Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๘๙] ๔. สุวณฺณกกฺกฎกชาตกวณฺณนา
[389] 4. Suvaṇṇakakkaṭakajātakavaṇṇanā
สิงฺคีมิโคติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต อานนฺทเตฺถรสฺส อตฺตโน อตฺถาย ชีวิตปริจฺจาคํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ ยาว ธนุคฺคหปโยชนา ขณฺฑหาลชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๙๘๒ อาทโย) ธนปาลวิสฺสชฺชนํ จูฬหํสมหาหํสชาตเก (ชา. ๑.๑๕.๑๓๓ อาทโย) กถิตํฯ ตทา หิ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, ธมฺมภณฺฑาคาริกอานนฺทเตฺถโร เสกฺขปฎิสมฺภิทาปฺปโตฺต หุตฺวา ธนปาลเก อาคจฺฉเนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ชีวิตํ ปริจฺจชี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ อานโนฺท มยฺหํ ชีวิตํ ปริจฺจชิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Siṅgīmigoti idaṃ satthā veḷuvane viharanto ānandattherassa attano atthāya jīvitapariccāgaṃ ārabbha kathesi. Vatthu yāva dhanuggahapayojanā khaṇḍahālajātake (jā. 2.22.982 ādayo) dhanapālavissajjanaṃ cūḷahaṃsamahāhaṃsajātake (jā. 1.15.133 ādayo) kathitaṃ. Tadā hi bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, dhammabhaṇḍāgārikaānandatthero sekkhapaṭisambhidāppatto hutvā dhanapālake āgacchante sammāsambuddhassa jīvitaṃ pariccajī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi ānando mayhaṃ jīvitaṃ pariccajiyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต ราชคหสฺส ปุพฺพปเสฺส สาลินฺทิโย นาม พฺราหฺมณคาโม โหติฯ ตทา โพธิสโตฺต ตสฺมิํ คาเม กสฺสกพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต กุฎุมฺพํ สณฺฐเปตฺวา ตสฺส คามสฺส ปุพฺพุตฺตราย ทิสาย เอกสฺมิํ คามเขเตฺต กรีสสหสฺสมตฺตํ กสิํ กาเรสิฯ โส เอกทิวสํ มนุเสฺสหิ สทฺธิํ เขตฺตํ คนฺตฺวา กมฺมกาเร ‘‘กสถา’’ติ อาณาเปตฺวา มุขโธวนตฺถาย เขตฺตโกฎิยํ มหนฺตํ โสพฺภํ อุปสงฺกมิฯ ตสฺมิํ โข ปน โสเพฺภ เอโก สุวณฺณวโณฺณ กกฺกฎโก ปฎิวสติ อภิรูโป ปาสาทิโกฯ โพธิสโตฺต ทนฺตกฎฺฐํ ขาทิตฺวา ตํ โสพฺภํ โอตริฯ ตสฺส มุขโธวนกาเล กกฺกฎโก สนฺติกํ อาคมาสิฯ อถ นํ โส อุกฺขิปิตฺวา อตฺตโน อุตฺตริสาฎกนฺตเร นิปชฺชาเปตฺวา คเหตฺวา เขเตฺต กตฺตพฺพกิจฺจํ กตฺวา คจฺฉโนฺต ตเตฺถว นํ โสเพฺภ ปกฺขิปิตฺวา เคหํ อคมาสิฯ ตโต ปฎฺฐาย เขตฺตํ อาคจฺฉโนฺต ปฐมํ ตํ โสพฺภํ คนฺตฺวา กกฺกฎกํ อุกฺขิปิตฺวา อุตฺตริสาฎกนฺตเร นิปชฺชาเปตฺวา ปจฺฉา กมฺมนฺตํ วิจาเรสิฯ อิติ เตสํ อญฺญมญฺญํ วิสฺสาโส ทโฬฺห อโหสิฯ
Atīte rājagahassa pubbapasse sālindiyo nāma brāhmaṇagāmo hoti. Tadā bodhisatto tasmiṃ gāme kassakabrāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto kuṭumbaṃ saṇṭhapetvā tassa gāmassa pubbuttarāya disāya ekasmiṃ gāmakhette karīsasahassamattaṃ kasiṃ kāresi. So ekadivasaṃ manussehi saddhiṃ khettaṃ gantvā kammakāre ‘‘kasathā’’ti āṇāpetvā mukhadhovanatthāya khettakoṭiyaṃ mahantaṃ sobbhaṃ upasaṅkami. Tasmiṃ kho pana sobbhe eko suvaṇṇavaṇṇo kakkaṭako paṭivasati abhirūpo pāsādiko. Bodhisatto dantakaṭṭhaṃ khāditvā taṃ sobbhaṃ otari. Tassa mukhadhovanakāle kakkaṭako santikaṃ āgamāsi. Atha naṃ so ukkhipitvā attano uttarisāṭakantare nipajjāpetvā gahetvā khette kattabbakiccaṃ katvā gacchanto tattheva naṃ sobbhe pakkhipitvā gehaṃ agamāsi. Tato paṭṭhāya khettaṃ āgacchanto paṭhamaṃ taṃ sobbhaṃ gantvā kakkaṭakaṃ ukkhipitvā uttarisāṭakantare nipajjāpetvā pacchā kammantaṃ vicāresi. Iti tesaṃ aññamaññaṃ vissāso daḷho ahosi.
โพธิสโตฺต นิพทฺธํ เขตฺตํ อาคจฺฉติ, อกฺขีสุ จ ปนสฺส ปญฺจ ปสาทา ตีณิ มณฺฑลานิ วิสุทฺธานิ หุตฺวา ปญฺญายนฺติฯ อถสฺส เขตฺตโกฎิยํ เอกสฺมิํ ตาเล กากกุลาวเก กากี อกฺขีนิ ทิสฺวา ขาทิตุกามา หุตฺวา กากํ อาห – ‘‘สามิ, โทหโฬ เม อุปฺปโนฺน’’ติฯ ‘‘กิํ โทหโฬ นามา’’ติ? ‘‘เอตสฺส พฺราหฺมณสฺส อกฺขีนิ ขาทิตุกามามฺหี’’ติฯ ‘‘ทุโทฺทหโฬ เต อุปฺปโนฺน, โก เอตานิ อาหริตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติฯ ‘‘ตฺวํ น สโกฺกสี’’ติ อหเมฺปตํ ชานามิ, โย ปเนส ตาลสฺส อวิทูเร วมฺมิโก, เอตฺถ กณฺหสโปฺป วสติฯ ‘‘ตํ อุปฎฺฐห, โส เอตํ ฑํสิตฺวา มาเรสฺสติ, อถสฺส อกฺขีนิ อุปฺปาเฎตฺวา ตฺวํ อาหริสฺสสี’’ติ ฯ โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตโต ปฎฺฐาย กณฺหสปฺปํ อุปฎฺฐหิฯ โพธิสเตฺตนปิ วาปิตสสฺสานํ คพฺภคฺคหณกาเล กกฺกฎโก มหา อโหสิฯ อเถกทิวสํ สโปฺป กากมาห ‘‘สมฺม, ตฺวํ นิพทฺธํ มํ อุปฎฺฐหสิ, กิํ เต กโรมี’’ติฯ ‘‘สามิ, ตุมฺหากํ ทาสิยา เอตสฺส เขตฺตสามิกสฺส อกฺขีสุ โทหโฬ อุปฺปชฺชิ, สฺวาหํ ตุมฺหากํ อานุภาเวน ตสฺส อกฺขีนิ ลภิสฺสามีติ ตุเมฺห อุปฎฺฐหามี’’ติฯ สโปฺป ‘‘โหตุ, นยิทํ ครุกํ, ลภิสฺสสี’’ติ ตํ อสฺสาเสตฺวา ปุน ทิวเส พฺราหฺมณสฺส อาคมนมเคฺค เกทารมริยาทํ นิสฺสาย ติเณหิ ปฎิจฺฉโนฺน หุตฺวา ตสฺสาคมนํ โอโลเกโนฺต นิปชฺชิฯ
Bodhisatto nibaddhaṃ khettaṃ āgacchati, akkhīsu ca panassa pañca pasādā tīṇi maṇḍalāni visuddhāni hutvā paññāyanti. Athassa khettakoṭiyaṃ ekasmiṃ tāle kākakulāvake kākī akkhīni disvā khāditukāmā hutvā kākaṃ āha – ‘‘sāmi, dohaḷo me uppanno’’ti. ‘‘Kiṃ dohaḷo nāmā’’ti? ‘‘Etassa brāhmaṇassa akkhīni khāditukāmāmhī’’ti. ‘‘Duddohaḷo te uppanno, ko etāni āharituṃ sakkhissatī’’ti. ‘‘Tvaṃ na sakkosī’’ti ahampetaṃ jānāmi, yo panesa tālassa avidūre vammiko, ettha kaṇhasappo vasati. ‘‘Taṃ upaṭṭhaha, so etaṃ ḍaṃsitvā māressati, athassa akkhīni uppāṭetvā tvaṃ āharissasī’’ti . So ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā tato paṭṭhāya kaṇhasappaṃ upaṭṭhahi. Bodhisattenapi vāpitasassānaṃ gabbhaggahaṇakāle kakkaṭako mahā ahosi. Athekadivasaṃ sappo kākamāha ‘‘samma, tvaṃ nibaddhaṃ maṃ upaṭṭhahasi, kiṃ te karomī’’ti. ‘‘Sāmi, tumhākaṃ dāsiyā etassa khettasāmikassa akkhīsu dohaḷo uppajji, svāhaṃ tumhākaṃ ānubhāvena tassa akkhīni labhissāmīti tumhe upaṭṭhahāmī’’ti. Sappo ‘‘hotu, nayidaṃ garukaṃ, labhissasī’’ti taṃ assāsetvā puna divase brāhmaṇassa āgamanamagge kedāramariyādaṃ nissāya tiṇehi paṭicchanno hutvā tassāgamanaṃ olokento nipajji.
โพธิสโตฺต อาคจฺฉโนฺต ปฐมํ โสพฺภํ โอตริตฺวา มุขํ โธวิตฺวา สิเนหํ ปจฺจุปฎฺฐาเปตฺวา สุวณฺณกกฺกฎกํ อาลิเงฺคตฺวา อุตฺตริสาฎกนฺตเร นิปชฺชาเปตฺวา เขตฺตํ ปาวิสิฯ สโปฺป ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวาว เวเคน ปกฺขนฺทิตฺวา ปิณฺฑิกมํเส ฑํสิตฺวา ตเตฺถว ปาเตตฺวา วมฺมิกํ สนฺธาย ปลายิฯ โพธิสตฺตสฺส ปตนญฺจ กกฺกฎกสฺส สาฎกนฺตรโต ลงฺฆนญฺจ กากสฺส อาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส อุเร นิลียนญฺจ อปจฺฉาอปุริมํ อโหสิฯ กาโก นิลียิตฺวา อกฺขีนิ ตุเณฺฑน ปหริฯ กกฺกฎโก ‘‘อิมํ กากํ นิสฺสาย มม สหายสฺส ภยํ อุปฺปนฺนํ, เอตสฺมิํ คหิเต สโปฺป อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ สณฺฑาเสน คณฺหโนฺต วิย กากํ คีวายํ อเฬน ทฬฺหํ คเหตฺวา กิลเมตฺวา โถกํ สิถิลมกาสิฯ กาโก ‘‘กิสฺส มํ สมฺม, ฉเฑฺฑตฺวา ปลายสิ, เอส มํ กกฺกฎโก ภิโยฺย วิเหเฐติ, ยาว น มรามิ, ตาว เอหี’’ติ สปฺปํ ปโกฺกสโนฺต ปฐมํ คาถมาห –
Bodhisatto āgacchanto paṭhamaṃ sobbhaṃ otaritvā mukhaṃ dhovitvā sinehaṃ paccupaṭṭhāpetvā suvaṇṇakakkaṭakaṃ āliṅgetvā uttarisāṭakantare nipajjāpetvā khettaṃ pāvisi. Sappo taṃ āgacchantaṃ disvāva vegena pakkhanditvā piṇḍikamaṃse ḍaṃsitvā tattheva pātetvā vammikaṃ sandhāya palāyi. Bodhisattassa patanañca kakkaṭakassa sāṭakantarato laṅghanañca kākassa āgantvā bodhisattassa ure nilīyanañca apacchāapurimaṃ ahosi. Kāko nilīyitvā akkhīni tuṇḍena pahari. Kakkaṭako ‘‘imaṃ kākaṃ nissāya mama sahāyassa bhayaṃ uppannaṃ, etasmiṃ gahite sappo āgacchissatī’’ti saṇḍāsena gaṇhanto viya kākaṃ gīvāyaṃ aḷena daḷhaṃ gahetvā kilametvā thokaṃ sithilamakāsi. Kāko ‘‘kissa maṃ samma, chaḍḍetvā palāyasi, esa maṃ kakkaṭako bhiyyo viheṭheti, yāva na marāmi, tāva ehī’’ti sappaṃ pakkosanto paṭhamaṃ gāthamāha –
๙๔.
94.
‘‘สิงฺคีมิโค อายตจกฺขุเนโตฺต, อฎฺฐิตฺตโจ วาริสโย อโลโม;
‘‘Siṅgīmigo āyatacakkhunetto, aṭṭhittaco vārisayo alomo;
เตนาภิภูโต กปณํ รุทามิ, หเร สขา กิสฺส นุ มํ ชหาสี’’ติฯ
Tenābhibhūto kapaṇaṃ rudāmi, hare sakhā kissa nu maṃ jahāsī’’ti.
ตตฺถ สิงฺคีมิโคติ สิงฺคีสุวณฺณวณฺณตาย วา อฬสงฺขาตานํ วา สิงฺคานํ อตฺถิตาย กกฺกฎโก วุโตฺตฯ อายตจกฺขุเนโตฺตติ ทีเฆหิ จกฺขุสงฺขาเตหิ เนเตฺตหิ สมนฺนาคโตฯ อฎฺฐิเมว ตโจ อสฺสาติ อฎฺฐิตฺตโจฯ หเร สขาติ อาลปนเมตํ, อโมฺภ สหายาติ อโตฺถฯ
Tattha siṅgīmigoti siṅgīsuvaṇṇavaṇṇatāya vā aḷasaṅkhātānaṃ vā siṅgānaṃ atthitāya kakkaṭako vutto. Āyatacakkhunettoti dīghehi cakkhusaṅkhātehi nettehi samannāgato. Aṭṭhimeva taco assāti aṭṭhittaco. Hare sakhāti ālapanametaṃ, ambho sahāyāti attho.
สโปฺป ตํ สุตฺวา มหนฺตํ ผณํ กตฺวา กากํ อสฺสาเสโนฺต อคมาสิฯ สตฺถา อิมมตฺถํ ทีเปโนฺต อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
Sappo taṃ sutvā mahantaṃ phaṇaṃ katvā kākaṃ assāsento agamāsi. Satthā imamatthaṃ dīpento abhisambuddho hutvā dutiyaṃ gāthamāha –
๙๕.
95.
‘‘โส ปสฺสสโนฺต มหตา ผเณน, ภุชงฺคโม กกฺกฎมชฺฌปโตฺต;
‘‘So passasanto mahatā phaṇena, bhujaṅgamo kakkaṭamajjhapatto;
สขา สขารํ ปริตายมาโน, ภุชงฺคมํ กกฺกฎโก คเหสี’’ติฯ
Sakhā sakhāraṃ paritāyamāno, bhujaṅgamaṃ kakkaṭako gahesī’’ti.
ตตฺถ กกฺกฎมชฺฌปโตฺตติ กกฺกฎกํ สมฺปโตฺตฯ สขา สขารนฺติ สหาโย สหายํฯ ‘‘สกํ สขาร’’นฺติปิ ปาโฐ, อตฺตโน สหายนฺติ อโตฺถฯ ปริตายมาโนติ รกฺขมาโนฯ คเหสีติ ทุติเยน อเฬน คีวายํ ทฬฺหํ คเหสิฯ
Tattha kakkaṭamajjhapattoti kakkaṭakaṃ sampatto. Sakhā sakhāranti sahāyo sahāyaṃ. ‘‘Sakaṃ sakhāra’’ntipi pāṭho, attano sahāyanti attho. Paritāyamānoti rakkhamāno. Gahesīti dutiyena aḷena gīvāyaṃ daḷhaṃ gahesi.
อถ นํ กิลเมตฺวา โถกํ สิถิลมกาสิฯ อถ สโปฺป ‘‘กกฺกฎกา นาม เนว กากมํสํ ขาทนฺติ, น สปฺปมํสํ, อถ เกน นุ โข การเณน อยํ อเมฺห คณฺหี’’ติ จิเนฺตตฺวา ตํ ปุจฺฉโนฺต ตติยํ คาถมาห –
Atha naṃ kilametvā thokaṃ sithilamakāsi. Atha sappo ‘‘kakkaṭakā nāma neva kākamaṃsaṃ khādanti, na sappamaṃsaṃ, atha kena nu kho kāraṇena ayaṃ amhe gaṇhī’’ti cintetvā taṃ pucchanto tatiyaṃ gāthamāha –
๙๖.
96.
‘‘น วายสํ โน ปน กณฺหสปฺปํ, ฆาสตฺถิโก กกฺกฎโก อเทยฺย;
‘‘Na vāyasaṃ no pana kaṇhasappaṃ, ghāsatthiko kakkaṭako adeyya;
ปุจฺฉามิ ตํ อายตจกฺขุเนตฺต, อถ กิสฺส เหตุมฺห อุโภ คหีตา’’ติฯ
Pucchāmi taṃ āyatacakkhunetta, atha kissa hetumha ubho gahītā’’ti.
ตตฺถ ฆาสตฺถิโกติ อาหารตฺถิโก หุตฺวาฯ อเทยฺยาติอาทิเยยฺย, น-กาเรน โยเชตฺวา น คณฺหีติ อโตฺถฯ
Tattha ghāsatthikoti āhāratthiko hutvā. Adeyyātiādiyeyya, na-kārena yojetvā na gaṇhīti attho.
ตํ สุตฺวา กกฺกฎโก คหณการณํ กเถโนฺต เทฺว คาถา อภาสิ –
Taṃ sutvā kakkaṭako gahaṇakāraṇaṃ kathento dve gāthā abhāsi –
๙๗.
97.
‘‘อยํ ปุริโส มม อตฺถกาโม, โย มํ คเหตฺวาน ทกาย เนติ;
‘‘Ayaṃ puriso mama atthakāmo, yo maṃ gahetvāna dakāya neti;
ตสฺมิํ มเต ทุกฺขมนปฺปกํ เม, อหญฺจ เอโส จ อุโภ น โหมฯ
Tasmiṃ mate dukkhamanappakaṃ me, ahañca eso ca ubho na homa.
๙๘.
98.
‘‘มมญฺจ ทิสฺวาน ปวทฺธกายํ, สโพฺพ ชโน หิํสิตุเมว มิเจฺฉ;
‘‘Mamañca disvāna pavaddhakāyaṃ, sabbo jano hiṃsitumeva micche;
สาทุญฺจ ถูลญฺจ มุทุญฺจ มํสํ, กากาปิ มํ ทิสฺว วิเหฐเยยฺยุ’’นฺติฯ
Sāduñca thūlañca muduñca maṃsaṃ, kākāpi maṃ disva viheṭhayeyyu’’nti.
ตตฺถ อยนฺติ โพธิสตฺตํ นิทฺทิสติฯ อตฺถกาโมติ หิตกาโมฯ ทกาย เนตีติ โย มํ สมฺปิยายมาโน อุตฺตริสาฎเกน คเหตฺวาน อุทกาย เนติ, อตฺตโน วสนกโสพฺภํ ปาเปติฯ ตสฺมิํ มเตติ สเจ โส อิมสฺมิํ ฐาเน มริสฺสติ, เอตสฺมิํ มเต มม กายิกํ เจตสิกํ มหนฺตํ ทุกฺขํ ภวิสฺสตีติ ทีเปติฯ อุโภ น โหมาติ เทฺวปิ ชนา น ภวิสฺสามฯ มมญฺจ ทิสฺวานาติ คาถาย อยมโตฺถ – อิทญฺจ อปรํ การณํ, อิมสฺมิํ มเต อนาถํ นิปฺปจฺจยํ มํ ปวฑฺฒิตกายํ ทิสฺวา สโพฺพ ชโน ‘‘อิมสฺส กกฺกฎกสฺส สาทุญฺจ ถูลญฺจ มุทุญฺจ มํส’’นฺติ มํ มาเรตุํ อิเจฺฉยฺย, น เกวลญฺจ ชโน มนุโสฺส, ติรจฺฉานภูตา กากาปิ มํ ทิสฺวา วิเหฐเยยฺยุํ วิเหเสยฺยุํ มาเรยฺยุํฯ
Tattha ayanti bodhisattaṃ niddisati. Atthakāmoti hitakāmo. Dakāya netīti yo maṃ sampiyāyamāno uttarisāṭakena gahetvāna udakāya neti, attano vasanakasobbhaṃ pāpeti. Tasmiṃ mateti sace so imasmiṃ ṭhāne marissati, etasmiṃ mate mama kāyikaṃ cetasikaṃ mahantaṃ dukkhaṃ bhavissatīti dīpeti. Ubho na homāti dvepi janā na bhavissāma. Mamañca disvānāti gāthāya ayamattho – idañca aparaṃ kāraṇaṃ, imasmiṃ mate anāthaṃ nippaccayaṃ maṃ pavaḍḍhitakāyaṃ disvā sabbo jano ‘‘imassa kakkaṭakassa sāduñca thūlañca muduñca maṃsa’’nti maṃ māretuṃ iccheyya, na kevalañca jano manusso, tiracchānabhūtā kākāpi maṃ disvā viheṭhayeyyuṃ viheseyyuṃ māreyyuṃ.
ตํ สุตฺวา สโปฺป จิเนฺตสิ ‘‘เอเกนุปาเยน อิมํ วเญฺจตฺวา กากญฺจ อตฺตานญฺจ โมเจสฺสามี’’ติฯ อถ นํ วเญฺจตุกาโม ฉฎฺฐํ คาถมาห –
Taṃ sutvā sappo cintesi ‘‘ekenupāyena imaṃ vañcetvā kākañca attānañca mocessāmī’’ti. Atha naṃ vañcetukāmo chaṭṭhaṃ gāthamāha –
๙๙.
99.
‘‘สเจตสฺส เหตุมฺห อุโภ คหีตา, อุฎฺฐาตุ โปเส วิสมาวมามิ;
‘‘Sacetassa hetumha ubho gahītā, uṭṭhātu pose visamāvamāmi;
มมญฺจ กากญฺจ ปมุญฺจ ขิปฺปํ, ปุเร วิสํ คาฬฺหมุเปติ มจฺจ’’นฺติฯ
Mamañca kākañca pamuñca khippaṃ, pure visaṃ gāḷhamupeti macca’’nti.
ตตฺถ สเจตสฺส เหตูติ สเจ เอตสฺส การณาฯ อุฎฺฐาตูติ นิพฺพิโส โหตุฯ วิสมาวมามีติ อหมสฺส วิสํ อากฑฺฒามิ, นิพฺพิสํ นํ กโรมิฯ ปุเร วิสํ คาฬฺหมุเปติ มจฺจนฺติ อิมญฺหิ มจฺจํ มยา อนาวมิยมานํ วิสํ คาฬฺหํ พลวํ หุตฺวา อุปคเจฺฉยฺย, ตํ ยาว น อุปคจฺฉติ, ตาวเทว อเมฺห เทฺวปิ ชเน ขิปฺปํ มุญฺจาติฯ
Tattha sacetassa hetūti sace etassa kāraṇā. Uṭṭhātūti nibbiso hotu. Visamāvamāmīti ahamassa visaṃ ākaḍḍhāmi, nibbisaṃ naṃ karomi. Pure visaṃ gāḷhamupeti maccanti imañhi maccaṃ mayā anāvamiyamānaṃ visaṃ gāḷhaṃ balavaṃ hutvā upagaccheyya, taṃ yāva na upagacchati, tāvadeva amhe dvepi jane khippaṃ muñcāti.
ตํ สุตฺวา กกฺกฎโก จิเนฺตสิ ‘‘อยํ เอเกนุปาเยน มํ เทฺวปิ ชเน วิสฺสชฺชาเปตฺวา ปลายิตุกาโม, มยฺหํ อุปายโกสลฺลํ น ชานาติ, อหํ ทานิ ยถา สโปฺป สญฺจริตุํ สโกฺกติ, เอวํ อฬํ สิถิลํ กริสฺสามิ, กากํ ปน เนว วิสฺสเชฺชสฺสามี’’ติ เอวํ จิเนฺตตฺวา สตฺตมํ คาถมาห –
Taṃ sutvā kakkaṭako cintesi ‘‘ayaṃ ekenupāyena maṃ dvepi jane vissajjāpetvā palāyitukāmo, mayhaṃ upāyakosallaṃ na jānāti, ahaṃ dāni yathā sappo sañcarituṃ sakkoti, evaṃ aḷaṃ sithilaṃ karissāmi, kākaṃ pana neva vissajjessāmī’’ti evaṃ cintetvā sattamaṃ gāthamāha –
๑๐๐.
100.
‘‘สปฺปํ ปโมกฺขามิ น ตาว กากํ, ปฎิพนฺธโก โหหิติ ตาว กาโก;
‘‘Sappaṃ pamokkhāmi na tāva kākaṃ, paṭibandhako hohiti tāva kāko;
ปุริสญฺจ ทิสฺวาน สุขิํ อโรคํ, กากํ ปโมกฺขามิ ยเถว สปฺป’’นฺติฯ
Purisañca disvāna sukhiṃ arogaṃ, kākaṃ pamokkhāmi yatheva sappa’’nti.
ตตฺถ ปฎิพนฺธโกติ ปาฎิโภโคฯ ยเถว สปฺปนฺติ ยถา ภวนฺตํ สปฺปํ มุญฺจามิ, ตถา กากํ ปโมกฺขามิ, เกวลํ ตฺวํ อิมสฺส พฺราหฺมณสฺส สรีรโต สีฆํ วิสํ อาวมาหีติฯ
Tattha paṭibandhakoti pāṭibhogo. Yatheva sappanti yathā bhavantaṃ sappaṃ muñcāmi, tathā kākaṃ pamokkhāmi, kevalaṃ tvaṃ imassa brāhmaṇassa sarīrato sīghaṃ visaṃ āvamāhīti.
เอวญฺจ ปน วตฺวา ตสฺส สุขสญฺจารณตฺถํ อฬํ สิถิลมกาสิฯ สโปฺป วิสํ อาวมิตฺวา มหาสตฺตสฺส สรีรํ นิพฺพิสํ อกาสิฯ โส นิทฺทุโกฺข อุฎฺฐาย ปกติวเณฺณเนว อฎฺฐาสิฯ กกฺกฎโก ‘‘สเจ อิเม เทฺวปิ ชนา อโรคา ภวิสฺสนฺติ, มยฺหํ สหายสฺส วฑฺฒิ นาม น ภวิสฺสติ, วินาเสสฺสามิ เน’’ติ จิเนฺตตฺวา กตฺตริกาย อุปฺปลมกุฬํ วิย อเฬหิ อุภินฺนมฺปิ สีสํ กเปฺปตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิฯ กากีปิ ตมฺหา ฐานา ปลายิฯ โพธิสโตฺต สปฺปสฺส สรีรํ ทณฺฑเก เวเฐตฺวา คุมฺพปิเฎฺฐ ขิปิฯ สุวณฺณกกฺกฎกํ โสเพฺภ วิสฺสเชฺชตฺวา นฺหตฺวา สาลินฺทิยคามเมว คโตฯ ตโต ปฎฺฐาย กกฺกฎเกน สทฺธิํ อธิกตโร วิสฺสาโส อโหสิฯ
Evañca pana vatvā tassa sukhasañcāraṇatthaṃ aḷaṃ sithilamakāsi. Sappo visaṃ āvamitvā mahāsattassa sarīraṃ nibbisaṃ akāsi. So niddukkho uṭṭhāya pakativaṇṇeneva aṭṭhāsi. Kakkaṭako ‘‘sace ime dvepi janā arogā bhavissanti, mayhaṃ sahāyassa vaḍḍhi nāma na bhavissati, vināsessāmi ne’’ti cintetvā kattarikāya uppalamakuḷaṃ viya aḷehi ubhinnampi sīsaṃ kappetvā jīvitakkhayaṃ pāpesi. Kākīpi tamhā ṭhānā palāyi. Bodhisatto sappassa sarīraṃ daṇḍake veṭhetvā gumbapiṭṭhe khipi. Suvaṇṇakakkaṭakaṃ sobbhe vissajjetvā nhatvā sālindiyagāmameva gato. Tato paṭṭhāya kakkaṭakena saddhiṃ adhikataro vissāso ahosi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนโนฺต โอสานคาถมาห –
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānento osānagāthamāha –
๑๐๑.
101.
‘‘กาโก ตทา เทวทโตฺต อโหสิ, มาโร ปน กณฺหสโปฺป อโหสิ;
‘‘Kāko tadā devadatto ahosi, māro pana kaṇhasappo ahosi;
อานนฺทภโทฺท กกฺกฎโก อโหสิ, อหํ ตทา พฺราหฺมโณ โหมิ สตฺถา’’ติฯ
Ānandabhaddo kakkaṭako ahosi, ahaṃ tadā brāhmaṇo homi satthā’’ti.
สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํฯ กากี ปน คาถาย น วุตฺตา, สา จิญฺจมาณวิกา อโหสีติฯ
Saccapariyosāne bahū sotāpannādayo ahesuṃ. Kākī pana gāthāya na vuttā, sā ciñcamāṇavikā ahosīti.
สุวณฺณกกฺกฎกชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ
Suvaṇṇakakkaṭakajātakavaṇṇanā catutthā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๘๙. สุวณฺณกกฺกฎชาตกํ • 389. Suvaṇṇakakkaṭajātakaṃ