaniddesepi eseva nayo. Tattha anāsanneti na āsanne, anupakaṭṭheti nissaṭe, dūreti dūramhi, asantiketi na santike. Idaṃ vuccati rūpaṃ dūreti idaṃ paṇṇarasavidhaṃ sukhumarūpaṃ lakkhaṇato dūre, dasavidhaṃ pana oḷārikarūpaṃ yevāpanakavasena okāsato dūreti vuccati. Santikapadaniddeso uttānatthoyeva.
อิทํ วุจฺจติ รูปํ สนฺติเกติ อิทํ ทสวิธํ โอฬาริกรูปํ ลกฺขณโต สนฺติเก, ปญฺจทสวิธํ ปน สุขุมรูปํ เยวาปนกวเสน โอกาสโต สนฺติเกติ วุจฺจติฯ กิตฺตกโต ปฎฺฐาย ปน รูปํ โอกาสวเสน สนฺติเก นาม? กิตฺตกโต ปฎฺฐาย ทูเร นามาติ? ปกติกถาย กเถนฺตานํ ทฺวาทสหโตฺถ สวนูปจาโร นาม โหติฯ ตสฺส โอรโต รูปํ สนฺติเก, ปรโต ทูเรฯ ตตฺถ สุขุมรูปํ ทูเร โหนฺตํ ลกฺขณโตปิ โอกาสโตปิ ทูเร โหติ; สนฺติเก โหนฺตํ ปน โอกาสโตว สนฺติเก โหติ, น ลกฺขณโตฯ โอฬาริกรูปํ สนฺติเก โหนฺตํ ลกฺขณโตปิ โอกาสโตปิ สนฺติเก โหติ; ทูเร โหนฺตํ โอกาสโตว ทูเร โหติ, น ลกฺขณโตฯ
Idaṃvuccati rūpaṃ santiketi idaṃ dasavidhaṃ oḷārikarūpaṃ lakkhaṇato santike, pañcadasavidhaṃ pana sukhumarūpaṃ yevāpanakavasena okāsato santiketi vuccati. Kittakato paṭṭhāya pana rūpaṃ okāsavasena santike nāma? Kittakato paṭṭhāya dūre nāmāti? Pakatikathāya kathentānaṃ dvādasahattho savanūpacāro nāma hoti. Tassa orato rūpaṃ santike, parato dūre. Tattha sukhumarūpaṃ dūre hontaṃ lakkhaṇatopi okāsatopi dūre hoti; santike hontaṃ pana okāsatova santike hoti, na lakkhaṇato. Oḷārikarūpaṃ santike hontaṃ lakkhaṇatopi okāsatopi santike hoti; dūre hontaṃ okāsatova dūre hoti, na lakkhaṇato.
ตํ ตํ วา ปนาติ เอตฺถ น เหฎฺฐิมนโย โอโลเกตโพฺพฯ เหฎฺฐา หิ ภินฺทมาโน คโตฯ อิธ ปน น ลกฺขณโต ทูรํ ภินฺทติ, โอกาสโต ทูรเมว ภินฺทติฯ อุปาทายุปาทาย ทูรสนฺติกญฺหิ เอตฺถ ทสฺสิตํฯ อตฺตโน หิ รูปํ สนฺติเก นาม; อโนฺตกุจฺฉิคตสฺสาปิ ปรสฺส ทูเรฯ อโนฺตกุจฺฉิคตสฺส สนฺติเก; พหิฐิตสฺส ทูเรฯ เอกมเญฺจ สยิตสฺส สนฺติเก; พหิปมุเข ฐิตสฺส ทูเรฯ อโนฺตปริเวเณ รูปํ สนฺติเก; พหิปริเวเณ ทูเรฯ อโนฺตสงฺฆาราเม รูปํ สนฺติเก; พหิสงฺฆาราเม ทูเรฯ อโนฺตสีมาย รูปํ สนฺติเก; พหิสีมาย ทูเรฯ อโนฺตคามเขเตฺต รูปํ สนฺติเก; พหิคามเกฺขเตฺต ทูเรฯ อโนฺตชนปเท รูปํ สนฺติเก; พหิชนปเท ทูเรฯ อโนฺตรชฺชสีมาย รูปํ สนฺติเก; พหิรชฺชสีมาย ทูเรฯ อโนฺตสมุเทฺท รูปํ สนฺติเก; พหิสมุเทฺทรูปํ ทูเรฯ อโนฺตจกฺกวาเฬ รูปํ สนฺติเก; พหิจกฺกวาเฬ ทูเรติฯ
Taṃ taṃ vā panāti ettha na heṭṭhimanayo oloketabbo. Heṭṭhā hi bhindamāno gato. Idha pana na lakkhaṇato dūraṃ bhindati, okāsato dūrameva bhindati. Upādāyupādāya dūrasantikañhi ettha dassitaṃ. Attano hi rūpaṃ santike nāma; antokucchigatassāpi parassa dūre. Antokucchigatassa santike; bahiṭhitassa dūre. Ekamañce sayitassa santike; bahipamukhe ṭhitassa dūre. Antopariveṇe rūpaṃ santike; bahipariveṇe dūre. Antosaṅghārāme rūpaṃ santike; bahisaṅghārāme dūre. Antosīmāya rūpaṃ santike; bahisīmāya dūre. Antogāmakhette rūpaṃ santike; bahigāmakkhette dūre. Antojanapade rūpaṃ santike; bahijanapade dūre. Antorajjasīmāya rūpaṃ santike; bahirajjasīmāya dūre. Antosamudde rūpaṃ santike; bahisamudderūpaṃ dūre. Antocakkavāḷe rūpaṃ santike; bahicakkavāḷe dūreti.
อยํ รูปกฺขนฺธนิเทฺทโสฯ
Ayaṃ rūpakkhandhaniddeso.
๒. เวทนากฺขนฺธนิเทฺทโส
2. Vedanākkhandhaniddeso
๘. เวทนากฺขนฺธนิเทฺทสาทีสุ เหฎฺฐา วุตฺตสทิสํ ปหาย อปุพฺพเมว วณฺณยิสฺสามฯ ยา กาจิ เวทนาติ จตุภูมิกเวทนํ ปริยาทิยติฯ สุขา เวทนาติอาทีนิ อตีตาทิวเสน นิทฺทิฎฺฐเวทนํ สภาวโต ทเสฺสตุํ วุตฺตานิฯ ตตฺถ สุขา เวทนา อตฺถิ กายิกา, อตฺถิ เจตสิกา ฯ ตถา ทุกฺขา เวทนาฯ อทุกฺขมสุขา ปน จกฺขาทโย ปสาทกาเย สนฺธาย ปริยาเยน ‘อตฺถิ กายิกา, อตฺถิ เจตสิกา’ฯ ตตฺถ สพฺพาปิ กายิกา กามาวจราฯ ตถา เจตสิกา ทุกฺขา เวทนา ฯ เจตสิกา สุขา ปน เตภูมิกาฯ อทุกฺขมสุขา จตุภูมิกาฯ ตสฺสา สพฺพปฺปการายปิ สนฺตติวเสน, ขณาทิวเสน จ อตีตาทิภาโว เวทิตโพฺพฯ
8. Vedanākkhandhaniddesādīsu heṭṭhā vuttasadisaṃ pahāya apubbameva vaṇṇayissāma. Yā kāci vedanāti catubhūmikavedanaṃ pariyādiyati. Sukhā vedanātiādīni atītādivasena niddiṭṭhavedanaṃ sabhāvato dassetuṃ vuttāni. Tattha sukhā vedanā atthi kāyikā, atthi cetasikā . Tathā dukkhā vedanā. Adukkhamasukhā pana cakkhādayo pasādakāye sandhāya pariyāyena ‘atthi kāyikā, atthi cetasikā’. Tattha sabbāpi kāyikā kāmāvacarā. Tathā cetasikā dukkhā vedanā . Cetasikā sukhā pana tebhūmikā. Adukkhamasukhā catubhūmikā. Tassā sabbappakārāyapi santativasena, khaṇādivasena ca atītādibhāvo veditabbo.
ตตฺถ สนฺตติวเสน เอกวีถิเอกชวนเอกสมาปตฺติปริยาปนฺนา, เอกวิธวิสยสมาโยคปฺปวตฺตา จ ปจฺจุปฺปนฺนาฯ ตโต ปุเพฺพ อตีตา, ปจฺฉา อนาคตาฯ ขณาทิวเสน ขณตฺตยปริยาปนฺนา ปุพฺพนฺตาปรนฺตมชฺฌคตา สกิจฺจญฺจ กุรุมานา เวทนา ปจฺจุปฺปนฺนาฯ ตโต ปุเพฺพ อตีตา, ปจฺฉา อนาคตาฯ ตตฺถ ขณาทิวเสน อตีตาทิภาวํ สนฺธาย อยํ นิเทฺทโส กโตติ เวทิตโพฺพฯ
Tattha santativasena ekavīthiekajavanaekasamāpattipariyāpannā, ekavidhavisayasamāyogappavattā ca paccuppannā. Tato pubbe atītā, pacchā anāgatā. Khaṇādivasena khaṇattayapariyāpannā pubbantāparantamajjhagatā sakiccañca kurumānā vedanā paccuppannā. Tato pubbe atītā, pacchā anāgatā. Tattha khaṇādivasena atītādibhāvaṃ sandhāya ayaṃ niddeso katoti veditabbo.
๑๑. โอฬาริกสุขุมนิเทฺทเส อกุสลา เวทนาติอาทีนิ ชาติโต โอฬาริกสุขุมภาวํ ทเสฺสตุํ วุตฺตานิฯ ทุกฺขา เวทนา โอฬาริกาติอาทีนิ สภาวโตฯ อสมาปนฺนสฺส เวทนาติอาทีนิ ปุคฺคลโตฯ สาสวาติอาทีนิ โลกิยโลกุตฺตรโต โอฬาริกสุขุมภาวํ ทเสฺสตุํ วุตฺตานิฯ ตตฺถ อกุสลา ตาว สทรถเฎฺฐน ทุกฺขวิปากเฎฺฐน จ โอฬาริกาฯ กุสลา นิทฺทรถเฎฺฐน สุขวิปากเฎฺฐน จ สุขุมาฯ อพฺยากตา นิรุสฺสาหเฎฺฐน อวิปากเฎฺฐน จ สุขุมาฯ กุสลากุสลา สอุสฺสาหเฎฺฐน สวิปากเฎฺฐน จ โอฬาริกาฯ อพฺยากตา วุตฺตนเยเนว สุขุมาฯ
11. Oḷārikasukhumaniddese akusalā vedanātiādīni jātito oḷārikasukhumabhāvaṃ dassetuṃ vuttāni. Dukkhā vedanā oḷārikātiādīni sabhāvato. Asamāpannassa vedanātiādīni puggalato. Sāsavātiādīni lokiyalokuttarato oḷārikasukhumabhāvaṃ dassetuṃ vuttāni. Tattha akusalā tāva sadarathaṭṭhena dukkhavipākaṭṭhena ca oḷārikā. Kusalā niddarathaṭṭhena sukhavipākaṭṭhena ca sukhumā. Abyākatā nirussāhaṭṭhena avipākaṭṭhena ca sukhumā. Kusalākusalā saussāhaṭṭhena savipākaṭṭhena ca oḷārikā. Abyākatā vuttanayeneva sukhumā.
ทุกฺขา อสาตเฎฺฐน ทุกฺขเฎฺฐน จ โอฬาริกาฯ สุขา สาตเฎฺฐน สุขเฎฺฐน จ สุขุมาฯ อทุกฺขมสุขา สนฺตเฎฺฐน ปณีตเฎฺฐน จ สุขุมาฯ สุขทุกฺขา โขภนเฎฺฐน ผรณเฎฺฐน จ โอฬาริกาฯ สุขเวทนาปิ หิ โขเภติ ผรติฯ ตถา ทุกฺขเวทนาปิฯ สุขญฺหิ อุปฺปชฺชมานํ สกลสรีรํ โขเภนฺตํ อาลุเฬนฺตํ อภิสนฺทยมานํ มทฺทยมานํ ฉาทยมานํ สีโตทกฆเฎน อาสิญฺจยมานํ วิย อุปฺปชฺชติฯ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชมานํ ตตฺตผาลํ อโนฺต ปเวสนฺตํ วิย ติณุกฺกาย พหิ ฌาปยมานํ วิย อุปฺปชฺชติฯ อทุกฺขมสุขา ปน วุตฺตนเยเนว สุขุมาฯ อสมาปนฺนสฺส เวทนา นานารมฺมเณ วิกฺขิตฺตภาวโต โอฬาริกา ฯ สมาปนฺนสฺส เวทนา เอกตฺตนิมิเตฺตเยว จรตีติ สุขุมาฯ สาสวา อาสวุปฺปตฺติเหตุโต โอฬาริกาฯ อาสวจาโร นาม เอกนฺตโอฬาริโกฯ อนาสวา วุตฺตวิปริยาเยน สุขุมาฯ
Dukkhā asātaṭṭhena dukkhaṭṭhena ca oḷārikā. Sukhā sātaṭṭhena sukhaṭṭhena ca sukhumā. Adukkhamasukhā santaṭṭhena paṇītaṭṭhena ca sukhumā. Sukhadukkhā khobhanaṭṭhena pharaṇaṭṭhena ca oḷārikā. Sukhavedanāpi hi khobheti pharati. Tathā dukkhavedanāpi. Sukhañhi uppajjamānaṃ sakalasarīraṃ khobhentaṃ āluḷentaṃ abhisandayamānaṃ maddayamānaṃ chādayamānaṃ sītodakaghaṭena āsiñcayamānaṃ viya uppajjati. Dukkhaṃ uppajjamānaṃ tattaphālaṃ anto pavesantaṃ viya tiṇukkāya bahi jhāpayamānaṃ viya uppajjati. Adukkhamasukhā pana vuttanayeneva sukhumā. Asamāpannassa vedanā nānārammaṇe vikkhittabhāvato oḷārikā . Samāpannassa vedanā ekattanimitteyeva caratīti sukhumā. Sāsavā āsavuppattihetuto oḷārikā. Āsavacāro nāma ekantaoḷāriko. Anāsavā vuttavipariyāyena sukhumā.
ตตฺถ เอโก เนว กุสลตฺติเก โกวิโท โหติ, น เวทนาตฺติเกฯ โส ‘กุสลตฺติกํ รกฺขามี’ติ เวทนาตฺติกํ ภินฺทติ; ‘เวทนาตฺติกํ รกฺขามี’ติ กุสลตฺติกํ ภินฺทติฯ เอโก ‘ติกํ รกฺขามี’ติ ภูมนฺตรํ ภินฺทติฯ เอโก น ภินฺทติฯ กถํ? ‘‘สุขทุกฺขา เวทนา โอฬาริกา, อทุกฺขมสุขา เวทนา สุขุมา’’ติ หิ เวทนาตฺติเก วุตฺตํฯ ตํ เอโก ปฎิกฺขิปติ – น สพฺพา อทุกฺขมสุขา สุขุมาฯ สา หิ กุสลาปิ อตฺถิ อกุสลาปิ อพฺยากตาปิฯ ตตฺถ กุสลากุสลา โอฬาริกา, อพฺยากตา สุขุมาฯ กสฺมา? กุสลตฺติเก ปาฬิยํ อาคตตฺตาติฯ เอวํ กุสลตฺติโก รกฺขิโต โหติ, เวทนาตฺติโก ปน ภิโนฺนฯ
Tattha eko neva kusalattike kovido hoti, na vedanāttike. So ‘kusalattikaṃ rakkhāmī’ti vedanāttikaṃ bhindati; ‘vedanāttikaṃ rakkhāmī’ti kusalattikaṃ bhindati. Eko ‘tikaṃ rakkhāmī’ti bhūmantaraṃ bhindati. Eko na bhindati. Kathaṃ? ‘‘Sukhadukkhā vedanā oḷārikā, adukkhamasukhā vedanā sukhumā’’ti hi vedanāttike vuttaṃ. Taṃ eko paṭikkhipati – na sabbā adukkhamasukhā sukhumā. Sā hi kusalāpi atthi akusalāpi abyākatāpi. Tattha kusalākusalā oḷārikā, abyākatā sukhumā. Kasmā? Kusalattike pāḷiyaṃ āgatattāti. Evaṃ kusalattiko rakkhito hoti, vedanāttiko pana bhinno.
กุสลากุสลา เวทนา โอฬาริกา, อพฺยากตา เวทนา สุขุมา’’ติ ยํ ปน กุสลตฺติเก วุตฺตํ, ตํ เอโก ปฎิกฺขิปติ – น สพฺพา อพฺยากตา สุขุมาฯ สา หิ สุขาปิ อตฺถิ ทุกฺขาปิ อทุกฺขมสุขาปิฯ ตตฺถ สุขทุกฺขา โอฬาริกา, อทุกฺขมสุขา สุขุมาฯ กสฺมา? เวทนาตฺติเก ปาฬิยํ อาคตตฺตาติฯ เอวํ เวทนาตฺติโก รกฺขิโต โหติ, กุสลตฺติโก ปน ภิโนฺนฯ กุสลตฺติกสฺส ปน อาคตฎฺฐาเน เวทนาตฺติกํ อโนโลเกตฺวา เวทนาตฺติกสฺส อาคตฎฺฐาเน กุสลตฺติกํ อโนโลเกตฺวา กุสลาทีนํ กุสลตฺติกลกฺขเณน, สุขาทีนํ เวทนาตฺติกลกฺขเณน โอฬาริกสุขุมตํ กเถโนฺต น ภินฺทติ นามฯ
Kusalākusalā vedanā oḷārikā, abyākatā vedanā sukhumā’’ti yaṃ pana kusalattike vuttaṃ, taṃ eko paṭikkhipati – na sabbā abyākatā sukhumā. Sā hi sukhāpi atthi dukkhāpi adukkhamasukhāpi. Tattha sukhadukkhā oḷārikā, adukkhamasukhā sukhumā. Kasmā? Vedanāttike pāḷiyaṃ āgatattāti. Evaṃ vedanāttiko rakkhito hoti, kusalattiko pana bhinno. Kusalattikassa pana āgataṭṭhāne vedanāttikaṃ anoloketvā vedanāttikassa āgataṭṭhāne kusalattikaṃ anoloketvā kusalādīnaṃ kusalattikalakkhaṇena, sukhādīnaṃ vedanāttikalakkhaṇena oḷārikasukhumataṃ kathento na bhindati nāma.
ยมฺปิ ‘‘กุสลากุสลา เวทนา โอฬาริกา, อพฺยากตา เวทนา สุขุมา’’ติ กุสลตฺติเก วุตฺตํ, ตเตฺถโก ‘กุสลา โลกุตฺตรเวทนาปิ สมานา โอฬาริกา นาม, วิปากา อนฺตมโส ทฺวิปญฺจวิญฺญาณสหชาตาปิ สมานา สุขุมา นาม โหตี’ติ วทติฯ โส เอวรูปํ สนฺตํ ปณีตํ โลกุตฺตรเวทนํ โอฬาริกํ นาม กโรโนฺต, ทฺวิปญฺจวิญฺญาณสมฺปยุตฺตํ อเหตุกํ หีนํ ชฬํ เวทนํ สุขุมํ นาม กโรโนฺต ‘ติกํ รกฺขิสฺสามี’ติ ภูมนฺตรํ ภินฺทติ นามฯ ตตฺถ ตตฺถ ภูมิยํ กุสลํ ปน ตํตํภูมิวิปาเกเนว สทฺธิํ โยเชตฺวา กเถโนฺต น ภินฺทติ นามฯ ตตฺรายํ นโย – กามาวจรกุสลา หิ โอฬาริกา; กามาวจรวิปากา สุขุมา ฯ รูปาวจรารูปาวจรโลกุตฺตรกุสลา โอฬาริกา; รูปาวจรารูปาวจรโลกุตฺตรวิปากา สุขุมาติฯ อิมินา นีหาเรน กเถโนฺต น ภินฺทติ นามฯ
Yampi ‘‘kusalākusalā vedanā oḷārikā, abyākatā vedanā sukhumā’’ti kusalattike vuttaṃ, tattheko ‘kusalā lokuttaravedanāpi samānā oḷārikā nāma, vipākā antamaso dvipañcaviññāṇasahajātāpi samānā sukhumā nāma hotī’ti vadati. So evarūpaṃ santaṃ paṇītaṃ lokuttaravedanaṃ oḷārikaṃ nāma karonto, dvipañcaviññāṇasampayuttaṃ ahetukaṃ hīnaṃ jaḷaṃ vedanaṃ sukhumaṃ nāma karonto ‘tikaṃ rakkhissāmī’ti bhūmantaraṃ bhindati nāma. Tattha tattha bhūmiyaṃ kusalaṃ pana taṃtaṃbhūmivipākeneva saddhiṃ yojetvā kathento na bhindati nāma. Tatrāyaṃ nayo – kāmāvacarakusalā hi oḷārikā; kāmāvacaravipākā sukhumā . Rūpāvacarārūpāvacaralokuttarakusalā oḷārikā; rūpāvacarārūpāvacaralokuttaravipākā sukhumāti. Iminā nīhārena kathento na bhindati nāma.
ติปิฎกจูฬนาคเตฺถโร ปนาห – ‘‘อกุสเล โอฬาริกสุขุมตา นาม น อุทฺธริตพฺพาฯ ตญฺหิ เอกนฺตโอฬาริกเมวฯ โลกุตฺตเรปิ โอฬาริกสุขุมตา น อุทฺธริตพฺพาฯ ตญฺหิ เอกนฺตสุขุม’’นฺติ ฯ อิมํ กถํ อาหริตฺวา ติปิฎกจูฬาภยเตฺถรสฺส กถยิํสุ – เอวํ เถเรน กถิตนฺติฯ ติปิฎกจูฬาภยเตฺถโร อาห – ‘‘สมฺมาสมฺพุเทฺธน อภิธมฺมํ ปตฺวา เอกปทสฺสาปิ ทฺวินฺนมฺปิ ปทานํ อาคตฎฺฐาเน นยํ ทาตุํ ยุตฺตฎฺฐาเน นโย อทิโนฺน นาม นตฺถิ, นยํ กาตุํ ยุตฺตฎฺฐาเน นโย อกโต นาม นตฺถิฯ อิธ ปเนกโจฺจ ‘อาจริโย อสฺมี’ติ วิจรโนฺต อกุสเล โอฬาริกสุขุมตํ อุทฺธรมาโน กุกฺกุจฺจายติฯ สมฺมาสมฺพุเทฺธน ปน โลกุตฺตเรปิ โอฬาริกสุขุมตา อุทฺธริตา’’ติฯ เอวญฺจ ปน วตฺวา อิทํ สุตฺตํ อาหริ – ‘‘ตตฺร, ภเนฺต, ยายํ ปฎิปทา ทุกฺขา ทนฺธาภิญฺญา, อยํ, ภเนฺต, ปฎิปทา อุภเยเนว หีนา อกฺขายติ – ทุกฺขตฺตา ทนฺธตฺตา จา’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๕๒)ฯ เอตฺถ หิ จตโสฺส ปฎิปทา โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา กถิตาฯ
Tipiṭakacūḷanāgatthero panāha – ‘‘akusale oḷārikasukhumatā nāma na uddharitabbā. Tañhi ekantaoḷārikameva. Lokuttarepi oḷārikasukhumatā na uddharitabbā. Tañhi ekantasukhuma’’nti . Imaṃ kathaṃ āharitvā tipiṭakacūḷābhayattherassa kathayiṃsu – evaṃ therena kathitanti. Tipiṭakacūḷābhayatthero āha – ‘‘sammāsambuddhena abhidhammaṃ patvā ekapadassāpi dvinnampi padānaṃ āgataṭṭhāne nayaṃ dātuṃ yuttaṭṭhāne nayo adinno nāma natthi, nayaṃ kātuṃ yuttaṭṭhāne nayo akato nāma natthi. Idha panekacco ‘ācariyo asmī’ti vicaranto akusale oḷārikasukhumataṃ uddharamāno kukkuccāyati. Sammāsambuddhena pana lokuttarepi oḷārikasukhumatā uddharitā’’ti. Evañca pana vatvā idaṃ suttaṃ āhari – ‘‘tatra, bhante, yāyaṃ paṭipadā dukkhā dandhābhiññā, ayaṃ, bhante, paṭipadā ubhayeneva hīnā akkhāyati – dukkhattā dandhattā cā’’ti (dī. ni. 3.152). Ettha hi catasso paṭipadā lokiyalokuttaramissakā kathitā.
ตํ ตํ วา ปนาติ เอตฺถ น เหฎฺฐิมนโย โอโลเกตโพฺพฯ ตํตํวาปนวเสเนว กเถตพฺพํฯ ทุวิธา หิ อกุสลา – โลภสหคตา โทสสหคตา จฯ ตตฺถ โทสสหคตา โอฬาริกา, โลภสหคตา สุขุมาฯ โทสสหคตาปิ ทุวิธา – นิยตา อนิยตา จฯ ตตฺถ นิยตา โอฬาริกา, อนิยตา สุขุมาฯ นิยตาปิ กปฺปฎฺฐิติกา โอฬาริกา, โนกปฺปฎฺฐิติกา สุขุมาฯ กปฺปฎฺฐิติกาปิ อสงฺขาริกา โอฬาริกา, สสงฺขาริกา สุขุมาฯ โลภสหคตาปิ ทฺวิธา – ทิฎฺฐิสมฺปยุตฺตา ทิฎฺฐิวิปฺปยุตฺตา จฯ ตตฺถ ทิฎฺฐิสมฺปยุตฺตา โอฬาริกา, ทิฎฺฐิวิปฺปยุตฺตา สุขุมาฯ ทิฎฺฐิสมฺปยุตฺตาปิ นิยตา โอฬาริกา, อนิยตา สุขุมาฯ สาปิ อสงฺขาริกา โอฬาริกา, สสงฺขาริกา สุขุมาฯ
Taṃ taṃ vā panāti ettha na heṭṭhimanayo oloketabbo. Taṃtaṃvāpanavaseneva kathetabbaṃ. Duvidhā hi akusalā – lobhasahagatā dosasahagatā ca. Tattha dosasahagatā oḷārikā, lobhasahagatā sukhumā. Dosasahagatāpi duvidhā – niyatā aniyatā ca. Tattha niyatā oḷārikā, aniyatā sukhumā. Niyatāpi kappaṭṭhitikā oḷārikā, nokappaṭṭhitikā sukhumā. Kappaṭṭhitikāpi asaṅkhārikā oḷārikā, sasaṅkhārikā sukhumā. Lobhasahagatāpi dvidhā – diṭṭhisampayuttā diṭṭhivippayuttā ca. Tattha diṭṭhisampayuttā oḷārikā, diṭṭhivippayuttā sukhumā. Diṭṭhisampayuttāpi niyatā oḷārikā, aniyatā sukhumā. Sāpi asaṅkhārikā oḷārikā, sasaṅkhārikā sukhumā.
สเงฺขปโต อกุสลํ ปตฺวา ยา วิปากํ พหุํ เทติ สา โอฬาริกา, ยา อปฺปํ สา สุขุมาฯ กุสลํ ปตฺวา ปน อปฺปวิปากา โอฬาริกา, พหุวิปากา สุขุมาฯ จตุพฺพิเธ กุสเล กามาวจรกุสลา โอฬาริกา, รูปาวจรกุสลา สุขุมาฯ สาปิ โอฬาริกา, อรูปาวจรกุสลา สุขุมา ฯ สาปิ โอฬาริกา, โลกุตฺตรกุสลา สุขุมาฯ อยํ ตาว ภูมีสุ อเภทโต นโยฯ
Saṅkhepato akusalaṃ patvā yā vipākaṃ bahuṃ deti sā oḷārikā, yā appaṃ sā sukhumā. Kusalaṃ patvā pana appavipākā oḷārikā, bahuvipākā sukhumā. Catubbidhe kusale kāmāvacarakusalā oḷārikā, rūpāvacarakusalā sukhumā. Sāpi oḷārikā, arūpāvacarakusalā sukhumā . Sāpi oḷārikā, lokuttarakusalā sukhumā. Ayaṃ tāva bhūmīsu abhedato nayo.
เภทโต ปน กามาวจรา ทานสีลภาวนามยวเสน ติวิธาฯ ตตฺถ ทานมยา โอฬาริกา, สีลมยา สุขุมาฯ สาปิ โอฬาริกา, ภาวนามยา สุขุมาฯ สาปิ ทุเหตุกา ติเหตุกาติ ทุวิธาฯ ตตฺถ ทุเหตุกา โอฬาริกา, ติเหตุกา สุขุมาฯ ติเหตุกาปิ สสงฺขาริกอสงฺขาริกเภทโต ทุวิธาฯ ตตฺถ สสงฺขาริกา โอฬาริกา, อสงฺขาริกา สุขุมาฯ รูปาวจเร ปฐมชฺฌานกุสลเวทนา โอฬาริกา, ทุติยชฺฌานกุสลเวทนา สุขุมา…เป.… จตุตฺถชฺฌานกุสลเวทนา สุขุมาฯ สาปิ โอฬาริกา, อากาสานญฺจายตนกุสลเวทนา สุขุมา อากาสานญฺจายตนกุสลเวทนา โอฬาริกา…เป.…ฯ เนวสญฺญานาสญฺญายตนกุสลเวทนา สุขุมาฯ สาปิ โอฬาริกา, วิปสฺสนาสหชาตา สุขุมาฯ สาปิ โอฬาริกา, โสตาปตฺติมคฺคสหชาตา สุขุมาฯ สาปิ โอฬาริกา…เป.… อรหตฺตมคฺคสหชาตา สุขุมาฯ
Bhedato pana kāmāvacarā dānasīlabhāvanāmayavasena tividhā. Tattha dānamayā oḷārikā, sīlamayā sukhumā. Sāpi oḷārikā, bhāvanāmayā sukhumā. Sāpi duhetukā tihetukāti duvidhā. Tattha duhetukā oḷārikā, tihetukā sukhumā. Tihetukāpi sasaṅkhārikaasaṅkhārikabhedato duvidhā. Tattha sasaṅkhārikā oḷārikā, asaṅkhārikā sukhumā. Rūpāvacare paṭhamajjhānakusalavedanā oḷārikā, dutiyajjhānakusalavedanā sukhumā…pe… catutthajjhānakusalavedanā sukhumā. Sāpi oḷārikā, ākāsānañcāyatanakusalavedanā sukhumā ākāsānañcāyatanakusalavedanā oḷārikā…pe…. Nevasaññānāsaññāyatanakusalavedanā sukhumā. Sāpi oḷārikā, vipassanāsahajātā sukhumā. Sāpi oḷārikā, sotāpattimaggasahajātā sukhumā. Sāpi oḷārikā…pe… arahattamaggasahajātā sukhumā.
จตุพฺพิเธ วิปาเก กามาวจรวิปากเวทนา โอฬาริกา, รูปาวจรวิปากเวทนา สุขุมาฯ สาปิ โอฬาริกา…เป.… โลกุตฺตรวิปากเวทนา สุขุมาฯ เอวํ ตาว อเภทโตฯ
Catubbidhe vipāke kāmāvacaravipākavedanā oḷārikā, rūpāvacaravipākavedanā sukhumā. Sāpi oḷārikā…pe… lokuttaravipākavedanā sukhumā. Evaṃ tāva abhedato.
เภทโต ปน กามาวจรวิปากา อตฺถิ อเหตุกา, อตฺถิ สเหตุกาฯ สเหตุกาปิ อตฺถิ ทุเหตุกา, อตฺถิ ติเหตุกาฯ ตตฺถ อเหตุกา โอฬาริกา, สเหตุกา สุขุมาฯ สาปิ ทุเหตุกา โอฬาริกา, ติเหตุกา สุขุมาฯ ตตฺถาปิ สสงฺขาริกา โอฬาริกา, อสงฺขาริกา สุขุมาฯ ปฐมชฺฌานวิปากา โอฬาริกา, ทุติยชฺฌานวิปากา สุขุมา…เป.… จตุตฺถชฺฌานวิปากา สุขุมาฯ สาปิ โอฬาริกา, อากาสานญฺจายตนวิปากา สุขุมาฯ สาปิ โอฬาริกา…เป.… เนวสญฺญานาสญฺญายตนวิปากา สุขุมาฯ สาปิ โอฬาริกา, โสตาปตฺติผลเวทนา สุขุมาฯ สาปิ โอฬาริกา, สกทาคามิ…เป.… อรหตฺตผลเวทนา สุขุมาฯ
Bhedato pana kāmāvacaravipākā atthi ahetukā, atthi sahetukā. Sahetukāpi atthi duhetukā, atthi tihetukā. Tattha ahetukā oḷārikā, sahetukā sukhumā. Sāpi duhetukā oḷārikā, tihetukā sukhumā. Tatthāpi sasaṅkhārikā oḷārikā, asaṅkhārikā sukhumā. Paṭhamajjhānavipākā oḷārikā, dutiyajjhānavipākā sukhumā…pe… catutthajjhānavipākā sukhumā. Sāpi oḷārikā, ākāsānañcāyatanavipākā sukhumā. Sāpi oḷārikā…pe… nevasaññānāsaññāyatanavipākā sukhumā. Sāpi oḷārikā, sotāpattiphalavedanā sukhumā. Sāpi oḷārikā, sakadāgāmi…pe… arahattaphalavedanā sukhumā.
ตีสุ กิริยาสุ กามาวจรกิริยเวทนา โอฬาริกา, รูปาวจรกิริยเวทนา สุขุมาฯ สาปิ โอฬาริกา, อรูปาวจรกิริยเวทนา สุขุมาฯ เอวํ ตาว อเภทโตฯ เภทโต ปน อเหตุกาทิวเสน ภินฺนาย กามาวจรกิริยาย อเหตุกกิริยเวทนา โอฬาริกา, สเหตุกา สุขุมาฯ สาปิ ทุเหตุกา โอฬาริกา, ติเหตุกา สุขุมาฯ ตตฺถาปิ สสงฺขาริกา โอฬาริกา, อสงฺขาริกา สุขุมาฯ ปฐมชฺฌาเน กิริยเวทนา โอฬาริกา, ทุติยชฺฌาเน สุขุมาฯ สาปิ โอฬาริกา, ตติเย…เป.… จตุเตฺถ สุขุมาฯ สาปิ โอฬาริกา, อากาสานญฺจายตนกิริยเวทนา สุขุมาฯ สาปิ โอฬาริกา, วิญฺญาณญฺจา…เป.… เนวสญฺญานาสญฺญายตนกิริยเวทนา สุขุมาฯ ยา โอฬาริกา สา หีนาฯ ยา สุขุมา สา ปณีตาฯ
Tīsu kiriyāsu kāmāvacarakiriyavedanā oḷārikā, rūpāvacarakiriyavedanā sukhumā. Sāpi oḷārikā, arūpāvacarakiriyavedanā sukhumā. Evaṃ tāva abhedato. Bhedato pana ahetukādivasena bhinnāya kāmāvacarakiriyāya ahetukakiriyavedanā oḷārikā, sahetukā sukhumā. Sāpi duhetukā oḷārikā, tihetukā sukhumā. Tatthāpi sasaṅkhārikā oḷārikā, asaṅkhārikā sukhumā. Paṭhamajjhāne kiriyavedanā oḷārikā, dutiyajjhāne sukhumā. Sāpi oḷārikā, tatiye…pe… catutthe sukhumā. Sāpi oḷārikā, ākāsānañcāyatanakiriyavedanā sukhumā. Sāpi oḷārikā, viññāṇañcā…pe… nevasaññānāsaññāyatanakiriyavedanā sukhumā. Yā oḷārikā sā hīnā. Yā sukhumā sā paṇītā.
๑๓. ทูรทุกนิเทฺทเส อกุสลเวทนา วิสภาคเฎฺฐน วิสํสเฎฺฐน จ กุสลาพฺยากตาหิ ทูเรฯ อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ ทูรตา เวทิตพฺพาฯ สเจปิ หิ อกุสลาทิเวทนาสมงฺคิโน ทุกฺขาทิเวทนาสมงฺคิโน จ ตโย ตโย ชนา เอกมเญฺจ นิสินฺนา โหนฺติ, เตสมฺปิ ตา เวทนา วิสภาคเฎฺฐน วิสํสเฎฺฐน จ ทูเรเยว นามฯ สมาปนฺนเวทนาทิสมงฺคีสุปิ เอเสว นโยฯ อกุสลา ปน อกุสลาย สภาคเฎฺฐน สริกฺขเฎฺฐน จ สนฺติเก นามฯ อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ สนฺติกตา เวทิตพฺพาฯ สเจปิ หิ อกุสลาทิเวทนาสมงฺคีสุ ตีสุ ชเนสุ เอโก กามภเว, เอโก รูปภเว, เอโก อรูปภเว, เตสมฺปิ ตา เวทนา สภาคเฎฺฐน สริกฺขเฎฺฐน จ สนฺติเกเยว นามฯ กุสลาทิเวทนาสมงฺคีสุปิ เอเสว นโยฯ
13. Dūradukaniddese akusalavedanā visabhāgaṭṭhena visaṃsaṭṭhena ca kusalābyākatāhi dūre. Iminā nayena sabbapadesu dūratā veditabbā. Sacepi hi akusalādivedanāsamaṅgino dukkhādivedanāsamaṅgino ca tayo tayo janā ekamañce nisinnā honti, tesampi tā vedanā visabhāgaṭṭhena visaṃsaṭṭhena ca dūreyeva nāma. Samāpannavedanādisamaṅgīsupi eseva nayo. Akusalā pana akusalāya sabhāgaṭṭhena sarikkhaṭṭhena ca santike nāma. Iminā nayena sabbapadesu santikatā veditabbā. Sacepi hi akusalādivedanāsamaṅgīsu tīsu janesu eko kāmabhave, eko rūpabhave, eko arūpabhave, tesampi tā vedanā sabhāgaṭṭhena sarikkhaṭṭhena ca santikeyeva nāma. Kusalādivedanāsamaṅgīsupi eseva nayo.
ตํ ตํ วา ปนาติ เอตฺถ เหฎฺฐิมนยํ อโนโลเกตฺวา ตํ ตํ วาปนวเสเนว กเถตพฺพํฯ กเถเนฺตน จ น ทูรโต สนฺติกํ อุทฺธริตพฺพํ, สนฺติกโต ปน ทูรํ อุทฺธริตพฺพํฯ ทุวิธา หิ อกุสลา – โลภสหคตา โทสสหคตา จฯ ตตฺถ โลภสหคตา โลภสหคตาย สนฺติเก นาม, โทสสหคตาย ทูเร นามฯ โทสสหคตา โทสสหคตาย สนฺติเก นาม, โลภสหคตาย ทูเร นามฯ โทสสหคตาปิ นิยตา นิยตาย สนฺติเก นามาติฯ เอวํ อนิยตาฯ กปฺปฎฺฐิติกอสงฺขาริกสสงฺขาริกเภทํ โลภสหคตาทีสุ จ ทิฎฺฐิสมฺปยุตฺตาทิเภทํ สพฺพํ โอฬาริกทุกนิเทฺทเส วิตฺถาริตวเสน อนุคนฺตฺวา เอเกกโกฎฺฐาสเวทนา ตํตํโกฎฺฐาสเวทนาย เอว สนฺติเก, อิตรา อิตราย ทูเรติ เวทิตพฺพาติฯ
Taṃ taṃ vā panāti ettha heṭṭhimanayaṃ anoloketvā taṃ taṃ vāpanavaseneva kathetabbaṃ. Kathentena ca na dūrato santikaṃ uddharitabbaṃ, santikato pana dūraṃ uddharitabbaṃ. Duvidhā hi akusalā – lobhasahagatā dosasahagatā ca. Tattha lobhasahagatā lobhasahagatāya santike nāma, dosasahagatāya dūre nāma. Dosasahagatā dosasahagatāya santike nāma, lobhasahagatāya dūre nāma. Dosasahagatāpi niyatā niyatāya santike nāmāti. Evaṃ aniyatā. Kappaṭṭhitikaasaṅkhārikasasaṅkhārikabhedaṃ lobhasahagatādīsu ca diṭṭhisampayuttādibhedaṃ sabbaṃ oḷārikadukaniddese vitthāritavasena anugantvā ekekakoṭṭhāsavedanā taṃtaṃkoṭṭhāsavedanāya eva santike, itarā itarāya dūreti veditabbāti.
อยํ เวทนากฺขนฺธนิเทฺทโสฯ
Ayaṃ vedanākkhandhaniddeso.
๓. สญฺญากฺขนฺธนิเทฺทโส
3. Saññākkhandhaniddeso
๑๔. สญฺญากฺขนฺธนิเทฺทเส ยา กาจิ สญฺญาติ จตุภูมิกสญฺญํ ปริยาทิยติฯ จกฺขุสมฺผสฺสชา สญฺญาติอาทีนิ อตีตาทิวเสน นิทฺทิฎฺฐสญฺญํ สภาวโต ทเสฺสตุํ วุตฺตานิฯ ตตฺถ จกฺขุสมฺผสฺสโต จกฺขุสมฺผสฺสสฺมิํ วา ชาตา จกฺขุสมฺผสฺสชา นามฯ เสสาสุปิ เอเสว นโย ฯ เอตฺถ จ ปุริมา ปญฺจ จกฺขุปสาทาทิวตฺถุกาวฯ มโนสมฺผสฺสชา หทยวตฺถุกาปิ อวตฺถุกาปิฯ สพฺพา จตุภูมิกสญฺญาฯ
14. Saññākkhandhaniddese yā kāci saññāti catubhūmikasaññaṃ pariyādiyati. Cakkhusamphassajā saññātiādīni atītādivasena niddiṭṭhasaññaṃ sabhāvato dassetuṃ vuttāni. Tattha cakkhusamphassato cakkhusamphassasmiṃ vā jātā cakkhusamphassajā nāma. Sesāsupi eseva nayo . Ettha ca purimā pañca cakkhupasādādivatthukāva. Manosamphassajā hadayavatthukāpi avatthukāpi. Sabbā catubhūmikasaññā.
๑๗. โอฬาริกทุกนิเทฺทเส ปฎิฆสมฺผสฺสชาติ สปฺปฎิเฆ จกฺขุปสาทาทโย วตฺถุํ กตฺวา สปฺปฎิเฆ รูปาทโย อารพฺภ อุปฺปโนฺน ผโสฺส ปฎิฆสมฺผโสฺส นามฯ ตโต ตสฺมิํ วา ชาตา ปฎิฆสมฺผสฺสชา นามฯ จกฺขุสมฺผสฺสชา สญฺญา…เป.… กายสมฺผสฺสชา สญฺญาติปิ ตสฺสาเยว วตฺถุโต นามํฯ รูปสญฺญา…เป.… โผฎฺฐพฺพสญฺญาติปิ ตสฺสาเยว อารมฺมณโต นามํฯ อิทํ ปน วตฺถารมฺมณโต นามํฯ สปฺปฎิฆานิ หิ วตฺถูนิ นิสฺสาย, สปฺปฎิฆานิ จ อารมฺมณานิ อารพฺภ อุปฺปตฺติโต เอสา ปฎิฆสมฺผสฺสชา สญฺญาติ วุตฺตาฯ มโนสมฺผสฺสชาติปิ ปริยาเยน เอติสฺสา นามํ โหติเยวฯ จกฺขุวิญฺญาณญฺหิ มโน นามฯ เตน สหชาโต ผโสฺส มโนสมฺผโสฺส นามฯ ตสฺมิํ มโนสมฺผเสฺส, ตสฺมา วา มโนสมฺผสฺสา ชาตาติ มโนสมฺผสฺสชาฯ ตถา โสตฆานชิวฺหากายวิญฺญาณํ มโน นามฯ เตน สหชาโต ผโสฺส มโนสมฺผโสฺส นามฯ ตสฺมิํ มโนสมฺผเสฺส, ตสฺมา วา มโนสมฺผสฺสา ชาตาติ มโนสมฺผสฺสชาฯ
17. Oḷārikadukaniddese paṭighasamphassajāti sappaṭighe cakkhupasādādayo vatthuṃ katvā sappaṭighe rūpādayo ārabbha uppanno phasso paṭighasamphasso nāma. Tato tasmiṃ vā jātā paṭighasamphassajā nāma. Cakkhusamphassajā saññā…pe… kāyasamphassajā saññātipi tassāyeva vatthuto nāmaṃ. Rūpasaññā…pe… phoṭṭhabbasaññātipi tassāyeva ārammaṇato nāmaṃ. Idaṃ pana vatthārammaṇato nāmaṃ. Sappaṭighāni hi vatthūni nissāya, sappaṭighāni ca ārammaṇāni ārabbha uppattito esā paṭighasamphassajā saññāti vuttā. Manosamphassajātipi pariyāyena etissā nāmaṃ hotiyeva. Cakkhuviññāṇañhi mano nāma. Tena sahajāto phasso manosamphasso nāma. Tasmiṃ manosamphasse, tasmā vā manosamphassā jātāti manosamphassajā. Tathā sotaghānajivhākāyaviññāṇaṃ mano nāma. Tena sahajāto phasso manosamphasso nāma. Tasmiṃ manosamphasse, tasmā vā manosamphassā jātāti manosamphassajā.
อธิวจนสมฺผสฺสชา สญฺญาติปิ ปริยาเยน เอติสฺสา นามํ โหติเยวฯ ตโย หิ อรูปิโน ขนฺธา สยํ ปิฎฺฐิวฎฺฎกา หุตฺวา อตฺตนา สหชาตาย สญฺญาย อธิวจนสมฺผสฺสชา สญฺญาติปิ นามํ กโรนฺติฯ นิปฺปริยาเยน ปน ปฎิฆสมฺผสฺสชา สญฺญา นาม ปญฺจทฺวาริกสญฺญา , อธิวจนสมฺผสฺสชา สญฺญา นาม มโนทฺวาริกสญฺญาฯ ตตฺถ ปญฺจทฺวาริกสญฺญา โอโลเกตฺวาปิ ชานิตุํ สกฺกาติ โอฬาริกาฯ รชฺชิตฺวา อุปนิชฺฌายนฺตญฺหิ ‘รชฺชิตฺวา อุปนิชฺฌายตี’ติ, กุชฺฌิตฺวา อุปนิชฺฌายนฺตํ ‘กุชฺฌิตฺวา อุปนิชฺฌายตี’ติ โอโลเกตฺวาว ชานนฺติฯ
Adhivacanasamphassajā saññātipi pariyāyena etissā nāmaṃ hotiyeva. Tayo hi arūpino khandhā sayaṃ piṭṭhivaṭṭakā hutvā attanā sahajātāya saññāya adhivacanasamphassajā saññātipi nāmaṃ karonti. Nippariyāyena pana paṭighasamphassajā saññā nāma pañcadvārikasaññā , adhivacanasamphassajā saññā nāma manodvārikasaññā. Tattha pañcadvārikasaññā oloketvāpi jānituṃ sakkāti oḷārikā. Rajjitvā upanijjhāyantañhi ‘rajjitvā upanijjhāyatī’ti, kujjhitvā upanijjhāyantaṃ ‘kujjhitvā upanijjhāyatī’ti oloketvāva jānanti.
ตตฺริทํ วตฺถุ – เทฺว กิร อิตฺถิโย นิสีทิตฺวา สุตฺตํ กนฺตนฺติฯ ทฺวีสุ ทหเรสุ คาเม จรเนฺตสุ เอโก ปุรโต คจฺฉโนฺต เอกํ อิตฺถิํ โอโลเกสิฯ อิตรา ตํ ปุจฺฉิ ‘กสฺมา นุ โข ตํ เอโส โอโลเกสี’ติ? ‘น เอโส ภิกฺขุ มํ วิสภาคจิเตฺตน โอโลเกสิ, กนิฎฺฐภคินีสญฺญาย ปน โอโลเกสี’ติฯ เตสุปิ คาเม จริตฺวา อาสนสาลาย นิสิเนฺนสุ อิตโร ภิกฺขุ ตํ ภิกฺขุํ ปุจฺฉิ – ‘ตยา สา อิตฺถี โอโลกิตา’ติ? ‘อาม โอโลกิตา’ฯ ‘กิมตฺถายา’ติ? ‘มยฺหํ ภคินีสริกฺขตฺตา ตํ โอโลเกสิ’นฺติ อาหฯ เอวํ ปญฺจทฺวาริกสญฺญา โอโลเกตฺวาปิ ชานิตุํ สกฺกาติ เวทิตพฺพาฯ สา ปเนสา ปสาทวตฺถุกา เอวฯ เกจิ ปน ชวนปฺปวตฺตาติ ทีเปนฺติฯ มโนทฺวาริกสญฺญา ปน เอกมเญฺจ วา เอกปีเฐ วา นิสีทิตฺวาปิ อญฺญํ จิเนฺตนฺตํ วิตเกฺกนฺตญฺจ ‘กิํ จิเนฺตสิ, กิํ วิตเกฺกสี’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺส วจนวเสเนว ชานิตพฺพโต สุขุมาฯ เสสํ เวทนากฺขนฺธสทิสเมวาติฯ
Tatridaṃ vatthu – dve kira itthiyo nisīditvā suttaṃ kantanti. Dvīsu daharesu gāme carantesu eko purato gacchanto ekaṃ itthiṃ olokesi. Itarā taṃ pucchi ‘kasmā nu kho taṃ eso olokesī’ti? ‘Na eso bhikkhu maṃ visabhāgacittena olokesi, kaniṭṭhabhaginīsaññāya pana olokesī’ti. Tesupi gāme caritvā āsanasālāya nisinnesu itaro bhikkhu taṃ bhikkhuṃ pucchi – ‘tayā sā itthī olokitā’ti? ‘Āma olokitā’. ‘Kimatthāyā’ti? ‘Mayhaṃ bhaginīsarikkhattā taṃ olokesi’nti āha. Evaṃ pañcadvārikasaññā oloketvāpi jānituṃ sakkāti veditabbā. Sā panesā pasādavatthukā eva. Keci pana javanappavattāti dīpenti. Manodvārikasaññā pana ekamañce vā ekapīṭhe vā nisīditvāpi aññaṃ cintentaṃ vitakkentañca ‘kiṃ cintesi, kiṃ vitakkesī’ti pucchitvā tassa vacanavaseneva jānitabbato sukhumā. Sesaṃ vedanākkhandhasadisamevāti.
อยํ สญฺญากฺขนฺธนิเทฺทโสฯ
Ayaṃ saññākkhandhaniddeso.
๔. สงฺขารกฺขนฺธนิเทฺทโส
4. Saṅkhārakkhandhaniddeso
๒๐. สงฺขารกฺขนฺธนิเทฺทเส เย เกจิ สงฺขาราติ จตุภูมิกสงฺขาเร ปริยาทิยติฯ จกฺขุสมฺผสฺสชา เจตนาติอาทีนิ อตีตาทิวเสน นิทฺทิฎฺฐสงฺขาเร สภาวโต ทเสฺสตุํ วุตฺตานิฯ จกฺขุสมฺผสฺสชาติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนวฯ เจตนาติ เหฎฺฐิมโกฎิยา ปธานสงฺขารวเสน วุตฺตํฯ เหฎฺฐิมโกฎิยา หิ อนฺตมโส จกฺขุวิญฺญาเณน สทฺธิํ ปาฬิยํ อาคตา จตฺตาโร สงฺขารา อุปฺปชฺชนฺติฯ เตสุ เจตนา ปธานา อายูหนเฎฺฐน ปากฎตฺตาฯ ตสฺมา อยเมว คหิตาฯ ตํสมฺปยุตฺตสงฺขารา ปน ตาย คหิตาย คหิตาว โหนฺติฯ อิธาปิ ปุริมา ปญฺจ จกฺขุปสาทาทิวตฺถุกาวฯ มโนสมฺผสฺสชา หทยวตฺถุกาปิ อวตฺถุกาปิฯ สพฺพา จตุภูมิกเจตนาฯ เสสํ เวทนากฺขนฺธสทิสเมวาติฯ
20. Saṅkhārakkhandhaniddese ye keci saṅkhārāti catubhūmikasaṅkhāre pariyādiyati. Cakkhusamphassajā cetanātiādīni atītādivasena niddiṭṭhasaṅkhāre sabhāvato dassetuṃ vuttāni. Cakkhusamphassajātiādīni vuttatthāneva. Cetanāti heṭṭhimakoṭiyā padhānasaṅkhāravasena vuttaṃ. Heṭṭhimakoṭiyā hi antamaso cakkhuviññāṇena saddhiṃ pāḷiyaṃ āgatā cattāro saṅkhārā uppajjanti. Tesu cetanā padhānā āyūhanaṭṭhena pākaṭattā. Tasmā ayameva gahitā. Taṃsampayuttasaṅkhārā pana tāya gahitāya gahitāva honti. Idhāpi purimā pañca cakkhupasādādivatthukāva. Manosamphassajā hadayavatthukāpi avatthukāpi. Sabbā catubhūmikacetanā. Sesaṃ vedanākkhandhasadisamevāti.
อยํ สงฺขารกฺขนฺธนิเทฺทโสฯ
Ayaṃ saṅkhārakkhandhaniddeso.
๕. วิญฺญาณกฺขนฺธนิเทฺทโส
5. Viññāṇakkhandhaniddeso
๒๖. วิญฺญาณกฺขนฺธนิเทฺทเส ยํ กิญฺจิ วิญฺญาณนฺติ จตุภูมกวิญฺญาณํ ปริยาทิยติฯ จกฺขุวิญฺญาณนฺติอาทีนิ อตีตาทิวเสน นิทฺทิฎฺฐวิญฺญาณํ สภาวโต ทเสฺสตุํ วุตฺตานิฯ ตตฺถ จกฺขุวิญฺญาณาทีนิ ปญฺจ จกฺขุปสาทาทิวตฺถุกาเนว, มโนวิญฺญาณํ หทยวตฺถุกมฺปิ อวตฺถุกมฺปิฯ สพฺพํ จตุภูมกวิญฺญาณํฯ เสสํ เวทนากฺขนฺธสทิสเมวาติฯ
26. Viññāṇakkhandhaniddese yaṃ kiñci viññāṇanti catubhūmakaviññāṇaṃ pariyādiyati. Cakkhuviññāṇantiādīni atītādivasena niddiṭṭhaviññāṇaṃ sabhāvato dassetuṃ vuttāni. Tattha cakkhuviññāṇādīni pañca cakkhupasādādivatthukāneva, manoviññāṇaṃ hadayavatthukampi avatthukampi. Sabbaṃ catubhūmakaviññāṇaṃ. Sesaṃ vedanākkhandhasadisamevāti.
อยํ วิญฺญาณกฺขนฺธนิเทฺทโสฯ
Ayaṃ viññāṇakkhandhaniddeso.
ปกิณฺณกกถา
Pakiṇṇakakathā
อิทานิ ปญฺจสุปิ ขเนฺธสุ สมุคฺคมโต, ปุพฺพาปรโต, อทฺธานปริเจฺฉทโต, เอกุปฺปาทนานานิโรธโต, นานุปฺปาทเอกนิโรธโต, เอกุปฺปาทเอกนิโรธโต, นานุปฺปาทนานานิโรธโต, อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนโต, อชฺฌตฺติกพาหิรโต, โอฬาริกสุขุมโต, หีนปณีตโต, ทูรสนฺติกโต, ปจฺจยโต, สมุฎฺฐานโต, ปรินิปฺผนฺนโต, สงฺขตโตติ โสฬสหากาเรหิ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํฯ
Idāni pañcasupi khandhesu samuggamato, pubbāparato, addhānaparicchedato, ekuppādanānānirodhato, nānuppādaekanirodhato, ekuppādaekanirodhato, nānuppādanānānirodhato, atītānāgatapaccuppannato, ajjhattikabāhirato, oḷārikasukhumato, hīnapaṇītato, dūrasantikato, paccayato, samuṭṭhānato, parinipphannato, saṅkhatatoti soḷasahākārehi pakiṇṇakaṃ veditabbaṃ.
ตตฺถ ทุวิโธ สมุคฺคโม – คพฺภเสยฺยกสมุคฺคโม, โอปปาติกสมุคฺคโมติฯ ตตฺถ คพฺภเสยฺยกสมุคฺคโม เอวํ เวทิตโพฺพ – คพฺภเสยฺยกสตฺตานญฺหิ ปฎิสนฺธิกฺขเณ ปญฺจกฺขนฺธา อปจฺฉาอปุเร เอกโต ปาตุภวนฺติฯ ตสฺมิํ ขเณ ปาตุภูตา กลลสงฺขาตา รูปสนฺตติ ปริตฺตา โหติฯ ขุทฺทกมกฺขิกาย เอกวายาเมน ปาตพฺพมตฺตาติ วตฺวา ปุน ‘อติพหุํ เอตํ, สณฺหสูจิยา เตเล ปกฺขิปิตฺวา อุกฺขิตฺตาย ปคฺฆริตฺวา อเคฺค ฐิตพินฺทุมตฺต’นฺติ วุตฺตํฯ ตมฺปิ ปฎิกฺขิปิตฺวา ‘เอกเกเส เตลโต อุทฺธริตฺวา คหิเต ตสฺส ปคฺฆริตฺวา อเคฺค ฐิตพินฺทุมตฺต’นฺติ วุตฺตํฯ ตมฺปิ ปฎิกฺขิปิตฺวา ‘อิมสฺมิํ ชนปเท มนุสฺสานํ เกเส อฎฺฐธา ผาลิเต ตโต เอกโกฎฺฐาสปฺปมาโณ อุตฺตรกุรุกานํ เกโส; ตสฺส ปสนฺนติลเตลโต อุทฺธฎสฺส อเคฺค ฐิตพินฺทุมตฺต’นฺติ วุตฺตํฯ ตมฺปิ ปฎิกฺขิปิตฺวา ‘เอตํ พหุ, ชาติอุณฺณา นาม สุขุมา; ตสฺสา เอกอํสุโน ปสนฺนติลเตเล ปกฺขิปิตฺวา อุทฺธฎสฺส ปคฺฆริตฺวา อเคฺค ฐิตพินฺทุมตฺต’นฺติ วุตฺตํฯ ตํ ปเนตํ อจฺฉํ โหติ วิปฺปสนฺนํ อนาวิลํ ปริสุทฺธํ ปสนฺนติลเตลพินฺทุสมานวณฺณํ ฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –
Tattha duvidho samuggamo – gabbhaseyyakasamuggamo, opapātikasamuggamoti. Tattha gabbhaseyyakasamuggamo evaṃ veditabbo – gabbhaseyyakasattānañhi paṭisandhikkhaṇe pañcakkhandhā apacchāapure ekato pātubhavanti. Tasmiṃ khaṇe pātubhūtā kalalasaṅkhātā rūpasantati parittā hoti. Khuddakamakkhikāya ekavāyāmena pātabbamattāti vatvā puna ‘atibahuṃ etaṃ, saṇhasūciyā tele pakkhipitvā ukkhittāya paggharitvā agge ṭhitabindumatta’nti vuttaṃ. Tampi paṭikkhipitvā ‘ekakese telato uddharitvā gahite tassa paggharitvā agge ṭhitabindumatta’nti vuttaṃ. Tampi paṭikkhipitvā ‘imasmiṃ janapade manussānaṃ kese aṭṭhadhā phālite tato ekakoṭṭhāsappamāṇo uttarakurukānaṃ keso; tassa pasannatilatelato uddhaṭassa agge ṭhitabindumatta’nti vuttaṃ. Tampi paṭikkhipitvā ‘etaṃ bahu, jātiuṇṇā nāma sukhumā; tassā ekaaṃsuno pasannatilatele pakkhipitvā uddhaṭassa paggharitvā agge ṭhitabindumatta’nti vuttaṃ. Taṃ panetaṃ acchaṃ hoti vippasannaṃ anāvilaṃ parisuddhaṃ pasannatilatelabindusamānavaṇṇaṃ . Vuttampi cetaṃ –
ติลเตลสฺส ยถา พินฺทุ, สปฺปิมโณฺฑ อนาวิโล;
Tilatelassa yathā bindu, sappimaṇḍo anāvilo;
เอวํ วณฺณปฎิภาคํ, กลลนฺติ ปวุจฺจตีติฯ
Evaṃ vaṇṇapaṭibhāgaṃ, kalalanti pavuccatīti.
เอวํ ปริตฺตาย รูปสนฺตติยา ตีณิ สนฺตติสีสานิ โหนฺติ – วตฺถุทสกํ, กายทสกํ, อิตฺถิยา อิตฺถินฺทฺริยวเสน ปุริสสฺส ปุริสินฺทฺริยวเสน ภาวทสกนฺติฯ ตตฺถ วตฺถุรูปํ, ตสฺส นิสฺสยานิ จตฺตาริ มหาภูตานิ, ตํนิสฺสิตา วณฺณคนฺธรโสชา, ชีวิตนฺติ – อิทํ วตฺถุทสกํ นามฯ กายปสาโท, ตสฺส นิสฺสยานิ จตฺตาริ มหาภูตานิ, ตนฺนิสฺสิตา วณฺณคนฺธรโสชา, ชีวิตนฺติ – อิทํ กายทสกํ นามฯ อิตฺถิยา อิตฺถิภาโว, ปุริสสฺส ปุริสภาโว, ตสฺส นิสฺสยานิ จตฺตาริ มหาภูตานิ, ตนฺนิสฺสิตา วณฺณคนฺธรโสชา, ชีวิตนฺติ – อิทํ ภาวทสกํ นามฯ
Evaṃ parittāya rūpasantatiyā tīṇi santatisīsāni honti – vatthudasakaṃ, kāyadasakaṃ, itthiyā itthindriyavasena purisassa purisindriyavasena bhāvadasakanti. Tattha vatthurūpaṃ, tassa nissayāni cattāri mahābhūtāni, taṃnissitā vaṇṇagandharasojā, jīvitanti – idaṃ vatthudasakaṃ nāma. Kāyapasādo, tassa nissayāni cattāri mahābhūtāni, tannissitā vaṇṇagandharasojā, jīvitanti – idaṃ kāyadasakaṃ nāma. Itthiyā itthibhāvo, purisassa purisabhāvo, tassa nissayāni cattāri mahābhūtāni, tannissitā vaṇṇagandharasojā, jīvitanti – idaṃ bhāvadasakaṃ nāma.
เอวํ คพฺภเสยฺยกานํ ปฎิสนฺธิยํ อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉเทน สมติํส กมฺมชรูปานิ รูปกฺขโนฺธ นาม โหติฯ ปฎิสนฺธิจิเตฺตน ปน สหชาตา เวทนา เวทนากฺขโนฺธ, สญฺญา สญฺญากฺขโนฺธ, สงฺขารา สงฺขารกฺขโนฺธ, ปฎิสนฺธิจิตฺตํ วิญฺญาณกฺขโนฺธติฯ เอวํ คพฺภเสยฺยกานํ ปฎิสนฺธิกฺขเณ ปญฺจกฺขนฺธา ปริปุณฺณา โหนฺติฯ สเจ ปน นปุํสกปฎิสนฺธิ โหติ, ภาวทสกํ หายติฯ ทฺวินฺนํ ทสกานํ วเสน สมวีสติ กมฺมชรูปานิ รูปกฺขโนฺธ นาม โหติฯ เวทนากฺขนฺธาทโย วุตฺตปฺปการา เอวาติฯ เอวมฺปิ คพฺภเสยฺยกานํ ปฎิสนฺธิกฺขเณ ปญฺจกฺขนฺธา ปริปุณฺณา โหนฺติฯ
Evaṃ gabbhaseyyakānaṃ paṭisandhiyaṃ ukkaṭṭhaparicchedena samatiṃsa kammajarūpāni rūpakkhandho nāma hoti. Paṭisandhicittena pana sahajātā vedanā vedanākkhandho, saññā saññākkhandho, saṅkhārā saṅkhārakkhandho, paṭisandhicittaṃ viññāṇakkhandhoti. Evaṃ gabbhaseyyakānaṃ paṭisandhikkhaṇe pañcakkhandhā paripuṇṇā honti. Sace pana napuṃsakapaṭisandhi hoti, bhāvadasakaṃ hāyati. Dvinnaṃ dasakānaṃ vasena samavīsati kammajarūpāni rūpakkhandho nāma hoti. Vedanākkhandhādayo vuttappakārā evāti. Evampi gabbhaseyyakānaṃ paṭisandhikkhaṇe pañcakkhandhā paripuṇṇā honti.
อิมสฺมิํ ฐาเน ติสมุฎฺฐานิกปฺปเวณี กเถตพฺพา ภเวยฺยฯ ตํ ปน อกเถตฺวา ‘โอปปาติกสมุคฺคโม’ นาม ทสฺสิโตฯ โอปปาติกานญฺหิ ปริปุณฺณายตนานํ ปฎิสนฺธิกฺขเณ เหฎฺฐา วุตฺตานิ ตีณิ, จกฺขุโสตฆานชิวฺหาทสกานิ จาติ สตฺต รูปสนฺตติสีสานิ ปาตุภวนฺติฯ ตตฺถ จกฺขุทสกาทีนิ กายทสกสทิสาเนวฯ นปุํสกสฺส ปน ภาวทสกํ นตฺถิฯ เอวํ ปริปุณฺณายตนานํ โอปปาติกานํ สมสตฺตติ เจว สมสฎฺฐิ จ กมฺมชรูปานิ รูปกฺขโนฺธ นามฯ เวทนากฺขนฺธาทโย วุตฺตปฺปการา เอวาติฯ เอวํ โอปปาติกานํ ปฎิสนฺธิกฺขเณ ปญฺจกฺขนฺธา ปริปุณฺณา โหนฺติฯ อยํ ‘โอปปาติกสมุคฺคโม’ นามฯ เอวํ ตาว ปญฺจกฺขนฺธา ‘สมุคฺคมโต’ เวทิตพฺพาฯ
Imasmiṃ ṭhāne tisamuṭṭhānikappaveṇī kathetabbā bhaveyya. Taṃ pana akathetvā ‘opapātikasamuggamo’ nāma dassito. Opapātikānañhi paripuṇṇāyatanānaṃ paṭisandhikkhaṇe heṭṭhā vuttāni tīṇi, cakkhusotaghānajivhādasakāni cāti satta rūpasantatisīsāni pātubhavanti. Tattha cakkhudasakādīni kāyadasakasadisāneva. Napuṃsakassa pana bhāvadasakaṃ natthi. Evaṃ paripuṇṇāyatanānaṃ opapātikānaṃ samasattati ceva samasaṭṭhi ca kammajarūpāni rūpakkhandho nāma. Vedanākkhandhādayo vuttappakārā evāti. Evaṃ opapātikānaṃ paṭisandhikkhaṇe pañcakkhandhā paripuṇṇā honti. Ayaṃ ‘opapātikasamuggamo’ nāma. Evaṃ tāva pañcakkhandhā ‘samuggamato’ veditabbā.
‘ปุพฺพาปรโต’ติ เอวํ ปน คพฺภเสยฺยกานํ อปจฺฉาอปุเร อุปฺปเนฺนสุ ปญฺจสุ ขเนฺธสุ กิํ รูปํ ปฐมํ รูปํ สมุฎฺฐาเปติ อุทาหุ อรูปนฺติ? รูปํ รูปเมว สมุฎฺฐาเปติ, น อรูปํฯ กสฺมา? ปฎิสนฺธิจิตฺตสฺส น รูปชนกตฺตาฯ สพฺพสตฺตานญฺหิ ปฎิสนฺธิจิตฺตํ, ขีณาสวสฺส จุติจิตฺตํ, ทฺวิปญฺจวิญฺญาณานิ, จตฺตาริ อรูปฺปวิปากานีติ โสฬส จิตฺตานิ รูปํ น สมุฎฺฐาเปนฺติฯ ตตฺถ ปฎิสนฺธิจิตฺตํ ตาว วตฺถุโน ทุพฺพลตาย อปฺปติฎฺฐิตตาย ปจฺจยเวกลฺลตาย อาคนฺตุกตาย จ รูปํ น สมุฎฺฐาเปติฯ ตตฺถ หิ สหชาตํ วตฺถุ อุปฺปาทกฺขเณ ทุพฺพลํ โหตีติ วตฺถุโน ทุพฺพลตาย รูปํ น สมุฎฺฐาเปติฯ ยถา จ ปปาเต ปตโนฺต ปุริโส อญฺญสฺส นิสฺสโย ภวิตุํ น สโกฺกติ, เอวํ เอตมฺปิ กมฺมเวคกฺขิตฺตตฺตา ปปาเต ปตมานํ วิย อปฺปติฎฺฐิตํฯ อิติ กมฺมเวคกฺขิตฺตตฺตา, อปฺปติฎฺฐิตตายปิ รูปํ น สมุฎฺฐาเปติฯ
‘Pubbāparato’ti evaṃ pana gabbhaseyyakānaṃ apacchāapure uppannesu pañcasu khandhesu kiṃ rūpaṃ paṭhamaṃ rūpaṃ samuṭṭhāpeti udāhu arūpanti? Rūpaṃ rūpameva samuṭṭhāpeti, na arūpaṃ. Kasmā? Paṭisandhicittassa na rūpajanakattā. Sabbasattānañhi paṭisandhicittaṃ, khīṇāsavassa cuticittaṃ, dvipañcaviññāṇāni, cattāri arūppavipākānīti soḷasa cittāni rūpaṃ na samuṭṭhāpenti. Tattha paṭisandhicittaṃ tāva vatthuno dubbalatāya appatiṭṭhitatāya paccayavekallatāya āgantukatāya ca rūpaṃ na samuṭṭhāpeti. Tattha hi sahajātaṃ vatthu uppādakkhaṇe dubbalaṃ hotīti vatthuno dubbalatāya rūpaṃ na samuṭṭhāpeti. Yathā ca papāte patanto puriso aññassa nissayo bhavituṃ na sakkoti, evaṃ etampi kammavegakkhittattā papāte patamānaṃ viya appatiṭṭhitaṃ. Iti kammavegakkhittattā, appatiṭṭhitatāyapi rūpaṃ na samuṭṭhāpeti.
ปฎิสนฺธิจิตฺตญฺจ วตฺถุนา สทฺธิํ อปจฺฉาอปุเร อุปฺปนฺนํฯ ตสฺส วตฺถุ ปุเรชาตํ หุตฺวา ปจฺจโย ภวิตุํ น สโกฺกติฯ สเจ สกฺกุเณยฺย, รูปํ สมุฎฺฐาเปยฺยฯ ยตฺราปิ วตฺถุ ปุเรชาตํ หุตฺวา ปจฺจโย ภวิตุํ สโกฺกติ, ปเวณี ฆฎิยติ, ตตฺราปิ จิตฺตํ องฺคโต อปริหีนํเยว รูปํ สมุฎฺฐาเปติฯ ยทิ หิ จิตฺตํ ฐานกฺขเณ วา ภงฺคกฺขเณ วา รูปํ สมุฎฺฐาเปยฺย, ปฎิสนฺธิจิตฺตมฺปิ รูปํ สมุฎฺฐาเปยฺยฯ น ปน จิตฺตํ ตสฺมิํ ขณทฺวเย รูปํ สมุฎฺฐาเปติฯ ยถา ปน อหิจฺฉตฺตกมกุลํ ปถวิโต อุฎฺฐหนฺตํ ปํสุจุณฺณํ คเหตฺวาว อุฎฺฐหติ, เอวํ จิตฺตํ ปุเรชาตํ วตฺถุํ นิสฺสาย อุปฺปาทกฺขเณ อฎฺฐ รูปานิ คเหตฺวาว อุฎฺฐหติฯ ปฎิสนฺธิกฺขเณ จ วตฺถุ ปุเรชาตํ หุตฺวา ปจฺจโย ภวิตุํ น สโกฺกตีติ ปจฺจยเวกลฺลตายปิ ปฎิสนฺธิจิตฺตํ รูปํ น สมุฎฺฐาเปติฯ
Paṭisandhicittañca vatthunā saddhiṃ apacchāapure uppannaṃ. Tassa vatthu purejātaṃ hutvā paccayo bhavituṃ na sakkoti. Sace sakkuṇeyya, rūpaṃ samuṭṭhāpeyya. Yatrāpi vatthu purejātaṃ hutvā paccayo bhavituṃ sakkoti, paveṇī ghaṭiyati, tatrāpi cittaṃ aṅgato aparihīnaṃyeva rūpaṃ samuṭṭhāpeti. Yadi hi cittaṃ ṭhānakkhaṇe vā bhaṅgakkhaṇe vā rūpaṃ samuṭṭhāpeyya, paṭisandhicittampi rūpaṃ samuṭṭhāpeyya. Na pana cittaṃ tasmiṃ khaṇadvaye rūpaṃ samuṭṭhāpeti. Yathā pana ahicchattakamakulaṃ pathavito uṭṭhahantaṃ paṃsucuṇṇaṃ gahetvāva uṭṭhahati, evaṃ cittaṃ purejātaṃ vatthuṃ nissāya uppādakkhaṇe aṭṭha rūpāni gahetvāva uṭṭhahati. Paṭisandhikkhaṇe ca vatthu purejātaṃ hutvā paccayo bhavituṃ na sakkotīti paccayavekallatāyapi paṭisandhicittaṃ rūpaṃ na samuṭṭhāpeti.
ยถา จ อาคนฺตุกปุริโส อคตปุพฺพํ ปเทสํ คโต อเญฺญสํ – ‘เอถ โภ, อโนฺตคาเม โว อนฺนปานคนฺธมาลาทีนิ ทสฺสามี’ติ วตฺตุํ น สโกฺกติ, อตฺตโน อวิสยตาย อปฺปหุตตาย, เอวเมว ปฎิสนฺธิจิตฺตํ อาคนฺตุกนฺติ อตฺตโน อาคนฺตุกตายปิ รูปํ น สมุฎฺฐาเปติฯ อปิจ สมติํส กมฺมชรูปานิ จิตฺตสมุฎฺฐานรูปานํ ฐานํ คเหตฺวา ฐิตานีติปิ ปฎิสนฺธิจิตฺตํ รูปํ น สมุฎฺฐาเปติฯ
Yathā ca āgantukapuriso agatapubbaṃ padesaṃ gato aññesaṃ – ‘etha bho, antogāme vo annapānagandhamālādīni dassāmī’ti vattuṃ na sakkoti, attano avisayatāya appahutatāya, evameva paṭisandhicittaṃ āgantukanti attano āgantukatāyapi rūpaṃ na samuṭṭhāpeti. Apica samatiṃsa kammajarūpāni cittasamuṭṭhānarūpānaṃ ṭhānaṃ gahetvā ṭhitānītipi paṭisandhicittaṃ rūpaṃ na samuṭṭhāpeti.
ขีณาสวสฺส ปน จุติจิตฺตํ วฎฺฎมูลสฺส วูปสนฺตตฺตา น สมุฎฺฐาเปติฯ ตสฺส หิ สพฺพภเวสุ วฎฺฎมูลํ วูปสนฺตํ อภพฺพุปฺปตฺติกํ ปุนพฺภเว ปเวณี นาม นตฺถิฯ โสตาปนฺนสฺส ปน สตฺต ภเว ฐเปตฺวา อฎฺฐเมว วฎฺฎมูลํ วูปสนฺตํฯ ตสฺมา ตสฺส จุติจิตฺตํ สตฺตสุ ภเวสุ รูปํ สมุฎฺฐาเปติ , สกทาคามิโน ทฺวีสุ, อนาคามิโน เอกสฺมิํฯ ขีณาสวสฺส สพฺพภเวสุ วฎฺฎมูลสฺส วูปสนฺตตฺตา เนว สมุฎฺฐาเปติฯ
Khīṇāsavassa pana cuticittaṃ vaṭṭamūlassa vūpasantattā na samuṭṭhāpeti. Tassa hi sabbabhavesu vaṭṭamūlaṃ vūpasantaṃ abhabbuppattikaṃ punabbhave paveṇī nāma natthi. Sotāpannassa pana satta bhave ṭhapetvā aṭṭhameva vaṭṭamūlaṃ vūpasantaṃ. Tasmā tassa cuticittaṃ sattasu bhavesu rūpaṃ samuṭṭhāpeti , sakadāgāmino dvīsu, anāgāmino ekasmiṃ. Khīṇāsavassa sabbabhavesu vaṭṭamūlassa vūpasantattā neva samuṭṭhāpeti.
ทฺวิปญฺจวิญฺญาเณสุ ปน ฌานงฺคํ นตฺถิ, มคฺคงฺคํ นตฺถิ, เหตุ นตฺถีติ จิตฺตงฺคํ ทุพฺพลํ โหตีติ จิตฺตงฺคทุพฺพลตาย ตานิ รูปํ น สมุฎฺฐาเปนฺติฯ จตฺตาริ อรูปวิปากานิ ตสฺมิํ ภเว รูปสฺส นตฺถิตาย รูปํ น สมุฎฺฐาเปนฺติฯ น เกวลญฺจ ตาเนว, ยานิ อญฺญานิปิ ตสฺมิํ ภเว อฎฺฐ กามาวจรกุสลานิ, ทส อกุสลานิ, นว กิริยจิตฺตานิ, จตฺตาริ อารุปฺปกุสลานิ, จตโสฺส อารุปฺปกิริยา, ตีณิ มคฺคจิตฺตานิ, จตฺตาริ ผลจิตฺตานีติ เทฺวจตฺตาลีส จิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตานิปิ ตตฺถ รูปสฺส นตฺถิตาย เอว รูปํ น สมุฎฺฐาเปนฺติฯ เอวํ ปฎิสนฺธิจิตฺตํ รูปํ น สมุฎฺฐาเปติฯ
Dvipañcaviññāṇesu pana jhānaṅgaṃ natthi, maggaṅgaṃ natthi, hetu natthīti cittaṅgaṃ dubbalaṃ hotīti cittaṅgadubbalatāya tāni rūpaṃ na samuṭṭhāpenti. Cattāri arūpavipākāni tasmiṃ bhave rūpassa natthitāya rūpaṃ na samuṭṭhāpenti. Na kevalañca tāneva, yāni aññānipi tasmiṃ bhave aṭṭha kāmāvacarakusalāni, dasa akusalāni, nava kiriyacittāni, cattāri āruppakusalāni, catasso āruppakiriyā, tīṇi maggacittāni, cattāri phalacittānīti dvecattālīsa cittāni uppajjanti, tānipi tattha rūpassa natthitāya eva rūpaṃ na samuṭṭhāpenti. Evaṃ paṭisandhicittaṃ rūpaṃ na samuṭṭhāpeti.
อุตุ ปน ปฐมํ รูปํ สมุฎฺฐาเปติฯ โก เอส อุตุ นามาติ? ปฎิสนฺธิกฺขเณ อุปฺปนฺนานํ สมติํสกมฺมชรูปานํ อพฺภนฺตรา เตโชธาตุฯ สา ฐานํ ปตฺวา อฎฺฐ รูปานิ สมุฎฺฐาเปติฯ อุตุ นาม เจส ทนฺธนิโรโธ; จิตฺตํ ขิปฺปนิโรธํฯ ตสฺมิํ ธรเนฺตเยว โสฬส จิตฺตานิ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติฯ เตสุ ปฎิสนฺธิอนนฺตรํ ปฐมภวงฺคจิตฺตํ อุปฺปาทกฺขเณเยว อฎฺฐ รูปานิ สมุฎฺฐาเปติฯ ยทา ปน สทฺทสฺส อุปฺปตฺติกาโล ภวิสฺสติ, ตทา อุตุจิตฺตานิ สทฺทนวกํ นาม สมุฎฺฐาเปสฺสนฺติฯ กพฬีการาหาโรปิ ฐานํ ปตฺวา อฎฺฐ รูปานิ สมุฎฺฐาเปติฯ กุโต ปนสฺส กพฬีการาหาโรติ? มาติโตฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –
Utu pana paṭhamaṃ rūpaṃ samuṭṭhāpeti. Ko esa utu nāmāti? Paṭisandhikkhaṇe uppannānaṃ samatiṃsakammajarūpānaṃ abbhantarā tejodhātu. Sā ṭhānaṃ patvā aṭṭha rūpāni samuṭṭhāpeti. Utu nāma cesa dandhanirodho; cittaṃ khippanirodhaṃ. Tasmiṃ dharanteyeva soḷasa cittāni uppajjitvā nirujjhanti. Tesu paṭisandhianantaraṃ paṭhamabhavaṅgacittaṃ uppādakkhaṇeyeva aṭṭha rūpāni samuṭṭhāpeti. Yadā pana saddassa uppattikālo bhavissati, tadā utucittāni saddanavakaṃ nāma samuṭṭhāpessanti. Kabaḷīkārāhāropi ṭhānaṃ patvā aṭṭha rūpāni samuṭṭhāpeti. Kuto panassa kabaḷīkārāhāroti? Mātito. Vuttampi cetaṃ –
‘‘ยญฺจสฺส ภุญฺชตี มาตา, อนฺนํ ปานญฺจ โภชนํ;
‘‘Yañcassa bhuñjatī mātā, annaṃ pānañca bhojanaṃ;
เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, มาตุกุจฺฉิคโต นโร’’ติฯ (สํ. นิ. ๑.๒๓๕);
Tena so tattha yāpeti, mātukucchigato naro’’ti. (saṃ. ni. 1.235);
เอวํ กุจฺฉิคโต ทารโก มาตรา อโชฺฌหฎอนฺนปานโอชาย ยาเปติฯ สาว ฐานปฺปตฺตา อฎฺฐ รูปานิ สมุฎฺฐาเปติฯ นนุ จ สา โอชา ขรา? วตฺถุ สุขุมํ? กถํ ตตฺถ ปติฎฺฐาตีติ? ปฐมํ ตาว น ปติฎฺฐาติ; เอกสฺส วา ทฺวินฺนํ วา สตฺตาหานํ คตกาเล ปติฎฺฐาติฯ ตโต ปน ปุเร วา ปติฎฺฐาตุ ปจฺฉา วา; ยทา มาตรา อโชฺฌหฎอนฺนปานโอชา ทารกสฺส สรีเร ปติฎฺฐาติ, ตทา อฎฺฐ รูปานิ สมุฎฺฐาเปติฯ
Evaṃ kucchigato dārako mātarā ajjhohaṭaannapānaojāya yāpeti. Sāva ṭhānappattā aṭṭha rūpāni samuṭṭhāpeti. Nanu ca sā ojā kharā? Vatthu sukhumaṃ? Kathaṃ tattha patiṭṭhātīti? Paṭhamaṃ tāva na patiṭṭhāti; ekassa vā dvinnaṃ vā sattāhānaṃ gatakāle patiṭṭhāti. Tato pana pure vā patiṭṭhātu pacchā vā; yadā mātarā ajjhohaṭaannapānaojā dārakassa sarīre patiṭṭhāti, tadā aṭṭha rūpāni samuṭṭhāpeti.
โอปปาติกสฺสาปิ ปกติปฎิยตฺตานํ ขาทนียโภชนียานํ อตฺถิฎฺฐาเน นิพฺพตฺตสฺส ตานิ คเหตฺวา อโชฺฌหรโต ฐานปฺปตฺตา โอชา รูปํ สมุฎฺฐาเปติฯ เอโก อนฺนปานรหิเต อรเญฺญ นิพฺพตฺตติ, มหาฉาตโก โหติ, อตฺตโนว ชิวฺหาย เขฬํ ปริวเตฺตตฺวา คิลติฯ ตตฺราปิสฺส ฐานปฺปตฺตา โอชา รูปํ สมุฎฺฐาเปติฯ
Opapātikassāpi pakatipaṭiyattānaṃ khādanīyabhojanīyānaṃ atthiṭṭhāne nibbattassa tāni gahetvā ajjhoharato ṭhānappattā ojā rūpaṃ samuṭṭhāpeti. Eko annapānarahite araññe nibbattati, mahāchātako hoti, attanova jivhāya kheḷaṃ parivattetvā gilati. Tatrāpissa ṭhānappattā ojā rūpaṃ samuṭṭhāpeti.
เอวํ ปญฺจวีสติยา โกฎฺฐาเสสุ เทฺวว รูปานิ รูปํ สมุฎฺฐาเปนฺติ – เตโชธาตุ จ กพฬีการาหาโร จฯ อรูเปปิ เทฺวเยว ธมฺมา รูปํ สมุฎฺฐาเปนฺติ – จิตฺตเญฺจว กมฺมเจตนา จฯ ตตฺถ รูปํ อุปฺปาทกฺขเณ จ ภงฺคกฺขเณ จ ทุพฺพลํ, ฐานกฺขเณ พลวนฺติ ฐานกฺขเณ รูปํ สมุฎฺฐาเปติฯ จิตฺตํ ฐานกฺขเณ จ ภงฺคกฺขเณ จ ทุพฺพลํ, อุปฺปาทกฺขเณเยว พลวนฺติ อุปฺปาทกฺขเณเยว รูปํ สมุฎฺฐาเปติฯ กมฺมเจตนา นิรุทฺธาว ปจฺจโย โหติฯ อตีเต กปฺปโกฎิสตสหสฺสมตฺถเกปิ หิ อายูหิตํ กมฺมํ เอตรหิ ปจฺจโย โหติฯ เอตรหิ อายูหิตํ อนาคเต กปฺปโกฎิสตสหสฺสปริโยสาเนปิ ปจฺจโย โหตีติฯ เอวํ ‘ปุพฺพาปรโต’ เวทิตพฺพาฯ
Evaṃ pañcavīsatiyā koṭṭhāsesu dveva rūpāni rūpaṃ samuṭṭhāpenti – tejodhātu ca kabaḷīkārāhāro ca. Arūpepi dveyeva dhammā rūpaṃ samuṭṭhāpenti – cittañceva kammacetanā ca. Tattha rūpaṃ uppādakkhaṇe ca bhaṅgakkhaṇe ca dubbalaṃ, ṭhānakkhaṇe balavanti ṭhānakkhaṇe rūpaṃ samuṭṭhāpeti. Cittaṃ ṭhānakkhaṇe ca bhaṅgakkhaṇe ca dubbalaṃ, uppādakkhaṇeyeva balavanti uppādakkhaṇeyeva rūpaṃ samuṭṭhāpeti. Kammacetanā niruddhāva paccayo hoti. Atīte kappakoṭisatasahassamatthakepi hi āyūhitaṃ kammaṃ etarahi paccayo hoti. Etarahi āyūhitaṃ anāgate kappakoṭisatasahassapariyosānepi paccayo hotīti. Evaṃ ‘pubbāparato’ veditabbā.
‘อทฺธานปริเจฺฉทโต’ติ รูปํ กิตฺตกํ อทฺธานํ ติฎฺฐติ? อรูปํ กิตฺตกนฺติ? รูปํ ครุปริณามํ ทนฺธนิโรธํฯ อรูปํ ลหุปริณามํ ขิปฺปนิโรธํฯ รูเป ธรเนฺตเยว โสฬส จิตฺตานิ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติฯ ตํ ปน สตฺตรสเมน จิเตฺตน สทฺธิํ นิรุชฺฌติฯ ยถา หิ ปุริโส ‘ผลํ ปาเตสฺสามี’ติ มุคฺคเรน รุกฺขสาขํ ปหเรยฺย, ผลานิ จ ปตฺตานิ จ เอกกฺขเณเยว วณฺฎโต มุเจฺจยฺยุํฯ ตตฺถ ผลานิ อตฺตโน ภาริกตาย ปฐมตรํ ปถวิยํ ปตนฺติ, ปตฺตานิ ลหุกตาย ปจฺฉาฯ เอวเมว มุคฺครปฺปหาเรน ปตฺตานญฺจ ผลานญฺจ เอกกฺขเณ วณฺฎโต มุตฺตกาโล วิย ปฎิสนฺธิกฺขเณ รูปารูปธมฺมานํ เอกกฺขเณ ปาตุภาโว; ผลานํ ภาริกตาย ปฐมตรํ ปถวิยํ ปตนํ วิย รูเป ธรเนฺตเยว โสฬสนฺนํ จิตฺตานํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนํ; ปตฺตานํ ลหุกตาย ปจฺฉา ปถวิยํ ปตนํ วิย รูปสฺส สตฺตรสเมน จิเตฺตน สห นิรุชฺฌนํฯ
‘Addhānaparicchedato’ti rūpaṃ kittakaṃ addhānaṃ tiṭṭhati? Arūpaṃ kittakanti? Rūpaṃ garupariṇāmaṃ dandhanirodhaṃ. Arūpaṃ lahupariṇāmaṃ khippanirodhaṃ. Rūpe dharanteyeva soḷasa cittāni uppajjitvā nirujjhanti. Taṃ pana sattarasamena cittena saddhiṃ nirujjhati. Yathā hi puriso ‘phalaṃ pātessāmī’ti muggarena rukkhasākhaṃ pahareyya, phalāni ca pattāni ca ekakkhaṇeyeva vaṇṭato mucceyyuṃ. Tattha phalāni attano bhārikatāya paṭhamataraṃ pathaviyaṃ patanti, pattāni lahukatāya pacchā. Evameva muggarappahārena pattānañca phalānañca ekakkhaṇe vaṇṭato muttakālo viya paṭisandhikkhaṇe rūpārūpadhammānaṃ ekakkhaṇe pātubhāvo; phalānaṃ bhārikatāya paṭhamataraṃ pathaviyaṃ patanaṃ viya rūpe dharanteyeva soḷasannaṃ cittānaṃ uppajjitvā nirujjhanaṃ; pattānaṃ lahukatāya pacchā pathaviyaṃ patanaṃ viya rūpassa sattarasamena cittena saha nirujjhanaṃ.
ตตฺถ กิญฺจาปิ รูปํ ทนฺธนิโรธํ ครุปริณามํ, จิตฺตํ ขิปฺปนิโรธํ ลหุปริณามํ, รูปํ ปน อรูปํ อรูปํ วา รูปํ โอหาย ปวตฺติตุํ น สโกฺกนฺติฯ ทฺวินฺนมฺปิ เอกปฺปมาณาว ปวตฺติฯ ตตฺรายํ อุปมา – เอโก ปุริโส ลกุณฺฎกปาโท, เอโก ทีฆปาโทฯ เตสุ เอกโต มคฺคํ คจฺฉเนฺตสุ ยาว ทีฆปาโท เอกปทวารํ อกฺกมติ, ตาว อิตโร ปเท ปทํ อกฺกมิตฺวา โสฬสปทวาเรน คจฺฉติฯ ทีฆปาโท ลกุณฺฎกปาทสฺส โสฬส ปทวาเร อตฺตโน ปาทํ อญฺฉิตฺวา อากฑฺฒิตฺวา เอกเมว ปทวารํ กโรติฯ อิติ เอโกปิ เอกํ อติกฺกมิตุํ น สโกฺกติฯ ทฺวินฺนมฺปิ คมนํ เอกปฺปมาณเมว โหติฯ เอวํสมฺปทมิทํ ทฎฺฐพฺพํฯ ลกุณฺฎกปาทปุริโส วิย อรูปํ; ทีฆปาทปุริโส วิย รูปํ; ทีฆปาทสฺส เอกํ ปทวารํ อกฺกมณกาเล อิตรสฺส โสฬสปทวารอกฺกมนํ วิย รูเป ธรเนฺตเยว อรูปธเมฺมสุ โสฬสนฺนํ จิตฺตานํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนํ; ทฺวินฺนํ ปุริสานํ ลกุณฺฎกปาทปุริสสฺส โสฬส ปทวาเร อิตรสฺส อตฺตโน ปาทํ อญฺฉิตฺวา อากฑฺฒิตฺวา เอกปทวารกรณํ วิย รูปสฺส สตฺตรสเมน จิเตฺตน สทฺธิํ นิรุชฺฌนํ; ทฺวินฺนํ ปุริสานํ อญฺญมญฺญํ อโนหาย เอกปฺปมาเณเนว คมนํ วิย อรูปสฺส รูปํ รูปสฺส อรูปํ อโนหาย เอกปฺปมาเณเนว ปวตฺตนนฺติฯ เอวํ ‘อทฺธานปริเจฺฉทโต’ เวทิตพฺพาฯ
Tattha kiñcāpi rūpaṃ dandhanirodhaṃ garupariṇāmaṃ, cittaṃ khippanirodhaṃ lahupariṇāmaṃ, rūpaṃ pana arūpaṃ arūpaṃ vā rūpaṃ ohāya pavattituṃ na sakkonti. Dvinnampi ekappamāṇāva pavatti. Tatrāyaṃ upamā – eko puriso lakuṇṭakapādo, eko dīghapādo. Tesu ekato maggaṃ gacchantesu yāva dīghapādo ekapadavāraṃ akkamati, tāva itaro pade padaṃ akkamitvā soḷasapadavārena gacchati. Dīghapādo lakuṇṭakapādassa soḷasa padavāre attano pādaṃ añchitvā ākaḍḍhitvā ekameva padavāraṃ karoti. Iti ekopi ekaṃ atikkamituṃ na sakkoti. Dvinnampi gamanaṃ ekappamāṇameva hoti. Evaṃsampadamidaṃ daṭṭhabbaṃ. Lakuṇṭakapādapuriso viya arūpaṃ; dīghapādapuriso viya rūpaṃ; dīghapādassa ekaṃ padavāraṃ akkamaṇakāle itarassa soḷasapadavāraakkamanaṃ viya rūpe dharanteyeva arūpadhammesu soḷasannaṃ cittānaṃ uppajjitvā nirujjhanaṃ; dvinnaṃ purisānaṃ lakuṇṭakapādapurisassa soḷasa padavāre itarassa attano pādaṃ añchitvā ākaḍḍhitvā ekapadavārakaraṇaṃ viya rūpassa sattarasamena cittena saddhiṃ nirujjhanaṃ; dvinnaṃ purisānaṃ aññamaññaṃ anohāya ekappamāṇeneva gamanaṃ viya arūpassa rūpaṃ rūpassa arūpaṃ anohāya ekappamāṇeneva pavattananti. Evaṃ ‘addhānaparicchedato’ veditabbā.
‘เอกุปฺปาทนานานิโรธโต’ติ อิทํ ปจฺฉิมกมฺมชํ ฐเปตฺวา ทีเปตพฺพํฯ ปฐมญฺหิ ปฎิสนฺธิจิตฺตํ, ทุติยํ ภวงฺคํ, ตติยํ ภวงฺคํ…เป.… โสฬสมํ ภวงฺคํฯ เตสุ เอเกกสฺส อุปฺปาทฎฺฐิติภงฺควเสน ตโย ตโย ขณาฯ ตตฺถ เอเกกสฺส จิตฺตสฺส ตีสุ ตีสุ ขเณสุ สมติํส สมติํส กมฺมชรูปานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ เตสุ ปฎิสนฺธิจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ สมุฎฺฐิตํ กมฺมชรูปํ สตฺตรสมสฺส ภวงฺคจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณเยว นิรุชฺฌติ; ฐิติกฺขเณ สมุฎฺฐิตํ ฐิติกฺขเณเยว; ภงฺคกฺขเณ สมุฎฺฐิตํ ภงฺคกฺขเณเยว นิรุชฺฌติฯ เอวํ ทุติยภวงฺคจิตฺตํ อาทิํ กตฺวา อตฺตโน อตฺตโน สตฺตรสเมน จิเตฺตน สทฺธิํ โยเชตฺวา นโย เนตโพฺพฯ อิติ โสฬส ติกา อฎฺฐจตฺตาลีส โหนฺติฯ อยํ อฎฺฐจตฺตาลีสกมฺมชรูปปเวณี นามฯ สา ปเนสา รตฺติญฺจ ทิวา จ ขาทนฺตานมฺปิ ภุญฺชนฺตานมฺปิ สุตฺตานมฺปิ ปมตฺตานมฺปิ นทีโสโต วิย เอกนฺตํ ปวตฺตติ เยวาติฯ เอวํ ‘เอกุปฺปาทนานานิโรธโต’ เวทิตพฺพาฯ
‘Ekuppādanānānirodhato’ti idaṃ pacchimakammajaṃ ṭhapetvā dīpetabbaṃ. Paṭhamañhi paṭisandhicittaṃ, dutiyaṃ bhavaṅgaṃ, tatiyaṃ bhavaṅgaṃ…pe… soḷasamaṃ bhavaṅgaṃ. Tesu ekekassa uppādaṭṭhitibhaṅgavasena tayo tayo khaṇā. Tattha ekekassa cittassa tīsu tīsu khaṇesu samatiṃsa samatiṃsa kammajarūpāni uppajjanti. Tesu paṭisandhicittassa uppādakkhaṇe samuṭṭhitaṃ kammajarūpaṃ sattarasamassa bhavaṅgacittassa uppādakkhaṇeyeva nirujjhati; ṭhitikkhaṇe samuṭṭhitaṃ ṭhitikkhaṇeyeva; bhaṅgakkhaṇe samuṭṭhitaṃ bhaṅgakkhaṇeyeva nirujjhati. Evaṃ dutiyabhavaṅgacittaṃ ādiṃ katvā attano attano sattarasamena cittena saddhiṃ yojetvā nayo netabbo. Iti soḷasa tikā aṭṭhacattālīsa honti. Ayaṃ aṭṭhacattālīsakammajarūpapaveṇī nāma. Sā panesā rattiñca divā ca khādantānampi bhuñjantānampi suttānampi pamattānampi nadīsoto viya ekantaṃ pavattati yevāti. Evaṃ ‘ekuppādanānānirodhato’ veditabbā.
‘นานุปฺปาทเอกนิโรธตา’ ปจฺฉิมกมฺมเชน ทีเปตพฺพาฯ ตตฺถ อายุสํขารปริโยสาเน โสฬสนฺนํ จิตฺตานํ วาเร สติ เหฎฺฐาโสฬสกํ อุปริโสฬสกนฺติ เทฺว เอกโต โยเชตพฺพานิฯ เหฎฺฐาโสฬสกสฺมิญฺหิ ปฐมจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ สมุฎฺฐิตํ สมติํสกมฺมชรูปํ อุปริโสฬสกสฺมิํ ปฐมจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณเยว นิรุชฺฌติ; ฐิติกฺขเณ สมุฎฺฐิตํ ตสฺส ฐิติกฺขเณเยว ภงฺคกฺขเณ สมุฎฺฐิตํ ตสฺส ภงฺคกฺขเณเยว นิรุชฺฌติฯ เหฎฺฐิมโสฬสกสฺมิํ ปน ทุติยจิตฺตสฺส…เป.… โสฬสมจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ สมุฎฺฐิตํ สมติํสกมฺมชรูปํ จุติจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณเยว นิรุชฺฌติ; ตสฺส ฐิติกฺขเณ สมุฎฺฐิตํ จุติจิตฺตสฺส ฐิติกฺขเณเยว; ภงฺคกฺขเณ สมุฎฺฐิตํ จุติจิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณเยว นิรุชฺฌติฯ ตโต ปฎฺฐาย กมฺมชรูปปเวณี น ปวตฺตติฯ ยทิ ปวเตฺตยฺย, สตฺตา อกฺขยา อวยา อชรา อมรา นาม ภเวยฺยุํฯ
‘Nānuppādaekanirodhatā’ pacchimakammajena dīpetabbā. Tattha āyusaṃkhārapariyosāne soḷasannaṃ cittānaṃ vāre sati heṭṭhāsoḷasakaṃ uparisoḷasakanti dve ekato yojetabbāni. Heṭṭhāsoḷasakasmiñhi paṭhamacittassa uppādakkhaṇe samuṭṭhitaṃ samatiṃsakammajarūpaṃ uparisoḷasakasmiṃ paṭhamacittassa uppādakkhaṇeyeva nirujjhati; ṭhitikkhaṇe samuṭṭhitaṃ tassa ṭhitikkhaṇeyeva bhaṅgakkhaṇe samuṭṭhitaṃ tassa bhaṅgakkhaṇeyeva nirujjhati. Heṭṭhimasoḷasakasmiṃ pana dutiyacittassa…pe… soḷasamacittassa uppādakkhaṇe samuṭṭhitaṃ samatiṃsakammajarūpaṃ cuticittassa uppādakkhaṇeyeva nirujjhati; tassa ṭhitikkhaṇe samuṭṭhitaṃ cuticittassa ṭhitikkhaṇeyeva; bhaṅgakkhaṇe samuṭṭhitaṃ cuticittassa bhaṅgakkhaṇeyeva nirujjhati. Tato paṭṭhāya kammajarūpapaveṇī na pavattati. Yadi pavatteyya, sattā akkhayā avayā ajarā amarā nāma bhaveyyuṃ.
เอตฺถ ปน ยเทตํ ‘สตฺตรสมสฺส ภวงฺคจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณเยว นิรุชฺฌตี’ติอาทินา นเยน ‘เอกสฺส จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺนํ รูปํ อญฺญสฺส อุปฺปาทกฺขเณ นิรุชฺฌตี’ติ อฎฺฐกถายํ อาคตตฺตา วุตฺตํ, ตํ ‘‘ยสฺส กายสงฺขาโร นิรุชฺฌติ, ตสฺส จิตฺตสงฺขาโร นิรุชฺฌตี’’ติ? ‘‘อามนฺตา’’ติ (ยม. ๒.สงฺขารยมก.๗๙) อิมาย ปาฬิยา วิรุชฺฌติฯ กถํ? กายสงฺขาโร หิ จิตฺตสมุฎฺฐาโน อสฺสาสปสฺสาสวาโตฯ จิตฺตสมุฎฺฐานรูปญฺจ จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปชฺชิตฺวา ยาว อญฺญานิ โสฬส จิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ ตาว ติฎฺฐติฯ เตสํ โสฬสนฺนํ สพฺพปจฺฉิเมน สทฺธิํ นิรุชฺฌติฯ อิติ เยน จิเตฺตน สทฺธิํ อุปฺปชฺชติ, ตโต ปฎฺฐาย สตฺตรสเมน สทฺธิํ นิรุชฺฌติ; น กสฺสจิ จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ วา ฐิติกฺขเณ วา นิรุชฺฌติ, นาปิ ฐิติกฺขเณ วา ภงฺคกฺขเณ วา อุปฺปชฺชติฯ เอสา จิตฺตสมุฎฺฐานรูปสฺส ธมฺมตาติ นิยมโต จิตฺตสงฺขาเรน สทฺธิํ เอกกฺขเณ นิรุชฺฌนโต ‘‘อามนฺตา’’ติ วุตฺตํฯ
Ettha pana yadetaṃ ‘sattarasamassa bhavaṅgacittassa uppādakkhaṇeyeva nirujjhatī’tiādinā nayena ‘ekassa cittassa uppādakkhaṇe uppannaṃ rūpaṃ aññassa uppādakkhaṇe nirujjhatī’ti aṭṭhakathāyaṃ āgatattā vuttaṃ, taṃ ‘‘yassa kāyasaṅkhāro nirujjhati, tassa cittasaṅkhāro nirujjhatī’’ti? ‘‘Āmantā’’ti (yama. 2.saṅkhārayamaka.79) imāya pāḷiyā virujjhati. Kathaṃ? Kāyasaṅkhāro hi cittasamuṭṭhāno assāsapassāsavāto. Cittasamuṭṭhānarūpañca cittassa uppādakkhaṇe uppajjitvā yāva aññāni soḷasa cittāni uppajjanti tāva tiṭṭhati. Tesaṃ soḷasannaṃ sabbapacchimena saddhiṃ nirujjhati. Iti yena cittena saddhiṃ uppajjati, tato paṭṭhāya sattarasamena saddhiṃ nirujjhati; na kassaci cittassa uppādakkhaṇe vā ṭhitikkhaṇe vā nirujjhati, nāpi ṭhitikkhaṇe vā bhaṅgakkhaṇe vā uppajjati. Esā cittasamuṭṭhānarūpassa dhammatāti niyamato cittasaṅkhārena saddhiṃ ekakkhaṇe nirujjhanato ‘‘āmantā’’ti vuttaṃ.
โย จายํ จิตฺตสมุฎฺฐานสฺส ขณนิยโม วุโตฺต กมฺมาทิสมุฎฺฐานสฺสาปิ อยเมว ขณนิยโมฯ ตสฺมา ปฎิสนฺธิจิเตฺตน สหุปฺปนฺนํ กมฺมชรูปํ ตโต ปฎฺฐาย สตฺตรสเมน สทฺธิํ นิรุชฺฌติฯ ปฎิสนฺธิจิตฺตสฺส ฐิติกฺขเณ อุปฺปนฺนํ อฎฺฐารสมสฺส อุปฺปาทกฺขเณ นิรุชฺฌติฯ ปฎิสนฺธิจิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ อุปฺปนฺนํ อฎฺฐารสมสฺส ฐานกฺขเณ นิรุชฺฌตีติ อิมินา นเยเนตฺถ โยชนา กาตพฺพาฯ ตโต ปรํ ปน อุตุสมุฎฺฐานิกปเวณีเยว ติฎฺฐติฯ ‘นีหริตฺวา ฌาเปถา’ติ วตฺตพฺพํ โหติฯ เอวํ ‘นานุปฺปาทเอกนิโรธโต’ เวทิตพฺพาฯ
Yo cāyaṃ cittasamuṭṭhānassa khaṇaniyamo vutto kammādisamuṭṭhānassāpi ayameva khaṇaniyamo. Tasmā paṭisandhicittena sahuppannaṃ kammajarūpaṃ tato paṭṭhāya sattarasamena saddhiṃ nirujjhati. Paṭisandhicittassa ṭhitikkhaṇe uppannaṃ aṭṭhārasamassa uppādakkhaṇe nirujjhati. Paṭisandhicittassa bhaṅgakkhaṇe uppannaṃ aṭṭhārasamassa ṭhānakkhaṇe nirujjhatīti iminā nayenettha yojanā kātabbā. Tato paraṃ pana utusamuṭṭhānikapaveṇīyeva tiṭṭhati. ‘Nīharitvā jhāpethā’ti vattabbaṃ hoti. Evaṃ ‘nānuppādaekanirodhato’ veditabbā.
‘เอกุปฺปาทเอกนิโรธโต’ติ รูปํ ปน รูเปน สห เอกุปฺปาทํ เอกนิโรธํฯ อรูปํ อรูเปน สห เอกุปฺปาทํ เอกนิโรธํฯ เอวํ ‘เอกุปฺปาทเอกนิโรธโต’ เวทิตพฺพาฯ
‘Ekuppādaekanirodhato’ti rūpaṃ pana rūpena saha ekuppādaṃ ekanirodhaṃ. Arūpaṃ arūpena saha ekuppādaṃ ekanirodhaṃ. Evaṃ ‘ekuppādaekanirodhato’ veditabbā.
‘นานุปฺปาทนานานิโรธตา’ ปน จตุสนฺตติรูเปน ทีเปตพฺพาฯ อิมสฺส หิ อุทฺธํ ปาทตลา อโธ เกสมตฺถกา ตจปริยนฺตสฺส สรีรสฺส ตตฺถ ตตฺถ จตุสนฺตติรูปํ ฆนปุญฺชภาเวน วตฺตติฯ เอวํ วตฺตมานสฺสาปิสฺส น เอกุปฺปาทาทิตา สลฺลเกฺขตพฺพาฯ ยถา ปน อุปจิกราชิ วา กิปิลฺลิกราชิ วา โอโลกิยมานา เอกาพทฺธา วิย โหติ, น ปน เอกาพทฺธาฯ อญฺญิสฺสา หิ สีสสนฺติเก อญฺญิสฺสา สีสมฺปิ อุทรมฺปิ ปาทาปิ, อญฺญิสฺสา อุทรสนฺติเก อญฺญิสฺสา สีสมฺปิ อุทรมฺปิ ปาทาปิ, อญฺญิสฺสา ปาทสนฺติเก อญฺญิสฺสา สีสมฺปิ อุทรมฺปิ ปาทาปิ โหนฺติฯ เอวเมว จตุสนฺตติรูปานมฺปิ อญฺญสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อญฺญสฺส อุปฺปาโทปิ โหติ ฐิติปิ ภโงฺคปิ, อญฺญสฺส ฐิติกฺขเณ อญฺญสฺส อุปฺปาโทปิ โหติ ฐิติปิ ภโงฺคปิ, อญฺญสฺส ภงฺคกฺขเณ อญฺญสฺส อุปฺปาโทปิ โหติ ฐิติปิ ภโงฺคปิฯ เอวเมตฺถ ‘นานุปฺปาทนานานิโรธตา’ เวทิตพฺพาฯ
‘Nānuppādanānānirodhatā’ pana catusantatirūpena dīpetabbā. Imassa hi uddhaṃ pādatalā adho kesamatthakā tacapariyantassa sarīrassa tattha tattha catusantatirūpaṃ ghanapuñjabhāvena vattati. Evaṃ vattamānassāpissa na ekuppādāditā sallakkhetabbā. Yathā pana upacikarāji vā kipillikarāji vā olokiyamānā ekābaddhā viya hoti, na pana ekābaddhā. Aññissā hi sīsasantike aññissā sīsampi udarampi pādāpi, aññissā udarasantike aññissā sīsampi udarampi pādāpi, aññissā pādasantike aññissā sīsampi udarampi pādāpi honti. Evameva catusantatirūpānampi aññassa uppādakkhaṇe aññassa uppādopi hoti ṭhitipi bhaṅgopi, aññassa ṭhitikkhaṇe aññassa uppādopi hoti ṭhitipi bhaṅgopi, aññassa bhaṅgakkhaṇe aññassa uppādopi hoti ṭhitipi bhaṅgopi. Evamettha ‘nānuppādanānānirodhatā’ veditabbā.
‘อตีตาทีนิ’ ปน ทูรทุกปริโยสานานิ ปาฬิยํ อาคตาเนวฯ ‘ปจฺจยสมุฎฺฐานานิ’ปิ ‘‘กมฺมชํ, กมฺมปจฺจยํ, กมฺมปจฺจยอุตุสมุฎฺฐาน’’นฺติอาทินา (ธ. ส. อฎฺฐ. ๙๗๕) นเยน เหฎฺฐา กถิตานิเยวฯ ปญฺจปิ ปน ขนฺธา ปรินิปฺผนฺนาว โหนฺติ, โน อปรินิปฺผนฺนา; สงฺขตาว โน อสงฺขตา; อปิจ นิปฺผนฺนาปิ โหนฺติเยวฯ สภาวธเมฺมสุ หิ นิพฺพานเมเวกํ อปรินิปฺผนฺนํ อนิปฺผนฺนญฺจฯ นิโรธสมาปตฺติ ปน นามปญฺญตฺติ จ กถนฺติ? นิโรธสมาปตฺติ โลกิยโลกุตฺตราติ วา สงฺขตาสงฺขตาติ วา ปรินิปฺผนฺนาปรินิปฺผนฺนาติ วา น วตฺตพฺพาฯ นิปฺผนฺนา ปน โหติ สมาปชฺชเนฺตน สมาปชฺชิตพฺพโตฯ ตถา นามปญฺญตฺติฯ สาปิ หิ โลกิยาทิเภทํ น ลภติ; นิปฺผนฺนา ปน โหติ โน อนิปฺผนฺนา; นามคฺคหณญฺหิ คณฺหโนฺตว คณฺหาตีติฯ
‘Atītādīni’ pana dūradukapariyosānāni pāḷiyaṃ āgatāneva. ‘Paccayasamuṭṭhānāni’pi ‘‘kammajaṃ, kammapaccayaṃ, kammapaccayautusamuṭṭhāna’’ntiādinā (dha. sa. aṭṭha. 975) nayena heṭṭhā kathitāniyeva. Pañcapi pana khandhā parinipphannāva honti, no aparinipphannā; saṅkhatāva no asaṅkhatā; apica nipphannāpi hontiyeva. Sabhāvadhammesu hi nibbānamevekaṃ aparinipphannaṃ anipphannañca. Nirodhasamāpatti pana nāmapaññatti ca kathanti? Nirodhasamāpatti lokiyalokuttarāti vā saṅkhatāsaṅkhatāti vā parinipphannāparinipphannāti vā na vattabbā. Nipphannā pana hoti samāpajjantena samāpajjitabbato. Tathā nāmapaññatti. Sāpi hi lokiyādibhedaṃ na labhati; nipphannā pana hoti no anipphannā; nāmaggahaṇañhi gaṇhantova gaṇhātīti.
กมาทิวินิจฺฉยกถา
Kamādivinicchayakathā
เอวํ ปกิณฺณกโต ขเนฺธ วิทิตฺวา ปุน เอเตสุเยว –
Evaṃ pakiṇṇakato khandhe viditvā puna etesuyeva –
ขเนฺธสุ ญาณเภทตฺถํ, กมโตถ วิเสสโต;
Khandhesu ñāṇabhedatthaṃ, kamatotha visesato;
อนูนาธิกโต เจว, อุปมาโต ตเถว จฯ
Anūnādhikato ceva, upamāto tatheva ca.
ทฎฺฐพฺพโต ทฺวิธา เอวํ, ปสฺสนฺตสฺสตฺถสิทฺธิโต;
Daṭṭhabbato dvidhā evaṃ, passantassatthasiddhito;
วินิจฺฉยนโย สมฺมา, วิญฺญาตโพฺพ วิภาวินาฯ
Vinicchayanayo sammā, viññātabbo vibhāvinā.
ตตฺถ ‘กมโต’ติ อิธ อุปฺปตฺติกฺกโม, ปหานกฺกโม, ปฎิปตฺติกฺกโม, ภูมิกฺกโม, เทสนากฺกโมติ พหุวิโธ กโมฯ
Tattha ‘kamato’ti idha uppattikkamo, pahānakkamo, paṭipattikkamo, bhūmikkamo, desanākkamoti bahuvidho kamo.
ตตฺถ ‘‘ปฐมํ กลลํ โหติ, กลลา โหติ อพฺพุท’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓๕) เอวมาทิ อุปฺปตฺติกฺกโมฯ ‘‘ทสฺสเนน ปหาตพฺพา ธมฺมา, ภาวนาย ปหาตพฺพา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๘) เอวมาทิ ปหานกฺกโมฯ ‘‘สีลวิสุทฺธิ, จิตฺตวิสุทฺธี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๙; ปฎิ. ม. ๓.๔๑) เอวมาทิ ปฎิปตฺติกฺกโมฯ ‘‘กามาวจรา , รูปาวจรา’’ติ เอวมาทิ ภูมิกฺกโมฯ ‘‘จตฺตาโร สติปฎฺฐานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๔๕) วา ‘‘ทานกถํ สีลกถ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๖๙; ที. นิ. ๑.๒๙๘) วา เอวมาทิ เทสนากฺกโมฯ เตสุ อิธ อุปฺปตฺติกฺกโม ตาว น ยุชฺชติ, กลลาทีนํ วิย ขนฺธานํ ปุพฺพาปริยววตฺถาเนน อนุปฺปตฺติโต; น ปหานกฺกโม กุสลาพฺยากตานํ อปฺปหาตพฺพโต; น ปฎิปตฺติกฺกโม อกุสลานํ อปฺปฎิปชฺชนียโต; น ภูมิกฺกโม เวทนาทีนํ จตุภูมกปริยาปนฺนตฺตาฯ
Tattha ‘‘paṭhamaṃ kalalaṃ hoti, kalalā hoti abbuda’’nti (saṃ. ni. 1.235) evamādi uppattikkamo. ‘‘Dassanena pahātabbā dhammā, bhāvanāya pahātabbā dhammā’’ti (dha. sa. tikamātikā 8) evamādi pahānakkamo. ‘‘Sīlavisuddhi, cittavisuddhī’’ti (ma. ni. 1.259; paṭi. ma. 3.41) evamādi paṭipattikkamo. ‘‘Kāmāvacarā , rūpāvacarā’’ti evamādi bhūmikkamo. ‘‘Cattāro satipaṭṭhānā, cattāro sammappadhānā’’ti (dī. ni. 3.145) vā ‘‘dānakathaṃ sīlakatha’’nti (ma. ni. 2.69; dī. ni. 1.298) vā evamādi desanākkamo. Tesu idha uppattikkamo tāva na yujjati, kalalādīnaṃ viya khandhānaṃ pubbāpariyavavatthānena anuppattito; na pahānakkamo kusalābyākatānaṃ appahātabbato; na paṭipattikkamo akusalānaṃ appaṭipajjanīyato; na bhūmikkamo vedanādīnaṃ catubhūmakapariyāpannattā.
เทสนากฺกโม ปน ยุชฺชติฯ อเภเทน หิ ยํ ปญฺจสุ ขเนฺธสุ อตฺตคฺคาหปติตํ เวเนยฺยชนํ สมูหฆนวินิโพฺภคทสฺสเนน อตฺตคฺคาหโต โมเจตุกาโม ภควา หิตกาโม ตสฺส ชนสฺส สุขคฺคหณตฺถํ จกฺขุอาทีนมฺปิ วิสยภูตํ โอฬาริกํ ปฐมํ รูปกฺขนฺธํ เทเสสิฯ ตโต อิฎฺฐานิฎฺฐรูปสํเวทิตํ เวทนํ, ยํ เวทยติ ตํ สญฺชานาตีติ เอวํ เวทนาวิสยสฺส อาการคฺคาหิกํ สญฺญํ, สญฺญาวเสน อภิสงฺขารเก สงฺขาเร, เตสํ เวทนาทีนํ นิสฺสยํ อธิปติภูตญฺจ วิญฺญาณนฺติ เอวํ ตาว ‘กมโต’ วินิจฺฉยนโย วิญฺญาตโพฺพฯ
Desanākkamo pana yujjati. Abhedena hi yaṃ pañcasu khandhesu attaggāhapatitaṃ veneyyajanaṃ samūhaghanavinibbhogadassanena attaggāhato mocetukāmo bhagavā hitakāmo tassa janassa sukhaggahaṇatthaṃ cakkhuādīnampi visayabhūtaṃ oḷārikaṃ paṭhamaṃ rūpakkhandhaṃ desesi. Tato iṭṭhāniṭṭharūpasaṃveditaṃ vedanaṃ, yaṃ vedayati taṃ sañjānātīti evaṃ vedanāvisayassa ākāraggāhikaṃ saññaṃ, saññāvasena abhisaṅkhārake saṅkhāre, tesaṃ vedanādīnaṃ nissayaṃ adhipatibhūtañca viññāṇanti evaṃ tāva ‘kamato’ vinicchayanayo viññātabbo.
‘วิเสสโต’ติ ขนฺธานญฺจ อุปาทานกฺขนฺธานญฺจ วิเสสโตฯ โก ปน เตสํ วิเสโส? ขนฺธา ตาว อวิเสสโต วุตฺตา, อุปาทานกฺขนฺธา สาสวอุปาทานียภาเวน วิเสเสตฺวาฯ ยถาห –
‘Visesato’ti khandhānañca upādānakkhandhānañca visesato. Ko pana tesaṃ viseso? Khandhā tāva avisesato vuttā, upādānakkhandhā sāsavaupādānīyabhāvena visesetvā. Yathāha –
‘‘ปญฺจ, ภิกฺขเว, ขเนฺธ เทเสสฺสามิ ปญฺจุปาทานกฺขเนฺธ จ, ตํ สุณาถฯ กตเม จ, ภิกฺขเว, ปญฺจกฺขนฺธา? ยํ กิญฺจิ, ภิกฺขเว, รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ…เป.… สนฺติเก วา – อยํ วุจฺจติ, รูปกฺขโนฺธฯ ยา กาจิ เวทนา…เป.… ยา กาจิ สญฺญา…เป.… เย เกจิ สงฺขารา…เป.… ยํ กิญฺจิ วิญฺญาณํ …เป.… สนฺติเก วา – อยํ วุจฺจติ, วิญฺญาณกฺขโนฺธฯ อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, ปญฺจกฺขนฺธาฯ กตเม จ, ภิกฺขเว, ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา? ยํ กิญฺจิ, ภิกฺขเว, รูปํ…เป.… สนฺติเก วา สาสวํ อุปาทานิยํ – อยํ วุจฺจติ, รูปูปาทานกฺขโนฺธฯ ยา กาจิ เวทนา…เป.… ยํ กิญฺจิ วิญฺญาณํ…เป.… สนฺติเก วา สาสวํ อุปาทานิยํ – อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, วิญฺญาณุปาทานกฺขโนฺธฯ อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๔๘)ฯ
‘‘Pañca, bhikkhave, khandhe desessāmi pañcupādānakkhandhe ca, taṃ suṇātha. Katame ca, bhikkhave, pañcakkhandhā? Yaṃ kiñci, bhikkhave, rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ…pe… santike vā – ayaṃ vuccati, rūpakkhandho. Yā kāci vedanā…pe… yā kāci saññā…pe… ye keci saṅkhārā…pe… yaṃ kiñci viññāṇaṃ …pe… santike vā – ayaṃ vuccati, viññāṇakkhandho. Ime vuccanti, bhikkhave, pañcakkhandhā. Katame ca, bhikkhave, pañcupādānakkhandhā? Yaṃ kiñci, bhikkhave, rūpaṃ…pe… santike vā sāsavaṃ upādāniyaṃ – ayaṃ vuccati, rūpūpādānakkhandho. Yā kāci vedanā…pe… yaṃ kiñci viññāṇaṃ…pe… santike vā sāsavaṃ upādāniyaṃ – ayaṃ vuccati, bhikkhave, viññāṇupādānakkhandho. Ime vuccanti, bhikkhave, pañcupādānakkhandhā’’ti (saṃ. ni. 3.48).
เอตฺถ จ ยถา เวทนาทโย อนาสวาปิ สาสวาปิ อตฺถิ, น เอวํ รูปํฯ ยสฺมา ปนสฺส ราสเฎฺฐน ขนฺธภาโว ยุชฺชติ ตสฺมา ขเนฺธสุ วุตฺตํฯ ยสฺมา ราสเฎฺฐน จ สาสวเฎฺฐน จ อุปาทานกฺขนฺธภาโว ยุชฺชติ ตสฺมา อุปาทานกฺขเนฺธสุ วุตฺตํฯ เวทนาทโย ปน อนาสวาว ขเนฺธสุ วุตฺตา, สาสวา อุปาทานกฺขเนฺธสุฯ ‘อุปาทานกฺขนฺธา’ติ เอตฺถ จ อุปาทานโคจรา ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธาติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อิธ ปน สเพฺพเปเต เอกชฺฌํ กตฺวา ขนฺธาติ อธิเปฺปตาฯ
Ettha ca yathā vedanādayo anāsavāpi sāsavāpi atthi, na evaṃ rūpaṃ. Yasmā panassa rāsaṭṭhena khandhabhāvo yujjati tasmā khandhesu vuttaṃ. Yasmā rāsaṭṭhena ca sāsavaṭṭhena ca upādānakkhandhabhāvo yujjati tasmā upādānakkhandhesu vuttaṃ. Vedanādayo pana anāsavāva khandhesu vuttā, sāsavā upādānakkhandhesu. ‘Upādānakkhandhā’ti ettha ca upādānagocarā khandhā upādānakkhandhāti evamattho daṭṭhabbo. Idha pana sabbepete ekajjhaṃ katvā khandhāti adhippetā.
‘อนูนาธิกโต’ติ กสฺมา ปน ภควตา ปเญฺจว ขนฺธา วุตฺตา อนูนา อนธิกาติ? สพฺพสงฺขตสภาเคกสงฺคหโต, อตฺตตฺตนิยคฺคาหวตฺถุสฺส เอตปฺปรมโต, อเญฺญสญฺจ ตทวโรธโตฯ อเนกปฺปเภเทสุ หิ สงฺขตธเมฺมสุ สภาควเสน สงฺคยฺหมาเนสุ รูปํ รูปสภาคสงฺคหวเสน เอโก ขโนฺธ โหติ, เวทนา เวทนาสภาคสงฺคหวเสน เอโก ขโนฺธ โหติฯ เอส นโย สญฺญาทีสุปิฯ ตสฺมา สพฺพสงฺขตสภาคสงฺคหโต ปเญฺจว วุตฺตาฯ เอตปรมเญฺจตํ อตฺตตฺตนิยคฺคาหวตฺถุ ยทิทํ รูปาทโย ปญฺจฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘รูเป โข, ภิกฺขเว, สติ รูปํ อุปาทาย รูปํ อภินิวิสฺส เอวํ ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ (สํ. นิ. ๓.๒๐๗)ฯ เวทนาย… สญฺญาย… สงฺขาเรสุ…ฯ วิญฺญาเณ สติ วิญฺญาณํ อุปาทาย วิญฺญาณํ อภินิวิสฺส เอวํ ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติฯ ตสฺมา อตฺตตฺตนิยคฺคาหวตฺถุสฺส เอตปรมโตปิ ปเญฺจว วุตฺตาฯ เยปิ จเญฺญ สีลาทโย ปญฺจ ธมฺมกฺขนฺธา วุตฺตา, เตปิ สงฺขารกฺขนฺธปริยาปนฺนตฺตา เอเตฺถว อวโรธํ คจฺฉนฺติฯ ตสฺมา อเญฺญสํ ตทวโรธโตปิ ปเญฺจว วุตฺตาติฯ เอวํ ‘อนูนาธิกโต’ วินิจฺฉยนโย วิญฺญาตโพฺพฯ
‘Anūnādhikato’ti kasmā pana bhagavatā pañceva khandhā vuttā anūnā anadhikāti? Sabbasaṅkhatasabhāgekasaṅgahato, attattaniyaggāhavatthussa etapparamato, aññesañca tadavarodhato. Anekappabhedesu hi saṅkhatadhammesu sabhāgavasena saṅgayhamānesu rūpaṃ rūpasabhāgasaṅgahavasena eko khandho hoti, vedanā vedanāsabhāgasaṅgahavasena eko khandho hoti. Esa nayo saññādīsupi. Tasmā sabbasaṅkhatasabhāgasaṅgahato pañceva vuttā. Etaparamañcetaṃ attattaniyaggāhavatthu yadidaṃ rūpādayo pañca. Vuttañhetaṃ – ‘‘rūpe kho, bhikkhave, sati rūpaṃ upādāya rūpaṃ abhinivissa evaṃ diṭṭhi uppajjati – ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’ti (saṃ. ni. 3.207). Vedanāya… saññāya… saṅkhāresu…. Viññāṇe sati viññāṇaṃ upādāya viññāṇaṃ abhinivissa evaṃ diṭṭhi uppajjati – ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’’’ti. Tasmā attattaniyaggāhavatthussa etaparamatopi pañceva vuttā. Yepi caññe sīlādayo pañca dhammakkhandhā vuttā, tepi saṅkhārakkhandhapariyāpannattā ettheva avarodhaṃ gacchanti. Tasmā aññesaṃ tadavarodhatopi pañceva vuttāti. Evaṃ ‘anūnādhikato’ vinicchayanayo viññātabbo.
‘อุปมาโต’ติ เอตฺถ หิ คิลานสาลูปโม รูปุปาทานกฺขโนฺธ คิลานูปมสฺส วิญฺญาณุปาทานกฺขนฺธสฺส วตฺถุทฺวารารมฺมณวเสน นิวาสนฎฺฐานโต, เคลญฺญูปโม เวทนุปาทานกฺขโนฺธ อาพาธกตฺตา, เคลญฺญสมุฎฺฐานูปโม สญฺญุปาทานกฺขโนฺธ กามสญฺญาทิวเสน ราคาทิสมฺปยุตฺตเวทนาสมฺภวา, อสปฺปายเสวนูปโม สงฺขารุปาทานกฺขโนฺธ เวทนาเคลญฺญสฺส นิทานตฺตาฯ ‘‘เวทนํ เวทนตฺตาย สงฺขตมภิสงฺขโรนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗๙) หิ วุตฺตํฯ ตถา ‘‘อกุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ กายวิญฺญาณํ อุปฺปนฺนํ โหติ ทุกฺขสหคต’’นฺติ (ธ. ส. ๕๕๖)ฯ คิลานูปโม วิญฺญาณุปาทานกฺขโนฺธ เวทนาเคลเญฺญน อปริมุตฺตตฺตาฯ อปิจ จารกการณอปราธการณการกอปราธิกูปมา เอเต ภาชนโภชนพฺยญฺชนปริเวสกภุญฺชกูปมา จาติ, เอวํ ‘อุปมาโต’ วินิจฺฉยนโย วิญฺญาตโพฺพฯ
‘Upamāto’ti ettha hi gilānasālūpamo rūpupādānakkhandho gilānūpamassa viññāṇupādānakkhandhassa vatthudvārārammaṇavasena nivāsanaṭṭhānato, gelaññūpamo vedanupādānakkhandho ābādhakattā, gelaññasamuṭṭhānūpamo saññupādānakkhandho kāmasaññādivasena rāgādisampayuttavedanāsambhavā, asappāyasevanūpamo saṅkhārupādānakkhandho vedanāgelaññassa nidānattā. ‘‘Vedanaṃ vedanattāya saṅkhatamabhisaṅkharontī’’ti (saṃ. ni. 3.79) hi vuttaṃ. Tathā ‘‘akusalassa kammassa katattā upacitattā vipākaṃ kāyaviññāṇaṃ uppannaṃ hoti dukkhasahagata’’nti (dha. sa. 556). Gilānūpamo viññāṇupādānakkhandho vedanāgelaññena aparimuttattā. Apica cārakakāraṇaaparādhakāraṇakārakaaparādhikūpamā ete bhājanabhojanabyañjanaparivesakabhuñjakūpamā cāti, evaṃ ‘upamāto’ vinicchayanayo viññātabbo.
‘ทฎฺฐพฺพโต ทฺวิธา’ติ สเงฺขปโต วิตฺถารโต จาติ เอวํ ทฺวิธา ทฎฺฐพฺพโต เปตฺถ วินิจฺฉยนโย วิญฺญาตโพฺพฯ สเงฺขปโต หิ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา อาสิวิสูปเม (สํ. นิ. ๔.๒๓๘) วุตฺตนเยน อุกฺขิตฺตาสิกปจฺจตฺถิกโต, ภารสุตฺตวเสน (สํ. นิ. ๓.๒๒) ภารโต, ขชฺชนียปริยายวเสน (สํ. นิ. ๓.๗๙) ขาทกโต, ยมกสุตฺตวเสน (สํ. นิ. ๓.๘๕) อนิจฺจทุกฺขานตฺตสงฺขตวธกโต ทฎฺฐพฺพาฯ
‘Daṭṭhabbato dvidhā’ti saṅkhepato vitthārato cāti evaṃ dvidhā daṭṭhabbato pettha vinicchayanayo viññātabbo. Saṅkhepato hi pañcupādānakkhandhā āsivisūpame (saṃ. ni. 4.238) vuttanayena ukkhittāsikapaccatthikato, bhārasuttavasena (saṃ. ni. 3.22) bhārato, khajjanīyapariyāyavasena (saṃ. ni. 3.79) khādakato, yamakasuttavasena (saṃ. ni. 3.85) aniccadukkhānattasaṅkhatavadhakato daṭṭhabbā.
วิตฺถารโต ปเนตฺถ เผณปิโณฺฑ วิย รูปํ ทฎฺฐพฺพํ, อุทกปุพฺพุโฬ วิย เวทนา, มรีจิกา วิย สญฺญา, กทลิกฺขโนฺธ วิย สงฺขารา, มายา วิย วิญฺญาณํฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Vitthārato panettha pheṇapiṇḍo viya rūpaṃ daṭṭhabbaṃ, udakapubbuḷo viya vedanā, marīcikā viya saññā, kadalikkhandho viya saṅkhārā, māyā viya viññāṇaṃ. Vuttañhetaṃ –
‘‘เผณปิณฺฑูปมํ รูปํ, เวทนา ปุพฺพุฬูปมา;
‘‘Pheṇapiṇḍūpamaṃ rūpaṃ, vedanā pubbuḷūpamā;
มรีจิกูปมา สญฺญา, สงฺขารา กทลูปมา;
Marīcikūpamā saññā, saṅkhārā kadalūpamā;
มายูปมญฺจ วิญฺญาณํ, เทสิตาทิจฺจพนฺธุนา’’ติฯ (สํ. นิ. ๓.๙๕);
Māyūpamañca viññāṇaṃ, desitādiccabandhunā’’ti. (saṃ. ni. 3.95);
ตตฺถ รูปาทีนํ เผณปิณฺฑาทีหิ เอวํ สทิสตา เวทิตพฺพา – ยถา หิ เผณปิโณฺฑ นิสฺสาโรว เอวํ รูปมฺปิ นิจฺจสารธุวสารอตฺตสารวิรเหน นิสฺสารเมวฯ ยถา จ โส ‘อิมินา ปตฺตํ วา ถาลกํ วา กริสฺสามี’ติ คเหตุํ น สกฺกา, คหิโตปิ ตมตฺถํ น สาเธติ ภิชฺชเตว; เอวํ รูปมฺปิ ‘นิจฺจ’นฺติ วา ‘ธุว’นฺติ วา ‘อห’นฺติ วา ‘มม’นฺติ วา คเหตุํ น สกฺกา, คหิตมฺปิ น ตถา ติฎฺฐติ, อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา อสุภเญฺญว โหตีติฯ เอวํ ‘เผณปิณฺฑสทิสเมว’ โหติฯ
Tattha rūpādīnaṃ pheṇapiṇḍādīhi evaṃ sadisatā veditabbā – yathā hi pheṇapiṇḍo nissārova evaṃ rūpampi niccasāradhuvasāraattasāravirahena nissārameva. Yathā ca so ‘iminā pattaṃ vā thālakaṃ vā karissāmī’ti gahetuṃ na sakkā, gahitopi tamatthaṃ na sādheti bhijjateva; evaṃ rūpampi ‘nicca’nti vā ‘dhuva’nti vā ‘aha’nti vā ‘mama’nti vā gahetuṃ na sakkā, gahitampi na tathā tiṭṭhati, aniccaṃ dukkhaṃ anattā asubhaññeva hotīti. Evaṃ ‘pheṇapiṇḍasadisameva’ hoti.
ยถา วา ปน เผณปิโณฺฑ ฉิทฺทาวฉิโทฺท อเนกสนฺธิฆฎิโต พหูนฺนํ อุทกสปฺปาทีนํ ปาณานํ อาวาโส, เอวํ รูปมฺปิ ฉิทฺทาวฉิทฺทํ อเนกสนฺธิฆฎิตํฯ กุลวเสน เจตฺถ อสีติ กิมิกุลานิ วสนฺติฯ ตเทว เตสํ สูติฆรมฺปิ วจฺจกุฎิปิ คิลานสาลาปิ สุสานมฺปิฯ น เต อญฺญตฺถ คนฺตฺวา คพฺภวุฎฺฐานาทีนิ กโรนฺติฯ เอวมฺปิ เผณปิณฺฑสทิสํฯ ยถา จ เผณปิโณฺฑ อาทิโตว พทรปกฺกมโตฺต หุตฺวา อนุปุเพฺพน ปพฺพตกูฎมโตฺตปิ โหติ, เอวํ รูปมฺปิ อาทิโต กลลมตฺตํ หุตฺวา อนุปุเพฺพน พฺยามมตฺตมฺปิ โคมหิํสหตฺถิอาทีนํ วเสน ปพฺพตกูฎมตฺตมฺปิ โหติ, มจฺฉกจฺฉปาทีนํ วเสน อเนกโยชนสตปฺปมาณมฺปิฯ เอวมฺปิ เผณปิณฺฑสทิสํฯ ยถา จ เผณปิโณฺฑ อุฎฺฐิตมโตฺตปิ ภิชฺชติ, โถกํ คนฺตฺวาปิ, สมุทฺทํ ปตฺวา ปน อวสฺสเมว ภิชฺชติ; เอวเมว รูปมฺปิ กลลภาเวปิ ภิชฺชติ, อพฺพุทาทิภาเว, อนฺตรา ปน อเภชฺชมานมฺปิ วสฺสสตายุกานํ วสฺสสตํ ปตฺวา อวสฺสเมว ภิชฺชติ, มรณมุเข จุณฺณวิจุณฺณํ โหติฯ เอวมฺปิ เผณปิณฺฑสทิสํฯ
Yathā vā pana pheṇapiṇḍo chiddāvachiddo anekasandhighaṭito bahūnnaṃ udakasappādīnaṃ pāṇānaṃ āvāso, evaṃ rūpampi chiddāvachiddaṃ anekasandhighaṭitaṃ. Kulavasena cettha asīti kimikulāni vasanti. Tadeva tesaṃ sūtigharampi vaccakuṭipi gilānasālāpi susānampi. Na te aññattha gantvā gabbhavuṭṭhānādīni karonti. Evampi pheṇapiṇḍasadisaṃ. Yathā ca pheṇapiṇḍo āditova badarapakkamatto hutvā anupubbena pabbatakūṭamattopi hoti, evaṃ rūpampi ādito kalalamattaṃ hutvā anupubbena byāmamattampi gomahiṃsahatthiādīnaṃ vasena pabbatakūṭamattampi hoti, macchakacchapādīnaṃ vasena anekayojanasatappamāṇampi. Evampi pheṇapiṇḍasadisaṃ. Yathā ca pheṇapiṇḍo uṭṭhitamattopi bhijjati, thokaṃ gantvāpi, samuddaṃ patvā pana avassameva bhijjati; evameva rūpampi kalalabhāvepi bhijjati, abbudādibhāve, antarā pana abhejjamānampi vassasatāyukānaṃ vassasataṃ patvā avassameva bhijjati, maraṇamukhe cuṇṇavicuṇṇaṃ hoti. Evampi pheṇapiṇḍasadisaṃ.
ยถา ปน ปุพฺพุโฬ อสาโร, เอวํ เวทนาปิฯ ยถา จ โส อพโล, อคยฺหุปโค, น สกฺกา ตํ คเหตฺวา ผลกํ วา อาสนํ วา กาตุํ, คหิตคฺคหิโตปิ ภิชฺชเตว; เอวํ เวทนาปิ อพลา, อคยฺหุปคา, น สกฺกา ‘นิจฺจา’ติ วา ‘ธุวา’ติ วา คเหตุํ, คหิตาปิ น ตถา ติฎฺฐติฯ เอวํ อคยฺหุปคตายปิ เวทนา ‘ปุพฺพุฬสทิสา’ฯ ยถา ปน ตสฺมิํ ตสฺมิํ อุทกพินฺทุมฺหิ ปุพฺพุโฬ อุปฺปชฺชติ เจว นิรุชฺฌติ จ, น จิรฎฺฐิติโก โหติ; เอวํ เวทนาปิ อุปฺปชฺชติ เจว นิรุชฺฌติ จ, น จิรฎฺฐิติกา โหติ, เอกจฺฉรกฺขเณ โกฎิสตสหสฺสสงฺขฺยา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติฯ ยถา จ ปุพฺพุโฬ อุทกตลํ, อุทกพินฺทุํ , อุทกชลฺลกํ สงฺกฑฺฒิตฺวา ปุฎํ กตฺวา คหณวาตญฺจาติ จตฺตาริ การณานิ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ; เอวํ เวทนาปิ วตฺถุํ, อารมฺมณํ, กิเลสชาลํ, ผสฺสสงฺฆฎฺฎนญฺจาติ จตฺตาริ การณานิ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติฯ เอวมฺปิ เวทนา ปุพฺพุฬสทิสาฯ
Yathā pana pubbuḷo asāro, evaṃ vedanāpi. Yathā ca so abalo, agayhupago, na sakkā taṃ gahetvā phalakaṃ vā āsanaṃ vā kātuṃ, gahitaggahitopi bhijjateva; evaṃ vedanāpi abalā, agayhupagā, na sakkā ‘niccā’ti vā ‘dhuvā’ti vā gahetuṃ, gahitāpi na tathā tiṭṭhati. Evaṃ agayhupagatāyapi vedanā ‘pubbuḷasadisā’. Yathā pana tasmiṃ tasmiṃ udakabindumhi pubbuḷo uppajjati ceva nirujjhati ca, na ciraṭṭhitiko hoti; evaṃ vedanāpi uppajjati ceva nirujjhati ca, na ciraṭṭhitikā hoti, ekaccharakkhaṇe koṭisatasahassasaṅkhyā uppajjitvā nirujjhati. Yathā ca pubbuḷo udakatalaṃ, udakabinduṃ , udakajallakaṃ saṅkaḍḍhitvā puṭaṃ katvā gahaṇavātañcāti cattāri kāraṇāni paṭicca uppajjati; evaṃ vedanāpi vatthuṃ, ārammaṇaṃ, kilesajālaṃ, phassasaṅghaṭṭanañcāti cattāri kāraṇāni paṭicca uppajjati. Evampi vedanā pubbuḷasadisā.
สญฺญาปิ อสารกเฎฺฐน ‘มรีจิสทิสา’ฯ ตถา อคยฺหุปคเฎฺฐน; น หิ สกฺกา ตํ คเหตฺวา ปิวิตุํ วา นฺหายิตุํ วา ภาชนํ วา ปูเรตุํฯ อปิจ ยถา มรีจิ วิปฺผนฺทติ, สญฺชาตูมิเวโค วิย ขายติ; เอวํ นีลสญฺญาทิเภทา สญฺญาปิ นีลาทิอนุภวนตฺถาย ผนฺทติ วิปฺผนฺทติฯ ยถา จ มรีจิ มหาชนํ วิปฺปลเมฺภติ , ‘ปริปุณฺณวาปี วิย ปริปุณฺณนที วิย ทิสฺสตี’ติ วทาเปติ; เอวํ สญฺญาปิ วิปฺปลเมฺภติ, ‘อิทํ นีลกํ สุภํ สุขํ นิจฺจ’นฺติ วทาเปติฯ ปีตกาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอวํ วิปฺปลมฺภเนนาปิ มรีจิสทิสาฯ
Saññāpi asārakaṭṭhena ‘marīcisadisā’. Tathā agayhupagaṭṭhena; na hi sakkā taṃ gahetvā pivituṃ vā nhāyituṃ vā bhājanaṃ vā pūretuṃ. Apica yathā marīci vipphandati, sañjātūmivego viya khāyati; evaṃ nīlasaññādibhedā saññāpi nīlādianubhavanatthāya phandati vipphandati. Yathā ca marīci mahājanaṃ vippalambheti , ‘paripuṇṇavāpī viya paripuṇṇanadī viya dissatī’ti vadāpeti; evaṃ saññāpi vippalambheti, ‘idaṃ nīlakaṃ subhaṃ sukhaṃ nicca’nti vadāpeti. Pītakādīsupi eseva nayo. Evaṃ vippalambhanenāpi marīcisadisā.
สงฺขาราปิ อสารกเฎฺฐน ‘กทลิกฺขนฺธสทิสา’ฯ ตถา อคยฺหุปคเฎฺฐนฯ ยเถว หิ กทลิกฺขนฺธโต กิญฺจิ คเหตฺวา น สกฺกา โคปานสีอาทีนมตฺถาย อุปเนตุํ, อุปนีตมฺปิ น ตถา โหติ; เอวํ สงฺขาราปิ น สกฺกา นิจฺจาทิวเสน คเหตุํ, คหิตาปิ น ตถา โหนฺติฯ ยถา จ กทลิกฺขโนฺธ พหุวฎฺฎิสโมธาโน โหติ, เอวํ สงฺขารกฺขโนฺธปิ พหุธมฺมสโมธาโนฯ ยถา จ กทลิกฺขโนฺธ นานาลกฺขโณ, อโญฺญเยว หิ พาหิราย ปตฺตวฎฺฎิยา วโณฺณ, อโญฺญ ตโต อพฺภนฺตรพฺภนฺตรานํ; เอวเมว สงฺขารกฺขโนฺธปิ อญฺญเทว ผสฺสสฺส ลกฺขณํ, อญฺญํ เจตนาทีนํฯ สโมธาเนตฺวา ปน สงฺขารกฺขโนฺธเตฺวว วุจฺจตีติฯ เอวมฺปิ สงฺขารกฺขโนฺธ กทลิกฺขนฺธสทิโสฯ
Saṅkhārāpi asārakaṭṭhena ‘kadalikkhandhasadisā’. Tathā agayhupagaṭṭhena. Yatheva hi kadalikkhandhato kiñci gahetvā na sakkā gopānasīādīnamatthāya upanetuṃ, upanītampi na tathā hoti; evaṃ saṅkhārāpi na sakkā niccādivasena gahetuṃ, gahitāpi na tathā honti. Yathā ca kadalikkhandho bahuvaṭṭisamodhāno hoti, evaṃ saṅkhārakkhandhopi bahudhammasamodhāno. Yathā ca kadalikkhandho nānālakkhaṇo, aññoyeva hi bāhirāya pattavaṭṭiyā vaṇṇo, añño tato abbhantarabbhantarānaṃ; evameva saṅkhārakkhandhopi aññadeva phassassa lakkhaṇaṃ, aññaṃ cetanādīnaṃ. Samodhānetvā pana saṅkhārakkhandhotveva vuccatīti. Evampi saṅkhārakkhandho kadalikkhandhasadiso.
วิญฺญาณมฺปิ อสารกเฎฺฐน ‘มายาสทิสํ’ฯ ตถา อคยฺหุปคเฎฺฐนฯ ยถา จ มายา อิตฺตรา ลหุปจฺจุปฎฺฐานา, เอวํ วิญฺญาณํฯ ตญฺหิ ตโตปิ อิตฺตรตรเญฺจว ลหุปจฺจุปฎฺฐานตรญฺจฯ เตเนว หิ จิเตฺตน ปุริโส อาคโต วิย, คโต วิย, ฐิโต วิย, นิสิโนฺน วิย โหติฯ อญฺญเทว จาคมนกาเล จิตฺตํ, อญฺญํ คมนกาลาทีสุฯ เอวมฺปิ วิญฺญาณํ มายาสทิสํฯ มายา จ มหาชนํ วเญฺจติ, ยํ กิญฺจิเทว ‘อิทํ สุวณฺณํ รชตํ มุตฺตา’ติปิ คหาเปติฯ วิญฺญาณมฺปิ มหาชนํ วเญฺจติ, เตเนว จิเตฺตน อาคจฺฉนฺตํ วิย, คจฺฉนฺตํ วิย, ฐิตํ วิย, นิสินฺนํ วิย กตฺวา คาหาเปติฯ อญฺญเทว จ อาคมเน จิตฺตํ, อญฺญํ คมนาทีสุฯ เอวมฺปิ วิญฺญาณํ มายาสทิสํฯ วิเสสโต จ สุภารมฺมณมฺปิ โอฬาริกมฺปิ อชฺฌตฺติกรูปํ อสุภนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เวทนา ตีหิ ทุกฺขตาหิ อวินิมุตฺตโต ทุกฺขาติ สญฺญาสงฺขารา อวิเธยฺยโต อนตฺตาติ วิญฺญาณํ อุทยพฺพยธมฺมโต อนิจฺจนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Viññāṇampi asārakaṭṭhena ‘māyāsadisaṃ’. Tathā agayhupagaṭṭhena. Yathā ca māyā ittarā lahupaccupaṭṭhānā, evaṃ viññāṇaṃ. Tañhi tatopi ittaratarañceva lahupaccupaṭṭhānatarañca. Teneva hi cittena puriso āgato viya, gato viya, ṭhito viya, nisinno viya hoti. Aññadeva cāgamanakāle cittaṃ, aññaṃ gamanakālādīsu. Evampi viññāṇaṃ māyāsadisaṃ. Māyā ca mahājanaṃ vañceti, yaṃ kiñcideva ‘idaṃ suvaṇṇaṃ rajataṃ muttā’tipi gahāpeti. Viññāṇampi mahājanaṃ vañceti, teneva cittena āgacchantaṃ viya, gacchantaṃ viya, ṭhitaṃ viya, nisinnaṃ viya katvā gāhāpeti. Aññadeva ca āgamane cittaṃ, aññaṃ gamanādīsu. Evampi viññāṇaṃ māyāsadisaṃ. Visesato ca subhārammaṇampi oḷārikampi ajjhattikarūpaṃ asubhanti daṭṭhabbaṃ. Vedanā tīhi dukkhatāhi avinimuttato dukkhāti saññāsaṅkhārā avidheyyato anattāti viññāṇaṃ udayabbayadhammato aniccanti daṭṭhabbaṃ.
‘เอวํ ปสฺสนฺตสฺสตฺถสิทฺธิโต’ติ เอวญฺจ สเงฺขปวิตฺถารวเสน ทฺวิธา ปสฺสโต ยา อตฺถสิทฺธิ โหติ, ตโตปิ วินิจฺฉยนโย วิญฺญาตโพฺพ, เสยฺยถิทํ – สเงฺขปโต ตาว ปญฺจุปาทานกฺขเนฺธสุ อุกฺขิตฺตาสิกปจฺจตฺถิกาทิภาเวน ปสฺสโนฺต ขเนฺธหิ น วิหญฺญติฯ วิตฺถารโต ปน รูปาทีนิ เผณปิณฺฑาทิสทิสภาเวน ปสฺสโนฺต น อสาเรสุ สารทสฺสี โหติฯ วิเสสโต จ อชฺฌตฺติกรูปํ อสุภโต ปสฺสโนฺต กพฬีการาหารํ ปริชานาติ , อสุเภ สุภนฺติ วิปลฺลาสํ ปชหติ, กาโมฆํ อุตฺตรติ, กามโยเคน วิสํยุชฺชติ, กามาสเวน อนาสโว โหติ, อภิชฺฌากายคนฺถํ ภินฺทติ, กามุปาทานํ น อุปาทิยติฯ เวทนํ ทุกฺขโต ปสฺสโนฺต ผสฺสาหารํ ปริชานาติ, ทุเกฺข สุขนฺติ วิปลฺลาสํ ปชหติ, ภโวฆํ อุตฺตรติ, ภวโยเคน วิสํยุชฺชติ, ภวาสเวน อนาสโว โหติ, พฺยาปาทกายคนฺถํ ภินฺทติ, สีลพฺพตุปาทานํ น อุปาทิยติฯ สญฺญํ สงฺขาเร จ อนตฺตโต ปสฺสโนฺต มโนสเญฺจตนาหารํ ปริชานาติ, อนตฺตนิ อตฺตาติ วิปลฺลาสํ ปชหติ, ทิโฎฺฐฆํ อุตฺตรติ, ทิฎฺฐิโยเคน วิสํยุชฺชติ, ทิฎฺฐาสเวน อนาสโว โหติ, อิทํ สจฺจาภินิเวสกายคนฺถํ ภินฺทติ, อตฺตวาทุปาทานํ น อุปาทิยติฯ วิญฺญาณํ อนิจฺจโต ปสฺสโนฺต วิญฺญาณาหารํ ปริชานาติ, อนิเจฺจ นิจฺจนฺติ วิปลฺลาสํ ปชหติ, อวิโชฺชฆํ อุตฺตรติ, อวิชฺชาโยเคน วิสํยุชฺชติ, อวิชฺชาสเวน อนาสโว โหติ, สีลพฺพตปรามาสกายคนฺถํ ภินฺทติ, ทิฎฺฐุปาทานํ น อุปาทิยติฯ
‘Evaṃ passantassatthasiddhito’ti evañca saṅkhepavitthāravasena dvidhā passato yā atthasiddhi hoti, tatopi vinicchayanayo viññātabbo, seyyathidaṃ – saṅkhepato tāva pañcupādānakkhandhesu ukkhittāsikapaccatthikādibhāvena passanto khandhehi na vihaññati. Vitthārato pana rūpādīni pheṇapiṇḍādisadisabhāvena passanto na asāresu sāradassī hoti. Visesato ca ajjhattikarūpaṃ asubhato passanto kabaḷīkārāhāraṃ parijānāti , asubhe subhanti vipallāsaṃ pajahati, kāmoghaṃ uttarati, kāmayogena visaṃyujjati, kāmāsavena anāsavo hoti, abhijjhākāyaganthaṃ bhindati, kāmupādānaṃ na upādiyati. Vedanaṃ dukkhato passanto phassāhāraṃ parijānāti, dukkhe sukhanti vipallāsaṃ pajahati, bhavoghaṃ uttarati, bhavayogena visaṃyujjati, bhavāsavena anāsavo hoti, byāpādakāyaganthaṃ bhindati, sīlabbatupādānaṃ na upādiyati. Saññaṃ saṅkhāre ca anattato passanto manosañcetanāhāraṃ parijānāti, anattani attāti vipallāsaṃ pajahati, diṭṭhoghaṃ uttarati, diṭṭhiyogena visaṃyujjati, diṭṭhāsavena anāsavo hoti, idaṃ saccābhinivesakāyaganthaṃ bhindati, attavādupādānaṃ na upādiyati. Viññāṇaṃ aniccato passanto viññāṇāhāraṃ parijānāti, anicce niccanti vipallāsaṃ pajahati, avijjoghaṃ uttarati, avijjāyogena visaṃyujjati, avijjāsavena anāsavo hoti, sīlabbataparāmāsakāyaganthaṃ bhindati, diṭṭhupādānaṃ na upādiyati.
เอวํ มหานิสํสํ, วธกาทิวเสน ทสฺสนํ ยสฺมา;
Evaṃ mahānisaṃsaṃ, vadhakādivasena dassanaṃ yasmā;
ตสฺมา ขเนฺธ ธีโร, วธกาทิวเสน ปเสฺสยฺยาติฯ
Tasmā khandhe dhīro, vadhakādivasena passeyyāti.
สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนาฯ
Suttantabhājanīyavaṇṇanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๑. ขนฺธวิภโงฺค • 1. Khandhavibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๑. ขนฺธวิภโงฺค • 1. Khandhavibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๑. ขนฺธวิภโงฺค • 1. Khandhavibhaṅgo