Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๓๕๙] ๙. สุวณฺณมิคชาตกวณฺณนา

    [359] 9. Suvaṇṇamigajātakavaṇṇanā

    วิกฺกม เร หริปาทาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต สาวตฺถิยํ เอกํ กุลธีตรํ อารพฺภ กเถสิฯ สา กิร สาวตฺถิยํ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ อุปฎฺฐากกุลสฺส ธีตา สทฺธา ปสนฺนา พุทฺธมามกา ธมฺมมามกา สงฺฆมามกา อาจารสมฺปนฺนา ปณฺฑิตา ทานาทิปุญฺญาภิรตาฯ ตํ อญฺญํ สาวตฺถิยเมว สมานชาติกํ มิจฺฉาทิฎฺฐิกกุลํ วาเรสิฯ อถสฺสา มาตาปิตโร ‘‘อมฺหากํ ธีตา สทฺธา ปสนฺนา ตีณิ รตนานิ มมายติ ทานาทิปุญฺญาภิรตา, ตุเมฺห มิจฺฉาทิฎฺฐิกา อิมิสฺสาปิ ยถารุจิยา ทานํ วา ทาตุํ ธมฺมํ วา โสตุํ วิหารํ วา คนฺตุํ สีลํ วา รกฺขิตุํ อุโปสถกมฺมํ วา กาตุํ น ทสฺสถ, น มยํ ตุมฺหากํ เทม, อตฺตนา สทิสํ มิจฺฉาทิฎฺฐิกกุลาว กุมาริกํ คณฺหถา’’ติ อาหํสุฯ เต เตหิ ปฎิกฺขิตฺตา ‘‘ตุมฺหากํ ธีตา อมฺหากํ ฆรํ คนฺตฺวา ยถาธิปฺปาเยน สพฺพเมตํ กโรตุ, มยํ น วาเรสฺสาม, เทถ โน เอต’’นฺติ วตฺวา ‘‘เตน หิ คณฺหถา’’ติ วุตฺตา ภทฺทเกน นกฺขเตฺตน มงฺคลํ กตฺวา ตํ อตฺตโน ฆรํ นยิํสุฯ สา วตฺตาจารสมฺปนฺนา ปติเทวตา อโหสิ, สสฺสุสสุรสามิกวตฺตานิ กตาเนว โหนฺติฯ

    Vikkamare haripādāti idaṃ satthā jetavane viharanto sāvatthiyaṃ ekaṃ kuladhītaraṃ ārabbha kathesi. Sā kira sāvatthiyaṃ dvinnaṃ aggasāvakānaṃ upaṭṭhākakulassa dhītā saddhā pasannā buddhamāmakā dhammamāmakā saṅghamāmakā ācārasampannā paṇḍitā dānādipuññābhiratā. Taṃ aññaṃ sāvatthiyameva samānajātikaṃ micchādiṭṭhikakulaṃ vāresi. Athassā mātāpitaro ‘‘amhākaṃ dhītā saddhā pasannā tīṇi ratanāni mamāyati dānādipuññābhiratā, tumhe micchādiṭṭhikā imissāpi yathāruciyā dānaṃ vā dātuṃ dhammaṃ vā sotuṃ vihāraṃ vā gantuṃ sīlaṃ vā rakkhituṃ uposathakammaṃ vā kātuṃ na dassatha, na mayaṃ tumhākaṃ dema, attanā sadisaṃ micchādiṭṭhikakulāva kumārikaṃ gaṇhathā’’ti āhaṃsu. Te tehi paṭikkhittā ‘‘tumhākaṃ dhītā amhākaṃ gharaṃ gantvā yathādhippāyena sabbametaṃ karotu, mayaṃ na vāressāma, detha no eta’’nti vatvā ‘‘tena hi gaṇhathā’’ti vuttā bhaddakena nakkhattena maṅgalaṃ katvā taṃ attano gharaṃ nayiṃsu. Sā vattācārasampannā patidevatā ahosi, sassusasurasāmikavattāni katāneva honti.

    สา เอกทิวสํ สามิกํ อาห – ‘‘อิจฺฉามหํ, อยฺยปุตฺต, อมฺหากํ กุลูปกเตฺถรานํ ทานํ ทาตุ’’นฺติฯ สาธุ, ภเทฺท, ยถาชฺฌาสเยน ทานํ เทหีติฯ สา เถเร นิมนฺตาเปตฺวา มหนฺตํ สกฺการํ กตฺวา ปณีตโภชนํ โภเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ‘‘ภเนฺต, อิมํ กุลํ มิจฺฉาทิฎฺฐิกํ อสฺสทฺธํ ติณฺณํ รตนานํ คุณํ น ชานาติ, สาธุ, อยฺยา, ยาว อิมํ กุลํ ติณฺณํ รตนานํ คุณํ ชานาติ, ตาว อิเธว ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ อาหฯ เถรา อธิวาเสตฺวา ตตฺถ นิพทฺธํ ภุญฺชนฺติฯ ปุน สามิกํ อาห ‘‘อยฺยปุตฺต, เถรา อิธ นิพทฺธํ อาคจฺฉนฺติ, กิํการณา ตุเมฺห น ปสฺสถา’’ติฯ ‘‘สาธุ, ปสฺสิสฺสามี’’ติฯ สา ปุนทิวเส เถรานํ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ตสฺส อาโรเจสิ ฯ โส อุปสงฺกมิตฺวา เถเรหิ สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ อถสฺส ธมฺมเสนาปติ ธมฺมกถํ กเถสิฯ โส เถรสฺส ธมฺมกถาย จ อิริยาปเถสุ จ ปสีทิตฺวา ตโต ปฎฺฐาย เถรานํ อาสนํ ปญฺญเปติ, ปานียํ ปริสฺสาเวติ, อนฺตราภเตฺต ธมฺมกถํ สุณาติ, ตสฺส อปรภาเค มิจฺฉาทิฎฺฐิ ภิชฺชิฯ

    Sā ekadivasaṃ sāmikaṃ āha – ‘‘icchāmahaṃ, ayyaputta, amhākaṃ kulūpakattherānaṃ dānaṃ dātu’’nti. Sādhu, bhadde, yathājjhāsayena dānaṃ dehīti. Sā there nimantāpetvā mahantaṃ sakkāraṃ katvā paṇītabhojanaṃ bhojetvā ekamantaṃ nisīditvā ‘‘bhante, imaṃ kulaṃ micchādiṭṭhikaṃ assaddhaṃ tiṇṇaṃ ratanānaṃ guṇaṃ na jānāti, sādhu, ayyā, yāva imaṃ kulaṃ tiṇṇaṃ ratanānaṃ guṇaṃ jānāti, tāva idheva bhikkhaṃ gaṇhathā’’ti āha. Therā adhivāsetvā tattha nibaddhaṃ bhuñjanti. Puna sāmikaṃ āha ‘‘ayyaputta, therā idha nibaddhaṃ āgacchanti, kiṃkāraṇā tumhe na passathā’’ti. ‘‘Sādhu, passissāmī’’ti. Sā punadivase therānaṃ bhattakiccapariyosāne tassa ārocesi . So upasaṅkamitvā therehi saddhiṃ paṭisanthāraṃ katvā ekamantaṃ nisīdi. Athassa dhammasenāpati dhammakathaṃ kathesi. So therassa dhammakathāya ca iriyāpathesu ca pasīditvā tato paṭṭhāya therānaṃ āsanaṃ paññapeti, pānīyaṃ parissāveti, antarābhatte dhammakathaṃ suṇāti, tassa aparabhāge micchādiṭṭhi bhijji.

    อเถกทิวสํ เถโร ทฺวินฺนมฺปิ ธมฺมกถํ กเถโนฺต สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อุโภปิ ชยมฺปติกา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิํสุฯ ตโต ปฎฺฐาย ตสฺส มาตาปิตโร อาทิํ กตฺวา อนฺตมโส ทาสกมฺมกราปิ สเพฺพ มิจฺฉาทิฎฺฐิํ ภินฺทิตฺวา พุทฺธธมฺมสงฺฆมามกาเยว ชาตาฯ อเถกทิวสํ ทาริกา สามิกํ อาห – ‘‘อยฺยปุตฺต, กิํ เม ฆราวาเสน, อิจฺฉามหํ ปพฺพชิตุ’’นฺติฯ โส ‘‘สาธุ ภเทฺท, อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ มหเนฺตน ปริวาเรน ตํ ภิกฺขุนุปสฺสยํ เนตฺวา ปพฺพาเชตฺวา สยมฺปิ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิฯ ตํ สตฺถา ปพฺพาเชสิฯ อุโภปิ วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา น จิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุกา นาม ทหรภิกฺขุนี อตฺตโน เจว ปจฺจยา ชาตา สามิกสฺส จ, อตฺตนาปิ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา ตมฺปิ ปาเปสี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ตาว เอสา สามิกํ ราคปาสา โมเจสิ, ปุเพฺพเปสา โปราณกปณฺฑิเต ปน มรณปาสา โมเจสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Athekadivasaṃ thero dvinnampi dhammakathaṃ kathento saccāni pakāsesi, saccapariyosāne ubhopi jayampatikā sotāpattiphale patiṭṭhahiṃsu. Tato paṭṭhāya tassa mātāpitaro ādiṃ katvā antamaso dāsakammakarāpi sabbe micchādiṭṭhiṃ bhinditvā buddhadhammasaṅghamāmakāyeva jātā. Athekadivasaṃ dārikā sāmikaṃ āha – ‘‘ayyaputta, kiṃ me gharāvāsena, icchāmahaṃ pabbajitu’’nti. So ‘‘sādhu bhadde, ahampi pabbajissāmī’’ti mahantena parivārena taṃ bhikkhunupassayaṃ netvā pabbājetvā sayampi satthāraṃ upasaṅkamitvā pabbajjaṃ yāci. Taṃ satthā pabbājesi. Ubhopi vipassanaṃ vaḍḍhetvā na cirasseva arahattaṃ pāpuṇiṃsu. Athekadivasaṃ bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, asukā nāma daharabhikkhunī attano ceva paccayā jātā sāmikassa ca, attanāpi pabbajitvā arahattaṃ patvā tampi pāpesī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva tāva esā sāmikaṃ rāgapāsā mocesi, pubbepesā porāṇakapaṇḍite pana maraṇapāsā mocesī’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต มิคโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต อภิรูโป อโหสิ ปาสาทิโก ทสฺสนีโย สุวณฺณวโณฺณ ลาขารสปริกมฺมกเตหิ วิย หตฺถปาเทหิ รชตทามสทิเสหิ วิสาเณหิ มณิคุฬิกปฎิภาเคหิ อกฺขีหิ รตฺตกมฺพลเคณฺฑุสทิเสน มุเขน สมนฺนาคโตฯ ภริยาปิสฺส ตรุณมิคี อภิรูปา อโหสิ ทสฺสนียาฯ เต สมคฺควาสํ วสิํสุ, อสีติสหสฺสจิตฺรมิคา โพธิสตฺตํ อุปฎฺฐหิํสุฯ ตทา ลุทฺทกา มิควีถีสุ ปาเส โอเฑฺฑสุํฯ อเถกทิวสํ โพธิสโตฺต มิคานํ ปุรโต คจฺฉโนฺต ปาเท ปาเสน พชฺฌิตฺวา ‘‘ฉินฺทิสฺสามิ น’’นฺติ อากฑฺฒิ, จมฺมํ ฉิชฺชิ, ปุน อากฑฺฒนฺตสฺส มํสํ ฉิชฺชิ, ปุน นฺหารุ ฉิชฺชิ, ปาโส อฎฺฐิมาหจฺจ อฎฺฐาสิฯ โส ปาสํ ฉินฺทิตุํ อสโกฺกโนฺต มรณภยตชฺชิโต พทฺธรวํ รวิฯ ตํ สุตฺวา ภีโต มิคคโณ ปลายิฯ ภริยา ปนสฺส ปลายิตฺวา มิคานํ อนฺตเร โอโลเกนฺตี ตํ อทิสฺวา ‘‘อิทํ ภยํ มยฺหํ ปิยสามิกสฺส อุปฺปนฺนํ ภวิสฺสตี’’ติ เวเคน ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อสฺสุมุขี โรทมานา ‘‘สามิ , ตฺวํ มหพฺพโล, กิํ เอตํ ปาสํ สนฺธาเรตุํ น สกฺขิสฺสสิ, เวคํ ชเนตฺวา ฉินฺทาหิ น’’นฺติ ตสฺส อุสฺสาหํ ชเนนฺตี ปฐมํ คาถมาห –

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto migayoniyaṃ nibbattitvā vayappatto abhirūpo ahosi pāsādiko dassanīyo suvaṇṇavaṇṇo lākhārasaparikammakatehi viya hatthapādehi rajatadāmasadisehi visāṇehi maṇiguḷikapaṭibhāgehi akkhīhi rattakambalageṇḍusadisena mukhena samannāgato. Bhariyāpissa taruṇamigī abhirūpā ahosi dassanīyā. Te samaggavāsaṃ vasiṃsu, asītisahassacitramigā bodhisattaṃ upaṭṭhahiṃsu. Tadā luddakā migavīthīsu pāse oḍḍesuṃ. Athekadivasaṃ bodhisatto migānaṃ purato gacchanto pāde pāsena bajjhitvā ‘‘chindissāmi na’’nti ākaḍḍhi, cammaṃ chijji, puna ākaḍḍhantassa maṃsaṃ chijji, puna nhāru chijji, pāso aṭṭhimāhacca aṭṭhāsi. So pāsaṃ chindituṃ asakkonto maraṇabhayatajjito baddharavaṃ ravi. Taṃ sutvā bhīto migagaṇo palāyi. Bhariyā panassa palāyitvā migānaṃ antare olokentī taṃ adisvā ‘‘idaṃ bhayaṃ mayhaṃ piyasāmikassa uppannaṃ bhavissatī’’ti vegena tassa santikaṃ gantvā assumukhī rodamānā ‘‘sāmi , tvaṃ mahabbalo, kiṃ etaṃ pāsaṃ sandhāretuṃ na sakkhissasi, vegaṃ janetvā chindāhi na’’nti tassa ussāhaṃ janentī paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๕๐.

    50.

    ‘‘วิกฺกม เร หริปาท, วิกฺกม เร มหามิค;

    ‘‘Vikkama re haripāda, vikkama re mahāmiga;

    ฉินฺท วารตฺติกํ ปาสํ, นาหํ เอกา วเน รเม’’ติฯ

    Chinda vārattikaṃ pāsaṃ, nāhaṃ ekā vane rame’’ti.

    ตตฺถ วิกฺกมาติ ปรกฺกม, อากฑฺฒาติ อโตฺถฯ เรติ อามนฺตเน นิปาโตฯ หริปาทาติ สุวณฺณปาทฯ สกลสรีรมฺปิ ตสฺส สุวณฺณวณฺณํ, อยํ ปน คารเวเนวมาหฯ นาหํ เอกาติ อหํ ตยา วินา เอกิกา วเน น รมิสฺสามิ, ติโณทกํ ปน อคฺคเหตฺวา สุสฺสิตฺวา มริสฺสามีติ ทเสฺสติฯ

    Tattha vikkamāti parakkama, ākaḍḍhāti attho. Reti āmantane nipāto. Haripādāti suvaṇṇapāda. Sakalasarīrampi tassa suvaṇṇavaṇṇaṃ, ayaṃ pana gāravenevamāha. Nāhaṃ ekāti ahaṃ tayā vinā ekikā vane na ramissāmi, tiṇodakaṃ pana aggahetvā sussitvā marissāmīti dasseti.

    ตํ สุตฺวา มิโค ทุติยํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā migo dutiyaṃ gāthamāha –

    ๕๑.

    51.

    ‘‘วิกฺกมามิ น ปาเรมิ, ภูมิํ สุมฺภามิ เวคสา;

    ‘‘Vikkamāmi na pāremi, bhūmiṃ sumbhāmi vegasā;

    ทโฬฺห วารตฺติโก ปาโส, ปาทํ เม ปริกนฺตตี’’ติฯ

    Daḷho vārattiko pāso, pādaṃ me parikantatī’’ti.

    ตตฺถ วิกฺกมามีติ ภเทฺท, อหํ วีริยํ กโรมิฯ น ปาเรมีติ ปาสํ ฉินฺทิตุํ ปน น สโกฺกมีติ อโตฺถฯ ภูมิํ สุมฺภามีติ อปิ นาม ฉิเชฺชยฺยาติ ปาเทนาปิ ภูมิํ ปหรามิฯ เวคสาติ เวเคนฯ ปริกนฺตตีติ จมฺมาทีนิ ฉินฺทโนฺต สมนฺตา กนฺตตีติฯ

    Tattha vikkamāmīti bhadde, ahaṃ vīriyaṃ karomi. Na pāremīti pāsaṃ chindituṃ pana na sakkomīti attho. Bhūmiṃ sumbhāmīti api nāma chijjeyyāti pādenāpi bhūmiṃ paharāmi. Vegasāti vegena. Parikantatīti cammādīni chindanto samantā kantatīti.

    อถ นํ มิคี ‘‘มา ภายิ, สามิ, อหํ อตฺตโน พเลน ลุทฺทกํ ยาจิตฺวา ตว ชีวิตํ อาหริสฺสามิฯ สเจ ยาจนาย น สกฺขิสฺสามิ, มม ชีวิตมฺปิ ทตฺวา ตว ชีวิตํ อาหริสฺสามี’’ติ มหาสตฺตํ อสฺสาเสตฺวา โลหิตลิตฺตํ โพธิสตฺตํ ปริคฺคเหตฺวา อฎฺฐาสิฯ ลุทฺทโกปิ อสิญฺจ สตฺติญฺจ คเหตฺวา กปฺปุฎฺฐานคฺคิ วิย อาคจฺฉติฯ สา ตํ ทิสฺวา ‘‘สามิ, ลุทฺทโก อาคจฺฉติ, อหํ อตฺตโน พลํ กริสฺสามิ, ตฺวํ มา ภายี’’ติ มิคํ อสฺสาเสตฺวา ลุทฺทกสฺส ปฎิปถํ คนฺตฺวา ปฎิกฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ ฐิตา ตํ วนฺทิตฺวา ‘‘สามิ, มม สามิโก สุวณฺณวโณฺณ สีลาจารสมฺปโนฺน, อสีติสหสฺสานํ มิคานํ ราชา’’ติ โพธิสตฺตสฺส คุณํ กเถตฺวา มิคราเช ฐิเตเยว อตฺตโน วธํ ยาจนฺตี ตติยํ คาถมาห –

    Atha naṃ migī ‘‘mā bhāyi, sāmi, ahaṃ attano balena luddakaṃ yācitvā tava jīvitaṃ āharissāmi. Sace yācanāya na sakkhissāmi, mama jīvitampi datvā tava jīvitaṃ āharissāmī’’ti mahāsattaṃ assāsetvā lohitalittaṃ bodhisattaṃ pariggahetvā aṭṭhāsi. Luddakopi asiñca sattiñca gahetvā kappuṭṭhānaggi viya āgacchati. Sā taṃ disvā ‘‘sāmi, luddako āgacchati, ahaṃ attano balaṃ karissāmi, tvaṃ mā bhāyī’’ti migaṃ assāsetvā luddakassa paṭipathaṃ gantvā paṭikkamitvā ekamantaṃ ṭhitā taṃ vanditvā ‘‘sāmi, mama sāmiko suvaṇṇavaṇṇo sīlācārasampanno, asītisahassānaṃ migānaṃ rājā’’ti bodhisattassa guṇaṃ kathetvā migarāje ṭhiteyeva attano vadhaṃ yācantī tatiyaṃ gāthamāha –

    ๕๒.

    52.

    ‘‘อตฺถรสฺสุ ปลาสานิ, อสิํ นิพฺพาห ลุทฺทก;

    ‘‘Attharassu palāsāni, asiṃ nibbāha luddaka;

    ปฐมํ มํ วธิตฺวาน, หน ปจฺฉา มหามิค’’นฺติฯ

    Paṭhamaṃ maṃ vadhitvāna, hana pacchā mahāmiga’’nti.

    ตตฺถ ปลาสานีติ มํสฎฺฐปนตฺถํ ปลาสปณฺณานิ อตฺถรสฺสุฯ อสิํ นิพฺพาหาติ อสิํ โกสโต นีหรฯ

    Tattha palāsānīti maṃsaṭṭhapanatthaṃ palāsapaṇṇāni attharassu. Asiṃ nibbāhāti asiṃ kosato nīhara.

    ตํ สุตฺวา ลุทฺทโก ‘‘มนุสฺสภูตา ตาว สามิกสฺส อตฺถาย อตฺตโน ชีวิตํ น ปริจฺจชนฺติ, อยํ ติรจฺฉานคตา ชีวิตํ ปริจฺจชติ, มนุสฺสภาสาย จ มธุเรน สเรน กเถติ, อชฺช อิมิสฺสา จ ปติโน จสฺสา ชีวิตํ ทสฺสามี’’ติ ปสนฺนจิโตฺต จตุตฺถํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā luddako ‘‘manussabhūtā tāva sāmikassa atthāya attano jīvitaṃ na pariccajanti, ayaṃ tiracchānagatā jīvitaṃ pariccajati, manussabhāsāya ca madhurena sarena katheti, ajja imissā ca patino cassā jīvitaṃ dassāmī’’ti pasannacitto catutthaṃ gāthamāha –

    ๕๓.

    53.

    ‘‘น เม สุตํ วา ทิฎฺฐํ วา, ภาสนฺติํ มานุสิํ มิคิํ;

    ‘‘Na me sutaṃ vā diṭṭhaṃ vā, bhāsantiṃ mānusiṃ migiṃ;

    ตฺวญฺจ ภเทฺท สุขี โหหิ, เอโส จาปิ มหามิโค’’ติฯ

    Tvañca bhadde sukhī hohi, eso cāpi mahāmigo’’ti.

    ตตฺถ สุตํ วา ทิฎฺฐํ วาติ มยา อิโต ปุเพฺพ เอวรูปํ ทิฎฺฐํ วา สุตํ วา นตฺถิฯ ภาสนฺติํ มานุสิํ มิคินฺติ อหญฺหิ อิโต ปุเพฺพ มานุสิํ วาจํ ภาสนฺติํ มิคิํ เนว อทฺทสํ น อโสฺสสิํฯ เยสํ ปน ‘‘น เม สุตา วา ทิฎฺฐา วา, ภาสนฺตี มานุสี มิคี’’ติ ปาฬิ, เตสํ ยถาปาฬิเมว อโตฺถ ทิสฺสติฯ ภเทฺทติ ภทฺทเก ปณฺฑิเก อุปายกุสเลฯ อิติ ตํ อาลปิตฺวา ปุน ‘‘ตฺวญฺจ เอโส จาปิ มหามิโคติ เทฺวปิ ชนา สุขี นิทฺทุกฺขา โหถา’’ติ ตํ สมสฺสาเสตฺวา ลุทฺทโก โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วาสิยา จมฺมปาสํ ฉินฺทิตฺวา ปาเท ลคฺคปาสกํ สณิกํ นีหริตฺวา นฺหารุนา นฺหารุํ, มํเสน มํสํ, จเมฺมน จมฺมํ ปฎิปาเฎตฺวา ปาทํ หเตฺถน ปริมชฺชิฯ ตงฺขณเญฺญว มหาสตฺตสฺส ปูริตปารมิตานุภาเวน ลุทฺทกสฺส จ เมตฺตจิตฺตานุภาเวน มิคิยา จ เมตฺตธมฺมานุภาเวน นฺหารุมํสจมฺมานิ นฺหารุมํสจเมฺมหิ ฆฎยิํสุฯ โพธิสโตฺต ปน สุขี นิทฺทุโกฺข อฎฺฐาสิฯ

    Tattha sutaṃ vā diṭṭhaṃ vāti mayā ito pubbe evarūpaṃ diṭṭhaṃ vā sutaṃ vā natthi. Bhāsantiṃ mānusiṃ miginti ahañhi ito pubbe mānusiṃ vācaṃ bhāsantiṃ migiṃ neva addasaṃ na assosiṃ. Yesaṃ pana ‘‘na me sutā vā diṭṭhā vā, bhāsantī mānusī migī’’ti pāḷi, tesaṃ yathāpāḷimeva attho dissati. Bhaddeti bhaddake paṇḍike upāyakusale. Iti taṃ ālapitvā puna ‘‘tvañca eso cāpi mahāmigoti dvepi janā sukhī niddukkhā hothā’’ti taṃ samassāsetvā luddako bodhisattassa santikaṃ gantvā vāsiyā cammapāsaṃ chinditvā pāde laggapāsakaṃ saṇikaṃ nīharitvā nhārunā nhāruṃ, maṃsena maṃsaṃ, cammena cammaṃ paṭipāṭetvā pādaṃ hatthena parimajji. Taṅkhaṇaññeva mahāsattassa pūritapāramitānubhāvena luddakassa ca mettacittānubhāvena migiyā ca mettadhammānubhāvena nhārumaṃsacammāni nhārumaṃsacammehi ghaṭayiṃsu. Bodhisatto pana sukhī niddukkho aṭṭhāsi.

    มิคี โพธิสตฺตํ สุขิตํ ทิสฺวา โสมนสฺสชาตา ลุทฺทกสฺส อนุโมทนํ กโรนฺตี ปญฺจมํ คาถมาห –

    Migī bodhisattaṃ sukhitaṃ disvā somanassajātā luddakassa anumodanaṃ karontī pañcamaṃ gāthamāha –

    ๕๔.

    54.

    ‘‘เอวํ ลุทฺทก นนฺทสฺสุ, สห สเพฺพหิ ญาติภิ;

    ‘‘Evaṃ luddaka nandassu, saha sabbehi ñātibhi;

    ยถาหมชฺช นนฺทามิ, มุตฺตํ ทิสฺวา มหามิค’’นฺติฯ

    Yathāhamajja nandāmi, muttaṃ disvā mahāmiga’’nti.

    ตตฺถ ลุทฺทกาติ ทารุณกมฺมกิริยาย ลทฺธนามวเสน อาลปติฯ

    Tattha luddakāti dāruṇakammakiriyāya laddhanāmavasena ālapati.

    โพธิสโตฺต ‘‘อยํ ลุโทฺท มยฺหํ อวสฺสโย ชาโต, มยาปิสฺส อวสฺสเยเนว ภวิตุํ วฎตี’’ติ โคจรภูมิยํ ทิฎฺฐํ เอกํ มณิกฺขนฺธํ ตสฺส ทตฺวา ‘‘สมฺม, อิโต ปฎฺฐาย ปาณาติปาตาทีนิ มา กริ, อิมินา กุฎุมฺพํ สณฺฐเปตฺวา ทารเก โปเสโนฺต ทานสีลาทีนิ ปุญฺญานิ กโรหี’’ติ ตโสฺสวาทํ ทตฺวา อรญฺญํ ปาวิสิฯ

    Bodhisatto ‘‘ayaṃ luddo mayhaṃ avassayo jāto, mayāpissa avassayeneva bhavituṃ vaṭatī’’ti gocarabhūmiyaṃ diṭṭhaṃ ekaṃ maṇikkhandhaṃ tassa datvā ‘‘samma, ito paṭṭhāya pāṇātipātādīni mā kari, iminā kuṭumbaṃ saṇṭhapetvā dārake posento dānasīlādīni puññāni karohī’’ti tassovādaṃ datvā araññaṃ pāvisi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ลุทฺทโก ฉโนฺน อโหสิ, มิคี ทหรภิกฺขุนี, มิคราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā luddako channo ahosi, migī daharabhikkhunī, migarājā pana ahameva ahosi’’nti.

    สุวณฺณมิคชาตกวณฺณนา นวมาฯ

    Suvaṇṇamigajātakavaṇṇanā navamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๕๙. สุวณฺณมิคชาตกํ • 359. Suvaṇṇamigajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact