Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๔. สุยามนเตฺถรคาถาวณฺณนา
4. Suyāmanattheragāthāvaṇṇanā
กามจฺฉโนฺท จ พฺยาปาโทติ อายสฺมโต สุยามนเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต อิโต เอกนวุเต กเปฺป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล ธญฺญวตีนคเร พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต พฺราหฺมณสิเปฺปสุ นิปฺผตฺติํ ปตฺวา พฺราหฺมณมเนฺต วาเจติฯ เตน จ สมเยน วิปสฺสี ภควา มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ธญฺญวตีนครํ ปิณฺฑาย ปวิโฎฺฐ โหติฯ ตํ ทิสฺวา พฺราหฺมโณ ปสนฺนจิโตฺต อตฺตโน เคหํ เนตฺวา อาสนํ ปญฺญาเปตฺวา ตสฺสูปริ ปุปฺผสนฺถารํ สนฺถริตฺวา อทาสิ, สตฺถริ ตตฺถ นิสิเนฺน ปณีเตน อาหาเรน สนฺตเปฺปสิ, ภุตฺตาวิญฺจ ปุปฺผคเนฺธน ปูเชสิฯ สตฺถา อนุโมทนํ วตฺวา ปกฺกามิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุญฺญานิ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท เวสาลิยํ อญฺญตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สุยามโนติสฺส นามํ อโหสิฯ โส วยปฺปโตฺต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู ปรมนิสฺสมยุโตฺต หุตฺวา เคหวาสีนํ กามูปโภคํ ชิคุจฺฉิตฺวา ฌานนิโนฺน ภควโต เวสาลิคมเน ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา ขุรเคฺคเยว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๖๕-๗๔) –
Kāmacchando ca byāpādoti āyasmato suyāmanattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinanto ito ekanavute kappe vipassissa bhagavato kāle dhaññavatīnagare brāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto brāhmaṇasippesu nipphattiṃ patvā brāhmaṇamante vāceti. Tena ca samayena vipassī bhagavā mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ dhaññavatīnagaraṃ piṇḍāya paviṭṭho hoti. Taṃ disvā brāhmaṇo pasannacitto attano gehaṃ netvā āsanaṃ paññāpetvā tassūpari pupphasanthāraṃ santharitvā adāsi, satthari tattha nisinne paṇītena āhārena santappesi, bhuttāviñca pupphagandhena pūjesi. Satthā anumodanaṃ vatvā pakkāmi. So tena puññakammena devaloke nibbattitvā aparāparaṃ puññāni katvā devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde vesāliyaṃ aññatarassa brāhmaṇassa putto hutvā nibbatti, suyāmanotissa nāmaṃ ahosi. So vayappatto tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū paramanissamayutto hutvā gehavāsīnaṃ kāmūpabhogaṃ jigucchitvā jhānaninno bhagavato vesāligamane paṭiladdhasaddho pabbajitvā khuraggeyeva arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.13.65-74) –
‘‘นคเร ธญฺญวติยา, อโหสิํ พฺราหฺมโณ ตทา;
‘‘Nagare dhaññavatiyā, ahosiṃ brāhmaṇo tadā;
ลกฺขเณ อิติหาเส จ, สนิฆณฺฑุสเกฎุเภฯ
Lakkhaṇe itihāse ca, sanighaṇḍusakeṭubhe.
‘‘ปทโก เวยฺยากรโณ, นิมิตฺตโกวิโท อหํ;
‘‘Padako veyyākaraṇo, nimittakovido ahaṃ;
มเนฺต จ สิเสฺส วาเจสิํ, ติณฺณํ เวทาน ปารคูฯ
Mante ca sisse vācesiṃ, tiṇṇaṃ vedāna pāragū.
‘‘ปญฺจ อุปฺปลหตฺถานิ, ปิฎฺฐิยํ ฐปิตานิ เม;
‘‘Pañca uppalahatthāni, piṭṭhiyaṃ ṭhapitāni me;
อาหุติํ ยิฎฺฐุกาโมหํ, ปิตุมาตุสมาคเมฯ
Āhutiṃ yiṭṭhukāmohaṃ, pitumātusamāgame.
‘‘ตทา วิปสฺสี ภควา, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขโต;
‘‘Tadā vipassī bhagavā, bhikkhusaṅghapurakkhato;
โอภาเสโนฺต ทิสา สพฺพา, อาคจฺฉติ นราสโภฯ
Obhāsento disā sabbā, āgacchati narāsabho.
‘‘อาสนํ ปญฺญเปตฺวาน, นิมเนฺตตฺวา มหามุนิํ;
‘‘Āsanaṃ paññapetvāna, nimantetvā mahāmuniṃ;
สนฺถริตฺวาน ตํ ปุปฺผํ, อภิเนสิํ สกํ ฆรํฯ
Santharitvāna taṃ pupphaṃ, abhinesiṃ sakaṃ gharaṃ.
‘‘ยํ เม อตฺถิ สเก เคเห, อามิสํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ;
‘‘Yaṃ me atthi sake gehe, āmisaṃ paccupaṭṭhitaṃ;
ตาหํ พุทฺธสฺส ปาทาสิํ, ปสโนฺน เสหิ ปาณิภิฯ
Tāhaṃ buddhassa pādāsiṃ, pasanno sehi pāṇibhi.
‘‘ภุตฺตาวิํ กาลมญฺญาย ปุปฺผหตฺถมทาสหํ;
‘‘Bhuttāviṃ kālamaññāya pupphahatthamadāsahaṃ;
อนุโมทิตฺวาน สพฺพญฺญู, ปกฺกามิ อุตฺตรามุโขฯ
Anumoditvāna sabbaññū, pakkāmi uttarāmukho.
‘‘เอกนวุติโต กเปฺป, ยํ ปุปฺผมททิํ ตทา;
‘‘Ekanavutito kappe, yaṃ pupphamadadiṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ปุปฺผทานสฺสิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, pupphadānassidaṃ phalaṃ.
‘‘อนนฺตรํ อิโต กเปฺป, ราชาหุํ วรทสฺสโน;
‘‘Anantaraṃ ito kappe, rājāhuṃ varadassano;
สตฺตรตนสมฺปโนฺน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโลฯ
Sattaratanasampanno, cakkavattī mahabbalo.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา นีวรณปฺปหานกิตฺตนมุเขน อญฺญํ พฺยากโรโนฺต –
Arahattaṃ pana patvā nīvaraṇappahānakittanamukhena aññaṃ byākaronto –
๗๔.
74.
‘‘กามจฺฉโนฺท จ พฺยาปาโท, ถินมิทฺธญฺจ ภิกฺขุโน;
‘‘Kāmacchando ca byāpādo, thinamiddhañca bhikkhuno;
อุทฺธจฺจํ วิจิกิจฺฉา จ, สพฺพโสว น วิชฺชตี’’ติฯ – คาถํ อภาสิ;
Uddhaccaṃ vicikicchā ca, sabbasova na vijjatī’’ti. – gāthaṃ abhāsi;
ตตฺถ กามจฺฉโนฺทติ กาเมสุ ฉโนฺท, กาโม จ โส ฉโนฺท จาติปิ กามจฺฉโนฺท, กามราโคฯ อิธ ปน สโพฺพปิ ราโค กามจฺฉโนฺท อคฺคมคฺควชฺฌสฺสาปิ อธิเปฺปตตฺตา, เตนาห ‘‘สพฺพโสว น วิชฺชตี’’ติฯ สเพฺพปิ หิ เตภูมกธมฺมา กามนียเฎฺฐน กามา, ตตฺถ ปวโตฺต ราโค กามจฺฉโนฺท, เตนาห ภควา – ‘‘อารุเปฺป กามจฺฉนฺทนีวรณํ ปฎิจฺจ ถินมิทฺธนีวรณํ อุทฺธจฺจนีวรณํ อวิชฺชานีวรณํ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฎฺฐา. ๓.๘.๘) พฺยาปชฺชติ จิตฺตํ ปูติภาวํ คจฺฉติ เอเตนาติ พฺยาปาโท, ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทินยปฺปวโตฺต (ธ. ส. ๑๐๖๖; วิภ. ๙๐๙) อาฆาโตฯ ถินํ จิตฺตสฺส อกลฺยตา อนุสฺสาหสํหนนํ, มิทฺธํ กายสฺส อกลฺยตา อสตฺติวิฆาโต, ตทุภยมฺปิ ถินญฺจ มิทฺธญฺจ ถินมิทฺธํ, กิจฺจาหารปฎิปกฺขานํ เอกตาย เอกํ กตฺวา วุตฺตํฯ อุทฺธตภาโว อุทฺธจฺจํ, เยน ธเมฺมน จิตฺตํ อุทฺธตํ โหติ อวูปสนฺตํ, โส เจตโส วิเกฺขโป อุทฺธจฺจํฯ อุทฺธจฺจคฺคหเณเนว เจตฺถ กิจฺจาหารปฎิปกฺขานํ สมานตาย กุกฺกุจฺจมฺปิ คหิตเมวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตํ ปจฺฉานุตาปลกฺขณํฯ โย หิ กตากตกุสลากุสลูปนิสฺสโย วิปฺปฎิสาโร, ตํ กุกฺกุจฺจํฯ วิจิกิจฺฉาติ, ‘‘เอวํ นุ โข น นุ โข’’ติ สํสยํ อาปชฺชติ, ธมฺมสภาวํ วา วิจินโนฺต กิจฺฉติ กิลมติ เอตายาติ วิจิกิจฺฉา, พุทฺธาทิวตฺถุโก สํสโยฯ สพฺพโสติ อนวเสสโตฯ น วิชฺชตีติ นตฺถิ, มเคฺคน สมุจฺฉินฺนตฺตา น อุปลพฺภติฯ อิทญฺจ ปททฺวยํ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพํ อยเญฺหตฺถ โยชนา – ยสฺส ภิกฺขุโน เตน เตน อริยมเคฺคน สมุจฺฉินฺนตฺตา กามจฺฉโนฺท จ พฺยาปาโท จ ถินมิทฺธญฺจ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจญฺจ วิจิกิจฺฉา จ สพฺพโสว น วิชฺชติ, ตสฺส น กิญฺจิ กรณียํ, กตสฺส วา ปติจโยติ อญฺญาปเทเสน อญฺญํ พฺยากโรติฯ ปญฺจสุ หิ นีวรเณสุ มเคฺคน สมุจฺฉิเนฺนสุ ตเทกฎฺฐตาย สเพฺพปิ กิเลสา สมุจฺฉินฺนาเยว โหนฺติฯ เตนาห – ‘‘สเพฺพเต ภควโนฺต ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๔๖)ฯ
Tattha kāmacchandoti kāmesu chando, kāmo ca so chando cātipi kāmacchando, kāmarāgo. Idha pana sabbopi rāgo kāmacchando aggamaggavajjhassāpi adhippetattā, tenāha ‘‘sabbasova na vijjatī’’ti. Sabbepi hi tebhūmakadhammā kāmanīyaṭṭhena kāmā, tattha pavatto rāgo kāmacchando, tenāha bhagavā – ‘‘āruppe kāmacchandanīvaraṇaṃ paṭicca thinamiddhanīvaraṇaṃ uddhaccanīvaraṇaṃ avijjānīvaraṇaṃ uppajjatī’’ti (paṭṭhā. 3.8.8) byāpajjati cittaṃ pūtibhāvaṃ gacchati etenāti byāpādo, ‘‘anatthaṃ me acarī’’tiādinayappavatto (dha. sa. 1066; vibha. 909) āghāto. Thinaṃ cittassa akalyatā anussāhasaṃhananaṃ, middhaṃ kāyassa akalyatā asattivighāto, tadubhayampi thinañca middhañca thinamiddhaṃ, kiccāhārapaṭipakkhānaṃ ekatāya ekaṃ katvā vuttaṃ. Uddhatabhāvo uddhaccaṃ, yena dhammena cittaṃ uddhataṃ hoti avūpasantaṃ, so cetaso vikkhepo uddhaccaṃ. Uddhaccaggahaṇeneva cettha kiccāhārapaṭipakkhānaṃ samānatāya kukkuccampi gahitamevāti daṭṭhabbaṃ. Taṃ pacchānutāpalakkhaṇaṃ. Yo hi katākatakusalākusalūpanissayo vippaṭisāro, taṃ kukkuccaṃ. Vicikicchāti, ‘‘evaṃ nu kho na nu kho’’ti saṃsayaṃ āpajjati, dhammasabhāvaṃ vā vicinanto kicchati kilamati etāyāti vicikicchā, buddhādivatthuko saṃsayo. Sabbasoti anavasesato. Na vijjatīti natthi, maggena samucchinnattā na upalabbhati. Idañca padadvayaṃ paccekaṃ yojetabbaṃ ayañhettha yojanā – yassa bhikkhuno tena tena ariyamaggena samucchinnattā kāmacchando ca byāpādo ca thinamiddhañca uddhaccakukkuccañca vicikicchā ca sabbasova na vijjati, tassa na kiñci karaṇīyaṃ, katassa vā paticayoti aññāpadesena aññaṃ byākaroti. Pañcasu hi nīvaraṇesu maggena samucchinnesu tadekaṭṭhatāya sabbepi kilesā samucchinnāyeva honti. Tenāha – ‘‘sabbete bhagavanto pañca nīvaraṇe pahāya cetaso upakkilese’’ti (dī. ni. 2.146).
สุยามนเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suyāmanattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๔. สุยามนเตฺถรคาถา • 4. Suyāmanattheragāthā