Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๑๙. ปญฺญาสนิปาโต

    19. Paññāsanipāto

    ๑. ตาลปุฎเตฺถรคาถาวณฺณนา

    1. Tālapuṭattheragāthāvaṇṇanā

    ปญฺญาสนิปาเต กทา นุหนฺติอาทิกา อายสฺมโต ตาลปุฎเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห อญฺญตรสฺมิํ นฎกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต กุลานุรูเปสุ นจฺจฎฺฐาเนสุ นิปฺผตฺติํ คนฺตฺวา สกลชมฺพุทีเป ปากโฎ นฎคามณิ อโหสิฯ โส ปญฺจสตมาตุคามปริวาโร มหตา นฎวิภเวน คามนิคมราชธานีสุ สมชฺชํ ทเสฺสตฺวา, มหนฺตํ ปูชาสกฺการํ ลภิตฺวา, วิจรโนฺต ราชคหํ อาคนฺตฺวา, นครวาสีนํ สมชฺชํ ทเสฺสตฺวา, ลทฺธสมฺมานสกฺกาโร ญาณสฺส ปริปากํ คตตฺตา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสิโนฺน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตเมตํ, ภเนฺต, ปุพฺพกานํ อาจริยปาจริยานํ นฎานํ ภาสมานานํ ‘โย โส นโฎ รงฺคมเชฺฌ สมชฺชมเชฺฌ สจฺจาลิเกน ชนํ หาเสติ รเมติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปหาสานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’ติ, อิธ ภควา กิมาหา’’ติฯ อถ นํ ภควา ติกฺขตฺตุํ ปฎิกฺขิปิ ‘‘มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’ติฯ จตุตฺถวารํ ปุโฎฺฐ อาห – ‘‘คามณิ, อิเม สตฺตา ปกติยาปิ ราคพนฺธนพทฺธา โทสพนฺธนพทฺธา โมหพนฺธนพทฺธา เตสํ ภิโยฺยปิ รชนีเย โทสนีเย โมหนีเย ธเมฺม อุปสํหรโนฺต ปมาเทตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา นิรเย อุปปชฺชติฯ สเจ ปนสฺส เอวํทิฎฺฐิ โหติ ‘โย โส นโฎ รงฺคมเชฺฌ สมชฺชมเชฺฌ สจฺจาลิเกน ชนํ หาเสติ รเมติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปหาสานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’’’ติ สาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฎฺฐิฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิสฺส จ ทฺวินฺนํ คตีนํ อญฺญตรา คติ อิจฺฉิตพฺพา, นิรยสฺส วา ติรจฺฉานโยนิยา วาติฯ ตํ สุตฺวา ตาลปุโฎ คามณิ ปโรทิฯ นนุ คามณิ ปเคว มยา ปฎิกฺขิโตฺต ‘‘มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๕๔)? ‘‘นาหํ, ภเนฺต, เอตํ โรทามิ, ยํ มํ ภควา นฎานํ อภิสมฺปรายํ เอวมาหา’’ติฯ อปิ จาหํ, ภเนฺต, ปุพฺพเกหิ อาจริยปาจริเยหิ นเฎหิ วญฺจิโต ‘‘นโฎ มหาชนสฺส นฎสมชฺชํ ทเสฺสตฺวา สุคติํ อุปปชฺชตี’’ติฯ โส สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโนฺน วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิ, อธิคตารหโตฺต ปน อรหตฺตปฺปตฺติโต ปุเพฺพ เยนากาเรน อตฺตโน จิตฺตํ นิคฺคณฺหนวเสน โยนิโสมนสิกาโร อุทปาทิ, ตํ อเนกธา วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ –

    Paññāsanipāte kadā nuhantiādikā āyasmato tālapuṭattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinitvā imasmiṃ buddhuppāde rājagahe aññatarasmiṃ naṭakule nibbattitvā viññutaṃ patto kulānurūpesu naccaṭṭhānesu nipphattiṃ gantvā sakalajambudīpe pākaṭo naṭagāmaṇi ahosi. So pañcasatamātugāmaparivāro mahatā naṭavibhavena gāmanigamarājadhānīsu samajjaṃ dassetvā, mahantaṃ pūjāsakkāraṃ labhitvā, vicaranto rājagahaṃ āgantvā, nagaravāsīnaṃ samajjaṃ dassetvā, laddhasammānasakkāro ñāṇassa paripākaṃ gatattā satthu santikaṃ gantvā, vanditvā ekamantaṃ nisinno bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sutametaṃ, bhante, pubbakānaṃ ācariyapācariyānaṃ naṭānaṃ bhāsamānānaṃ ‘yo so naṭo raṅgamajjhe samajjamajjhe saccālikena janaṃ hāseti rameti, so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā pahāsānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjatī’ti, idha bhagavā kimāhā’’ti. Atha naṃ bhagavā tikkhattuṃ paṭikkhipi ‘‘mā maṃ etaṃ pucchī’’ti. Catutthavāraṃ puṭṭho āha – ‘‘gāmaṇi, ime sattā pakatiyāpi rāgabandhanabaddhā dosabandhanabaddhā mohabandhanabaddhā tesaṃ bhiyyopi rajanīye dosanīye mohanīye dhamme upasaṃharanto pamādetvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā niraye upapajjati. Sace panassa evaṃdiṭṭhi hoti ‘yo so naṭo raṅgamajjhe samajjamajjhe saccālikena janaṃ hāseti rameti, so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā pahāsānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjatī’’’ti sāssa hoti micchādiṭṭhi. Micchādiṭṭhissa ca dvinnaṃ gatīnaṃ aññatarā gati icchitabbā, nirayassa vā tiracchānayoniyā vāti. Taṃ sutvā tālapuṭo gāmaṇi parodi. Nanu gāmaṇi pageva mayā paṭikkhitto ‘‘mā maṃ etaṃ pucchī’’ti (saṃ. ni. 4.354)? ‘‘Nāhaṃ, bhante, etaṃ rodāmi, yaṃ maṃ bhagavā naṭānaṃ abhisamparāyaṃ evamāhā’’ti. Api cāhaṃ, bhante, pubbakehi ācariyapācariyehi naṭehi vañcito ‘‘naṭo mahājanassa naṭasamajjaṃ dassetvā sugatiṃ upapajjatī’’ti. So satthu santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā laddhūpasampanno vipassanāya kammaṃ karonto nacirasseva arahattaṃ pāpuṇi, adhigatārahatto pana arahattappattito pubbe yenākārena attano cittaṃ niggaṇhanavasena yonisomanasikāro udapādi, taṃ anekadhā vibhajitvā dassetuṃ –

    ๑๐๙๔.

    1094.

    ‘‘กทา นุหํ ปพฺพตกนฺทราสุ, เอกากิโย อทฺทุติโย วิหสฺสํ;

    ‘‘Kadā nuhaṃ pabbatakandarāsu, ekākiyo addutiyo vihassaṃ;

    อนิจฺจโต สพฺพภวํ วิปสฺสํ, ตํ เม อิทํ ตํ นุ กทา ภวิสฺสติฯ

    Aniccato sabbabhavaṃ vipassaṃ, taṃ me idaṃ taṃ nu kadā bhavissati.

    ๑๐๙๕.

    1095.

    ‘‘กทา นุหํ ภินฺนปฎนฺธโร มุนิ, กาสาววโตฺถ อมโม นิราโส;

    ‘‘Kadā nuhaṃ bhinnapaṭandharo muni, kāsāvavattho amamo nirāso;

    ราคญฺจ โทสญฺจ ตเถว โมหํ, หนฺตฺวา สุขี ปวนคโต วิหสฺสํฯ

    Rāgañca dosañca tatheva mohaṃ, hantvā sukhī pavanagato vihassaṃ.

    ๑๐๙๖.

    1096.

    ‘‘กทา อนิจฺจํ วธโรคนีฬํ, กายํ อิมํ มจฺจุชรายุปทฺทุตํ;

    ‘‘Kadā aniccaṃ vadharoganīḷaṃ, kāyaṃ imaṃ maccujarāyupaddutaṃ;

    วิปสฺสมาโน วีตภโย วิหสฺสํ, เอโก วเน ตํ นุ กทา ภวิสฺสติฯ

    Vipassamāno vītabhayo vihassaṃ, eko vane taṃ nu kadā bhavissati.

    ๑๐๙๗.

    1097.

    ‘‘กทา นุหํ ภยชนนิํ ทุขาวหํ, ตณฺหาลตํ พหุวิธานุวตฺตนิํ;

    ‘‘Kadā nuhaṃ bhayajananiṃ dukhāvahaṃ, taṇhālataṃ bahuvidhānuvattaniṃ;

    ปญฺญามยํ ติขิณมสิํ คเหตฺวา, เฉตฺวา วเส ตมฺปิ กทา ภวิสฺสติฯ

    Paññāmayaṃ tikhiṇamasiṃ gahetvā, chetvā vase tampi kadā bhavissati.

    ๑๐๙๘.

    1098.

    ‘‘กทา นุ ปญฺญามยมุคฺคเตชํ, สตฺถํ อิสีนํ สหสาทิยิตฺวา;

    ‘‘Kadā nu paññāmayamuggatejaṃ, satthaṃ isīnaṃ sahasādiyitvā;

    มารํ สเสนํ สหสา ภญฺชิสฺสํ, สีหาสเน ตํ นุ กทา ภวิสฺสติฯ

    Māraṃ sasenaṃ sahasā bhañjissaṃ, sīhāsane taṃ nu kadā bhavissati.

    ๑๐๙๙.

    1099.

    ‘‘กทา นุหํ สพฺภิ สมาคเมสุ, ทิโฎฺฐ ภเว ธมฺมครูหิ ตาทิภิ;

    ‘‘Kadā nuhaṃ sabbhi samāgamesu, diṭṭho bhave dhammagarūhi tādibhi;

    ยาถาวทสฺสีหิ ชิตินฺทฺริเยหิ, ปธานิโย ตํ นุ กทา ภวิสฺสติฯ

    Yāthāvadassīhi jitindriyehi, padhāniyo taṃ nu kadā bhavissati.

    ๑๑๐๐.

    1100.

    ‘‘กทา นุ มํ ตนฺทิ ขุทา ปิปาสา, วาตาตปา กีฎสรีสปา วา;

    ‘‘Kadā nu maṃ tandi khudā pipāsā, vātātapā kīṭasarīsapā vā;

    น พาธยิสฺสนฺติ น ตํ คิริพฺพเช, อตฺถตฺถิยํ ตํ นุ กทา ภวิสฺสติฯ

    Na bādhayissanti na taṃ giribbaje, atthatthiyaṃ taṃ nu kadā bhavissati.

    ๑๑๐๑.

    1101.

    ‘‘กทา นุ โข ยํ วิทิตํ มเหสินา, จตฺตาริ สจฺจานิ สุทุทฺทสานิ;

    ‘‘Kadā nu kho yaṃ viditaṃ mahesinā, cattāri saccāni sududdasāni;

    สมาหิตโตฺต สติมา อคจฺฉํ, ปญฺญาย ตํ ตํ นุ กทา ภวิสฺสติฯ

    Samāhitatto satimā agacchaṃ, paññāya taṃ taṃ nu kadā bhavissati.

    ๑๑๐๒.

    1102.

    ‘‘กทา นุ รูเป อมิเต จ สเทฺท, คเนฺธ รเส ผุสิตเพฺพ จ ธเมฺม;

    ‘‘Kadā nu rūpe amite ca sadde, gandhe rase phusitabbe ca dhamme;

    อาทิตฺตโตหํ สมเถหิ ยุโตฺต, ปญฺญาย ทจฺฉํ ตทิทํ กทา เมฯ

    Ādittatohaṃ samathehi yutto, paññāya dacchaṃ tadidaṃ kadā me.

    ๑๑๐๓.

    1103.

    ‘‘กทา นุหํ ทุพฺพจเนน วุโตฺต, ตโต นิมิตฺตํ วิมโน น เหสฺสํ;

    ‘‘Kadā nuhaṃ dubbacanena vutto, tato nimittaṃ vimano na hessaṃ;

    อโถ ปสโตฺถปิ ตโต นิมิตฺตํ, ตุโฎฺฐ น เหสฺสํ ตทิทํ กทา เมฯ

    Atho pasatthopi tato nimittaṃ, tuṭṭho na hessaṃ tadidaṃ kadā me.

    ๑๑๐๔.

    1104.

    ‘‘กทา นุ กเฎฺฐ จ ติเณ ลตา จ, ขเนฺธ อิเมหํ อมิเต จ ธเมฺม;

    ‘‘Kadā nu kaṭṭhe ca tiṇe latā ca, khandhe imehaṃ amite ca dhamme;

    อชฺฌตฺติกาเนว จ พาหิรานิ จ, สมํ ตุเลยฺยํ ตทิทํ กทา เมฯ

    Ajjhattikāneva ca bāhirāni ca, samaṃ tuleyyaṃ tadidaṃ kadā me.

    ๑๑๐๕.

    1105.

    ‘‘กทา นุ มํ ปาวุสกาลเมโฆ, นเวน โตเยน สจีวรํ วเน;

    ‘‘Kadā nu maṃ pāvusakālamegho, navena toyena sacīvaraṃ vane;

    อิสิปฺปยาตมฺหิ ปเถ วชนฺตํ, โอวสฺสเต ตํ นุ กทา ภวิสฺสติฯ

    Isippayātamhi pathe vajantaṃ, ovassate taṃ nu kadā bhavissati.

    ๑๑๐๖.

    1106.

    ‘‘กทา มยูรสฺส สิขณฺฑิโน วเน, ทิชสฺส สุตฺวา คิริคพฺภเร รุตํ;

    ‘‘Kadā mayūrassa sikhaṇḍino vane, dijassa sutvā girigabbhare rutaṃ;

    ปจฺจุฎฺฐหิตฺวา อมตสฺส ปตฺติยา, สํจินฺตเย ตํ นุ กทา ภวิสฺสติฯ

    Paccuṭṭhahitvā amatassa pattiyā, saṃcintaye taṃ nu kadā bhavissati.

    ๑๑๐๗.

    1107.

    ‘‘กทา นุ คงฺคํ ยมุนํ สรสฺสติํ, ปาตาลขิตฺตํ วฬวามุขญฺจ;

    ‘‘Kadā nu gaṅgaṃ yamunaṃ sarassatiṃ, pātālakhittaṃ vaḷavāmukhañca;

    อสชฺชมาโน ปตเรยฺยมิทฺธิยา, วิภิํสนํ ตํ นุ กทา ภวิสฺสติฯ

    Asajjamāno patareyyamiddhiyā, vibhiṃsanaṃ taṃ nu kadā bhavissati.

    ๑๑๐๘.

    1108.

    ‘‘กทา นุ นาโคว อสงฺคจารี, ปทาลเย กามคุเณสุ ฉนฺทํ;

    ‘‘Kadā nu nāgova asaṅgacārī, padālaye kāmaguṇesu chandaṃ;

    นิพฺพชฺชยํ สพฺพสุภํ นิมิตฺตํ, ฌาเน ยุโต ตํ นุ กทา ภวิสฺสติฯ

    Nibbajjayaṃ sabbasubhaṃ nimittaṃ, jhāne yuto taṃ nu kadā bhavissati.

    ๑๑๐๙.

    1109.

    ‘‘กทา อิณโฎฺฎว ทลิทฺทโก นิธิํ, อาราธยิตฺวา ธนิเกหิ ปีฬิโต;

    ‘‘Kadā iṇaṭṭova daliddako nidhiṃ, ārādhayitvā dhanikehi pīḷito;

    ตุโฎฺฐ ภวิสฺสํ อธิคมฺม สาสนํ, มเหสิโน ตํ นุ กทา ภวิสฺสติฯ

    Tuṭṭho bhavissaṃ adhigamma sāsanaṃ, mahesino taṃ nu kadā bhavissati.

    ๑๑๑๐.

    1110.

    ‘‘พหูนิ วสฺสานิ ตยามฺหิ ยาจิโต, อคารวาเสน อลํ นุ เต อิทํ;

    ‘‘Bahūni vassāni tayāmhi yācito, agāravāsena alaṃ nu te idaṃ;

    ตํ ทานิ มํ ปพฺพชิตํ สมานํ, กิํการณา จิตฺต ตุวํ น ยุญฺชสิฯ

    Taṃ dāni maṃ pabbajitaṃ samānaṃ, kiṃkāraṇā citta tuvaṃ na yuñjasi.

    ๑๑๑๑.

    1111.

    ‘‘นนุ อหํ จิตฺต ตยามฺหิ ยาจิโต, คิริพฺพเช จิตฺรฉทา วิหงฺคมา;

    ‘‘Nanu ahaṃ citta tayāmhi yācito, giribbaje citrachadā vihaṅgamā;

    มหินฺทโฆสตฺถนิตาภิคชฺชิโน, เต ตํ รเมสฺสนฺติ วนมฺหิ ฌายินํฯ

    Mahindaghosatthanitābhigajjino, te taṃ ramessanti vanamhi jhāyinaṃ.

    ๑๑๑๒.

    1112.

    ‘‘กุลมฺหิ มิเตฺต จ ปิเย จ ญาตเก, ขิฑฺฑารติํ กามคุณญฺจ โลเก;

    ‘‘Kulamhi mitte ca piye ca ñātake, khiḍḍāratiṃ kāmaguṇañca loke;

    สพฺพํ ปหาย อิมมชฺฌุปาคโต, อโถปิ ตฺวํ จิตฺต น มยฺห ตุสฺสสิฯ

    Sabbaṃ pahāya imamajjhupāgato, athopi tvaṃ citta na mayha tussasi.

    ๑๑๑๓.

    1113.

    ‘‘มเมว เอตํ น หิ ตฺวํ ปเรสํ, สนฺนาหกาเล ปริเทวิเตน กิํ;

    ‘‘Mameva etaṃ na hi tvaṃ paresaṃ, sannāhakāle paridevitena kiṃ;

    สพฺพํ อิทํ จลมิติ เปกฺขมาโน, อภินิกฺขมิํ อมตปทํ ชิคีสํฯ

    Sabbaṃ idaṃ calamiti pekkhamāno, abhinikkhamiṃ amatapadaṃ jigīsaṃ.

    ๑๑๑๔.

    1114.

    ‘‘สุยุตฺตวาที ทฺวิปทานมุตฺตโม, มหาภิสโกฺก นรทมฺมสารถิ;

    ‘‘Suyuttavādī dvipadānamuttamo, mahābhisakko naradammasārathi;

    จิตฺตํ จลํ มกฺกฎสนฺนิภํ อิติ, อวีตราเคน สุทุนฺนิวารยํฯ

    Cittaṃ calaṃ makkaṭasannibhaṃ iti, avītarāgena sudunnivārayaṃ.

    ๑๑๑๕.

    1115.

    ‘‘กามา หิ จิตฺรา มธุรา มโนรมา, อวิทฺทสู ยตฺถ สิตา ปุถุชฺชนา;

    ‘‘Kāmā hi citrā madhurā manoramā, aviddasū yattha sitā puthujjanā;

    เต ทุกฺขมิจฺฉนฺติ ปุนพฺภเวสิโน, จิเตฺตน นีตา นิรเย นิรากตาฯ

    Te dukkhamicchanti punabbhavesino, cittena nītā niraye nirākatā.

    ๑๑๑๖.

    1116.

    ‘‘มยูรโกญฺจาภิรุตมฺหิ กานเน, ทีปีหิ พฺยเคฺฆหิ ปุรกฺขโต วสํ;

    ‘‘Mayūrakoñcābhirutamhi kānane, dīpīhi byagghehi purakkhato vasaṃ;

    กาเย อเปกฺขํ ชห มา วิราธย, อิติสฺสุ มํ จิตฺต ปุเร นิยุญฺชสิฯ

    Kāye apekkhaṃ jaha mā virādhaya, itissu maṃ citta pure niyuñjasi.

    ๑๑๑๗.

    1117.

    ‘‘ภาเวหิ ฌานานิ จ อินฺทฺริยานิ จ, พลานิ โพชฺฌงฺคสมาธิภาวนา;

    ‘‘Bhāvehi jhānāni ca indriyāni ca, balāni bojjhaṅgasamādhibhāvanā;

    ติโสฺส จ วิชฺชา ผุส พุทฺธสาสเน, อิติสฺสุ มํ จิตฺต ปุเร นิยุญฺชสิฯ

    Tisso ca vijjā phusa buddhasāsane, itissu maṃ citta pure niyuñjasi.

    ๑๑๑๘.

    1118.

    ‘‘ภาเวหิ มคฺคํ อมตสฺส ปตฺติยา, นิยฺยานิกํ สพฺพทุขกฺขโยคธํ;

    ‘‘Bhāvehi maggaṃ amatassa pattiyā, niyyānikaṃ sabbadukhakkhayogadhaṃ;

    อฎฺฐงฺคิกํ สพฺพกิเลสโสธนํ, อิติสฺสุ มํ จิตฺต ปุเร นิยุญฺชสิฯ

    Aṭṭhaṅgikaṃ sabbakilesasodhanaṃ, itissu maṃ citta pure niyuñjasi.

    ๑๑๑๙.

    1119.

    ‘‘ทุกฺขนฺติ ขเนฺธ ปฎิปสฺส โยนิโส, ยโต จ ทุกฺขํ สมุเทติ ตํ ชห;

    ‘‘Dukkhanti khandhe paṭipassa yoniso, yato ca dukkhaṃ samudeti taṃ jaha;

    อิเธว ทุกฺขสฺส กโรหิ อนฺตํ, อิติสฺสุ มํ จิตฺต ปุเร นิยุญฺชสิฯ

    Idheva dukkhassa karohi antaṃ, itissu maṃ citta pure niyuñjasi.

    ๑๑๒๐.

    1120.

    ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขนฺติ วิปสฺส โยนิโส, สุญฺญํ อนตฺตาติ อฆํ วธนฺติ จ;

    ‘‘Aniccaṃ dukkhanti vipassa yoniso, suññaṃ anattāti aghaṃ vadhanti ca;

    มโนวิจาเร อุปรุนฺธ เจตโส, อิติสฺสุ มํ จิตฺต ปุเร นิยุญฺชสิฯ

    Manovicāre uparundha cetaso, itissu maṃ citta pure niyuñjasi.

    ๑๑๒๑.

    1121.

    ‘‘มุโณฺฑ วิรูโป อภิสาปมาคโต, กปาลหโตฺถว กุเลสุ ภิกฺขสุ;

    ‘‘Muṇḍo virūpo abhisāpamāgato, kapālahatthova kulesu bhikkhasu;

    ยุญฺชสฺสุ สตฺถุวจเน มเหสิโน, อิติสฺสุ มํ จิตฺต ปุเร นิยุญฺชสิฯ

    Yuñjassu satthuvacane mahesino, itissu maṃ citta pure niyuñjasi.

    ๑๑๒๒.

    1122.

    ‘‘สุสํวุตโตฺต วิสิขนฺตเร จรํ, กุเลสุ กาเมสุ อสงฺคมานโส;

    ‘‘Susaṃvutatto visikhantare caraṃ, kulesu kāmesu asaṅgamānaso;

    จโนฺท ยถา โทสินปุณฺณมาสิยา, อิติสฺสุ มํ จิตฺต ปุเร นิยุญฺชสิฯ

    Cando yathā dosinapuṇṇamāsiyā, itissu maṃ citta pure niyuñjasi.

    ๑๑๒๓.

    1123.

    ‘‘อารญฺญิโก โหหิ จ ปิณฺฑปาติโก, โสสานิโก โหหิ จ ปํสุกูลิโก;

    ‘‘Āraññiko hohi ca piṇḍapātiko, sosāniko hohi ca paṃsukūliko;

    เนสชฺชิโก โหหิ สทา ธุเต รโต, อิติสฺสุ มํ จิตฺต ปุเร นิยุญฺชสิฯ

    Nesajjiko hohi sadā dhute rato, itissu maṃ citta pure niyuñjasi.

    ๑๑๒๔.

    1124.

    ‘‘โรเปตฺว รุกฺขานิ ยถา ผเลสี, มูเล ตรุํ เฉตฺตุ ตเมว อิจฺฉสิ;

    ‘‘Ropetva rukkhāni yathā phalesī, mūle taruṃ chettu tameva icchasi;

    ตถูปมํ จิตฺตมิทํ กโรสิ, ยํ มํ อนิจฺจมฺหิ จเล นิยุญฺชสิฯ

    Tathūpamaṃ cittamidaṃ karosi, yaṃ maṃ aniccamhi cale niyuñjasi.

    ๑๑๒๕.

    1125.

    ‘‘อรูป ทูรงฺคม เอกจาริ, น เต กริสฺสํ วจนํ อิทานิหํ;

    ‘‘Arūpa dūraṅgama ekacāri, na te karissaṃ vacanaṃ idānihaṃ;

    ทุกฺขา หิ กามา กฎุกา มหพฺภยา, นิพฺพานเมวาภิมโน จริสฺสํฯ

    Dukkhā hi kāmā kaṭukā mahabbhayā, nibbānamevābhimano carissaṃ.

    ๑๑๒๖.

    1126.

    ‘‘นาหํ อลกฺขฺยา อหิริกฺกตาย วา,

    ‘‘Nāhaṃ alakkhyā ahirikkatāya vā,

    น จิตฺตเหตู น จ ทูรกนฺตนา;

    Na cittahetū na ca dūrakantanā;

    อาชีวเหตู จ อหํ น นิกฺขมิํ,

    Ājīvahetū ca ahaṃ na nikkhamiṃ,

    กโต จ เต จิตฺต ปฎิสฺสโว มยาฯ

    Kato ca te citta paṭissavo mayā.

    ๑๑๒๗.

    1127.

    ‘‘อปฺปิจฺฉตา สปฺปุริเสหิ วณฺณิตา, มกฺขปฺปหานํ วูปสโม ทุขสฺส;

    ‘‘Appicchatā sappurisehi vaṇṇitā, makkhappahānaṃ vūpasamo dukhassa;

    อิติสฺสุ มํ จิตฺต ตทา นิยุญฺชสิ, อิทานิ ตฺวํ คจฺฉสิ ปุพฺพจิณฺณํฯ

    Itissu maṃ citta tadā niyuñjasi, idāni tvaṃ gacchasi pubbaciṇṇaṃ.

    ๑๑๒๘.

    1128.

    ‘‘ตณฺหา อวิชฺชา จ ปิยาปิยญฺจ, สุภานิ รูปานิ สุขา จ เวทนา;

    ‘‘Taṇhā avijjā ca piyāpiyañca, subhāni rūpāni sukhā ca vedanā;

    มนาปิยา กามคุณา จ วนฺตา, วเนฺต อหํ อาวมิตุํ น อุสฺสเหฯ

    Manāpiyā kāmaguṇā ca vantā, vante ahaṃ āvamituṃ na ussahe.

    ๑๑๒๙.

    1129.

    ‘‘สพฺพตฺถ เต จิตฺต วโจ กตํ มยา, พหูสุ ชาตีสุ นเมสิ โกปิโต;

    ‘‘Sabbattha te citta vaco kataṃ mayā, bahūsu jātīsu namesi kopito;

    อชฺฌตฺตสมฺภโว กตญฺญุตาย เต, ทุเกฺข จิรํ สํสริตํ ตยา กเตฯ

    Ajjhattasambhavo kataññutāya te, dukkhe ciraṃ saṃsaritaṃ tayā kate.

    ๑๑๓๐.

    1130.

    ‘‘ตฺวเญฺญว โน จิตฺต กโรสิ พฺราหฺมโณ, ตฺวํ ขตฺติโย ราชทสี กโรสิ;

    ‘‘Tvaññeva no citta karosi brāhmaṇo, tvaṃ khattiyo rājadasī karosi;

    เวสฺสา จ สุทฺทา จ ภวาม เอกทา, เทวตฺตนํ วาปิ ตเวว วาหสาฯ

    Vessā ca suddā ca bhavāma ekadā, devattanaṃ vāpi taveva vāhasā.

    ๑๑๓๑.

    1131.

    ‘‘ตเวว เหตู อสุรา ภวามเส, ตฺวํมูลกํ เนรยิกา ภวามเส;

    ‘‘Taveva hetū asurā bhavāmase, tvaṃmūlakaṃ nerayikā bhavāmase;

    อโถ ติรจฺฉานคตาปิ เอกทา, เปตตฺตนํ วาปิ ตเวว วาหสาฯ

    Atho tiracchānagatāpi ekadā, petattanaṃ vāpi taveva vāhasā.

    ๑๑๓๒.

    1132.

    ‘‘นนุ ทุพฺภิสฺสสิ มํ ปุนปฺปุนํ, มุหุํ มุหุํ จารณิกํว ทสฺสยํ;

    ‘‘Nanu dubbhissasi maṃ punappunaṃ, muhuṃ muhuṃ cāraṇikaṃva dassayaṃ;

    อุมฺมตฺตเกเนว มยา ปโลภสิ, กิญฺจาปิ เต จิตฺต วิราธิตํ มยาฯ

    Ummattakeneva mayā palobhasi, kiñcāpi te citta virādhitaṃ mayā.

    ๑๑๓๓.

    1133.

    ‘‘อิทํ ปุเร จิตฺตมจาริ จาริกํ, เยนิจฺฉกํ ยตฺถกามํ ยถาสุขํ;

    ‘‘Idaṃ pure cittamacāri cārikaṃ, yenicchakaṃ yatthakāmaṃ yathāsukhaṃ;

    ตทชฺชหํ นิคฺคเหสฺสามิ โยนิโส, หตฺถิปฺปภินฺนํ วิย องฺคุสคฺคโหฯ

    Tadajjahaṃ niggahessāmi yoniso, hatthippabhinnaṃ viya aṅgusaggaho.

    ๑๑๓๔.

    1134.

    ‘‘สตฺถา จ เม โลกมิมํ อธิฎฺฐหิ, อนิจฺจโต อทฺธุวโต อสารโต;

    ‘‘Satthā ca me lokamimaṃ adhiṭṭhahi, aniccato addhuvato asārato;

    ปกฺขนฺท มํ จิตฺต ชินสฺส สาสเน, ตาเรหิ โอฆา มหตา สุทุตฺตราฯ

    Pakkhanda maṃ citta jinassa sāsane, tārehi oghā mahatā suduttarā.

    ๑๑๓๕.

    1135.

    ‘‘น เต อิทํ จิตฺต ยถา ปุราณกํ, นาหํ อลํ ตุยฺห วเส นิวตฺติตุํ;

    ‘‘Na te idaṃ citta yathā purāṇakaṃ, nāhaṃ alaṃ tuyha vase nivattituṃ;

    มเหสิโน ปพฺพชิโตมฺหิ สาสเน, น มาทิสา โหนฺติ วินาสธาริโนฯ

    Mahesino pabbajitomhi sāsane, na mādisā honti vināsadhārino.

    ๑๑๓๖.

    1136.

    ‘‘นคา สมุทฺทา สริตา วสุนฺธรา, ทิสา จตโสฺส วิทิสา อโธ ทิวา;

    ‘‘Nagā samuddā saritā vasundharā, disā catasso vidisā adho divā;

    สเพฺพ อนิจฺจา ติภวา อุปทฺทุตา, กุหิํ คโต จิตฺต สุขํ รมิสฺสสิฯ

    Sabbe aniccā tibhavā upaddutā, kuhiṃ gato citta sukhaṃ ramissasi.

    ๑๑๓๗.

    1137.

    ‘‘ธิติปฺปรํ กิํ มม จิตฺต กาหิสิ, น เต อลํ จิตฺต วสานุวตฺตโก;

    ‘‘Dhitipparaṃ kiṃ mama citta kāhisi, na te alaṃ citta vasānuvattako;

    น ชาตุ ภสฺตํ อุภโตมุขํ ฉุเป, ธิรตฺถุ ปูรํ นวโสตสนฺทนิํฯ

    Na jātu bhastaṃ ubhatomukhaṃ chupe, dhiratthu pūraṃ navasotasandaniṃ.

    ๑๑๓๘.

    1138.

    ‘‘วราหเอเณยฺยวิคาฬฺหเสวิเต, ปพฺภารกุเฎฺฎ ปกเตว สุนฺทเร;

    ‘‘Varāhaeṇeyyavigāḷhasevite, pabbhārakuṭṭe pakateva sundare;

    นวมฺพุนา ปาวุสสิตฺตกานเน, ตหิํ คุหาเคหคโต รมิสฺสสิฯ

    Navambunā pāvusasittakānane, tahiṃ guhāgehagato ramissasi.

    ๑๑๓๙.

    1139.

    ‘‘สุนีลคีวา สุสิขา สุเปขุนา, สุจิตฺตปตฺตจฺฉทนา วิหงฺคมา;

    ‘‘Sunīlagīvā susikhā supekhunā, sucittapattacchadanā vihaṅgamā;

    สุมญฺชุโฆสตฺถนิตาภิคชฺชิโน, เต ตํ รเมสฺสนฺติ วนมฺหิ ฌายินํฯ

    Sumañjughosatthanitābhigajjino, te taṃ ramessanti vanamhi jhāyinaṃ.

    ๑๑๔๐.

    1140.

    ‘‘วุฎฺฐมฺหิ เทเว จตุรงฺคุเล ติเณ, สํปุปฺผิเต เมฆนิภมฺหิ กานเน;

    ‘‘Vuṭṭhamhi deve caturaṅgule tiṇe, saṃpupphite meghanibhamhi kānane;

    นคนฺตเร วิฎปิสโม สยิสฺสํ, ตํ เม มุทู เหหิติ ตูลสนฺนิภํฯ

    Nagantare viṭapisamo sayissaṃ, taṃ me mudū hehiti tūlasannibhaṃ.

    ๑๑๔๑.

    1141.

    ‘‘ตถา ตุ กสฺสามิ ยถาปิ อิสฺสโร, ยํ ลพฺภติ เตนปิ โหตุ เม อลํ;

    ‘‘Tathā tu kassāmi yathāpi issaro, yaṃ labbhati tenapi hotu me alaṃ;

    น ตาหํ กสฺสามิ ยถา อตนฺทิโต, พิฬารภสฺตํว ยถา สุมทฺทิตํฯ

    Na tāhaṃ kassāmi yathā atandito, biḷārabhastaṃva yathā sumadditaṃ.

    ๑๑๔๒.

    1142.

    ‘‘ตถา ตุ กสฺสามิ ยถาปิ อิสฺสโร, ยํ ลพฺภติ เตนปิ โหตุ เม อลํ;

    ‘‘Tathā tu kassāmi yathāpi issaro, yaṃ labbhati tenapi hotu me alaṃ;

    วิริเยน ตํ มยฺห วสานยิสฺสํ, คชํว มตฺตํ กุสลงฺกุสคฺคโหฯ

    Viriyena taṃ mayha vasānayissaṃ, gajaṃva mattaṃ kusalaṅkusaggaho.

    ๑๑๔๓.

    1143.

    ‘‘ตยา สุทเนฺตน อวฎฺฐิเตน หิ, หเยน โยคฺคาจริโยว อุชฺชุนา;

    ‘‘Tayā sudantena avaṭṭhitena hi, hayena yoggācariyova ujjunā;

    ปโหมิ มคฺคํ ปฎิปชฺชิตุํ สิวํ, จิตฺตานุรกฺขีหิ สทา นิเสวิตํฯ

    Pahomi maggaṃ paṭipajjituṃ sivaṃ, cittānurakkhīhi sadā nisevitaṃ.

    ๑๑๔๔.

    1144.

    ‘‘อารมฺมเณ ตํ พลสา นิพนฺธิสํ, นาคํว ถมฺภมฺหิ ทฬฺหาย รชฺชุยา;

    ‘‘Ārammaṇe taṃ balasā nibandhisaṃ, nāgaṃva thambhamhi daḷhāya rajjuyā;

    ตํ เม สุคุตฺตํ สติยา สุภาวิตํ, อนิสฺสิตํ สพฺพภเวสุ เหหิสิฯ

    Taṃ me suguttaṃ satiyā subhāvitaṃ, anissitaṃ sabbabhavesu hehisi.

    ๑๑๔๕.

    1145.

    ‘‘ปญฺญาย เฉตฺวา วิปถานุสารินํ, โยเคน นิคฺคยฺห ปเถ นิเวสิย;

    ‘‘Paññāya chetvā vipathānusārinaṃ, yogena niggayha pathe nivesiya;

    ทิสฺวา สมุทยํ วิภวญฺจ สมฺภวํ, ทายาทโก เหหิสิ อคฺควาทิโนฯ

    Disvā samudayaṃ vibhavañca sambhavaṃ, dāyādako hehisi aggavādino.

    ๑๑๔๖.

    1146.

    ‘‘จตุพฺพิปลฺลาสวสํ อธิฎฺฐิตํ, คามณฺฑลํว ปริเนสิ จิตฺต มํ;

    ‘‘Catubbipallāsavasaṃ adhiṭṭhitaṃ, gāmaṇḍalaṃva parinesi citta maṃ;

    นนุ สํโยชนพนฺธนจฺฉิทํ, สํเสวเส การุณิกํ มหามุนิํฯ

    Nanu saṃyojanabandhanacchidaṃ, saṃsevase kāruṇikaṃ mahāmuniṃ.

    ๑๑๔๗.

    1147.

    ‘‘มิโค ยถา เสริ สุจิตฺตกานเน, รมฺมํ คิริํ ปาวุสอพฺภมาลินิํ;

    ‘‘Migo yathā seri sucittakānane, rammaṃ giriṃ pāvusaabbhamāliniṃ;

    อนากุเล ตตฺถ นเค รมิสฺสํ, อสํสยํ จิตฺต ปรา ภวิสฺสสิฯ

    Anākule tattha nage ramissaṃ, asaṃsayaṃ citta parā bhavissasi.

    ๑๑๔๘.

    1148.

    ‘‘เย ตุยฺห ฉเนฺทน วเสน วตฺติโน,

    ‘‘Ye tuyha chandena vasena vattino,

    นรา จ นารี จ อนุโภนฺติ ยํ สุขํ;

    Narā ca nārī ca anubhonti yaṃ sukhaṃ;

    อวิทฺทสู มารวสานุวตฺติโน,

    Aviddasū māravasānuvattino,

    ภวาภินนฺที ตว จิตฺต สาวกา’’ติฯ

    Bhavābhinandī tava citta sāvakā’’ti.

    ตตฺถ กทา นุหนฺติ กทา นุ อหํฯ ปพฺพตกนฺทราสูติ ปพฺพเตสุ จ กนฺทเรสุ จ, ปพฺพตสฺส วา กนฺทราสุฯ เอกากิโยติ เอกโกฯ อทฺทุติโยติ นิตฺตโณฺหฯ ตณฺหา หิ ปุริสสฺส ทุติยา นามฯ วิหสฺสนฺติ วิหริสฺสามิฯ อนิจฺจโต สพฺพภวํ วิปสฺสนฺติ กามภวาทิเภทํ สพฺพมฺปิ ภวํ ‘‘หุตฺวา อภาวเฎฺฐน อนิจฺจ’’นฺติ วิปสฺสโนฺต กทา นุ วิหริสฺสนฺติ โยชนาฯ นิทสฺสนมตฺตเญฺจตํ, ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา’’ติ วจนโต (สํ. นิ. ๓.๑๕) อิตรมฺปิ ลกฺขณทฺวยํ วุตฺตเมวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตํ เม อิทํ ตํ นุ กทา ภวิสฺสตีติ ตํ อิทํ เม ปริวิตกฺกิตํ กทา นุ ภวิสฺสติ, กทา นุ โข มตฺถกํ ปาปุณิสฺสตีติ อโตฺถฯ ตํ นูติ เจตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํฯ อยเญฺหตฺถ สเงฺขปโตฺถ – กทา นุ โข อหํ มหาคโช วิย สงฺขลิกพนฺธนํ, คิหิพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา ปพฺพชิตฺวา กายวิเวกํ ปริพฺรูหยโนฺต เอกากี ปพฺพตกนฺทราสุ อทุติโย สพฺพตฺถ นิรเปโกฺข สพฺพสงฺขารคตํ อนิจฺจาทิโต วิปสฺสโนฺต วิหริสฺสามีติฯ

    Tattha kadā nuhanti kadā nu ahaṃ. Pabbatakandarāsūti pabbatesu ca kandaresu ca, pabbatassa vā kandarāsu. Ekākiyoti ekako. Addutiyoti nittaṇho. Taṇhā hi purisassa dutiyā nāma. Vihassanti viharissāmi. Aniccato sabbabhavaṃ vipassanti kāmabhavādibhedaṃ sabbampi bhavaṃ ‘‘hutvā abhāvaṭṭhena anicca’’nti vipassanto kadā nu viharissanti yojanā. Nidassanamattañcetaṃ, ‘‘yadaniccaṃ taṃ dukkhaṃ, yaṃ dukkhaṃ tadanattā’’ti vacanato (saṃ. ni. 3.15) itarampi lakkhaṇadvayaṃ vuttamevāti daṭṭhabbaṃ. Taṃ me idaṃ taṃ nu kadā bhavissatīti taṃ idaṃ me parivitakkitaṃ kadā nu bhavissati, kadā nu kho matthakaṃ pāpuṇissatīti attho. Taṃ nūti cettha tanti nipātamattaṃ. Ayañhettha saṅkhepattho – kadā nu kho ahaṃ mahāgajo viya saṅkhalikabandhanaṃ, gihibandhanaṃ chinditvā pabbajitvā kāyavivekaṃ paribrūhayanto ekākī pabbatakandarāsu adutiyo sabbattha nirapekkho sabbasaṅkhāragataṃ aniccādito vipassanto viharissāmīti.

    ภินฺนปฎนฺธโรติ ภินฺนวตฺถธโร, คาถาสุขตฺถํ นการาคมํ กตฺวา วุตฺตํฯ สตฺถกจฺฉินฺนอคฺฆผสฺสวณฺณภินฺนํ ปฎจีวรํ ธาเรโนฺตติ อโตฺถฯ มุนีติ ปพฺพชิโตฯ อมโมติ กุเล วา คเณ วา มมตฺตาภาเวน อมโมฯ กตฺถจิปิ อารมฺมเณ อาสีสนาย อภาเวน นิราโสฯ หนฺตฺวา สุขี ปวนคโต วิหสฺสนฺติ ราคาทิเก กิเลเส อริยมเคฺคน สมุจฺฉินฺทิตฺวา มคฺคสุเขน ผลสุเขน สุขี มหาวนคโต กทา นุ โข อหํ วิหริสฺสามิฯ

    Bhinnapaṭandharoti bhinnavatthadharo, gāthāsukhatthaṃ nakārāgamaṃ katvā vuttaṃ. Satthakacchinnaagghaphassavaṇṇabhinnaṃ paṭacīvaraṃ dhārentoti attho. Munīti pabbajito. Amamoti kule vā gaṇe vā mamattābhāvena amamo. Katthacipi ārammaṇe āsīsanāya abhāvena nirāso. Hantvā sukhī pavanagato vihassanti rāgādike kilese ariyamaggena samucchinditvā maggasukhena phalasukhena sukhī mahāvanagato kadā nu kho ahaṃ viharissāmi.

    วธโรคนีฬนฺติ มรณสฺส จ โรคสฺส จ กุลาวกภูตํฯ กายํ อิมนฺติ อิมํ ขนฺธปญฺจกสงฺขาตํ กายํฯ ขนฺธปญฺจโกปิ หิ ‘‘อวิชฺชาคตสฺส, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคลสฺส ตณฺหานุคตสฺส อยเมว กาโย พหิทฺธา นามรูป’’นฺติอาทีสุ กาโย วุจฺจติฯ มจฺจุชรายุปทฺทุตนฺติ มรเณน เจว ชราย จ ปีฬิตํ, วิปสฺสมาโน อหํ ภยเหตุปหาเนน วีตภโย, ตํ นุ กทา ภวิสฺสตีติ อโตฺถฯ

    Vadharoganīḷanti maraṇassa ca rogassa ca kulāvakabhūtaṃ. Kāyaṃ imanti imaṃ khandhapañcakasaṅkhātaṃ kāyaṃ. Khandhapañcakopi hi ‘‘avijjāgatassa, bhikkhave, purisapuggalassa taṇhānugatassa ayameva kāyo bahiddhā nāmarūpa’’ntiādīsu kāyo vuccati. Maccujarāyupaddutanti maraṇena ceva jarāya ca pīḷitaṃ, vipassamāno ahaṃ bhayahetupahānena vītabhayo, taṃ nu kadā bhavissatīti attho.

    ภยชนนินฺติ ปญฺจวีสติยา มหาภยานํ อุปฺปาทการณภูตํ กายิกสฺส จ เจตสิกสฺส จ สกลสฺสปิ วฎฺฎทุกฺขสฺส อาวหนโต ทุขาวหํฯ ตณฺหาลตํ พหุวิธานุวตฺตนินฺติ พหุวิธญฺจ อารมฺมณํ ภวเมว วา อนุวตฺตติ สนฺตโนตีติ พหุวิธานุวตฺตนิํ, ตณฺหาสงฺขาตลตํฯ ปญฺญามยนฺติ มคฺคปญฺญามยํ สุนิสิตํ อสิขคฺคํ วีริยปคฺคหิเตน สทฺธาหเตฺถน คเหตฺวา สมุจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘กทา นุหํ วเส’’ติ ยํ ปริวิตกฺกิตํ, ตมฺปิ กทา ภวิสฺสตีติ โยชนาฯ

    Bhayajananinti pañcavīsatiyā mahābhayānaṃ uppādakāraṇabhūtaṃ kāyikassa ca cetasikassa ca sakalassapi vaṭṭadukkhassa āvahanato dukhāvahaṃ. Taṇhālataṃ bahuvidhānuvattaninti bahuvidhañca ārammaṇaṃ bhavameva vā anuvattati santanotīti bahuvidhānuvattaniṃ, taṇhāsaṅkhātalataṃ. Paññāmayanti maggapaññāmayaṃ sunisitaṃ asikhaggaṃ vīriyapaggahitena saddhāhatthena gahetvā samucchinditvā ‘‘kadā nuhaṃ vase’’ti yaṃ parivitakkitaṃ, tampi kadā bhavissatīti yojanā.

    อุคฺคเตชนฺติ สมถวิปสฺสนาวเสน นิสิตตาย ติกฺขเตชํฯ สตฺถํ อิสีนนฺติ พุทฺธปเจฺจกพุทฺธอริยสาวกอิสีนํ สตฺถภูตํ ฯ มารํ สเสนํ สหสา ภญฺชิสฺสนฺติ กิเลสเสนาย สเสนํ อภิสงฺขาราทิมารํ สหสา สีฆเมว ภญฺชิสฺสามิฯ สีหาสเนติ ถิราสเน, อปราชิตปลฺลเงฺกติ อโตฺถฯ

    Uggatejanti samathavipassanāvasena nisitatāya tikkhatejaṃ. Satthaṃ isīnanti buddhapaccekabuddhaariyasāvakaisīnaṃ satthabhūtaṃ . Māraṃ sasenaṃ sahasā bhañjissanti kilesasenāya sasenaṃ abhisaṅkhārādimāraṃ sahasā sīghameva bhañjissāmi. Sīhāsaneti thirāsane, aparājitapallaṅketi attho.

    สพฺภิ สมาคเมสุ ทิโฎฺฐ ภเวติ ธมฺมคารวยุตฺตตาย ธมฺมครูหิ ตาทิลกฺขณปฺปตฺติยา ตาทีหิ อวิปรีตทสฺสิตาย ยาถาวทสฺสีหิ อริยมเคฺคเนว ปาปชิตินฺทฺริยตาย ชิตินฺทฺริเยหิ พุทฺธาทีหิ สาธูหิ สมาคเมสุ ‘‘กทา นุ อหํ ปธานิโยติ ทิโฎฺฐ ภเวยฺย’’นฺติ ยํ เม ปริวิตกฺกิตํ, ตํ นุ กทา ภวิสฺสตีติ โยชนาฯ อิมินา นเยน สพฺพตฺถ ปทโยชนา เวทิตพฺพา, ปทตฺถมตฺตเมว วณฺณยิสฺสามฯ

    Sabbhi samāgamesu diṭṭho bhaveti dhammagāravayuttatāya dhammagarūhi tādilakkhaṇappattiyā tādīhi aviparītadassitāya yāthāvadassīhi ariyamaggeneva pāpajitindriyatāya jitindriyehi buddhādīhi sādhūhi samāgamesu ‘‘kadā nu ahaṃ padhāniyoti diṭṭho bhaveyya’’nti yaṃ me parivitakkitaṃ, taṃ nu kadā bhavissatīti yojanā. Iminā nayena sabbattha padayojanā veditabbā, padatthamattameva vaṇṇayissāma.

    ตนฺทีติ อาลสิยํฯ ขุทาติ ชิฆจฺฉาฯ กีฎสรีสปาติ กีฎเญฺจว สรีสปา จฯ น พาธยิสฺสนฺตีติ มํ น พฺยาธยิสฺสนฺติ สุขทุกฺขโสมนสฺสโทมนสฺสานํ ฌาเนหิ ปฎิพาหิตตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ คิริพฺพเชติ ปพฺพตกนฺทรายฯ อตฺถตฺถิยนฺติ สทตฺถสงฺขาเตน อเตฺถน อตฺถิกํฯ

    Tandīti ālasiyaṃ. Khudāti jighacchā. Kīṭasarīsapāti kīṭañceva sarīsapā ca. Na bādhayissantīti maṃ na byādhayissanti sukhadukkhasomanassadomanassānaṃ jhānehi paṭibāhitattāti adhippāyo. Giribbajeti pabbatakandarāya. Atthatthiyanti sadatthasaṅkhātena atthena atthikaṃ.

    ยํ วิทิตํ มเหสินาติ ยํ จตุสจฺจํ มเหสินา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สยมฺภูญาเณน ญาตํ ปฎิวิทฺธํ, ตานิ จตฺตาริ สจฺจานิ อนุปจิตกุสลสมฺภาเรหิ สุฎฺฐุ ทุทฺทสานิ มคฺคสมาธินา สมาหิตโตฺต, สมฺมาสติยา สติมา, อริยมคฺคปญฺญาย อหํ อคจฺฉํ ปฎิวิชฺฌิสฺสํ อธิคมิสฺสนฺติ อโตฺถฯ

    Yaṃ viditaṃ mahesināti yaṃ catusaccaṃ mahesinā sammāsambuddhena sayambhūñāṇena ñātaṃ paṭividdhaṃ, tāni cattāri saccāni anupacitakusalasambhārehi suṭṭhu duddasāni maggasamādhinā samāhitatto, sammāsatiyā satimā, ariyamaggapaññāya ahaṃ agacchaṃ paṭivijjhissaṃ adhigamissanti attho.

    รูเปติ จกฺขุวิเญฺญยฺยรูเปฯ อมิเตติ ญาเณน อมิเต, อปริจฺฉิเนฺน อปริญฺญาเตติ อโตฺถฯ ผุสิตเพฺพติ, โผฎฺฐเพฺพฯ ธเมฺมติ มโนวิเญฺญยฺยธเมฺมฯ อมิเตติ วา อปริมาเณ นีลาทิวเสน อเนกเภทภิเนฺน รูเป เภริสทฺทาทิวเสน, มูลรสาทิวเสน, กกฺขฬมุทุตาทิวเสน, สุขทุกฺขาทิวเสน จ, อเนกเภทสทฺทาทิเก จาติ อโตฺถฯ อาทิตฺตโตติ เอกาทสหิ อคฺคีหิ อาทิตฺตภาวโตฯ สมเถหิ ยุโตฺตติ ฌานวิปสฺสนามคฺคสมาธีหิ สมนฺนาคโตฯ ปญฺญาย ทจฺฉนฺติ วิปสฺสนาปญฺญาสหิตาย มคฺคปญฺญาย ทกฺขิสฺสํฯ

    Rūpeti cakkhuviññeyyarūpe. Amiteti ñāṇena amite, aparicchinne apariññāteti attho. Phusitabbeti, phoṭṭhabbe. Dhammeti manoviññeyyadhamme. Amiteti vā aparimāṇe nīlādivasena anekabhedabhinne rūpe bherisaddādivasena, mūlarasādivasena, kakkhaḷamudutādivasena, sukhadukkhādivasena ca, anekabhedasaddādike cāti attho. Ādittatoti ekādasahi aggīhi ādittabhāvato. Samathehi yuttoti jhānavipassanāmaggasamādhīhi samannāgato. Paññāya dacchanti vipassanāpaññāsahitāya maggapaññāya dakkhissaṃ.

    ทุพฺพจเนน วุโตฺตติ ทุรุตฺตวจเนน ฆฎฺฎิโตฯ ตโต นิมิตฺตนฺติ ผรุสวาจาเหตุฯ วิมโน น เหสฺสนฺติ โทมนสฺสิโต น ภเวยฺยํฯ อโถติ อถฯ ปสโตฺถติ เกนจิ ปสํสิโตฯ

    Dubbacanena vuttoti duruttavacanena ghaṭṭito. Tato nimittanti pharusavācāhetu. Vimano na hessanti domanassito na bhaveyyaṃ. Athoti atha. Pasatthoti kenaci pasaṃsito.

    กเฎฺฐติ ทารุกฺขเนฺธฯ ติเณติ ติณานํ ขเนฺธฯ อิเมติ อิเม มม สนฺตติปริยาปเนฺน ปญฺจ ขเนฺธ ฯ อมิเต จ ธเมฺมติ ตโต อเญฺญน อินฺทฺริยกฺขเนฺธน อมิเต รูปธเมฺมฯ เตนาห – ‘‘อชฺฌตฺติกาเนว จ พาหิรานิ จา’’ติฯ สมํ ตุเลยฺยนฺติ อนิจฺจาทิวเสน เจว อสาราทิอุปมาวเสน จ สพฺพํ สมเมว กตฺวา ตีเรยฺยํฯ

    Kaṭṭheti dārukkhandhe. Tiṇeti tiṇānaṃ khandhe. Imeti ime mama santatipariyāpanne pañca khandhe . Amite ca dhammeti tato aññena indriyakkhandhena amite rūpadhamme. Tenāha – ‘‘ajjhattikāneva ca bāhirāni cā’’ti. Samaṃ tuleyyanti aniccādivasena ceva asārādiupamāvasena ca sabbaṃ samameva katvā tīreyyaṃ.

    อิสิปฺปยาตมฺหิ ปเถ วชนฺตนฺติ พุทฺธาทีหิ มเหสีหิ สมฺมเทว ปยาเต สมถวิปสฺสนามเคฺค วชนฺตํ ปฎิปชฺชนฺตํฯ ปาวุสสมเย กาลเมโฆ นเวน โตเยน วโสฺสทเกน สจีวรํ ปวเน กทา นุ โอวสฺสติ, เตเมตีติ อตฺตโน อโพฺภกาสิกภาวปริวิตกฺกิตํ ทเสฺสติฯ

    Isippayātamhipathe vajantanti buddhādīhi mahesīhi sammadeva payāte samathavipassanāmagge vajantaṃ paṭipajjantaṃ. Pāvusasamaye kālamegho navena toyena vassodakena sacīvaraṃ pavane kadā nu ovassati, temetīti attano abbhokāsikabhāvaparivitakkitaṃ dasseti.

    มยูรสฺส สิขณฺฑิโน วเน ทิชสฺสาติ มาตุกุจฺฉิโต อณฺฑโกสโต จาติ ทฺวิกฺขตฺตุํ ชายนวเสน ทิชสฺส, สิขาสมฺภเวน สิขณฺฑิโน จ มยูรสฺส วเน กทา ปน คิริคพฺภเร รุตํ เกการวํ สุตฺวา เวลํ สลฺลกฺขิตฺวา สยนโต วุฎฺฐหิตฺวา อมตสฺส ปตฺติยา นิพฺพานาธิคมายฯ สํจินฺตเยติ วุจฺจมาเน ภเว อนิจฺจาทิโต มนสิ กเรยฺยํ วิปเสฺสยฺยนฺติ อโตฺถฯ

    Mayūrassa sikhaṇḍino vane dijassāti mātukucchito aṇḍakosato cāti dvikkhattuṃ jāyanavasena dijassa, sikhāsambhavena sikhaṇḍino ca mayūrassa vane kadā pana girigabbhare rutaṃ kekāravaṃ sutvā velaṃ sallakkhitvā sayanato vuṭṭhahitvā amatassa pattiyā nibbānādhigamāya. Saṃcintayeti vuccamāne bhave aniccādito manasi kareyyaṃ vipasseyyanti attho.

    คงฺคํ ยมุนํ สรสฺสตินฺติ เอตา มหานทิโย อสชฺชมาโน ภาวนามยาย อิทฺธิยา กทา นุ ปตเรยฺยนฺติ โยชนาฯ ปาตาลขิตฺตํ พฬวามุขญฺจาติ ปาตาย อลํ ปริยตฺตนฺติ ปาตาลํ, ตเทว ขิตฺตํ, ปถวิยา สณฺฐหนกาเล ตถา ฐิตนฺติ ปาตาลขิตฺตํฯ โยชนสติกาทิเภทานิ สมุทฺทสฺส อโนฺตปถวิยา ตีรฎฺฐานานิ, เยสุ กานิจิ นาคาทีนํ วสนฎฺฐานานิ โหนฺติ, กานิจิ สุญฺญานิเยว หุตฺวา ติฎฺฐนฺติฯ พฬวามุขนฺติ มหาสมุเทฺท มหนฺตํ อาวฎฺฎมุขํฯ มหานิรยทฺวารสฺส หิ วิวฎกาเล มหาอคฺคิกฺขโนฺธ ตโต นิกฺขโนฺต ตทภิมุขํ อเนกโยชนสตายามวิตฺถารํ เหฎฺฐา สมุทฺทปเทสํ ฑหติ, ตสฺมิํ ทเฑฺฒ อุปริ อุทกํ อาวฎฺฎากาเรน ปริพฺภมนฺตํ มหตา สเทฺทน เหฎฺฐา นิปตติฯ ตตฺถ พฬวามุขสมญฺญา, อิติ ตญฺจ ปาตาลขิตฺตํ พฬวามุขญฺจ วิภิํสนํ ภยานกํ อสชฺชมาโน อิทฺธิยา กทา นุ ปตเรยฺยนฺติ ยํ ปริวิตกฺกิตํ, ตํ กทา นุ ภวิสฺสติ, ภาวนามยํ อิทฺธิํ นิพฺพเตฺตตฺวา กทา นุ เอวํ อิทฺธิํ วฬญฺชิสฺสามีติ อโตฺถฯ

    Gaṅgaṃ yamunaṃ sarassatinti etā mahānadiyo asajjamāno bhāvanāmayāya iddhiyā kadā nu patareyyanti yojanā. Pātālakhittaṃ baḷavāmukhañcāti pātāya alaṃ pariyattanti pātālaṃ, tadeva khittaṃ, pathaviyā saṇṭhahanakāle tathā ṭhitanti pātālakhittaṃ. Yojanasatikādibhedāni samuddassa antopathaviyā tīraṭṭhānāni, yesu kānici nāgādīnaṃ vasanaṭṭhānāni honti, kānici suññāniyeva hutvā tiṭṭhanti. Baḷavāmukhanti mahāsamudde mahantaṃ āvaṭṭamukhaṃ. Mahānirayadvārassa hi vivaṭakāle mahāaggikkhandho tato nikkhanto tadabhimukhaṃ anekayojanasatāyāmavitthāraṃ heṭṭhā samuddapadesaṃ ḍahati, tasmiṃ daḍḍhe upari udakaṃ āvaṭṭākārena paribbhamantaṃ mahatā saddena heṭṭhā nipatati. Tattha baḷavāmukhasamaññā, iti tañca pātālakhittaṃ baḷavāmukhañca vibhiṃsanaṃ bhayānakaṃ asajjamāno iddhiyā kadā nu patareyyanti yaṃ parivitakkitaṃ, taṃ kadā nu bhavissati, bhāvanāmayaṃ iddhiṃ nibbattetvā kadā nu evaṃ iddhiṃ vaḷañjissāmīti attho.

    นาโคว อสงฺคจารี ปทาลเยติ ยถา มตฺตวารโณ ทฬฺหถมฺภํ ภินฺทิตฺวา อยสงฺขลิกํ วิทฺธํเสตฺวา อสงฺคจารี วนํ ปวิสิตฺวา เอโก อทุติโย หุตฺวา อตฺตโน รุจิวเสน จรติ, เอวมหํ กทา นุ สพฺพสุภํ นิมิตฺตํ นิพฺพชฺชยํ นิรวเสสโต วชฺชยโนฺต กามจฺฉนฺทวโส อหุตฺวา ฌาเน ยุโต ปยุโตฺต กามคุเณสุ ฉนฺทํ สมฺมเทว ปทาเลยฺยํ ฉิเนฺทยฺยํ ปชเหยฺยนฺติ ยํ ปริวิตกฺกิตํ, ตํ นุ กทา ภวิสฺสติฯ

    Nāgova asaṅgacārī padālayeti yathā mattavāraṇo daḷhathambhaṃ bhinditvā ayasaṅkhalikaṃ viddhaṃsetvā asaṅgacārī vanaṃ pavisitvā eko adutiyo hutvā attano rucivasena carati, evamahaṃ kadā nu sabbasubhaṃ nimittaṃ nibbajjayaṃ niravasesato vajjayanto kāmacchandavaso ahutvā jhāne yuto payutto kāmaguṇesu chandaṃ sammadeva padāleyyaṃ chindeyyaṃ pajaheyyanti yaṃ parivitakkitaṃ, taṃ nu kadā bhavissati.

    อิณโฎฺฎว ทลิทฺทโก นิธิํ อาราธยิตฺวาติ ยถา โกจิ ทลิโทฺท ชีวิกปกโต อิณํ คเหตฺวา ตํ โสเธตุํ อสโกฺกโนฺต อิณโฎฺฎ อิเณน อฎฺฎิโต ธนิเกหิ ปีฬิโต นิธิํ อาราธยิตฺวา อธิคนฺตฺวา อิณญฺจ โสเธตฺวา สุเขน จ ชีวโนฺต ตุโฎฺฐ ภเวยฺย, เอวํ อหมฺปิ กทา นุ อิณสทิสํ กามจฺฉนฺทํ ปหาย มเหสิโน อริยธนสมฺปุณฺณตาย มณิกนกาทิรตนสมฺปุณฺณนิธิสทิสํ พุทฺธสฺส สาสนํ อธิคนฺตฺวา ตุโฎฺฐ ภเวยฺยนฺติ ยํ ปริวิตกฺกิตํ, ตํ กทา นุ ภวิสฺสตีติฯ

    Iṇaṭṭovadaliddako nidhiṃ ārādhayitvāti yathā koci daliddo jīvikapakato iṇaṃ gahetvā taṃ sodhetuṃ asakkonto iṇaṭṭo iṇena aṭṭito dhanikehi pīḷito nidhiṃ ārādhayitvā adhigantvā iṇañca sodhetvā sukhena ca jīvanto tuṭṭho bhaveyya, evaṃ ahampi kadā nu iṇasadisaṃ kāmacchandaṃ pahāya mahesino ariyadhanasampuṇṇatāya maṇikanakādiratanasampuṇṇanidhisadisaṃ buddhassa sāsanaṃ adhigantvā tuṭṭho bhaveyyanti yaṃ parivitakkitaṃ, taṃ kadā nu bhavissatīti.

    เอวํ ปพฺพชฺชโต ปุเพฺพ เนกฺขมฺมวิตกฺกวเสน ปวตฺตํ อตฺตโน วิตกฺกปวตฺติํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ปพฺพชิตฺวา เยหากาเรหิ อตฺตานํ โอวทิตฺวา อธิคจฺฉิ, เต ทเสฺสโนฺต ‘‘พหูนิ วสฺสานี’’ติอาทิกา คาถา อภาสิฯ ตตฺถ พหูนิ วสฺสานิ ตยามฺหิ ยาจิโต, อคารวาเสน อลํ นุ เต อิทนฺติ อเนกสํวจฺฉรานิ วิวิธทุกฺขานุพเนฺธน อคารมเชฺฌ วาเสน อลํ ปริยตฺตเมว เตติ, อโมฺภ จิตฺต, อิทํ ตยา อเนกานิ สํวจฺฉรานิ อหํ อมฺหิ นนุ ยาจิโตฯ ตํ ทานิ มํ ปพฺพชิตํ สมานนฺติ ตํ มํ ตยา ตถา อุสฺสาหเนน ปพฺพชิตํ สมานํ เกน การเณน จิตฺต ตุวํ น ยุญฺชสิ, สมถวิปสฺสนํ ฉเฑฺฑตฺวา นิหีเน อาลสิเย นิโยเชสีติ อโตฺถฯ

    Evaṃ pabbajjato pubbe nekkhammavitakkavasena pavattaṃ attano vitakkapavattiṃ dassetvā idāni pabbajitvā yehākārehi attānaṃ ovaditvā adhigacchi, te dassento ‘‘bahūni vassānī’’tiādikā gāthā abhāsi. Tattha bahūni vassāni tayāmhi yācito, agāravāsena alaṃ nu te idanti anekasaṃvaccharāni vividhadukkhānubandhena agāramajjhe vāsena alaṃ pariyattameva teti, ambho citta, idaṃ tayā anekāni saṃvaccharāni ahaṃ amhi nanu yācito. Taṃ dāni maṃ pabbajitaṃ samānanti taṃ maṃ tayā tathā ussāhanena pabbajitaṃ samānaṃ kena kāraṇena citta tuvaṃ na yuñjasi, samathavipassanaṃ chaḍḍetvā nihīne ālasiye niyojesīti attho.

    นนุ อหํ, จิตฺต, ตยามฺหิ ยาจิโตติ, อโมฺภ จิตฺต, อหํ ตยา นนุ ยาจิโต อมฺหิ อายาจิโต มเญฺญฯ ยทิ ยาจิโต, กสฺมา อิทานิ ตทนุรูปํ น ปฎิปชฺชสีติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘คิริพฺพเช’’ติอาทินา ยาจิตาการํ ทเสฺสติฯ จิตฺรฉทา วิหงฺคมา วิจิตฺรเปขุณปกฺขิโน, มยูราติ อโตฺถฯ มหินฺทโฆสตฺถนิตาภิคชฺชิโนติ ชลโฆสตฺถนิเตน เหตุนา สุฎฺฐุ คชฺชนสีลาฯ เต ตํ รเมสฺสนฺติ วนมฺหิ ฌายินนฺติ เต มยูรา ตํ วเน ฌานปสุตํ รเมสฺสนฺตีติ นนุ ตยา ยาจิโตติ ทเสฺสติฯ

    Nanu ahaṃ, citta, tayāmhi yācitoti, ambho citta, ahaṃ tayā nanu yācito amhi āyācito maññe. Yadi yācito, kasmā idāni tadanurūpaṃ na paṭipajjasīti adhippāyo. ‘‘Giribbaje’’tiādinā yācitākāraṃ dasseti. Citrachadā vihaṅgamā vicitrapekhuṇapakkhino, mayūrāti attho. Mahindaghosatthanitābhigajjinoti jalaghosatthanitena hetunā suṭṭhu gajjanasīlā. Te taṃ ramessanti vanamhi jhāyinanti te mayūrā taṃ vane jhānapasutaṃ ramessantīti nanu tayā yācitoti dasseti.

    กุลมฺหีติ กุลปริวเฎฺฎฯ อิมมชฺฌุปาคโตติ อิมํ อรญฺญฎฺฐานํ ปพฺพชฺชํ วา อชฺฌุปาคโตฯ อโถปิ ตฺวํ, จิตฺต, น มยฺห ตุสฺสสีติ ตฺวํ อนุวตฺติตฺวา ฐิตมฺปิ มํ นาราเธสฺสสีติ อโตฺถฯ

    Kulamhīti kulaparivaṭṭe. Imamajjhupāgatoti imaṃ araññaṭṭhānaṃ pabbajjaṃ vā ajjhupāgato. Athopi tvaṃ, citta, na mayha tussasīti tvaṃ anuvattitvā ṭhitampi maṃ nārādhessasīti attho.

    มเมว เอตํ น หิ ตฺวํ ปเรสนฺติ เอตํ, จิตฺต, มเมว ตสฺมา ตฺวํ ปเรสํ น โหสิฯ ตฺวํ ปน อเญฺญสํ วิย กตฺวา สนฺนาหกาเล กิเลสมาเร ยุชฺฌิตุํ ภาวนาสนฺนาหกาเล นติ วตฺวา ปริเทวิเตน กิํ ปโยชนํ, อิทานิ ตํ อญฺญถา วตฺติตุํ น ทสฺสามีติ อธิปฺปาโยฯ สพฺพํ อิทํ จลมิติ เปกฺขมาโนติ ยสฺมา ‘‘อิทํ จิตฺตํ อญฺญญฺจ สพฺพํ เตภูมกสงฺขารํ จลํ อนวฎฺฐิต’’นฺติ ปญฺญาจกฺขุนา โอโลเกโนฺต เคหโต กาเมหิ จ อภินิกฺขมิํ อมตปทํ นิพฺพานํ ชิคีสํ ปริเยสโนฺต, ตสฺมา, จิตฺต, อนนุวตฺตโนฺต นิพฺพานํ ปริเยสนเมว กโรมีติ อธิปฺปาโยฯ

    Mameva etaṃ na hi tvaṃ paresanti etaṃ, citta, mameva tasmā tvaṃ paresaṃ na hosi. Tvaṃ pana aññesaṃ viya katvā sannāhakāle kilesamāre yujjhituṃ bhāvanāsannāhakāle nati vatvā paridevitena kiṃ payojanaṃ, idāni taṃ aññathā vattituṃ na dassāmīti adhippāyo. Sabbaṃ idaṃ calamiti pekkhamānoti yasmā ‘‘idaṃ cittaṃ aññañca sabbaṃ tebhūmakasaṅkhāraṃ calaṃ anavaṭṭhita’’nti paññācakkhunā olokento gehato kāmehi ca abhinikkhamiṃ amatapadaṃ nibbānaṃ jigīsaṃ pariyesanto, tasmā, citta, ananuvattanto nibbānaṃ pariyesanameva karomīti adhippāyo.

    อวีตราเคน สุทุนฺนิวารยํ จิตฺตํ จลํ มกฺกฎสนฺนิภํ วนมกฺกฎสทิสํ อิติ สุยุตฺตวาที สุภาสิตวาที ทฺวิปทานมุตฺตโม มหาภิสโกฺก นรทมฺมสารถีติ โยชนาฯ

    Avītarāgena sudunnivārayaṃ cittaṃ calaṃ makkaṭasannibhaṃ vanamakkaṭasadisaṃ iti suyuttavādī subhāsitavādī dvipadānamuttamo mahābhisakko naradammasārathīti yojanā.

    อวิทฺทสู ยตฺถ สิตา ปุถุชฺชนาติ ยตฺถ เยสุ วตฺถุกาเมสุ กิเลสกาเมสุ จ สิตา ปฎิพทฺธา เต อนฺธปุถุชฺชนา เตน กามราเคน ปุนพฺภเวสิโน เอกเนฺตเนว ทุกฺขมิจฺฉนฺติฯ อิจฺฉนฺตา จ จิเตฺตน นีตา นิรเย นิรากตาติ จิตฺตวสิกา นิรยสํวตฺตนิกํ กมฺมํ กโรนฺตา หิตสุขโต นิรากตา หุตฺวา อตฺตโน จิเตฺตเนว นิรเย นีตา น อญฺญถาติ จิตฺตเสฺสว นิคฺคเหตพฺพตํ ทเสฺสติฯ

    Aviddasū yattha sitā puthujjanāti yattha yesu vatthukāmesu kilesakāmesu ca sitā paṭibaddhā te andhaputhujjanā tena kāmarāgena punabbhavesino ekanteneva dukkhamicchanti. Icchantā ca cittena nītā niraye nirākatāti cittavasikā nirayasaṃvattanikaṃ kammaṃ karontā hitasukhato nirākatā hutvā attano citteneva niraye nītā na aññathāti cittasseva niggahetabbataṃ dasseti.

    ปุนปิ จิตฺตํเยว นิคฺคเหตุํ มเนฺตโนฺต ‘‘มยูรโกญฺจาภิรุตมฺหี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ มยูรโกญฺจาภิรุตมฺหีติ สิขีหิ สารเสหิ จ อภิกูชิเตฯ ทีปีหิ พฺยเคฺฆหิ ปุรกฺขโต วสนฺติ เมตฺตาวิหาริตาย เอวรูเปหิ ติรจฺฉานคเตหิ ปุรกฺขโต ปริวาริโต หุตฺวา วเน วสโนฺต, เอเตน สุญฺญภาวปริพฺรูหนมาหฯ กาเย อเปกฺขํ ชหาติ สพฺพโส กาเย นิรเปโกฺข ชห, เอเตน ปหิตตฺตตํ วทติฯ มา วิราธยาติ อิมํ สุทุลฺลภํ นวมํ ขณํ มา วิราเธหิฯ อิติสฺสุ มํ, จิตฺต, ปุเร นิยุญฺชสีติ เอวญฺหิ ตฺวํ, จิตฺต, มํ ปพฺพชฺชโต ปุเพฺพ สมฺมาปฎิปตฺติยํ อุโยฺยเชสีติ อโตฺถฯ

    Punapi cittaṃyeva niggahetuṃ mantento ‘‘mayūrakoñcābhirutamhī’’tiādimāha. Tattha mayūrakoñcābhirutamhīti sikhīhi sārasehi ca abhikūjite. Dīpīhi byagghehi purakkhato vasanti mettāvihāritāya evarūpehi tiracchānagatehi purakkhato parivārito hutvā vane vasanto, etena suññabhāvaparibrūhanamāha. Kāye apekkhaṃ jahāti sabbaso kāye nirapekkho jaha, etena pahitattataṃ vadati. Mā virādhayāti imaṃ sudullabhaṃ navamaṃ khaṇaṃ mā virādhehi. Itissu maṃ, citta, pure niyuñjasīti evañhi tvaṃ, citta, maṃ pabbajjato pubbe sammāpaṭipattiyaṃ uyyojesīti attho.

    ภาเวหีติ อุปฺปาเทหิ วเฑฺฒหิ จฯ ฌานานีติ ปฐมาทีนิ จตฺตาริ ฌานานิฯ อินฺทฺริยานีติ สทฺธาทีนิ ปญฺจินฺทฺริยานิฯ พลานีติ ตานิเยว ปญฺจ พลานิฯ โพชฺฌงฺคสมาธิภาวนาติ สตฺต โพชฺฌเงฺค จตโสฺส สมาธิภาวนา จฯ ติโสฺส จ วิชฺชาติ ปุเพฺพนิวาสญาณาทิกา ติโสฺส วิชฺชา จฯ ผุส ปาปุณาหิ พุทฺธสาสเน สมฺมาสมฺพุทฺธโอวาเท ฐิโตฯ

    Bhāvehīti uppādehi vaḍḍhehi ca. Jhānānīti paṭhamādīni cattāri jhānāni. Indriyānīti saddhādīni pañcindriyāni. Balānīti tāniyeva pañca balāni. Bojjhaṅgasamādhibhāvanāti satta bojjhaṅge catasso samādhibhāvanā ca. Tisso ca vijjāti pubbenivāsañāṇādikā tisso vijjā ca. Phusa pāpuṇāhi buddhasāsane sammāsambuddhaovāde ṭhito.

    นิยฺยานิกนฺติ วฎฺฎทุกฺขโต นิยฺหานวหํฯ สพฺพทุกฺขกฺขโยคธนฺติ อมโตคธํ นิพฺพานปติฎฺฐํ นิพฺพานารมฺมณํฯ สพฺพกิเลสโสธนนฺติ อนวเสสกิเลสมลวิโสธนํฯ

    Niyyānikanti vaṭṭadukkhato niyhānavahaṃ. Sabbadukkhakkhayogadhanti amatogadhaṃ nibbānapatiṭṭhaṃ nibbānārammaṇaṃ. Sabbakilesasodhananti anavasesakilesamalavisodhanaṃ.

    ขเนฺธติ อุปาทานกฺขเนฺธฯ ปฎิปสฺส โยนิโสติ โรคโต คณฺฑโต สลฺลโต อฆโต อาพาธโตติ เอวมาทีหิ วิวิเธหิ ปกาเรหิ วิปสฺสนาญาเณน สมฺมา อุปาเยน นเยน ปสฺสฯ ตํ ชหาติ ตํ ทุกฺขสฺส สมุทยํ ตณฺหํ ปชห, สมุจฺฉินฺทฯ อิเธวาติ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเวฯ

    Khandheti upādānakkhandhe. Paṭipassa yonisoti rogato gaṇḍato sallato aghato ābādhatoti evamādīhi vividhehi pakārehi vipassanāñāṇena sammā upāyena nayena passa. Taṃ jahāti taṃ dukkhassa samudayaṃ taṇhaṃ pajaha, samucchinda. Idhevāti imasmiṃyeva attabhāve.

    อนิจฺจนฺติอาทิ อนฺตวนฺตโต อนิจฺจนฺติกโต ตาวกาลิกโต นิจฺจปฎิเกฺขปโต จ อนิจฺจนฺติ วา ปสฺสฯ ทุกฺขนฺติ เต อุทยพฺพยปฎิปีฬนโต สปฺปฎิภยโต ทุกฺขมโต สุขปฎิเกฺขปโต ทุกฺขนฺติ วา ปสฺสฯ สุญฺญนฺติ อวสวตฺตนโต อสามิกโต อสารโต อตฺตปฎิเกฺขปโต จ สุญฺญํ, ตโต เอว อนตฺตาติฯ วิครหิตพฺพโต อวฑฺฒิอาพาธนโต จ อฆนฺติ จ วธนฺติ จ วิปสฺส โยนิโสติ โยชนาฯ มโนวิจาเร อุปรุนฺธ เจตโสติ มโนวิจารสญฺญิโน เคหสิตโสมนสฺสุปวิจาราทิเก อฎฺฐารส เจตโส อุปรุนฺธ วาเรหิ นิโรเธหิฯ

    Aniccantiādi antavantato aniccantikato tāvakālikato niccapaṭikkhepato ca aniccanti vā passa. Dukkhanti te udayabbayapaṭipīḷanato sappaṭibhayato dukkhamato sukhapaṭikkhepato dukkhanti vā passa. Suññanti avasavattanato asāmikato asārato attapaṭikkhepato ca suññaṃ, tato eva anattāti. Vigarahitabbato avaḍḍhiābādhanato ca aghanti ca vadhanti ca vipassa yonisoti yojanā. Manovicāreuparundha cetasoti manovicārasaññino gehasitasomanassupavicārādike aṭṭhārasa cetaso uparundha vārehi nirodhehi.

    มุโณฺฑติ มุณฺฑภาวํ อุปคโต, โอหาริตเกสมสฺสุโกฯ วิรูโปติ เตน มุณฺฑภาเวน ปรูฬฺหโลมตาย ฉินฺนภินฺนกาสาย วตฺถตาย วิรูโป เววณฺณิยํ อุปคโตฯ อภิสาปมาคโตติ ‘‘ปิโณฺฑโล วิจรติ ปตฺตปาณี’’ติ อริเยหิ กาตพฺพํ อภิสาปํ อุปคโตฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘อภิสาโปยํ, ภิกฺขเว, โลกสฺมิํ ปิโณฺฑโล วิจรสิ ปตฺตปาณี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๐)ฯ เตนาห ‘‘กปาลหโตฺถว กุเลสุ ภิกฺขสู’’ติฯ ยุญฺชสฺสุ สตฺถุวจเนติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โอวาเท โยคํ กโรหิ อนุยุญฺชสฺสุฯ

    Muṇḍoti muṇḍabhāvaṃ upagato, ohāritakesamassuko. Virūpoti tena muṇḍabhāvena parūḷhalomatāya chinnabhinnakāsāya vatthatāya virūpo vevaṇṇiyaṃ upagato. Abhisāpamāgatoti ‘‘piṇḍolo vicarati pattapāṇī’’ti ariyehi kātabbaṃ abhisāpaṃ upagato. Vuttañhetaṃ – ‘‘abhisāpoyaṃ, bhikkhave, lokasmiṃ piṇḍolo vicarasi pattapāṇī’’ti (saṃ. ni. 3.80). Tenāha ‘‘kapālahatthova kulesu bhikkhasū’’ti. Yuñjassu satthuvacaneti sammāsambuddhassa ovāde yogaṃ karohi anuyuñjassu.

    สุสํวุตโตฺตติ สุฎฺฐุ กายวาจาจิเตฺตหิ สมฺมเทว สํวุโตฯ วิสิขนฺตเร จรนฺติ ภิกฺขาจริยาย อิจฺฉาวิเสเสสุ จรโนฺตฯ จโนฺท ยถา โทสินปุณฺณมาสิยาติ วิคตโทสาย ปุณฺณมาย กุเลสุ นิจฺจนวสาย ปาสาทิกตาย จนฺทิมา วิย จราติ โยชนาฯ

    Susaṃvutattoti suṭṭhu kāyavācācittehi sammadeva saṃvuto. Visikhantare caranti bhikkhācariyāya icchāvisesesu caranto. Cando yathā dosinapuṇṇamāsiyāti vigatadosāya puṇṇamāya kulesu niccanavasāya pāsādikatāya candimā viya carāti yojanā.

    สทา ธุเต รโตติ สพฺพกาลญฺจ ธุตคุเณ อภิรโตฯ ตถูปมํ จิตฺตมิทํ กโรสีติ ยถา โกจิ ปุริโส ผลานิ อิจฺฉโนฺต ผลรุเกฺข โรเปตฺวา ตโต อลทฺธผโลว เต มูลโต ฉินฺทิตุํ อิจฺฉติ, จิตฺต, ตฺวํ ตถูปมํ ตปฺปฎิภาคํ อิทํ กโรสิฯ ยํ มํ อนิจฺจมฺหิ จเล นิยุญฺชสีติ ยํ มํ ปพฺพชฺชาย นิโยเชตฺวา ปพฺพชิตฺวา อทฺธาคตํ ปพฺพชฺชาผลํ อนิจฺจมฺหิ จเล สํสารมุเข นิยุญฺชสิ นิโยชนวเสน ปวเตฺตสิฯ

    Sadā dhute ratoti sabbakālañca dhutaguṇe abhirato. Tathūpamaṃ cittamidaṃ karosīti yathā koci puriso phalāni icchanto phalarukkhe ropetvā tato aladdhaphalova te mūlato chindituṃ icchati, citta, tvaṃ tathūpamaṃ tappaṭibhāgaṃ idaṃ karosi. Yaṃ maṃ aniccamhi cale niyuñjasīti yaṃ maṃ pabbajjāya niyojetvā pabbajitvā addhāgataṃ pabbajjāphalaṃ aniccamhi cale saṃsāramukhe niyuñjasi niyojanavasena pavattesi.

    รูปาภาวโต อรูปาฯ จิตฺตสฺส หิ ตาทิสํ สณฺฐานํ นีลาทิวณฺณเภโท วา นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ อรูปาติฯ ทูรฎฺฐานปฺปวตฺติยา ทูรงฺคมฯ ยทิปิ จิตฺตสฺส มกฺกฎสุตฺตมตฺตมฺปิ ปุรตฺถิมาทิทิสาภาเคน คมนํ นาม นตฺถิ, ทูเร สนฺตํ ปน อารมฺมณํ สมฺปฎิจฺฉตีติ ทูรงฺคมฯ เอโกเยว หุตฺวา จรณวเสน ปวตฺตนโต เอกจาริ, อนฺตมโส เทฺว ตีณิปิ จิตฺตานิ เอกโต อุปฺปชฺชิตุํ สมตฺถานิ นาม นตฺถิ, เอกเมว ปน จิตฺตํ เอกสฺมิํ สนฺตาเน อุปฺปชฺชติฯ ตสฺมิํ นิรุเทฺธ อปรมฺปิ เอกเมว อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา เอกจาริฯ น เต กริสฺสํ วจนํ อิทานิหนฺติ ยทิปิ ปุเพฺพ ตว วเส อนุวตฺติํ, อิทานิ ปน สตฺถุ โอวาทํ ลทฺธกาลโต ปฎฺฐาย จิตฺตวสิโก น ภวิสฺสามิฯ กสฺมาติ เจ? ทุกฺขา หิ กามา กฎุกา มหพฺภยา กามา นาเมเต อตีเตปิ ทุกฺขา, อายติมฺปิ กฎุกผลา, อตฺตานุวาทาทิเภเทน มหตา ภเยน อนุพนฺธนฺตา มหพฺภยาฯ นิพฺพานเมวาภิมโน จริสฺสํ ตสฺมา นิพฺพานเมว อุทฺทิสฺส อภิมุขจิโตฺต วิหริสฺสํฯ

    Rūpābhāvato arūpā. Cittassa hi tādisaṃ saṇṭhānaṃ nīlādivaṇṇabhedo vā natthi, tasmā vuttaṃ arūpāti. Dūraṭṭhānappavattiyā dūraṅgama. Yadipi cittassa makkaṭasuttamattampi puratthimādidisābhāgena gamanaṃ nāma natthi, dūre santaṃ pana ārammaṇaṃ sampaṭicchatīti dūraṅgama. Ekoyeva hutvā caraṇavasena pavattanato ekacāri, antamaso dve tīṇipi cittāni ekato uppajjituṃ samatthāni nāma natthi, ekameva pana cittaṃ ekasmiṃ santāne uppajjati. Tasmiṃ niruddhe aparampi ekameva uppajjati, tasmā ekacāri. Na te karissaṃ vacanaṃ idānihanti yadipi pubbe tava vase anuvattiṃ, idāni pana satthu ovādaṃ laddhakālato paṭṭhāya cittavasiko na bhavissāmi. Kasmāti ce? Dukkhā hi kāmā kaṭukā mahabbhayā kāmā nāmete atītepi dukkhā, āyatimpi kaṭukaphalā, attānuvādādibhedena mahatā bhayena anubandhantā mahabbhayā. Nibbānamevābhimano carissaṃ tasmā nibbānameva uddissa abhimukhacitto viharissaṃ.

    ตเมว นิพฺพานาภิมุขภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘นาหํ อลกฺขฺยา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ นาหํ อลกฺขฺยาติ อลกฺขิกตาย นิสฺสิรีกตาย นาหํ เคหโต นิกฺขมินฺติ โยชนาฯ

    Tameva nibbānābhimukhabhāvaṃ dassento ‘‘nāhaṃ alakkhyā’’tiādimāha. Tattha nāhaṃ alakkhyāti alakkhikatāya nissirīkatāya nāhaṃ gehato nikkhaminti yojanā.

    อหิริกฺกตายาติ ยถาวชฺชํ เกฬิํ กโรโนฺต วิย นิลฺลชฺชตายฯ จิตฺตเหตูติ เอกทา นิคโณฺฐ, เอกทา ปริพฺพาชกาทิโก โหโนฺต อนวฎฺฐิตจิโตฺต ปุริโส วิย จิตฺตวสิโก หุตฺวาฯ ทูรกนฺตนาติ ราชาทีหิ เมตฺตํ กตฺวา เตสุ ทุพฺภิตฺวา ทุพฺภิภาเวนฯ อาชีวเหตูติ อาชีวการณา ชีวิกาปกโต หุตฺวา อาชีวิกาภเยน อหํ น นิกฺขมิํ น ปพฺพชิํฯ กโต จ เต, จิตฺต, ปฎิสฺสโว มยาติ, ‘‘ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐาย น ตว วเส วตฺตามิ, มเมว ปน วเส วตฺตามี’’ติ, จิตฺต, มยา นนุ ปฎิญฺญา กตาติ ทเสฺสติฯ

    Ahirikkatāyāti yathāvajjaṃ keḷiṃ karonto viya nillajjatāya. Cittahetūti ekadā nigaṇṭho, ekadā paribbājakādiko honto anavaṭṭhitacitto puriso viya cittavasiko hutvā. Dūrakantanāti rājādīhi mettaṃ katvā tesu dubbhitvā dubbhibhāvena. Ājīvahetūti ājīvakāraṇā jīvikāpakato hutvā ājīvikābhayena ahaṃ na nikkhamiṃ na pabbajiṃ. Kato ca te, citta, paṭissavo mayāti, ‘‘pabbajitakālato paṭṭhāya na tava vase vattāmi, mameva pana vase vattāmī’’ti, citta, mayā nanu paṭiññā katāti dasseti.

    อปฺปิจฺฉตา สปฺปุริเสหิ วณฺณิตาติ ‘‘ปจฺจเยสุ สพฺพโส อปฺปิจฺฉา นาม สาธู’’ติ พุทฺธาทีหิ ปสฎฺฐา, ตถา มกฺขปฺปหานํ ปเรสํ คุเณ มกฺขนสฺส ปหานํ วูปสโม สพฺพสฺส ทุกฺขสฺส วูปสโม นิพฺพาปนํ สปฺปุริเสหิ วณฺณิตํฯ อิติสฺสุ มํ, จิตฺต, ตทา นิยุญฺชสิ, ‘‘สมฺม, ตยา เตสุ คุเณสุ ปติฎฺฐาตพฺพ’’นฺติ, จิตฺต, ตฺวํ เอวํ ตทา นิยุญฺชสิฯ อิทานิ ตฺวํ คจฺฉสิ ปุพฺพจิณฺณํ อิทานิ มํ ตฺวํ ปหาย อตฺตโน ปุริมาจิณฺณํ มหิจฺฉตาทิํ ปฎิปชฺชสิ, กิํ นาเมตนฺติ อธิปฺปาโยฯ

    Appicchatā sappurisehi vaṇṇitāti ‘‘paccayesu sabbaso appicchā nāma sādhū’’ti buddhādīhi pasaṭṭhā, tathā makkhappahānaṃ paresaṃ guṇe makkhanassa pahānaṃ vūpasamo sabbassa dukkhassa vūpasamo nibbāpanaṃ sappurisehi vaṇṇitaṃ. Itissu maṃ, citta, tadā niyuñjasi, ‘‘samma, tayā tesu guṇesu patiṭṭhātabba’’nti, citta, tvaṃ evaṃ tadā niyuñjasi. Idāni tvaṃ gacchasi pubbaciṇṇaṃ idāni maṃ tvaṃ pahāya attano purimāciṇṇaṃ mahicchatādiṃ paṭipajjasi, kiṃ nāmetanti adhippāyo.

    ยมตฺถํ สนฺธาย ‘‘คจฺฉสิ ปุพฺพจิณฺณ’’นฺติ วุตฺตํฯ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตณฺหา อวิชฺชา จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตณฺหาติ ปจฺจเยสุ ตณฺหา, อวิชฺชาติ ตเตฺถว อาทีนวปฎิจฺฉาทิกา อวิชฺชาฯ ปิยาปิยนฺติ ปุตฺตทาราทีสุ เปมสงฺขาโต ปิยภาโว เจว ปนฺตเสนาสเนสุ อธิกุสลธเมฺมสุ อนภิรติสงฺขาโต อปฺปิยภาโว จ อุภยตฺถ อนุโรธปฎิวิโรโธฯ สุภานิ รูปานีติ อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ สุภรูปานิฯ สุขา เวทนาติ อิฎฺฐารมฺมเณ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชนสุขเวทนาฯ มนาปิยา กามคุณาติ วุตฺตาวเสสา มโนรมา กามโกฎฺฐาสาฯ วนฺตาติ นิรูปโต ตํนิสฺสิตสฺส ฉนฺทราคสฺส วิกฺขมฺภนปหาเนน ฉฑฺฑิตตาย ปริจฺจตฺตตาย จ วนฺตาฯ วเนฺต อหํ อาวมิตุํ น อุสฺสเหติ เอวํ เต ฉฑฺฑิเต ปุน ปจฺจาวมิตุํ อหํ น สโกฺกมิ, ปริจฺจตฺตา เอว โหนฺตีติ วทติฯ

    Yamatthaṃ sandhāya ‘‘gacchasi pubbaciṇṇa’’nti vuttaṃ. Taṃ dassetuṃ ‘‘taṇhā avijjā cā’’tiādi vuttaṃ. Tattha taṇhāti paccayesu taṇhā, avijjāti tattheva ādīnavapaṭicchādikā avijjā. Piyāpiyanti puttadārādīsu pemasaṅkhāto piyabhāvo ceva pantasenāsanesu adhikusaladhammesu anabhiratisaṅkhāto appiyabhāvo ca ubhayattha anurodhapaṭivirodho. Subhāni rūpānīti ajjhattaṃ bahiddhā ca subharūpāni. Sukhā vedanāti iṭṭhārammaṇe paṭicca uppajjanasukhavedanā. Manāpiyā kāmaguṇāti vuttāvasesā manoramā kāmakoṭṭhāsā. Vantāti nirūpato taṃnissitassa chandarāgassa vikkhambhanapahānena chaḍḍitatāya pariccattatāya ca vantā. Vante ahaṃ āvamituṃ na ussaheti evaṃ te chaḍḍite puna paccāvamituṃ ahaṃ na sakkomi, pariccattā eva hontīti vadati.

    สพฺพตฺถาติ สเพฺพสุ ภเวสุ สพฺพาสุ โยนีสุ สพฺพาสุ คตีสุ วิญฺญาณฎฺฐิตีสุ จฯ วโจ กตํ มยาติ, อโมฺภ จิตฺต, ตว วจนํ มยา กตํฯ กโรโนฺต จ พหูสุ ชาตีสุ น เมสิ โกปิโตติ อเนกาสุ ชาตีสุ ปน มยา น โกปิโต อสิฯ มยา เนว ปริภวิโตฯ ตถาปิ อชฺฌตฺตสมฺภโว อตฺตนิ สมฺภูโต หุตฺวาปิ ตว อกตญฺญุตาย ทุเกฺข จีรํ สํสริตํ ตยา กเตติ ตยา นิพฺพตฺติเต อนาทิมติ สํสารทุเกฺข สุจิรกาลํ มยา สํสริตํ ปริพฺภมิตํฯ

    Sabbatthāti sabbesu bhavesu sabbāsu yonīsu sabbāsu gatīsu viññāṇaṭṭhitīsu ca. Vaco kataṃ mayāti, ambho citta, tava vacanaṃ mayā kataṃ. Karonto ca bahūsu jātīsu na mesi kopitoti anekāsu jātīsu pana mayā na kopito asi. Mayā neva paribhavito. Tathāpi ajjhattasambhavo attani sambhūto hutvāpi tava akataññutāya dukkhe cīraṃ saṃsaritaṃ tayā kateti tayā nibbattite anādimati saṃsāradukkhe sucirakālaṃ mayā saṃsaritaṃ paribbhamitaṃ.

    อิทานิ ‘‘ทุเกฺข จิรํ สํสริตํ ตยา กเต’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ อุปฺปตฺติเภเทน คติเภเทน จ วิตฺถารโต ทเสฺสโนฺต ‘‘ตฺวเญฺญวา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ราชทสีติ ราชา อสิ, ทกาโร ปทสนฺธิกโร, เวสฺสา จ สุทฺทา จ ภวาม เอกทา ตเวว วาหสาติ โยชนา ฯ เทวตฺตนํ วาปีติ เทวภาวํ วาปิ ตฺวํเยว โน อมฺหากํ, จิตฺต, กโรสีติ โยชนาฯ วาหสาติ การณภาเวนฯ

    Idāni ‘‘dukkhe ciraṃ saṃsaritaṃ tayā kate’’ti saṅkhepato vuttamatthaṃ uppattibhedena gatibhedena ca vitthārato dassento ‘‘tvaññevā’’tiādimāha. Tattha rājadasīti rājā asi, dakāro padasandhikaro, vessā ca suddā ca bhavāma ekadā taveva vāhasāti yojanā . Devattanaṃ vāpīti devabhāvaṃ vāpi tvaṃyeva no amhākaṃ, citta, karosīti yojanā. Vāhasāti kāraṇabhāvena.

    ตเวว เหตูติ ตเวว เหตุภาเวนฯ ตฺวํมูลกนฺติ ตฺวํนิมิตฺตํฯ

    Taveva hetūti taveva hetubhāvena. Tvaṃmūlakanti tvaṃnimittaṃ.

    นนุ ทุพฺภิสฺสสิ มํ ปุนปฺปุนนฺติ ปุนปฺปุนํ ทุพฺภิสฺสสิ นุน, ยถา ปุเพฺพ ตฺวํ อนนฺตาสุ ชาตีสุ, จิตฺต, มิตฺตปฎิรูปโก สปโตฺต หุตฺวา มยฺหํ ปุนปฺปุนํ ทุพฺภิ, อิทานิ ตถา ทุพฺภิสฺสสิ มเญฺญ, ปุเพฺพ วิย จาเรตุํ น ทสฺสามีติ อธิปฺปาโยฯ มุหุํ มุหุํ จารณิกํว ทสฺสยนฺติ อภิณฺหโต จรณารหํ วิย มโน ทเสฺสโนฺต จรณารหํ ปุริสํ วเญฺจตฺวา จรโคปกํ นิปฺผาเทโนฺต วิย ปุนปฺปุนํ ตํ ตํ ภวํ ทเสฺสโนฺตฯ อุมฺมตฺตเกเนว มยา ปโลภสีติ อุมฺมตฺตกปุริเสน วิย มยา สทฺธิํ กีฬโนฺต ตํ ตํ ปโลภนียํ ทเสฺสตฺวา ปโลภสิฯ กิญฺจาปิ เต, จิตฺต, วิราธิตํ มยาติ, อโมฺภ จิตฺต, กิํ นาม เต มยา วิรทฺธํ, ตํ กเถหีติ อธิปฺปาโยฯ

    Nanu dubbhissasi maṃ punappunanti punappunaṃ dubbhissasi nuna, yathā pubbe tvaṃ anantāsu jātīsu, citta, mittapaṭirūpako sapatto hutvā mayhaṃ punappunaṃ dubbhi, idāni tathā dubbhissasi maññe, pubbe viya cāretuṃ na dassāmīti adhippāyo. Muhuṃ muhuṃ cāraṇikaṃva dassayanti abhiṇhato caraṇārahaṃ viya mano dassento caraṇārahaṃ purisaṃ vañcetvā caragopakaṃ nipphādento viya punappunaṃ taṃ taṃ bhavaṃ dassento. Ummattakeneva mayā palobhasīti ummattakapurisena viya mayā saddhiṃ kīḷanto taṃ taṃ palobhanīyaṃ dassetvā palobhasi. Kiñcāpi te, citta, virādhitaṃ mayāti, ambho citta, kiṃ nāma te mayā viraddhaṃ, taṃ kathehīti adhippāyo.

    อิทํ ปุเร จิตฺตนฺติ อิทํ จิตฺตํ นาม อิโต ปุเพฺพ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ รชฺชนาทินา, เยน อากาเรน อิจฺฉติ, ยเตฺถว จสฺส กาโม อุปฺปชฺชติ, ตสฺส วเสน ยตฺถกามํ ยถา วิจรนฺตสฺส สุขํ โหติ, ตเถว จ จรโนฺต ยถาสุขํ ทีฆรตฺตํ จาริกํ อจริฯ อชฺชาหํ ปภินฺนมทํ มตฺตหตฺถิํ หตฺถาจริยสงฺขาโต เฉโก องฺกุสคฺคโห องฺกุเสน วิย โยนิโสมนสิกาเรน นํ นิคฺคเหสฺสามิ, นสฺส วีติกฺกมิตุํ ทสฺสามีติฯ

    Idaṃ pure cittanti idaṃ cittaṃ nāma ito pubbe rūpādīsu ārammaṇesu rajjanādinā, yena ākārena icchati, yattheva cassa kāmo uppajjati, tassa vasena yatthakāmaṃ yathā vicarantassa sukhaṃ hoti, tatheva ca caranto yathāsukhaṃ dīgharattaṃ cārikaṃ acari. Ajjāhaṃ pabhinnamadaṃ mattahatthiṃ hatthācariyasaṅkhāto cheko aṅkusaggaho aṅkusena viya yonisomanasikārena naṃ niggahessāmi, nassa vītikkamituṃ dassāmīti.

    สตฺถา จ เม โลกมิมํ อธิฎฺฐหีติ มม สตฺถา สมฺมาสมฺพุโทฺธ อิมํ อนวเสสขนฺธโลกํ ญาเณน อธิฎฺฐหิฯ กินฺติ? หุตฺวา อภาวเฎฺฐน อนิจฺจโต, กสฺสจิปิ ธุวสฺส ถาวรสฺส อภาวโต อทฺธุวโต สุขสาราทีนํ อภาวโต อสารโตปกฺขนฺท มํ, จิตฺต, ชินสฺส สาสเนติ ตสฺมา ยาถาวโต ปฎิปชฺชิตุํ, จิตฺต, มํ ชินสฺส ภควโต สาสเน ปกฺขเนฺทหิ อนุปฺปเวเสหิฯ ‘‘ปกฺขนฺทิม’’นฺติปิ ปาฬิ, ชินสฺส สาสเน อิมํ โลกํ ญาเณน ปกฺขนฺท, ยาถาวโต ตาเรหิ, ปกฺขนฺทโนฺต จ วิปสฺสนาญาณมเคฺคน ยาเปโนฺต สุทุตฺตรโต มหนฺตโต สํสารมโหฆโต มํ ตาเรหิฯ

    Satthā ca me lokamimaṃ adhiṭṭhahīti mama satthā sammāsambuddho imaṃ anavasesakhandhalokaṃ ñāṇena adhiṭṭhahi. Kinti? Hutvā abhāvaṭṭhena aniccato, kassacipi dhuvassa thāvarassa abhāvato addhuvato sukhasārādīnaṃ abhāvato asārato. Pakkhanda maṃ, citta, jinassa sāsaneti tasmā yāthāvato paṭipajjituṃ, citta, maṃ jinassa bhagavato sāsane pakkhandehi anuppavesehi. ‘‘Pakkhandima’’ntipi pāḷi, jinassa sāsane imaṃ lokaṃ ñāṇena pakkhanda, yāthāvato tārehi, pakkhandanto ca vipassanāñāṇamaggena yāpento suduttarato mahantato saṃsāramahoghato maṃ tārehi.

    น เต อิทํ, จิตฺต, ยถา ปุราณกนฺติ, อโมฺภ จิตฺต, อิทํ อตฺตภาวเคหํ โปราณกํ วิย ตว น โหตีติ อโตฺถฯ กสฺมา? นาหํ อลํ ตุยฺห วเส นิวตฺติตุนฺติ อิทานาหํ ตว วเส นิวตฺติตุํ น ยุโตฺตฯ ยสฺมา มเหสิโน ภควโต ปพฺพชิโตมฺหิ สาสเนฯ ปพฺพชิตกาลโต จ ปฎฺฐาย สมณา นาม มาทิสาว น โหนฺติ วินาสธาริโน, เอกํสโต สมณาเยว โหนฺตีติ อโตฺถฯ

    Na te idaṃ, citta, yathā purāṇakanti, ambho citta, idaṃ attabhāvagehaṃ porāṇakaṃ viya tava na hotīti attho. Kasmā? Nāhaṃ alaṃ tuyha vase nivattitunti idānāhaṃ tava vase nivattituṃ na yutto. Yasmā mahesino bhagavato pabbajitomhi sāsane. Pabbajitakālato ca paṭṭhāya samaṇā nāma mādisāva na honti vināsadhārino, ekaṃsato samaṇāyeva hontīti attho.

    นคาติ สิเนรุหิมวนฺตาทโย สเพฺพ ปพฺพตาฯ สมุทฺทาติ ปุรตฺถิมสมุทฺทาทโย สีตสมุทฺทาทโย, น สเพฺพ สมุทฺทาฯ สริตาติ คงฺคาทโย สพฺพา นทิโย จฯ วสุนฺธราติ ปถวีฯ ทิสา จตโสฺสติ ปุรตฺถิมาทิเภทา จตโสฺส ทิสาฯ วิทิสาติ ปุรตฺถิมทกฺขิณาทโย จตโสฺส อนุทิสาฯ อโธติ เหฎฺฐา ยาว อุทกสนฺธารกวายุขนฺธาฯ ทิวาติ เทวโลกาฯ ทิวาคฺคหเณน เจตฺถ ตตฺถ คเต สตฺตสงฺขาเร วทติฯ สเพฺพ อนิจฺจา ติภวา อุปทฺทุตาติ สเพฺพ กามภวาทโย ตโย ภวา อนิจฺจา เจว ชาติอาทีหิ ราคาทีหิ กิเลเสหิ อุปทฺทุตา ปีฬิตา จ, น เอตฺถ กิญฺจิ เขมฎฺฐานํ นาม อตฺถิ, ตทภาวโต กุหิํ คโต, จิตฺต, สุขํ รมิสฺสสิ, ตสฺมา ตโต นิสฺสรณเญฺจตฺถ ปริเยสาหีติ อธิปฺปาโยฯ

    Nagāti sineruhimavantādayo sabbe pabbatā. Samuddāti puratthimasamuddādayo sītasamuddādayo, na sabbe samuddā. Saritāti gaṅgādayo sabbā nadiyo ca. Vasundharāti pathavī. Disā catassoti puratthimādibhedā catasso disā. Vidisāti puratthimadakkhiṇādayo catasso anudisā. Adhoti heṭṭhā yāva udakasandhārakavāyukhandhā. Divāti devalokā. Divāggahaṇena cettha tattha gate sattasaṅkhāre vadati. Sabbe aniccā tibhavā upaddutāti sabbe kāmabhavādayo tayo bhavā aniccā ceva jātiādīhi rāgādīhi kilesehi upaddutā pīḷitā ca, na ettha kiñci khemaṭṭhānaṃ nāma atthi, tadabhāvato kuhiṃ gato, citta, sukhaṃ ramissasi, tasmā tato nissaraṇañcettha pariyesāhīti adhippāyo.

    ธิติปฺปรนฺติ ธิติปรายณํ ปรมํ ถิรภาเว ฐิตํ มมํ, จิตฺต, กิํ กาหิสิ, ตโต อีสกมฺปิ มํ จาเลตุํ นาสกฺขิสฺสสีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘น เต อลํ, จิตฺต, วสานุวตฺตโก’’ติฯ อิทานิ ตเมวตฺถํ ปากฎตรํ กตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘น ชาตุ ภสฺตํ อุภโตมุขํ ฉุเป , ธิรตฺถุ ปูรํ นวโสตสนฺทนิ’’นฺติ อาหฯ ตตฺถ ภสฺตนฺติ รุตฺติํฯ อุภโตมุขนฺติ ปุโตฬิยา อุภโตมุขํฯ น ชาตุ ฉุเปติ เอกํเสเนว ปาเทนาปิ น ฉุเปยฺย, ตถา ธิรตฺถุ ปูรํ นวโสตสนฺทนินฺติ นานปฺปการสฺส อสุจิโน ปูรํ นวหิ โสเตหิ วณมุเขหิ อสุจิสนฺทนิํ สวติํฯ ตาย วจฺจกุฎิยา ธี อตฺถุ, ตสฺสา ครหา โหตุฯ

    Dhitipparanti dhitiparāyaṇaṃ paramaṃ thirabhāve ṭhitaṃ mamaṃ, citta, kiṃ kāhisi, tato īsakampi maṃ cāletuṃ nāsakkhissasīti attho. Tenāha ‘‘na te alaṃ, citta, vasānuvattako’’ti. Idāni tamevatthaṃ pākaṭataraṃ katvā dassento ‘‘na jātu bhastaṃ ubhatomukhaṃ chupe , dhiratthu pūraṃ navasotasandani’’nti āha. Tattha bhastanti ruttiṃ. Ubhatomukhanti putoḷiyā ubhatomukhaṃ. Na jātu chupeti ekaṃseneva pādenāpi na chupeyya, tathā dhiratthu pūraṃ navasotasandaninti nānappakārassa asucino pūraṃ navahi sotehi vaṇamukhehi asucisandaniṃ savatiṃ. Tāya vaccakuṭiyā dhī atthu, tassā garahā hotu.

    เอวํ อฎฺฐวีสติยา คาถาหิ นิคฺคณฺหนวเสน จิตฺตํ โอวทิตฺวา อิทานิ วิเวกฎฺฐานาจิกฺขณาทินา สมฺปหํเสโนฺต ‘‘วราหเอเณยฺยวิคาฬฺหเสวิเต’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ วราหเอเณยฺยวิคาฬฺหเสวิเตติ วราเหหิ เจว เอเณเยฺยหิ จ โอคาเหตฺวา เสวิเตฯ ปพฺภารกุเฎฺฎติ ปพฺภารฎฺฐาเน เจว ปพฺพตสิขเร จฯ ปกเตว สุนฺทเรติ ปกติยา เอว สุนฺทเร อติตฺติมโนหเรฯ ‘‘ปกติวสุนฺธเร’’ติ วา ปาโฐ, ปากติเก ภูมิปเทเสติ อโตฺถฯ นวมฺพุนา ปาวุสสิตฺตกานเนติ ปาวุสวเสน วุเฎฺฐน เมโฆทเกน อุปสิตฺตวเสฺส สุเถเว วเนฯ ตหิํ คุหาเคหคโต รมิสฺสสีติ ตสฺมิํ ปพฺพตกานเน คุหาสงฺขาตํ เคหํ อุปคโต ภาวนารติยา อภิรมิสฺสสิฯ

    Evaṃ aṭṭhavīsatiyā gāthāhi niggaṇhanavasena cittaṃ ovaditvā idāni vivekaṭṭhānācikkhaṇādinā sampahaṃsento ‘‘varāhaeṇeyyavigāḷhasevite’’tiādimāha. Tattha varāhaeṇeyyavigāḷhaseviteti varāhehi ceva eṇeyyehi ca ogāhetvā sevite. Pabbhārakuṭṭeti pabbhāraṭṭhāne ceva pabbatasikhare ca. Pakateva sundareti pakatiyā eva sundare atittimanohare. ‘‘Pakativasundhare’’ti vā pāṭho, pākatike bhūmipadeseti attho. Navambunā pāvusasittakānaneti pāvusavasena vuṭṭhena meghodakena upasittavasse sutheve vane. Tahiṃ guhāgehagato ramissasīti tasmiṃ pabbatakānane guhāsaṅkhātaṃ gehaṃ upagato bhāvanāratiyā abhiramissasi.

    เต ตํ รเมสฺสนฺตีติ เต มยูราทโย วนสญฺญํ อุปฺปาเทนฺตา ตํ รเมสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ

    Te taṃ ramessantīti te mayūrādayo vanasaññaṃ uppādentā taṃ ramessantīti attho.

    วุฎฺฐมฺหิ เทเวติ เมเฆ อธิปฺปวุเฎฺฐฯ จตุรงฺคุเล ติเณติ เตเนว คโสฺสทกปาเตน ตตฺถ ตตฺถ ติเณ สุรตฺตวณฺณกมฺพลสทิเส จตุรงฺคุเล ชาเตฯ สํปุปฺผิเต เมฆนิภมฺหิ กานเนติ ปาวุสเมฆสงฺกาเส กานเน สมฺมเทว ปุปฺผิเตฯ นคนฺตเรติ ปพฺพตนฺตเรฯ วิฎปิสโม สยิสฺสนฺติ ตรุสทิโส อปริคฺคโห หุตฺวา นิปชฺชิสฺสํฯ ตํ เม มุทู เหหิติ ตูลสนฺนิภนฺติ ตํ ติณปจฺจตฺถรณํ มุทุ สุขสมฺผสฺสํ ตูลสนฺนิภํ ตูลิกสทิสํ สยนํ เม ภวิสฺสติฯ

    Vuṭṭhamhi deveti meghe adhippavuṭṭhe. Caturaṅgule tiṇeti teneva gassodakapātena tattha tattha tiṇe surattavaṇṇakambalasadise caturaṅgule jāte. Saṃpupphite meghanibhamhi kānaneti pāvusameghasaṅkāse kānane sammadeva pupphite. Nagantareti pabbatantare. Viṭapisamo sayissanti tarusadiso apariggaho hutvā nipajjissaṃ. Taṃ me mudū hehiti tūlasannibhanti taṃ tiṇapaccattharaṇaṃ mudu sukhasamphassaṃ tūlasannibhaṃ tūlikasadisaṃ sayanaṃ me bhavissati.

    ตถา ตุ กสฺสามิ ยถาปิ อิสฺสโรติ ยถา โกจิ อิสฺสรปุริโส อตฺตโน วจนกรทาสาทิํ วเส วเตฺตติ, อหมฺปิ, จิตฺต, ตํ ตถา กริสฺสามิ, มยฺหํ วเส วเตฺตมิเยวฯ กถํ? ยํ ลพฺภติ เตนปิ โหตุ เม อลนฺติ จตูสุ ปจฺจเยสุ ยํ ยาทิสํ วา ตาทิสํ วา ลพฺภติ, เตน จ มยฺหํ อลํ ปริยตฺตํ โหตุฯ เอเตน อิทํ ทเสฺสติ – ยสฺมา อิเธกเจฺจ สตฺตา ตณฺหุปฺปาทเหตุ จิตฺตสฺส วเส อนุวตฺตนฺติ, อหํ ปน ตณฺหุปฺปาทํ ทูรโต วเชฺชโนฺต จิตฺตํ ทาสํ วิย กโรโนฺต อตฺตโน วเส วเตฺตมีติฯ น ตาหํ กสฺสามิ ยถา อตนฺทิโต, พิฬารภสฺตํว ยถา สุมทฺทิตนฺติ จิตฺต ตณฺหุปฺปาทปริวชฺชนเหตุ, ปุน ตนฺติ จิตฺตํ อามสติ, ยถา อโญฺญปิ โกจิ สมฺมปฺปธานโยเคน ภาวนาย อตนฺทิโต อตฺตโน จิตฺตํ กมฺมกฺขมํ, กมฺมโยคฺคํ กโรติ, ตถา อหมฺปิ, จิตฺต, ตํ กมฺมกฺขมํ, กมฺมโยคฺคํ มยฺหํ วเส วตฺตํ กริสฺสามิ ฯ ยถา กิํ? พิฬารภสฺตํว ยถา สุมทฺทิตํ, นอิติ นิปาตมตฺตํฯ ยถา สุฎฺฐุ มทฺทิตํ พิฬารภสฺตํ กมฺมกฺขมํ, กมฺมโยคฺคํ สุเขน ปริหรณียญฺจ โหติ, ตถาหํ ตํ กริสฺสามิฯ

    Tathātu kassāmi yathāpi issaroti yathā koci issarapuriso attano vacanakaradāsādiṃ vase vatteti, ahampi, citta, taṃ tathā karissāmi, mayhaṃ vase vattemiyeva. Kathaṃ? Yaṃ labbhati tenapi hotu me alanti catūsu paccayesu yaṃ yādisaṃ vā tādisaṃ vā labbhati, tena ca mayhaṃ alaṃ pariyattaṃ hotu. Etena idaṃ dasseti – yasmā idhekacce sattā taṇhuppādahetu cittassa vase anuvattanti, ahaṃ pana taṇhuppādaṃ dūrato vajjento cittaṃ dāsaṃ viya karonto attano vase vattemīti. Na tāhaṃ kassāmi yathā atandito, biḷārabhastaṃva yathā sumadditanti citta taṇhuppādaparivajjanahetu, puna tanti cittaṃ āmasati, yathā aññopi koci sammappadhānayogena bhāvanāya atandito attano cittaṃ kammakkhamaṃ, kammayoggaṃ karoti, tathā ahampi, citta, taṃ kammakkhamaṃ, kammayoggaṃ mayhaṃ vase vattaṃ karissāmi . Yathā kiṃ? Biḷārabhastaṃva yathā sumadditaṃ, naiti nipātamattaṃ. Yathā suṭṭhu madditaṃ biḷārabhastaṃ kammakkhamaṃ, kammayoggaṃ sukhena pariharaṇīyañca hoti, tathāhaṃ taṃ karissāmi.

    วีริเยน ตํ มยฺห วสานยิสฺสนฺติ, อโมฺภ จิตฺต, ตํ อตฺตโน วีริเยน ภาวนาพลํ อุปฺปาเทตฺวา เตน มยฺหํ วสํ อานยิสฺสํฯ คชํว มตฺตํ กุสลงฺกุสคฺคโหติ ยถา กุสโล เฉโก องฺกุสคฺคโห หตฺถาจริโย อตฺตโน สิกฺขาพเลน มตฺตหตฺถิํ อตฺตโน วสํ อาเนติ, ตเถวาติ อโตฺถฯ

    Vīriyena taṃ mayha vasānayissanti, ambho citta, taṃ attano vīriyena bhāvanābalaṃ uppādetvā tena mayhaṃ vasaṃ ānayissaṃ. Gajaṃva mattaṃ kusalaṅkusaggahoti yathā kusalo cheko aṅkusaggaho hatthācariyo attano sikkhābalena mattahatthiṃ attano vasaṃ āneti, tathevāti attho.

    ตยา สุทเนฺตน อวฎฺฐิเตน หีติ หีติ นิปาตมตฺตํ, จิตฺต, สมถวิปสฺสนาภาวนาหิ สุฎฺฐุ ทเนฺตน ตโต เอว สมฺมเทว วิปสฺสนาวีถิํ ปฎิปนฺนตฺตา อวฎฺฐิเตน ตยาฯ หเยน โยคฺคาจริโยว อุชฺชุนาติ ยถา สุทเนฺตน สุทนฺตตฺตา เอว อุชุนา อวงฺกคตินา อสฺสาชานีเยน โยคฺคาจริโย อสฺสทมฺมสารถิ อเขมฎฺฐานโต เขมนฺตภูมิํ ปฎิปชฺชิตุํ สโกฺกติ, เอวํ ปโหมิ มคฺคํ ปฎิปชฺชิตุํ สิวนฺติ อสิวภาวกรานํ กิเลสานํ อภาเวน สิวํฯ จิตฺตานุรกฺขีหีติ อตฺตโน จิตฺตํ อนุรกฺขณสีเลหิ พุทฺธาทีหิ สพฺพกาลํ เสวิตํ อริยมคฺคํ อหํ ปฎิปชฺชิตุํ อธิคนฺตุํ ปโหมิ สโกฺกมีติฯ

    Tayā sudantena avaṭṭhitena hīti ti nipātamattaṃ, citta, samathavipassanābhāvanāhi suṭṭhu dantena tato eva sammadeva vipassanāvīthiṃ paṭipannattā avaṭṭhitena tayā. Hayena yoggācariyova ujjunāti yathā sudantena sudantattā eva ujunā avaṅkagatinā assājānīyena yoggācariyo assadammasārathi akhemaṭṭhānato khemantabhūmiṃ paṭipajjituṃ sakkoti, evaṃ pahomi maggaṃ paṭipajjituṃ sivanti asivabhāvakarānaṃ kilesānaṃ abhāvena sivaṃ. Cittānurakkhīhīti attano cittaṃ anurakkhaṇasīlehi buddhādīhi sabbakālaṃ sevitaṃ ariyamaggaṃ ahaṃ paṭipajjituṃ adhigantuṃ pahomi sakkomīti.

    อารมฺมเณ ตํ พลสา นิพนฺธิสํ, นาคํว ถมฺภมฺหิ ทฬฺหาย รชฺชุยาติ ยถา หตฺถาจริโย มหาหตฺถิํ อาฬานถเมฺภ ทฬฺหาย ถิราย รชฺชุยา นิพนฺธติ, เอวมหํ, จิตฺต, กมฺมฎฺฐานารมฺมเณ ภาวนาพเลน นิพนฺธิสฺสํฯ ตํ เม สุคุตฺตํ สติยา สุภาวิตนฺติ ตํ ตฺวํ, จิตฺต, มม สติยา สุคุตฺตํ สุภาวิตญฺจ หุตฺวาฯ อนิสฺสิตํ สพฺพภเวสุ เหหิสีติ อริยมคฺคภาวนาทิพเลน กามภวาทีสุ สเพฺพสุปิ ภเวสุ ตณฺหาทินิสฺสเยหิ อนิสฺสิตํ ภวิสฺสสิฯ

    Ārammaṇetaṃ balasā nibandhisaṃ, nāgaṃva thambhamhi daḷhāyarajjuyāti yathā hatthācariyo mahāhatthiṃ āḷānathambhe daḷhāya thirāya rajjuyā nibandhati, evamahaṃ, citta, kammaṭṭhānārammaṇe bhāvanābalena nibandhissaṃ. Taṃ me suguttaṃ satiyā subhāvitanti taṃ tvaṃ, citta, mama satiyā suguttaṃ subhāvitañca hutvā. Anissitaṃ sabbabhavesu hehisīti ariyamaggabhāvanādibalena kāmabhavādīsu sabbesupi bhavesu taṇhādinissayehi anissitaṃ bhavissasi.

    ปญฺญาย เฉตฺวา วิปถานุสารินนฺติ อุปฺปถคามินํ อายตนสมุทยํ ยาถาวโต ทิสฺวา เยน สมุทเยน อุปฺปถคามี, ตสฺส กิเลสวิสฺสนฺทนํ กิเลสวิปฺผนฺทิตํ อินฺทฺริยสํวรูปนิสฺสยาย ปฎิสงฺขานปญฺญาย ฉินฺทิตฺวา โสตวิเจฺฉทนวเสน อาวรณํ กตฺวาฯ โยเคน นิคฺคยฺหาติ วิปสฺสนาภาวนาสงฺขาเตน โยเคน สามตฺถิยวิธมเนน นิคฺคเหตฺวาฯ ปเถ นิเวสิยาติ วิปสฺสนาวีถิยํ นิเวเสตฺวา, ปติฎฺฐเปตฺวาฯ ยทา ปน วิปสฺสนา อุสฺสุกฺกาปิตา มเคฺคน ฆเฎฺฎติ, ตทา มคฺคปญฺญาย ‘‘ยํกิญฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ (มหาว. ๑๖; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑) นิทสฺสเนน สพฺพโส อายตนสมุทยสฺส วิภวํ สมฺภวญฺจ อสโมฺมหโต ทิสฺวา สเทวเก โลเก อคฺควาทิโน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ทายาโท โอรสปุโตฺต เหหิสิ ภวิสฺสสีติ อโตฺถฯ

    Paññāya chetvā vipathānusārinanti uppathagāminaṃ āyatanasamudayaṃ yāthāvato disvā yena samudayena uppathagāmī, tassa kilesavissandanaṃ kilesavipphanditaṃ indriyasaṃvarūpanissayāya paṭisaṅkhānapaññāya chinditvā sotavicchedanavasena āvaraṇaṃ katvā. Yogena niggayhāti vipassanābhāvanāsaṅkhātena yogena sāmatthiyavidhamanena niggahetvā. Pathe nivesiyāti vipassanāvīthiyaṃ nivesetvā, patiṭṭhapetvā. Yadā pana vipassanā ussukkāpitā maggena ghaṭṭeti, tadā maggapaññāya ‘‘yaṃkiñci samudayadhammaṃ, sabbaṃ taṃ nirodhadhamma’’nti (mahāva. 16; saṃ. ni. 5.1081) nidassanena sabbaso āyatanasamudayassa vibhavaṃ sambhavañca asammohato disvā sadevake loke aggavādino sammāsambuddhassa dāyādo orasaputto hehisi bhavissasīti attho.

    จตุพฺพิปลฺลาสวสํ อธิฎฺฐิตนฺติ อนิเจฺจ นิจฺจนฺติ, อสุเภ สุภนฺติ, ทุเกฺข สุขนฺติ, อนตฺตนิ อตฺตาติ อิเมสํ จตุนฺนํ วิปลฺลาสานํ วสํ อธิฎฺฐิตํ อนุวตฺตนฺตํฯ คามณฺฑลํว ปริเนสิ, จิตฺต, มนฺติ, อโมฺภ จิตฺต, มํ คามทารกํ วิย ปริกฑฺฒสิ, อิโต จิโต ปริกฑฺฒสิฯ นนุ สํโยชนพนฺธนจฺฉิทนฺติ สํโยชนสงฺขาตานํ ทสนฺนํ พนฺธนานํ เฉทกํ การุณิกํ มหามุนิํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ สํเสวสิ นนุ, ‘‘ตถารูเป มหานุภาเว ทูรโตว วเชฺชสิ, มาทิเส ปน ตปสฺสิเน ยถารุจิ ปริเนสี’’ติ อปฺปสาทเลเสน สตฺถารํ ปสํสติฯ

    Catubbipallāsavasaṃadhiṭṭhitanti anicce niccanti, asubhe subhanti, dukkhe sukhanti, anattani attāti imesaṃ catunnaṃ vipallāsānaṃ vasaṃ adhiṭṭhitaṃ anuvattantaṃ. Gāmaṇḍalaṃva parinesi, citta, manti, ambho citta, maṃ gāmadārakaṃ viya parikaḍḍhasi, ito cito parikaḍḍhasi. Nanu saṃyojanabandhanacchidanti saṃyojanasaṅkhātānaṃ dasannaṃ bandhanānaṃ chedakaṃ kāruṇikaṃ mahāmuniṃ sammāsambuddhaṃ saṃsevasi nanu, ‘‘tathārūpe mahānubhāve dūratova vajjesi, mādise pana tapassine yathāruci parinesī’’ti appasādalesena satthāraṃ pasaṃsati.

    มิโค ยถาติ ยถา มิโค รุกฺขคจฺฉลตาทีหิ สุฎฺฐุ จิตฺตวิจิเตฺต อนากุเล กานเน เสริ สยํวสี รมติฯ รมฺมํ คิริํ ปาวุสอพฺภมาลินินฺติ เอวํ ปาวุสกาเล สมนฺตโต สุมาลินีหิ ถลชชลชมาลาหิ สมนฺนาคตตฺตา อพฺภมาลินิํ ชนวิวิตฺตตาย มโนรมตาย จ รมฺมํ ปพฺพตํ ลภิตฺวา ตตฺถ นเค รมิสฺสํ, อสํสยํ เอกํเสเนว ตฺวํ, จิตฺต, ปราภวิสฺสสิ, สํสารพฺยสเนหิ ฐสฺสสีติ อโตฺถฯ

    Migo yathāti yathā migo rukkhagacchalatādīhi suṭṭhu cittavicitte anākule kānane seri sayaṃvasī ramati. Rammaṃ giriṃ pāvusaabbhamālininti evaṃ pāvusakāle samantato sumālinīhi thalajajalajamālāhi samannāgatattā abbhamāliniṃ janavivittatāya manoramatāya ca rammaṃ pabbataṃ labhitvā tattha nage ramissaṃ, asaṃsayaṃ ekaṃseneva tvaṃ, citta, parābhavissasi, saṃsārabyasanehi ṭhassasīti attho.

    เย ตุยฺห ฉเนฺทน วเสน วตฺติโนติ สเพฺพ ปุถุชฺชเน จิตฺตสามเญฺญน คเหตฺวา วทติฯ ตสฺสโตฺถ – เย นรนาริโย, อโมฺภ จิตฺต, ตุยฺหํ ฉเนฺทน วเสน รุจิยา ฐิตา ยํ เคหนิสฺสิตํ สุขํ อนุโภนฺติ อนุภวิสฺสนฺติ, เต อวิทฺทสู อนฺธพาลา, มารวสานุวตฺติโน กิเลสมาราทีนํ วเส อนุวตฺตนสีลา, ภวาภินนฺที กามาทิภวเมว อภินนฺทนโต, ตว สาวกา อนุสิฎฺฐิกราฯ มยํ ปน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาวกา, น ตุยฺหํ วเส อนุวตฺตามาติฯ

    Ye tuyha chandena vasena vattinoti sabbe puthujjane cittasāmaññena gahetvā vadati. Tassattho – ye naranāriyo, ambho citta, tuyhaṃ chandena vasena ruciyā ṭhitā yaṃ gehanissitaṃ sukhaṃ anubhonti anubhavissanti, te aviddasū andhabālā, māravasānuvattino kilesamārādīnaṃ vase anuvattanasīlā, bhavābhinandī kāmādibhavameva abhinandanato, tava sāvakā anusiṭṭhikarā. Mayaṃ pana sammāsambuddhassa sāvakā, na tuyhaṃ vase anuvattāmāti.

    เอวํ เถโร ปุเพฺพ อตฺตโน อุปฺปนฺนํ โยนิโสมนสิการํ จิตฺตสฺส นิคฺคณฺหนวเสน ปวตฺตํ นานปฺปการโต วิภชิตฺวา สมีเป ฐิตานํ ภิกฺขูนํ โอวาททานวเสน ธมฺมํ กเถสิฯ ยํ ปเนตฺถ อนฺตรนฺตรา อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถเมวาติฯ

    Evaṃ thero pubbe attano uppannaṃ yonisomanasikāraṃ cittassa niggaṇhanavasena pavattaṃ nānappakārato vibhajitvā samīpe ṭhitānaṃ bhikkhūnaṃ ovādadānavasena dhammaṃ kathesi. Yaṃ panettha antarantarā atthato na vibhattaṃ, taṃ heṭṭhā vuttanayattā uttānatthamevāti.

    ตาลปุฎเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tālapuṭattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    ปญฺญาสนิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paññāsanipātavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑. ตาลปุฎเตฺถรคาถา • 1. Tālapuṭattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact