Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā |
๔. สุวณฺณวิมานวณฺณนา
4. Suvaṇṇavimānavaṇṇanā
โสวณฺณมเย ปพฺพตสฺมินฺติ สุวณฺณวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา อนฺธกวิเนฺท วิหรติฯ เตน สมเยน อญฺญตโร อุปาสโก สโทฺธ ปสโนฺน วิภวสมฺปโนฺน ตสฺส คามสฺส อวิทูเร อญฺญตรสฺมิํ มุณฺฑกปพฺพเต สพฺพาการสมฺปนฺนํ ภควโต วสนานุจฺฉวิกํ คนฺธกุฎิํ กาเรตฺวา ตตฺถ ภควนฺตํ วสาเปโนฺต สกฺกจฺจํ อุปฎฺฐหิ, สยญฺจ นิจฺจสีเล ปติฎฺฐิโต สุวิสุทฺธสีลสํวโร หุตฺวา กาลํ กตฺวา ตาวติํสภวเน นิพฺพตฺติฯ ตสฺส กมฺมานุภาวสํสูจกํ นานารตนรํสิชาลสมุชฺชลํ วิจิตฺตเวทิกาปริกฺขิตฺตํ วิวิธวิปุลาลงฺกาโรปโสภิตํ สุวิภตฺตภิตฺติตฺถมฺภโสปานํ อารามรมณียกํ กญฺจนปพฺพตมุทฺธนิ วิมานํ อุปฺปชฺชิฯ ตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เทวจาริกํ จรโนฺต ทิสฺวา อิมาหิ คาถาหิ ปฎิปุจฺฉิ –
Sovaṇṇamayepabbatasminti suvaṇṇavimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā andhakavinde viharati. Tena samayena aññataro upāsako saddho pasanno vibhavasampanno tassa gāmassa avidūre aññatarasmiṃ muṇḍakapabbate sabbākārasampannaṃ bhagavato vasanānucchavikaṃ gandhakuṭiṃ kāretvā tattha bhagavantaṃ vasāpento sakkaccaṃ upaṭṭhahi, sayañca niccasīle patiṭṭhito suvisuddhasīlasaṃvaro hutvā kālaṃ katvā tāvatiṃsabhavane nibbatti. Tassa kammānubhāvasaṃsūcakaṃ nānāratanaraṃsijālasamujjalaṃ vicittavedikāparikkhittaṃ vividhavipulālaṅkāropasobhitaṃ suvibhattabhittitthambhasopānaṃ ārāmaramaṇīyakaṃ kañcanapabbatamuddhani vimānaṃ uppajji. Taṃ āyasmā mahāmoggallāno devacārikaṃ caranto disvā imāhi gāthāhi paṭipucchi –
๑๑๓๔.
1134.
‘‘โสวณฺณมเย ปพฺพตสฺมิํ, วิมานํ สพฺพโตปภํ;
‘‘Sovaṇṇamaye pabbatasmiṃ, vimānaṃ sabbatopabhaṃ;
เหมชาลปฎิจฺฉนฺนํ, กิงฺกิณิชาลกปฺปิตํฯ
Hemajālapaṭicchannaṃ, kiṅkiṇijālakappitaṃ.
๑๑๓๕.
1135.
‘‘อฎฺฐํสา สุกตา ถมฺภา, สเพฺพ เวฬุริยามยา;
‘‘Aṭṭhaṃsā sukatā thambhā, sabbe veḷuriyāmayā;
เอกเมกาย อํสิยา, รตนา สตฺต นิมฺมิตาฯ
Ekamekāya aṃsiyā, ratanā satta nimmitā.
๑๑๓๖.
1136.
‘‘เวฬูริยสุวณฺณสฺส, ผลิกา รูปิยสฺส จ;
‘‘Veḷūriyasuvaṇṇassa, phalikā rūpiyassa ca;
มสารคลฺลมุตฺตาหิ, โลหิตงฺคมณีหิ จฯ
Masāragallamuttāhi, lohitaṅgamaṇīhi ca.
๑๑๓๗.
1137.
‘‘จิตฺรา มโนรมา ภูมิ, น ตตฺถุทฺธํสตี รโช;
‘‘Citrā manoramā bhūmi, na tatthuddhaṃsatī rajo;
โคปานสีคณา ปีตา, กูฎํ ทาเรนฺติ นิมฺมิตาฯ
Gopānasīgaṇā pītā, kūṭaṃ dārenti nimmitā.
๑๑๓๘.
1138.
‘‘โสปานานิ จ จตฺตาริ, นิมฺมิตา จตุโร ทิสา;
‘‘Sopānāni ca cattāri, nimmitā caturo disā;
นานารตนคเพฺภหิ, อาทิโจฺจว วิโรจติฯ
Nānāratanagabbhehi, ādiccova virocati.
๑๑๓๙.
1139.
‘‘เวทิยา จตโสฺส ตตฺถ, วิภตฺตา ภาคโส มิตา;
‘‘Vediyā catasso tattha, vibhattā bhāgaso mitā;
ททฺทลฺลมานา อาภนฺติ, สมนฺตา จตุโร ทิสาฯ
Daddallamānā ābhanti, samantā caturo disā.
๑๑๔๐.
1140.
‘‘ตสฺมิํ วิมาเน ปวเร, เทวปุโตฺต มหปฺปโภ;
‘‘Tasmiṃ vimāne pavare, devaputto mahappabho;
อติโรจสิ วเณฺณน, อุทยโนฺตว ภาณุมาฯ
Atirocasi vaṇṇena, udayantova bhāṇumā.
๑๑๔๑.
1141.
‘‘ทานสฺส เต อิทํ ผลํ, อโถ สีลสฺส วา ปน;
‘‘Dānassa te idaṃ phalaṃ, atho sīlassa vā pana;
อโถ อญฺชลิกมฺมสฺส, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติฯ
Atho añjalikammassa, taṃ me akkhāhi pucchito’’ti.
โสปิสฺส อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –
Sopissa imāhi gāthāhi byākāsi –
๑๑๔๒. ‘‘โส เทวปุโตฺต อตฺตมโน…เป.… ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’ฯ
1142. ‘‘So devaputto attamano…pe… yassa kammassidaṃ phalaṃ’’.
๑๑๔๓.
1143.
‘‘อหํ อนฺธกวินฺทสฺมิํ, พุทฺธสฺสาทิจฺจพนฺธุโน;
‘‘Ahaṃ andhakavindasmiṃ, buddhassādiccabandhuno;
วิหารํ สตฺถุ กาเรสิํ, ปสโนฺน เสหิ ปาณิภิฯ
Vihāraṃ satthu kāresiṃ, pasanno sehi pāṇibhi.
๑๑๔๔.
1144.
‘‘ตตฺถ คนฺธญฺจ มาลญฺจ, ปจฺจยญฺจ วิเลปนํ;
‘‘Tattha gandhañca mālañca, paccayañca vilepanaṃ;
วิหารํ สตฺถุ อทาสิํ, วิปฺปสเนฺนน เจตสา;
Vihāraṃ satthu adāsiṃ, vippasannena cetasā;
เตน มยฺหํ อิทํ ลทฺธํ, วสํ วเตฺตมิ นนฺทเนฯ
Tena mayhaṃ idaṃ laddhaṃ, vasaṃ vattemi nandane.
๑๑๔๕.
1145.
‘‘นนฺทเน จ วเน รเมฺม, นานาทิชคณายุเต;
‘‘Nandane ca vane ramme, nānādijagaṇāyute;
รมามิ นจฺจคีเตหิ, อจฺฉราหิ ปุรกฺขโต’’ติฯ
Ramāmi naccagītehi, accharāhi purakkhato’’ti.
๑๑๓๔. ตตฺถ สพฺพโตปภนฺติ สพฺพภาเคหิ ปภาสนฺตํ ปภามุญฺจนกํฯ กิงฺกิณิชาลกปฺปิตนฺติ กปฺปิตกิงฺกิณิกชาลํฯ
1134. Tattha sabbatopabhanti sabbabhāgehi pabhāsantaṃ pabhāmuñcanakaṃ. Kiṅkiṇijālakappitanti kappitakiṅkiṇikajālaṃ.
๑๑๓๕. สเพฺพ เวฬุริยามยาติ สเพฺพ ถมฺภา เวฬุริยมณิมยาฯ ตตฺถ ปน เอกเมกาย อํสิยาติ อฎฺฐํเสสุ ถเมฺภสุ เอกเมกสฺมิํ อํสภาเคฯ รตนา สตฺต นิมฺมิตาติ สตฺตรตนกมฺมนิมฺมิตา, เอเกโก อํโส สตฺตรตนมโยติ อโตฺถฯ
1135.Sabbe veḷuriyāmayāti sabbe thambhā veḷuriyamaṇimayā. Tattha pana ekamekāya aṃsiyāti aṭṭhaṃsesu thambhesu ekamekasmiṃ aṃsabhāge. Ratanā satta nimmitāti sattaratanakammanimmitā, ekeko aṃso sattaratanamayoti attho.
๑๑๓๖. ‘‘เวฬูริยสุวณฺณสฺสา’’ติอาทินา นานารตนานิ ทเสฺสติฯ ตตฺถ เวฬูริยสุวณฺณสฺสาติ เวฬุริเยน จ สุวเณฺณน จ นิมฺมิตา, จิตฺราติ วา โยชนาฯ กรณเตฺถ หิ อิทํ สามิวจนํฯ ผลิกา รูปิยสฺส จาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ มสารคลฺลมุตฺตาหีติ กพรมณีหิฯ โลหิตงฺคมณีหิ จาติ รตฺตมณีหิฯ
1136.‘‘Veḷūriyasuvaṇṇassā’’tiādinā nānāratanāni dasseti. Tattha veḷūriyasuvaṇṇassāti veḷuriyena ca suvaṇṇena ca nimmitā, citrāti vā yojanā. Karaṇatthe hi idaṃ sāmivacanaṃ. Phalikā rūpiyassa cāti etthāpi eseva nayo. Masāragallamuttāhīti kabaramaṇīhi. Lohitaṅgamaṇīhi cāti rattamaṇīhi.
๑๑๓๗. น ตตฺถุทฺธํสตี รโชติ มณิมยภูมิกตฺตา น ตสฺมิํ วิมาเน รโช อุคฺคจฺฉติฯ โคปานสีคณาติ โคปานสีสมูหาฯ ปีตาติ ปีตวณฺณา, สุวณฺณมยา เจว ผุสฺสราคาทิมณิมยา จาติ อโตฺถฯ กูฎํ ธาเรนฺตีติ สตฺตรตนมยํ กณฺณิกํ ธาเรนฺติฯ
1137.Na tatthuddhaṃsatī rajoti maṇimayabhūmikattā na tasmiṃ vimāne rajo uggacchati. Gopānasīgaṇāti gopānasīsamūhā. Pītāti pītavaṇṇā, suvaṇṇamayā ceva phussarāgādimaṇimayā cāti attho. Kūṭaṃ dhārentīti sattaratanamayaṃ kaṇṇikaṃ dhārenti.
๑๑๓๘-๙. นานารตนคเพฺภหีติ นานารตนมเยหิ โอวรเกหิฯ เวทิยาติ เวทิกาฯ จตโสฺสติ จตูสุ ทิสาสุ จตโสฺสฯ เตนาห ‘‘สมนฺตา จตุโร ทิสา’’ติฯ
1138-9.Nānāratanagabbhehīti nānāratanamayehi ovarakehi. Vediyāti vedikā. Catassoti catūsu disāsu catasso. Tenāha ‘‘samantā caturo disā’’ti.
๑๑๔๐. มหปฺปโภติ มหาชุติโกฯ อุทยโนฺตติ อุคฺคจฺฉโนฺตฯ ภาณุมาติ อาทิโจฺจฯ
1140.Mahappabhoti mahājutiko. Udayantoti uggacchanto. Bhāṇumāti ādicco.
๑๑๔๓. เสหิ ปาณิภีติ กายสารํ ปุญฺญํ ปสวโนฺต อตฺตโน ปาณีหิ ตํ ตํ กิจฺจํ กโรโนฺต วิหารํ สตฺถุ กาเรสินฺติ โยชนาฯ อถ วา เสหิ ปาณิภีติ ตตฺถ อนฺธกวินฺทสฺมิํ คนฺธญฺจ มาลญฺจ ปจฺจยญฺจ วิเลปนญฺจ ปูชาวเสนฯ ยถา กถํ? วิหารญฺจ วิปฺปสเนฺนน เจตสา สตฺถุโน อทาสิํ ปูเชสิํ นิยฺยาเทสิํ จาติ เอวเมตฺถ โยชนา เวทิตพฺพาฯ
1143.Sehi pāṇibhīti kāyasāraṃ puññaṃ pasavanto attano pāṇīhi taṃ taṃ kiccaṃ karonto vihāraṃ satthu kāresinti yojanā. Atha vā sehi pāṇibhīti tattha andhakavindasmiṃ gandhañca mālañca paccayañca vilepanañca pūjāvasena. Yathā kathaṃ? Vihārañca vippasannena cetasā satthuno adāsiṃ pūjesiṃ niyyādesiṃ cāti evamettha yojanā veditabbā.
๑๑๔๔. เตนาติ เตน ยถาวุเตฺตน ปุญฺญกเมฺมน การณภูเตนฯ มยฺหนฺติ มยาฯ อิทนฺติ อิทํ ปุญฺญผลํ, อิทํ วา ทิพฺพํ อาธิปเตยฺยํฯ เตนาห ‘‘วสํ วเตฺตมี’’ติฯ
1144.Tenāti tena yathāvuttena puññakammena kāraṇabhūtena. Mayhanti mayā. Idanti idaṃ puññaphalaṃ, idaṃ vā dibbaṃ ādhipateyyaṃ. Tenāha ‘‘vasaṃ vattemī’’ti.
๑๑๔๕. นนฺทเนติ นนฺทิยา ทิพฺพสมิทฺธิยา อุปฺปชฺชนฎฺฐาเน อิมสฺมิํ เทวโลเก, ตตฺถาปิ วิเสสโต นนฺทเน วเน รเมฺม, เอวํ รมณีเย อิมสฺมิํ นนฺทเน วเน รมามีติ โยชนาฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
1145.Nandaneti nandiyā dibbasamiddhiyā uppajjanaṭṭhāne imasmiṃ devaloke, tatthāpi visesato nandane vane ramme, evaṃ ramaṇīye imasmiṃ nandane vane ramāmīti yojanā. Sesaṃ vuttanayameva.
เอวํ เทวตาย อตฺตโน ปุญฺญกเมฺม อาวิกเต เถโร สปริวารสฺส ตสฺส เทวปุตฺตสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา ภควโต ตมตฺถํ นิเวเทสิฯ ภควา ตํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิฯ สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติฯ
Evaṃ devatāya attano puññakamme āvikate thero saparivārassa tassa devaputtassa dhammaṃ desetvā bhagavato tamatthaṃ nivedesi. Bhagavā taṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattaparisāya dhammaṃ desesi. Sā desanā mahājanassa sātthikā ahosīti.
สุวณฺณวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suvaṇṇavimānavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๔. สุวณฺณวิมานวตฺถุ • 4. Suvaṇṇavimānavatthu