Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā

    สุตฺตนฺติกทุกมาติกาปทวณฺณนา

    Suttantikadukamātikāpadavaṇṇanā

    ๑๐๑-๑๐๘. วิชฺชาราสโนฺตคธธมฺมา วิชฺชาสภาคตาย ตเทกเทเส วิชฺชาโกฎฺฐาเส วตฺตนฺตีติ วุตฺตาฯ วชิรสฺส ยตฺถ ตํ ปตติ, ตตฺถ อเภชฺชํ นาม กิญฺจิ มณิปาสาณาทิ นตฺถิ, น จ เตน คมนมโคฺค วิรุหติ, เอวเมว อรหตฺตมเคฺคน ยตฺถ โส อุปฺปชฺชติ, ตสฺมิํ สนฺตาเน อเภโชฺช กิเลโส นาม นตฺถิ, น จ ภิโนฺน ปุน วิรุหตีติ วชิรุปมตา เวทิตพฺพาฯ ตทุปจาเรน พาลา ยถา ‘‘มญฺจา โฆสนฺตี’’ติฯ กณฺหาภิชาตีติ อปายา วุจฺจนฺติ มนุเสฺสสุ จ โทภคฺคิยํฯ ตปนสฺส วา ทุกฺขสฺส หิตาติ ตปนิยา

    101-108. Vijjārāsantogadhadhammā vijjāsabhāgatāya tadekadese vijjākoṭṭhāse vattantīti vuttā. Vajirassa yattha taṃ patati, tattha abhejjaṃ nāma kiñci maṇipāsāṇādi natthi, na ca tena gamanamaggo viruhati, evameva arahattamaggena yattha so uppajjati, tasmiṃ santāne abhejjo kileso nāma natthi, na ca bhinno puna viruhatīti vajirupamatā veditabbā. Tadupacārena bālā yathā ‘‘mañcā ghosantī’’ti. Kaṇhābhijātīti apāyā vuccanti manussesu ca dobhaggiyaṃ. Tapanassa vā dukkhassa hitāti tapaniyā.

    ทาสาทีสุปิ สิริวฑฺฒกาทิสทฺทา วิย อตถตฺตา วจนมตฺตเมว อธิการํ กตฺวา ปวตฺตา อธิวจนาฯ ยสฺมา ปน อธิวจนนิรุตฺติปญฺญตฺติปทานิ สมานตฺถานิ, สพฺพญฺจ วจนํ อธิวจนาทิภาวํ ภชติ, ตสฺมา เตสุปิ วจนวิเสเสสุ วิเสเสน ปวเตฺตหิ อธิวจนาทิสเทฺทหิ สพฺพานิ วจนานิ อตฺถปฺปกาสนสามเญฺญน วุตฺตานีติ เอเตนาธิปฺปาเยน อยํ อตฺถโยชนา กตาติ เวทิตพฺพาฯ อถ วา อธิ-สโทฺท อุปริภาเค, อุปริ วจนํ อธิวจนํฯ กสฺส อุปริ? ปกาเสตพฺพสฺส อตฺถสฺสาติ วิทิโตวายมโตฺถฯ อธีนํ วา วจนํ อธิวจนํฯ เกน อธีนํ? อเตฺถนฯ ตถา ตํตํอตฺถปฺปกาสเน นิจฺฉิตํ, นิยตํ วา วจนํ นิรุตฺติฯ ปถวีธาตุปุริสาทิตํตํปกาเรน ญาปนโต ปญฺญตฺตีติ เอวํ อธิวจนาทิปทานํ สพฺพวจเนสุ ปวตฺติ เวทิตพฺพาฯ อญฺญถา สิริวฑฺฒกธนวฑฺฒกปฺปการานเมว อภิลาปานํ อธิวจนตา, อภิสงฺขโรนฺตีติ เอวํปการานเมว นิทฺธารณวจนานํ นิรุตฺติตา, ตโกฺก วิตโกฺกติ เอวํปการานเมว เอกเมวตฺถํ เตน เตน ปกาเรน ญาเปนฺตานํ ปญฺญตฺติตา จ อาปเชฺชยฺยาติฯ

    Dāsādīsupi sirivaḍḍhakādisaddā viya atathattā vacanamattameva adhikāraṃ katvā pavattā adhivacanā. Yasmā pana adhivacananiruttipaññattipadāni samānatthāni, sabbañca vacanaṃ adhivacanādibhāvaṃ bhajati, tasmā tesupi vacanavisesesu visesena pavattehi adhivacanādisaddehi sabbāni vacanāni atthappakāsanasāmaññena vuttānīti etenādhippāyena ayaṃ atthayojanā katāti veditabbā. Atha vā adhi-saddo uparibhāge, upari vacanaṃ adhivacanaṃ. Kassa upari? Pakāsetabbassa atthassāti viditovāyamattho. Adhīnaṃ vā vacanaṃ adhivacanaṃ. Kena adhīnaṃ? Atthena. Tathā taṃtaṃatthappakāsane nicchitaṃ, niyataṃ vā vacanaṃ nirutti. Pathavīdhātupurisāditaṃtaṃpakārena ñāpanato paññattīti evaṃ adhivacanādipadānaṃ sabbavacanesu pavatti veditabbā. Aññathā sirivaḍḍhakadhanavaḍḍhakappakārānameva abhilāpānaṃ adhivacanatā, abhisaṅkharontīti evaṃpakārānameva niddhāraṇavacanānaṃ niruttitā, takko vitakkoti evaṃpakārānameva ekamevatthaṃ tena tena pakārena ñāpentānaṃ paññattitā ca āpajjeyyāti.

    ๑๐๙-๑๑๘. ผโสฺส เวทนาติ สพฺพทาปิ อรูปธมฺมานํ ผสฺสาทินามกตฺตา ปถวิยาทีนํ เกสกุมฺภาทินามนฺตราปตฺติ วิย นามนฺตรานาปชฺชนโต จ สทา อตฺตนาว กตนามตาย จตุกฺขนฺธนิพฺพานานิ นามกรณเฎฺฐน นามํฯ นมนํ อวินาภาวโต อารมฺมณาภิมุขตา, นมนเหตุภูตตา นามนํฯ อถ วา อธิวจนสมฺผโสฺส วิย อธิวจนํ นามมนฺตเรน เย อนุปจิตโพธิสมฺภารานํ คหณํ น คจฺฉนฺติ, เต นามายตฺตคฺคหณา นามํฯ รูปํ ปน วินาปิ นามสาธนํ อตฺตโน รุปฺปนสภาเวน คหณํ อุปยาตีติ รูปํ

    109-118. Phasso vedanāti sabbadāpi arūpadhammānaṃ phassādināmakattā pathaviyādīnaṃ kesakumbhādināmantarāpatti viya nāmantarānāpajjanato ca sadā attanāva katanāmatāya catukkhandhanibbānāni nāmakaraṇaṭṭhena nāmaṃ. Namanaṃ avinābhāvato ārammaṇābhimukhatā, namanahetubhūtatā nāmanaṃ. Atha vā adhivacanasamphasso viya adhivacanaṃ nāmamantarena ye anupacitabodhisambhārānaṃ gahaṇaṃ na gacchanti, te nāmāyattaggahaṇā nāmaṃ. Rūpaṃ pana vināpi nāmasādhanaṃ attano ruppanasabhāvena gahaṇaṃ upayātīti rūpaṃ.

    ๑๑๙-๑๒๓. อิโต ปุเพฺพ ปริกมฺมํ ปวตฺตํ, อิโต ปรํ ภวงฺคํ, มเชฺฌ สมาปตฺตีติ เอวํ สมาปตฺตีนํ อปฺปนาปริเจฺฉทปญฺญา สมาปตฺติกุสลตาวุฎฺฐาเน กุสลภาโว ปุเพฺพ วุฎฺฐาเน ปริเจฺฉทกรณญาณํฯ ลกฺขณาทิวเสน อนิจฺจาทิวเสน จ มนสิ กรณํ มนสิกาโร

    119-123. Ito pubbe parikammaṃ pavattaṃ, ito paraṃ bhavaṅgaṃ, majjhe samāpattīti evaṃ samāpattīnaṃ appanāparicchedapaññā samāpattikusalatā. Vuṭṭhāne kusalabhāvo pubbe vuṭṭhāne paricchedakaraṇañāṇaṃ. Lakkhaṇādivasena aniccādivasena ca manasi karaṇaṃ manasikāro.

    ๑๒๔-๑๓๔. สุจิสีลตา โสรจฺจํฯ สา หิ โสภนกมฺมรตตาติฯ สโมฺมทกสฺส, สโมฺมทโก วา มุทุภาโว สโมฺมทกมุทุภาโว, สณฺหวาจตาฯ ‘‘อคุตฺตทฺวารตา’’ติ วุเตฺต เกสุ ทฺวาเรสูติ น ปญฺญายตีติ ‘‘อินฺทฺริเยสู’’ติ วุตฺตํฯ สมฺปชานาตีติ สมฺปชาโน, ตสฺส ภาโว สมฺปชญฺญํฯ ตทปิ ญาณํ ยสฺมา สมฺปชานาติ, ตสฺมา ‘‘สมฺปชานาตีติ สมฺปชญฺญ’’นฺติ อาหฯ อปฺปฎิสงฺขาเน นิมิเตฺต วิสเย วาฯ วีริยสีเสนาติ วีริยปาโมเกฺขนฯ อุปฺปนฺนํ พลนฺติ วีริโยปตฺถเมฺภน หิ กุสลภาวนา พลวตี ถิรา อุปฺปชฺชตีติ ตถา อุปฺปนฺนา พลวตี กุสลภาวนา พลวโนฺต สตฺต โพชฺฌงฺคาติปิ วุจฺจนฺติฯ กสิณนิมิตฺตํ วิย สญฺญาณํ วิย สวิคฺคหํ วิย จ สุฎฺฐุ อุปลเกฺขตพฺพาการํ ‘‘นิมิตฺต’’นฺติ วุจฺจติฯ สมโถ จ เอวํ อากาโรติ ‘‘นิมิตฺต’’นฺติ วุโตฺตฯ ตถา หิ โส ปจฺจเวกฺขเนฺตน ปจฺจเวกฺขณโต คยฺหตีติฯ อุทฺธจฺจมิว จิตฺตํ น วิกฺขิปตีติ, วิเกฺขปปฎิเกฺขโป วา อวิเกฺขโป

    124-134. Sucisīlatā soraccaṃ. Sā hi sobhanakammaratatāti. Sammodakassa, sammodako vā mudubhāvo sammodakamudubhāvo, saṇhavācatā. ‘‘Aguttadvāratā’’ti vutte kesu dvāresūti na paññāyatīti ‘‘indriyesū’’ti vuttaṃ. Sampajānātīti sampajāno, tassa bhāvo sampajaññaṃ. Tadapi ñāṇaṃ yasmā sampajānāti, tasmā ‘‘sampajānātīti sampajañña’’nti āha. Appaṭisaṅkhāne nimitte visaye vā. Vīriyasīsenāti vīriyapāmokkhena. Uppannaṃ balanti vīriyopatthambhena hi kusalabhāvanā balavatī thirā uppajjatīti tathā uppannā balavatī kusalabhāvanā balavanto satta bojjhaṅgātipi vuccanti. Kasiṇanimittaṃ viya saññāṇaṃ viya saviggahaṃ viya ca suṭṭhu upalakkhetabbākāraṃ ‘‘nimitta’’nti vuccati. Samatho ca evaṃ ākāroti ‘‘nimitta’’nti vutto. Tathā hi so paccavekkhantena paccavekkhaṇato gayhatīti. Uddhaccamiva cittaṃ na vikkhipatīti, vikkhepapaṭikkhepo vā avikkhepo.

    ๑๓๕-๑๔๒. สีลเมว ปุนปฺปุนํ อาเสวิยมานํ โลกิยํ โลกุตฺตรมฺปิ สีลํ ปริปูเรตีติ ‘‘สีลปริปูรณโต’’ติ วุตฺตํฯ สีลสฺส สมฺปทาติ การณสีลมฺปิ ผลสีลมฺปิ สมฺปนฺนสมุทายสฺส เอกเทสวเสน วุตฺตํฯ อถ วา ‘‘กตเม จ ถปติ อกุสลา สีลา? อกุสลํ กายกมฺมํ อกุสลํ วจีกมฺมํ ปาปโก อาชีโว’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๖๔) วุตฺตตฺตา สพฺพมฺปิ กุสลากุสลํ ‘‘สีล’’นฺติ คเหตฺวา ตตฺถ กุสลสีลํ นิทฺธาเรตฺวา ‘‘สีลสมฺปทา’’ติ วุตฺตํฯ เอวํ ทิฎฺฐิสมฺปทาปิ เวทิตพฺพาฯ

    135-142. Sīlameva punappunaṃ āseviyamānaṃ lokiyaṃ lokuttarampi sīlaṃ paripūretīti ‘‘sīlaparipūraṇato’’ti vuttaṃ. Sīlassa sampadāti kāraṇasīlampi phalasīlampi sampannasamudāyassa ekadesavasena vuttaṃ. Atha vā ‘‘katame ca thapati akusalā sīlā? Akusalaṃ kāyakammaṃ akusalaṃ vacīkammaṃ pāpako ājīvo’’ti (ma. ni. 2.264) vuttattā sabbampi kusalākusalaṃ ‘‘sīla’’nti gahetvā tattha kusalasīlaṃ niddhāretvā ‘‘sīlasampadā’’ti vuttaṃ. Evaṃ diṭṭhisampadāpi veditabbā.

    ทิฎฺฐิวิสุทฺธิ โข ปน ยถาทิฎฺฐิสฺส จ ปธานนฺติ กมฺมสฺสกตญาณาทิสงฺขาตา ทิฎฺฐิวิสุทฺธิ เจวาติ ปฎิปาฎิยา ทิฎฺฐิวิสุทฺธิ ทิฎฺฐิวิสุทฺธิ โข ปนาติ จ ปททฺวยสฺส สมานตฺตา ปญฺญาฯ ยถาทิฎฺฐิสฺสาติ นิพฺพตฺติตปฺปการทิฎฺฐิสฺส นิพฺพเตฺตตพฺพปธานานุรูปทิฎฺฐิสฺส วา ยถาทิฎฺฐิปวตฺตกิริยสฺส วาฯ สํเวโคติ สโหตฺตปฺปํ ญาณํ, โอตฺตปฺปเมว วาฯ สมตฺตํ ตุสฺสนํ ติตฺติ สนฺตุฎฺฐิ, นตฺถิ เอตสฺส สนฺตุฎฺฐีติ อสนฺตุฎฺฐิ, อสนฺตุฎฺฐิสฺส ภาโว อสนฺตุฎฺฐิตาฯ วีริยปฺปวาเห ปวตฺตมาเน อนฺตรา เอว ปฎิคมนํ นิวตฺตนํ ปฎิวานํ, ตํ อสฺส อตฺถีติ ปฎิวานี , น ปฎิวานี อปฺปฎิวานี, ตสฺส ภาโว อปฺปฎิวานิตาฯ วิมุจฺจนํ นาม อารมฺมเณ อธิมุตฺตตา กิเลเสหิ สพฺพสงฺขาเรหิ จ นิสฺสฎตา จฯ ปฎิสนฺธิวเสนาติ กิเลสานํ ตํตํมคฺควชฺฌานํ อุปฺปนฺนมเคฺค ขนฺธสนฺตาเน ปุน สํทหนวเสนฯ อนุปฺปาทภูเตติ ตํตํผเลฯ อนุปฺปาทปริโยสาเนติ อนุปฺปาทกโร มโคฺค อนุปฺปาโท, ตสฺส ปริโยสาเนฯ

    Diṭṭhivisuddhi kho pana yathādiṭṭhissa ca padhānanti kammassakatañāṇādisaṅkhātā diṭṭhivisuddhi cevāti paṭipāṭiyā diṭṭhivisuddhi diṭṭhivisuddhi kho panāti ca padadvayassa samānattā paññā. Yathādiṭṭhissāti nibbattitappakāradiṭṭhissa nibbattetabbapadhānānurūpadiṭṭhissa vā yathādiṭṭhipavattakiriyassa vā. Saṃvegoti sahottappaṃ ñāṇaṃ, ottappameva vā. Samattaṃ tussanaṃ titti santuṭṭhi, natthi etassa santuṭṭhīti asantuṭṭhi, asantuṭṭhissa bhāvo asantuṭṭhitā. Vīriyappavāhe pavattamāne antarā eva paṭigamanaṃ nivattanaṃ paṭivānaṃ, taṃ assa atthīti paṭivānī , na paṭivānī appaṭivānī, tassa bhāvo appaṭivānitā. Vimuccanaṃ nāma ārammaṇe adhimuttatā kilesehi sabbasaṅkhārehi ca nissaṭatā ca. Paṭisandhivasenāti kilesānaṃ taṃtaṃmaggavajjhānaṃ uppannamagge khandhasantāne puna saṃdahanavasena. Anuppādabhūteti taṃtaṃphale. Anuppādapariyosāneti anuppādakaro maggo anuppādo, tassa pariyosāne.

    สุตฺตนฺติกทุกมาติกาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Suttantikadukamātikāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ทุกมาติกาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dukamātikāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / สุตฺตนฺติกทุกมาติกา • Suttantikadukamātikā

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā / สุตฺตนฺติกทุกมาติกาปทวณฺณนา • Suttantikadukamātikāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā / สุตฺตนฺติกทุกมาติกาปทวณฺณนา • Suttantikadukamātikāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact