Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๒. ตาลปุฎสุตฺตํ

    2. Tālapuṭasuttaṃ

    ๓๕๔. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ อถ โข ตาลปุโฎ 1 นฎคามณิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ตาลปุโฎ นฎคามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต, ปุพฺพกานํ อาจริยปาจริยานํ นฎานํ ภาสมานานํ – ‘โย โส นโฎ รงฺคมเชฺฌ สมชฺชมเชฺฌ สจฺจาลิเกน ชนํ หาเสติ รเมติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปหาสานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’ติฯ อิธ ภควา กิมาหา’’ติ? ‘‘อลํ, คามณิ, ติฎฺฐเตตํฯ มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’ติฯ ทุติยมฺปิ โข ตาลปุโฎ นฎคามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต, ปุพฺพกานํ อาจริยปาจริยานํ นฎานํ ภาสมานานํ – ‘โย โส นโฎ รงฺคมเชฺฌ สมชฺชมเชฺฌ สจฺจาลิเกน ชนํ หาเสติ รเมติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปหาสานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’ติฯ อิธ ภควา กิมาหา’’ติ? ‘‘อลํ, คามณิ, ติฎฺฐเตตํฯ มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’ติฯ ตติยมฺปิ โข ตาลปุโฎ นฎคามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต, ปุพฺพกานํ อาจริยปาจริยานํ นฎานํ ภาสมานานํ – ‘โย โส นโฎ รงฺคมเชฺฌ สมชฺชมเชฺฌ สจฺจาลิเกน ชนํ หาเสติ รเมติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปหาสานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’ติฯ อิธ ภควา กิมาหา’’ติ?

    354. Ekaṃ samayaṃ bhagavā rājagahe viharati veḷuvane kalandakanivāpe. Atha kho tālapuṭo 2 naṭagāmaṇi yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho tālapuṭo naṭagāmaṇi bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sutaṃ metaṃ, bhante, pubbakānaṃ ācariyapācariyānaṃ naṭānaṃ bhāsamānānaṃ – ‘yo so naṭo raṅgamajjhe samajjamajjhe saccālikena janaṃ hāseti rameti, so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā pahāsānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjatī’ti. Idha bhagavā kimāhā’’ti? ‘‘Alaṃ, gāmaṇi, tiṭṭhatetaṃ. Mā maṃ etaṃ pucchī’’ti. Dutiyampi kho tālapuṭo naṭagāmaṇi bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sutaṃ metaṃ, bhante, pubbakānaṃ ācariyapācariyānaṃ naṭānaṃ bhāsamānānaṃ – ‘yo so naṭo raṅgamajjhe samajjamajjhe saccālikena janaṃ hāseti rameti, so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā pahāsānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjatī’ti. Idha bhagavā kimāhā’’ti? ‘‘Alaṃ, gāmaṇi, tiṭṭhatetaṃ. Mā maṃ etaṃ pucchī’’ti. Tatiyampi kho tālapuṭo naṭagāmaṇi bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sutaṃ metaṃ, bhante, pubbakānaṃ ācariyapācariyānaṃ naṭānaṃ bhāsamānānaṃ – ‘yo so naṭo raṅgamajjhe samajjamajjhe saccālikena janaṃ hāseti rameti, so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā pahāsānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjatī’ti. Idha bhagavā kimāhā’’ti?

    ‘‘อทฺธา โข ตฺยาหํ, คามณิ, น ลภามิ 3 – ‘อลํ, คามณิ, ติฎฺฐเตตํ, มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’ติฯ อปิ จ ตฺยาหํ พฺยากริสฺสามิฯ ปุเพฺพ โข, คามณิ, สตฺตา อวีตราคา ราคพนฺธนพทฺธาฯ เตสํ นโฎ รงฺคมเชฺฌ สมชฺชมเชฺฌ เย ธมฺมา รชนียา เต อุปสํหรติ ภิโยฺยโสมตฺตายฯ ปุเพฺพ โข, คามณิ, สตฺตา อวีตโทสา โทสพนฺธนพทฺธาฯ เตสํ นโฎ รงฺคมเชฺฌ สมชฺชมเชฺฌ เย ธมฺมา โทสนียา เต อุปสํหรติ ภิโยฺยโสมตฺตายฯ ปุเพฺพ โข, คามณิ , สตฺตา อวีตโมหา โมหพนฺธนพทฺธาฯ เตสํ นโฎ รงฺคมเชฺฌ สมชฺชมเชฺฌ เย ธมฺมา โมหนียา เต อุปสํหรติ ภิโยฺยโสมตฺตายฯ โส อตฺตนา มโตฺต ปมโตฺต ปเร มเทตฺวา ปมาเทตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปหาโส นาม นิรโย ตตฺถ อุปปชฺชติฯ สเจ โข ปนสฺส เอวํทิฎฺฐิ โหติ – ‘โย โส นโฎ รงฺคมเชฺฌ สมชฺชมเชฺฌ สจฺจาลิเกน ชนํ หาเสติ รเมติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปหาสานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’ติ, สาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฎฺฐิฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิกสฺส โข ปนาหํ, คามณิ, ปุริสปุคฺคลสฺส ทฺวินฺนํ คตีนํ อญฺญตรํ คติํ วทามิ – นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนิํ วา’’ติฯ

    ‘‘Addhā kho tyāhaṃ, gāmaṇi, na labhāmi 4 – ‘alaṃ, gāmaṇi, tiṭṭhatetaṃ, mā maṃ etaṃ pucchī’ti. Api ca tyāhaṃ byākarissāmi. Pubbe kho, gāmaṇi, sattā avītarāgā rāgabandhanabaddhā. Tesaṃ naṭo raṅgamajjhe samajjamajjhe ye dhammā rajanīyā te upasaṃharati bhiyyosomattāya. Pubbe kho, gāmaṇi, sattā avītadosā dosabandhanabaddhā. Tesaṃ naṭo raṅgamajjhe samajjamajjhe ye dhammā dosanīyā te upasaṃharati bhiyyosomattāya. Pubbe kho, gāmaṇi , sattā avītamohā mohabandhanabaddhā. Tesaṃ naṭo raṅgamajjhe samajjamajjhe ye dhammā mohanīyā te upasaṃharati bhiyyosomattāya. So attanā matto pamatto pare madetvā pamādetvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā pahāso nāma nirayo tattha upapajjati. Sace kho panassa evaṃdiṭṭhi hoti – ‘yo so naṭo raṅgamajjhe samajjamajjhe saccālikena janaṃ hāseti rameti, so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā pahāsānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjatī’ti, sāssa hoti micchādiṭṭhi. Micchādiṭṭhikassa kho panāhaṃ, gāmaṇi, purisapuggalassa dvinnaṃ gatīnaṃ aññataraṃ gatiṃ vadāmi – nirayaṃ vā tiracchānayoniṃ vā’’ti.

    เอวํ วุเตฺต, ตาลปุโฎ นฎคามณิ, ปโรทิ, อสฺสูนิ ปวเตฺตสิฯ ‘‘เอตํ โข ตฺยาหํ, คามณิ, นาลตฺถํ – ‘อลํ, คามณิ, ติฎฺฐเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’’ติฯ ‘‘นาหํ, ภเนฺต, เอตํ โรทามิ ยํ มํ ภควา เอวมาห; อปิ จาหํ, ภเนฺต, ปุพฺพเกหิ อาจริยปาจริเยหิ นเฎหิ ทีฆรตฺตํ นิกโต วญฺจิโต ปลุโทฺธ – ‘โย โส นโฎ รงฺคมเชฺฌ สมชฺชมเชฺฌ สจฺจาลิเกน ชนํ หาเสติ รเมติ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปหาสานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’’’ติฯ ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต, อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต! เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ ลเภยฺยาหํ, ภเนฺต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติฯ อลตฺถ โข ตาลปุโฎ นฎคามณิ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํฯ อจิรูปสมฺปโนฺน จ ปนายสฺมา ตาลปุโฎ…เป.… อรหตํ อโหสีติฯ ทุติยํฯ

    Evaṃ vutte, tālapuṭo naṭagāmaṇi, parodi, assūni pavattesi. ‘‘Etaṃ kho tyāhaṃ, gāmaṇi, nālatthaṃ – ‘alaṃ, gāmaṇi, tiṭṭhatetaṃ; mā maṃ etaṃ pucchī’’’ti. ‘‘Nāhaṃ, bhante, etaṃ rodāmi yaṃ maṃ bhagavā evamāha; api cāhaṃ, bhante, pubbakehi ācariyapācariyehi naṭehi dīgharattaṃ nikato vañcito paluddho – ‘yo so naṭo raṅgamajjhe samajjamajjhe saccālikena janaṃ hāseti rameti so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā pahāsānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjatī’’’ti. ‘‘Abhikkantaṃ, bhante, abhikkantaṃ, bhante! Seyyathāpi, bhante, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya – cakkhumanto rūpāni dakkhantīti; evamevaṃ bhagavatā anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca. Labheyyāhaṃ, bhante, bhagavato santike pabbajjaṃ, labheyyaṃ upasampada’’nti. Alattha kho tālapuṭo naṭagāmaṇi bhagavato santike pabbajjaṃ, alattha upasampadaṃ. Acirūpasampanno ca panāyasmā tālapuṭo…pe… arahataṃ ahosīti. Dutiyaṃ.







    Footnotes:
    1. ตาลปุโตฺต (สี. สฺยา. กํ.)
    2. tālaputto (sī. syā. kaṃ.)
    3. นาลตฺถํ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)
    4. nālatthaṃ (syā. kaṃ. pī. ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. ตาลปุฎสุตฺตวณฺณนา • 2. Tālapuṭasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๒. ตาลปุฎสุตฺตวณฺณนา • 2. Tālapuṭasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact