Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๖๓] ๓. ตกฺกปณฺฑิตชาตกวณฺณนา

    [63] 3. Takkapaṇḍitajātakavaṇṇanā

    โกธนา อกตญฺญู จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุเญฺญวารพฺภ กเถสิฯ ตญฺหิ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺฐิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุเตฺต ‘‘อิตฺถิโย นาม ภิกฺขุ อกตญฺญู มิตฺตทุพฺภา, กสฺมา ตา นิสฺสาย อุกฺกณฺฐิโตสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Kodhanā akataññū cāti idaṃ satthā jetavane viharanto ukkaṇṭhitabhikkhuññevārabbha kathesi. Tañhi satthā ‘‘saccaṃ kira tvaṃ bhikkhu ukkaṇṭhitosī’’ti pucchitvā ‘‘sacca’’nti vutte ‘‘itthiyo nāma bhikkhu akataññū mittadubbhā, kasmā tā nissāya ukkaṇṭhitosī’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา คงฺคาตีเร อสฺสมํ มาเปตฺวา สมาปตฺติโย เจว อภิญฺญาโย จ นิพฺพเตฺตตฺวา ฌานสุเขน วิหรติฯ ตสฺมิํ สมเย พาราณสิเสฎฺฐิโน ธีตา ทุฎฺฐกุมารี นาม จณฺฑา อโหสิ ผรุสา, ทาสกมฺมกเร อโกฺกสติ ปริภาสติ ปหรติฯ อถ นํ เอกทิวสํ ปริวารมนุสฺสา คเหตฺวา ‘‘คงฺคาย กีฬิสฺสามา’’ติ อคมํสุฯ เตสํ กีฬนฺตานเญฺญว สูริยตฺถงฺคมนเวลา ชาตา, เมโฆ อุฎฺฐหิ, มนุสฺสา เมฆํ ทิสฺวา อิโต จิโต จ เวเคน ปลายิํสุฯ เสฎฺฐิธีตายปิ ทาสกมฺมกรา ‘‘อชฺช อเมฺหหิ เอติสฺสา ปิฎฺฐิํ ปสฺสิตุํ วฎฺฎตี’’ติ ตํ อโนฺตอุทกสฺมิํเยว ฉเฑฺฑตฺวา อุตฺตริํสุฯ เทโว ปาวสฺสิ, สูริโยปิ อตฺถงฺคโต, อนฺธกาโร ชาโตฯ เต ตาย วินาว เคหํ คนฺตฺวา ‘‘กหํ สา’’ติ วุเตฺต ‘‘คงฺคาโต ตาว อุตฺติณฺณา, อถ นํ น ชานาม กหํ คตา’’ติฯ ญาตกา วิจินิตฺวาปิ น ปสฺสิํสุฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto isipabbajjaṃ pabbajitvā gaṅgātīre assamaṃ māpetvā samāpattiyo ceva abhiññāyo ca nibbattetvā jhānasukhena viharati. Tasmiṃ samaye bārāṇasiseṭṭhino dhītā duṭṭhakumārī nāma caṇḍā ahosi pharusā, dāsakammakare akkosati paribhāsati paharati. Atha naṃ ekadivasaṃ parivāramanussā gahetvā ‘‘gaṅgāya kīḷissāmā’’ti agamaṃsu. Tesaṃ kīḷantānaññeva sūriyatthaṅgamanavelā jātā, megho uṭṭhahi, manussā meghaṃ disvā ito cito ca vegena palāyiṃsu. Seṭṭhidhītāyapi dāsakammakarā ‘‘ajja amhehi etissā piṭṭhiṃ passituṃ vaṭṭatī’’ti taṃ antoudakasmiṃyeva chaḍḍetvā uttariṃsu. Devo pāvassi, sūriyopi atthaṅgato, andhakāro jāto. Te tāya vināva gehaṃ gantvā ‘‘kahaṃ sā’’ti vutte ‘‘gaṅgāto tāva uttiṇṇā, atha naṃ na jānāma kahaṃ gatā’’ti. Ñātakā vicinitvāpi na passiṃsu.

    สา มหาวิรวํ วิรวนฺตี อุทเกน วุยฺหมานา อฑฺฒรตฺตสมเย โพธิสตฺตสฺส ปณฺณสาลาสมีปํ ปาปุณิฯ โส ตสฺสา สทฺทํ สุตฺวา ‘‘มาตุคามสฺส สโทฺท เอโส, ปริตฺตาณมสฺสา กริสฺสามี’’ติ ติณุกฺกํ อาทาย นทีตีรํ คนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา ‘‘มา ภายิ, มา ภายี’’ติ อสฺสาเสตฺวา นาคพโล ถามสมฺปโนฺน โพธิสโตฺต นทิํ ตรมาโน คนฺตฺวา ตํ อุกฺขิปิตฺวา อสฺสมปทํ อาเนตฺวา อคฺคิํ กตฺวา อทาสิฯ สีเต วิคเต มธุรานิ ผลาผลานิ อุปนาเมสิฯ ตานิ ขาทิตฺวา ฐิตํ ‘‘กตฺถ วาสิกาสิ, กถญฺจ คงฺคาย ปติตาสี’’ติ ปุจฺฉิฯ สา ตํ ปวตฺติํ อาโรเจสิฯ อถ นํ ‘‘ตฺวํ อิเธว วสา’’ติ ปณฺณสาลาย วสาเปโนฺต ทฺวีหตีหํ สยํ อโพฺภกาเส วสิตฺวา ‘‘อิทานิ คจฺฉา’’ติ อาหฯ สา ‘‘อิมํ ตาปสํ สีลเภทํ ปาเปตฺวา คเหตฺวา คมิสฺสามี’’ติ น คจฺฉติฯ อถ คจฺฉเนฺต กาเล อิตฺถิกุตฺตํ อิตฺถิลีลํ ทเสฺสตฺวา ตสฺส สีลเภทํ กตฺวา ฌานํ อนฺตรธาเปสิฯ โส ตํ คเหตฺวา อรเญฺญเยว วสติฯ อถ นํ สา อาห ‘‘อยฺย, กิํ โน อรญฺญวาเสน, มนุสฺสปถํ คมิสฺสามา’’ติ? โส ตํ อาทาย เอกํ ปจฺจนฺตคามกํ คนฺตฺวา ตกฺกภติยา ชีวิกํ กเปฺปตฺวา ตํ โปเสติฯ ตสฺส ตกฺกํ วิกฺกิณิตฺวา ชีวตีติ ‘‘ตกฺกปณฺฑิโต’’ติ นามํ อกํสุฯ อถสฺส คามวาสิโน ปริพฺพยํ ทตฺวา ‘‘อมฺหากํ สุยุตฺตทุยุตฺตกํ อาจิกฺขโนฺต เอตฺถ วสา’’ติ คามทฺวาเร กุฎิยํ วาเสสุํฯ

    Sā mahāviravaṃ viravantī udakena vuyhamānā aḍḍharattasamaye bodhisattassa paṇṇasālāsamīpaṃ pāpuṇi. So tassā saddaṃ sutvā ‘‘mātugāmassa saddo eso, parittāṇamassā karissāmī’’ti tiṇukkaṃ ādāya nadītīraṃ gantvā taṃ disvā ‘‘mā bhāyi, mā bhāyī’’ti assāsetvā nāgabalo thāmasampanno bodhisatto nadiṃ taramāno gantvā taṃ ukkhipitvā assamapadaṃ ānetvā aggiṃ katvā adāsi. Sīte vigate madhurāni phalāphalāni upanāmesi. Tāni khāditvā ṭhitaṃ ‘‘kattha vāsikāsi, kathañca gaṅgāya patitāsī’’ti pucchi. Sā taṃ pavattiṃ ārocesi. Atha naṃ ‘‘tvaṃ idheva vasā’’ti paṇṇasālāya vasāpento dvīhatīhaṃ sayaṃ abbhokāse vasitvā ‘‘idāni gacchā’’ti āha. Sā ‘‘imaṃ tāpasaṃ sīlabhedaṃ pāpetvā gahetvā gamissāmī’’ti na gacchati. Atha gacchante kāle itthikuttaṃ itthilīlaṃ dassetvā tassa sīlabhedaṃ katvā jhānaṃ antaradhāpesi. So taṃ gahetvā araññeyeva vasati. Atha naṃ sā āha ‘‘ayya, kiṃ no araññavāsena, manussapathaṃ gamissāmā’’ti? So taṃ ādāya ekaṃ paccantagāmakaṃ gantvā takkabhatiyā jīvikaṃ kappetvā taṃ poseti. Tassa takkaṃ vikkiṇitvā jīvatīti ‘‘takkapaṇḍito’’ti nāmaṃ akaṃsu. Athassa gāmavāsino paribbayaṃ datvā ‘‘amhākaṃ suyuttaduyuttakaṃ ācikkhanto ettha vasā’’ti gāmadvāre kuṭiyaṃ vāsesuṃ.

    เตน จ สมเยน โจรา ปพฺพตา โอรุยฺห ปจฺจนฺตํ ปหรนฺติฯ เต เอกทิวสํ ตํ คามํ ปหริตฺวา คามวาสิเกหิเยว ภณฺฑิกา อุกฺขิปาเปตฺวา คจฺฉนฺตา ตมฺปิ เสฎฺฐิธีตรํ คเหตฺวา อตฺตโน วสนฎฺฐานํ คนฺตฺวา เสสชเน วิสฺสเชฺชสุํฯ โจรเชฎฺฐโก ปน ตสฺสา รูเป พชฺฌิตฺวา ตํ อตฺตโน ภริยํ อกาสิฯ โพธิสโตฺต ‘‘อิตฺถนฺนามา กห’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ‘‘โจรเชฎฺฐเกน คเหตฺวา อตฺตโน ภริยา กตา’’ติ จ สุตฺวาปิ ‘‘น สา ตตฺถ มยา วินา วสิสฺสติ, ปลายิตฺวา อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ ตสฺสา อาคมนํ โอโลเกโนฺต ตเตฺถว วสิฯ

    Tena ca samayena corā pabbatā oruyha paccantaṃ paharanti. Te ekadivasaṃ taṃ gāmaṃ paharitvā gāmavāsikehiyeva bhaṇḍikā ukkhipāpetvā gacchantā tampi seṭṭhidhītaraṃ gahetvā attano vasanaṭṭhānaṃ gantvā sesajane vissajjesuṃ. Corajeṭṭhako pana tassā rūpe bajjhitvā taṃ attano bhariyaṃ akāsi. Bodhisatto ‘‘itthannāmā kaha’’nti pucchi. ‘‘Corajeṭṭhakena gahetvā attano bhariyā katā’’ti ca sutvāpi ‘‘na sā tattha mayā vinā vasissati, palāyitvā āgacchissatī’’ti tassā āgamanaṃ olokento tattheva vasi.

    เสฎฺฐิธีตาปิ จิเนฺตสิ ‘‘อหํ อิธ สุขํ วสามิ, กทาจิ มํ ตกฺกปณฺฑิโต กิญฺจิเทว นิสฺสาย อาคนฺตฺวา อิโต อาทาย คเจฺฉยฺย, อถ เอตสฺมา สุขา ปริหายิสฺสามิ, ยนฺนูนาหํ สมฺปิยายมานา วิย ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ฆาตาเปยฺย’’นฺติฯ สา เอกํ มนุสฺสํ ปโกฺกสิตฺวา ‘‘อหํ อิธ ทุกฺขํ ชีวามิ, ตกฺกปณฺฑิโต อาคนฺตฺวา มํ อาทาย คจฺฉตู’’ติ สาสนํ เปเสสิฯ โส ตํ สาสนํ สุตฺวา สทฺทหิตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา คามทฺวาเร ฐตฺวา สาสนํ เปเสสิฯ สา นิกฺขมิตฺวา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยฺย, สเจ มยํ อิทานิ คจฺฉิสฺสาม, โจรเชฎฺฐโก อนุพนฺธิตฺวา อุโภปิ อเมฺห ฆาเตสฺสติ, รตฺติภาเค คจฺฉิสฺสามา’’ติ ตํ อาเนตฺวา โภเชตฺวา โกฎฺฐเก นิสีทาเปตฺวา สายํ โจรเชฎฺฐกสฺส อาคนฺตฺวา สุรํ ปิวิตฺวา มตฺตกาเล ‘‘สามิ, สเจ อิมาย เวลาย ตว สตฺตุํ ปเสฺสยฺยาสิ, กินฺติ นํ กเรยฺยาสี’’ติ อาหฯ ‘‘อิทญฺจิทญฺจ กริสฺสามีติ’’ฯ ‘‘กิํ ปน โส ทูเร, นนุ โกฎฺฐเก นิสิโนฺน’’ติ? โจรเชฎฺฐโก อุกฺกํ อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา คเหตฺวา เคหมเชฺฌ ปาเตตฺวา กปฺปราทีหิ ยถารุจิํ โปเถสิฯ โส โปถิยมาโนปิ อญฺญํ กิญฺจิ อวตฺวา ‘‘โกธนา อกตญฺญู จ, ปิสุณา มิตฺตเภทิกา’’ติ เอตฺตกเมว วทติฯ โจโร ตํ โปเถตฺวา พนฺธิตฺวา นิปชฺชาเปตฺวา สายมาสํ ภุญฺชิตฺวา สยิฯ ปพุโทฺธ ชิณฺณาย สุราย ปุน ตํ โปเถตุํ อารภิ, โสปิ ตาเนว จตฺตาริ ปทานิ วทติฯ

    Seṭṭhidhītāpi cintesi ‘‘ahaṃ idha sukhaṃ vasāmi, kadāci maṃ takkapaṇḍito kiñcideva nissāya āgantvā ito ādāya gaccheyya, atha etasmā sukhā parihāyissāmi, yannūnāhaṃ sampiyāyamānā viya taṃ pakkosāpetvā ghātāpeyya’’nti. Sā ekaṃ manussaṃ pakkositvā ‘‘ahaṃ idha dukkhaṃ jīvāmi, takkapaṇḍito āgantvā maṃ ādāya gacchatū’’ti sāsanaṃ pesesi. So taṃ sāsanaṃ sutvā saddahitvā tattha gantvā gāmadvāre ṭhatvā sāsanaṃ pesesi. Sā nikkhamitvā taṃ disvā ‘‘ayya, sace mayaṃ idāni gacchissāma, corajeṭṭhako anubandhitvā ubhopi amhe ghātessati, rattibhāge gacchissāmā’’ti taṃ ānetvā bhojetvā koṭṭhake nisīdāpetvā sāyaṃ corajeṭṭhakassa āgantvā suraṃ pivitvā mattakāle ‘‘sāmi, sace imāya velāya tava sattuṃ passeyyāsi, kinti naṃ kareyyāsī’’ti āha. ‘‘Idañcidañca karissāmīti’’. ‘‘Kiṃ pana so dūre, nanu koṭṭhake nisinno’’ti? Corajeṭṭhako ukkaṃ ādāya tattha gantvā taṃ disvā gahetvā gehamajjhe pātetvā kapparādīhi yathāruciṃ pothesi. So pothiyamānopi aññaṃ kiñci avatvā ‘‘kodhanā akataññū ca, pisuṇā mittabhedikā’’ti ettakameva vadati. Coro taṃ pothetvā bandhitvā nipajjāpetvā sāyamāsaṃ bhuñjitvā sayi. Pabuddho jiṇṇāya surāya puna taṃ pothetuṃ ārabhi, sopi tāneva cattāri padāni vadati.

    โจโร จิเนฺตสิ ‘‘อยํ เอวํ โปถิยมาโนปิ อญฺญํ กิญฺจิ อวตฺวา อิมาเนว จตฺตาริ ปทานิ วทติ, ปุจฺฉิสฺสามิ น’’นฺติ ตสฺสา สุตฺตภาวํ ญตฺวา ตํ ปุจฺฉิ ‘‘อโมฺภ ตฺวํ เอวํ โปถิยมาโนปิ กสฺมา เอตาเนว ปทานิ วทสี’’ติ? ตกฺกปณฺฑิโต ‘‘เตน หิ สุณาหี’’ติ ตํ การณํ อาทิโต ปฎฺฐาย กเถสิฯ ‘‘อหํ ปุเพฺพ อรญฺญวาสิโก เอโก ตาปโส ฌานลาภี, สฺวาหํ เอตํ คงฺคาย วุยฺหมานํ อุตฺตาเรตฺวา ปฎิชคฺคิํฯ อถ มํ เอสา ปโลเภตฺวา ฌานา ปริหาเปสิ, สฺวาหํ อรญฺญํ ปหาย เอตํ โปเสโนฺต ปจฺจนฺตคามเก วสามิ, อเถสา โจเรหิ อิธานีตา ‘อหํ ทุกฺขํ วสามิ, อาคนฺตฺวา มํ เนตู’ติ มยฺหํ สาสนํ เปเสตฺวา อิทานิ ตว หเตฺถ ปาเตสิ, อิมินา การเณนาหํ เอวํ กเถมี’’ติฯ โจโร จิเนฺตสิ ‘‘ยา เอสา เอวรูเป คุณสมฺปเนฺน อุปการเก เอวํ วิปฺปฎิปชฺชิ, สา มยฺหํ กตรํ นาม อุปทฺทวํ น กเรยฺย, มาเรตพฺพา เอสา’’ติ โส ตกฺกปณฺฑิตํ อสฺสาเสตฺวา ตํ ปโพเธตฺวา ขคฺคํ อาทาย นิกฺขมฺม ‘‘เอตํ ปุริสํ คามทฺวาเร ฆาเตสฺสามี’’ติ วตฺวา ตาย สทฺธิํ พหิคามํ คนฺตฺวา ‘‘เอตํ หเตฺถ คณฺหา’’ติ ตํ ตาย หเตฺถ คาหาเปตฺวา ขคฺคํ อาทาย ตกฺกปณฺฑิตํ ปหรโนฺต วิย ตํ ทฺวิธา ฉินฺทิตฺวา สสีสํ นฺหาเปตฺวา ตกฺกปณฺฑิตํ กติปาหํ ปณีเตน โภชเนน สนฺตเปฺปตฺวา อิทานิ กหํ คมิสฺสสี’’ติ อาหฯ ตกฺกปณฺฑิโต ‘‘ฆราวาเสน เม กิจฺจํ นตฺถิ, อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตเตฺถว อรเญฺญ วสิสฺสามี’’ติ อาหฯ ‘‘เตน หิ อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อุโภปิ ปพฺพชิตฺวา ตํ อรญฺญายตนํ คนฺตฺวา ปญฺจ อภิญฺญา อฎฺฐ จ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา ชีวิตปริโยสาเน พฺรหฺมโลกูปคา อเหสุํฯ

    Coro cintesi ‘‘ayaṃ evaṃ pothiyamānopi aññaṃ kiñci avatvā imāneva cattāri padāni vadati, pucchissāmi na’’nti tassā suttabhāvaṃ ñatvā taṃ pucchi ‘‘ambho tvaṃ evaṃ pothiyamānopi kasmā etāneva padāni vadasī’’ti? Takkapaṇḍito ‘‘tena hi suṇāhī’’ti taṃ kāraṇaṃ ādito paṭṭhāya kathesi. ‘‘Ahaṃ pubbe araññavāsiko eko tāpaso jhānalābhī, svāhaṃ etaṃ gaṅgāya vuyhamānaṃ uttāretvā paṭijaggiṃ. Atha maṃ esā palobhetvā jhānā parihāpesi, svāhaṃ araññaṃ pahāya etaṃ posento paccantagāmake vasāmi, athesā corehi idhānītā ‘ahaṃ dukkhaṃ vasāmi, āgantvā maṃ netū’ti mayhaṃ sāsanaṃ pesetvā idāni tava hatthe pātesi, iminā kāraṇenāhaṃ evaṃ kathemī’’ti. Coro cintesi ‘‘yā esā evarūpe guṇasampanne upakārake evaṃ vippaṭipajji, sā mayhaṃ kataraṃ nāma upaddavaṃ na kareyya, māretabbā esā’’ti so takkapaṇḍitaṃ assāsetvā taṃ pabodhetvā khaggaṃ ādāya nikkhamma ‘‘etaṃ purisaṃ gāmadvāre ghātessāmī’’ti vatvā tāya saddhiṃ bahigāmaṃ gantvā ‘‘etaṃ hatthe gaṇhā’’ti taṃ tāya hatthe gāhāpetvā khaggaṃ ādāya takkapaṇḍitaṃ paharanto viya taṃ dvidhā chinditvā sasīsaṃ nhāpetvā takkapaṇḍitaṃ katipāhaṃ paṇītena bhojanena santappetvā idāni kahaṃ gamissasī’’ti āha. Takkapaṇḍito ‘‘gharāvāsena me kiccaṃ natthi, isipabbajjaṃ pabbajitvā tattheva araññe vasissāmī’’ti āha. ‘‘Tena hi ahampi pabbajissāmī’’ti ubhopi pabbajitvā taṃ araññāyatanaṃ gantvā pañca abhiññā aṭṭha ca samāpattiyo nibbattetvā jīvitapariyosāne brahmalokūpagā ahesuṃ.

    สตฺถา อิมานิ เทฺว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –

    Satthā imāni dve vatthūni kathetvā anusandhiṃ ghaṭetvā abhisambuddho hutvā imaṃ gāthamāha –

    ๖๓.

    63.

    ‘‘โกธนา อกตญฺญู จ, ปิสุณา มิตฺตเภทิกา;

    ‘‘Kodhanā akataññū ca, pisuṇā mittabhedikā;

    พฺรหฺมจริยํ จร ภิกฺขุ, โส สุขํ น วิหาหิสี’’ติฯ

    Brahmacariyaṃ cara bhikkhu, so sukhaṃ na vihāhisī’’ti.

    ตตฺรายํ ปิณฺฑโตฺถ – ภิกฺขุ อิตฺถิโย นาเมตา โกธนา, อุปฺปนฺนํ โกธํ นิวาเรตุํ น สโกฺกนฺติฯ อกตญฺญู จ, อติมหนฺตมฺปิ อุปการํ น ชานนฺติฯ ปิสุณา จ, ปิยสุญฺญภาวกรณเมว กถํ กเถนฺติฯ มิตฺตเภทิกา, มิเตฺต ภินฺทนฺติ, มิตฺตเภทนกถํ กถนสีลาเยว , เอวรูเปหิ ปาปธเมฺมหิ สมนฺนาคตา เอตาฯ กิํ เต เอตาหิ, พฺรหฺมจริยํ จร ภิกฺขุ, อยญฺหิ เมถุนวิรติ ปริสุทฺธเฎฺฐน พฺรหฺมจริยํ นาม, ตํ จรฯ โส สุขํ น วิหาหิสีติ โส ตฺวํ เอตํ พฺรหฺมจริยวาสํ วสโนฺต ฌานสุขํ มคฺคสุขํ ผลสุขญฺจ น วิหาหิสิ, เอตํ สุขํ น วิชหิสฺสติ, เอตสฺมา สุขา น ปริหายิสฺสสีติ อโตฺถฯ ‘‘น ปริหาหิสี’’ติปิ ปาโฐ, อยเมวโตฺถฯ

    Tatrāyaṃ piṇḍattho – bhikkhu itthiyo nāmetā kodhanā, uppannaṃ kodhaṃ nivāretuṃ na sakkonti. Akataññū ca, atimahantampi upakāraṃ na jānanti. Pisuṇā ca, piyasuññabhāvakaraṇameva kathaṃ kathenti. Mittabhedikā, mitte bhindanti, mittabhedanakathaṃ kathanasīlāyeva , evarūpehi pāpadhammehi samannāgatā etā. Kiṃ te etāhi, brahmacariyaṃ cara bhikkhu, ayañhi methunavirati parisuddhaṭṭhena brahmacariyaṃ nāma, taṃ cara. So sukhaṃ na vihāhisīti so tvaṃ etaṃ brahmacariyavāsaṃ vasanto jhānasukhaṃ maggasukhaṃ phalasukhañca na vihāhisi, etaṃ sukhaṃ na vijahissati, etasmā sukhā na parihāyissasīti attho. ‘‘Na parihāhisī’’tipi pāṭho, ayamevattho.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ สตฺถา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โจรเชฎฺฐโก อานโนฺท อโหสิ, ตกฺกปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsesi, saccapariyosāne ukkaṇṭhitabhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhahi. Satthā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā corajeṭṭhako ānando ahosi, takkapaṇḍito pana ahameva ahosi’’nti.

    ตกฺกปณฺฑิตชาตกวณฺณนา ตติยาฯ

    Takkapaṇḍitajātakavaṇṇanā tatiyā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๖๓. ตกฺกปณฺฑิตชาตกํ • 63. Takkapaṇḍitajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact