Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā

    สุตฺตนฺติกทุกนิเกฺขปกถาวณฺณนา

    Suttantikadukanikkhepakathāvaṇṇanā

    ๑๓๑๓. อหํ-สเทฺทน เหตุภูเตน โย อโตฺถติ เอตฺถ อหํ-สโทฺท อโตฺถติ อธิเปฺปโตฯ อตฺถาวโพธนโตฺถ หิ สทฺทปฺปโยโคฯ อตฺถปราธีโน เกวโล อตฺถปทตฺถโก, โส ปทตฺถวิปริเยสการินา ปน อิติ-สเทฺทน ปรโต ปยุเตฺตน สทฺทปทตฺถโก ชายติ ยถา คาวีติ อยมาหาติ โค-สทฺทํ อาหาติ วิญฺญายติฯ เตน วิญฺญตฺติวิการสหิโต สโทฺท ปญฺญตฺตีติ ทเสฺสติฯ ตถา หิ ‘‘พุทฺธสฺส ภควโต โวหาโร โลกิยโสเต ปฎิหญฺญตี’’ติอาทินา (กถา. ๓๔๗) ปญฺญตฺติยา วจนภาวํ สาธยติฯ อญฺญถาติอาทินา ปญฺญตฺติยา อสทฺทสภาวเตฺต โทสมาหฯ อธิวจนาทิตา สิยา, ตถา จ อธิวจนาทีนํ อธิวจนปถาทิโต วิเสโส น สิยาติ ทุโกเยว น สมฺภเวยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ อฎฺฐกถายํ ปน สกสนฺตติปริยาปเนฺน รูปาทโย ธเมฺม สมูหโต สนฺตานโต จ เอกตฺตวเสน คเหตฺวา อหนฺติ โวหริยมานา อุปาทาปญฺญตฺติ สงฺขายติ โวหรียตีติ สงฺขาติ อธิเปฺปตาฯ ตถา เสเสสุ ยถาสมฺภวํ ทฎฺฐพฺพํฯ เตเนวาห ‘‘ทโตฺตติ เอตฺตาวตา สตฺตปญฺญตฺติํ ทเสฺสตฺวา อญฺญมฺปิ อุปาทาปญฺญตฺติํ ทเสฺสตุ’’นฺติอาทิฯ ปทตฺถสฺสาติ อหํ-สทฺทาทิปทาภิเธยฺยสฺส, ปรมตฺถสฺส วาฯ อธิวจนํ สโทฺทติ อธิปฺปาเยน ‘‘วทเนฺตนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โส หิ อตฺตนา ญาเปตพฺพมตฺถํ สยํ ญาโต เอว ญาเปตีติ อคฺคหิตสมฺพนฺธสฺส น สโทฺท อตฺถปฺปกาสนสมโตฺถติ วุตฺตํ ‘‘ปุเพฺพ คหิตสเญฺญนา’’ติฯ วิเสเสน ญายตีติ สมญฺญาติ สํ-สทฺทสฺส วิเสสตฺถตํ อาหฯ

    1313. Ahaṃ-saddena hetubhūtena yo atthoti ettha ahaṃ-saddo atthoti adhippeto. Atthāvabodhanattho hi saddappayogo. Atthaparādhīno kevalo atthapadatthako, so padatthavipariyesakārinā pana iti-saddena parato payuttena saddapadatthako jāyati yathā gāvīti ayamāhāti go-saddaṃ āhāti viññāyati. Tena viññattivikārasahito saddo paññattīti dasseti. Tathā hi ‘‘buddhassa bhagavato vohāro lokiyasote paṭihaññatī’’tiādinā (kathā. 347) paññattiyā vacanabhāvaṃ sādhayati. Aññathātiādinā paññattiyā asaddasabhāvatte dosamāha. Adhivacanāditā siyā, tathā ca adhivacanādīnaṃ adhivacanapathādito viseso na siyāti dukoyeva na sambhaveyyāti adhippāyo. Aṭṭhakathāyaṃ pana sakasantatipariyāpanne rūpādayo dhamme samūhato santānato ca ekattavasena gahetvā ahanti vohariyamānā upādāpaññatti saṅkhāyati voharīyatīti saṅkhāti adhippetā. Tathā sesesu yathāsambhavaṃ daṭṭhabbaṃ. Tenevāha ‘‘dattoti ettāvatā sattapaññattiṃ dassetvā aññampi upādāpaññattiṃ dassetu’’ntiādi. Padatthassāti ahaṃ-saddādipadābhidheyyassa, paramatthassa vā. Adhivacanaṃ saddoti adhippāyena ‘‘vadantenā’’tiādi vuttaṃ. So hi attanā ñāpetabbamatthaṃ sayaṃ ñāto eva ñāpetīti aggahitasambandhassa na saddo atthappakāsanasamatthoti vuttaṃ ‘‘pubbe gahitasaññenā’’ti. Visesena ñāyatīti samaññāti saṃ-saddassa visesatthataṃ āha.

    กรียตีติ อิทํ อิมสฺสตฺถสฺส อธิวจนนฺติ เอวํ นิกฺขิปียติฯ นามภูตํ วจนเมว ตํ ตํ อตฺถํ นิทฺธาเรตฺวา สเหตุกํ กตฺวา วทติ พฺยญฺชยติ จาติ อาห ‘‘นามมิเจฺจว วุตฺตํ โหตี’’ติฯ เตเนวาห ‘‘น หิ ปถวี’’ติอาทิฯ ปถวีสงฺขาตนฺติ ปถวี-สทฺทาภิเธยฺยํฯ

    Karīyatīti idaṃ imassatthassa adhivacananti evaṃ nikkhipīyati. Nāmabhūtaṃ vacanameva taṃ taṃ atthaṃ niddhāretvā sahetukaṃ katvā vadati byañjayati cāti āha ‘‘nāmamicceva vuttaṃ hotī’’ti. Tenevāha ‘‘na hi pathavī’’tiādi. Pathavīsaṅkhātanti pathavī-saddābhidheyyaṃ.

    อาจริยาติ อฎฺฐกถาย สํวณฺณนกา อาจริยา, น อฎฺฐกถาจริยาติ อธิปฺปาเยน วทติฯ มาติกายนฺติ มาติกาวณฺณนายํฯ เตนาติ มาติกาวณฺณนาวจเนนฯ อิมิสฺสา ปาฬิยา อฎฺฐกถาย จ อตฺถทสฺสนสฺส เอตสฺส ยถาวุตฺตสฺส อาจริยวาทสฺส วิโรโธ สิยา, ตเมว วิโรธํ ‘‘น หี’’ติอาทินา วิวรติฯ ตตฺถ อธิวจนปถาทิภาเวน วุตฺตานํ ธมฺมานํ ปกาสกสฺส สภาวสฺส วิญฺญตฺติวิการสหิตสทฺทเสฺสว วจนมตฺตํ อธิการํ กตฺวา ปวตฺติอาทิ ยุชฺชติ, น อสภาวสฺสาติ อธิปฺปาเยน ‘‘อุปฺปาทวยกิจฺจรหิตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อนิทฺธาริตสภาวสฺสาติ ปรมตฺถโต อนุปลทฺธสภาวสฺสฯ

    Ācariyāti aṭṭhakathāya saṃvaṇṇanakā ācariyā, na aṭṭhakathācariyāti adhippāyena vadati. Mātikāyanti mātikāvaṇṇanāyaṃ. Tenāti mātikāvaṇṇanāvacanena. Imissā pāḷiyā aṭṭhakathāya ca atthadassanassa etassa yathāvuttassa ācariyavādassa virodho siyā, tameva virodhaṃ ‘‘na hī’’tiādinā vivarati. Tattha adhivacanapathādibhāvena vuttānaṃ dhammānaṃ pakāsakassa sabhāvassa viññattivikārasahitasaddasseva vacanamattaṃ adhikāraṃ katvā pavattiādi yujjati, na asabhāvassāti adhippāyena ‘‘uppādavayakiccarahitassā’’tiādi vuttaṃ. Tattha aniddhāritasabhāvassāti paramatthato anupaladdhasabhāvassa.

    ทุวิธาติ ปญฺญาปนปญฺญาปิตพฺพเภทโต ทุวิธาฯ ยถาวุตฺตปฺปการาติ อุปฺปาทวยกิจฺจรหิตาติอาทิปฺปการาฯ อฎฺฐกถายํ ปุคฺคลปญฺญตฺติวณฺณนายํฯ นนุ จ ตตฺถ อุปนิธาปญฺญตฺติอาทโย อปราปิ ปญฺญตฺติโย วุตฺตา, อถ กสฺมา ‘‘ฉ ปญฺญตฺติโยว วุตฺตา’’ติ วุตฺตํ? สจฺจํ วุตฺตา, ตา ปน วิชฺชมานปญฺญตฺติอาทีสุ ฉสุ เอว อโนฺตคธาติ ‘‘อฎฺฐกถายํ วิชฺชมานปญฺญตฺติอาทโย ฉ ปญฺญตฺติโยว วุตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ

    Duvidhāti paññāpanapaññāpitabbabhedato duvidhā. Yathāvuttappakārāti uppādavayakiccarahitātiādippakārā. Aṭṭhakathāyaṃ puggalapaññattivaṇṇanāyaṃ. Nanu ca tattha upanidhāpaññattiādayo aparāpi paññattiyo vuttā, atha kasmā ‘‘cha paññattiyova vuttā’’ti vuttaṃ? Saccaṃ vuttā, tā pana vijjamānapaññattiādīsu chasu eva antogadhāti ‘‘aṭṭhakathāyaṃ vijjamānapaññattiādayo cha paññattiyova vuttā’’ti vuttaṃ.

    ตตฺถ รูปาทิ วิย อวิชฺชมานตฺตา ปญฺญาปิตพฺพตฺตา จ อวิชฺชมานปญฺญตฺติ, อวิชฺชมานสฺส จ สตฺตรถาทิอตฺถสฺส ปญฺญาปนโต อวิชฺชมานปญฺญตฺตีติ เอวํ อวิชฺชมานปญฺญตฺติวจเนน ยถาวุตฺตา ทุวิธาปิ ปญฺญตฺติ สงฺคหิตาติ อาห ‘‘อวิชฺชมาน…เป.… วุตฺตา’’ติฯ อิตเรหีติ วิชฺชมานปญฺญตฺติอาทีหิ อวเสเสหิ ปญฺจหิ, รูปเวทนาทีนํ สตฺตรถาทีนญฺจ อตฺถานํ ปกาเรหิ ญาปนโต ตํตํวาจโก สโทฺทเยว วิสยเภทโต วิชฺชมานปญฺญตฺติอาทิเภทา ปญฺญตฺติ สงฺขาทีหิ ทสหิ ปเทหิ วุตฺตาติ อยํ ปุริโม อโตฺถ, โส จ ยถารุตวเสเนว ปาฬิยา วิญฺญายมานตฺตา ‘‘ปาฬิอนุคโต อุชุโก’’ติ จ วุโตฺตฯ ยทิ จาติอาทีสุ สตฺตาทิกา ยถาวุตฺตปฺปการา อุปาทาปญฺญตฺติ ยทิ อวิชฺชมานปญฺญตฺติ, สา อตฺถีติ น วตฺตพฺพาฯ อวิชฺชมานา จ สา ปญฺญาปิตพฺพโต ปญฺญตฺติ จาติ เตสํ อาจริยานํ ลทฺธีติ อธิปฺปาโยฯ อิทานิ ตสฺสา ลทฺธิยา วเสน ปญฺญตฺติปถาติ วุตฺตธมฺมานมฺปิ วิชฺชมานปญฺญตฺติภาวาปตฺติโจทเนน ตตฺถ โทสํ ทเสฺสติ ‘‘ยถา จา’’ติอาทินาฯ ตโตติ ยสฺมา อวิชฺชมานตฺตา ปญฺญาปิตพฺพตฺตา จ สตฺตรถาทีนํ อวิชฺชมานปญฺญตฺติภาโว วิย วิชฺชมานตฺตา ปญฺญาปิตพฺพตฺตา จ สเพฺพสํ สภาวธมฺมานํ วิชฺชมานปญฺญตฺติภาโว อาปชฺชติ, ตสฺมาติ อโตฺถฯ

    Tattha rūpādi viya avijjamānattā paññāpitabbattā ca avijjamānapaññatti, avijjamānassa ca sattarathādiatthassa paññāpanato avijjamānapaññattīti evaṃ avijjamānapaññattivacanena yathāvuttā duvidhāpi paññatti saṅgahitāti āha ‘‘avijjamāna…pe… vuttā’’ti. Itarehīti vijjamānapaññattiādīhi avasesehi pañcahi, rūpavedanādīnaṃ sattarathādīnañca atthānaṃ pakārehi ñāpanato taṃtaṃvācako saddoyeva visayabhedato vijjamānapaññattiādibhedā paññatti saṅkhādīhi dasahi padehi vuttāti ayaṃ purimo attho, so ca yathārutavaseneva pāḷiyā viññāyamānattā ‘‘pāḷianugato ujuko’’ti ca vutto. Yadi cātiādīsu sattādikā yathāvuttappakārā upādāpaññatti yadi avijjamānapaññatti, sā atthīti na vattabbā. Avijjamānā ca sā paññāpitabbato paññatti cāti tesaṃ ācariyānaṃ laddhīti adhippāyo. Idāni tassā laddhiyā vasena paññattipathāti vuttadhammānampi vijjamānapaññattibhāvāpatticodanena tattha dosaṃ dasseti ‘‘yathā cā’’tiādinā. Tatoti yasmā avijjamānattā paññāpitabbattā ca sattarathādīnaṃ avijjamānapaññattibhāvo viya vijjamānattā paññāpitabbattā ca sabbesaṃ sabhāvadhammānaṃ vijjamānapaññattibhāvo āpajjati, tasmāti attho.

    ‘‘อถา’’ติอาทินา ปญฺญตฺติปถนิเทฺทสโต วิสิฎฺฐสฺส ปญฺญตฺติธมฺมนิเทฺทสสฺส สยเมว การณมาสงฺกติฯ ‘‘นาปี’’ติอาทินา ตสฺส การณสฺส อสิทฺธตํ ทเสฺสติฯ ‘‘ปุริโสติ สงฺขา’’ติอาทีสุ สงฺขาทโยปิ นามาทีหิ อตฺถโต อวิสิฎฺฐา วุตฺตาติ อาห ‘‘สงฺขาทิสทฺทานํ สมานตฺถตฺตา’’ติฯ วจนคฺคหณํ วจนุจฺจารณํฯ อญฺญสฺสาติ นามปญฺญตฺติํ สนฺธายาหฯ เตสนฺติ สเงฺกตคฺคหณวจนคฺคหณานํฯ อสมตฺถตา น สมฺภวตีติ โยชนาฯ ตเมว อสมฺภวํ ‘‘ยทิ หี’’ติอาทินา วิวรติฯ ปญฺญตฺติยาติ นามปญฺญตฺติยาฯ ปญฺญตฺติปญฺญาปเนติ ยาย นามปญฺญตฺติยา อุปาทายปญฺญตฺติ รูปาทโย จ ปญฺญาปียนฺติ, ยา จ โสตทฺวารวิญฺญาณสนฺตานานนฺตรมุปฺปเนฺนน คหิตปุพฺพสเงฺกเตน มโนทฺวารวิญฺญาณสนฺตาเนน คยฺหติ, สา อยํ นามาติ ตสฺสา ปญฺญาปเน อสงฺกรโต ฐปเนฯ อถ วา โสตทฺวารวิญฺญาณสนฺตานานนฺตรมุปฺปเนฺนน มโนทฺวารวิญฺญาณสนฺตาเนน ปญฺญตฺติยา คาหาปเน ปริจฺฉินฺทเนฯ ตสฺสา อญฺญา ปญฺญตฺติ วตฺตพฺพา สิยาติ ตสฺสา นามปญฺญตฺติยา ญาปเน สเงฺกตคฺคหณวจนคฺคหณานํ สหการีการณภูตา อญฺญา นามปญฺญตฺติ อตฺถีติ วตฺตพฺพา อนุญฺญาตพฺพา สิยาฯ ตโต อตฺถวิชานนเมว น สิยาติ เกวลานิ สเงฺกตคฺคหณวจนคฺคหณานิ อตฺถปญฺญาปเน วิย ปญฺญตฺติญาปเนปิ อสมตฺถานิ, ปญฺญตฺติ จ ญาตาเยว เตสํ สหการีการณํ ตํชานนตฺถํ ปญฺญตฺติอนนฺตรปริกปฺปเน จ อนวตฺถานาปตฺตีติ อตฺถาธิคมสฺส สมฺภโว เอว น ภเวยฺยฯ

    ‘‘Athā’’tiādinā paññattipathaniddesato visiṭṭhassa paññattidhammaniddesassa sayameva kāraṇamāsaṅkati. ‘‘Nāpī’’tiādinā tassa kāraṇassa asiddhataṃ dasseti. ‘‘Purisoti saṅkhā’’tiādīsu saṅkhādayopi nāmādīhi atthato avisiṭṭhā vuttāti āha ‘‘saṅkhādisaddānaṃ samānatthattā’’ti. Vacanaggahaṇaṃ vacanuccāraṇaṃ. Aññassāti nāmapaññattiṃ sandhāyāha. Tesanti saṅketaggahaṇavacanaggahaṇānaṃ. Asamatthatā na sambhavatīti yojanā. Tameva asambhavaṃ ‘‘yadi hī’’tiādinā vivarati. Paññattiyāti nāmapaññattiyā. Paññattipaññāpaneti yāya nāmapaññattiyā upādāyapaññatti rūpādayo ca paññāpīyanti, yā ca sotadvāraviññāṇasantānānantaramuppannena gahitapubbasaṅketena manodvāraviññāṇasantānena gayhati, sā ayaṃ nāmāti tassā paññāpane asaṅkarato ṭhapane. Atha vā sotadvāraviññāṇasantānānantaramuppannena manodvāraviññāṇasantānena paññattiyā gāhāpane paricchindane. Tassā aññā paññatti vattabbā siyāti tassā nāmapaññattiyā ñāpane saṅketaggahaṇavacanaggahaṇānaṃ sahakārīkāraṇabhūtā aññā nāmapaññatti atthīti vattabbā anuññātabbā siyā. Tato atthavijānanameva na siyāti kevalāni saṅketaggahaṇavacanaggahaṇāni atthapaññāpane viya paññattiñāpanepi asamatthāni, paññatti ca ñātāyeva tesaṃ sahakārīkāraṇaṃ taṃjānanatthaṃ paññattianantaraparikappane ca anavatthānāpattīti atthādhigamassa sambhavo eva na bhaveyya.

    สเงฺกโต รูปาทีสุ น กิญฺจิ โหติ, ภูตาทินิมิตฺตํ ภาวนาวิเสสญฺจ อุปาทาย โวหริยมานา กสิณาทิปญฺญตฺติ วิย ตํ ตํ สเงฺกติตพฺพํ สเงฺกตกรณญฺจ อุปาทาย โวหารมโตฺต, ตสฺส จ ปญฺญาปิกา นามปญฺญตฺตีติ ยถาวุตฺตโทสาปตฺติํ ทเสฺสโนฺต ‘‘นาปิ สเงฺกตคฺคหณ’’นฺติ อโวจฯ นนุ จ อตฺถวิชานนาสมฺภวโจทเนเนว สเงฺกตคฺคหณาภโวปิ ทสฺสิโตติ? สจฺจเมตํ, สเงฺกเต ปน อาจริยานํ มติเภโท วิชฺชติฯ ตตฺถ เอกปกฺขิโก อยํ โทโสติ ทสฺสนตฺถํ ตสฺส วิสุํ วจนํ วุจฺจมานา รูปาทโย ธมฺมาวจนตฺถา ปญฺญาปิตพฺพา จ, ตทภิธายโก สโทฺท ปญฺญตฺตีติฯ เอตฺตาวตา สพฺพโวหาโร สิชฺฌตีติ อธิปฺปาเยน ‘‘วจน…เป.… ชนํ นตฺถี’’ติ อาหฯ ปญฺญตฺติยา วจนภาโว สิโทฺธ ปฎิหนนโสตพฺพตาทีปกตฺตา เตสํ ปาฐานนฺติ อธิปฺปาโยฯ อาทิ-สเทฺทน ‘‘อตฺถิ เกจิ พุทฺธสฺส ภควโต โวหารํ สุณนฺติ, นิรุตฺติปฎิสมฺภิทา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา’’ติ เอวมาทิํ สงฺคณฺหาติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ‘‘ปญฺญตฺติธมฺมา’’ติ ปทสฺส ยถาวุตฺตปญฺญตฺติโย อโตฺถติ เอตสฺมิํ ปเกฺข มาติกาวณฺณนาย วิโรโธ, อฎฺฐกถายํ อวุตฺตตา, อิมิสฺสา ปาฬิยา อนนุคโม, สเพฺพ ธมฺมา ปญฺญตฺตีติ นิทฺทิสิตพฺพตา, ปญฺญตฺติปถปทสฺส นวตฺตพฺพตา, อนวตฺถานาปตฺติโต อตฺถวิชานนาสมฺภโวติ อเนเก โทสา, วิญฺญตฺติวิการสหิตสฺส ปน สทฺทสฺส ปญฺญตฺติภาเว ยถาวุตฺตโทสาภาโว อเนเกสํ ปาฐปฺปเทสานญฺจ อนุโลมนํ, ตสฺมาฯ ตตฺถ ยุตฺตํ คเหตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘ปาฬิ…เป.… ตโพฺพ’’ติฯ

    Saṅketo rūpādīsu na kiñci hoti, bhūtādinimittaṃ bhāvanāvisesañca upādāya vohariyamānā kasiṇādipaññatti viya taṃ taṃ saṅketitabbaṃ saṅketakaraṇañca upādāya vohāramatto, tassa ca paññāpikā nāmapaññattīti yathāvuttadosāpattiṃ dassento ‘‘nāpi saṅketaggahaṇa’’nti avoca. Nanu ca atthavijānanāsambhavacodaneneva saṅketaggahaṇābhavopi dassitoti? Saccametaṃ, saṅkete pana ācariyānaṃ matibhedo vijjati. Tattha ekapakkhiko ayaṃ dosoti dassanatthaṃ tassa visuṃ vacanaṃ vuccamānā rūpādayo dhammāvacanatthā paññāpitabbā ca, tadabhidhāyako saddo paññattīti. Ettāvatā sabbavohāro sijjhatīti adhippāyena ‘‘vacana…pe… janaṃ natthī’’ti āha. Paññattiyā vacanabhāvo siddho paṭihananasotabbatādīpakattā tesaṃ pāṭhānanti adhippāyo. Ādi-saddena ‘‘atthi keci buddhassa bhagavato vohāraṃ suṇanti, niruttipaṭisambhidā paccuppannārammaṇā’’ti evamādiṃ saṅgaṇhāti. Tasmāti yasmā ‘‘paññattidhammā’’ti padassa yathāvuttapaññattiyo atthoti etasmiṃ pakkhe mātikāvaṇṇanāya virodho, aṭṭhakathāyaṃ avuttatā, imissā pāḷiyā ananugamo, sabbe dhammā paññattīti niddisitabbatā, paññattipathapadassa navattabbatā, anavatthānāpattito atthavijānanāsambhavoti aneke dosā, viññattivikārasahitassa pana saddassa paññattibhāve yathāvuttadosābhāvo anekesaṃ pāṭhappadesānañca anulomanaṃ, tasmā. Tattha yuttaṃ gahetabbanti adhippāyenāha ‘‘pāḷi…pe… tabbo’’ti.

    ยทิ สตฺตาติอาทินา สทฺทสฺส ปญฺญตฺติภาเว อฎฺฐกถาย วิโรธมาหฯ เอวํ ปญฺญตฺติภาเว ยทิ สทฺทสฺส ปญฺญตฺติภาโว, ตสฺส ปรมตฺถโต วิชฺชมานตฺตา รูปาทิอตฺถสฺส จ ปญฺญาปนโต วิชฺชมานปญฺญตฺติภาโว เอว สิยา, น อวิชฺชมานปญฺญตฺติภาโวฯ น หิ เต สตฺตาทโย ปญฺญตฺตีติฯ เอวญฺจ อวิชฺชมานปญฺญตฺติยา อภาโว เอว สิยาฯ วุตฺตา จ อฎฺฐกถายํ (ป. ป. อฎฺฐ. ๑ มาติกาวณฺณนา) ‘‘อวิชฺชมานปญฺญตฺตี’’ติฯ อิตโร วิสยสฺส อวิชฺชมานตฺตา ตสฺส อวิชฺชมานปญฺญตฺติภาโวติ ยถาวุตฺตวิโรธาภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อวิชฺชมานาน’’นฺติอาทิมาหฯ อิทานิ สตฺตาทิวิสยสฺส เกนจิปิ ปริยาเยน อตฺถิตาย อภาวทสฺสเนน ตพฺพิสยาย ปญฺญตฺติยา อวิชฺชมานปญฺญตฺติภาวํเยว ววตฺถเปติ ‘‘อยญฺจ วาโท’’ติฯ วิชฺชมานา เอว สตฺตาทโย รูปาทิสภาวาภาววเสน ‘‘อวิชฺชมานา’’ติ วุจฺจนฺติ, น สพฺพถา อภาวโตฯ ตถา หิ ตถา ตถา ปญฺญาปิยมานภาเวน วิญฺญายนฺตีติ ยถาวุตฺตรูโป วาโท ‘‘รูปํ อตฺถีติ? เหวตฺถิ เหว นตฺถีติฯ เสวตฺถิ เสว นตฺถีติฯ น เหวํ วตฺตเพฺพฯ เสวตฺถิ เสว นตฺถีติฯ อามนฺตาฯ อตฺถโฎฺฐ นตฺถโฎฺฐ’’ติ (กถา. ๓๐๖) เอวํ ปวตฺตาย เหวตฺถิกถายฯ ตตฺถ หิ รูปาทโย ธมฺมา รูปาทิสภาเวน อตฺถิ, เวทนาทิสภาเวน นตฺถิ, ตสฺมา สพฺพเมวิทํ เอวํ อตฺถิ เอวํ นตฺถีติ เอวํลทฺธิเก สนฺธาย ‘‘รูปํ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉา สกวาทิสฺสฯ ‘‘เหวตฺถิ เหว นตฺถี’’ติ วิสฺสชฺชนํ ปรวาทิสฺสฯ อถ นํ สกวาที ยทิ รูปเมว เอวํ อตฺถิ เอวํ นตฺถีติ ลทฺธิ, เอวํ สเนฺต โส เอว อตฺถิ โส เอว นตฺถิ นามาติ ปุจฺฉโนฺต ‘‘เสวตฺถี’’ติ อาหฯ อิตโร เตเนว สภาเวน อตฺถิตํ, เตเนว นตฺถิตํ สนฺธาย ปฎิกฺขิปติฯ ทุติยํ ปุโฎฺฐ สกภาเวน อตฺถิตํ, ปรภาเวน นตฺถิตํ สนฺธาย ปฎิชานาติฯ ตโต สกวาที ‘‘อตฺถโฎฺฐ นตฺถโฎฺฐ’’ติอาทินา อตฺถิตา วา นตฺถิตา วา อญฺญมญฺญวิรุทฺธา เอกสฺมิํ ธเมฺม วินา กาลเภเทน อสมฺภวตฺตาติ กิํ เอกตฺตํ อาปชฺชตีติ ทเสฺสโนฺต ปรวาทิํ นิคฺคณฺหาตีติฯ ปฎิสิโทฺธติ จ ‘‘รูปํ ‘รูป’นฺติ เหวตฺถิ, รูปํ ‘เวทนา’ติ เหว นตฺถี’’ติอาทินา (กถา. ๓๐๖) วุตฺตาย รูปเวทนาสญฺญาสงฺขารวิญฺญาณานํ สกภาเวน อตฺถิตาย ปรภาเวน นตฺถิตาย จ ปฎิเสธเนน สตฺตาทีนมฺปิ ตถาภาโว ปฎิเสธิโต โหตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ

    Yadisattātiādinā saddassa paññattibhāve aṭṭhakathāya virodhamāha. Evaṃ paññattibhāve yadi saddassa paññattibhāvo, tassa paramatthato vijjamānattā rūpādiatthassa ca paññāpanato vijjamānapaññattibhāvo eva siyā, na avijjamānapaññattibhāvo. Na hi te sattādayo paññattīti. Evañca avijjamānapaññattiyā abhāvo eva siyā. Vuttā ca aṭṭhakathāyaṃ (pa. pa. aṭṭha. 1 mātikāvaṇṇanā) ‘‘avijjamānapaññattī’’ti. Itaro visayassa avijjamānattā tassa avijjamānapaññattibhāvoti yathāvuttavirodhābhāvaṃ dassento ‘‘avijjamānāna’’ntiādimāha. Idāni sattādivisayassa kenacipi pariyāyena atthitāya abhāvadassanena tabbisayāya paññattiyā avijjamānapaññattibhāvaṃyeva vavatthapeti ‘‘ayañca vādo’’ti. Vijjamānā eva sattādayo rūpādisabhāvābhāvavasena ‘‘avijjamānā’’ti vuccanti, na sabbathā abhāvato. Tathā hi tathā tathā paññāpiyamānabhāvena viññāyantīti yathāvuttarūpo vādo ‘‘rūpaṃ atthīti? Hevatthi heva natthīti. Sevatthi seva natthīti. Na hevaṃ vattabbe. Sevatthi seva natthīti. Āmantā. Atthaṭṭho natthaṭṭho’’ti (kathā. 306) evaṃ pavattāya hevatthikathāya. Tattha hi rūpādayo dhammā rūpādisabhāvena atthi, vedanādisabhāvena natthi, tasmā sabbamevidaṃ evaṃ atthi evaṃ natthīti evaṃladdhike sandhāya ‘‘rūpaṃ atthī’’ti pucchā sakavādissa. ‘‘Hevatthi heva natthī’’ti vissajjanaṃ paravādissa. Atha naṃ sakavādī yadi rūpameva evaṃ atthi evaṃ natthīti laddhi, evaṃ sante so eva atthi so eva natthi nāmāti pucchanto ‘‘sevatthī’’ti āha. Itaro teneva sabhāvena atthitaṃ, teneva natthitaṃ sandhāya paṭikkhipati. Dutiyaṃ puṭṭho sakabhāvena atthitaṃ, parabhāvena natthitaṃ sandhāya paṭijānāti. Tato sakavādī ‘‘atthaṭṭho natthaṭṭho’’tiādinā atthitā vā natthitā vā aññamaññaviruddhā ekasmiṃ dhamme vinā kālabhedena asambhavattāti kiṃ ekattaṃ āpajjatīti dassento paravādiṃ niggaṇhātīti. Paṭisiddhoti ca ‘‘rūpaṃ ‘rūpa’nti hevatthi, rūpaṃ ‘vedanā’ti heva natthī’’tiādinā (kathā. 306) vuttāya rūpavedanāsaññāsaṅkhāraviññāṇānaṃ sakabhāvena atthitāya parabhāvena natthitāya ca paṭisedhanena sattādīnampi tathābhāvo paṭisedhito hotīti katvā vuttaṃ.

    รูปาทโย น โหนฺตีติ รูปาทิสภาวา น โหนฺติฯ ตถา ตถาติ สมูหสนฺตานาทิวเสนฯ วิจิตฺตสญฺญา ปริกปฺปวเสน อุปฺปชฺชติฯ ยทิ สตฺตรถาทิสญฺญาวลมฺพิโต วจนโตฺถ วิชฺชมาโน น โหติ, นนุ สตฺตรถาทิอภิลาปา อนริยโวหารา ชายนฺตีติ อาห ‘‘น จ เต อภิลาปา’’ติอาทิฯ อตฺตโน วเสน กิญฺจิ อโหนฺตํ ปญฺญาปกสฺส วจนเสฺสว วเสน ปญฺญาปิตพฺพตฺตา ปญฺญตฺติโวหารํ ลภติฯ อิมินาว อธิปฺปาเยนาติอาทิ ‘‘สยํ อวิชฺชมาโน’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ สนฺธายาหฯ นฺติ สตฺตาทิคฺคหณํฯ ‘‘พฺรหฺมวิหารจตุกฺกํ สตฺตปญฺญตฺติํ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา นวตฺตพฺพารมฺมณํ นาม โหตี’’ติอาทินา อฎฺฐกถายํ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๑๔๒๑) ตตฺถ ตตฺถ น วตฺตพฺพนฺติ วุตฺตํฯ ยทิ ปริตฺตาทิภาเวน น วตฺตพฺพํ, กถํ อวิชฺชมานสฺส สตฺตาทิกสฺส ปจฺจยภาโวติ อาห ‘‘ขนฺธสมูหสนฺตาน’’นฺติอาทิฯ นฺติ ขนฺธสมูหสนฺตานํฯ ตทุปาทานภูตนฺติ ปุคฺคโลติ คหณปญฺญตฺตีนํ การณภูตํฯ ยทิ ปุคฺคลสญฺญาย เสวมานสฺส กุสลาทิอุปฺปตฺติ โหติ, กถํ ปุคฺคลทสฺสนํ มิจฺฉาทสฺสนนฺติ ปฎิสิทฺธนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิฯ ปถวีธาตุ อุปลพฺภตีติ ปุคฺคลาภาเว วิปกฺขวเสน นิทสฺสนมาหฯ อิทเญฺหตฺถ อนุมานํฯ น รูปาทโย วิเวเจตฺวา ปุคฺคโล อุปลพฺภติ เตสํ อคฺคหเณ ตถารูปาย พุทฺธิยา อภาวโต เสวนาทโย วิยาติฯ ปุคฺคโล อุปลพฺภติ สจฺฉิกฎฺฐปรมเตฺถน โย ฉวิญฺญาณวิเญฺญโยฺยติ สํสรติ มุจฺจติ จาติ เอวํ ทิฎฺฐิยา ปริกปฺปิตปุคฺคโลว ปฎิเสธิโต, น โวหารปุคฺคโลติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปฎิเส…เป.… ทิฎฺฐี’’ติ อาหฯ

    Rūpādayona hontīti rūpādisabhāvā na honti. Tathā tathāti samūhasantānādivasena. Vicittasaññā parikappavasena uppajjati. Yadi sattarathādisaññāvalambito vacanattho vijjamāno na hoti, nanu sattarathādiabhilāpā anariyavohārā jāyantīti āha ‘‘na ca te abhilāpā’’tiādi. Attano vasena kiñci ahontaṃ paññāpakassa vacanasseva vasena paññāpitabbattā paññattivohāraṃ labhati. Imināva adhippāyenātiādi ‘‘sayaṃ avijjamāno’’tiādinā vuttamevatthaṃ sandhāyāha. Tanti sattādiggahaṇaṃ. ‘‘Brahmavihāracatukkaṃ sattapaññattiṃ ārabbha pavattattā navattabbārammaṇaṃ nāma hotī’’tiādinā aṭṭhakathāyaṃ (dha. sa. aṭṭha. 1421) tattha tattha na vattabbanti vuttaṃ. Yadi parittādibhāvena na vattabbaṃ, kathaṃ avijjamānassa sattādikassa paccayabhāvoti āha ‘‘khandhasamūhasantāna’’ntiādi. Tanti khandhasamūhasantānaṃ. Tadupādānabhūtanti puggaloti gahaṇapaññattīnaṃ kāraṇabhūtaṃ. Yadi puggalasaññāya sevamānassa kusalādiuppatti hoti, kathaṃ puggaladassanaṃ micchādassananti paṭisiddhanti āha ‘‘yasmā panā’’tiādi. Pathavīdhātu upalabbhatīti puggalābhāve vipakkhavasena nidassanamāha. Idañhettha anumānaṃ. Na rūpādayo vivecetvā puggalo upalabbhati tesaṃ aggahaṇe tathārūpāya buddhiyā abhāvato sevanādayo viyāti. Puggalo upalabbhati sacchikaṭṭhaparamatthena yo chaviññāṇaviññeyyoti saṃsarati muccati cāti evaṃ diṭṭhiyā parikappitapuggalova paṭisedhito, na vohārapuggaloti dassento ‘‘paṭise…pe… diṭṭhī’’ti āha.

    คาถาย ปญฺจสุ ขเนฺธสุ รูปํ เวทนา สญฺญา เจตนา วิญฺญาณนฺติ เอเตสุ กํ นาม ธมฺมํ สโตฺตติ ชานาสิ นุ, เอเตสุ เอกมฺปิ สโตฺตติ คณฺหิตุํ นารหตีติ ทเสฺสติฯ อถ เอเตหิ อโญฺญ เอโก สโตฺต อตฺถีติ ปเจฺจสิฯ เอวมฺปิ มาร ทิฎฺฐิคตํ นุ เตฯ นุ-สโทฺท ทิฎฺฐิคตเมเวติ อวธารณโตฺถฯ กสฺมา? ยสฺมา สุทฺธสงฺขารปุโญฺชยํฯ ตเมวตฺถํ วิวรติ ‘‘นยิธ สตฺตูปลพฺภตี’’ติฯ ยสฺมา ปจฺจกฺขโต วา อนุมานโต วา อนุปลทฺธิโต นตฺถิ เอตฺถ โกจิ สโตฺต นามาติ อธิปฺปาโยฯ ยทิ สโตฺต นตฺถิ, กถํ สโตฺต สํสารมาปาทีติอาทิ นียตีติฯ กิเมตฺถ เนตพฺพํ, สโตฺตติ โวหารสโตฺต อธิเปฺปโต, ยสฺมา สตฺต-สโทฺท โวหาเร ปวตฺตตีติฯ ทุติยคาถาย สมฺพนฺธํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สโตฺต ปนา’’ติอาทิมาหฯ องฺคสมฺภาราติ องฺคสมฺภารโต อกฺขจกฺกอีสาทิองฺคสมฺภารมุปาทายาติ อโตฺถฯ สโตฺตติ โวหาโรฯ

    Gāthāya pañcasu khandhesu rūpaṃ vedanā saññā cetanā viññāṇanti etesu kaṃ nāma dhammaṃ sattoti jānāsi nu, etesu ekampi sattoti gaṇhituṃ nārahatīti dasseti. Atha etehi añño eko satto atthīti paccesi. Evampi māra diṭṭhigataṃ nu te. Nu-saddo diṭṭhigatameveti avadhāraṇattho. Kasmā? Yasmā suddhasaṅkhārapuñjoyaṃ. Tamevatthaṃ vivarati ‘‘nayidha sattūpalabbhatī’’ti. Yasmā paccakkhato vā anumānato vā anupaladdhito natthi ettha koci satto nāmāti adhippāyo. Yadi satto natthi, kathaṃ satto saṃsāramāpādītiādi nīyatīti. Kimettha netabbaṃ, sattoti vohārasatto adhippeto, yasmā satta-saddo vohāre pavattatīti. Dutiyagāthāya sambandhaṃ dassento ‘‘satto panā’’tiādimāha. Aṅgasambhārāti aṅgasambhārato akkhacakkaīsādiaṅgasambhāramupādāyāti attho. Sattoti vohāro.

    อวิชฺชมานสฺสาติ อจฺจนฺตํ อวิชฺชมานสฺส สสวิสาณาทิกสฺสฯ ยทิ อจฺจนฺตํ อวิชฺชมานํ, กถํ ตํ คยฺหตีติ อาห ‘‘ปริกปฺปิต’’นฺติฯ โลกสญฺญาตํ ฆฎาทิฯ เอตฺถ ปน ยถา อตฺตานํ อารพฺภ อุปฺปชฺชมานกธมฺมานํ ตํสนฺตติปติตานญฺจ กิเลสุปตาปาภาเวน อสฺสตฺถภาวปจฺจยตาย อุปฺปาทาทิรหิตมฺปิ นิพฺพานํ ‘‘อสฺสาสนกรส’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ อตฺตานํ อารพฺภ ปวตฺตนกธมฺมวเสน อุปฺปาทาทิรหิตาปิ ปญฺญตฺติ ปวตฺตาติ วุตฺตาฯ เหตุอโตฺถ วา อโนฺตนีโตติ ปวตฺติตา โวหาริตาติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ตถา นามปญฺญตฺติ ปญฺญเปตพฺพมตฺถํ คหิตาเยว ปญฺญาเปติ, วิญฺญตฺติ วิย อธิปฺปายํ วิญฺญาเปตีติ สา คเหตพฺพาภาวโต วุจฺจมานตฺถทฺวาเรน วุจฺจมานาติ วุตฺตาฯ ปญฺญาปิตพฺพปญฺญตฺติยา ปน วุจฺจมานภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ ตถา ปการโต ญาปนภาเวน ญาเปตพฺพญาปนนฺติ กตฺวา คเหตพฺพตฺตาเยว จ ตสฺสา อนิทฺธาริตสภาวตา ปฎิกฺขิตฺตา ทฎฺฐพฺพาฯ น หิ สภาวธมฺมานํ กกฺขฬผุสนาทิ สรูปโต สเทฺทน วจนียภาวํ ภชติ, อปิจ โข เนสํ กาลเทสาทิเภทภินฺนานํ วินิวตฺตอญฺญชาติยโก สชาติยสาธารโณ ปุพฺพสเงฺกตานุรูปํ อชฺฌาโรปสิโทฺธ สามญฺญากาโร วจนีโยฯ ตตฺถาปิ น วินา เกนจิ ปวตฺตินิมิเตฺตน สโทฺท ปวตฺตตีติ ตสฺส ปวตฺตินิมิตฺตภูโต โลกสเงฺกตสิโทฺธ ตํตํวจนตฺถนิยโต สามญฺญาการวิเสโส นาม ปญฺญตฺตีติ ปุพฺพาจริยาฯ โส หิ ตสฺมิํ ตสฺมิํ อเตฺถ สทฺทํ นาเมติ, ตสฺส ตสฺส วา อตฺถสฺส นามสญฺญํ กโรตีติ นามํ, ปกาเรหิ ญาปนโต ปญฺญตฺติ จาติฯ

    Avijjamānassāti accantaṃ avijjamānassa sasavisāṇādikassa. Yadi accantaṃ avijjamānaṃ, kathaṃ taṃ gayhatīti āha ‘‘parikappita’’nti. Lokasaññātaṃ ghaṭādi. Ettha pana yathā attānaṃ ārabbha uppajjamānakadhammānaṃ taṃsantatipatitānañca kilesupatāpābhāvena assatthabhāvapaccayatāya uppādādirahitampi nibbānaṃ ‘‘assāsanakarasa’’nti vuccati, evaṃ attānaṃ ārabbha pavattanakadhammavasena uppādādirahitāpi paññatti pavattāti vuttā. Hetuattho vā antonītoti pavattitā vohāritāti attho daṭṭhabbo. Tathā nāmapaññatti paññapetabbamatthaṃ gahitāyeva paññāpeti, viññatti viya adhippāyaṃ viññāpetīti sā gahetabbābhāvato vuccamānatthadvārena vuccamānāti vuttā. Paññāpitabbapaññattiyā pana vuccamānabhāve vattabbameva natthi. Tathā pakārato ñāpanabhāvena ñāpetabbañāpananti katvā gahetabbattāyeva ca tassā aniddhāritasabhāvatā paṭikkhittā daṭṭhabbā. Na hi sabhāvadhammānaṃ kakkhaḷaphusanādi sarūpato saddena vacanīyabhāvaṃ bhajati, apica kho nesaṃ kāladesādibhedabhinnānaṃ vinivattaaññajātiyako sajātiyasādhāraṇo pubbasaṅketānurūpaṃ ajjhāropasiddho sāmaññākāro vacanīyo. Tatthāpi na vinā kenaci pavattinimittena saddo pavattatīti tassa pavattinimittabhūto lokasaṅketasiddho taṃtaṃvacanatthaniyato sāmaññākāraviseso nāma paññattīti pubbācariyā. So hi tasmiṃ tasmiṃ atthe saddaṃ nāmeti, tassa tassa vā atthassa nāmasaññaṃ karotīti nāmaṃ, pakārehi ñāpanato paññatti cāti.

    กสฺส ปน โส อาการวิเสโสติ? ปญฺญาเปตพฺพตฺถสฺสาติ เวทิตพฺพํฯ อเนกาการา หิ อตฺถาติฯ เอวญฺจ กตฺวา ตสฺสา ปญฺญตฺติยา คเหตพฺพตาวจนญฺจ สมตฺถิตํ ภวติ, อวสฺสญฺจ เอตเมวํ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพํฯ อญฺญถา วจนวจนียเภทานํ สงฺกโร สิยา, สโพฺพปิ อโตฺถ สพฺพสฺส สทฺทสฺส วจนีโย, สโพฺพ จ สโทฺท สพฺพสฺส อตฺถสฺส วาจโกติ น เจตฺถ สเงฺกตคฺคหเณเนว เตสํ ปวตฺตาติ สกฺกา วตฺตุํ ววตฺถิเตสุ เอว เตสุ สเงฺกตคฺคหณสฺส ปวตฺติโตฯ

    Kassa pana so ākāravisesoti? Paññāpetabbatthassāti veditabbaṃ. Anekākārā hi atthāti. Evañca katvā tassā paññattiyā gahetabbatāvacanañca samatthitaṃ bhavati, avassañca etamevaṃ sampaṭicchitabbaṃ. Aññathā vacanavacanīyabhedānaṃ saṅkaro siyā, sabbopi attho sabbassa saddassa vacanīyo, sabbo ca saddo sabbassa atthassa vācakoti na cettha saṅketaggahaṇeneva tesaṃ pavattāti sakkā vattuṃ vavatthitesu eva tesu saṅketaggahaṇassa pavattito.

    อปเร ปน ‘‘ยถา ธูมโต อคฺคิอนุมาเน น เกวเลน ธูเมเนว อคฺคิ วิญฺญายติ, ธูมสฺส ปน อคฺคินา อวินาภาวสงฺขาโต สมฺพโนฺธ วิญฺญายมาโน ธูเมน อคฺคิ วิญฺญายติ, เอวํ สเทฺทน อตฺถวิชานเน น เกวเลน สเทฺทน ตทโตฺถ วิญฺญายติฯ ตํตํสทฺทสฺส ปน เตน เตน อเตฺถน อวินาภาวสงฺขาโต สมฺพโนฺธ วิญฺญายมาโน เตน เตน สเทฺทน อตฺถํ ญาเปตีติ เวทิตพฺพํฯ อญฺญถา อคฺคหิตสมฺพเนฺธนปิ สทฺทสวนมเตฺตน ตทโตฺถ วิญฺญาเยยฺยาติฯ โย ยเมตฺถ ยถาวุตฺตรูโป สมฺพโนฺธ, โส ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส สญฺญาปนภาเวน นามนฺติ ปรมตฺถโต อภาวา โลกสเงฺกตวเสน โลกสเงฺกโตติ วา สิโทฺธ ญาโตติ โลกสเงฺกตสิโทฺธติ, สเทฺทน ปกาสิยมานานํ อตฺถปฺปการานํ อธิคมเหตุตาย ปการโต ญาปนโต ปญฺญตฺตีติ จ วุโตฺต’’ติ วณฺณยนฺติฯ

    Apare pana ‘‘yathā dhūmato aggianumāne na kevalena dhūmeneva aggi viññāyati, dhūmassa pana agginā avinābhāvasaṅkhāto sambandho viññāyamāno dhūmena aggi viññāyati, evaṃ saddena atthavijānane na kevalena saddena tadattho viññāyati. Taṃtaṃsaddassa pana tena tena atthena avinābhāvasaṅkhāto sambandho viññāyamāno tena tena saddena atthaṃ ñāpetīti veditabbaṃ. Aññathā aggahitasambandhenapi saddasavanamattena tadattho viññāyeyyāti. Yo yamettha yathāvuttarūpo sambandho, so tassa tassa atthassa saññāpanabhāvena nāmanti paramatthato abhāvā lokasaṅketavasena lokasaṅketoti vā siddho ñātoti lokasaṅketasiddhoti, saddena pakāsiyamānānaṃ atthappakārānaṃ adhigamahetutāya pakārato ñāpanato paññattīti ca vutto’’ti vaṇṇayanti.

    สงฺขตาสงฺขตวินิมุตฺตสฺสปิ เญยฺยวิเสสสฺส อภาเว ฆฎาทิสทฺทาภิเธยฺยา วิย ปถวีผสฺสาทิสทฺทวจนีโยปิ น ลพฺภติเยวาติ สพฺพโวหารโลโป สิยาฯ ยสฺมา จ รูปารูปธมฺมา ปพนฺธสงฺขาตตํตํวิเสสาการวเสเนว ปวตฺตนฺติ, น เกวลา, ตสฺมา เตสํ เต สณฺฐานสมูหอวตฺถาวิเสสาการา ยทิปิ ปรมตฺถโต กิญฺจิ น โหนฺติ, ปรมตฺถโต ปน วิชฺชมานานํ รูปาทีนํ อุปาทานานํ วเสน วิชฺชมานภาวํ ลภิตฺวา ตํตํคหณานุรูปํ ตํตํอภิลาปาธิกรณํ ภวติฯ อุปาทายปญฺญตฺติ หิ อุปาทานโต ยถา อญฺญา อนญฺญาติ จ น วตฺตพฺพา, เอวํ สพฺพถา อตฺถิ นตฺถีติ จ น วตฺตพฺพาฯ ตโยปิ หิ เอเต สนฺตาเยวาติ เอวํ ตาว มาติกาวณฺณนาย น โกจิ วิโรโธฯ สงฺขายติ สํกถียตีติ สงฺขาติ อยมโตฺถ กเถตพฺพภาเวน วจนเตฺถเยว นิรุโฬฺห, น วจนสฺมินฺติ วจนปกฺขสฺส อุชุกตา สมฺภวติฯ วจนปโกฺขเยว ปาฬิอนุคโต, น ปรมฺปราคโต ยถาวุโตฺต อโตฺถติ กุโต ปเนตํ ลพฺภาฯ น หิ อนีโต อโตฺถ ปาฬิอนนุคโต, นาปิ สพฺพา ปาฬินีตตฺถา เอวาติ ยถาวุตฺตา ทุวิธา ปญฺญตฺติโย อฎฺฐกถายํ ฉหิ ปญฺญตฺตีหิ ยถาสมฺภวํ วุตฺตาเยวาติ สิทฺธเมตํ อตฺถีติ น วตฺตพฺพาติฯ

    Saṅkhatāsaṅkhatavinimuttassapi ñeyyavisesassa abhāve ghaṭādisaddābhidheyyā viya pathavīphassādisaddavacanīyopi na labbhatiyevāti sabbavohāralopo siyā. Yasmā ca rūpārūpadhammā pabandhasaṅkhātataṃtaṃvisesākāravaseneva pavattanti, na kevalā, tasmā tesaṃ te saṇṭhānasamūhaavatthāvisesākārā yadipi paramatthato kiñci na honti, paramatthato pana vijjamānānaṃ rūpādīnaṃ upādānānaṃ vasena vijjamānabhāvaṃ labhitvā taṃtaṃgahaṇānurūpaṃ taṃtaṃabhilāpādhikaraṇaṃ bhavati. Upādāyapaññatti hi upādānato yathā aññā anaññāti ca na vattabbā, evaṃ sabbathā atthi natthīti ca na vattabbā. Tayopi hi ete santāyevāti evaṃ tāva mātikāvaṇṇanāya na koci virodho. Saṅkhāyati saṃkathīyatīti saṅkhāti ayamattho kathetabbabhāvena vacanattheyeva niruḷho, na vacanasminti vacanapakkhassa ujukatā sambhavati. Vacanapakkhoyeva pāḷianugato, na paramparāgato yathāvutto atthoti kuto panetaṃ labbhā. Na hi anīto attho pāḷiananugato, nāpi sabbā pāḷinītatthā evāti yathāvuttā duvidhā paññattiyo aṭṭhakathāyaṃ chahi paññattīhi yathāsambhavaṃ vuttāyevāti siddhametaṃ atthīti na vattabbāti.

    ยทิ ปรมตฺถโต อตฺถิตาปฎิเสโธ, อิฎฺฐเมตํฯ อถ โวหารโต, สตฺตรถฆฎาทีหิ สตฺตรถาทิวจนปฺปโยโคเยว น สมฺภเวยฺยาติฯ น หิ วจนียรหิโต วจนปฺปโยโค อตฺถีติฯ ปรมตฺถธมฺมานํ อสภาวธมฺมภูตาย ปญฺญตฺติยา วิภาคทสฺสนตฺถา อธิวจนาทิทุกตฺตยเทสนาติ น ปรมตฺถธมฺมานํ รูปาทีนํ ปญฺญตฺติภาวาปตฺตีติฯ น จ ปญฺญตฺติปถปญฺญตฺติธมฺมนิเทฺทสานํ อวิเสสวจนํ ยุตฺตํ, สทฺทเสฺสว ปน ปญฺญตฺติภาเว สิยา กาจิ เตสํ วิเสสมตฺตาฯ ปญฺญาปิตพฺพสฺส อปรมตฺถสภาวเสฺสว ปญฺญตฺติภาโว อธิเปฺปโตติ น สโพฺพ ปญฺญตฺติปโถ ปญฺญตฺติสเทฺทน วุโตฺต, ปญฺญตฺติ จ ปญฺญาเปตพฺพภาเวน วุตฺตาติ ปญฺญตฺติปถปทํ วตฺตพฺพเมวฯ เอวเญฺจตํ อิจฺฉิตพฺพํฯ อิตรถา สทฺทสฺส จ ปญฺญาปิตพฺพตาย ปญฺญตฺติปถภาโวติ ปญฺญตฺติปทํ น วตฺตพฺพํ สิยาติ จ สกฺกา วตฺตุํ, นิเกฺขปกเณฺฑ วิภตฺตาเยว ปญฺญตฺติ ‘‘ปุริโส มาคณฺฑิโย’’ติ เอตฺถาปิ ทสฺสิตาติ น น สกฺกา วตฺตุํฯ ตถาปิ หิ ยถาวุตฺตอุปาทายปญฺญตฺตินามปญฺญตฺตีนํ สภาวสมฺภวโตติ สงฺขาทิสทฺทานํ สมานตฺถตาปิ เตสํ มติมตฺตเมว, วิญฺญตฺติ วิย อธิปฺปายํ วิญฺญาเปนฺตา สยํ ญาตาเยว นามปญฺญตฺติ ปญฺญาเปตพฺพมตฺถํ ปญฺญาเปติ คหิตสรูปตาย ปทีโป วิย รูปคตวิธํสเนติ น ปญฺญตฺติอนฺตรปริกปฺปเนน ปโยชนํ อตฺถิ ปญฺญาเปตพฺพตฺถปญฺญาปเน, นามปญฺญตฺติปญฺญาปเน ปน อุปาทานเภทภินฺนา อุปาทายปญฺญตฺติ วิย ตํตํวจนวจนตฺถเภทภินฺนา นามปญฺญตฺตีติ อญฺญา ปญฺญตฺติ อิจฺฉิตา เอวฯ น จ อนวตฺถานโทโส ตํตํวจนสฺส ตทตฺถวิภาวเน สหการีการณภาเวน ปฎินิยตสรูปตฺตาฯ เอเตน สเงฺกตคฺคหณาภาโวปิ ปฎิสิโทฺธ ทฎฺฐโพฺพ, ตถา นามปญฺญตฺติยา ปโยชนาภาโวฯ ทสฺสิตปฺปโยชนา หิ สา ปุเพฺพติฯ

    Yadi paramatthato atthitāpaṭisedho, iṭṭhametaṃ. Atha vohārato, sattarathaghaṭādīhi sattarathādivacanappayogoyeva na sambhaveyyāti. Na hi vacanīyarahito vacanappayogo atthīti. Paramatthadhammānaṃ asabhāvadhammabhūtāya paññattiyā vibhāgadassanatthā adhivacanādidukattayadesanāti na paramatthadhammānaṃ rūpādīnaṃ paññattibhāvāpattīti. Na ca paññattipathapaññattidhammaniddesānaṃ avisesavacanaṃ yuttaṃ, saddasseva pana paññattibhāve siyā kāci tesaṃ visesamattā. Paññāpitabbassa aparamatthasabhāvasseva paññattibhāvo adhippetoti na sabbo paññattipatho paññattisaddena vutto, paññatti ca paññāpetabbabhāvena vuttāti paññattipathapadaṃ vattabbameva. Evañcetaṃ icchitabbaṃ. Itarathā saddassa ca paññāpitabbatāya paññattipathabhāvoti paññattipadaṃ na vattabbaṃ siyāti ca sakkā vattuṃ, nikkhepakaṇḍe vibhattāyeva paññatti ‘‘puriso māgaṇḍiyo’’ti etthāpi dassitāti na na sakkā vattuṃ. Tathāpi hi yathāvuttaupādāyapaññattināmapaññattīnaṃ sabhāvasambhavatoti saṅkhādisaddānaṃ samānatthatāpi tesaṃ matimattameva, viññatti viya adhippāyaṃ viññāpentā sayaṃ ñātāyeva nāmapaññatti paññāpetabbamatthaṃ paññāpeti gahitasarūpatāya padīpo viya rūpagatavidhaṃsaneti na paññattiantaraparikappanena payojanaṃ atthi paññāpetabbatthapaññāpane, nāmapaññattipaññāpane pana upādānabhedabhinnā upādāyapaññatti viya taṃtaṃvacanavacanatthabhedabhinnā nāmapaññattīti aññā paññatti icchitā eva. Na ca anavatthānadoso taṃtaṃvacanassa tadatthavibhāvane sahakārīkāraṇabhāvena paṭiniyatasarūpattā. Etena saṅketaggahaṇābhāvopi paṭisiddho daṭṭhabbo, tathā nāmapaññattiyā payojanābhāvo. Dassitappayojanā hi sā pubbeti.

    ‘‘โวหาโร โลกิยโสเต ปฎิหญฺญตี’’ติอาทีสุ โสตพฺพสฺส สทฺทสฺส วเสน ตพฺพิสยภูตา โวหาราทโย ปฎิหนนโสตพฺพตาปริยาเยน วุตฺตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ สโทฺทเยว วา ตตฺถ โวหาราทิสหจาริตาย ตถา วุโตฺตฯ น หิ สกฺกา สพฺพตฺถ เอกรสา เทสนา ปวตฺตีติ วตฺตุํฯ ตถา หิ กตฺถจิ สุขา ทุกฺขา, สุขาปิ เวทนา ทุกฺขาติ วุจฺจนฺติ, ทุกฺขา สุขา, ทุกฺขาปิ สุขาติ, เอวํ ยถาวุตฺตา ทุวิธาปิ ปญฺญตฺติ อธิวจนาทิปาฐสฺส อตฺถภาเวน อฎฺฐกถายํ วุตฺตาเยวาติฯ อยํ สงฺขตาสงฺขตวินิมุตฺตํ เญยฺยวิเสสํ อิจฺฉนฺตานํ วเสน วินิจฺฉโยฯ

    ‘‘Vohāro lokiyasote paṭihaññatī’’tiādīsu sotabbassa saddassa vasena tabbisayabhūtā vohārādayo paṭihananasotabbatāpariyāyena vuttāti daṭṭhabbā. Saddoyeva vā tattha vohārādisahacāritāya tathā vutto. Na hi sakkā sabbattha ekarasā desanā pavattīti vattuṃ. Tathā hi katthaci sukhā dukkhā, sukhāpi vedanā dukkhāti vuccanti, dukkhā sukhā, dukkhāpi sukhāti, evaṃ yathāvuttā duvidhāpi paññatti adhivacanādipāṭhassa atthabhāvena aṭṭhakathāyaṃ vuttāyevāti. Ayaṃ saṅkhatāsaṅkhatavinimuttaṃ ñeyyavisesaṃ icchantānaṃ vasena vinicchayo.

    ๑๓๑๖. สติปิ ปเรสํ สามญฺญาทินามการกานํ นามกรณภาเว ปรานเปกฺขตาย ตโต อติวิย ยุโตฺต อิธ นามกรณสภาโว อุกฺกํสปริเจฺฉเทน นามกรณโตฺถติ อธิเปฺปโตติ ทเสฺสตุํ ‘‘อญฺญํ อนเปกฺขิตฺวา’’ติอาทิมาหฯ นามกรณสภาวตา น โหติ อสภาวิกตาย กทาจิเทว ปวตฺติโต จาติ อธิปฺปาโยฯ สภาวสิทฺธตฺตาติ เวทนาทีนํ เวทนาทินามกรณธมฺมตํ อาหฯ ยทิ เวทนาทีนํ เกนจิ อกตํ สกนามํ อาทายเยว ปวตฺตนโต โอปปาติกนามานํ นามกรณเฎฺฐน นามภาโว, เอวํ สติ ปถวีอาทีนมฺปิ นามภาโว อาปชฺชติ, อญฺญถา ปถวีอาทินิทสฺสนเมว น สิยาติ อนุโยคํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘ปถวีอาทินิทสฺสเนนา’’ติอาทิฯ เอกเทสสามเญฺญน หิ ยถาธิเปฺปเตน อุปมา โหติ, น สพฺพสามเญฺญนาติฯ เอวมฺปิ ยทิ สภาวสิทฺธนามตฺตา เวทนาทโย นามํ, ปถวีอาทีนมฺปิ อนิวตฺตนีโย นามภาโวติ อาห ‘‘นิรุฬฺหตฺตา’’ติอาทิฯ เตน ยํนิมิตฺตํ เวทนาทีสุ นามสทฺทปฺปวตฺติ, สติปิ ตทเญฺญสํ ตํนิมิตฺตโยเค โค-สโทฺท วิย กุกฺกุฎาทิสตฺตปิเณฺฑ นิรุฬฺหโต เวทนาทีสุ นาม-สโทฺท ปวโตฺตติ ทเสฺสติฯ ตถา หิ อเนเกสุ สุตฺตปเทเสสุ เตสํเยว นามโวหาโร ทิสฺสติฯ นามตานาปตฺติ วุตฺตา เกสกุมฺภาทินามนฺตราปชฺชนโตฯ เอตเมวตฺถํ นิทสฺสนภาเวน ‘‘น หี’’ติอาทินา วิวรติฯ ยทิปิ สมูหาทิฆนวินิโพฺภคาภาวโต เวทนาทิอรูปธเมฺมสุปิ ปิณฺฑากาเรน คหณํ ปวตฺตติ, ตํ ปน เยภุเยฺยน อตฺถาติปริกปฺปมุเขน เอกธมฺมวเสเนว, น สมูหวเสนาติ วุตฺตํ ‘‘อเญฺญน…เป.… นตฺถี’’ติฯ

    1316. Satipi paresaṃ sāmaññādināmakārakānaṃ nāmakaraṇabhāve parānapekkhatāya tato ativiya yutto idha nāmakaraṇasabhāvo ukkaṃsaparicchedena nāmakaraṇatthoti adhippetoti dassetuṃ ‘‘aññaṃ anapekkhitvā’’tiādimāha. Nāmakaraṇasabhāvatā na hoti asabhāvikatāya kadācideva pavattito cāti adhippāyo. Sabhāvasiddhattāti vedanādīnaṃ vedanādināmakaraṇadhammataṃ āha. Yadi vedanādīnaṃ kenaci akataṃ sakanāmaṃ ādāyayeva pavattanato opapātikanāmānaṃ nāmakaraṇaṭṭhena nāmabhāvo, evaṃ sati pathavīādīnampi nāmabhāvo āpajjati, aññathā pathavīādinidassanameva na siyāti anuyogaṃ manasi katvā āha ‘‘pathavīādinidassanenā’’tiādi. Ekadesasāmaññena hi yathādhippetena upamā hoti, na sabbasāmaññenāti. Evampi yadi sabhāvasiddhanāmattā vedanādayo nāmaṃ, pathavīādīnampi anivattanīyo nāmabhāvoti āha ‘‘niruḷhattā’’tiādi. Tena yaṃnimittaṃ vedanādīsu nāmasaddappavatti, satipi tadaññesaṃ taṃnimittayoge go-saddo viya kukkuṭādisattapiṇḍe niruḷhato vedanādīsu nāma-saddo pavattoti dasseti. Tathā hi anekesu suttapadesesu tesaṃyeva nāmavohāro dissati. Nāmatānāpatti vuttā kesakumbhādināmantarāpajjanato. Etamevatthaṃ nidassanabhāvena ‘‘na hī’’tiādinā vivarati. Yadipi samūhādighanavinibbhogābhāvato vedanādiarūpadhammesupi piṇḍākārena gahaṇaṃ pavattati, taṃ pana yebhuyyena atthātiparikappamukhena ekadhammavaseneva, na samūhavasenāti vuttaṃ ‘‘aññena…pe… natthī’’ti.

    ปกาสกปกาสิตพฺพภาโว วิสยิวิสยภาโว เอวฯ อธิวจนสมฺผโสฺส มโนสมฺผโสฺสฯ โส นามมนฺตเรน คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ปากโฎติ นิทสฺสนภาเวน วุโตฺตฯ ‘‘อธิวจนสมฺผโสฺส วิยา’’ติ วจเนน มโนสมฺผสฺสตปฺปการานเมว นามภาโว สิยา, น ปฎิฆสมฺผสฺสตปฺปการานนฺติ อาสงฺกาย นิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปฎิฆสมฺผโสฺสปี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปญฺจวิญฺญาณสหคโต ผโสฺส ปฎิฆสมฺผโสฺสฯ ปิ-สโทฺท สมฺภาวเนฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – วิสยีวิสยสงฺฆฎฺฎนสมุปฺปตฺติยา อญฺญผสฺสโต โอฬาริโกปิ ปฎิฆสมฺผโสฺส น รูปธมฺมา วิย วิภูตากาโร, ตโต นามายตฺตคหณิยภาโว นามเสฺสวาติฯ อรูปตาย วาติอาทินา สามญฺญโต วิเสสโต จ ปฎิฆสมฺผสฺสสฺส อุปจารวเสน นามภาวมาหฯ ปจฺฉิมปุริมานนฺติ ‘‘นามญฺจ รูปญฺจา’’ติ อิมํ อนุปุพฺพิํ สนฺธาย วุตฺตํฯ สติปิ รูปสฺสาติอาทินา นามโวหารเหตุํ อนญฺญสาธารณํ นิพฺพานสฺส อธิปติปจฺจยภาวํ เอว วิภาเวติ, ยโต อริยานํ อญฺญวิสยวินิสฺสฎํ นินฺนโปณปพฺภารภาเวน อสงฺขตธาตุยํ เอว จิตฺตํ ปวตฺตตีติฯ

    Pakāsakapakāsitabbabhāvo visayivisayabhāvo eva. Adhivacanasamphasso manosamphasso. So nāmamantarena gahetuṃ asakkuṇeyyatāya pākaṭoti nidassanabhāvena vutto. ‘‘Adhivacanasamphasso viyā’’ti vacanena manosamphassatappakārānameva nāmabhāvo siyā, na paṭighasamphassatappakārānanti āsaṅkāya nivattanatthaṃ ‘‘paṭighasamphassopī’’tiādimāha. Tattha pañcaviññāṇasahagato phasso paṭighasamphasso. Pi-saddo sambhāvane. Idaṃ vuttaṃ hoti – visayīvisayasaṅghaṭṭanasamuppattiyā aññaphassato oḷārikopi paṭighasamphasso na rūpadhammā viya vibhūtākāro, tato nāmāyattagahaṇiyabhāvo nāmassevāti. Arūpatāya vātiādinā sāmaññato visesato ca paṭighasamphassassa upacāravasena nāmabhāvamāha. Pacchimapurimānanti ‘‘nāmañca rūpañcā’’ti imaṃ anupubbiṃ sandhāya vuttaṃ. Satipi rūpassātiādinā nāmavohārahetuṃ anaññasādhāraṇaṃ nibbānassa adhipatipaccayabhāvaṃ eva vibhāveti, yato ariyānaṃ aññavisayavinissaṭaṃ ninnapoṇapabbhārabhāvena asaṅkhatadhātuyaṃ eva cittaṃ pavattatīti.

    ๑๓๑๘. วฎฺฎสฺมิํ อาทีนวปฎิจฺฉาทนโต ตทสฺสาทนาภินนฺทนโต จ วฎฺฎสฺส มูลํ ปธานการณนฺติ วฎฺฎมูลํ

    1318. Vaṭṭasmiṃ ādīnavapaṭicchādanato tadassādanābhinandanato ca vaṭṭassa mūlaṃ padhānakāraṇanti vaṭṭamūlaṃ.

    ๑๓๒๐. เอเกกสฺมิํ รูปาทิเก ยถาภินิวิเฎฺฐ วตฺถุสฺมิํ อหํมานาธารนิมิตฺตตํ กุสลากุสลตพฺพิปากโลกาธารตญฺจ สมาโรเปตฺวา ปวตฺตคฺคหณวิเสโสฯ ยา กาจิ ทิฎฺฐิ นิวิสมานา ธมฺมสภาวํ อติจฺจปรามสนากาเรเนว นิวิสตีติ วุตฺตํ ‘‘ปรามสนฺตีติ อโตฺถ’’ติฯ

    1320. Ekekasmiṃ rūpādike yathābhiniviṭṭhe vatthusmiṃ ahaṃmānādhāranimittataṃ kusalākusalatabbipākalokādhāratañca samāropetvā pavattaggahaṇaviseso. Yā kāci diṭṭhi nivisamānā dhammasabhāvaṃ aticcaparāmasanākāreneva nivisatīti vuttaṃ ‘‘parāmasantīti attho’’ti.

    ๑๓๓๒. เจตนาปฺปธาโน สงฺขารกฺขโนฺธติ กตฺวา ‘‘ยาย เจตนายา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    1332. Cetanāppadhāno saṅkhārakkhandhoti katvā ‘‘yāya cetanāyā’’tiādi vuttaṃ.

    ๑๓๓๓. ทุนฺนามํ คารยฺหนามํฯ อนุปสงฺกมนฺตสฺสาติอาทินา เสวนภชนานํ วิเสสมาหฯ

    1333. Dunnāmaṃ gārayhanāmaṃ. Anupasaṅkamantassātiādinā sevanabhajanānaṃ visesamāha.

    ๑๓๓๖. อาปตฺติอาปตฺติวุฎฺฐานปริเจฺฉทชานนูปายทสฺสนํ สห วตฺถุนา สห กมฺมวาจายาทิวจนนฺติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วตฺถุวีติกฺกมโต’’ติอาทิมาหฯ ‘‘อาปตฺติกุสลตา อาปตฺติวุฎฺฐานกุสลตา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๑๑๙) หิ วุตฺตนฺติฯ การณชานเนน ผลํ สุฎฺฐุ ญาตํ โหตีติ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อาปตฺติยา วา’’ติอาทิมาหฯ

    1336. Āpattiāpattivuṭṭhānaparicchedajānanūpāyadassanaṃ saha vatthunā saha kammavācāyādivacananti imamatthaṃ dassento ‘‘vatthuvītikkamato’’tiādimāha. ‘‘Āpattikusalatā āpattivuṭṭhānakusalatā’’ti (dha. sa. dukamātikā 119) hi vuttanti. Kāraṇajānanena phalaṃ suṭṭhu ñātaṃ hotīti taṃ dassetuṃ ‘‘āpattiyā vā’’tiādimāha.

    ๑๓๔๒. ตสฺสาติ มนสิการกุสลตายฯ

    1342. Tassāti manasikārakusalatāya.

    ๑๓๔๔. อนุปฺปชฺชมานาเนว อนุปฺปชฺชนฺตาเนวฯ

    1344. Anuppajjamānāneva anuppajjantāneva.

    ๑๓๔๘. อกรเณน อนาทรวเสนาติ อธิปฺปาโยฯ

    1348. Akaraṇena anādaravasenāti adhippāyo.

    ๑๓๕๐. เผคฺคุรุกฺขสฺส สิคฺคุอาทิกสฺสฯ

    1350. Pheggurukkhassa sigguādikassa.

    ๑๓๕๒. จกฺขุนฺทฺริยาสํวรสฺสาติ จกฺขุนฺทฺริยาสํวรณสฺสฯ อสํวุตจกฺขุนฺทฺริยเสฺสว เหตูติ จกฺขุทฺวาริกสฺส อภิชฺฌาทิอนฺวาสฺสวนสฺส ตํทฺวาริกวิญฺญาณสฺส วิย จกฺขุนฺทฺริยํ ปธานการณํฯ สติ หิ อสํวุตเตฺต จกฺขุนฺทฺริยสฺส เต เต อนฺวาสฺสวนฺตีติ อสํวริยมานจกฺขุนฺทฺริยเหตุโก โส อสํวโร ตถาวุโตฺตติ อฎฺฐกถาย อธิปฺปายํ ทเสฺสติฯ อิทานิ ยถาวุเตฺต อธิปฺปาเย ฐตฺวา ‘‘ยตฺวาธิกรณนฺติ หี’’ติอาทินา ปาฬิยา โยชนํ ทเสฺสติฯ กสฺส จาติ ปการํ ปุจฺฉติ, กถํวิธสฺส กถํสณฺฐิตสฺสาติ อโตฺถฯ น หิ สรูเป วุเตฺต ปุน สรูปปุจฺฉาย ปโยชนํ อตฺถิฯ อนฺวาสฺสวนฺติ อภิชฺฌาทโยฯ ตทุปลกฺขิตนฺติ อนฺวาสฺสวูปลกฺขิตํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตนฺติ โยชนาฯ

    1352. Cakkhundriyāsaṃvarassāti cakkhundriyāsaṃvaraṇassa. Asaṃvutacakkhundriyasseva hetūti cakkhudvārikassa abhijjhādianvāssavanassa taṃdvārikaviññāṇassa viya cakkhundriyaṃ padhānakāraṇaṃ. Sati hi asaṃvutatte cakkhundriyassa te te anvāssavantīti asaṃvariyamānacakkhundriyahetuko so asaṃvaro tathāvuttoti aṭṭhakathāya adhippāyaṃ dasseti. Idāni yathāvutte adhippāye ṭhatvā ‘‘yatvādhikaraṇanti hī’’tiādinā pāḷiyā yojanaṃ dasseti. Kassa cāti pakāraṃ pucchati, kathaṃvidhassa kathaṃsaṇṭhitassāti attho. Na hi sarūpe vutte puna sarūpapucchāya payojanaṃ atthi. Anvāssavanti abhijjhādayo. Tadupalakkhitanti anvāssavūpalakkhitaṃ cakkhundriyaṃ asaṃvutanti yojanā.

    ยถาสมฺภวนฺติ ทุสฺสีลฺยาสํวโร มโนทฺวารวเสน, เสสาสํวโร ฉทฺวารวเสน โยเชตโพฺพฯ มุฎฺฐสฺสจฺจาทีนํ สติปฎิปกฺขากุสลธมฺมาทิภาวโต สิยา ปญฺจทฺวาเร อุปฺปตฺติ, น เตฺวว กายิกวาจสิกวีติกฺกมภูตสฺส ทุสฺสีลฺยสฺส ตตฺถ อุปฺปตฺติ ปญฺจทฺวาริกชวนานํ อวิญฺญตฺติชนกตฺตาติ ตเมว ยถาสมฺภวํ ‘‘น หิ ปญฺจทฺวาเร’’ติอาทินา วิวรติฯ

    Yathāsambhavanti dussīlyāsaṃvaro manodvāravasena, sesāsaṃvaro chadvāravasena yojetabbo. Muṭṭhassaccādīnaṃ satipaṭipakkhākusaladhammādibhāvato siyā pañcadvāre uppatti, na tveva kāyikavācasikavītikkamabhūtassa dussīlyassa tattha uppatti pañcadvārikajavanānaṃ aviññattijanakattāti tameva yathāsambhavaṃ ‘‘na hi pañcadvāre’’tiādinā vivarati.

    ยถา กินฺติ เยน ปกาเรน ชวเน อุปฺปชฺชมาโน อสํวโร ‘‘จกฺขุนฺทฺริเย อสํวโร’’ติ วุจฺจติ , ตํ นิทสฺสนํ กินฺติ อโตฺถฯ ตตฺถายํ ปวตฺติกฺกโม – ปญฺจทฺวาเร รูปาทิอารมฺมเณ อาปาถคเต นิยมิตาทิวเสน กุสลากุสลชวเน อุปฺปชฺชิตฺวา ภวงฺคํ โอติเณฺณ มโนทฺวาริกชวนํ ตํเยวารมฺมณํ กตฺวา ภวงฺคํ โอตรติ, ปุน ตสฺมิํเยว ทฺวาเร ‘‘อิตฺถิปุริโส’’ติอาทินา ววตฺถเปตฺวา ชวนํ ภวงฺคํ โอตรติฯ ปุน วาเร ปสาทรชฺชนาทิวเสน ชวนํ ชวติฯ ปุน ยทิ ตํ อารมฺมณํ อาปาถํ อาคจฺฉติ, ตํสทิสเมว ปญฺจทฺวาราทีสุ ชวนํ ตทา อุปฺปชฺชมานกํ สนฺธาย ‘‘เอวเมว ชวเน ทุสฺสีลฺยาทีสุ อุปฺปเนฺนสุ ตสฺมิํ อสํวเร สติ ทฺวารมฺปิ อคุตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อยํ ปน อุกฺกฎฺฐนโย ปริจิตารมฺมณํ สนฺธาย วุโตฺต, อปริจิเต อนฺตรนฺตรา ปญฺจทฺวาเร อุปฺปชฺชิตฺวา ตทนุรูปํ มโนทฺวาเรปิ อุปฺปชฺชตีติฯ ทฺวารภวงฺคาทีนํ ชวเนน สมฺพโนฺธ เอกสนฺตติปริยาปนฺนโต ทฎฺฐโพฺพฯ

    Yathā kinti yena pakārena javane uppajjamāno asaṃvaro ‘‘cakkhundriye asaṃvaro’’ti vuccati , taṃ nidassanaṃ kinti attho. Tatthāyaṃ pavattikkamo – pañcadvāre rūpādiārammaṇe āpāthagate niyamitādivasena kusalākusalajavane uppajjitvā bhavaṅgaṃ otiṇṇe manodvārikajavanaṃ taṃyevārammaṇaṃ katvā bhavaṅgaṃ otarati, puna tasmiṃyeva dvāre ‘‘itthipuriso’’tiādinā vavatthapetvā javanaṃ bhavaṅgaṃ otarati. Puna vāre pasādarajjanādivasena javanaṃ javati. Puna yadi taṃ ārammaṇaṃ āpāthaṃ āgacchati, taṃsadisameva pañcadvārādīsu javanaṃ tadā uppajjamānakaṃ sandhāya ‘‘evameva javane dussīlyādīsu uppannesu tasmiṃ asaṃvare sati dvārampi agutta’’ntiādi vuttaṃ. Ayaṃ pana ukkaṭṭhanayo paricitārammaṇaṃ sandhāya vutto, aparicite antarantarā pañcadvāre uppajjitvā tadanurūpaṃ manodvārepi uppajjatīti. Dvārabhavaṅgādīnaṃ javanena sambandho ekasantatipariyāpannato daṭṭhabbo.

    สติ ทฺวารภวงฺคาทิเกติ ปจฺจยภาเวน ปุริมนิปฺผนฺนํ ชวนกาเล อสนฺตมฺปิ ภวงฺคาทิ จกฺขาทิ วิย ผลนิปฺผตฺติยา สนฺตเญฺญว นามาติ วุตฺตํฯ น หิ ธรมานํเยว สนฺตนฺติ วุจฺจตีติฯ พาหิรํ วิย กตฺวาติ ปรมตฺถโต ชวนสฺส พาหิรภาเว อิตรสฺส จ อพฺภนฺตรภาเว อสติปิ ‘‘ปภสฺสรมิทํ , ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตญฺจ โข อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฎฺฐ’’นฺติอาทิวจนโต (อ. นิ. ๑.๔๙) อาคนฺตุกภูตสฺส กทาจิ กทาจิ อุปฺปชฺชมานสฺส ชวนสฺส พาหิรภาโว ตพฺพิธุรสภาวสฺส อิตรสฺส อพฺภนฺตรภาโว ปริยายโต วุโตฺตติ ทเสฺสติฯ อสํวรเหตุภาวาปตฺติโตติ ทฺวาราทีนํ อสํวรเหตุภาวาปชฺชนสฺส ปากฎภาวํ สนฺธายาหฯ อุปฺปเนฺน หิ อสํวเร ทฺวาราทีนํ ตสฺส เหตุภาโว ปญฺญายตีติฯ ทฺวารภวงฺคาทิมูสนนฺติ ทฺวารภวงฺคาทีสุ มูสนํฯ ยสฺมิญฺหิ ทฺวาเร อสํวโร อุปฺปชฺชติ, โส ตตฺถ ทฺวาราทีนํ สํวรูปนิสฺสยภาวํ อุปจฺฉินฺทโนฺตเยว ปวตฺตตีติฯ เตเนวาห ‘‘กุสลภณฺฑวินาสน’’นฺติฯ

    Sati dvārabhavaṅgādiketi paccayabhāvena purimanipphannaṃ javanakāle asantampi bhavaṅgādi cakkhādi viya phalanipphattiyā santaññeva nāmāti vuttaṃ. Na hi dharamānaṃyeva santanti vuccatīti. Bāhiraṃ viya katvāti paramatthato javanassa bāhirabhāve itarassa ca abbhantarabhāve asatipi ‘‘pabhassaramidaṃ , bhikkhave, cittaṃ, tañca kho āgantukehi upakkilesehi upakkiliṭṭha’’ntiādivacanato (a. ni. 1.49) āgantukabhūtassa kadāci kadāci uppajjamānassa javanassa bāhirabhāvo tabbidhurasabhāvassa itarassa abbhantarabhāvo pariyāyato vuttoti dasseti. Asaṃvarahetubhāvāpattitoti dvārādīnaṃ asaṃvarahetubhāvāpajjanassa pākaṭabhāvaṃ sandhāyāha. Uppanne hi asaṃvare dvārādīnaṃ tassa hetubhāvo paññāyatīti. Dvārabhavaṅgādimūsananti dvārabhavaṅgādīsu mūsanaṃ. Yasmiñhi dvāre asaṃvaro uppajjati, so tattha dvārādīnaṃ saṃvarūpanissayabhāvaṃ upacchindantoyeva pavattatīti. Tenevāha ‘‘kusalabhaṇḍavināsana’’nti.

    เอตฺถ จ ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา’’ติอาทิปาฬิยํ สํวโร, สํวริตพฺพํ, สํวรณุปาโย, ยโต จ โส สํวโร, ยตฺถ จ โส สํวโรติ อิมํ ปเภทํ ทเสฺสตฺวา โยเชตพฺพาฯ กถํ? ‘‘รกฺขติ…เป.… สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ เอเตน สํวโร วุโตฺตฯ สติํ ปจฺจุฎฺฐเปตีติ อยเญฺหตฺถ อโตฺถติฯ จกฺขาทิ สํวริตพฺพํฯ น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยญฺชนคฺคาหีติ สํวรณุปาโยฯ ‘‘ยตฺวาธิกรณ’’นฺติอาทินา สํวรณาวธิฯ รูปาทโย สํวรวิสโยติฯ กิญฺจ ปฎิสงฺขาภาวนาพลสงฺคหิตภาเวน ทุวิโธปิ อินฺทฺริยสํวโร? ตตฺถ ปุริเมน วิสเยสุ อาทีนวทสฺสนํ, อิตเรน อาทีนวปฺปหานํฯ ตถา ปุริเมน ปริยุฎฺฐานปฺปหานํ, อิตเรน อนุสยปฺปหานํ ฯ ตถา ปุริโม โลกิยมคฺคสงฺคหิโต, ทุติโย โลกุตฺตรมคฺคสงฺคหิโตติ อยมฺปิ วิเสโส เวทิตโพฺพฯ

    Ettha ca ‘‘cakkhunā rūpaṃ disvā’’tiādipāḷiyaṃ saṃvaro, saṃvaritabbaṃ, saṃvaraṇupāyo, yato ca so saṃvaro, yattha ca so saṃvaroti imaṃ pabhedaṃ dassetvā yojetabbā. Kathaṃ? ‘‘Rakkhati…pe… saṃvaraṃ āpajjatī’’ti etena saṃvaro vutto. Satiṃ paccuṭṭhapetīti ayañhettha atthoti. Cakkhādi saṃvaritabbaṃ. Na nimittaggāhī hoti nānubyañjanaggāhīti saṃvaraṇupāyo. ‘‘Yatvādhikaraṇa’’ntiādinā saṃvaraṇāvadhi. Rūpādayo saṃvaravisayoti. Kiñca paṭisaṅkhābhāvanābalasaṅgahitabhāvena duvidhopi indriyasaṃvaro? Tattha purimena visayesu ādīnavadassanaṃ, itarena ādīnavappahānaṃ. Tathā purimena pariyuṭṭhānappahānaṃ, itarena anusayappahānaṃ . Tathā purimo lokiyamaggasaṅgahito, dutiyo lokuttaramaggasaṅgahitoti ayampi viseso veditabbo.

    ๑๓๕๓. ทวตฺถาทิอภิลาโสติ ทโว เอว อโตฺถ ปโยชนนฺติ ทวโตฺถ, โส อาทิ เยสํ เต ทวตฺถาทโยฯ เตสุ, เตสํ วา อภิลาโส, ทโว วา อโตฺถ เอตสฺสาติ ทวโตฺถ, ตทาทิโก ทวตฺถาทิ, โก ปน โสติ อาห ‘‘อภิลาโส’’ติฯ อาหารปริโภเค อสนฺตุสฺสนาติ อาหารปริโภเค อติตฺติฯ พหุโน อุฬารสฺส จ ปตฺถนาวเสน ปวตฺตา ภิโยฺยกมฺยตา อสนฺตุสฺสนาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ยุชฺชติฯ

    1353. Davatthādiabhilāsoti davo eva attho payojananti davattho, so ādi yesaṃ te davatthādayo. Tesu, tesaṃ vā abhilāso, davo vā attho etassāti davattho, tadādiko davatthādi, ko pana soti āha ‘‘abhilāso’’ti. Āhāraparibhoge asantussanāti āhāraparibhoge atitti. Bahuno uḷārassa ca patthanāvasena pavattā bhiyyokamyatā asantussanāti evamettha attho yujjati.

    ๑๓๕๕. มชฺชนากาเรน ปวตฺติ มานเสฺสวาติ กตฺวา ‘‘มาโนว มานมโท’’ติ วุตฺตํฯ ตถา หิ ชาติมทาทโย ‘‘มาโน มญฺญนา’’ติอาทินา มานภาเวเนว วิภตฺตาติฯ ขุทา นาม กมฺมชเตโชฯ ตํ ปน อภุเตฺต ภุเตฺต จ อุปฺปชฺชตีติ ยํ ตตฺถ อามาสยสงฺขาตสฺส สรีรเทสสฺส ปีฬนโต วิหิํสาสทฺทวจนียํ, ตเทว ทเสฺสตพฺพํ, อิตรญฺจ นิวเตฺตตพฺพนฺติ อภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกเตฺตน ขุทา วิเสสิตาติ อาห ‘‘ขุทาย วิเสสน’’นฺติฯ เย ปน ‘‘กมฺมชเตชปจฺจยา ทุกฺขา เวทนา ขุทา’’ติ วทนฺติ, เตสํ อภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกาติ วิเสสนเมว น ยุชฺชติฯ สติปิ ตสฺมิํ ภูตตฺถกถเน วิหิํสูปรติปุราณเวทนาปฎิหนนานํ วิเสสาภาโว อาปชฺชตีติ ปุริโมเยเวตฺถ อโตฺถฯ เอตาสํ โก วิเสโสติ อภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกเวทนา, ภุตฺตปจฺจยา น อุปฺปชฺชนกเวทนาติ เทฺวปิ เจตา เวทนา ยาวตา อนาคตาเยวาติ อธิปฺปาโยฯ สติปิ อนาคตเตฺต ปุริมา อุปฺปนฺนสทิสี, อิตรา ปน อตํสทิสี อจฺจนฺตํ อนุปฺปนฺนาวาติ อยเมตฺถ วิเสโสฯ เตเนว ‘‘ยถาปวตฺตา’’ติ ปุริมายํ วุตฺตํ, อิตรตฺถ จ ‘‘อปฺปวตฺตา’’ติฯ อถ วา อภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกเวทนา ปุเพฺพ กตกมฺมสฺส วิปากตฺตา ปุราณเวทนา นามฯ อปฺปจฺจเวกฺขณาทิอยุตฺตปริโภคปจฺจยา ปจฺจเวกฺขณาทิยุตฺตปริโภคโต อายติํ น อุปฺปชฺชิสฺสตีติ ภุตฺตปจฺจยา น อุปฺปชฺชนกเวทนา นวเวทนา นามฯ วิหิํสานิมิตฺตตา วิหิํสานิพฺพตฺตตาฯ

    1355. Majjanākārena pavatti mānassevāti katvā ‘‘mānova mānamado’’ti vuttaṃ. Tathā hi jātimadādayo ‘‘māno maññanā’’tiādinā mānabhāveneva vibhattāti. Khudā nāma kammajatejo. Taṃ pana abhutte bhutte ca uppajjatīti yaṃ tattha āmāsayasaṅkhātassa sarīradesassa pīḷanato vihiṃsāsaddavacanīyaṃ, tadeva dassetabbaṃ, itarañca nivattetabbanti abhuttapaccayā uppajjanakattena khudā visesitāti āha ‘‘khudāya visesana’’nti. Ye pana ‘‘kammajatejapaccayā dukkhā vedanā khudā’’ti vadanti, tesaṃ abhuttapaccayā uppajjanakāti visesanameva na yujjati. Satipi tasmiṃ bhūtatthakathane vihiṃsūparatipurāṇavedanāpaṭihananānaṃ visesābhāvo āpajjatīti purimoyevettha attho. Etāsaṃ ko visesoti abhuttapaccayā uppajjanakavedanā, bhuttapaccayā na uppajjanakavedanāti dvepi cetā vedanā yāvatā anāgatāyevāti adhippāyo. Satipi anāgatatte purimā uppannasadisī, itarā pana ataṃsadisī accantaṃ anuppannāvāti ayamettha viseso. Teneva ‘‘yathāpavattā’’ti purimāyaṃ vuttaṃ, itarattha ca ‘‘appavattā’’ti. Atha vā abhuttapaccayā uppajjanakavedanā pubbe katakammassa vipākattā purāṇavedanā nāma. Appaccavekkhaṇādiayuttaparibhogapaccayā paccavekkhaṇādiyuttaparibhogato āyatiṃ na uppajjissatīti bhuttapaccayā na uppajjanakavedanā navavedanā nāma. Vihiṃsānimittatā vihiṃsānibbattatā.

    ยาเปนฺติ เอเตนาติ ยาปนาติ วุตฺตสฺส สรีรยาปนการณสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺสปิยาปนการณนฺติ อิมสฺส วิเสสสฺสทสฺสนตฺถํ ‘‘ชีวิตินฺทฺริยยาปนตฺถายา’’ติ วตฺวา น เกวลํ ชีวิตินฺทฺริยเสฺสว ยาปนการณมาหาโร, อถ โข ฐานาทิปวตฺติอาการวิเสสยุตฺตสฺส สกลสรีรสฺสปิ ยาปนการณนฺติ ตํทีปนตฺถํ ยาตฺราติ วจนนฺติ ยาปนา เม ภวิสฺสตีติ อวิเสเสน วุตฺตนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘จตุนฺนํ อิริยาปถานํ อวิเจฺฉทสงฺขาตา ยาปนา ยาตฺรา’’ติ อาหฯ อฎฺฐานโยชนอปริโภคทุปฺปริโภคาทิวเสน สทฺธาเทยฺยสฺส วินาสนํ สทฺธาเทยฺยวินิปาตนํฯ เยนาติ คณโภชนลกฺขณปฺปตฺตสฺส ถูปีกตาทิกสฺส วา ปฎิคฺคหเณนฯ สาวชฺชํ สนินฺทํ ปริโภคํ กโรตีติ วา อโตฺถฯ

    Yāpenti etenāti yāpanāti vuttassa sarīrayāpanakāraṇassa jīvitindriyassapiyāpanakāraṇanti imassa visesassadassanatthaṃ ‘‘jīvitindriyayāpanatthāyā’’ti vatvā na kevalaṃ jīvitindriyasseva yāpanakāraṇamāhāro, atha kho ṭhānādipavattiākāravisesayuttassa sakalasarīrassapi yāpanakāraṇanti taṃdīpanatthaṃ yātrāti vacananti yāpanā me bhavissatīti avisesena vuttanti dassento ‘‘catunnaṃ iriyāpathānaṃ avicchedasaṅkhātā yāpanā yātrā’’ti āha. Aṭṭhānayojanaaparibhogadupparibhogādivasena saddhādeyyassa vināsanaṃ saddhādeyyavinipātanaṃ. Yenāti gaṇabhojanalakkhaṇappattassa thūpīkatādikassa vā paṭiggahaṇena. Sāvajjaṃ sanindaṃ paribhogaṃ karotīti vā attho.

    อิริยา…เป.… วุตฺตนฺติ สุขํ ปวตฺตมาเนหิ อิริยาปเถหิ เตสํ ตถาปวตฺติยา การณนฺติ คหิตตฺตา วิทิตตฺตา ยถาวุตฺตภุญฺชนปิวนานิ ปุพฺพกาลกิริยาภาเวน วุจฺจมานานิ อิริยาปถกตฺตุกานิ วิย วุตฺตานีติ อโตฺถฯ ยถา หิ ‘‘ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๗๑; ๒.๑๘๒) ทสฺสนสฺส ขยเหตุตา, ‘‘ฆตํ ปิวิตฺวา พลํ ภวติ, สีหํ ทิสฺวา ภยํ ภวตี’’ติ จ ปานทสฺสนานํ พลภยเหตุตา วุจฺจติ, เอวํ ภุญฺชนปิวนานํ อิริยาปถสุขปฺปวตฺติเหตุภาโว วุโตฺตติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ สุลภานวชฺชภาโว วิย อปฺปภาโวปิ ปจฺจยานํ ปรมสเลฺลขวุตฺตีนํ สุขวิหาราย ปริยโตฺตติ จีวรเสนาสนานํ อปฺปภาวุกฺกํสานุชานนวเสน ปวตฺตาหิ อนนฺตรคาถาหิ อิธาปิ ธมฺมเสนาปตินา สุขวิหาราย ปริยโตฺต อปฺปภาวุกฺกํโส อนุญฺญาโตติ วิญฺญายตีติ ‘‘ปุนปี’’ติอาทินา ‘‘ภุตฺวานา’’ติ ปาฐํ สมตฺถยติฯ

    Iriyā…pe… vuttanti sukhaṃ pavattamānehi iriyāpathehi tesaṃ tathāpavattiyā kāraṇanti gahitattā viditattā yathāvuttabhuñjanapivanāni pubbakālakiriyābhāvena vuccamānāni iriyāpathakattukāni viya vuttānīti attho. Yathā hi ‘‘paññāya cassa disvā āsavā parikkhīṇā hontī’’ti (ma. ni. 1.271; 2.182) dassanassa khayahetutā, ‘‘ghataṃ pivitvā balaṃ bhavati, sīhaṃ disvā bhayaṃ bhavatī’’ti ca pānadassanānaṃ balabhayahetutā vuccati, evaṃ bhuñjanapivanānaṃ iriyāpathasukhappavattihetubhāvo vuttoti evamettha attho daṭṭhabbo. Sulabhānavajjabhāvo viya appabhāvopi paccayānaṃ paramasallekhavuttīnaṃ sukhavihārāya pariyattoti cīvarasenāsanānaṃ appabhāvukkaṃsānujānanavasena pavattāhi anantaragāthāhi idhāpi dhammasenāpatinā sukhavihārāya pariyatto appabhāvukkaṃso anuññātoti viññāyatīti ‘‘punapī’’tiādinā ‘‘bhutvānā’’ti pāṭhaṃ samatthayati.

    ๑๓๖๘. สติอาทิธมฺมาติ สติปญฺญาสมาธิวีริยสมฺมาวาจาทิธมฺมา, เย ฉหิ ทุเกหิ ปริคฺคหิตาฯ

    1368. Satiādidhammāti satipaññāsamādhivīriyasammāvācādidhammā, ye chahi dukehi pariggahitā.

    ๑๓๗๓. ปฎิวิชฺฌิตเพฺพหิ ปฎิเวโธ วุโตฺตฯ วิสเยนปิ หิ วิสยี วุจฺจติ สหจรภาวโตฯ ยถา –

    1373. Paṭivijjhitabbehi paṭivedho vutto. Visayenapi hi visayī vuccati sahacarabhāvato. Yathā –

    ‘‘อุปฺปาเทตฺวาน สํเวคํ, ทุเกฺขนสฺส จ เหตุนา;

    ‘‘Uppādetvāna saṃvegaṃ, dukkhenassa ca hetunā;

    วฑฺฒยิตฺวา สมฺมสิตฺวา, มุตฺติยา มคฺคมพฺรวี’’ติ

    Vaḍḍhayitvā sammasitvā, muttiyā maggamabravī’’ti

    ‘‘สจฺจปริโยสาเน’’ติ จฯ

    ‘‘Saccapariyosāne’’ti ca.

    ยถา ทุกฺขาทีนํ ปริญฺญาทิวเสน ปวตฺตมานํ ปฎิเวธญาณํ อสโมฺมหโต เต อวิโลเมตฺวา อวิโรเธตฺวา ปวตฺตติ นาม, เอวํ ตทุปนิสฺสยภาวํ วิปสฺสนาญาณมฺปิ ยถาพลํ เต อวิโลเมตฺวา ปวตฺตตีติ จตุนฺนํ สจฺจานํ อนุโลมนฺติ วุตฺตนฺติ ทุติโย อตฺถวิกโปฺป วุโตฺตฯ เอตฺถ จ ‘‘จตุนฺนํ สจฺจาน’’นฺติ ปทํ วินา อุปจาเรน วุตฺตํ, ปุริมสฺมิํ อุปจาเรนาติ ทฎฺฐพฺพํฯ สมฺมาทิฎฺฐิปฺปธานตฺตา วา เสสมคฺคงฺคานํ มคฺคสเจฺจกเทสสฺส ปฎิเวธสฺส อนุโลมํ สมุทายานุโลมํ วุตฺตํ, จตุสเจฺจกเทสสฺส มคฺคสฺส วาฯ

    Yathā dukkhādīnaṃ pariññādivasena pavattamānaṃ paṭivedhañāṇaṃ asammohato te avilometvā avirodhetvā pavattati nāma, evaṃ tadupanissayabhāvaṃ vipassanāñāṇampi yathābalaṃ te avilometvā pavattatīti catunnaṃ saccānaṃ anulomanti vuttanti dutiyo atthavikappo vutto. Ettha ca ‘‘catunnaṃ saccāna’’nti padaṃ vinā upacārena vuttaṃ, purimasmiṃ upacārenāti daṭṭhabbaṃ. Sammādiṭṭhippadhānattā vā sesamaggaṅgānaṃ maggasaccekadesassa paṭivedhassa anulomaṃ samudāyānulomaṃ vuttaṃ, catusaccekadesassa maggassa vā.

    ๑๓๘๐. ขยสมเยติ ขยสมูเหฯ ‘‘กิเลสานํ ขยวเสน ปวตฺตธมฺมปุเญฺช’’ติ จ วทนฺติฯ

    1380. Khayasamayeti khayasamūhe. ‘‘Kilesānaṃ khayavasena pavattadhammapuñje’’ti ca vadanti.

    ๑๓๘๑. อปริพนฺธภาเวน นิราสงฺกา, อารมฺมเณ อภิรติภาเวน จ ปวตฺติ อธิมุจฺจนโฎฺฐติ อาห ‘‘อนิ…เป.… ตฺตนเฎฺฐนา’’ติฯ

    1381. Aparibandhabhāvena nirāsaṅkā, ārammaṇe abhiratibhāvena ca pavatti adhimuccanaṭṭhoti āha ‘‘ani…pe… ttanaṭṭhenā’’ti.

    ๑๓๘๒. อริยมคฺคปฺปวตฺติยา อุตฺตรกาลํ ปวตฺตมานํ ผลญาณํ ตํตํมคฺควชฺฌกิเลสานํ ขยปริโยสาเน ปวตฺตตฺตา ‘‘ขีณเนฺต ญาณ’’นฺติ วุตฺตํฯ ยสฺมา ปน ตํ มคฺคานนฺตรํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา มเคฺคน ฐานโส ขีเณสุ กิเลเสสุ เตสํ ขีณภาวานนฺตรํ ปวตฺตมานํ ขีณภาวานํ ปฐมกาเล ปวตฺตนฺติปิ วุจฺจตีติ ทุติโย วิกโปฺป วุโตฺตฯ

    1382. Ariyamaggappavattiyā uttarakālaṃ pavattamānaṃ phalañāṇaṃ taṃtaṃmaggavajjhakilesānaṃ khayapariyosāne pavattattā ‘‘khīṇante ñāṇa’’nti vuttaṃ. Yasmā pana taṃ maggānantaraṃ uppajjati, tasmā maggena ṭhānaso khīṇesu kilesesu tesaṃ khīṇabhāvānantaraṃ pavattamānaṃ khīṇabhāvānaṃ paṭhamakāle pavattantipi vuccatīti dutiyo vikappo vutto.

    ทุกนิเกฺขปกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dukanikkhepakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิเกฺขปกณฺฑวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Nikkhepakaṇḍavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / สุตฺตนฺติกทุกนิเกฺขปํ • Suttantikadukanikkhepaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā / สุตฺตนฺติกทุกนิเกฺขปกถา • Suttantikadukanikkhepakathā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / สุตฺตนฺติกทุกนิเกฺขปกถาวณฺณนา • Suttantikadukanikkhepakathāvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact