Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๖๘] ๘. ตจสารชาตกวณฺณนา
[368] 8. Tacasārajātakavaṇṇanā
อมิตฺตหตฺถตฺถคตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ปญฺญาปารมิํ อารพฺภ กเถสิฯ ตทา หิ สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ ตถาคโต ปญฺญวา อุปายกุสโลเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Amittahatthatthagatāti idaṃ satthā jetavane viharanto paññāpāramiṃ ārabbha kathesi. Tadā hi satthā ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi tathāgato paññavā upāyakusaloyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต คามเก กุฎุมฺพิกกุเล นิพฺพตฺติตฺวาติ สพฺพํ ปุริมชาตกนิยาเมเนว กเถตพฺพํฯ อิธ ปน เวเชฺช มเต คามวาสิโน มนุสฺสา ‘‘มนุสฺสมารกา’’ติ เต ทารเก กุทณฺฑเกหิ พนฺธิตฺวา ‘‘รโญฺญ ทเสฺสสฺสามา’’ติ พาราณสิํ นยิํสุฯ โพธิสโตฺต อนฺตรามเคฺคเยว เสสทารกานํ โอวาทํ อทาสิ ‘‘ตุเมฺห มา ภายถ, ราชานํ ทิสฺวาปิ อภีตา ตุฎฺฐินฺทฺริยา ภเวยฺยาถ, ราชา อเมฺหหิ สทฺธิํ ปฐมตรํ กเถสฺสติ, ตโต ปฎฺฐาย อหํ ชานิสฺสามี’’ติฯ เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตถา กริํสุฯ ราชา เต อภีเต ตุฎฺฐินฺทฺริเย ทิสฺวา ‘‘อิเม ‘มนุสฺสมารกา’ติ กุทณฺฑกพทฺธา อานีตา, เอวรูปํ ทุกฺขํ ปตฺตาปิ น ภายนฺติ, ตุฎฺฐินฺทฺริยาเยว, กิํ นุ โข เอเตสํ อโสจนการณํ, ปุจฺฉิสฺสามิ เน’’ติ ปุจฺฉโนฺต ปฐมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto gāmake kuṭumbikakule nibbattitvāti sabbaṃ purimajātakaniyāmeneva kathetabbaṃ. Idha pana vejje mate gāmavāsino manussā ‘‘manussamārakā’’ti te dārake kudaṇḍakehi bandhitvā ‘‘rañño dassessāmā’’ti bārāṇasiṃ nayiṃsu. Bodhisatto antarāmaggeyeva sesadārakānaṃ ovādaṃ adāsi ‘‘tumhe mā bhāyatha, rājānaṃ disvāpi abhītā tuṭṭhindriyā bhaveyyātha, rājā amhehi saddhiṃ paṭhamataraṃ kathessati, tato paṭṭhāya ahaṃ jānissāmī’’ti. Te ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā tathā kariṃsu. Rājā te abhīte tuṭṭhindriye disvā ‘‘ime ‘manussamārakā’ti kudaṇḍakabaddhā ānītā, evarūpaṃ dukkhaṃ pattāpi na bhāyanti, tuṭṭhindriyāyeva, kiṃ nu kho etesaṃ asocanakāraṇaṃ, pucchissāmi ne’’ti pucchanto paṭhamaṃ gāthamāha –
๙๕.
95.
‘‘อมิตฺตหตฺถตฺถคตา, ตจสารสมปฺปิตา;
‘‘Amittahatthatthagatā, tacasārasamappitā;
ปสนฺนมุขวณฺณาตฺถ, กสฺมา ตุเมฺห น โสจถา’’ติฯ
Pasannamukhavaṇṇāttha, kasmā tumhe na socathā’’ti.
ตตฺถ อมิตฺตหตฺถตฺถคตาติ กุทณฺฑเกหิ คีวายํ พนฺธิตฺวา อาเนนฺตานํ อมิตฺตานํ หตฺถคตาฯ ตจสารสมปฺปิตาติ เวฬุทณฺฑเกหิ พทฺธตฺตา เอวมาหฯ กสฺมาติ ‘‘เอวรูปํ พฺยสนํ ปตฺตาปิ ตุเมฺห กิํการณา น โสจถา’’ติ ปุจฺฉติฯ
Tattha amittahatthatthagatāti kudaṇḍakehi gīvāyaṃ bandhitvā ānentānaṃ amittānaṃ hatthagatā. Tacasārasamappitāti veḷudaṇḍakehi baddhattā evamāha. Kasmāti ‘‘evarūpaṃ byasanaṃ pattāpi tumhe kiṃkāraṇā na socathā’’ti pucchati.
ตํ สุตฺวา โพธิสโตฺต เสสคาถา อภาสิ –
Taṃ sutvā bodhisatto sesagāthā abhāsi –
๙๖.
96.
‘‘น โสจนาย ปริเทวนาย, อโตฺถว ลโพฺภ อปิ อปฺปโกปิ;
‘‘Na socanāya paridevanāya, atthova labbho api appakopi;
โสจนฺตเมนํ ทุขิตํ วิทิตฺวา, ปจฺจตฺถิกา อตฺตมนา ภวนฺติฯ
Socantamenaṃ dukhitaṃ viditvā, paccatthikā attamanā bhavanti.
๙๗.
97.
‘‘ยโต จ โข ปณฺฑิโต อาปทาสุ, น เวธตี อตฺถวินิจฺฉยญฺญู;
‘‘Yato ca kho paṇḍito āpadāsu, na vedhatī atthavinicchayaññū;
ปจฺจตฺถิกาสฺส ทุขิตา ภวนฺติ, ทิสฺวา มุขํ อวิการํ ปุราณํฯ
Paccatthikāssa dukhitā bhavanti, disvā mukhaṃ avikāraṃ purāṇaṃ.
๙๘.
98.
‘‘ชเปฺปน มเนฺตน สุภาสิเตน, อนุปฺปทาเนน ปเวณิยา วา;
‘‘Jappena mantena subhāsitena, anuppadānena paveṇiyā vā;
ยถา ยถา ยตฺถ ลเภถ อตฺถํ, ตถา ตถา ตตฺถ ปรกฺกเมยฺยฯ
Yathā yathā yattha labhetha atthaṃ, tathā tathā tattha parakkameyya.
๙๙.
99.
‘‘ยโต จ ชาเนยฺย อลพฺภเนโยฺย, มยาว อเญฺญน วา เอส อโตฺถ;
‘‘Yato ca jāneyya alabbhaneyyo, mayāva aññena vā esa attho;
อโสจมาโน อธิวาสเยยฺย, กมฺมํ ทฬฺหํ กินฺติ กโรมิ ทานี’’ติฯ
Asocamāno adhivāsayeyya, kammaṃ daḷhaṃ kinti karomi dānī’’ti.
ตตฺถ อโตฺถติ วุฑฺฒิฯ ปจฺจตฺถิกา อตฺตมนาติ เอตํ ปุริสํ โสจนฺตํ ทุกฺขิตํ วิทิตฺวา ปจฺจามิตฺตา ตุฎฺฐจิตฺตา โหนฺติฯ เตสํ ตุสฺสนการณํ นาม ปณฺฑิเตน กาตุํ น วฎฺฎตีติ ทีเปติ ฯ ยโตติ ยทาฯ น เวธตีติ จิตฺตุตฺราสภเยน น กมฺปติฯ อตฺถวินิจฺฉยญฺญูติ ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส วินิจฺฉยกุสโลฯ
Tattha atthoti vuḍḍhi. Paccatthikā attamanāti etaṃ purisaṃ socantaṃ dukkhitaṃ viditvā paccāmittā tuṭṭhacittā honti. Tesaṃ tussanakāraṇaṃ nāma paṇḍitena kātuṃ na vaṭṭatīti dīpeti . Yatoti yadā. Na vedhatīti cittutrāsabhayena na kampati. Atthavinicchayaññūti tassa tassa atthassa vinicchayakusalo.
ชเปฺปนาติ มนฺตปริชปฺปเนนฯ มเนฺตนาติ ปณฺฑิเตหิ สทฺธิํ มนฺตคฺคหเณนฯ สุภาสิเตนาติ ปิยวจเนนฯ อนุปฺปทาเนนาติ ลญฺชทาเนนฯ ปเวณิยาติ กุลวํเสนฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, ปณฺฑิเตน นาม อาปทาสุ อุปฺปนฺนาสุ น โสจิตพฺพํ น กิลมิตพฺพํ, อิเมสุ ปน ปญฺจสุ การเณสุ อญฺญตรวเสน ปจฺจามิตฺตา ชินิตพฺพาฯ สเจ หิ สโกฺกติ, มนฺตํ ปริชปฺปิตฺวา มุขพนฺธนํ กตฺวาปิ เต ชินิตพฺพา, ตถา อสโกฺกเนฺตน ปณฺฑิเตหิ สทฺธิํ มเนฺตตฺวา เอกํ อุปายํ สลฺลเกฺขตฺวา ชินิตพฺพา, ปิยวจนํ วตฺตุํ สโกฺกเนฺตน ปิยํ วตฺวาปิ เต ชินิตพฺพา, ตถา อสโกฺกเนฺตน วินิจฺฉยามจฺจานํ ลญฺชํ ทตฺวาปิ ชินิตพฺพา, ตถา อสโกฺกเนฺตน กุลวํสํ กเถตฺวา ‘‘มยํ อสุกปเวณิยา อาคตา, ตุมฺหากญฺจ อมฺหากญฺจ เอโกว ปุพฺพปุริโส’’ติ เอวํ วิชฺชมานญาติโกฎิํ ฆเฎตฺวาปิ ชินิตพฺพา เอวาติฯ ยถา ยถาติ เอเตสุ ปญฺจสุ การเณสุ เยน เยน การเณน ยตฺถ ยตฺถ อตฺตโน วุฑฺฒิํ ลเภยฺยฯ ตถา ตถาติ เตน เตน การเณน ตตฺถ ตตฺถ ปรกฺกเมยฺย, ปรกฺกมํ กตฺวา ปจฺจตฺถิเก ชิเนยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ
Jappenāti mantaparijappanena. Mantenāti paṇḍitehi saddhiṃ mantaggahaṇena. Subhāsitenāti piyavacanena. Anuppadānenāti lañjadānena. Paveṇiyāti kulavaṃsena. Idaṃ vuttaṃ hoti – mahārāja, paṇḍitena nāma āpadāsu uppannāsu na socitabbaṃ na kilamitabbaṃ, imesu pana pañcasu kāraṇesu aññataravasena paccāmittā jinitabbā. Sace hi sakkoti, mantaṃ parijappitvā mukhabandhanaṃ katvāpi te jinitabbā, tathā asakkontena paṇḍitehi saddhiṃ mantetvā ekaṃ upāyaṃ sallakkhetvā jinitabbā, piyavacanaṃ vattuṃ sakkontena piyaṃ vatvāpi te jinitabbā, tathā asakkontena vinicchayāmaccānaṃ lañjaṃ datvāpi jinitabbā, tathā asakkontena kulavaṃsaṃ kathetvā ‘‘mayaṃ asukapaveṇiyā āgatā, tumhākañca amhākañca ekova pubbapuriso’’ti evaṃ vijjamānañātikoṭiṃ ghaṭetvāpi jinitabbā evāti. Yathā yathāti etesu pañcasu kāraṇesu yena yena kāraṇena yattha yattha attano vuḍḍhiṃ labheyya. Tathā tathāti tena tena kāraṇena tattha tattha parakkameyya, parakkamaṃ katvā paccatthike jineyyāti adhippāyo.
ยโต จ ชาเนยฺยาติ ยทา ปน ชาเนยฺย, มยา วา อเญฺญน วา เอส อโตฺถ อลพฺภเนโยฺย นานปฺปกาเรน วายมิตฺวาปิ น สกฺกา ลทฺธุํ, ตทา ปณฺฑิโต ปุริโส อโสจมาโน อกิลมมาโน ‘‘มยา ปุเพฺพ กตกมฺมํ ทฬฺหํ ถิรํ น สกฺกา ปฎิพาหิตุํ, อิทานิ กิํ สกฺกา กาตุ’’นฺติ อธิวาสเยยฺยาติฯ
Yato ca jāneyyāti yadā pana jāneyya, mayā vā aññena vā esa attho alabbhaneyyo nānappakārena vāyamitvāpi na sakkā laddhuṃ, tadā paṇḍito puriso asocamāno akilamamāno ‘‘mayā pubbe katakammaṃ daḷhaṃ thiraṃ na sakkā paṭibāhituṃ, idāni kiṃ sakkā kātu’’nti adhivāsayeyyāti.
ราชา โพธิสตฺตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา กมฺมํ โสเธตฺวา นิโทฺทสภาวํ ญตฺวา กุทณฺฑเก หราเปตฺวา มหาสตฺตสฺส มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา อตฺตโน อตฺถธมฺมอนุสาสกํ อมจฺจรตนํ อกาสิ, เสสทารกานมฺปิ ยสํ ทตฺวา ฐานนฺตรานิ อทาสิฯ
Rājā bodhisattassa dhammakathaṃ sutvā kammaṃ sodhetvā niddosabhāvaṃ ñatvā kudaṇḍake harāpetvā mahāsattassa mahantaṃ yasaṃ datvā attano atthadhammaanusāsakaṃ amaccaratanaṃ akāsi, sesadārakānampi yasaṃ datvā ṭhānantarāni adāsi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา พาราณสิราชา อานโนฺท อโหสิ, ทารกา เถรานุเถรา, ปณฺฑิตทารโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi ‘‘tadā bārāṇasirājā ānando ahosi, dārakā therānutherā, paṇḍitadārako pana ahameva ahosi’’nti.
ตจสารชาตกวณฺณนา อฎฺฐมาฯ
Tacasārajātakavaṇṇanā aṭṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๖๘. ตจสารชาตกํ • 368. Tacasārajātakaṃ