Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā |
๑๑. สุตฺตเปตวตฺถุวณฺณนา
11. Suttapetavatthuvaṇṇanā
อหํ ปุเร ปพฺพชิตสฺส ภิกฺขุโนติ อิทํ สุตฺตเปตวตฺถุฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? สาวตฺถิยา กิร อวิทูเร อญฺญตรสฺมิํ คามเก อมฺหากํ สตฺถริ อนุปฺปเนฺนเยว สตฺตนฺนํ วสฺสสตานํ อุปริ อญฺญตโร ทารโก เอกํ ปเจฺจกพุทฺธํ อุปฎฺฐหิฯ ตสฺส มาตา ตสฺมิํ วยปฺปเตฺต ตสฺสตฺถาย สมานกุลโต อญฺญตรํ กุลธีตรํ อาเนสิฯ วิวาหทิวเสเยว จ โส กุมาโร สหาเยหิ สทฺธิํ นฺหายิตุํ คโต อหินา ทโฎฺฐ กาลมกาสิ, ‘‘ยกฺขคาเหนา’’ติปิ วทนฺติฯ โส ปเจฺจกพุทฺธสฺส อุปฎฺฐาเนน พหุํ กุสลกมฺมํ กตฺวา ฐิโตปิ ตสฺสา ทาริกาย ปฎิพทฺธจิตฺตตาย วิมานเปโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, มหิทฺธิโก ปน อโหสิ มหานุภาโวฯ
Ahaṃ pure pabbajitassa bhikkhunoti idaṃ suttapetavatthu. Tassa kā uppatti? Sāvatthiyā kira avidūre aññatarasmiṃ gāmake amhākaṃ satthari anuppanneyeva sattannaṃ vassasatānaṃ upari aññataro dārako ekaṃ paccekabuddhaṃ upaṭṭhahi. Tassa mātā tasmiṃ vayappatte tassatthāya samānakulato aññataraṃ kuladhītaraṃ ānesi. Vivāhadivaseyeva ca so kumāro sahāyehi saddhiṃ nhāyituṃ gato ahinā daṭṭho kālamakāsi, ‘‘yakkhagāhenā’’tipi vadanti. So paccekabuddhassa upaṭṭhānena bahuṃ kusalakammaṃ katvā ṭhitopi tassā dārikāya paṭibaddhacittatāya vimānapeto hutvā nibbatti, mahiddhiko pana ahosi mahānubhāvo.
อถ โส ตํ ทาริกํ อตฺตโน วิมานํ เนตุกาโม ‘‘เกน นุ โข อุปาเยน เอสา ทิฎฺฐธมฺมเวทนียกมฺมํ กตฺวา มยา สทฺธิํ อิธ อภิรเมยฺยา’’ติ ตสฺสา ทิพฺพโภคสมฺปตฺติยา อนุภวนเหตุํ วีมํสโนฺต ปเจฺจกพุทฺธํ จีวรกมฺมํ กโรนฺตํ ทิสฺวา มนุสฺสรูเปน คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กิํ, ภเนฺต, สุตฺตเกน อโตฺถ อตฺถี’’ติ อาหฯ ‘‘จีวรกมฺมํ กโรมิ, อุปาสกา’’ติฯ ‘‘เตน หิ, ภเนฺต, อสุกสฺมิํ ฐาเน สุตฺตภิกฺขํ จรถา’’ติ ตสฺสา ทาริกาย เคหํ ทเสฺสสิฯ ปเจฺจกพุโทฺธ ตตฺถ คนฺตฺวา ฆรทฺวาเร อฎฺฐาสิฯ อถ สา ปเจฺจกพุทฺธํ ตตฺถ ฐิตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานสา ‘‘สุตฺตเกน เม อโยฺย อตฺถิโก’’ติ ญตฺวา เอกํ สุตฺตคุฬํ อทาสิฯ อถ โส อมนุโสฺส มนุสฺสรูเปน ตสฺส ทาริกาย ฆรํ คนฺตฺวา ตสฺสา มาตรํ ยาจิตฺวา ตาย สทฺธิํ กติปาหํ วสิตฺวา ตสฺสา มาตุยา อนุคฺคหตฺถํ ตสฺมิํ เคเห สพฺพภาชนานิ หิรญฺญสุวณฺณสฺส ปูเรตฺวา สพฺพตฺถ อุปริ นามํ ลิขิ ‘‘อิทํ เทวทตฺติยํ ธนํ น เกนจิ คเหตพฺพ’’นฺติ, ตญฺจ ทาริกํ คเหตฺวา อตฺตโน วิมานํ อคมาสิฯ ตสฺสา มาตา ปหูตํ ธนํ ลภิตฺวา อตฺตโน ญาตกานํ กปณทฺธิกาทินญฺจ ทตฺวา อตฺตนา จ ปริภุญฺชิตฺวา กาลํ กโรนฺตี ‘‘มม ธีตา อาคจฺฉติ เจ, อิทํ ธนํ ทเสฺสถา’’ติ ญาตกานํ กเถตฺวา กาลมกาสิฯ
Atha so taṃ dārikaṃ attano vimānaṃ netukāmo ‘‘kena nu kho upāyena esā diṭṭhadhammavedanīyakammaṃ katvā mayā saddhiṃ idha abhirameyyā’’ti tassā dibbabhogasampattiyā anubhavanahetuṃ vīmaṃsanto paccekabuddhaṃ cīvarakammaṃ karontaṃ disvā manussarūpena gantvā vanditvā ‘‘kiṃ, bhante, suttakena attho atthī’’ti āha. ‘‘Cīvarakammaṃ karomi, upāsakā’’ti. ‘‘Tena hi, bhante, asukasmiṃ ṭhāne suttabhikkhaṃ carathā’’ti tassā dārikāya gehaṃ dassesi. Paccekabuddho tattha gantvā gharadvāre aṭṭhāsi. Atha sā paccekabuddhaṃ tattha ṭhitaṃ disvā pasannamānasā ‘‘suttakena me ayyo atthiko’’ti ñatvā ekaṃ suttaguḷaṃ adāsi. Atha so amanusso manussarūpena tassa dārikāya gharaṃ gantvā tassā mātaraṃ yācitvā tāya saddhiṃ katipāhaṃ vasitvā tassā mātuyā anuggahatthaṃ tasmiṃ gehe sabbabhājanāni hiraññasuvaṇṇassa pūretvā sabbattha upari nāmaṃ likhi ‘‘idaṃ devadattiyaṃ dhanaṃ na kenaci gahetabba’’nti, tañca dārikaṃ gahetvā attano vimānaṃ agamāsi. Tassā mātā pahūtaṃ dhanaṃ labhitvā attano ñātakānaṃ kapaṇaddhikādinañca datvā attanā ca paribhuñjitvā kālaṃ karontī ‘‘mama dhītā āgacchati ce, idaṃ dhanaṃ dassethā’’ti ñātakānaṃ kathetvā kālamakāsi.
ตโต สตฺตนฺนํ วสฺสสตานํ อจฺจเยน อมฺหากํ ภควติ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจเกฺก อนุกฺกเมน สาวตฺถิยํ วิหรเนฺต ตสฺสา อิตฺถิยา เตน อมนุเสฺสน สทฺธิํ วสนฺติยา อุกฺกณฺฐา อุปฺปชฺชิฯ สา ตํ ‘‘สาธุ, อยฺยปุตฺต, มํ สกเญฺญว เคหํ ปฎิเนหี’’ติ วทนฺตี –
Tato sattannaṃ vassasatānaṃ accayena amhākaṃ bhagavati loke uppajjitvā pavattitavaradhammacakke anukkamena sāvatthiyaṃ viharante tassā itthiyā tena amanussena saddhiṃ vasantiyā ukkaṇṭhā uppajji. Sā taṃ ‘‘sādhu, ayyaputta, maṃ sakaññeva gehaṃ paṭinehī’’ti vadantī –
๓๔๑.
341.
‘‘อหํ ปุเร ปพฺพชิตสฺส ภิกฺขุโน,
‘‘Ahaṃ pure pabbajitassa bhikkhuno,
สุตฺตํ อทาสิํ อุปสงฺกมฺม ยาจิตา;
Suttaṃ adāsiṃ upasaṅkamma yācitā;
ตสฺส วิปาโก วิปุลผลูปลพฺภติ,
Tassa vipāko vipulaphalūpalabbhati,
พหุกา จ เม อุปฺปชฺชเร วตฺถโกฎิโยฯ
Bahukā ca me uppajjare vatthakoṭiyo.
๓๔๒.
342.
‘‘ปุปฺผาภิกิณฺณํ รมิตํ วิมานํ, อเนกจิตฺตํ นรนาริเสวิตํ;
‘‘Pupphābhikiṇṇaṃ ramitaṃ vimānaṃ, anekacittaṃ naranārisevitaṃ;
สาหํ ภุญฺชามิ จ ปารุปามิ จ, ปหูตวิตฺตา น จ ตาว ขียติฯ
Sāhaṃ bhuñjāmi ca pārupāmi ca, pahūtavittā na ca tāva khīyati.
๓๔๓.
343.
‘‘ตเสฺสว กมฺมสฺส วิปากมนฺวยา, สุขญฺจ สาตญฺจ อิธูปลพฺภติ;
‘‘Tasseva kammassa vipākamanvayā, sukhañca sātañca idhūpalabbhati;
สาหํ คนฺตฺวา ปุนเทว มานุสํ, กาหามิ ปุญฺญานิ นยยฺยปุตฺต ม’’นฺติฯ –
Sāhaṃ gantvā punadeva mānusaṃ, kāhāmi puññāni nayayyaputta ma’’nti. –
อิมา คาถา อภาสิฯ
Imā gāthā abhāsi.
๓๔๑. ตตฺถ ‘‘ปพฺพชิตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ อิทํ ปเจฺจกพุทฺธํ สทฺธาย วุตฺตํฯ โส หิ กามาทิมลานํ อตฺตโน สนฺตานโต อนวเสสโต ปพฺพาชิตตฺตา ปหีนตฺตา ปรมตฺถโต ‘‘ปพฺพชิโต’’ติ, ภินฺนกิเลสตฺตา ‘‘ภิกฺขู’’ติ จ วตฺตพฺพตํ อรหติฯ สุตฺตนฺติ กปฺปาสิยสุตฺตํฯ อุปสงฺกมฺมาติ มยฺหํ เคหํ อุปสงฺกมิตฺวาฯ ยาจิตาติ ‘‘อุทฺทิสฺส อริยา ติฎฺฐนฺติ, เอสา อริยาน ยาจนา’’ติ (ชา. ๑.๗.๕๙) เอวํ วุตฺตาย กายวิญฺญตฺติปโยคสงฺขาตาย ภิกฺขาจริยาย ยาจิตาฯ ตสฺสาติ ตสฺส สุตฺตทานสฺสฯ วิปาโก วิปุลผลูปลพฺภตีติ วิปุลผโล อุฬารอุทโย มหาอุทโย วิปาโก เอตรหิ อุปลพฺภติ ปจฺจนุภวียติฯ พหุกาติ อเนกาฯ วตฺถโกฎิโยติ วตฺถานํ โกฎิโย, อเนกสตสหสฺสปเภทานิ วตฺถานีติ อโตฺถฯ
341. Tattha ‘‘pabbajitassa bhikkhuno’’ti idaṃ paccekabuddhaṃ saddhāya vuttaṃ. So hi kāmādimalānaṃ attano santānato anavasesato pabbājitattā pahīnattā paramatthato ‘‘pabbajito’’ti, bhinnakilesattā ‘‘bhikkhū’’ti ca vattabbataṃ arahati. Suttanti kappāsiyasuttaṃ. Upasaṅkammāti mayhaṃ gehaṃ upasaṅkamitvā. Yācitāti ‘‘uddissa ariyā tiṭṭhanti, esā ariyāna yācanā’’ti (jā. 1.7.59) evaṃ vuttāya kāyaviññattipayogasaṅkhātāya bhikkhācariyāya yācitā. Tassāti tassa suttadānassa. Vipāko vipulaphalūpalabbhatīti vipulaphalo uḷāraudayo mahāudayo vipāko etarahi upalabbhati paccanubhavīyati. Bahukāti anekā. Vatthakoṭiyoti vatthānaṃ koṭiyo, anekasatasahassapabhedāni vatthānīti attho.
๓๔๒. อเนกจิตฺตนฺติ นานาวิธจิตฺตกมฺมํ, อเนเกหิ วา มุตฺตามณิอาทีหิ รตเนหิ วิจิตฺตรูปํฯ นรนาริเสวิตนฺติ ปริจารกภูเตหิ นเรหิ นารีหิ จ อุปเสวิตํฯ สาหํ ภุญฺชามีติ สา อหํ ตํ วิมานํ ปริภุญฺชามิฯ ปารุปามีติ อเนกาสุ วตฺถโกฎีสุ อิจฺฉิติจฺฉิตํ นิวาเสมิ เจว ปริทหามิ จฯ ปหูตวิตฺตาติ ปหูตวิตฺตูปกรณา มหทฺธนา มหาโภคาฯ น จ ตาว ขียตีติ ตญฺจ วิตฺตํ น ขียติ, น ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺฉติฯ
342.Anekacittanti nānāvidhacittakammaṃ, anekehi vā muttāmaṇiādīhi ratanehi vicittarūpaṃ. Naranārisevitanti paricārakabhūtehi narehi nārīhi ca upasevitaṃ. Sāhaṃ bhuñjāmīti sā ahaṃ taṃ vimānaṃ paribhuñjāmi. Pārupāmīti anekāsu vatthakoṭīsu icchiticchitaṃ nivāsemi ceva paridahāmi ca. Pahūtavittāti pahūtavittūpakaraṇā mahaddhanā mahābhogā. Na ca tāva khīyatīti tañca vittaṃ na khīyati, na parikkhayaṃ pariyādānaṃ gacchati.
๓๔๓. ตเสฺสว กมฺมสฺส วิปากมนฺวยาติ ตเสฺสว สุตฺตทานมยปุญฺญกมฺมสฺส อนฺวยา ปจฺจยา เหตุภาเวน วิปากภูตํ สุขํ, อิฎฺฐมธุรสงฺขาตํ สาตญฺจ อิธ อิมสฺมิํ วิมาเน อุปลพฺภติฯ คนฺตฺวา ปุนเทว มานุสนฺติ ปุน เอว มนุสฺสโลกํ อุปคนฺตฺวาฯ กาหามิ ปุญฺญานีติ มยฺหํ สุขวิเสสนิปฺผาทกานิ ปุญฺญานิ กริสฺสามิ, เยสํ วา มยา อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธาติ อธิปฺปาโยฯ นยยฺยปุตฺต มนฺติ, อยฺยปุตฺต, มํ มนุสฺสโลกํ นย, เนหีติ อโตฺถฯ
343.Tasseva kammassa vipākamanvayāti tasseva suttadānamayapuññakammassa anvayā paccayā hetubhāvena vipākabhūtaṃ sukhaṃ, iṭṭhamadhurasaṅkhātaṃ sātañca idha imasmiṃ vimāne upalabbhati. Gantvā punadeva mānusanti puna eva manussalokaṃ upagantvā. Kāhāmi puññānīti mayhaṃ sukhavisesanipphādakāni puññāni karissāmi, yesaṃ vā mayā ayaṃ sampatti laddhāti adhippāyo. Nayayyaputta manti, ayyaputta, maṃ manussalokaṃ naya, nehīti attho.
ตํ สุตฺวา โส อมนุโสฺส ตสฺสา ปฎิพทฺธจิตฺตตาย อนุกมฺปาย คมนํ อนิจฺฉโนฺต –
Taṃ sutvā so amanusso tassā paṭibaddhacittatāya anukampāya gamanaṃ anicchanto –
๓๔๔.
344.
‘‘สตฺต ตุวํ วสฺสสตา อิธาคตา,
‘‘Satta tuvaṃ vassasatā idhāgatā,
ชิณฺณา จ วุฑฺฒา จ ตหิํ ภวิสฺสสิ;
Jiṇṇā ca vuḍḍhā ca tahiṃ bhavissasi;
สเพฺพว เต กาลกตา จ ญาตกา,
Sabbeva te kālakatā ca ñātakā,
กิํ ตตฺถ คนฺตฺวาน อิโต กริสฺสสี’’ติฯ –
Kiṃ tattha gantvāna ito karissasī’’ti. –
คาถมาหฯ ตตฺถ สตฺตาติ วิภตฺติโลเปน นิเทฺทโส, นิสฺสเกฺก วา เอตํ ปจฺจตฺตวจนํฯ วสฺสสตาติ วสฺสสตโต, สตฺตหิ วสฺสสเตหิ อุทฺธํ ตุวํ อิธาคตา อิมํ วิมานํ อาคตา, อิธาคตาย ตุยฺหํ สตฺต วสฺสสตานิ โหนฺตีติ อโตฺถฯ ชิณฺณา จ วุฑฺฒา จ ตหิํ ภวิสฺสสีติ อิธ ทิเพฺพหิ อุตุอาหาเรหิ อุปถมฺภิตตฺตภาวา กมฺมานุภาเวน เอตฺตกํ กาลํ ทหรากาเรเนว ฐิตาฯ อิโต ปน คตา กมฺมสฺส จ ปริกฺขีณตฺตา มนุสฺสานญฺจ อุตุอาหารวเสน ชราชิณฺณา วโยวุฑฺฒา จ ตหิํ มนุสฺสโลเก ภวิสฺสสิฯ กินฺติ? สเพฺพว เต กาลกตา จ ญาตกาติ ทีฆสฺส อทฺธุโน คตตฺตา ตว ญาตโยปิ สเพฺพ เอว มตา, ตสฺมา อิโต เทวโลกโต ตตฺถ มนุสฺสโลกํ คนฺตฺวา กิํ กริสฺสสิ, อวเสสมฺปิ อายุญฺจ อิเธว เขเปหิ, อิธ วสาหีติ อธิปฺปาโยฯ
Gāthamāha. Tattha sattāti vibhattilopena niddeso, nissakke vā etaṃ paccattavacanaṃ. Vassasatāti vassasatato, sattahi vassasatehi uddhaṃ tuvaṃ idhāgatā imaṃ vimānaṃ āgatā, idhāgatāya tuyhaṃ satta vassasatāni hontīti attho. Jiṇṇā cavuḍḍhā ca tahiṃ bhavissasīti idha dibbehi utuāhārehi upathambhitattabhāvā kammānubhāvena ettakaṃ kālaṃ daharākāreneva ṭhitā. Ito pana gatā kammassa ca parikkhīṇattā manussānañca utuāhāravasena jarājiṇṇā vayovuḍḍhā ca tahiṃ manussaloke bhavissasi. Kinti? Sabbeva te kālakatā ca ñātakāti dīghassa addhuno gatattā tava ñātayopi sabbe eva matā, tasmā ito devalokato tattha manussalokaṃ gantvā kiṃ karissasi, avasesampi āyuñca idheva khepehi, idha vasāhīti adhippāyo.
เอวํ เตน วุตฺตา สา ตสฺส วจนํ อสทฺทหนฺตี ปุนเทว –
Evaṃ tena vuttā sā tassa vacanaṃ asaddahantī punadeva –
๓๔๕.
345.
‘‘สเตฺตว วสฺสานิ อิธาคตาย เม, ทิพฺพญฺจ สุขญฺจ สมปฺปิตาย;
‘‘Satteva vassāni idhāgatāya me, dibbañca sukhañca samappitāya;
สาหํ คนฺตฺวา ปุนเทว มานุสํ, กาหามิ ปุญฺญานิ นยยฺยปุตฺต ม’’นฺติฯ –
Sāhaṃ gantvā punadeva mānusaṃ, kāhāmi puññāni nayayyaputta ma’’nti. –
คาถมาหฯ ตตฺถ สเตฺตว วสฺสานิ อิธาคตาย เมติ, อยฺยปุตฺต, มยฺหํ อิธาคตาย สเตฺตว วสฺสานิ มเญฺญ วีติวตฺตานิฯ สตฺต วสฺสสตานิ ทิพฺพสุขสมปฺปิตาย พหุมฺปิ กาลํ คตํ อสลฺลเกฺขนฺตี เอวมาหฯ
Gāthamāha. Tattha satteva vassāni idhāgatāya meti, ayyaputta, mayhaṃ idhāgatāya satteva vassāni maññe vītivattāni. Satta vassasatāni dibbasukhasamappitāya bahumpi kālaṃ gataṃ asallakkhentī evamāha.
เอวํ ปน ตาย วุโตฺต โส วิมานเปโต นานปฺปการํ ตํ อนุสาสิตฺวา ‘‘ตฺวํ อิทานิ สตฺตาหโต อุตฺตริ ตตฺถ น ชีวิสฺสสิ, มาตุยา เต นิกฺขิตฺตํ มยา ทินฺนํ ธนํ อตฺถิ, ตํ สมณพฺราหฺมณานํ ทตฺวา อิเธว อุปฺปตฺติํ ปเตฺถหี’’ติ วตฺวา ตํ พาหายํ คเหตฺวา คามมเชฺฌ ฐเปตฺวา ‘‘อิธาคเต อเญฺญปิ ชเน ‘ยถาพลํ ปุญฺญานิ กโรถา’ติ โอวเทยฺยาสี’’ติ วตฺวา คโตฯ เตน วุตฺตํ –
Evaṃ pana tāya vutto so vimānapeto nānappakāraṃ taṃ anusāsitvā ‘‘tvaṃ idāni sattāhato uttari tattha na jīvissasi, mātuyā te nikkhittaṃ mayā dinnaṃ dhanaṃ atthi, taṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ datvā idheva uppattiṃ patthehī’’ti vatvā taṃ bāhāyaṃ gahetvā gāmamajjhe ṭhapetvā ‘‘idhāgate aññepi jane ‘yathābalaṃ puññāni karothā’ti ovadeyyāsī’’ti vatvā gato. Tena vuttaṃ –
๓๔๖.
346.
‘‘โส ตํ คเหตฺวาน ปสยฺห พาหายํ, ปจฺจานยิตฺวาน เถริํ สุทุพฺพลํ;
‘‘So taṃ gahetvāna pasayha bāhāyaṃ, paccānayitvāna theriṃ sudubbalaṃ;
วเชฺชสิ ‘อญฺญมฺปิ ชนํ อิธาคตํ, กโรถ ปุญฺญานิ สุขูปลพฺภตี’’’ติฯ
Vajjesi ‘aññampi janaṃ idhāgataṃ, karotha puññāni sukhūpalabbhatī’’’ti.
ตตฺถ โสติ โส วิมานเปโตฯ ตนฺติ ตํ อิตฺถิํฯ คเหตฺวาน ปสยฺห พาหายนฺติ ปสยฺห เนตา วิย พาหายํ ตํ คเหตฺวาฯ ปจฺจานยิตฺวานาติ ตสฺสา ชาตสํวุฑฺฒคามํ ปุนเทว อานยิตฺวาฯ เถรินฺติ ถาวริํ, ชิณฺณํ วุฑฺฒนฺติ อโตฺถฯ สุทุพฺพลนฺติ ชราชิณฺณตาย เอว สุฎฺฐุ ทุพฺพลํฯ สา กิร ตโต วิมานโต อปคมนสมนนฺตรเมว ชิณฺณา วุฑฺฒา มหลฺลิกา อทฺธคตา วโยอนุปฺปตฺตา อโหสิฯ วเชฺชสีติ วเทยฺยาสิฯ วตฺตพฺพวจนาการญฺจ ทเสฺสตุํ ‘‘อญฺญมฺปิ ชน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ – ภเทฺท, ตฺวมฺปิ ปุญฺญํ กเรยฺยาสิ, อญฺญมฺปิ ชนํ อิธ ตว ทสฺสนตฺถาย อาคตํ ‘‘ภทฺรมุขา, อาทิตฺตํ สีสํ วา เจลํ วา อชฺฌุเปกฺขิตฺวาปิ ทานสีลาทีนิ ปุญฺญานิ กโรถาติ, กเต จ ปุเญฺญ เอกํเสเนว ตสฺส ผลภูตํ สุขํ อุปลพฺภติ, น เอตฺถ สํสโย กาตโพฺพ’’ติ วเทยฺยาสิ โอวเทยฺยาสีติฯ
Tattha soti so vimānapeto. Tanti taṃ itthiṃ. Gahetvāna pasayha bāhāyanti pasayha netā viya bāhāyaṃ taṃ gahetvā. Paccānayitvānāti tassā jātasaṃvuḍḍhagāmaṃ punadeva ānayitvā. Therinti thāvariṃ, jiṇṇaṃ vuḍḍhanti attho. Sudubbalanti jarājiṇṇatāya eva suṭṭhu dubbalaṃ. Sā kira tato vimānato apagamanasamanantarameva jiṇṇā vuḍḍhā mahallikā addhagatā vayoanuppattā ahosi. Vajjesīti vadeyyāsi. Vattabbavacanākārañca dassetuṃ ‘‘aññampi jana’’ntiādi vuttaṃ. Tassattho – bhadde, tvampi puññaṃ kareyyāsi, aññampi janaṃ idha tava dassanatthāya āgataṃ ‘‘bhadramukhā, ādittaṃ sīsaṃ vā celaṃ vā ajjhupekkhitvāpi dānasīlādīni puññāni karothāti, kate ca puññe ekaṃseneva tassa phalabhūtaṃ sukhaṃ upalabbhati, na ettha saṃsayo kātabbo’’ti vadeyyāsi ovadeyyāsīti.
เอวญฺจ วตฺวา ตสฺมิํ คเต สา อิตฺถี อตฺตโน ญาตกานํ วสนฎฺฐานํ คนฺตฺวา เตสํ อตฺตานํ ชานาเปตฺวา เตหิ นิยฺยาทิตธนํ คเหตฺวา สมณพฺราหฺมณานํ ทานํ เทนฺตี อตฺตโน สนฺติกํ อาคตาคตานํ –
Evañca vatvā tasmiṃ gate sā itthī attano ñātakānaṃ vasanaṭṭhānaṃ gantvā tesaṃ attānaṃ jānāpetvā tehi niyyāditadhanaṃ gahetvā samaṇabrāhmaṇānaṃ dānaṃ dentī attano santikaṃ āgatāgatānaṃ –
๓๔๗.
347.
‘‘ทิฎฺฐา มยา อกเตน สาธุนา, เปตา วิหญฺญนฺติ ตเถว มนุสฺสา;
‘‘Diṭṭhā mayā akatena sādhunā, petā vihaññanti tatheva manussā;
กมฺมญฺจ กตฺวา สุขเวทนียํ, เทวา มนุสฺสา จ สุเข ฐิตา ปชา’’ติฯ –
Kammañca katvā sukhavedanīyaṃ, devā manussā ca sukhe ṭhitā pajā’’ti. –
คาถาย โอวาทมทาสิฯ
Gāthāya ovādamadāsi.
ตตฺถ อกเตนาติ อนิพฺพตฺติเตน อตฺตนา อนุปจิเตนฯ สาธุนาติ กุสลกเมฺมน, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํฯ วิหญฺญนฺตีติ วิฆาตํ อาปชฺชนฺติฯ สุขเวทนียนฺติ สุขวิปากํ ปุญฺญกมฺมํฯ สุเข ฐิตาติ สุเข ปติฎฺฐิตาฯ ‘‘สุเขธิตา’’ติ วา ปาโฐ, สุเขน อภิวุฑฺฒา ผีตาติ อโตฺถฯ อยเญฺหตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา เปตา ตเถว มนุสฺสา อกเตน กุสเลน, กเตน จ อกุสเลน วิหญฺญมานา ขุปฺปิปาสาทินา วิฆาตํ อาปชฺชนฺตา มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตา ทิฎฺฐา มยาฯ สุขเวทนียํ ปน กมฺมํ กตฺวา เตน กเตน กุสลกเมฺมน, อกเตน จ อกุสลกเมฺมน เทวมนุสฺสปริยาปนฺนา ปชา สุเข ฐิตา ทิฎฺฐา มยา, อตฺตปจฺจกฺขเมตํ, ตสฺมา ปาปํ ทูรโตว ปริวเชฺชนฺตา ปุญฺญกิริยาย ยุตฺตปยุตฺตา โหถาติฯ
Tattha akatenāti anibbattitena attanā anupacitena. Sādhunāti kusalakammena, itthambhūtalakkhaṇe karaṇavacanaṃ. Vihaññantīti vighātaṃ āpajjanti. Sukhavedanīyanti sukhavipākaṃ puññakammaṃ. Sukhe ṭhitāti sukhe patiṭṭhitā. ‘‘Sukhedhitā’’ti vā pāṭho, sukhena abhivuḍḍhā phītāti attho. Ayañhettha adhippāyo – yathā petā tatheva manussā akatena kusalena, katena ca akusalena vihaññamānā khuppipāsādinā vighātaṃ āpajjantā mahādukkhaṃ anubhavantā diṭṭhā mayā. Sukhavedanīyaṃ pana kammaṃ katvā tena katena kusalakammena, akatena ca akusalakammena devamanussapariyāpannā pajā sukhe ṭhitā diṭṭhā mayā, attapaccakkhametaṃ, tasmā pāpaṃ dūratova parivajjentā puññakiriyāya yuttapayuttā hothāti.
เอวํ ปน โอวาทํ เทนฺตี สมณพฺราหฺมณาทีนํ สตฺตาหํ มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา สตฺตเม ทิวเส กาลํ กตฺวา ตาวติํเสสุ นิพฺพตฺติฯ ภิกฺขู ตํ ปวตฺติํ ภควโต อาโรเจสุํฯ ภควา ตมตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ, วิเสสโต จ ปเจฺจกพุเทฺธสุ ปวตฺติตทานสฺส มหปฺผลตํ มหานิสํสตญฺจ ปกาเสสิฯ ตํ สุตฺวา มหาชโน วิคตมลมเจฺฉโร ทานาทิปุญฺญาภิรโต อโหสีติฯ
Evaṃ pana ovādaṃ dentī samaṇabrāhmaṇādīnaṃ sattāhaṃ mahādānaṃ pavattetvā sattame divase kālaṃ katvā tāvatiṃsesu nibbatti. Bhikkhū taṃ pavattiṃ bhagavato ārocesuṃ. Bhagavā tamatthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattaparisāya dhammaṃ desesi, visesato ca paccekabuddhesu pavattitadānassa mahapphalataṃ mahānisaṃsatañca pakāsesi. Taṃ sutvā mahājano vigatamalamacchero dānādipuññābhirato ahosīti.
สุตฺตเปตวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suttapetavatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi / ๑๑. สุตฺตเปตวตฺถุ • 11. Suttapetavatthu