Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā |
๑๐. โพชฺฌงฺควิภโงฺค
10. Bojjhaṅgavibhaṅgo
๑. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา
1. Suttantabhājanīyavaṇṇanā
๔๖๖. อิทานิ ตทนนฺตเร โพชฺฌงฺควิภเงฺค สตฺตาติ คณนปริเจฺฉโทฯ โพชฺฌงฺคาติ โพธิยา โพธิสฺส วา องฺคาติ โพชฺฌงฺคาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยา เอสา ธมฺมสามคฺคี ยาย โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานาย ลีนุทฺธจฺจปติฎฺฐานายูหนกามสุขตฺตกิลมถานุโยคอุเจฺฉทสสฺสตาภินิเวสาทีนํ อเนเกสํ อุปทฺทวานํ ปฎิปกฺขภูตาย สติธมฺมวิจยวีริยปีติปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสงฺขาตาย ธมฺมสามคฺคิยา อริยสาวโก พุชฺฌตีติ กตฺวา โพธีติ วุจฺจติ, พุชฺฌติ กิเลสสนฺตานนิทฺทาย อุฎฺฐหติ, จตฺตาริ วา อริยสจฺจานิ ปฎิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรติ, ตสฺสา ธมฺมสามคฺคีสงฺขาตาย โพธิยา องฺคาติปิ โพชฺฌงฺคา, ฌานงฺคมคฺคงฺคาทีนิ วิยฯ โย ปเนส ยถาวุตฺตปฺปการาย เอตาย ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌตีติ กตฺวา อริยสาวโก โพธีติ วุจฺจติ, ตสฺส โพธิสฺส องฺคาติปิ โพชฺฌงฺคา, เสนงฺครถงฺคาทโย วิยฯ เตนาหุ อฎฺฐกถาจริยา – ‘‘พุชฺฌนกสฺส ปุคฺคลสฺส องฺคาติ วา โพชฺฌงฺคา’’ติฯ
466. Idāni tadanantare bojjhaṅgavibhaṅge sattāti gaṇanaparicchedo. Bojjhaṅgāti bodhiyā bodhissa vā aṅgāti bojjhaṅgā. Idaṃ vuttaṃ hoti – yā esā dhammasāmaggī yāya lokuttaramaggakkhaṇe uppajjamānāya līnuddhaccapatiṭṭhānāyūhanakāmasukhattakilamathānuyogaucchedasassatābhinivesādīnaṃ anekesaṃ upaddavānaṃ paṭipakkhabhūtāya satidhammavicayavīriyapītipassaddhisamādhiupekkhāsaṅkhātāya dhammasāmaggiyā ariyasāvako bujjhatīti katvā bodhīti vuccati, bujjhati kilesasantānaniddāya uṭṭhahati, cattāri vā ariyasaccāni paṭivijjhati, nibbānameva vā sacchikaroti, tassā dhammasāmaggīsaṅkhātāya bodhiyā aṅgātipi bojjhaṅgā, jhānaṅgamaggaṅgādīni viya. Yo panesa yathāvuttappakārāya etāya dhammasāmaggiyā bujjhatīti katvā ariyasāvako bodhīti vuccati, tassa bodhissa aṅgātipi bojjhaṅgā, senaṅgarathaṅgādayo viya. Tenāhu aṭṭhakathācariyā – ‘‘bujjhanakassa puggalassa aṅgāti vā bojjhaṅgā’’ti.
อปิจ ‘‘โพชฺฌงฺคาติ เกนเฎฺฐน โพชฺฌงฺคา? โพธาย สํวตฺตนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, พุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, อนุพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, ปฎิพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, สมฺพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา’’ติ อิมินา ปฎิสมฺภิทานเยนาปิ โพชฺฌงฺคโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Apica ‘‘bojjhaṅgāti kenaṭṭhena bojjhaṅgā? Bodhāya saṃvattantīti bojjhaṅgā, bujjhantīti bojjhaṅgā, anubujjhantīti bojjhaṅgā, paṭibujjhantīti bojjhaṅgā, sambujjhantīti bojjhaṅgā’’ti iminā paṭisambhidānayenāpi bojjhaṅgattho veditabbo.
สติสโมฺพชฺฌโงฺคติอาทีสุ ปสโตฺถ สุนฺทโร จ โพชฺฌโงฺค สโมฺพชฺฌโงฺค, สติเยว สโมฺพชฺฌโงฺค สติสโมฺพชฺฌโงฺคฯ ตตฺถ อุปฎฺฐานลกฺขโณ สติสโมฺพชฺฌโงฺค, ปวิจยลกฺขโณ ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌโงฺค, ปคฺคหลกฺขโณ วีริยสโมฺพชฺฌโงฺค, ผรณลกฺขโณ ปีติสโมฺพชฺฌโงฺค, อุปสมลกฺขโณ ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌโงฺค, อวิเกฺขปลกฺขโณ สมาธิสโมฺพชฺฌโงฺค, ปฎิสงฺขานลกฺขโณ อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌโงฺคฯ เตสุ ‘‘สติญฺจ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพตฺถิกํ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔) วจนโต สเพฺพสํ โพชฺฌงฺคานํ อุปการกตฺตา สติสโมฺพชฺฌโงฺค ปฐมํ วุโตฺตฯ ตโต ปรํ ‘‘โส ตถา สโต วิหรโนฺต ตํ ธมฺมํ ปญฺญาย ปวิจินตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑๕๐) นเยน เอวํ อนุกฺกเมเนว นิเกฺขปปโยชนํ ปาฬิยํ อาคตเมวฯ
Satisambojjhaṅgotiādīsu pasattho sundaro ca bojjhaṅgo sambojjhaṅgo, satiyeva sambojjhaṅgo satisambojjhaṅgo. Tattha upaṭṭhānalakkhaṇo satisambojjhaṅgo, pavicayalakkhaṇo dhammavicayasambojjhaṅgo, paggahalakkhaṇo vīriyasambojjhaṅgo, pharaṇalakkhaṇo pītisambojjhaṅgo, upasamalakkhaṇo passaddhisambojjhaṅgo, avikkhepalakkhaṇo samādhisambojjhaṅgo, paṭisaṅkhānalakkhaṇo upekkhāsambojjhaṅgo. Tesu ‘‘satiñca khvāhaṃ, bhikkhave, sabbatthikaṃ vadāmī’’ti (saṃ. ni. 5.234) vacanato sabbesaṃ bojjhaṅgānaṃ upakārakattā satisambojjhaṅgo paṭhamaṃ vutto. Tato paraṃ ‘‘so tathā sato viharanto taṃ dhammaṃ paññāya pavicinatī’’tiādinā (ma. ni. 150) nayena evaṃ anukkameneva nikkhepapayojanaṃ pāḷiyaṃ āgatameva.
กสฺมา ปเนเต สเตฺตว วุตฺตา, อนูนา อนธิกาติ? ลีนุทฺธจฺจปฎิปกฺขโต สพฺพตฺถิกโต จฯ เอตฺถ หิ ตโย โพชฺฌงฺคา ลีนสฺส ปฎิปกฺขา, ยถาห – ‘‘ยสฺมิญฺจ โข, ภิกฺขเว, สมเย ลีนํ จิตฺตํ โหติ, กาโล ตสฺมิํ สมเย ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล วีริยสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล ปีติสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔)ฯ ตโย อุทฺธจฺจสฺส ปฎิปกฺขา, ยถาห – ‘‘ยสฺมิญฺจ โข, ภิกฺขเว, สมเย อุทฺธตํ จิตฺตํ โหติ, กาโล ตสฺมิํ สมเย ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล สมาธิสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคสฺส ภาวนายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔)ฯ เอโก ปเนตฺถ โลณธูปนํ วิย สพฺพพฺยญฺชเนสุ, สพฺพกมฺมิกอมโจฺจ วิย จ สเพฺพสุ ราชกิเจฺจสุ, สพฺพโพชฺฌเงฺคสุ อิจฺฉิตพฺพโต สพฺพตฺถิโก, ยถาห – ‘‘สติญฺจ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพตฺถิกํ วทามี’’ติฯ ‘‘สพฺพตฺถก’’นฺติปิ ปาฬิฯ ทฺวินฺนมฺปิ สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ เอวํ ลีนุทฺธจฺจปฎิปกฺขโต สพฺพตฺถิกโต จ สเตฺตว วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ
Kasmā panete satteva vuttā, anūnā anadhikāti? Līnuddhaccapaṭipakkhato sabbatthikato ca. Ettha hi tayo bojjhaṅgā līnassa paṭipakkhā, yathāha – ‘‘yasmiñca kho, bhikkhave, samaye līnaṃ cittaṃ hoti, kālo tasmiṃ samaye dhammavicayasambojjhaṅgassa bhāvanāya, kālo vīriyasambojjhaṅgassa bhāvanāya, kālo pītisambojjhaṅgassa bhāvanāyā’’ti (saṃ. ni. 5.234). Tayo uddhaccassa paṭipakkhā, yathāha – ‘‘yasmiñca kho, bhikkhave, samaye uddhataṃ cittaṃ hoti, kālo tasmiṃ samaye passaddhisambojjhaṅgassa bhāvanāya, kālo samādhisambojjhaṅgassa bhāvanāya, kālo upekkhāsambojjhaṅgassa bhāvanāyā’’ti (saṃ. ni. 5.234). Eko panettha loṇadhūpanaṃ viya sabbabyañjanesu, sabbakammikaamacco viya ca sabbesu rājakiccesu, sabbabojjhaṅgesu icchitabbato sabbatthiko, yathāha – ‘‘satiñca khvāhaṃ, bhikkhave, sabbatthikaṃ vadāmī’’ti. ‘‘Sabbatthaka’’ntipi pāḷi. Dvinnampi sabbattha icchitabbanti attho. Evaṃ līnuddhaccapaṭipakkhato sabbatthikato ca satteva vuttāti veditabbā.
๔๖๗. อิทานิ เนสํ เอกสฺมิํเยวารมฺมเณ อตฺตโน อตฺตโน กิจฺจวเสน นานากรณํ ทเสฺสตุํ ตตฺถ กตโม สติสโมฺพชฺฌโงฺคติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ อิธ ภิกฺขูติ อิมสฺมิํ สาสเน ภิกฺขุฯ สติมา โหตีติ ปญฺญาย ปญฺญวา, ยเสน ยสวา, ธเนน ธนวา วิย สติยา สติมา โหติ, สติสมฺปโนฺนติ อโตฺถฯ ปรเมนาติ อุตฺตเมน; ตญฺหิ ปรมตฺถสจฺจสฺส นิพฺพานสฺส เจว มคฺคสฺส จ อนุโลมโต ปรมํ นาม โหติ อุตฺตมํ เสฎฺฐํฯ สติเนปเกฺกนาติ เนปกฺกํ วุจฺจติ ปญฺญา; สติยา เจว เนปเกฺกน จาติ อโตฺถฯ
467. Idāni nesaṃ ekasmiṃyevārammaṇe attano attano kiccavasena nānākaraṇaṃ dassetuṃ tattha katamo satisambojjhaṅgotiādi āraddhaṃ. Tattha idha bhikkhūti imasmiṃ sāsane bhikkhu. Satimā hotīti paññāya paññavā, yasena yasavā, dhanena dhanavā viya satiyā satimā hoti, satisampannoti attho. Paramenāti uttamena; tañhi paramatthasaccassa nibbānassa ceva maggassa ca anulomato paramaṃ nāma hoti uttamaṃ seṭṭhaṃ. Satinepakkenāti nepakkaṃ vuccati paññā; satiyā ceva nepakkena cāti attho.
กสฺมา ปน อิมสฺมิํ สติภาชนีเย ปญฺญา สงฺคหิตาติ? สติยา พลวภาวทีปนตฺถํฯ สติ หิ ปญฺญาย สทฺธิมฺปิ อุปฺปชฺชติ วินาปิ, ปญฺญาย สทฺธิํ อุปฺปชฺชมานา พลวตี โหติ, วินา อุปฺปชฺชมานา ทุพฺพลาฯ เตนสฺสา พลวภาวทีปนตฺถํ ปญฺญา สงฺคหิตาฯ ยถา หิ ทฺวีสุ ทิสาสุ เทฺว ราชมหามตฺตา ติเฎฺฐยฺยุํ; เตสุ เอโก ราชปุตฺตํ คเหตฺวา ติเฎฺฐยฺย, เอโก อตฺตโน ธมฺมตาย เอกโกว เตสุ ราชปุตฺตํ คเหตฺวา ฐิโต อตฺตโนปิ เตเชน ราชปุตฺตสฺสปิ เตเชน เตชวา โหติ; อตฺตโน ธมฺมตาย ฐิโต น เตน สมเตโช โหติ; เอวเมว ราชปุตฺตํ คเหตฺวา ฐิตมหามโตฺต วิย ปญฺญาย สทฺธิํ อุปฺปนฺนา สติ, อตฺตโน ธมฺมตาย ฐิโต วิย วินา ปญฺญาย อุปฺปนฺนาฯ ตตฺถ ยถา ราชปุตฺตํ คเหตฺวา ฐิโต อตฺตโนปิ เตเชน ราชปุตฺตสฺสปิ เตเชน เตชวา โหติ, เอวํ ปญฺญาย สทฺธิํ อุปฺปนฺนา สติ พลวตี โหติ; ยถา อตฺตโน ธมฺมตาย ฐิโต น เตน สมเตโช โหติ, เอวํ วินา ปญฺญาย อุปฺปนฺนา ทุพฺพลา โหตีติ พลวภาวทีปนตฺถํ ปญฺญา คหิตาติฯ
Kasmā pana imasmiṃ satibhājanīye paññā saṅgahitāti? Satiyā balavabhāvadīpanatthaṃ. Sati hi paññāya saddhimpi uppajjati vināpi, paññāya saddhiṃ uppajjamānā balavatī hoti, vinā uppajjamānā dubbalā. Tenassā balavabhāvadīpanatthaṃ paññā saṅgahitā. Yathā hi dvīsu disāsu dve rājamahāmattā tiṭṭheyyuṃ; tesu eko rājaputtaṃ gahetvā tiṭṭheyya, eko attano dhammatāya ekakova tesu rājaputtaṃ gahetvā ṭhito attanopi tejena rājaputtassapi tejena tejavā hoti; attano dhammatāya ṭhito na tena samatejo hoti; evameva rājaputtaṃ gahetvā ṭhitamahāmatto viya paññāya saddhiṃ uppannā sati, attano dhammatāya ṭhito viya vinā paññāya uppannā. Tattha yathā rājaputtaṃ gahetvā ṭhito attanopi tejena rājaputtassapi tejena tejavā hoti, evaṃ paññāya saddhiṃ uppannā sati balavatī hoti; yathā attano dhammatāya ṭhito na tena samatejo hoti, evaṃ vinā paññāya uppannā dubbalā hotīti balavabhāvadīpanatthaṃ paññā gahitāti.
จิรกตมฺปีติ อตฺตโน วา ปรสฺส วา กาเยน จิรกตํ วตฺตํ วา กสิณมณฺฑลํ วา กสิณปริกมฺมํ วาฯ จิรภาสิตมฺปีติ อตฺตนา วา ปเรน วา วาจาย จิรภาสิตํ พหุกมฺปิ, วตฺตสีเส ฐตฺวา ธมฺมกถํ วา กมฺมฎฺฐานวินิจฺฉยํ วา, วิมุตฺตายตนสีเส วา ฐตฺวา ธมฺมกถเมวฯ สริตา โหตีติ ตํ กายวิญฺญตฺติํ วจีวิญฺญตฺติญฺจ สมุฎฺฐาเปตฺวา ปวตฺตํ อรูปธมฺมโกฎฺฐาสํ ‘เอวํ อุปฺปชฺชิตฺวา เอวํ นิรุโทฺธ’ติ สริตา โหติฯ อนุสฺสริตาติ ปุนปฺปุนํ สริตาฯ อยํ วุจฺจติ สติสโมฺพชฺฌโงฺคติ อยํ เอวํ อุปฺปนฺนา เสสโพชฺฌงฺคสมุฎฺฐาปิกา วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตา สติ สติสโมฺพชฺฌโงฺค นาม กถียติฯ
Cirakatampīti attano vā parassa vā kāyena cirakataṃ vattaṃ vā kasiṇamaṇḍalaṃ vā kasiṇaparikammaṃ vā. Cirabhāsitampīti attanā vā parena vā vācāya cirabhāsitaṃ bahukampi, vattasīse ṭhatvā dhammakathaṃ vā kammaṭṭhānavinicchayaṃ vā, vimuttāyatanasīse vā ṭhatvā dhammakathameva. Saritā hotīti taṃ kāyaviññattiṃ vacīviññattiñca samuṭṭhāpetvā pavattaṃ arūpadhammakoṭṭhāsaṃ ‘evaṃ uppajjitvā evaṃ niruddho’ti saritā hoti. Anussaritāti punappunaṃ saritā. Ayaṃ vuccati satisambojjhaṅgoti ayaṃ evaṃ uppannā sesabojjhaṅgasamuṭṭhāpikā vipassanāsampayuttā sati satisambojjhaṅgo nāma kathīyati.
โส ตถา สโต วิหรโนฺตติ โส ภิกฺขุ เตนากาเรน อุปฺปนฺนาย สติยา สโต หุตฺวา วิหรโนฺตฯ ตํ ธมฺมนฺติ ตํ จิรกตํ จิรภาสิตํ เหฎฺฐา วุตฺตปฺปการํ ธมฺมํฯ ปญฺญาย ปวิจินตีติ ปญฺญาย ‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’ติ ปวิจินติฯ ปวิจรตีติ ‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’ติ ตตฺถ ปญฺญํ จราเปโนฺต ปวิจรติฯ ปริวีมํสํ อาปชฺชตีติ โอโลกนํ คเวสนํ อาปชฺชติฯ อยํ วุจฺจตีติ อิทํ วุตฺตปฺปการํ โพชฺฌงฺคสมุฎฺฐาปกํ วิปสฺสนาญาณํ ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌโงฺค นาม วุจฺจติฯ
So tathā sato viharantoti so bhikkhu tenākārena uppannāya satiyā sato hutvā viharanto. Taṃ dhammanti taṃ cirakataṃ cirabhāsitaṃ heṭṭhā vuttappakāraṃ dhammaṃ. Paññāya pavicinatīti paññāya ‘aniccaṃ dukkhaṃ anattā’ti pavicinati. Pavicaratīti ‘aniccaṃ dukkhaṃ anattā’ti tattha paññaṃ carāpento pavicarati. Parivīmaṃsaṃ āpajjatīti olokanaṃ gavesanaṃ āpajjati. Ayaṃ vuccatīti idaṃ vuttappakāraṃ bojjhaṅgasamuṭṭhāpakaṃ vipassanāñāṇaṃ dhammavicayasambojjhaṅgo nāma vuccati.
ตสฺส ตํ ธมฺมนฺติ ตสฺส ภิกฺขุโน ตํ เหฎฺฐา วุตฺตปฺปการํ ธมฺมํฯ อารทฺธํ โหตีติ ปริปุณฺณํ โหติ ปคฺคหิตํฯ อสลฺลีนนฺติ อารทฺธตฺตาเยว อสลฺลีนํฯ อยํ วุจฺจตีติ อิทํ โพชฺฌงฺคสมุฎฺฐาปกํ วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตํ วีริยํ วีริยสโมฺพชฺฌโงฺค นาม วุจฺจติฯ
Tassa taṃ dhammanti tassa bhikkhuno taṃ heṭṭhā vuttappakāraṃ dhammaṃ. Āraddhaṃ hotīti paripuṇṇaṃ hoti paggahitaṃ. Asallīnanti āraddhattāyeva asallīnaṃ. Ayaṃ vuccatīti idaṃ bojjhaṅgasamuṭṭhāpakaṃ vipassanāsampayuttaṃ vīriyaṃ vīriyasambojjhaṅgo nāma vuccati.
นิรามิสาติ กามามิสโลกามิสวฎฺฎามิสานํ อภาเวน นิรามิสา ปริสุทฺธาฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ โพชฺฌงฺคสมุฎฺฐาปิกา วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตา ปีติ ปีติสโมฺพชฺฌโงฺค นาม วุจฺจติฯ
Nirāmisāti kāmāmisalokāmisavaṭṭāmisānaṃ abhāvena nirāmisā parisuddhā. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ bojjhaṅgasamuṭṭhāpikā vipassanāsampayuttā pīti pītisambojjhaṅgo nāma vuccati.
ปีติมนสฺสาติ ปีติสมฺปยุตฺตจิตฺตสฺสฯ กาโยปิ ปสฺสมฺภตีติ ขนฺธตฺตยสงฺขาโต นามกาโย กิเลสทรถปฎิปฺปสฺสทฺธิยา ปสฺสมฺภติฯ จิตฺตมฺปีติ วิญฺญาณกฺขโนฺธปิ ตเถว ปสฺสมฺภติฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ โพชฺฌงฺคสมุฎฺฐาปิกา วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตา ปสฺสทฺธิ ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌโงฺค นาม วุจฺจติฯ
Pītimanassāti pītisampayuttacittassa. Kāyopi passambhatīti khandhattayasaṅkhāto nāmakāyo kilesadarathapaṭippassaddhiyā passambhati. Cittampīti viññāṇakkhandhopi tatheva passambhati. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ bojjhaṅgasamuṭṭhāpikā vipassanāsampayuttā passaddhi passaddhisambojjhaṅgo nāma vuccati.
ปสฺสทฺธกายสฺส สุขิโนติ ปสฺสทฺธกายตาย อุปฺปนฺนสุเขน สุขิตสฺสฯ สมาธิยตีติ สมฺมา อาธิยติ, นิจฺจลํ หุตฺวา อารมฺมเณ ฐปียติ, อปฺปนาปฺปตฺตํ วิย โหติฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ โพชฺฌงฺคสมุฎฺฐาปิกา วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตา จิเตฺตกคฺคตา สมาธิสโมฺพชฺฌโงฺค นาม วุจฺจติฯ
Passaddhakāyassa sukhinoti passaddhakāyatāya uppannasukhena sukhitassa. Samādhiyatīti sammā ādhiyati, niccalaṃ hutvā ārammaṇe ṭhapīyati, appanāppattaṃ viya hoti. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ bojjhaṅgasamuṭṭhāpikā vipassanāsampayuttā cittekaggatā samādhisambojjhaṅgo nāma vuccati.
ตถา สมาหิตนฺติ เตน อปฺปนาปฺปเตฺตน วิย สมาธินา สมาหิตํฯ สาธุกํ อชฺฌุเปกฺขิตา โหตีติ สุฎฺฐุ อชฺฌุเปกฺขิตา โหติ; เตสํ ธมฺมานํ ปหานวฑฺฒเน อพฺยาวโฎ หุตฺวา อชฺฌุเปกฺขติฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ ฉนฺนํ โพชฺฌงฺคานํ อโนสกฺกนอนติวตฺตนภาวสาธโก มชฺฌตฺตากาโร อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌโงฺค นาม วุจฺจติฯ
Tathā samāhitanti tena appanāppattena viya samādhinā samāhitaṃ. Sādhukaṃ ajjhupekkhitā hotīti suṭṭhu ajjhupekkhitā hoti; tesaṃ dhammānaṃ pahānavaḍḍhane abyāvaṭo hutvā ajjhupekkhati. Ayaṃvuccatīti ayaṃ channaṃ bojjhaṅgānaṃ anosakkanaanativattanabhāvasādhako majjhattākāro upekkhāsambojjhaṅgo nāma vuccati.
เอตฺตาวตา กิํ กถิตํ นาม โหติ? อปุพฺพํ อจริมํ เอกจิตฺตกฺขเณ นานารสลกฺขณา ปุพฺพภาควิปสฺสนา โพชฺฌงฺคา กถิตา โหนฺตีติฯ
Ettāvatā kiṃ kathitaṃ nāma hoti? Apubbaṃ acarimaṃ ekacittakkhaṇe nānārasalakkhaṇā pubbabhāgavipassanā bojjhaṅgā kathitā hontīti.
ปฐโม นโยฯ
Paṭhamo nayo.
๔๖๘-๔๖๙. อิทานิ เยน ปริยาเยน สตฺต โพชฺฌงฺคา จุทฺทส โหนฺติ, ตสฺส ปกาสนตฺถํ ทุติยนยํ ทเสฺสโนฺต ปุน สตฺต โพชฺฌงฺคาติอาทิมาหฯ ตตฺรายํ อนุปุพฺพปทวณฺณนา – อชฺฌตฺตํ ธเมฺมสุ สตีติ อชฺฌตฺติกสงฺขาเร ปริคฺคณฺหนฺตสฺส อุปฺปนฺนา สติฯ พหิทฺธา ธเมฺมสุ สตีติ พหิทฺธาสงฺขาเร ปริคฺคณฺหนฺตสฺส อุปฺปนฺนา สติฯ ยทปีติ ยาปิฯ ตทปีติ สาปิฯ อภิญฺญายาติ อภิเญฺญยฺยธเมฺม อภิชานนตฺถายฯ สโมฺพธายาติ สโมฺพธิ วุจฺจติ มโคฺค, มคฺคตฺถายาติ อโตฺถฯ นิพฺพานายาติ วานํ วุจฺจติ ตณฺหา; สา ตตฺถ นตฺถีติ นิพฺพานํ, ตทตฺถาย, อสงฺขตาย อมตธาตุยา สจฺฉิกิริยตฺถาย สํวตฺตตีติ อโตฺถฯ ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌเงฺคปิ เอเสว นโยฯ
468-469. Idāni yena pariyāyena satta bojjhaṅgā cuddasa honti, tassa pakāsanatthaṃ dutiyanayaṃ dassento puna satta bojjhaṅgātiādimāha. Tatrāyaṃ anupubbapadavaṇṇanā – ajjhattaṃ dhammesu satīti ajjhattikasaṅkhāre pariggaṇhantassa uppannā sati. Bahiddhā dhammesu satīti bahiddhāsaṅkhāre pariggaṇhantassa uppannā sati. Yadapīti yāpi. Tadapīti sāpi. Abhiññāyāti abhiññeyyadhamme abhijānanatthāya. Sambodhāyāti sambodhi vuccati maggo, maggatthāyāti attho. Nibbānāyāti vānaṃ vuccati taṇhā; sā tattha natthīti nibbānaṃ, tadatthāya, asaṅkhatāya amatadhātuyā sacchikiriyatthāya saṃvattatīti attho. Dhammavicayasambojjhaṅgepi eseva nayo.
กายิกํ วีริยนฺติ จงฺกมํ อธิฎฺฐหนฺตสฺส อุปฺปนฺนวีริยํฯ เจตสิกํ วีริยนฺติ ‘‘น ตาวาหํ อิมํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามิ ยาว เม น อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิสฺสตี’’ติ เอวํ กายปโยคํ วินา อุปฺปนฺนวีริยํฯ กายปสฺสทฺธีติ ติณฺณํ ขนฺธานํ ทรถปสฺสทฺธิฯ จิตฺตปสฺสทฺธีติ วิญฺญาณกฺขนฺธสฺส ทรถปสฺสทฺธิฯ อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌเงฺค สติสโมฺพชฺฌงฺคสทิโสว วินิจฺฉโยฯ อิมสฺมิํ นเย สตฺต โพชฺฌงฺคา โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา กถิตาฯ
Kāyikaṃ vīriyanti caṅkamaṃ adhiṭṭhahantassa uppannavīriyaṃ. Cetasikaṃ vīriyanti ‘‘na tāvāhaṃ imaṃ pallaṅkaṃ bhindissāmi yāva me na anupādāya āsavehi cittaṃ vimuccissatī’’ti evaṃ kāyapayogaṃ vinā uppannavīriyaṃ. Kāyapassaddhīti tiṇṇaṃ khandhānaṃ darathapassaddhi. Cittapassaddhīti viññāṇakkhandhassa darathapassaddhi. Upekkhāsambojjhaṅge satisambojjhaṅgasadisova vinicchayo. Imasmiṃ naye satta bojjhaṅgā lokiyalokuttaramissakā kathitā.
โปราณกเตฺถรา ปน ‘เอตฺตเกน ปากฎํ น โหตี’ติ วิภชิตฺวา ทเสฺสสุํฯ เอเตสุ หิ อชฺฌตฺตธเมฺมสุ สติ ปวิจโย อุเปกฺขาติ อิเม ตโย อตฺตโน ขนฺธารมฺมณตฺตา โลกิยาว โหนฺติฯ ตถา มคฺคํ อปฺปตฺตํ กายิกวีริยํฯ อวิตกฺกอวิจารา ปน ปีติสมาธิโย โลกุตฺตรา โหนฺติฯ เสสา โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกาติฯ
Porāṇakattherā pana ‘ettakena pākaṭaṃ na hotī’ti vibhajitvā dassesuṃ. Etesu hi ajjhattadhammesu sati pavicayo upekkhāti ime tayo attano khandhārammaṇattā lokiyāva honti. Tathā maggaṃ appattaṃ kāyikavīriyaṃ. Avitakkaavicārā pana pītisamādhiyo lokuttarā honti. Sesā lokiyalokuttaramissakāti.
ตตฺถ อชฺฌตฺตํ ตาว ธเมฺมสุ สติปวิจยอุเปกฺขา อชฺฌตฺตารมฺมณา, โลกุตฺตรา ปน พหิทฺธารมฺมณาติ เตสํ โลกุตฺตรภาโว มา ยุชฺชิตฺถฯ จงฺกมปฺปโยเคน นิพฺพตฺตวีริยมฺปิ โลกิยนฺติ วทโนฺต น กิลมติฯ อวิตกฺกอวิจารา ปน ปีติสมาธิโย กทา โลกุตฺตรา โหนฺตีติ? กามาวจเร ตาว ปีติสโมฺพชฺฌโงฺค ลพฺภติ, อวิตกฺกอวิจารา ปีติ น ลพฺภติฯ รูปาวจเร อวิตกฺกอวิจารา ปีติ ลพฺภติ, ปีติสโมฺพชฺฌโงฺค ปน น ลพฺภติฯ อรูปาวจเร สเพฺพน สพฺพํ น ลพฺภติฯ เอตฺถ ปน อลพฺภมานกํ อุปาทาย ลพฺภมานกาปิ ปฎิกฺขิตฺตาฯ เอวมยํ อวิตกฺกอวิจาโร ปีติสโมฺพชฺฌโงฺค กามาวจรโตปิ นิกฺขโนฺต รูปาวจรโตปิ อรูปาวจรโตปีติ นิพฺพตฺติตโลกุตฺตโร เยวาติ กถิโตฯ
Tattha ajjhattaṃ tāva dhammesu satipavicayaupekkhā ajjhattārammaṇā, lokuttarā pana bahiddhārammaṇāti tesaṃ lokuttarabhāvo mā yujjittha. Caṅkamappayogena nibbattavīriyampi lokiyanti vadanto na kilamati. Avitakkaavicārā pana pītisamādhiyo kadā lokuttarā hontīti? Kāmāvacare tāva pītisambojjhaṅgo labbhati, avitakkaavicārā pīti na labbhati. Rūpāvacare avitakkaavicārā pīti labbhati, pītisambojjhaṅgo pana na labbhati. Arūpāvacare sabbena sabbaṃ na labbhati. Ettha pana alabbhamānakaṃ upādāya labbhamānakāpi paṭikkhittā. Evamayaṃ avitakkaavicāro pītisambojjhaṅgo kāmāvacaratopi nikkhanto rūpāvacaratopi arūpāvacaratopīti nibbattitalokuttaro yevāti kathito.
ตถา กามาวจเร สมาธิสโมฺพชฺฌโงฺค ลพฺภติ, อวิตกฺกอวิจาโร ปน สมาธิ น ลพฺภติฯ รูปาวจรอรูปาวจเรสุ อวิตกฺกอวิจาโร สมาธิ ลพฺภติ, สมาธิสโมฺพชฺฌโงฺค ปน น ลพฺภติฯ เอตฺถ ปน อลพฺภมานกํ อุปาทาย ลพฺภมานโกปิ ปฎิกฺขิโตฺตฯ เอวมยํ อวิตกฺกอวิจาโร สมาธิ กามาวจรโตปิ นิกฺขโนฺต รูปาวจรโตปิ อรูปาวจรโตปีติ นิพฺพตฺติตโลกุตฺตโร เยวาติ กถิโตฯ
Tathā kāmāvacare samādhisambojjhaṅgo labbhati, avitakkaavicāro pana samādhi na labbhati. Rūpāvacaraarūpāvacaresu avitakkaavicāro samādhi labbhati, samādhisambojjhaṅgo pana na labbhati. Ettha pana alabbhamānakaṃ upādāya labbhamānakopi paṭikkhitto. Evamayaṃ avitakkaavicāro samādhi kāmāvacaratopi nikkhanto rūpāvacaratopi arūpāvacaratopīti nibbattitalokuttaro yevāti kathito.
อปิจ โลกิยํ คเหตฺวา โลกุตฺตโร กาตโพฺพ; โลกุตฺตรํ คเหตฺวา โลกิโย กาตโพฺพฯ อชฺฌตฺตธเมฺมสุ หิ สติปวิจยอุเปกฺขานํ โลกุตฺตรภาวนากาโลปิ อตฺถิฯ ตตฺริทํ สุตฺตํ – ‘‘อชฺฌตฺตวิโมกฺขํ ขฺวาหํ, อาวุโส, สพฺพุปาทานกฺขยํ วทามิ; เอวมสฺสิเม อาสวา นานุเสนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๓๒ โถกํ วิสทิสํ) อิมินา สุเตฺตน โลกุตฺตรา โหนฺติฯ ยทา ปน จงฺกมปโยเคน นิพฺพเตฺต กายิกวีริเย อนุปสเนฺตเยว วิปสฺสนา มเคฺคน ฆฎียติ, ตทา ตํ โลกุตฺตรํ โหติฯ เย ปน เถรา ‘‘กสิณชฺฌาเน, อานาปานชฺฌาเน, พฺรหฺมวิหารชฺฌาเน จ โพชฺฌโงฺค อุทฺธรโนฺต น วาเรตโพฺพ’’ติ วทนฺติ, เตสํ วาเท อวิตกฺกอวิจารา ปีติสมาธิสโมฺพชฺฌงฺคา โลกิยา โหนฺตีติฯ
Apica lokiyaṃ gahetvā lokuttaro kātabbo; lokuttaraṃ gahetvā lokiyo kātabbo. Ajjhattadhammesu hi satipavicayaupekkhānaṃ lokuttarabhāvanākālopi atthi. Tatridaṃ suttaṃ – ‘‘ajjhattavimokkhaṃ khvāhaṃ, āvuso, sabbupādānakkhayaṃ vadāmi; evamassime āsavā nānusentī’’ti (saṃ. ni. 2.32 thokaṃ visadisaṃ) iminā suttena lokuttarā honti. Yadā pana caṅkamapayogena nibbatte kāyikavīriye anupasanteyeva vipassanā maggena ghaṭīyati, tadā taṃ lokuttaraṃ hoti. Ye pana therā ‘‘kasiṇajjhāne, ānāpānajjhāne, brahmavihārajjhāne ca bojjhaṅgo uddharanto na vāretabbo’’ti vadanti, tesaṃ vāde avitakkaavicārā pītisamādhisambojjhaṅgā lokiyā hontīti.
ทุติโย นโยฯ
Dutiyo nayo.
๔๗๐-๔๗๑. อิทานิ โพชฺฌงฺคานํ ภาวนาวเสน ปวตฺตํ ตติยนยํ ทเสฺสโนฺต ปุน สตฺต โพชฺฌงฺคาติอาทิมาหฯ ตตฺถาปิ อยํ อนุปุพฺพปทวณฺณนา – ภาเวตีติ วเฑฺฒติ; อตฺตโน สนฺตาเน ปุนปฺปุนํ ชเนติ อภินิพฺพเตฺตติฯ วิเวกนิสฺสิตนฺติ วิเวเก นิสฺสิตํฯ วิเวโกติ วิวิตฺตตาฯ โส จายํ ตทงฺควิเวโก, วิกฺขมฺภนสมุเจฺฉทปฎิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณวิเวโกติ ปญฺจวิโธฯ ตตฺถ ตทงฺควิเวโก นาม วิปสฺสนาฯ วิกฺขมฺภนวิเวโก นาม อฎฺฐ สมาปตฺติโยฯ สมุเจฺฉทวิเวโก นาม มโคฺคฯ ปฎิปฺปสฺสทฺธิวิเวโก นาม ผลํฯ นิสฺสรณวิเวโก นาม สพฺพนิมิตฺตนิสฺสฎํ นิพฺพานํฯ เอวเมตสฺมิํ ปญฺจวิเธ วิเวเก นิสฺสิตํ วิเวกนิสฺสิตนฺติ ตทงฺควิเวกนิสฺสิตํ สมุเจฺฉทวิเวกนิสฺสิตํ นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตญฺจ สติสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวตีติ อยมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
470-471. Idāni bojjhaṅgānaṃ bhāvanāvasena pavattaṃ tatiyanayaṃ dassento puna satta bojjhaṅgātiādimāha. Tatthāpi ayaṃ anupubbapadavaṇṇanā – bhāvetīti vaḍḍheti; attano santāne punappunaṃ janeti abhinibbatteti. Vivekanissitanti viveke nissitaṃ. Vivekoti vivittatā. So cāyaṃ tadaṅgaviveko, vikkhambhanasamucchedapaṭippassaddhinissaraṇavivekoti pañcavidho. Tattha tadaṅgaviveko nāma vipassanā. Vikkhambhanaviveko nāma aṭṭha samāpattiyo. Samucchedaviveko nāma maggo. Paṭippassaddhiviveko nāma phalaṃ. Nissaraṇaviveko nāma sabbanimittanissaṭaṃ nibbānaṃ. Evametasmiṃ pañcavidhe viveke nissitaṃ vivekanissitanti tadaṅgavivekanissitaṃ samucchedavivekanissitaṃ nissaraṇavivekanissitañca satisambojjhaṅgaṃ bhāvetīti ayamattho veditabbo.
ตถา หิ อยํ สติสโมฺพชฺฌงฺคภาวนานุโยคมนุยุโตฺต โยคี วิปสฺสนากฺขเณ กิจฺจโต ตทงฺควิเวกนิสฺสิตํ, อชฺฌาสยโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตํ, มคฺคกาเล ปน กิจฺจโต สมุเจฺฉทวิเวกนิสฺสิตํ, อารมฺมณโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตํ, สติสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติฯ ปญฺจวิเวกนิสฺสิตมฺปีติ เอเกฯ เต หิ น เกวลํ พลววิปสฺสนามคฺคผลกฺขเณสุ เอว โพชฺฌงฺคํ อุทฺธรนฺติ, วิปสฺสนาปาทกกสิณชฺฌานอานาปานาสุภพฺรหฺมวิหารชฺฌาเนสุปิ อุทฺธรนฺติ, น จ ปฎิสิทฺธา อฎฺฐกถาจริเยหิ ฯ ตสฺมา เตสํ มเตน เอเตสํ ฌานานํ ปวตฺติกฺขเณ กิจฺจโต เอว วิกฺขมฺภนวิเวกนิสฺสิตํฯ ยถา จ วิปสฺสนากฺขเณ ‘‘อชฺฌาสยโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิต’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ ‘‘ปฎิปฺปสฺสทฺธิวิเวกนิสฺสิตมฺปิ ภาเวตี’’ติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ เอส นโย วิราคนิสฺสิตาทีสุฯ วิเวกตฺถา เอว หิ วิราคาทโยฯ
Tathā hi ayaṃ satisambojjhaṅgabhāvanānuyogamanuyutto yogī vipassanākkhaṇe kiccato tadaṅgavivekanissitaṃ, ajjhāsayato nissaraṇavivekanissitaṃ, maggakāle pana kiccato samucchedavivekanissitaṃ, ārammaṇato nissaraṇavivekanissitaṃ, satisambojjhaṅgaṃ bhāveti. Pañcavivekanissitampīti eke. Te hi na kevalaṃ balavavipassanāmaggaphalakkhaṇesu eva bojjhaṅgaṃ uddharanti, vipassanāpādakakasiṇajjhānaānāpānāsubhabrahmavihārajjhānesupi uddharanti, na ca paṭisiddhā aṭṭhakathācariyehi . Tasmā tesaṃ matena etesaṃ jhānānaṃ pavattikkhaṇe kiccato eva vikkhambhanavivekanissitaṃ. Yathā ca vipassanākkhaṇe ‘‘ajjhāsayato nissaraṇavivekanissita’’nti vuttaṃ, evaṃ ‘‘paṭippassaddhivivekanissitampi bhāvetī’’ti vattuṃ vaṭṭati. Esa nayo virāganissitādīsu. Vivekatthā eva hi virāgādayo.
เกวลเญฺจตฺถ โวสฺสโคฺค ทุวิโธ – ปริจฺจาคโวสฺสโคฺค จ ปกฺขนฺทนโวสฺสโคฺค จาติฯ ตตฺถ ‘ปริจฺจาคโวสฺสโคฺค’ติ วิปสฺสนากฺขเณ จ ตทงฺควเสน มคฺคกฺขเณ จ สมุเจฺฉทวเสน กิเลสปฺปหานํฯ ‘ปกฺขนฺทนโวสฺสโคฺค’ติ วิปสฺสนากฺขเณ ตนฺนินฺนภาเวน, มคฺคกฺขเณ ปน อารมฺมณกรเณน นิพฺพานปกฺขนฺทนํฯ ตทุภยมฺปิ อิมสฺมิํ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสเก อตฺถวณฺณนานเย วฎฺฎติฯ ตถา หิ อยํ สติ สโมฺพชฺฌโงฺค ยถาวุเตฺตน ปกาเรน กิเลเส ปริจฺจชติ, นิพฺพานญฺจ ปกฺขนฺทติฯ
Kevalañcettha vossaggo duvidho – pariccāgavossaggo ca pakkhandanavossaggo cāti. Tattha ‘pariccāgavossaggo’ti vipassanākkhaṇe ca tadaṅgavasena maggakkhaṇe ca samucchedavasena kilesappahānaṃ. ‘Pakkhandanavossaggo’ti vipassanākkhaṇe tanninnabhāvena, maggakkhaṇe pana ārammaṇakaraṇena nibbānapakkhandanaṃ. Tadubhayampi imasmiṃ lokiyalokuttaramissake atthavaṇṇanānaye vaṭṭati. Tathā hi ayaṃ sati sambojjhaṅgo yathāvuttena pakārena kilese pariccajati, nibbānañca pakkhandati.
โวสฺสคฺคปริณามินฺติ อิมินา ปน สกเลน วจเนน โวสฺสคฺคตฺถํ ปริณมนฺตํ ปริณตญฺจ, ปริปจฺจนฺตํ ปริปกฺกญฺจาติ อิทํ วุตฺตํ โหติฯ อยญฺหิ โพชฺฌงฺคภาวนมนุยุโตฺต ภิกฺขุ ยถา สติสโมฺพชฺฌโงฺค กิเลสปริจฺจาคโวสฺสคฺคตฺถํ นิพฺพานปกฺขนฺทนโวสฺสคฺคตฺถญฺจ ปริปจฺจติ, ยถา จ ปริปโกฺก โหติ, ตถา นํ ภาเวตีติฯ เอส นโย เสสโพชฺฌเงฺคสุปิฯ อิมสฺมิมฺปิ นเย โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา โพชฺฌงฺคา กถิตาติฯ
Vossaggapariṇāminti iminā pana sakalena vacanena vossaggatthaṃ pariṇamantaṃ pariṇatañca, paripaccantaṃ paripakkañcāti idaṃ vuttaṃ hoti. Ayañhi bojjhaṅgabhāvanamanuyutto bhikkhu yathā satisambojjhaṅgo kilesapariccāgavossaggatthaṃ nibbānapakkhandanavossaggatthañca paripaccati, yathā ca paripakko hoti, tathā naṃ bhāvetīti. Esa nayo sesabojjhaṅgesupi. Imasmimpi naye lokiyalokuttaramissakā bojjhaṅgā kathitāti.
สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนาฯ
Suttantabhājanīyavaṇṇanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๑๐. โพชฺฌงฺควิภโงฺค • 10. Bojjhaṅgavibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๑๐. โพชฺฌงฺควิภโงฺค • 10. Bojjhaṅgavibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๑๐. โพชฺฌงฺควิภโงฺค • 10. Bojjhaṅgavibhaṅgo