Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā

    ๓. ธาตุวิภโงฺค

    3. Dhātuvibhaṅgo

    ๑. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา

    1. Suttantabhājanīyavaṇṇanā

    ๑๗๒. อิทานิ ตทนนฺตเร ธาตุวิภเงฺค สพฺพา ธาตุโย ฉหิ ฉหิ ธาตูหิ สงฺขิปิตฺวา ตีหิ ฉเกฺกหิ สุตฺตนฺตภาชนียํ ทเสฺสโนฺต ฉ ธาตุโยติอาทิมาหฯ ตตฺถ ฉาติ คณนปริเจฺฉโทฯ ธาตุโยติ ปริจฺฉินฺนธมฺมนิทสฺสนํฯ ปถวีธาตูติอาทีสุ ธาตฺวโฎฺฐ นาม สภาวโฎฺฐ, สภาวโฎฺฐ นาม สุญฺญตโฎฺฐ, สุญฺญตโฎฺฐ นาม นิสฺสตฺตโฎฺฐติ เอวํ สภาวสุญฺญตนิสฺสตฺตเฎฺฐน ปถวีเยว ธาตุ ปถวีธาตุฯ อาโปธาตุอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอวเมตฺถ ปทสมาสํ วิทิตฺวา เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพ – ปถวีธาตูติ ปติฎฺฐานธาตุฯ อาโปธาตูติ อาพนฺธนธาตุฯ เตโชธาตูติ ปริปาจนธาตุฯ วาโยธาตูติ วิตฺถมฺภนธาตุฯ อากาสธาตูติ อสมฺผุฎฺฐธาตุฯ วิญฺญาณธาตูติ วิชานนธาตุฯ

    172. Idāni tadanantare dhātuvibhaṅge sabbā dhātuyo chahi chahi dhātūhi saṅkhipitvā tīhi chakkehi suttantabhājanīyaṃ dassento cha dhātuyotiādimāha. Tattha chāti gaṇanaparicchedo. Dhātuyoti paricchinnadhammanidassanaṃ. Pathavīdhātūtiādīsu dhātvaṭṭho nāma sabhāvaṭṭho, sabhāvaṭṭho nāma suññataṭṭho, suññataṭṭho nāma nissattaṭṭhoti evaṃ sabhāvasuññatanissattaṭṭhena pathavīyeva dhātu pathavīdhātu. Āpodhātuādīsupi eseva nayo. Evamettha padasamāsaṃ viditvā evamattho veditabbo – pathavīdhātūti patiṭṭhānadhātu. Āpodhātūti ābandhanadhātu. Tejodhātūti paripācanadhātu. Vāyodhātūti vitthambhanadhātu. Ākāsadhātūti asamphuṭṭhadhātu. Viññāṇadhātūti vijānanadhātu.

    ๑๗๓. ปถวีธาตุทฺวยนฺติ ปถวีธาตุ เทฺว อยํฯ อยํ ปถวีธาตุ นาม น เอกา เอว อชฺฌตฺติกพาหิรเภเทน ปน เทฺว ธาตุโย เอวาติ อโตฺถฯ เตเนวาห – ‘‘อตฺถิ อชฺฌตฺติกา อตฺถิ พาหิรา’’ติฯ ตตฺถ อชฺฌตฺติกาติ สตฺตสนฺตานปริยาปนฺนา นิยกชฺฌตฺตาฯ พาหิราติ สงฺขารสนฺตานปริยาปนฺนา อนินฺทฺริยพทฺธาฯ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตนฺติ อุภยเมฺปตํ นิยกชฺฌตฺตาธิวจนเมวฯ อิทานิ ตํ สภาวาการโต ทเสฺสตุํ กกฺขฬนฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ กกฺขฬนฺติ ถทฺธํฯ ขริคตนฺติ ผรุสํฯ กกฺขฬตฺตนฺติ กกฺขฬภาโวฯ กกฺขฬภาโวติ กกฺขฬสภาโวฯ อชฺฌตฺตํ อุปาทินฺนนฺติ นิยกชฺฌตฺตสงฺขาตํ อุปาทินฺนํฯ อุปาทินฺนํ นาม สรีรฎฺฐกํฯ สรีรฎฺฐกญฺหิ กมฺมสมุฎฺฐานํ วา โหตุ มา วา, ตํ สนฺธาย อุปาทินฺนมฺปิ อตฺถิ อนุปาทินฺนมฺปิ; อาทินฺนคฺคหิตปรามฎฺฐวเสน ปน สพฺพเมฺปตํ อุปาทินฺนเมวาติ ทเสฺสตุํ ‘‘อชฺฌตฺตํ อุปาทินฺน’’นฺติ อาหฯ

    173. Pathavīdhātudvayanti pathavīdhātu dve ayaṃ. Ayaṃ pathavīdhātu nāma na ekā eva ajjhattikabāhirabhedena pana dve dhātuyo evāti attho. Tenevāha – ‘‘atthi ajjhattikā atthi bāhirā’’ti. Tattha ajjhattikāti sattasantānapariyāpannā niyakajjhattā. Bāhirāti saṅkhārasantānapariyāpannā anindriyabaddhā. Ajjhattaṃ paccattanti ubhayampetaṃ niyakajjhattādhivacanameva. Idāni taṃ sabhāvākārato dassetuṃ kakkhaḷantiādi vuttaṃ. Tattha kakkhaḷanti thaddhaṃ. Kharigatanti pharusaṃ. Kakkhaḷattanti kakkhaḷabhāvo. Kakkhaḷabhāvoti kakkhaḷasabhāvo. Ajjhattaṃ upādinnanti niyakajjhattasaṅkhātaṃ upādinnaṃ. Upādinnaṃ nāma sarīraṭṭhakaṃ. Sarīraṭṭhakañhi kammasamuṭṭhānaṃ vā hotu mā vā, taṃ sandhāya upādinnampi atthi anupādinnampi; ādinnaggahitaparāmaṭṭhavasena pana sabbampetaṃ upādinnamevāti dassetuṃ ‘‘ajjhattaṃ upādinna’’nti āha.

    อิทานิ ตเมว ปถวีธาตุํ วตฺถุวเสน ทเสฺสตุํ เสยฺยถิทํ เกสา โลมาติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เสยฺยถิทนฺติ นิปาโตฯ ตสฺสโตฺถ – ยา สา อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ สา กตมา? ยํ วา อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ กกฺขฬํ นาม ตํ กตมนฺติ? เกสา โลมาติอาทิ ตสฺสา อชฺฌตฺติกาย ปถวีธาตุยา วตฺถุวเสน ปเภททสฺสนํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – เกสา นาม อชฺฌตฺตา อุปาทินฺนา สรีรฎฺฐกา กกฺขฬตฺตลกฺขณา อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโสฯ โลมา นาม…เป.… กรีสํ นามฯ อิธ ปน อวุตฺตมฺปิ ปฎิสมฺภิทามเคฺค (ปฎิ. ม. ๑.๔) ปาฬิอารุฬฺหํ มตฺถลุงฺคํ อาหริตฺวา มตฺถลุงฺคํ นาม อชฺฌตฺตํ อุปาทินฺนํ สรีรฎฺฐกํ กกฺขฬตฺตลกฺขณํ อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโสฯ ปรโต อาโปธาตุอาทีนํ นิเทฺทเส ปิตฺตาทีสุปิ เอเสว นโยฯ

    Idāni tameva pathavīdhātuṃ vatthuvasena dassetuṃ seyyathidaṃ kesā lomātiādi vuttaṃ. Tattha seyyathidanti nipāto. Tassattho – yā sā ajjhattikā pathavīdhātu sā katamā? Yaṃ vā ajjhattaṃ paccattaṃ kakkhaḷaṃ nāma taṃ katamanti? Kesā lomātiādi tassā ajjhattikāya pathavīdhātuyā vatthuvasena pabhedadassanaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – kesā nāma ajjhattā upādinnā sarīraṭṭhakā kakkhaḷattalakkhaṇā imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso. Lomā nāma…pe… karīsaṃ nāma. Idha pana avuttampi paṭisambhidāmagge (paṭi. ma. 1.4) pāḷiāruḷhaṃ matthaluṅgaṃ āharitvā matthaluṅgaṃ nāma ajjhattaṃ upādinnaṃ sarīraṭṭhakaṃ kakkhaḷattalakkhaṇaṃ imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso. Parato āpodhātuādīnaṃ niddese pittādīsupi eseva nayo.

    อิมินา กิํ ทสฺสิตํ โหติ? ธาตุมนสิกาโรฯ อิมสฺมิํ ปน ธาตุมนสิกาเร กมฺมํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อุตฺตมตฺถํ อรหตฺตํ ปาปุณิตุกาเมน กิํ กตฺตพฺพํ? จตุปาริสุทฺธิสีลํ โสเธตพฺพํฯ สีลวโต หิ กมฺมฎฺฐานภาวนา อิชฺฌติฯ ตสฺส โสธนวิธานํ วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ วิสุทฺธสีเลน ปน สีเล ปติฎฺฐาย ทส ปุพฺพปลิโพธา ฉินฺทิตพฺพาฯ เตสมฺปิ ฉินฺทนวิธานํ วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ ฉินฺนปลิโพเธน ธาตุมนสิการกมฺมฎฺฐานํ อุคฺคณฺหิตพฺพํฯ อาจริเยนาปิ ธาตุมนสิการกมฺมฎฺฐานํ อุคฺคณฺหาเปเนฺตน สตฺตวิธํ อุคฺคหโกสลฺลํ ทสวิธญฺจ มนสิการโกสลฺลํ อาจิกฺขิตพฺพํฯ อเนฺตวาสิเกนาปิ อาจริยสฺส สนฺติเก พหุวาเร สชฺฌายํ กตฺวา นิชฺชฎํ ปคุณํ กมฺมฎฺฐานํ กาตพฺพํฯ วุตฺตเญฺหตํ อฎฺฐกถายํ – ‘‘อาทิกมฺมิเกน ภิกฺขุนา ชรามรณา มุจฺจิตุกาเมน สตฺตหากาเรหิ อุคฺคหโกสลฺลํ อิจฺฉิตพฺพํ, ทสหากาเรหิ มนสิการโกสลฺลํ อิจฺฉิตพฺพ’’นฺติฯ

    Iminā kiṃ dassitaṃ hoti? Dhātumanasikāro. Imasmiṃ pana dhātumanasikāre kammaṃ katvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā uttamatthaṃ arahattaṃ pāpuṇitukāmena kiṃ kattabbaṃ? Catupārisuddhisīlaṃ sodhetabbaṃ. Sīlavato hi kammaṭṭhānabhāvanā ijjhati. Tassa sodhanavidhānaṃ visuddhimagge vuttanayeneva veditabbaṃ. Visuddhasīlena pana sīle patiṭṭhāya dasa pubbapalibodhā chinditabbā. Tesampi chindanavidhānaṃ visuddhimagge vuttanayeneva veditabbaṃ. Chinnapalibodhena dhātumanasikārakammaṭṭhānaṃ uggaṇhitabbaṃ. Ācariyenāpi dhātumanasikārakammaṭṭhānaṃ uggaṇhāpentena sattavidhaṃ uggahakosallaṃ dasavidhañca manasikārakosallaṃ ācikkhitabbaṃ. Antevāsikenāpi ācariyassa santike bahuvāre sajjhāyaṃ katvā nijjaṭaṃ paguṇaṃ kammaṭṭhānaṃ kātabbaṃ. Vuttañhetaṃ aṭṭhakathāyaṃ – ‘‘ādikammikena bhikkhunā jarāmaraṇā muccitukāmena sattahākārehi uggahakosallaṃ icchitabbaṃ, dasahākārehi manasikārakosallaṃ icchitabba’’nti.

    ตตฺถ วจสา, มนสา, วณฺณโต, สณฺฐานโต, ทิสโต, โอกาสโต, ปริเจฺฉทโตติ อิเมหิ สตฺตหากาเรหิ อิมสฺมิํ ธาตุมนสิการกมฺมฎฺฐาเน ‘อุคฺคหโกสลฺลํ’ อิจฺฉิตพฺพํฯ อนุปุพฺพโต, นาติสีฆโต, นาติสณิกโต, วิเกฺขปปฎิพาหนโต , ปณฺณตฺติสมติกฺกมโต, อนุปุพฺพมุญฺจนโต, ลกฺขณโต, ตโย จ สุตฺตนฺตาติ อิเมหิ ทสหากาเรหิ ‘มนสิการโกสลฺลํ’ อิจฺฉิตพฺพํฯ ตทุภยมฺปิ ปรโต สติปฎฺฐานวิภเงฺค อาวิ ภวิสฺสติฯ

    Tattha vacasā, manasā, vaṇṇato, saṇṭhānato, disato, okāsato, paricchedatoti imehi sattahākārehi imasmiṃ dhātumanasikārakammaṭṭhāne ‘uggahakosallaṃ’ icchitabbaṃ. Anupubbato, nātisīghato, nātisaṇikato, vikkhepapaṭibāhanato , paṇṇattisamatikkamato, anupubbamuñcanato, lakkhaṇato, tayo ca suttantāti imehi dasahākārehi ‘manasikārakosallaṃ’ icchitabbaṃ. Tadubhayampi parato satipaṭṭhānavibhaṅge āvi bhavissati.

    เอวํ อุคฺคหิตกมฺมฎฺฐาเนน ปน วิสุทฺธิมเคฺค วุเตฺต อฎฺฐารส เสนาสนโทเส วเชฺชตฺวา ปญฺจงฺคสมนฺนาคเต เสนาสเน วสเนฺตน อตฺตนาปิ ปญฺจหิ ปธานิยเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกเนฺตน วิวิโตฺตกาสคเตน กมฺมฎฺฐานํ มนสิกาตพฺพํฯ มนสิกโรเนฺตน จ วณฺณสณฺฐานทิโสกาสปริเจฺฉทวเสน เกสาทีสุ เอเกกโกฎฺฐาสํ มนสิกริตฺวา อวสาเน เอวํ มนสิกาโร ปวเตฺตตโพฺพ – อิเม เกสา นาม สีสกฎาหปลิเวฐนจเมฺม ชาตาฯ ตตฺถ ยถา วมฺมิกมตฺถเก ชาเตสุ กุณฺฐติเณสุ น วมฺมิกมตฺถโก ชานาติ ‘มยิ กุณฺฐติณานิ ชาตานี’ติ, นาปิ กุณฺฐติณานิ ชานนฺติ ‘มยํ วมฺมิกมตฺถเก ชาตานี’ติ, เอวเมว น สีสกฎาหปลิเวฐนจมฺมํ ชานาติ ‘มยิ เกสา ชาตา’ติ, นาปิ เกสา ชานนฺติ ‘มยํ สีสกฎาหปลิเวฐนจเมฺม ชาตา’ติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ เกสา นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตูติฯ

    Evaṃ uggahitakammaṭṭhānena pana visuddhimagge vutte aṭṭhārasa senāsanadose vajjetvā pañcaṅgasamannāgate senāsane vasantena attanāpi pañcahi padhāniyaṅgehi samannāgatena pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkantena vivittokāsagatena kammaṭṭhānaṃ manasikātabbaṃ. Manasikarontena ca vaṇṇasaṇṭhānadisokāsaparicchedavasena kesādīsu ekekakoṭṭhāsaṃ manasikaritvā avasāne evaṃ manasikāro pavattetabbo – ime kesā nāma sīsakaṭāhapaliveṭhanacamme jātā. Tattha yathā vammikamatthake jātesu kuṇṭhatiṇesu na vammikamatthako jānāti ‘mayi kuṇṭhatiṇāni jātānī’ti, nāpi kuṇṭhatiṇāni jānanti ‘mayaṃ vammikamatthake jātānī’ti, evameva na sīsakaṭāhapaliveṭhanacammaṃ jānāti ‘mayi kesā jātā’ti, nāpi kesā jānanti ‘mayaṃ sīsakaṭāhapaliveṭhanacamme jātā’ti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti kesā nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātūti.

    โลมา สรีรเวฐนจเมฺม ชาตาฯ ตตฺถ ยถา สุญฺญคามฎฺฐาเน ชาเตสุ ทพฺพติเณสุ น สุญฺญคามฎฺฐานํ ชานาติ ‘มยิ ทพฺพติณานิ ชาตานี’ติ, นาปิ ทพฺพติณานิ ชานนฺติ ‘มยํ สุญฺญคามฎฺฐาเน ชาตานี’ติ, เอวเมว น สรีรเวฐนจมฺมํ ชานาติ ‘มยิ โลมา ชาตา’ติ, นาปิ โลมา ชานนฺติ ‘มยํ สรีรเวฐนจเมฺม ชาตา’ติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ โลมา นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตูติฯ

    Lomā sarīraveṭhanacamme jātā. Tattha yathā suññagāmaṭṭhāne jātesu dabbatiṇesu na suññagāmaṭṭhānaṃ jānāti ‘mayi dabbatiṇāni jātānī’ti, nāpi dabbatiṇāni jānanti ‘mayaṃ suññagāmaṭṭhāne jātānī’ti, evameva na sarīraveṭhanacammaṃ jānāti ‘mayi lomā jātā’ti, nāpi lomā jānanti ‘mayaṃ sarīraveṭhanacamme jātā’ti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti lomā nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātūti.

    นขา องฺคุลีนํ อเคฺคสุ ชาตาฯ ตตฺถ ยถา กุมารเกสุ ทณฺฑเกหิ มธุกฎฺฐิเก วิชฺฌิตฺวา กีฬเนฺตสุ น ทณฺฑกา ชานนฺติ ‘อเมฺหสุ มธุกฎฺฐิกา ฐปิตา’ติ, นาปิ มธุกฎฺฐิกา ชานนฺติ ‘มยํ ทณฺฑเกสุ ฐปิตา’ติ, เอวเมว น องฺคุลิโย ชานนฺติ ‘อมฺหากํ อเคฺคสุ นขา ชาตา’ติ, นาปิ นขา ชานนฺติ ‘มยํ องฺคุลีนํ อเคฺคสุ ชาตา’ติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ นขา นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตูติฯ

    Nakhā aṅgulīnaṃ aggesu jātā. Tattha yathā kumārakesu daṇḍakehi madhukaṭṭhike vijjhitvā kīḷantesu na daṇḍakā jānanti ‘amhesu madhukaṭṭhikā ṭhapitā’ti, nāpi madhukaṭṭhikā jānanti ‘mayaṃ daṇḍakesu ṭhapitā’ti, evameva na aṅguliyo jānanti ‘amhākaṃ aggesu nakhā jātā’ti, nāpi nakhā jānanti ‘mayaṃ aṅgulīnaṃ aggesu jātā’ti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti nakhā nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātūti.

    ทนฺตา หนุกฎฺฐิเกสุ ชาตาฯ ตตฺถ ยถา วฑฺฒกีหิ ปาสาณอุทุกฺขเลสุ เกนจิเทว สิเลสชาเตน พนฺธิตฺวา ฐปิตถเมฺภสุ น อุทุกฺขลานิ ชานนฺติ ‘อเมฺหสุ ถมฺภา ฐิตา’ติ, นาปิ ถมฺภา ชานนฺติ ‘มยํ อุทุกฺขเลสุ ฐิตา’ติ, เอวเมว น หนุกฎฺฐิกา ชานนฺติ ‘อเมฺหสุ ทนฺตา ชาตา’ติ , นาปิ ทนฺตา ชานนฺติ ‘มยํ หนุกฎฺฐิเกสุ ชาตา’ติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ ทนฺตา นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตูติฯ

    Dantā hanukaṭṭhikesu jātā. Tattha yathā vaḍḍhakīhi pāsāṇaudukkhalesu kenacideva silesajātena bandhitvā ṭhapitathambhesu na udukkhalāni jānanti ‘amhesu thambhā ṭhitā’ti, nāpi thambhā jānanti ‘mayaṃ udukkhalesu ṭhitā’ti, evameva na hanukaṭṭhikā jānanti ‘amhesu dantā jātā’ti , nāpi dantā jānanti ‘mayaṃ hanukaṭṭhikesu jātā’ti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti dantā nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātūti.

    ตโจ สกลสรีรํ ปริโยนนฺธิตฺวา ฐิโตฯ ตตฺถ ยถา อลฺลโคจมฺมปริโยนทฺธาย มหาวีณาย น มหาวีณา ชานาติ ‘อหํ อลฺลโคจเมฺมน ปริโยนทฺธา’ติ, นาปิ อลฺลโคจมฺมํ ชานาติ ‘มยา มหาวีณา ปริโยทฺธา’ติ, เอวเมว น สรีรํ ชานาติ ‘อหํ ตเจน ปริโยนทฺธ’นฺติ, นาปิ ตโจ ชานาติ ‘มยา สรีรํ ปริโยนทฺธนฺติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ ตโจ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตูติฯ

    Taco sakalasarīraṃ pariyonandhitvā ṭhito. Tattha yathā allagocammapariyonaddhāya mahāvīṇāya na mahāvīṇā jānāti ‘ahaṃ allagocammena pariyonaddhā’ti, nāpi allagocammaṃ jānāti ‘mayā mahāvīṇā pariyoddhā’ti, evameva na sarīraṃ jānāti ‘ahaṃ tacena pariyonaddha’nti, nāpi taco jānāti ‘mayā sarīraṃ pariyonaddhanti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti taco nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātūti.

    มํสํ อฎฺฐิสงฺฆาฎํ อนุลิมฺปิตฺวา ฐิตํฯ ตตฺถ ยถา มหามตฺติกาย ลิตฺตาย ภิตฺติยา น ภิตฺติ ชานาติ ‘อหํ มหามตฺติกาย ลิตฺตา’ติ, นาปิ มหามตฺติกา ชานาติ ‘มยา มหาภิตฺติ ลิตฺตา’ติ, เอวเมว น อฎฺฐิสงฺฆาโฎ ชานาติ ‘อหํ นวมํสเปสิสตปฺปเภเทน มํเสน ลิโตฺต’ติ, นาปิ มํสํ ชานาติ ‘มยา อฎฺฐิสงฺฆาโฎ ลิโตฺต’ติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ มํสํ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตูติฯ

    Maṃsaṃ aṭṭhisaṅghāṭaṃ anulimpitvā ṭhitaṃ. Tattha yathā mahāmattikāya littāya bhittiyā na bhitti jānāti ‘ahaṃ mahāmattikāya littā’ti, nāpi mahāmattikā jānāti ‘mayā mahābhitti littā’ti, evameva na aṭṭhisaṅghāṭo jānāti ‘ahaṃ navamaṃsapesisatappabhedena maṃsena litto’ti, nāpi maṃsaṃ jānāti ‘mayā aṭṭhisaṅghāṭo litto’ti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti maṃsaṃ nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātūti.

    นฺหารุ สรีรพฺภนฺตเร อฎฺฐีนิ อาพนฺธมานา ฐิตาฯ ตตฺถ ยถา วลฺลีหิ วินเทฺธสุ กุฎฺฎทารูสุ น กุฎฺฎทารูนิ ชานนฺติ ‘มยํ วลฺลีหิ วินทฺธานี’ติ, นาปิ วลฺลิโย ชานนฺติ ‘อเมฺหหิ กุฎฺฎทารูนิ วินทฺธานี’ติ, เอวเมว น อฎฺฐีนิ ชานนฺติ ‘มยํ นฺหารูหิ อาพทฺธานี’ติ, นาปิ นฺหารู ชานนฺติ ‘อเมฺหหิ อฎฺฐีนิ อาพทฺธานี’ติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ นฺหารุ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตูติฯ

    Nhāru sarīrabbhantare aṭṭhīni ābandhamānā ṭhitā. Tattha yathā vallīhi vinaddhesu kuṭṭadārūsu na kuṭṭadārūni jānanti ‘mayaṃ vallīhi vinaddhānī’ti, nāpi valliyo jānanti ‘amhehi kuṭṭadārūni vinaddhānī’ti, evameva na aṭṭhīni jānanti ‘mayaṃ nhārūhi ābaddhānī’ti, nāpi nhārū jānanti ‘amhehi aṭṭhīni ābaddhānī’ti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti nhāru nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātūti.

    อฎฺฐีสุ ปณฺหิกฎฺฐิ โคปฺผกฎฺฐิํ อุกฺขิปิตฺวา ฐิตํฯ โคปฺผกฎฺฐิ ชงฺฆฎฺฐิํ อุกฺขิปิตฺวา ฐิตํฯ ชงฺฆฎฺฐิ อูรุฎฺฐิํ อุกฺขิปิตฺวา ฐิตํฯ อูรุฎฺฐิ กฎิฎฺฐิํ อุกฺขิปิตฺวา ฐิตํ ฯ กฎิฎฺฐิ ปิฎฺฐิกณฺฎกํ อุกฺขิปิตฺวา ฐิตํฯ ปิฎฺฐิกณฺฎโก คีวฎฺฐิํ อุกฺขิปิตฺวา ฐิโตฯ คีวฎฺฐิ สีสฎฺฐิํ อุกฺขิปิตฺวา ฐิตํฯ สีสฎฺฐิ คีวฎฺฐิเก ปติฎฺฐิตํฯ คีวฎฺฐิ ปิฎฺฐิกณฺฎเก ปติฎฺฐิตํฯ ปิฎฺฐิกณฺฎโก กฎิฎฺฐิมฺหิ ปติฎฺฐิโตฯ กฎิฎฺฐิ อูรุฎฺฐิเก ปติฎฺฐิตํฯ อูรุฎฺฐิ ชงฺฆฎฺฐิเก ปติฎฺฐิตํฯ ชงฺฆฎฺฐิ โคปฺผกฎฺฐิเก ปติฎฺฐิตํฯ โคปฺผกฎฺฐิ ปณฺหิกฎฺฐิเก ปติฎฺฐิตํฯ

    Aṭṭhīsu paṇhikaṭṭhi gopphakaṭṭhiṃ ukkhipitvā ṭhitaṃ. Gopphakaṭṭhi jaṅghaṭṭhiṃ ukkhipitvā ṭhitaṃ. Jaṅghaṭṭhi ūruṭṭhiṃ ukkhipitvā ṭhitaṃ. Ūruṭṭhi kaṭiṭṭhiṃ ukkhipitvā ṭhitaṃ . Kaṭiṭṭhi piṭṭhikaṇṭakaṃ ukkhipitvā ṭhitaṃ. Piṭṭhikaṇṭako gīvaṭṭhiṃ ukkhipitvā ṭhito. Gīvaṭṭhi sīsaṭṭhiṃ ukkhipitvā ṭhitaṃ. Sīsaṭṭhi gīvaṭṭhike patiṭṭhitaṃ. Gīvaṭṭhi piṭṭhikaṇṭake patiṭṭhitaṃ. Piṭṭhikaṇṭako kaṭiṭṭhimhi patiṭṭhito. Kaṭiṭṭhi ūruṭṭhike patiṭṭhitaṃ. Ūruṭṭhi jaṅghaṭṭhike patiṭṭhitaṃ. Jaṅghaṭṭhi gopphakaṭṭhike patiṭṭhitaṃ. Gopphakaṭṭhi paṇhikaṭṭhike patiṭṭhitaṃ.

    ตตฺถ ยถา อิฎฺฐกทารุโคมยาทิสญฺจเยสุ น เหฎฺฐิมา เหฎฺฐิมา ชานนฺติ ‘มยํ อุปริเม อุปริเม อุกฺขิปิตฺวา ฐิตา’ติ, นาปิ อุปริมา อุปริมา ชานนฺติ ‘มยํ เหฎฺฐิเมสุ เหฎฺฐิเมสุ ปติฎฺฐิตา’ติ, เอวเมว น ปณฺหิกฎฺฐิ ชานาติ ‘อหํ โคปฺผกฎฺฐิํ อุกฺขิปิตฺวา ฐิต’นฺติ, น โคปฺผกฎฺฐิ ชานาติ ‘อหํ ชงฺฆฎฺฐิํ อุกฺขิปิตฺวา ฐิต’นฺติ, น ชงฺฆฎฺฐิ ชานาติ ‘อหํ อูรุฎฺฐิํ อุกฺขิปิตฺวา ฐิต’นฺติ, น อูรุฎฺฐิ ชานาติ ‘อหํ กฎิฎฺฐิํ อุกฺขิปิตฺวา ฐิต’นฺติ, น กฎิฎฺฐิ ชานาติ ‘อหํ ปิฎฺฐิกณฺฎกํ อุกฺขิปิตฺวา ฐิต’นฺติ, น ปิฎฺฐิกณฺฎโก ชานาติ ‘อหํ คีวฎฺฐิํ อุกฺขิปิตฺวา ฐิโต’ติ, น คีวฎฺฐิ ชานาติ ‘อหํ สีสฎฺฐิํ อุกฺขิปิตฺวา ฐิต’นฺติ, น สีสฎฺฐิ ชานาติ ‘อหํ คีวฎฺฐิมฺหิ ปติฎฺฐิต’นฺติ, น คีวฎฺฐิ ชานาติ ‘อหํ ปิฎฺฐิกณฺฎเก ปติฎฺฐิต’นฺติ, น ปิฎฺฐิกณฺฎโก ชานาติ ‘อหํ กฎิฎฺฐิมฺหิ ปติฎฺฐิโต’ติ, น กฎิฎฺฐิ ชานาติ ‘อหํ อูรุฎฺฐิมฺหิ ปติฎฺฐิต’นฺติ, น อูรุฎฺฐิ ชานาติ ‘อหํ ชงฺฆฎฺฐิมฺหิ ปติฎฺฐิต’นฺติ, น ชงฺฆฎฺฐิ ชานาติ ‘อหํ โคปฺผกฎฺฐิมฺหิ ปติฎฺฐิต’นฺติ, น โคปฺผกฎฺฐิ ชานาติ ‘อหํ ปณฺหิกฎฺฐิมฺหิ ปติฎฺฐิต’นฺติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ อฎฺฐิ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตูติฯ

    Tattha yathā iṭṭhakadārugomayādisañcayesu na heṭṭhimā heṭṭhimā jānanti ‘mayaṃ uparime uparime ukkhipitvā ṭhitā’ti, nāpi uparimā uparimā jānanti ‘mayaṃ heṭṭhimesu heṭṭhimesu patiṭṭhitā’ti, evameva na paṇhikaṭṭhi jānāti ‘ahaṃ gopphakaṭṭhiṃ ukkhipitvā ṭhita’nti, na gopphakaṭṭhi jānāti ‘ahaṃ jaṅghaṭṭhiṃ ukkhipitvā ṭhita’nti, na jaṅghaṭṭhi jānāti ‘ahaṃ ūruṭṭhiṃ ukkhipitvā ṭhita’nti, na ūruṭṭhi jānāti ‘ahaṃ kaṭiṭṭhiṃ ukkhipitvā ṭhita’nti, na kaṭiṭṭhi jānāti ‘ahaṃ piṭṭhikaṇṭakaṃ ukkhipitvā ṭhita’nti, na piṭṭhikaṇṭako jānāti ‘ahaṃ gīvaṭṭhiṃ ukkhipitvā ṭhito’ti, na gīvaṭṭhi jānāti ‘ahaṃ sīsaṭṭhiṃ ukkhipitvā ṭhita’nti, na sīsaṭṭhi jānāti ‘ahaṃ gīvaṭṭhimhi patiṭṭhita’nti, na gīvaṭṭhi jānāti ‘ahaṃ piṭṭhikaṇṭake patiṭṭhita’nti, na piṭṭhikaṇṭako jānāti ‘ahaṃ kaṭiṭṭhimhi patiṭṭhito’ti, na kaṭiṭṭhi jānāti ‘ahaṃ ūruṭṭhimhi patiṭṭhita’nti, na ūruṭṭhi jānāti ‘ahaṃ jaṅghaṭṭhimhi patiṭṭhita’nti, na jaṅghaṭṭhi jānāti ‘ahaṃ gopphakaṭṭhimhi patiṭṭhita’nti, na gopphakaṭṭhi jānāti ‘ahaṃ paṇhikaṭṭhimhi patiṭṭhita’nti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti aṭṭhi nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātūti.

    อฎฺฐิมิญฺชํ เตสํ เตสํ อฎฺฐีนํ อพฺภนฺตเร ฐิตํฯ ตตฺถ ยถา เวฬุปพฺพาทีนํ อโนฺต ปกฺขิเตฺตสุ สินฺนเวตฺตคฺคาทีสุ น เวฬุปพฺพาทีนิ ชานนฺติ ‘อเมฺหสุ เวตฺตคฺคาทีนิ ปกฺขิตฺตานี’ติ, นาปิ เวตฺตคฺคาทีนิ ชานนฺติ ‘มยํ เวฬุปพฺพาทีสุ ฐิตานีติ, เอวเมว น อฎฺฐีนิ ชานนฺติ ‘อมฺหากํ อโนฺต อฎฺฐิมิญฺชํ ฐิต’นฺติ, นาปิ อฎฺฐิมิญฺชํ ชานาติ ‘อหํ อฎฺฐีนํ อโนฺต ฐิต’นฺติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ อฎฺฐิมิญฺชํ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตูติฯ

    Aṭṭhimiñjaṃ tesaṃ tesaṃ aṭṭhīnaṃ abbhantare ṭhitaṃ. Tattha yathā veḷupabbādīnaṃ anto pakkhittesu sinnavettaggādīsu na veḷupabbādīni jānanti ‘amhesu vettaggādīni pakkhittānī’ti, nāpi vettaggādīni jānanti ‘mayaṃ veḷupabbādīsu ṭhitānīti, evameva na aṭṭhīni jānanti ‘amhākaṃ anto aṭṭhimiñjaṃ ṭhita’nti, nāpi aṭṭhimiñjaṃ jānāti ‘ahaṃ aṭṭhīnaṃ anto ṭhita’nti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti aṭṭhimiñjaṃ nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātūti.

    วกฺกํ คลวาฎกโต นิกฺขเนฺตน เอกมูเลน โถกํ คนฺตฺวา ทฺวิธา ภิเนฺนน ถูลนฺหารุนา วินิพทฺธํ หุตฺวา หทยมํสํ ปริกฺขิปิตฺวา ฐิตํฯ ตตฺถ ยถา วณฺฎุปนิพเทฺธ อมฺพผลทฺวเย น วณฺฎํ ชานาติ ‘มยา อมฺพผลทฺวยํ อุปนิพทฺธ’นฺติ, นาปิ อมฺพผลทฺวยํ ชานาติ ‘อหํ วเณฺฎน อุปนิพทฺธ’นฺติ, เอวเมว น ถูลนฺหารุ ชานาติ ‘มยา วกฺกํ อุปนิพทฺธ’นฺติ, นาปิ วกฺกํ ชานาติ ‘อหํ ถูลนฺหารุนา อุปนิพทฺธ’นฺติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ วกฺกํ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตูติฯ

    Vakkaṃ galavāṭakato nikkhantena ekamūlena thokaṃ gantvā dvidhā bhinnena thūlanhārunā vinibaddhaṃ hutvā hadayamaṃsaṃ parikkhipitvā ṭhitaṃ. Tattha yathā vaṇṭupanibaddhe ambaphaladvaye na vaṇṭaṃ jānāti ‘mayā ambaphaladvayaṃ upanibaddha’nti, nāpi ambaphaladvayaṃ jānāti ‘ahaṃ vaṇṭena upanibaddha’nti, evameva na thūlanhāru jānāti ‘mayā vakkaṃ upanibaddha’nti, nāpi vakkaṃ jānāti ‘ahaṃ thūlanhārunā upanibaddha’nti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti vakkaṃ nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātūti.

    หทยํ สรีรพฺภนฺตเร อุรฎฺฐิปญฺชรมชฺฌํ นิสฺสาย ฐิตํฯ ตตฺถ ยถา ชิณฺณสนฺทมานิกปญฺชรพฺภนฺตรํ นิสฺสาย ฐปิตาย มํสเปสิยา น ชิณฺณสนฺทมานิกปญฺชรพฺภนฺตรํ ชานาติ ‘มํ นิสฺสาย มํสเปสิ ฐปิตา’ติ, นาปิ มํสเปสิ ชานาติ ‘อหํ ชิณฺณสนฺทมานิกปญฺชรพฺภนฺตรํ นิสฺสาย ฐิตา’ติ, เอวเมว น อุรฎฺฐิปญฺชรพฺภนฺตรํ ชานาติ ‘มํ นิสฺสาย หทยํ ฐิต’นฺติ, นาปิ หทยํ ชานาติ ‘อหํ อุรฎฺฐิปญฺชรพฺภนฺตรํ นิสฺสาย ฐิต’นฺติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ หทยํ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตูติฯ

    Hadayaṃ sarīrabbhantare uraṭṭhipañjaramajjhaṃ nissāya ṭhitaṃ. Tattha yathā jiṇṇasandamānikapañjarabbhantaraṃ nissāya ṭhapitāya maṃsapesiyā na jiṇṇasandamānikapañjarabbhantaraṃ jānāti ‘maṃ nissāya maṃsapesi ṭhapitā’ti, nāpi maṃsapesi jānāti ‘ahaṃ jiṇṇasandamānikapañjarabbhantaraṃ nissāya ṭhitā’ti, evameva na uraṭṭhipañjarabbhantaraṃ jānāti ‘maṃ nissāya hadayaṃ ṭhita’nti, nāpi hadayaṃ jānāti ‘ahaṃ uraṭṭhipañjarabbhantaraṃ nissāya ṭhita’nti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti hadayaṃ nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātūti.

    ยกนํ อโนฺตสรีเร ทฺวินฺนํ ถนานํ อพฺภนฺตเร ทกฺขิณปสฺสํ นิสฺสาย ฐิตํฯ ตตฺถ ยถา อุกฺขลิกปาลปสฺสมฺหิ ลเคฺค ยมกมํสปิเณฺฑ น อุกฺขลิกปาลปสฺสํ ชานาติ ‘มยิ ยมกมํสปิโณฺฑ ลโคฺค’ติ, นาปิ ยมกมํสปิโณฺฑ ชานาติ ‘อหํ อุกฺขลิกปาลปเสฺส ลโคฺค’ติ, เอวเมว น ถนานํ อพฺภนฺตเร ทกฺขิณปสฺสํ ชานาติ ‘มํ นิสฺสาย ยกนํ ฐิต’นฺติ, นาปิ ยกนํ ชานาติ ‘อหํ ถนานํ อพฺภนฺตเร ทกฺขิณปสฺสํ นิสฺสาย ฐิต’นฺติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ ยกนํ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตูติฯ

    Yakanaṃ antosarīre dvinnaṃ thanānaṃ abbhantare dakkhiṇapassaṃ nissāya ṭhitaṃ. Tattha yathā ukkhalikapālapassamhi lagge yamakamaṃsapiṇḍe na ukkhalikapālapassaṃ jānāti ‘mayi yamakamaṃsapiṇḍo laggo’ti, nāpi yamakamaṃsapiṇḍo jānāti ‘ahaṃ ukkhalikapālapasse laggo’ti, evameva na thanānaṃ abbhantare dakkhiṇapassaṃ jānāti ‘maṃ nissāya yakanaṃ ṭhita’nti, nāpi yakanaṃ jānāti ‘ahaṃ thanānaṃ abbhantare dakkhiṇapassaṃ nissāya ṭhita’nti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti yakanaṃ nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātūti.

    กิโลมเกสุ ปฎิจฺฉนฺนกิโลมกํ หทยญฺจ วกฺกญฺจ ปริวาเรตฺวา ฐิตํ, อปฎิจฺฉนฺนกิโลมกํ สกลสรีเร จมฺมสฺส เหฎฺฐโต มํสํ ปริโยนนฺธิตฺวา ฐิตํฯ ตตฺถ ยถา ปิโลติกปลิเวฐิเต มํเส น มํสํ ชานาติ ‘อหํ ปิโลติกาย ปลิเวฐิต’นฺติ, นาปิ ปิโลติกา ชานาติ ‘มยา มํสํ ปลิเวฐิต’นฺติ, เอวเมว น วกฺกหทยานิ สกลสรีเร มํสญฺจ ชานาติ ‘อหํ กิโลมเกน ปฎิจฺฉนฺน’นฺติ, นาปิ กิโลมกํ ชานาติ ‘มยา วกฺกหทยานิ สกลสรีเร มํสญฺจ ปฎิจฺฉนฺน’นฺติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ กิโลมกํ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตูติฯ

    Kilomakesu paṭicchannakilomakaṃ hadayañca vakkañca parivāretvā ṭhitaṃ, apaṭicchannakilomakaṃ sakalasarīre cammassa heṭṭhato maṃsaṃ pariyonandhitvā ṭhitaṃ. Tattha yathā pilotikapaliveṭhite maṃse na maṃsaṃ jānāti ‘ahaṃ pilotikāya paliveṭhita’nti, nāpi pilotikā jānāti ‘mayā maṃsaṃ paliveṭhita’nti, evameva na vakkahadayāni sakalasarīre maṃsañca jānāti ‘ahaṃ kilomakena paṭicchanna’nti, nāpi kilomakaṃ jānāti ‘mayā vakkahadayāni sakalasarīre maṃsañca paṭicchanna’nti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti kilomakaṃ nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātūti.

    ปิหกํ หทยสฺส วามปเสฺส อุทรปฎลสฺส มตฺถกปสฺสํ นิสฺสาย ฐิตํฯ ตตฺถ ยถา โกฎฺฐกมตฺถกปสฺสํ นิสฺสาย ฐิตาย โคมยปิณฺฑิยา น โกฎฺฐกมตฺถกปสฺสํ ชานาติ ‘โคมยปิณฺฑิ มํ นิสฺสาย ฐิตา’ติ, นาปิ โคมยปิณฺฑิ ชานาติ ‘อหํ โกฎฺฐกมตฺถกปสฺสํ นิสฺสาย ฐิตา’ติ, เอวเมว น อุทรปฎลสฺส มตฺถกปสฺสํ ชานาติ ‘ปิหกํ มํ นิสฺสาย ฐิต’นฺติ, นาปิ ปิหกํ ชานาติ ‘อหํ อุทรปฎลสฺส มตฺถกปสฺสํ นิสฺสาย ฐิต’นฺติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ ปิหกํ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตูติฯ

    Pihakaṃ hadayassa vāmapasse udarapaṭalassa matthakapassaṃ nissāya ṭhitaṃ. Tattha yathā koṭṭhakamatthakapassaṃ nissāya ṭhitāya gomayapiṇḍiyā na koṭṭhakamatthakapassaṃ jānāti ‘gomayapiṇḍi maṃ nissāya ṭhitā’ti, nāpi gomayapiṇḍi jānāti ‘ahaṃ koṭṭhakamatthakapassaṃ nissāya ṭhitā’ti, evameva na udarapaṭalassa matthakapassaṃ jānāti ‘pihakaṃ maṃ nissāya ṭhita’nti, nāpi pihakaṃ jānāti ‘ahaṃ udarapaṭalassa matthakapassaṃ nissāya ṭhita’nti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti pihakaṃ nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātūti.

    ปปฺผาสํ สรีรพฺภนฺตเร ทฺวินฺนํ ถนานํ อพฺภนฺตเร หทยญฺจ ยกนญฺจ อุปริฉาเทตฺวา โอลมฺพนฺตํ ฐิตํฯ ตตฺถ ยถา ชิณฺณโกฎฺฐพฺภนฺตเร โอลมฺพมาเน สกุณกุลาวเก น ชิณฺณโกฎฺฐพฺภนฺตรํ ชานาติ ‘มยิ สกุณกุลาวโก โอลมฺพมาโน ฐิโต’ติ, นาปิ สกุณกุลาวโก ชานาติ ‘อหํ ชิณฺณโกฎฺฐพฺภนฺตเร โอลมฺพมาโน ฐิโต’ติ , เอวเมว น สรีรพฺภนฺตรํ ชานาติ ‘มยิ ปปฺผาสํ โอลมฺพมานํ ฐิต’นฺติ, นาปิ ปปฺผาสํ ชานาติ ‘อหํ เอวรูเป สรีรพฺภนฺตเร โอลมฺพมานํ ฐิต’นฺติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ ปปฺผาสํ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตูติฯ

    Papphāsaṃ sarīrabbhantare dvinnaṃ thanānaṃ abbhantare hadayañca yakanañca uparichādetvā olambantaṃ ṭhitaṃ. Tattha yathā jiṇṇakoṭṭhabbhantare olambamāne sakuṇakulāvake na jiṇṇakoṭṭhabbhantaraṃ jānāti ‘mayi sakuṇakulāvako olambamāno ṭhito’ti, nāpi sakuṇakulāvako jānāti ‘ahaṃ jiṇṇakoṭṭhabbhantare olambamāno ṭhito’ti , evameva na sarīrabbhantaraṃ jānāti ‘mayi papphāsaṃ olambamānaṃ ṭhita’nti, nāpi papphāsaṃ jānāti ‘ahaṃ evarūpe sarīrabbhantare olambamānaṃ ṭhita’nti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti papphāsaṃ nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātūti.

    อนฺตํ คลวาฎกโต กรีสมคฺคปริยเนฺต สรีรพฺภนฺตเร ฐิตํฯ ตตฺถ ยถา โลหิตโทณิกาย โอภุชิตฺวา ฐปิเต ฉินฺนสีสธมนิกเฬวเร น โลหิตโทณิ ชานาติ ‘มยิ ธมนิกเฬวรํ ฐิต’นฺติ, นาปิ ธมนิกเฬวรํ ชานาติ ‘อหํ โลหิตโทณิกายํ ฐิต’นฺติ, เอวเมว น สรีรพฺภนฺตรํ ชานาติ ‘มยิ อนฺตํ ฐิต’นฺติ, นาปิ อนฺตํ ชานาติ ‘อหํ สรีรพฺภนฺตเร ฐิต’นฺติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ อนฺตํ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตูติฯ

    Antaṃ galavāṭakato karīsamaggapariyante sarīrabbhantare ṭhitaṃ. Tattha yathā lohitadoṇikāya obhujitvā ṭhapite chinnasīsadhamanikaḷevare na lohitadoṇi jānāti ‘mayi dhamanikaḷevaraṃ ṭhita’nti, nāpi dhamanikaḷevaraṃ jānāti ‘ahaṃ lohitadoṇikāyaṃ ṭhita’nti, evameva na sarīrabbhantaraṃ jānāti ‘mayi antaṃ ṭhita’nti, nāpi antaṃ jānāti ‘ahaṃ sarīrabbhantare ṭhita’nti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti antaṃ nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātūti.

    อนฺตคุณํ อนฺตนฺตเร เอกวีสติ อนฺตโภเค พนฺธิตฺวา ฐิตํฯ ตตฺถ ยถา ปาทปุญฺฉนรชฺชุมณฺฑลกํ สิเพฺพตฺวา ฐิเตสุ รชฺชุเกสุ น ปาทปุญฺฉนรชฺชุมณฺฑลกํ ชานาติ ‘รชฺชุกา มํ สิเพฺพตฺวา ฐิตา’ติ, นาปิ รชฺชุกา ชานนฺติ ‘มยํ ปาทปุญฺฉนรชฺชุมณฺฑลกํ สิเพฺพตฺวา ฐิตา’ติ, เอวเมว น อนฺตํ ชานาติ ‘อนฺตคุณํ มํ อาพนฺธิตฺวา ฐิต’นฺติ, นาปิ อนฺตคุณํ ชานาติ ‘อหํ อนฺตํ พนฺธิตฺวา ฐิต’นฺติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ อนฺตคุณํ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตูติฯ

    Antaguṇaṃ antantare ekavīsati antabhoge bandhitvā ṭhitaṃ. Tattha yathā pādapuñchanarajjumaṇḍalakaṃ sibbetvā ṭhitesu rajjukesu na pādapuñchanarajjumaṇḍalakaṃ jānāti ‘rajjukā maṃ sibbetvā ṭhitā’ti, nāpi rajjukā jānanti ‘mayaṃ pādapuñchanarajjumaṇḍalakaṃ sibbetvā ṭhitā’ti, evameva na antaṃ jānāti ‘antaguṇaṃ maṃ ābandhitvā ṭhita’nti, nāpi antaguṇaṃ jānāti ‘ahaṃ antaṃ bandhitvā ṭhita’nti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti antaguṇaṃ nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātūti.

    อุทริยํ อุทเร ฐิตํ อสิตปีตขายิตสายิตํฯ ตตฺถ ยถา สุวานโทณิยํ ฐิเต สุวานวมถุมฺหิ น สุวานโทณิ ชานาติ ‘มยิ สุวานวมถุ ฐิโต’ติ, นาปิ สุวานวมถุ ชานาติ ‘อหํ สุวานโทณิยํ ฐิโต’ติ, เอวเมว น อุทรํ ชานาติ ‘มยิ อุทริยํ ฐิต’นฺติ, นาปิ อุทริยํ ชานาติ ‘อหํ อุทเร ฐิต’นฺติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ อุทริยํ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตูติฯ

    Udariyaṃ udare ṭhitaṃ asitapītakhāyitasāyitaṃ. Tattha yathā suvānadoṇiyaṃ ṭhite suvānavamathumhi na suvānadoṇi jānāti ‘mayi suvānavamathu ṭhito’ti, nāpi suvānavamathu jānāti ‘ahaṃ suvānadoṇiyaṃ ṭhito’ti, evameva na udaraṃ jānāti ‘mayi udariyaṃ ṭhita’nti, nāpi udariyaṃ jānāti ‘ahaṃ udare ṭhita’nti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti udariyaṃ nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātūti.

    กรีสํ ปกฺกาสยสงฺขาเต อฎฺฐงฺคุลเวฬุปพฺพสทิเส อนฺตปริโยสาเน ฐิตํฯ ตตฺถ ยถา เวฬุปเพฺพ โอมทฺทิตฺวา ปกฺขิตฺตาย สณฺหปณฺฑุมตฺติกาย น เวฬุปพฺพํ ชานาติ ‘มยิ ปณฺฑุมตฺติกา ฐิตา’ติ, นาปิ ปณฺฑุมตฺติกา ชานาติ ‘อหํ เวฬุปเพฺพ ฐิตา’ติ, เอวเมว น ปกฺกาสโย ชานาติ ‘มยิ กรีสํ ฐิต’นฺติ, นาปิ กรีสํ ชานาติ ‘อหํ ปกฺกาสเย ฐิต’นฺติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ กรีสํ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตูติฯ

    Karīsaṃ pakkāsayasaṅkhāte aṭṭhaṅgulaveḷupabbasadise antapariyosāne ṭhitaṃ. Tattha yathā veḷupabbe omadditvā pakkhittāya saṇhapaṇḍumattikāya na veḷupabbaṃ jānāti ‘mayi paṇḍumattikā ṭhitā’ti, nāpi paṇḍumattikā jānāti ‘ahaṃ veḷupabbe ṭhitā’ti, evameva na pakkāsayo jānāti ‘mayi karīsaṃ ṭhita’nti, nāpi karīsaṃ jānāti ‘ahaṃ pakkāsaye ṭhita’nti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti karīsaṃ nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātūti.

    มตฺถลุงฺคํ สีสกฎาหพฺภนฺตเร ฐิตํฯ ตตฺถ ยถา ปุราณลาพุกฎาเห ปกฺขิตฺตาย ปิฎฺฐปิณฺฑิยา น ลาพุกฎาหํ ชานาติ ‘มยิ ปิฎฺฐปิณฺฑิ ฐิตา’ติ, นาปิ ปิฎฺฐปิณฺฑิ ชานาติ ‘อหํ ลาพุกฎาเห ฐิตา’ติ, เอวเมว น สีสกฎาหพฺภนฺตรํ ชานาติ ‘มยิ มตฺถลุงฺคํ ฐิต’นฺติ, นาปิ มตฺถลุงฺคํ ชานาติ ‘อหํ สีสกฎาหพฺภนฺตเร ฐิต’นฺติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ มตฺถลุงฺคํ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ถโทฺธ ปถวีธาตูติฯ

    Matthaluṅgaṃ sīsakaṭāhabbhantare ṭhitaṃ. Tattha yathā purāṇalābukaṭāhe pakkhittāya piṭṭhapiṇḍiyā na lābukaṭāhaṃ jānāti ‘mayi piṭṭhapiṇḍi ṭhitā’ti, nāpi piṭṭhapiṇḍi jānāti ‘ahaṃ lābukaṭāhe ṭhitā’ti, evameva na sīsakaṭāhabbhantaraṃ jānāti ‘mayi matthaluṅgaṃ ṭhita’nti, nāpi matthaluṅgaṃ jānāti ‘ahaṃ sīsakaṭāhabbhantare ṭhita’nti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti matthaluṅgaṃ nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto thaddho pathavīdhātūti.

    ยํ วา ปนญฺญมฺปีติ อิมินา อาโปโกฎฺฐาสาทีสุ ตีสุ อนุคตํ ปถวีธาตุํ ลกฺขณวเสน เยวาปนกํ ปถวิํ กตฺวา ทเสฺสติฯ

    Yaṃvā panaññampīti iminā āpokoṭṭhāsādīsu tīsu anugataṃ pathavīdhātuṃ lakkhaṇavasena yevāpanakaṃ pathaviṃ katvā dasseti.

    พาหิรปถวีธาตุนิเทฺทเส อโยติ กาฬโลหํฯ โลหนฺติ ชาติโลหํ, วิชาติโลหํ, กิตฺติมโลหํ, ปิสาจโลหนฺติ จตุพฺพิธํฯ ตตฺถ อโย, สชฺฌุ, สุวณฺณํ, ติปุ, สีสํ, ตมฺพโลหํ, เวกนฺตกนฺติ อิมานิ สตฺต ชาติโลหานิ นามฯ นาคนาสิกโลหํ วิชาติโลหํ นามฯ กํสโลหํ, วฎฺฎโลหํ, อารกูฎนฺติ ตีณิ กิตฺติมโลหานิ นามฯ โมรกฺขกํ, ปุถุกํ, มลินกํ, จปลกํ, เสลกํ, อาฎกํ, ภลฺลกํ, ทูสิโลหนฺติ อฎฺฐ ปิสาจโลหานิ นามฯ เตสุ ปญฺจ ชาติโลหานิ ปาฬิยํ วิสุํ วุตฺตาเนวฯ ตมฺพโลหํ, เวกนฺตกโลหนฺติ อิเมหิ ปน ทฺวีหิ ชาติโลเหหิ สทฺธิํ เสสํ สพฺพมฺปิ อิธ โลหนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Bāhirapathavīdhātuniddese ayoti kāḷalohaṃ. Lohanti jātilohaṃ, vijātilohaṃ, kittimalohaṃ, pisācalohanti catubbidhaṃ. Tattha ayo, sajjhu, suvaṇṇaṃ, tipu, sīsaṃ, tambalohaṃ, vekantakanti imāni satta jātilohāni nāma. Nāganāsikalohaṃ vijātilohaṃ nāma. Kaṃsalohaṃ, vaṭṭalohaṃ, ārakūṭanti tīṇi kittimalohāni nāma. Morakkhakaṃ, puthukaṃ, malinakaṃ, capalakaṃ, selakaṃ, āṭakaṃ, bhallakaṃ, dūsilohanti aṭṭha pisācalohāni nāma. Tesu pañca jātilohāni pāḷiyaṃ visuṃ vuttāneva. Tambalohaṃ, vekantakalohanti imehi pana dvīhi jātilohehi saddhiṃ sesaṃ sabbampi idha lohanti veditabbaṃ.

    ติปูติ เสตติปุฯ สีสนฺติ กาฬติปุฯ สชฺฌูติ รชตํฯ มุตฺตาติ สามุทฺทิกมุตฺตาฯ มณีติ ฐเปตฺวา ปาฬิอาคเต เวฬุริยาทโย เสโส โชติรสาทิเภโท สโพฺพปิ มณิฯ เวฬุริโยติ วํสวณฺณมณิฯ สโงฺขติ สามุทฺทิกสโงฺขฯ สิลาติ กาฬสิลา, ปณฺฑุสิลา, เสตสิลาติอาทิเภทา สพฺพาปิ สิลาฯ ปวาฬนฺติ ปวาฬเมวฯ รชตนฺติ กหาปโณฯ ชาตรูปนฺติ สุวณฺณํฯ โลหิตโงฺกติ รตฺตมณิฯ มสารคลฺลนฺติ กพรมณิฯ ติณาทีสุ พหิสารา อนฺตมโส นาฬิเกราทโยปิ ติณํ นามฯ อโนฺตสารํ อนฺตมโส ทารุขณฺฑมฺปิ กฎฺฐํ นามฯ สกฺขราติ มุคฺคมตฺตโต ยาว มุฎฺฐิปฺปมาณา มรุมฺพา สกฺขรา นามฯ มุคฺคมตฺตโต ปน เหฎฺฐา วาลิกาติ วุจฺจติฯ กฐลนฺติ ยํ กิญฺจิ กปาลํฯ ภูมีติ ปถวีฯ ปาสาโณติ อโนฺตมุฎฺฐิยํ อสณฺฐหนโต ปฎฺฐาย หตฺถิปฺปมาณํ อสมฺปโตฺต ปาสาโณ นามฯ หตฺถิปฺปมาณโต ปฎฺฐาย ปน อุปริ ปพฺพโต นามฯ ยํ วา ปนาติ อิมินา ตาลฎฺฐิ-นาฬิเกร-ผลาทิเภทํ เสสปถวิํ คณฺหาติฯ ยา จ อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ ยา จ พาหิราติ อิมินา เทฺวปิ ปถวีธาตุโย กกฺขฬเฎฺฐน ลกฺขณโต เอกา ปถวีธาตุ เอวาติ ทเสฺสติฯ

    Tipūti setatipu. Sīsanti kāḷatipu. Sajjhūti rajataṃ. Muttāti sāmuddikamuttā. Maṇīti ṭhapetvā pāḷiāgate veḷuriyādayo seso jotirasādibhedo sabbopi maṇi. Veḷuriyoti vaṃsavaṇṇamaṇi. Saṅkhoti sāmuddikasaṅkho. Silāti kāḷasilā, paṇḍusilā, setasilātiādibhedā sabbāpi silā. Pavāḷanti pavāḷameva. Rajatanti kahāpaṇo. Jātarūpanti suvaṇṇaṃ. Lohitaṅkoti rattamaṇi. Masāragallanti kabaramaṇi. Tiṇādīsu bahisārā antamaso nāḷikerādayopi tiṇaṃ nāma. Antosāraṃ antamaso dārukhaṇḍampi kaṭṭhaṃ nāma. Sakkharāti muggamattato yāva muṭṭhippamāṇā marumbā sakkharā nāma. Muggamattato pana heṭṭhā vālikāti vuccati. Kaṭhalanti yaṃ kiñci kapālaṃ. Bhūmīti pathavī. Pāsāṇoti antomuṭṭhiyaṃ asaṇṭhahanato paṭṭhāya hatthippamāṇaṃ asampatto pāsāṇo nāma. Hatthippamāṇato paṭṭhāya pana upari pabbato nāma. Yaṃ vā panāti iminā tālaṭṭhi-nāḷikera-phalādibhedaṃ sesapathaviṃ gaṇhāti. Yā ca ajjhattikā pathavīdhātu yā ca bāhirāti iminā dvepi pathavīdhātuyo kakkhaḷaṭṭhena lakkhaṇato ekā pathavīdhātu evāti dasseti.

    ๑๗๔. อาโปธาตุนิเทฺทสาทีสุ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ อาโป อาโปคตนฺติอาทีสุ อาพนฺธนวเสน อาโปฯ ตเทว อาโปสภาวํ คตตฺตา อาโปคตํ นามฯ เสฺนหวเสน เสฺนโหฯ โสเยว เสฺนหสภาวํ คตตฺตา เสฺนหคตํ นามฯ พนฺธนตฺตํ รูปสฺสาติ อวินิโพฺภครูปสฺส พนฺธนภาโวฯ ปิตฺตํ เสมฺหนฺติอาทีนิปิ วณฺณสณฺฐานทิโสกาสปริเจฺฉทวเสน ปริคฺคเหตฺวา ธาตุวเสเนว มนสิกาตพฺพานิฯ

    174. Āpodhātuniddesādīsu heṭṭhā vuttanayeneva veditabbaṃ. Āpo āpogatantiādīsu ābandhanavasena āpo. Tadeva āposabhāvaṃ gatattā āpogataṃ nāma. Snehavasena sneho. Soyeva snehasabhāvaṃ gatattā snehagataṃ nāma. Bandhanattaṃ rūpassāti avinibbhogarūpassa bandhanabhāvo. Pittaṃ semhantiādīnipi vaṇṇasaṇṭhānadisokāsaparicchedavasena pariggahetvā dhātuvaseneva manasikātabbāni.

    ตตฺรายํ นโย – ปิเตฺตสุ หิ อพทฺธปิตฺตํ ชีวิตินฺทฺริยปฎิพทฺธํ สกลสรีรํ พฺยาเปตฺวา ฐิตํ, พทฺธปิตฺตํ ปิตฺตโกสเก ฐิตํฯ ตตฺถ ยถา ปูวํ พฺยาเปตฺวา ฐิเต เตเล น ปูวํ ชานาติ ‘เตลํ มํ พฺยาเปตฺวา ฐิต’นฺติ, นาปิ เตลํ ชานาติ ‘อหํ ปูวํ พฺยาเปตฺวา ฐิต’นฺติ, เอวเมว น สรีรํ ชานาติ ‘อพทฺธปิตฺตํ มํ พฺยาเปตฺวา ฐิต’นฺติ, นาปิ อพทฺธปิตฺตํ ชานาติ ‘อหํ สรีรํ พฺยาเปตฺวา ฐิต’นฺติฯ ยถา จ วโสฺสทเกน ปุเณฺณ โกสาตกีโกสเก น โกสาตกีโกสโก ชานาติ ‘มยิ วโสฺสทกํ ฐิต’นฺติ, นาปิ วโสฺสทกํ ชานาติ ‘อหํ โกสาตกีโกสเก ฐิต’นฺติ, เอวเมว น ปิตฺตโกสโก ชานาติ มยิ พทฺธปิตฺตํ ฐิตนฺติ, นาปิ พทฺธปิตฺตํ ชานาติ ‘อหํ ปิตฺตโกสเก ฐิต’นฺติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ ปิตฺตํ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ยูสภูโต อาพนฺธนากาโร อาโปธาตูติฯ

    Tatrāyaṃ nayo – pittesu hi abaddhapittaṃ jīvitindriyapaṭibaddhaṃ sakalasarīraṃ byāpetvā ṭhitaṃ, baddhapittaṃ pittakosake ṭhitaṃ. Tattha yathā pūvaṃ byāpetvā ṭhite tele na pūvaṃ jānāti ‘telaṃ maṃ byāpetvā ṭhita’nti, nāpi telaṃ jānāti ‘ahaṃ pūvaṃ byāpetvā ṭhita’nti, evameva na sarīraṃ jānāti ‘abaddhapittaṃ maṃ byāpetvā ṭhita’nti, nāpi abaddhapittaṃ jānāti ‘ahaṃ sarīraṃ byāpetvā ṭhita’nti. Yathā ca vassodakena puṇṇe kosātakīkosake na kosātakīkosako jānāti ‘mayi vassodakaṃ ṭhita’nti, nāpi vassodakaṃ jānāti ‘ahaṃ kosātakīkosake ṭhita’nti, evameva na pittakosako jānāti mayi baddhapittaṃ ṭhitanti, nāpi baddhapittaṃ jānāti ‘ahaṃ pittakosake ṭhita’nti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti pittaṃ nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto yūsabhūto ābandhanākāro āpodhātūti.

    เสมฺหํ เอกปตฺถปูรปฺปมาณํ อุทรปฎเล ฐิตํฯ ตตฺถ ยถา อุปริ สญฺชาตเผณปฎลาย จนฺทนิกาย น จนฺทนิกา ชานาติ ‘มยิ เผณปฎลํ ฐิต’นฺติ, นาปิ เผณปฎลํ ชานาติ ‘อหํ จนฺทนิกาย ฐิต’นฺติ, เอวเมว น อุทรปฎลํ ชานาติ ‘มยิ เสมฺหํ ฐิต’นฺติ, นาปิ เสมฺหํ ชานาติ ‘อหํ อุทรปฎเล ฐิต’นฺติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ เสมฺหํ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ยูสภูโต อาพนฺธนากาโร อาโปธาตูติฯ

    Semhaṃ ekapatthapūrappamāṇaṃ udarapaṭale ṭhitaṃ. Tattha yathā upari sañjātapheṇapaṭalāya candanikāya na candanikā jānāti ‘mayi pheṇapaṭalaṃ ṭhita’nti, nāpi pheṇapaṭalaṃ jānāti ‘ahaṃ candanikāya ṭhita’nti, evameva na udarapaṭalaṃ jānāti ‘mayi semhaṃ ṭhita’nti, nāpi semhaṃ jānāti ‘ahaṃ udarapaṭale ṭhita’nti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti semhaṃ nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto yūsabhūto ābandhanākāro āpodhātūti.

    ปุโพฺพ อนิพโทฺธกาโส, ยตฺถ ยเตฺถว ขาณุกณฺฎกปฺปหรณอคฺคิชาลาทีหิ อภิหเฎ สรีรปฺปเทเส โลหิตํ สณฺฐหิตฺวา ปจฺจติ, คณฺฑปีฬกาทโย วา อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ ตเตฺถว ติฎฺฐติฯ ตตฺถ ยถา ผรสุปฺปหาราทิวเสน ปคฺฆริตนิยาเส รุเกฺข น รุกฺขสฺส ผรสุปฺปหาราทิปฺปเทสา ชานนฺติ ‘อเมฺหสุ นิยฺยาโส ฐิโต’ติ, นาปิ นิยฺยาโส ชานาติ ‘อหํ รุกฺขสฺส ผรสุปฺปหาราทิปฺปเทเสสุ ฐิโต’ติ, เอวเมว น สรีรสฺส ขาณุกณฺฎกาทีหิ อภิหฎปฺปเทสา ชานนฺติ ‘อเมฺหสุ ปุโพฺพ ฐิโต’ติ, นาปิ ปุโพฺพ ชานาติ ‘อหํ เตสุ ปเทเสสุ ฐิโต’ติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ ปุโพฺพ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ยูสภูโต อาพนฺธนากาโร อาโปธาตูติฯ

    Pubbo anibaddhokāso, yattha yattheva khāṇukaṇṭakappaharaṇaaggijālādīhi abhihaṭe sarīrappadese lohitaṃ saṇṭhahitvā paccati, gaṇḍapīḷakādayo vā uppajjanti, tattha tattheva tiṭṭhati. Tattha yathā pharasuppahārādivasena paggharitaniyāse rukkhe na rukkhassa pharasuppahārādippadesā jānanti ‘amhesu niyyāso ṭhito’ti, nāpi niyyāso jānāti ‘ahaṃ rukkhassa pharasuppahārādippadesesu ṭhito’ti, evameva na sarīrassa khāṇukaṇṭakādīhi abhihaṭappadesā jānanti ‘amhesu pubbo ṭhito’ti, nāpi pubbo jānāti ‘ahaṃ tesu padesesu ṭhito’ti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti pubbo nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto yūsabhūto ābandhanākāro āpodhātūti.

    โลหิเตสุ สํสรณโลหิตํ อพทฺธปิตฺตํ วิย สกลสรีรํ พฺยาเปตฺวา ฐิตํฯ สนฺนิจิตโลหิตํ ยกนฎฺฐานสฺส เหฎฺฐาภาคํ ปูเรตฺวา เอกปตฺตปูรณปฺปมาณํ วกฺกหทยยกนปปฺผาสานิ เตเมนฺตํ ฐิตํฯ ตตฺถ สํสรณโลหิเต อพทฺธปิตฺตสทิโสว วินิจฺฉโยฯ อิตรํ ปน ยถา ชชฺชรกปาลเฎฺฐ อุทเก เหฎฺฐา เลฑฺฑุขณฺฑานิ เตมยมาเน น เลฑฺฑุขณฺฑานิ ชานนฺติ ‘มยํ อุทเกน เตมิยมานา ฐิตา’ติ, นาปิ อุทกํ ชานาติ ‘อหํ เลฑฺฑุขณฺฑานิ เตเมมี’ติ, เอวเมว น ยกนสฺส เหฎฺฐาภาคฎฺฐานํ วกฺกาทีนิ วา ชานนฺติ ‘มยิ โลหิตํ ฐิตํ, อเมฺห วา เตมยมานํ ฐิต’นฺติ, นาปิ โลหิตํ ชานาติ ‘อหํ ยกนสฺส เหฎฺฐาภาคํ ปูเรตฺวา วกฺกาทีนิ เตมยมานํ ฐิต’นฺติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ โลหิตํ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ยูสภูโต อาพนฺธนากาโร อาโปธาตูติฯ

    Lohitesu saṃsaraṇalohitaṃ abaddhapittaṃ viya sakalasarīraṃ byāpetvā ṭhitaṃ. Sannicitalohitaṃ yakanaṭṭhānassa heṭṭhābhāgaṃ pūretvā ekapattapūraṇappamāṇaṃ vakkahadayayakanapapphāsāni tementaṃ ṭhitaṃ. Tattha saṃsaraṇalohite abaddhapittasadisova vinicchayo. Itaraṃ pana yathā jajjarakapālaṭṭhe udake heṭṭhā leḍḍukhaṇḍāni temayamāne na leḍḍukhaṇḍāni jānanti ‘mayaṃ udakena temiyamānā ṭhitā’ti, nāpi udakaṃ jānāti ‘ahaṃ leḍḍukhaṇḍāni tememī’ti, evameva na yakanassa heṭṭhābhāgaṭṭhānaṃ vakkādīni vā jānanti ‘mayi lohitaṃ ṭhitaṃ, amhe vā temayamānaṃ ṭhita’nti, nāpi lohitaṃ jānāti ‘ahaṃ yakanassa heṭṭhābhāgaṃ pūretvā vakkādīni temayamānaṃ ṭhita’nti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti lohitaṃ nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto yūsabhūto ābandhanākāro āpodhātūti.

    เสโท อคฺคิสนฺตาปาทิกาเลสุ เกสโลมกูปวิวรานิ ปูเรตฺวา ติฎฺฐติ เจว ปคฺฆรติ จฯ ตตฺถ ยถา อุทกา อพฺพูฬฺหมเตฺตสุ ภิสมุฬาลกุมุทนาฬกลาเปสุ น ภิสาทิกลาปวิวรานิ ชานนฺติ ‘อเมฺหหิ อุทกํ ปคฺฆรตี’ติ, นาปิ ภิสาทิกลาปวิวเรหิ ปคฺฆรนฺตํ อุทกํ ชานาติ ‘อหํ ภิสาทิกลาปวิวเรหิ ปคฺฆรามี’ติ, เอวเมว น เกสโลมกูปวิวรานิ ชานนฺติ ‘อเมฺหหิ เสโท ปคฺฆรตี’ติ, นาปิ เสโท ชานาติ ‘อหํ เกสโลมกูปวิวเรหิ ปคฺฆรามี’ติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ เสโท นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ยูสภูโต อาพนฺธนากาโร อาโปธาตูติฯ

    Sedo aggisantāpādikālesu kesalomakūpavivarāni pūretvā tiṭṭhati ceva paggharati ca. Tattha yathā udakā abbūḷhamattesu bhisamuḷālakumudanāḷakalāpesu na bhisādikalāpavivarāni jānanti ‘amhehi udakaṃ paggharatī’ti, nāpi bhisādikalāpavivarehi paggharantaṃ udakaṃ jānāti ‘ahaṃ bhisādikalāpavivarehi paggharāmī’ti, evameva na kesalomakūpavivarāni jānanti ‘amhehi sedo paggharatī’ti, nāpi sedo jānāti ‘ahaṃ kesalomakūpavivarehi paggharāmī’ti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti sedo nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto yūsabhūto ābandhanākāro āpodhātūti.

    เมโท ถูลสฺส สกลสรีรํ ผริตฺวา กิสสฺส ชงฺฆมํสาทีนิ นิสฺสาย ฐิโต ปตฺถินฺนเสฺนโหฯ ตตฺถ ยถา หลิทฺทิปิโลติกปฎิจฺฉเนฺน มํสปุเญฺช น มํสปุโญฺช ชานาติ ‘มํ นิสฺสาย หลิทฺทิปิโลติกา ฐิตา’ติ, นาปิ หลิทฺทิปิโลติกา ชานาติ ‘อหํ มํสปุญฺชํ นิสฺสาย ฐิตา’ติ, เอวเมว น สกลสรีเร ชงฺฆาทีสุ วา มํสํ ชานาติ ‘มํ นิสฺสาย เมโท ฐิโต’ติ, นาปิ เมโท ชานาติ ‘อหํ สกลสรีเร ชงฺฆาทีสุ วา มํสํ นิสฺสาย ฐิโต’ติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ เมโท นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ปตฺถินฺนเสฺนโห ปตฺถินฺนยูสภูโต อาพนฺธนากาโร อาโปธาตูติฯ

    Medo thūlassa sakalasarīraṃ pharitvā kisassa jaṅghamaṃsādīni nissāya ṭhito patthinnasneho. Tattha yathā haliddipilotikapaṭicchanne maṃsapuñje na maṃsapuñjo jānāti ‘maṃ nissāya haliddipilotikā ṭhitā’ti, nāpi haliddipilotikā jānāti ‘ahaṃ maṃsapuñjaṃ nissāya ṭhitā’ti, evameva na sakalasarīre jaṅghādīsu vā maṃsaṃ jānāti ‘maṃ nissāya medo ṭhito’ti, nāpi medo jānāti ‘ahaṃ sakalasarīre jaṅghādīsu vā maṃsaṃ nissāya ṭhito’ti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti medo nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto patthinnasneho patthinnayūsabhūto ābandhanākāro āpodhātūti.

    อสฺสุ ยทา สญฺชายติ ตทา อกฺขิกูปเก ปูเรตฺวา ติฎฺฐติ วา ปคฺฆรติ วาฯ ตตฺถ ยถา อุทกปุเณฺณสุ ตรุณตาลฎฺฐิกูปเกสุ น ตรุณตาลฎฺฐิกูปกา ชานนฺติ ‘อเมฺหสุ อุทกํ ฐิต’นฺติ, นาปิ อุทกํ ชานาติ ‘อหํ ตรุณตาลฎฺฐิกูปเกสุ ฐิต’นฺติ, เอวเมว น อกฺขิกูปกา ชานนฺติ ‘อเมฺหสุ อสฺสุ ฐิต’นฺติ, นาปิ อสฺสุ ชานาติ ‘อหํ อกฺขิกูปเกสุ ฐิต’นฺติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ อสฺสุ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ยูสภูโต อาพนฺธนากาโร อาโปธาตูติฯ

    Assu yadā sañjāyati tadā akkhikūpake pūretvā tiṭṭhati vā paggharati vā. Tattha yathā udakapuṇṇesu taruṇatālaṭṭhikūpakesu na taruṇatālaṭṭhikūpakā jānanti ‘amhesu udakaṃ ṭhita’nti, nāpi udakaṃ jānāti ‘ahaṃ taruṇatālaṭṭhikūpakesu ṭhita’nti, evameva na akkhikūpakā jānanti ‘amhesu assu ṭhita’nti, nāpi assu jānāti ‘ahaṃ akkhikūpakesu ṭhita’nti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti assu nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto yūsabhūto ābandhanākāro āpodhātūti.

    วสา อคฺคิสนฺตาปาทิกาเล หตฺถตลหตฺถปิฎฺฐิปาทตลปาทปิฎฺฐินาสปุฎนลาฎอํสกูเฎสุ ฐิตวิลีนเสฺนโหฯ ตตฺถ ยถา ปกฺขิตฺตเตเล อาจาเม น อาจาโม ชานาติ ‘มํ เตลํ อโชฺฌตฺถริตฺวา ฐิต’นฺติ, นาปิ เตลํ ชานาติ ‘อหํ อาจามํ อโชฺฌตฺถริตฺวา ฐิต’นฺติ, เอวเมว น หตฺถตลาทิปฺปเทโส ชานาติ ‘มํ วสา อโชฺฌตฺถริตฺวา ฐิตา’ติ, นาปิ วสา ชานาติ ‘อหํ หตฺถตลาทิปฺปเทเส อโชฺฌตฺถริตฺวา ฐิตา’ติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ วสา นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ยูสภูโต อาพนฺธนากาโร อาโปธาตูติฯ

    Vasā aggisantāpādikāle hatthatalahatthapiṭṭhipādatalapādapiṭṭhināsapuṭanalāṭaaṃsakūṭesu ṭhitavilīnasneho. Tattha yathā pakkhittatele ācāme na ācāmo jānāti ‘maṃ telaṃ ajjhottharitvā ṭhita’nti, nāpi telaṃ jānāti ‘ahaṃ ācāmaṃ ajjhottharitvā ṭhita’nti, evameva na hatthatalādippadeso jānāti ‘maṃ vasā ajjhottharitvā ṭhitā’ti, nāpi vasā jānāti ‘ahaṃ hatthatalādippadese ajjhottharitvā ṭhitā’ti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti vasā nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto yūsabhūto ābandhanākāro āpodhātūti.

    เขโฬ ตถารูเป เขฬุปฺปตฺติปจฺจเย สติ อุโภหิ กโปลปเสฺสหิ โอโรหิตฺวา ชิวฺหาย ติฎฺฐติฯ ตตฺถ ยถา อโพฺพจฺฉินฺนอุทกนิสฺสเนฺท นทีตีรกูปเก น กูปตลํ ชานาติ ‘มยิ อุทกํ สนฺติฎฺฐตี’ติ, นาปิ อุทกํ ชานาติ ‘อหํ กูปตเล สนฺติฎฺฐามี’ติ , เอวเมว น ชิวฺหาตลํ ชานาติ ‘มยิ อุโภหิ กโปลปเสฺสหิ โอโรหิตฺวา เขโฬ ฐิโต’ติ, นาปิ เขโฬ ชานาติ ‘อหํ อุโภหิ กโปลปเสฺสหิ โอโรหิตฺวา ชิวฺหาตเล ฐิโต’ติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ เขโฬ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ยูสภูโต อาพนฺธนากาโร อาโปธาตูติฯ

    Kheḷo tathārūpe kheḷuppattipaccaye sati ubhohi kapolapassehi orohitvā jivhāya tiṭṭhati. Tattha yathā abbocchinnaudakanissande nadītīrakūpake na kūpatalaṃ jānāti ‘mayi udakaṃ santiṭṭhatī’ti, nāpi udakaṃ jānāti ‘ahaṃ kūpatale santiṭṭhāmī’ti , evameva na jivhātalaṃ jānāti ‘mayi ubhohi kapolapassehi orohitvā kheḷo ṭhito’ti, nāpi kheḷo jānāti ‘ahaṃ ubhohi kapolapassehi orohitvā jivhātale ṭhito’ti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti kheḷo nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto yūsabhūto ābandhanākāro āpodhātūti.

    สิงฺฆาณิกา ยทา สญฺชายติ ตทา นาสาปุเฎ ปูเรตฺวา ติฎฺฐติ วา ปคฺฆรติ วาฯ ตตฺถ ยถา ปูติทธิภริตาย สิปฺปิกาย น สิปฺปิกา ชานาติ ‘มยิ ปูติทธิ ฐิต’นฺติ, นาปิ ปูติทธิ ชานาติ ‘อหํ สิปฺปิกาย ฐิต’นฺติ, เอวเมว น นาสาปุฎา ชานนฺติ ‘อเมฺหสุ สิงฺฆาณิกา ฐิตา’ติ, นาปิ สิงฺฆาณิกา ชานาติ ‘อหํ นาสาปุเฎสุ ฐิตา’ติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ สิงฺฆาณิกา นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ยูสภูโต อาพนฺธนากาโร อาโปธาตูติฯ

    Siṅghāṇikā yadā sañjāyati tadā nāsāpuṭe pūretvā tiṭṭhati vā paggharati vā. Tattha yathā pūtidadhibharitāya sippikāya na sippikā jānāti ‘mayi pūtidadhi ṭhita’nti, nāpi pūtidadhi jānāti ‘ahaṃ sippikāya ṭhita’nti, evameva na nāsāpuṭā jānanti ‘amhesu siṅghāṇikā ṭhitā’ti, nāpi siṅghāṇikā jānāti ‘ahaṃ nāsāpuṭesu ṭhitā’ti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti siṅghāṇikā nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto yūsabhūto ābandhanākāro āpodhātūti.

    ลสิกา อฎฺฐิกสนฺธีนํ อพฺภญฺชนกิจฺจํ สาธยมานา อสีติสตสนฺธีสุ ฐิตาฯ ตตฺถ ยถา เตลพฺภญฺชิเต อเกฺข น อโกฺข ชานาติ ‘มํ เตลํ อพฺภญฺชิตฺวา ฐิต’นฺติ, นาปิ เตลํ ชานาติ ‘อหํ อกฺขํ อพฺภญฺชิตฺวา ฐิต’นฺติ, เอวเมว น อสีติสตสนฺธโย ชานนฺติ ‘ลสิกา อเมฺห อพฺภญฺชิตฺวา ฐิตา’ติ, นาปิ ลสิกา ชานาติ ‘อหํ อสีติสตสนฺธโย อพฺภญฺชิตฺวา ฐิตา’ติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ ลสิกา นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ยูสภูโต อาพนฺธนากาโร อาโปธาตูติฯ

    Lasikā aṭṭhikasandhīnaṃ abbhañjanakiccaṃ sādhayamānā asītisatasandhīsu ṭhitā. Tattha yathā telabbhañjite akkhe na akkho jānāti ‘maṃ telaṃ abbhañjitvā ṭhita’nti, nāpi telaṃ jānāti ‘ahaṃ akkhaṃ abbhañjitvā ṭhita’nti, evameva na asītisatasandhayo jānanti ‘lasikā amhe abbhañjitvā ṭhitā’ti, nāpi lasikā jānāti ‘ahaṃ asītisatasandhayo abbhañjitvā ṭhitā’ti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti lasikā nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto yūsabhūto ābandhanākāro āpodhātūti.

    มุตฺตํ วตฺถิสฺส อพฺภนฺตเร ฐิตํฯ ตตฺถ ยถา จนฺทนิกาย ปกฺขิเตฺต อโธมุเข รวณฆเฎ น รวณฆโฎ ชานาติ ‘มยิ จนฺทนิการโส ฐิโต’ติ, นาปิ จนฺทนิการโส ชานาติ ‘อหํ รวณฆเฎ ฐิโต’ติ, เอวเมว น วตฺถิ ชานาติ ‘มยิ มุตฺตํ ฐิต’นฺติ, นาปิ มุตฺตํ ชานาติ ‘อหํ วตฺถิมฺหิ ฐิต’นฺติฯ อญฺญมญฺญํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาฯ อิติ มุตฺตํ นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ยูสภูโต อาพนฺธนากาโร อาโปธาตูติฯ ยํ วา ปนาติ อวเสเสสุ ตีสุ โกฎฺฐาเสสุ อาโปธาตุํ สนฺธาย วุตฺตํฯ

    Muttaṃ vatthissa abbhantare ṭhitaṃ. Tattha yathā candanikāya pakkhitte adhomukhe ravaṇaghaṭe na ravaṇaghaṭo jānāti ‘mayi candanikāraso ṭhito’ti, nāpi candanikāraso jānāti ‘ahaṃ ravaṇaghaṭe ṭhito’ti, evameva na vatthi jānāti ‘mayi muttaṃ ṭhita’nti, nāpi muttaṃ jānāti ‘ahaṃ vatthimhi ṭhita’nti. Aññamaññaṃ ābhogapaccavekkhaṇarahitā ete dhammā. Iti muttaṃ nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto yūsabhūto ābandhanākāro āpodhātūti. Yaṃ vā panāti avasesesu tīsu koṭṭhāsesu āpodhātuṃ sandhāya vuttaṃ.

    พาหิรอาโปธาตุนิเทฺทเส มูลํ ปฎิจฺจ นิพฺพโตฺต รโส มูลรโส นามฯ ขนฺธรสาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ขีราทีนิ ปากฎาเนวฯ ยถา ปน เภสชฺชสิกฺขาปเท เอวมิธ นิยโม นตฺถิฯ ยํ กิญฺจิ ขีรํ ขีรเมวฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ ภุมฺมานีติ อาวาฎาทีสุ ฐิตอุทกานิฯ อนฺตลิกฺขานีติ ปถวิํ อปฺปตฺตานิ วโสฺสทกานิฯ ยํ วา ปนาติ หิโมทกกปฺปวินาสกอุทกปถวีสนฺธารกอุทกาทีนิ อิธ เยวาปนกฎฺฐานํ ปวิฎฺฐานิฯ

    Bāhiraāpodhātuniddese mūlaṃ paṭicca nibbatto raso mūlaraso nāma. Khandharasādīsupi eseva nayo. Khīrādīni pākaṭāneva. Yathā pana bhesajjasikkhāpade evamidha niyamo natthi. Yaṃ kiñci khīraṃ khīrameva. Sesesupi eseva nayo. Bhummānīti āvāṭādīsu ṭhitaudakāni. Antalikkhānīti pathaviṃ appattāni vassodakāni. Yaṃ vā panāti himodakakappavināsakaudakapathavīsandhārakaudakādīni idha yevāpanakaṭṭhānaṃ paviṭṭhāni.

    ๑๗๕. เตโชธาตุนิเทฺทเส เตชนวเสน เตโชฯ เตโชว เตโชภาวํ คตตฺตา เตโชคตํฯ อุสฺมาติ อุณฺหากาโรฯ อุสฺมาว อุสฺมาภาวํ คตตฺตา อุสฺมาคตํฯ อุสุมนฺติ จณฺฑอุสุมํฯ ตเทว อุสุมภาวํ คตตฺตา อุสุมคตํฯ เยน จาติ เยน เตโชคเตน กุปฺปิเตนฯ สนฺตปฺปตีติ อยํ กาโย สนฺตปฺปติ, เอกาหิกชราทิภาเวน อุสุมชาโต โหติฯ เยน จ ชีรียตีติ เยน อยํ กาโย ชีรียติ, อินฺทฺริยเวกลฺลตํ พลปริกฺขยํ วลิปลิตาทิภาวญฺจ ปาปุณาติฯ เยน จ ปริฑยฺหตีติ เยน กุปฺปิเตน อยํ กาโย ฑยฺหติ, โส จ ปุคฺคโล ‘ฑยฺหามิ ฑยฺหามี’ติ กนฺทโนฺต สตโธตสปฺปิโคสีตจนฺทนาทิเลปนเญฺจว ตาลวณฺฎวาตญฺจ ปจฺจาสีสติฯ เยน จ อสิตปีตขายิตสายิตํ สมฺมา ปริณามํ คจฺฉตีติ เยเนตํ อสิตํ วา โอทนาทิ, ปีตํ วา ปานกาทิ, ขายิตํ วา ปิฎฺฐขชฺชกาทิ, สายิตํ วา อมฺพปกฺกมธุผาณิตาทิ สมฺมา ปริปากํ คจฺฉติ, รสาทิภาเวน วิเวกํ คจฺฉตีติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ปุริมา ตโย เตโชธาตู จตุสมุฎฺฐานา, ปจฺฉิโม กมฺมสมุฎฺฐาโนวฯ อยํ ตาเวตฺถ ปทสํวณฺณนาฯ

    175. Tejodhātuniddese tejanavasena tejo. Tejova tejobhāvaṃ gatattā tejogataṃ. Usmāti uṇhākāro. Usmāva usmābhāvaṃ gatattā usmāgataṃ. Usumanti caṇḍausumaṃ. Tadeva usumabhāvaṃ gatattā usumagataṃ. Yena cāti yena tejogatena kuppitena. Santappatīti ayaṃ kāyo santappati, ekāhikajarādibhāvena usumajāto hoti. Yena ca jīrīyatīti yena ayaṃ kāyo jīrīyati, indriyavekallataṃ balaparikkhayaṃ valipalitādibhāvañca pāpuṇāti. Yena ca pariḍayhatīti yena kuppitena ayaṃ kāyo ḍayhati, so ca puggalo ‘ḍayhāmi ḍayhāmī’ti kandanto satadhotasappigosītacandanādilepanañceva tālavaṇṭavātañca paccāsīsati. Yena ca asitapītakhāyitasāyitaṃ sammā pariṇāmaṃ gacchatīti yenetaṃ asitaṃ vā odanādi, pītaṃ vā pānakādi, khāyitaṃ vā piṭṭhakhajjakādi, sāyitaṃ vā ambapakkamadhuphāṇitādi sammā paripākaṃ gacchati, rasādibhāvena vivekaṃ gacchatīti attho. Ettha ca purimā tayo tejodhātū catusamuṭṭhānā, pacchimo kammasamuṭṭhānova. Ayaṃ tāvettha padasaṃvaṇṇanā.

    อิทํ ปน มนสิการวิธานํ – อิธ ภิกฺขุ ‘เยน สนฺตปฺปติ, อยํ อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ปริปาจนากาโร เตโชธาตู’ติ มนสิ กโรติ; ‘เยน ชีรียติ, เยน ปริฑยฺหติ, เยน อสิตปีตขายิตสายิตํ สมฺมา ปริณามํ คจฺฉติ, อยํ อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต ปริปาจนากาโร เตโชธาตู’ติ มนสิ กโรติฯ ยํ วา ปนาติ อิมสฺมิํ สรีเร ปากติโก เอโก อุตุ อตฺถิ, โส เยวาปนกฎฺฐานํ ปวิโฎฺฐฯ

    Idaṃ pana manasikāravidhānaṃ – idha bhikkhu ‘yena santappati, ayaṃ imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto paripācanākāro tejodhātū’ti manasi karoti; ‘yena jīrīyati, yena pariḍayhati, yena asitapītakhāyitasāyitaṃ sammā pariṇāmaṃ gacchati, ayaṃ imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto paripācanākāro tejodhātū’ti manasi karoti. Yaṃ vā panāti imasmiṃ sarīre pākatiko eko utu atthi, so yevāpanakaṭṭhānaṃ paviṭṭho.

    พาหิรเตโชธาตุนิเทฺทเส กฎฺฐํ ปฎิจฺจ ปชฺชลิโต กฎฺฐุปาทาโน อคฺคิ กฎฺฐคฺคิ นามฯ สกลิกคฺคิอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ สงฺการคฺคีติ กจวรํ สํกฑฺฒิตฺวา ชาลาปิโต กจวรคฺคิฯ อินฺทคฺคีติ อสนิอคฺคิฯ อคฺคิสนฺตาโปติ ชาลาย วา วีตจฺจิกงฺคารานํ วา สนฺตาโปฯ สูริยสนฺตาโปติ อาตโปฯ กฎฺฐสนฺนิจยสนฺตาโปติ กฎฺฐราสิฎฺฐาเน สนฺตาโปฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ ยํ วา ปนาติ เปตคฺคิ กปฺปวินาสคฺคิ นิรยคฺคิอาทโย อิธ เยวาปนกฎฺฐานํ ปวิฎฺฐาฯ

    Bāhiratejodhātuniddese kaṭṭhaṃ paṭicca pajjalito kaṭṭhupādāno aggi kaṭṭhaggi nāma. Sakalikaggiādīsupi eseva nayo. Saṅkāraggīti kacavaraṃ saṃkaḍḍhitvā jālāpito kacavaraggi. Indaggīti asaniaggi. Aggisantāpoti jālāya vā vītaccikaṅgārānaṃ vā santāpo. Sūriyasantāpoti ātapo. Kaṭṭhasannicayasantāpoti kaṭṭharāsiṭṭhāne santāpo. Sesesupi eseva nayo. Yaṃ vā panāti petaggi kappavināsaggi nirayaggiādayo idha yevāpanakaṭṭhānaṃ paviṭṭhā.

    ๑๗๖. วาโยธาตุนิเทฺทเส วายนวเสน วาโยฯ วาโยว วาโยภาวํ คตตฺตา วาโยคตํฯ ถมฺภิตตฺตํ รูปสฺสาติ อวินิโพฺภครูปสฺส ถมฺภิตภาโวฯ อุทฺธงฺคมา วาตาติ อุคฺคารหิกฺกาทิ ปวตฺตกา อุทฺธํ อาโรหนวาตา ฯ อโธคมา วาตาติ อุจฺจารปสฺสาวาทินีหรณกา อโธ โอโรหนวาตาฯ กุจฺฉิสยา วาตาติ อนฺตานํ พหิวาตาฯ โกฎฺฐาสยา วาตาติ อนฺตานํ อโนฺตวาตาฯ องฺคมงฺคานุสาริโน วาตาติ ธมนิชาลานุสาเรน สกลสรีเร องฺคมงฺคานิ อนุสฎา สมิญฺชนปสารณาทินิพฺพตฺตกา วาตาฯ สตฺถกวาตาติ สนฺธิพนฺธนานิ กตฺตริยา ฉินฺทนฺตา วิย ปวตฺตวาตาฯ ขุรกวาตาติ ขุเรน วิย หทยํ ผาลนวาตาฯ อุปฺปลกวาตาติ หทยมํสเมว อุปฺปาฎนกวาตาฯ อสฺสาโสติ อโนฺตปวิสนนาสิกาวโตฯ ปสฺสาโสติ พหินิกฺขมนนาสิกาวโตฯ เอตฺถ จ ปุริมา สเพฺพ จตุสมุฎฺฐานา, อสฺสาสปสฺสาสา จิตฺตสมุฎฺฐานาวฯ อยเมตฺถ ปทวณฺณนาฯ

    176. Vāyodhātuniddese vāyanavasena vāyo. Vāyova vāyobhāvaṃ gatattā vāyogataṃ. Thambhitattaṃ rūpassāti avinibbhogarūpassa thambhitabhāvo. Uddhaṅgamā vātāti uggārahikkādi pavattakā uddhaṃ ārohanavātā . Adhogamā vātāti uccārapassāvādinīharaṇakā adho orohanavātā. Kucchisayā vātāti antānaṃ bahivātā. Koṭṭhāsayā vātāti antānaṃ antovātā. Aṅgamaṅgānusārino vātāti dhamanijālānusārena sakalasarīre aṅgamaṅgāni anusaṭā samiñjanapasāraṇādinibbattakā vātā. Satthakavātāti sandhibandhanāni kattariyā chindantā viya pavattavātā. Khurakavātāti khurena viya hadayaṃ phālanavātā. Uppalakavātāti hadayamaṃsameva uppāṭanakavātā. Assāsoti antopavisananāsikāvato. Passāsoti bahinikkhamananāsikāvato. Ettha ca purimā sabbe catusamuṭṭhānā, assāsapassāsā cittasamuṭṭhānāva. Ayamettha padavaṇṇanā.

    อิทํ ปน มนสิการวิธานํ – อิธ ภิกฺขุ อุทฺธงฺคมาทิเภเท วาเต อุทฺธงฺคมาทิวเสน ปริคฺคเหตฺวา ‘อุทฺธงฺคมา วาตา นาม อิมสฺมิํ สรีเร ปาฎิเยโกฺก โกฎฺฐาโส อเจตโน อพฺยากโต สุโญฺญ นิสฺสโตฺต วิตฺถมฺภนากาโร วาโยธาตู’ติ มนสิ กโรติฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ ยํ วา ปนาติ เสเส วาโยโกฎฺฐาเส อนุคตา วาตา อิธ เยวาปนกฎฺฐานํ ปวิฎฺฐาฯ

    Idaṃ pana manasikāravidhānaṃ – idha bhikkhu uddhaṅgamādibhede vāte uddhaṅgamādivasena pariggahetvā ‘uddhaṅgamā vātā nāma imasmiṃ sarīre pāṭiyekko koṭṭhāso acetano abyākato suñño nissatto vitthambhanākāro vāyodhātū’ti manasi karoti. Sesesupi eseva nayo. Yaṃ vā panāti sese vāyokoṭṭhāse anugatā vātā idha yevāpanakaṭṭhānaṃ paviṭṭhā.

    พาหิรวาโยธาตุนิเทฺทเส ปุรตฺถิมา วาตาติ ปุรตฺถิมทิสโต อาคตา วาตาฯ ปจฺฉิมุตฺตรทกฺขิเณสุปิ เอเสว นโยฯ สรชา วาตาติ สห รเชน สรชาฯ อรชา วาตาติ รชวิรหิตา สุทฺธา อรชา นามฯ สีตาติ สีตอุตุสมุฎฺฐานา สีตวลาหกนฺตเร สมุฎฺฐิตาฯ อุณฺหาติ อุณฺหอุตุสมุฎฺฐานา อุณฺหวลาหกนฺตเร สมุฎฺฐิตาฯ ปริตฺตาติ มนฺทา ตนุกวาตาฯ อธิมตฺตาติ พลววาตาฯ กาฬาติ กาฬวลาหกนฺตเร สมุฎฺฐิตา, เยหิ อพฺภาหโต ฉวิวโณฺณ กาฬโก โหติฯ เตสํ เอตํ อธิวจนนฺติปิ เอเกฯ เวรมฺภวาตาติ โยชนโต อุปริ วายนวาตาฯ ปกฺขวาตาติ อนฺตมโส มกฺขิกายปิ ปกฺขายูหนสมุฎฺฐิตา วาตาฯ สุปณฺณวาตาติ ครุฬวาตาฯ กามญฺจ อิเมปิ ปกฺขวาตาว อุสฺสทวเสน ปน วิสุํ คหิตาฯ ตาลวณฺฎวาตาติ ตาลปเณฺณหิ วา อเญฺญน วา เกนจิ มณฺฑลสณฺฐาเนน สมุฎฺฐาปิตา วาตาฯ วิธูปนวาตาติ พีชนปตฺตเกน สมุฎฺฐาปิตา วาตาฯ อิมานิ จ ตาลวณฺฎวิธูปนานิ อนุปฺปนฺนมฺปิ วาตํ อุปฺปาเทนฺติ, อุปฺปนฺนมฺปิ ปริวเตฺตนฺติฯ ยํ วา ปนาติ อิธ ปาฬิอาคเต ฐเปตฺวา เสสวาตา เยวาปนกฎฺฐานํ ปวิฎฺฐาฯ

    Bāhiravāyodhātuniddese puratthimā vātāti puratthimadisato āgatā vātā. Pacchimuttaradakkhiṇesupi eseva nayo. Sarajā vātāti saha rajena sarajā. Arajā vātāti rajavirahitā suddhā arajā nāma. Sītāti sītautusamuṭṭhānā sītavalāhakantare samuṭṭhitā. Uṇhāti uṇhautusamuṭṭhānā uṇhavalāhakantare samuṭṭhitā. Parittāti mandā tanukavātā. Adhimattāti balavavātā. Kāḷāti kāḷavalāhakantare samuṭṭhitā, yehi abbhāhato chavivaṇṇo kāḷako hoti. Tesaṃ etaṃ adhivacanantipi eke. Verambhavātāti yojanato upari vāyanavātā. Pakkhavātāti antamaso makkhikāyapi pakkhāyūhanasamuṭṭhitā vātā. Supaṇṇavātāti garuḷavātā. Kāmañca imepi pakkhavātāva ussadavasena pana visuṃ gahitā. Tālavaṇṭavātāti tālapaṇṇehi vā aññena vā kenaci maṇḍalasaṇṭhānena samuṭṭhāpitā vātā. Vidhūpanavātāti bījanapattakena samuṭṭhāpitā vātā. Imāni ca tālavaṇṭavidhūpanāni anuppannampi vātaṃ uppādenti, uppannampi parivattenti. Yaṃ vā panāti idha pāḷiāgate ṭhapetvā sesavātā yevāpanakaṭṭhānaṃ paviṭṭhā.

    ๑๗๗. อากาสธาตุนิเทฺทเส อปฺปฎิฆฎฺฎนเฎฺฐน น กสฺสตีติ อากาโสฯ อากาโสว อากาสภาวํ คตตฺตา อากาสคตํฯ อฆฎฺฎนียตาย อฆํฯ อฆเมว อฆภาวํ คตตฺตา อฆคตํวิวโรติ อนฺตรํฯ ตเทว วิวรภาวํ คตตฺตา วิวรคตํอสมฺผุฎฺฐํ มํสโลหิเตหีติ มํสโลหิเตหิ นิสฺสฎํฯ กณฺณจฺฉิทฺทนฺติอาทิ ปน ตเสฺสว ปเภททสฺสนํฯ ตตฺถ กณฺณจฺฉิทฺทนฺติ กณฺณสฺมิํ ฉิทฺทํ วิวรํ มํสโลหิเตหิ อสมฺผุโฎฺฐกาโสฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ เยนาติ เยน วิวเรน เอตํ อสิตาทิเภทํ อโชฺฌหรณียํ อโชฺฌหรติ, อโนฺต ปเวเสติฯ ยตฺถาติ ยสฺมิํ อโนฺตอุทรปฎลสงฺขาเต โอกาเส เอตเทว จตุพฺพิธํ อโชฺฌหรณียํ ติฎฺฐติฯ เยนาติ เยน วิวเรน สพฺพเมฺปตํ วิปกฺกํ กสฎภาวํ อาปนฺนํ นิกฺขมติ, ตํ อุทรปฎลโต ยาว กรีสมคฺคา วิทตฺถิจตุรงฺคุลมตฺตํ ฉิทฺทํ มํสโลหิเตหิ อสมฺผุฎฺฐํ นิสฺสฎํ อากาสธาตูติ เวทิตพฺพํฯ ยํ วา ปนาติ เอตฺถ จมฺมนฺตรํ มํสนฺตรํ นฺหารุนฺตรํ อฎฺฐินฺตรํ โลมนฺตรนฺติ อิทํ สพฺพํ เยวาปนกฎฺฐานํ ปวิฎฺฐํฯ

    177. Ākāsadhātuniddese appaṭighaṭṭanaṭṭhena na kassatīti ākāso. Ākāsova ākāsabhāvaṃ gatattā ākāsagataṃ. Aghaṭṭanīyatāya aghaṃ. Aghameva aghabhāvaṃ gatattā aghagataṃ. Vivaroti antaraṃ. Tadeva vivarabhāvaṃ gatattā vivaragataṃ. Asamphuṭṭhaṃ maṃsalohitehīti maṃsalohitehi nissaṭaṃ. Kaṇṇacchiddantiādi pana tasseva pabhedadassanaṃ. Tattha kaṇṇacchiddanti kaṇṇasmiṃ chiddaṃ vivaraṃ maṃsalohitehi asamphuṭṭhokāso. Sesesupi eseva nayo. Yenāti yena vivarena etaṃ asitādibhedaṃ ajjhoharaṇīyaṃ ajjhoharati, anto paveseti. Yatthāti yasmiṃ antoudarapaṭalasaṅkhāte okāse etadeva catubbidhaṃ ajjhoharaṇīyaṃ tiṭṭhati. Yenāti yena vivarena sabbampetaṃ vipakkaṃ kasaṭabhāvaṃ āpannaṃ nikkhamati, taṃ udarapaṭalato yāva karīsamaggā vidatthicaturaṅgulamattaṃ chiddaṃ maṃsalohitehi asamphuṭṭhaṃ nissaṭaṃ ākāsadhātūti veditabbaṃ. Yaṃ vā panāti ettha cammantaraṃ maṃsantaraṃ nhāruntaraṃ aṭṭhintaraṃ lomantaranti idaṃ sabbaṃ yevāpanakaṭṭhānaṃ paviṭṭhaṃ.

    พาหิรกอากาสธาตุนิเทฺทเส อสมฺผุฎฺฐํ จตูหิ มหาภูเตหีติ จตูหิ มหาภูเตหิ นิสฺสฎํ ภิตฺติฉิทฺทกวาฎฉิทฺทาทิกํ เวทิตพฺพํฯ อิมินา ยสฺมิํ อากาเส ปริกมฺมํ กโรนฺตสฺส จตุกฺกปญฺจกชฺฌานานิ อุปฺปชฺชนฺติ ตํ กถิตํฯ

    Bāhirakaākāsadhātuniddese asamphuṭṭhaṃ catūhi mahābhūtehīti catūhi mahābhūtehi nissaṭaṃ bhittichiddakavāṭachiddādikaṃ veditabbaṃ. Iminā yasmiṃ ākāse parikammaṃ karontassa catukkapañcakajjhānāni uppajjanti taṃ kathitaṃ.

    ๑๗๘. วิญฺญาณธาตุนิเทฺทเส จกฺขุวิญฺญาณสงฺขาตา ธาตุ จกฺขุวิญฺญาณธาตุฯ เสสาสุปิ เอเสว นโยฯ อิติ อิมาสุ ฉสุ ธาตูสุ ปริคฺคหิตาสุ อฎฺฐารส ธาตุโย ปริคฺคหิตาว โหนฺติฯ กถํ? ปถวีเตโชวาโยธาตุคฺคหเณน ตาว โผฎฺฐพฺพธาตุ คหิตาว โหติ, อาโปธาตุอากาสธาตุคฺคหเณน ธมฺมธาตุ, วิญฺญาณธาตุคฺคหเณน ตสฺสา ปุเรจาริกปจฺฉาจาริกตฺตา มโนธาตุ คหิตาว โหติฯ จกฺขุวิญฺญาณธาตุอาทโย สุเตฺต อาคตา เอวฯ เสสา นว อาหริตฺวา ทเสฺสตพฺพา ฯ จกฺขุวิญฺญาณธาตุคฺคหเณน หิ ตสฺสา นิสฺสยภูตา จกฺขุธาตุ, อารมฺมณภูตา รูปธาตุ จ คหิตาว โหนฺติฯ เอวํ โสตวิญฺญาณธาตุอาทิคฺคหเณน โสตธาตุอาทโยติ อฎฺฐารสาปิ คหิตาว โหนฺติฯ ตาสุ ทสหิ ธาตูหิ รูปปริคฺคโห กถิโต โหติฯ สตฺตหิ อรูปปริคฺคโหฯ ธมฺมธาตุยา สิยา รูปปริคฺคโห, สิยา อรูปปริคฺคโหฯ อิติ อเฑฺฒกาทสหิ ธาตูหิ รูปปริคฺคโห, อฑฺฒฎฺฐธาตูหิ อรูปปริคฺคโหติ รูปารูปปริคฺคโห กถิโต โหติฯ รูปารูปํ ปญฺจกฺขนฺธาฯ ตํ โหติ ทุกฺขสจฺจํฯ ตํสมุฎฺฐาปิกา ปุริมตณฺหา สมุทยสจฺจํ ฯ อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํฯ ตํปชานโน มโคฺค มคฺคสจฺจนฺติ อิทํ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานํ อฎฺฐารสธาตุวเสน อภินิวิฎฺฐสฺส ภิกฺขุโน ยาว อรหตฺตา มตฺถกํ ปาเปตฺวา นิคมนํ กถิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    178. Viññāṇadhātuniddese cakkhuviññāṇasaṅkhātā dhātu cakkhuviññāṇadhātu. Sesāsupi eseva nayo. Iti imāsu chasu dhātūsu pariggahitāsu aṭṭhārasa dhātuyo pariggahitāva honti. Kathaṃ? Pathavītejovāyodhātuggahaṇena tāva phoṭṭhabbadhātu gahitāva hoti, āpodhātuākāsadhātuggahaṇena dhammadhātu, viññāṇadhātuggahaṇena tassā purecārikapacchācārikattā manodhātu gahitāva hoti. Cakkhuviññāṇadhātuādayo sutte āgatā eva. Sesā nava āharitvā dassetabbā . Cakkhuviññāṇadhātuggahaṇena hi tassā nissayabhūtā cakkhudhātu, ārammaṇabhūtā rūpadhātu ca gahitāva honti. Evaṃ sotaviññāṇadhātuādiggahaṇena sotadhātuādayoti aṭṭhārasāpi gahitāva honti. Tāsu dasahi dhātūhi rūpapariggaho kathito hoti. Sattahi arūpapariggaho. Dhammadhātuyā siyā rūpapariggaho, siyā arūpapariggaho. Iti aḍḍhekādasahi dhātūhi rūpapariggaho, aḍḍhaṭṭhadhātūhi arūpapariggahoti rūpārūpapariggaho kathito hoti. Rūpārūpaṃ pañcakkhandhā. Taṃ hoti dukkhasaccaṃ. Taṃsamuṭṭhāpikā purimataṇhā samudayasaccaṃ . Ubhinnaṃ appavatti nirodhasaccaṃ. Taṃpajānano maggo maggasaccanti idaṃ catusaccakammaṭṭhānaṃ aṭṭhārasadhātuvasena abhiniviṭṭhassa bhikkhuno yāva arahattā matthakaṃ pāpetvā nigamanaṃ kathitanti veditabbaṃ.

    ๑๗๙. อิทานิ ทุติยฉกฺกํ ทเสฺสโนฺต อปราปิ ฉ ธาตุโยติอาทิมาหฯ ตตฺถ สุขธาตุ ทุกฺขธาตูติ กายปฺปสาทวตฺถุกานิ สุขทุกฺขานิ สปฺปฎิปกฺขวเสน ยุคฬกโต ทสฺสิตานิฯ สุขญฺหิ ทุกฺขสฺส ปฎิปโกฺข, ทุกฺขํ สุขสฺสฯ ยตฺตกํ สุเขน ผริตฎฺฐานํ ตตฺตกํ ทุกฺขํ ผรติฯ ยตฺตกํ ทุเกฺขน ผริตฎฺฐานํ ตตฺตกํ สุขํ ผรติฯ โสมนสฺสธาตุ โทมนสฺสธาตูติ อิทมฺปิ ตเถว ยุคฬกํ กตํฯ โสมนสฺสญฺหิ โทมนสฺสสฺส ปฎิปโกฺข, โทมนสฺสํ โสมนสฺสสฺสฯ ยตฺตกํ โสมนเสฺสน ผริตฎฺฐานํ ตตฺตกํ โทมนสฺสํ ผรติฯ ยตฺตกํ โทมนเสฺสน ผริตฎฺฐานํ ตตฺตกํ โสมนสฺสํ ผรติฯ

    179. Idāni dutiyachakkaṃ dassento aparāpi cha dhātuyotiādimāha. Tattha sukhadhātu dukkhadhātūti kāyappasādavatthukāni sukhadukkhāni sappaṭipakkhavasena yugaḷakato dassitāni. Sukhañhi dukkhassa paṭipakkho, dukkhaṃ sukhassa. Yattakaṃ sukhena pharitaṭṭhānaṃ tattakaṃ dukkhaṃ pharati. Yattakaṃ dukkhena pharitaṭṭhānaṃ tattakaṃ sukhaṃ pharati. Somanassadhātu domanassadhātūti idampi tatheva yugaḷakaṃ kataṃ. Somanassañhi domanassassa paṭipakkho, domanassaṃ somanassassa. Yattakaṃ somanassena pharitaṭṭhānaṃ tattakaṃ domanassaṃ pharati. Yattakaṃ domanassena pharitaṭṭhānaṃ tattakaṃ somanassaṃ pharati.

    อุเปกฺขาธาตุ อวิชฺชาธาตูติ อิทํ ปน ทฺวยํ สริกฺขกวเสน ยุคฬกํ กตํฯ อุภยมฺปิ เหตํ อวิภูตตฺตา สริกฺขกํ โหติฯ ตตฺถ สุขทุกฺขธาตุคฺคหเณน ตํ สมฺปยุตฺตา กายวิญฺญาณธาตุ, วตฺถุภูตา กายธาตุ, อารมฺมณภูตา โผฎฺฐพฺพธาตุ จ คหิตาว โหนฺติฯ โสมนสฺสโทมนสฺสธาตุคฺคหเณน ตํ สมฺปยุตฺตา มโนวิญฺญาณธาตุ คหิตา โหติฯ อวิชฺชาธาตุคฺคหเณน ธมฺมธาตุ คหิตาฯ อุเปกฺขาธาตุคฺคหเณน จกฺขุโสตฆานชิวฺหาวิญฺญาณธาตุมโนธาตุโย , ตาสํเยว วตฺถารมฺมณภูตา จกฺขุธาตุรูปธาตุอาทโย จ คหิตาติ เอวํ อฎฺฐารสปิ ธาตุโย คหิตาว โหนฺติฯ อิทานิ ตาสุ ทสหิ ธาตูหิ รูปปริคฺคโหติอาทิ สพฺพํ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ เอวมฺปิ เอกสฺส ภิกฺขุโน ยาว อรหตฺตา มตฺถกํ ปาเปตฺวา นิคมนํ กถิตํ โหตีติ เวทิตพฺพํฯ ตตฺถ กตมา สุขธาตุ ยํ กายิกํ สาตนฺติ อาทีนิ เหฎฺฐา วุตฺตนยาเนวฯ

    Upekkhādhātu avijjādhātūti idaṃ pana dvayaṃ sarikkhakavasena yugaḷakaṃ kataṃ. Ubhayampi hetaṃ avibhūtattā sarikkhakaṃ hoti. Tattha sukhadukkhadhātuggahaṇena taṃ sampayuttā kāyaviññāṇadhātu, vatthubhūtā kāyadhātu, ārammaṇabhūtā phoṭṭhabbadhātu ca gahitāva honti. Somanassadomanassadhātuggahaṇena taṃ sampayuttā manoviññāṇadhātu gahitā hoti. Avijjādhātuggahaṇena dhammadhātu gahitā. Upekkhādhātuggahaṇena cakkhusotaghānajivhāviññāṇadhātumanodhātuyo , tāsaṃyeva vatthārammaṇabhūtā cakkhudhāturūpadhātuādayo ca gahitāti evaṃ aṭṭhārasapi dhātuyo gahitāva honti. Idāni tāsu dasahi dhātūhi rūpapariggahotiādi sabbaṃ heṭṭhā vuttanayeneva veditabbaṃ. Evampi ekassa bhikkhuno yāva arahattā matthakaṃ pāpetvā nigamanaṃ kathitaṃ hotīti veditabbaṃ. Tattha katamā sukhadhātu yaṃ kāyikaṃ sātanti ādīni heṭṭhā vuttanayāneva.

    ๑๘๑. ตติยฉเกฺก กาโมติ เทฺว กามา – วตฺถุกาโม จ กิเลสกาโม จฯ ตตฺถ กิเลสกามํ สนฺธาย กามปฎิสํยุตฺตา ธาตุ กามธาตุ, กามวิตกฺกเสฺสตํ นามํฯ วตฺถุกามํ สนฺธาย กาโมเยว ธาตุ กามธาตุ, กามาวจรธมฺมานเมตํ นามํฯ พฺยาปาทปฎิสํยุตฺตา ธาตุ พฺยาปาทธาตุ, พฺยาปาทวิตกฺกเสฺสตํ นามํฯ พฺยาปาโทว ธาตุ พฺยาปาทธาตุ, ทสอาฆาตวตฺถุกสฺส ปฎิฆเสฺสตํ นามํฯ วิหิํสา ปฎิสํยุตฺตา ธาตุ วิหิํสาธาตุ, วิหิํสาวิตกฺกเสฺสตํ นามํฯ วิหิํสาเยว ธาตุ วิหิํสาธาตุ, ปรสตฺตวิเหสนเสฺสตํ นามํฯ อยํ ปน เหฎฺฐา อนาคตตฺตา เอวํ อตฺถาทิวิภาคโต เวทิตพฺพา – วิหิํสนฺติ เอตาย สเตฺต, วิหิํสนํ วา เอตํ สตฺตานนฺติ วิหิํสาฯ สา วิเหฐนลกฺขณา, กรุณาปฎิปกฺขลกฺขณา วา; ปรสนฺตาเน อุเพฺพคชนนรสา, สกสนฺตาเน กรุณาวิทฺธํสนรสา วา; ทุกฺขายตนปจฺจุปฎฺฐานา; ปฎิฆปทฎฺฐานาติ เวทิตพฺพาฯ เนกฺขมฺมํ วุจฺจติ โลภา นิกฺขนฺตตฺตา อโลโภ, นีวรเณหิ นิกฺขนฺตตฺตา ปฐมชฺฌานํ, สพฺพากุสเลหิ นิกฺขนฺตตฺตา สพฺพกุสลํฯ เนกฺขมฺมปฎิสํยุตฺตา ธาตุ เนกฺขมฺมธาตุ, เนกฺขมฺมวิตกฺกเสฺสตํ นามํฯ เนกฺขมฺมเมว ธาตุ เนกฺขมฺมธาตุ, สพฺพสฺสาปิ กุสลเสฺสตํ นามํฯ อพฺยาปาทปฎิสํยุตฺตา ธาตุ อพฺยาปาทธาตุ, อพฺยาปาทวิตกฺกเสฺสตํ นามํฯ อพฺยาปาโทว ธาตุ อพฺยาปาทธาตุ, เมตฺตาเยตํ นามํฯ อวิหิํสาปฎิสํยุตฺตา ธาตุ อวิหิํสาธาตุ, อวิหิํสา วิตกฺกเสฺสตํ นามํฯ อวิหิํสาว ธาตุ อวิหิํสาธาตุ, กรุณาเยตํ นามํฯ

    181. Tatiyachakke kāmoti dve kāmā – vatthukāmo ca kilesakāmo ca. Tattha kilesakāmaṃ sandhāya kāmapaṭisaṃyuttā dhātu kāmadhātu, kāmavitakkassetaṃ nāmaṃ. Vatthukāmaṃ sandhāya kāmoyeva dhātu kāmadhātu, kāmāvacaradhammānametaṃ nāmaṃ. Byāpādapaṭisaṃyuttā dhātu byāpādadhātu, byāpādavitakkassetaṃ nāmaṃ. Byāpādova dhātu byāpādadhātu, dasaāghātavatthukassa paṭighassetaṃ nāmaṃ. Vihiṃsā paṭisaṃyuttā dhātu vihiṃsādhātu, vihiṃsāvitakkassetaṃ nāmaṃ. Vihiṃsāyeva dhātu vihiṃsādhātu, parasattavihesanassetaṃ nāmaṃ. Ayaṃ pana heṭṭhā anāgatattā evaṃ atthādivibhāgato veditabbā – vihiṃsanti etāya satte, vihiṃsanaṃ vā etaṃ sattānanti vihiṃsā. Sā viheṭhanalakkhaṇā, karuṇāpaṭipakkhalakkhaṇā vā; parasantāne ubbegajananarasā, sakasantāne karuṇāviddhaṃsanarasā vā; dukkhāyatanapaccupaṭṭhānā; paṭighapadaṭṭhānāti veditabbā. Nekkhammaṃ vuccati lobhā nikkhantattā alobho, nīvaraṇehi nikkhantattā paṭhamajjhānaṃ, sabbākusalehi nikkhantattā sabbakusalaṃ. Nekkhammapaṭisaṃyuttā dhātu nekkhammadhātu, nekkhammavitakkassetaṃ nāmaṃ. Nekkhammameva dhātu nekkhammadhātu, sabbassāpi kusalassetaṃ nāmaṃ. Abyāpādapaṭisaṃyuttā dhātu abyāpādadhātu, abyāpādavitakkassetaṃ nāmaṃ. Abyāpādova dhātu abyāpādadhātu, mettāyetaṃ nāmaṃ. Avihiṃsāpaṭisaṃyuttā dhātu avihiṃsādhātu, avihiṃsā vitakkassetaṃ nāmaṃ. Avihiṃsāva dhātu avihiṃsādhātu, karuṇāyetaṃ nāmaṃ.

    ๑๘๒. อิทานิ ตเมวตฺถํ ทเสฺสตุํ ตตฺถ กตมา กามธาตูติ ปทภาชนํ อารทฺธํฯ ตตฺถ ปฎิสํยุโตฺตติ สํปโยควเสน ปฎิสํยุโตฺตฯ ตโกฺก วิตโกฺกติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนวฯ วิเหเฐตีติ พาเธติ, ทุกฺขาเปติฯ เหฐนาติ ปาณิปฺปหาราทีหิ พาธนา, ทุกฺขุปฺปาทนาฯ พลวเหฐนา วิเหฐนาฯ หิํสนฺติ เอตายาติ หิํสนาฯ พลวหิํสนา วิหิํสนาฯ โรสนาติ ฆฎฺฎนาฯ วิโรสนาติ พลวฆฎฺฎนาฯ สพฺพตฺถ วา ‘วิ’ อุปสเคฺคน ปทํ วฑฺฒิตํฯ อุปหนนฺติ เอเตนาติ อุปฆาโต, ปเรสํ อุปฆาโต ปรูปฆาโต

    182. Idāni tamevatthaṃ dassetuṃ tattha katamā kāmadhātūti padabhājanaṃ āraddhaṃ. Tattha paṭisaṃyuttoti saṃpayogavasena paṭisaṃyutto. Takko vitakkotiādīni vuttatthāneva. Viheṭhetīti bādheti, dukkhāpeti. Heṭhanāti pāṇippahārādīhi bādhanā, dukkhuppādanā. Balavaheṭhanā viheṭhanā. Hiṃsanti etāyāti hiṃsanā. Balavahiṃsanā vihiṃsanā. Rosanāti ghaṭṭanā. Virosanāti balavaghaṭṭanā. Sabbattha vā ‘vi’ upasaggena padaṃ vaḍḍhitaṃ. Upahananti etenāti upaghāto, paresaṃ upaghāto parūpaghāto.

    เมตฺตายนฺติ เอตายาติ เมตฺติฯ เมตฺตายนากาโร เมตฺตายนาฯ เมตฺตาย อยิตสฺส เมตฺตาสมงฺคิโน ภาโว เมตฺตายิตตฺตํฯ พฺยาปาเทน วิมุตฺตสฺส เจตโส วิมุตฺติ เจโตวิมุตฺติฯ เอตฺถ จ ปุริเมหิ ตีหิ อุปจารปฺปตฺตาปิ อปฺปนาปตาปิ เมตฺตา กถิตา, ปจฺฉิเมน อปฺปนาปตฺตาวฯ

    Mettāyanti etāyāti metti. Mettāyanākāro mettāyanā. Mettāya ayitassa mettāsamaṅgino bhāvo mettāyitattaṃ. Byāpādena vimuttassa cetaso vimutti cetovimutti. Ettha ca purimehi tīhi upacārappattāpi appanāpatāpi mettā kathitā, pacchimena appanāpattāva.

    กรุณายนฺติ เอตายาติ กรุณาฯ กรุณายนากาโร กรุณายนาฯ กรุณาย อยิตสฺส กรุณาสมงฺคิโน ภาโว กรุณายิตตฺตํฯ วิหิํสาย วิมุตฺตสฺส เจตโส วิมุตฺติ เจโตวิมุตฺติฯ อิธาปิ ปุริมนเยเนว อุปจารปฺปนาเภโท เวทิตโพฺพฯ อุภยตฺถาปิ จ ปริโยสานปเท เมตฺตากรุณาติ เจโตวิมุตฺติวิเสสนตฺถํ วุตฺตํฯ

    Karuṇāyanti etāyāti karuṇā. Karuṇāyanākāro karuṇāyanā. Karuṇāya ayitassa karuṇāsamaṅgino bhāvo karuṇāyitattaṃ. Vihiṃsāya vimuttassa cetaso vimutti cetovimutti. Idhāpi purimanayeneva upacārappanābhedo veditabbo. Ubhayatthāpi ca pariyosānapade mettākaruṇāti cetovimuttivisesanatthaṃ vuttaṃ.

    เอตฺถ จ กามวิตโกฺก สเตฺตสุปิ อุปฺปชฺชติ สงฺขาเรสุปิฯ อุภยตฺถ อุปฺปโนฺนปิ กมฺมปถเภโทวฯ พฺยาปาโท ปน สเตฺตสุ อุปฺปโนฺนเยว กมฺมปถํ ภินฺทติ, น อิตโรฯ วิหิํสายปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ จ ทุวิธา กถา – สพฺพสงฺคาหิกา เจว อสมฺภินฺนา จฯ กามธาตุคฺคหเณน หิ พฺยาปาทวิหิํสาธาตุโยปิ คหิตาฯ กามธาตุยาเยว ปน นีหริตฺวา นีหริตฺวา เทฺวปิ เอตา ทสฺสิตาติฯ อยํ ตาเวตฺถ สพฺพสงฺคาหิกกถา ฯ ฐเปตฺวา ปน พฺยาปาทวิหิํสาธาตุโย เสสา สพฺพาปิ กามธาตุ เอวาติฯ อยํ อสมฺภินฺนกถา นามฯ เนกฺขมฺมธาตุคฺคหเณนาปิ อพฺยาปาทอวิหิํสาธาตุโย คหิตาเยวฯ เนกฺขมฺมธาตุโต ปน นีหริตฺวา นีหริตฺวา ตทุภยมฺปิ ทสฺสิตนฺติ อยเมตฺถาปิ สพฺพสงฺคาหิกกถาฯ ฐเปตฺวา อพฺยาปาทอวิหิํสาธาตุโย อวเสสา เนกฺขมฺมธาตูติ อยํ อสมฺภินฺนกถา นามฯ

    Ettha ca kāmavitakko sattesupi uppajjati saṅkhāresupi. Ubhayattha uppannopi kammapathabhedova. Byāpādo pana sattesu uppannoyeva kammapathaṃ bhindati, na itaro. Vihiṃsāyapi eseva nayo. Ettha ca duvidhā kathā – sabbasaṅgāhikā ceva asambhinnā ca. Kāmadhātuggahaṇena hi byāpādavihiṃsādhātuyopi gahitā. Kāmadhātuyāyeva pana nīharitvā nīharitvā dvepi etā dassitāti. Ayaṃ tāvettha sabbasaṅgāhikakathā . Ṭhapetvā pana byāpādavihiṃsādhātuyo sesā sabbāpi kāmadhātu evāti. Ayaṃ asambhinnakathā nāma. Nekkhammadhātuggahaṇenāpi abyāpādaavihiṃsādhātuyo gahitāyeva. Nekkhammadhātuto pana nīharitvā nīharitvā tadubhayampi dassitanti ayametthāpi sabbasaṅgāhikakathā. Ṭhapetvā abyāpādaavihiṃsādhātuyo avasesā nekkhammadhātūti ayaṃ asambhinnakathā nāma.

    อิมาหิ จ ฉหิ ธาตูหิ ปริคฺคหิตา หิ อฎฺฐารส ธาตุโย ปริคฺคหิตาว โหนฺติฯ สพฺพาปิ หิ ตา กามธาตุโตว นีหริตฺวา นีหริตฺวา ลภาเปตพฺพา อฎฺฐารส ธาตุโยว โหนฺตีติ ติณฺณํ ฉกฺกานํ วเสน อฎฺฐารส โหนฺติฯ เอวํ ปน อคฺคเหตฺวา เอเกกสฺมิํ ฉเกฺก วุตฺตนเยน อฎฺฐารส อฎฺฐารส กตฺวา สพฺพานิปิ ตานิ อฎฺฐารสกานิ เอกชฺฌํ อภิสงฺขิปิตฺวา อฎฺฐารเสว โหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ อิติ อิมสฺมิํ สุตฺตนฺตภาชนีเย โสฬส ธาตุโย กามาวจรา, เทฺว เตภูมิกาติ เอวเมตฺถ สมฺมสนจาโรว กถิโตติ เวทิตโพฺพฯ

    Imāhi ca chahi dhātūhi pariggahitā hi aṭṭhārasa dhātuyo pariggahitāva honti. Sabbāpi hi tā kāmadhātutova nīharitvā nīharitvā labhāpetabbā aṭṭhārasa dhātuyova hontīti tiṇṇaṃ chakkānaṃ vasena aṭṭhārasa honti. Evaṃ pana aggahetvā ekekasmiṃ chakke vuttanayena aṭṭhārasa aṭṭhārasa katvā sabbānipi tāni aṭṭhārasakāni ekajjhaṃ abhisaṅkhipitvā aṭṭhāraseva hontīti veditabbā. Iti imasmiṃ suttantabhājanīye soḷasa dhātuyo kāmāvacarā, dve tebhūmikāti evamettha sammasanacārova kathitoti veditabbo.

    สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนาฯ

    Suttantabhājanīyavaṇṇanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๓. ธาตุวิภโงฺค • 3. Dhātuvibhaṅgo

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๓. ธาตุวิภโงฺค • 3. Dhātuvibhaṅgo

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๓. ธาตุวิภโงฺค • 3. Dhātuvibhaṅgo


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact