Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    ๕. ตณฺฑุลนาฬิชาตกวณฺณนา

    5. Taṇḍulanāḷijātakavaṇṇanā

    กิมคฺฆติ ตณฺฑุลนาฬิกาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ลาลุทายิเตฺถรํ อารพฺภ กเถสิฯ ตสฺมิํ สมเย อายสฺมา ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต สงฺฆสฺส ภตฺตุเทฺทสโก โหติฯ ตสฺมิํ ปาโตว สลากภตฺตานิ อุทฺทิสมาเน ลาลุทายิเตฺถรสฺส กทาจิ วรภตฺตํ ปาปุณาติ, กทาจิ ลามกภตฺตํฯ โส ลามกภตฺตสฺส ปตฺตทิวเส สลากคฺคํ อากุลํ กโรติ, ‘‘กิํ ทโพฺพว สลากํ ทาตุํ ชานาติ, อเมฺห น ชานามา’’ติ วทติฯ ตสฺมิํ สลากคฺคํ อากุลํ กโรเนฺต ‘‘หนฺท ทานิ ตฺวเมว สลากํ เทหี’’ติ สลากปจฺฉิํ อทํสุฯ ตโต ปฎฺฐาย โส สงฺฆสฺส สลากํ อทาสิฯ เทโนฺต จ ปน ‘‘อิทํ วรภตฺต’’นฺติ วา ‘‘ลามกภตฺต’’นฺติ วา ‘‘อสุกวสฺสเคฺค วรภตฺต’’นฺติ วา ‘‘อสุกวสฺสเคฺค ลามกภตฺต’’นฺติ วา น ชานาติ, ฐิติกํ กโรโนฺตปิ ‘‘อสุกวสฺสเคฺค ฐิติกา’’ติ น สลฺลเกฺขติฯ ภิกฺขูนํ ฐิตเวลาย ‘‘อิมสฺมิํ ฐาเน อยํ ฐิติกา ฐิตา, อิมสฺมิํ ฐาเน อย’’นฺติ ภูมิยํ วา ภิตฺติยํ วา เลขํ กฑฺฒติฯ ปุนทิวเส สลากเคฺค ภิกฺขู มนฺทตรา วา โหนฺติ พหุตรา วา, เตสุ มนฺทตเรสุ เลขา เหฎฺฐา โหติ, พหุตเรสุ อุปริฯ โส ฐิติกํ อชานโนฺต เลขาสญฺญาย สลากํ เทติฯ

    Kimagghati taṇḍulanāḷikāti idaṃ satthā jetavane viharanto lāludāyittheraṃ ārabbha kathesi. Tasmiṃ samaye āyasmā dabbo mallaputto saṅghassa bhattuddesako hoti. Tasmiṃ pātova salākabhattāni uddisamāne lāludāyittherassa kadāci varabhattaṃ pāpuṇāti, kadāci lāmakabhattaṃ. So lāmakabhattassa pattadivase salākaggaṃ ākulaṃ karoti, ‘‘kiṃ dabbova salākaṃ dātuṃ jānāti, amhe na jānāmā’’ti vadati. Tasmiṃ salākaggaṃ ākulaṃ karonte ‘‘handa dāni tvameva salākaṃ dehī’’ti salākapacchiṃ adaṃsu. Tato paṭṭhāya so saṅghassa salākaṃ adāsi. Dento ca pana ‘‘idaṃ varabhatta’’nti vā ‘‘lāmakabhatta’’nti vā ‘‘asukavassagge varabhatta’’nti vā ‘‘asukavassagge lāmakabhatta’’nti vā na jānāti, ṭhitikaṃ karontopi ‘‘asukavassagge ṭhitikā’’ti na sallakkheti. Bhikkhūnaṃ ṭhitavelāya ‘‘imasmiṃ ṭhāne ayaṃ ṭhitikā ṭhitā, imasmiṃ ṭhāne aya’’nti bhūmiyaṃ vā bhittiyaṃ vā lekhaṃ kaḍḍhati. Punadivase salākagge bhikkhū mandatarā vā honti bahutarā vā, tesu mandataresu lekhā heṭṭhā hoti, bahutaresu upari. So ṭhitikaṃ ajānanto lekhāsaññāya salākaṃ deti.

    อถ นํ ภิกฺขู ‘‘อาวุโส, อุทายิ, เลขา นาม เหฎฺฐา วา โหติ อุปริ วา, วรภตฺตํ ปน อสุกวสฺสเคฺค ฐิตํ, ลามกภตฺตํ อสุกวสฺสเคฺค’’ติ อาหํสุฯ โส ภิกฺขู ปฎิปฺผรโนฺต ‘‘ยทิ เอวํ อยํ เลขา กสฺมา เอวํ ฐิตา, กิํ อหํ ตุมฺหากํ สทฺทหามิ, อิมิสฺสา เลขาย สทฺทหามี’’ติ วทติฯ อถ นํ ทหรา จ สามเณรา จ ‘‘อาวุโส ลาลุทายิ ตยิ สลากํ เทเนฺต ภิกฺขู ลาเภน ปริหายนฺติ, น ตฺวํ ทาตุํ อนุจฺฉวิโก, คจฺฉ อิโต’’ติ สลากคฺคโต นิกฺกฑฺฒิํสุฯ ตสฺมิํ ขเณ สลากเคฺค มหนฺตํ โกลาหลํ อโหสิฯ ตํ สุตฺวา สตฺถา อานนฺทเตฺถรํ ปุจฺฉิ ‘‘อานนฺท, สลากเคฺค มหนฺตํ โกลาหลํ, กิํ สโทฺท นาเมโส’’ติฯ เถโร ตถาคตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสิฯ ‘‘อานนฺท, น อิทาเนว ลาลุทายิ อตฺตโน พาลตาย ปเรสํ ลาภหานิํ กโรติ, ปุเพฺพปิ อกาสิเยวา’’ติ อาหฯ เถโร ตสฺสตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ ภควนฺตํ ยาจิฯ ภควา ภวนฺตเรน ปฎิจฺฉนฺนํ การณํ ปากฎํ อกาสิฯ

    Atha naṃ bhikkhū ‘‘āvuso, udāyi, lekhā nāma heṭṭhā vā hoti upari vā, varabhattaṃ pana asukavassagge ṭhitaṃ, lāmakabhattaṃ asukavassagge’’ti āhaṃsu. So bhikkhū paṭippharanto ‘‘yadi evaṃ ayaṃ lekhā kasmā evaṃ ṭhitā, kiṃ ahaṃ tumhākaṃ saddahāmi, imissā lekhāya saddahāmī’’ti vadati. Atha naṃ daharā ca sāmaṇerā ca ‘‘āvuso lāludāyi tayi salākaṃ dente bhikkhū lābhena parihāyanti, na tvaṃ dātuṃ anucchaviko, gaccha ito’’ti salākaggato nikkaḍḍhiṃsu. Tasmiṃ khaṇe salākagge mahantaṃ kolāhalaṃ ahosi. Taṃ sutvā satthā ānandattheraṃ pucchi ‘‘ānanda, salākagge mahantaṃ kolāhalaṃ, kiṃ saddo nāmeso’’ti. Thero tathāgatassa tamatthaṃ ārocesi. ‘‘Ānanda, na idāneva lāludāyi attano bālatāya paresaṃ lābhahāniṃ karoti, pubbepi akāsiyevā’’ti āha. Thero tassatthassa āvibhāvatthaṃ bhagavantaṃ yāci. Bhagavā bhavantarena paṭicchannaṃ kāraṇaṃ pākaṭaṃ akāsi.

    อตีเต กาสิรเฎฺฐ พาราณสิยํ พฺรหฺมทโตฺต ราชา อโหสิฯ ตทา อมฺหากํ โพธิสโตฺต ตสฺส อคฺฆาปนิโก อโหสิฯ หตฺถิอสฺสาทีนิ เจว มณิสุวณฺณาทีนิ จ อคฺฆาเปสิ, อคฺฆาเปตฺวา ภณฺฑสามิกานํ ภณฺฑานุรูปเมว มูลํ ทาเปสิฯ ราชา ปน ลุโทฺธ โหติ, โส โลภปกติตาย เอวํ จิเนฺตสิ ‘‘อยํ อคฺฆาปนิโก เอวํ อคฺฆาเปโนฺต น จิรเสฺสว มม เคเห ธนํ ปริกฺขยํ คเมสฺสติ, อญฺญํ อคฺฆาปนิกํ กริสฺสามี’’ติฯ โส สีหปญฺชรํ อุคฺฆาเฎตฺวา ราชงฺคณํ โอโลเกโนฺต เอกํ คามิกมนุสฺสํ โลลพาลํ ราชงฺคเณน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘เอส มยฺหํ อคฺฆาปนิกกมฺมํ กาตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสสิ, ภเณ, อมฺหากํ อคฺฆาปนิกกมฺมํ กาตุ’’นฺติ อาหฯ สกฺขิสฺสามิ, เทวาติฯ ราชา อตฺตโน ธนรกฺขณตฺถาย ตํ พาลํ อคฺฆาปนิกกเมฺม ฐเปสิฯ ตโต ปฎฺฐาย โส พาโล หตฺถิอสฺสาทีนิ อคฺฆาเปโนฺต อคฺฆํ หาเปตฺวา ยถารุจิยา กเถติฯ ตสฺส ฐานนฺตเร ฐิตตฺตา ยํ โส กเถติ, ตเมว มูลํ โหติฯ

    Atīte kāsiraṭṭhe bārāṇasiyaṃ brahmadatto rājā ahosi. Tadā amhākaṃ bodhisatto tassa agghāpaniko ahosi. Hatthiassādīni ceva maṇisuvaṇṇādīni ca agghāpesi, agghāpetvā bhaṇḍasāmikānaṃ bhaṇḍānurūpameva mūlaṃ dāpesi. Rājā pana luddho hoti, so lobhapakatitāya evaṃ cintesi ‘‘ayaṃ agghāpaniko evaṃ agghāpento na cirasseva mama gehe dhanaṃ parikkhayaṃ gamessati, aññaṃ agghāpanikaṃ karissāmī’’ti. So sīhapañjaraṃ ugghāṭetvā rājaṅgaṇaṃ olokento ekaṃ gāmikamanussaṃ lolabālaṃ rājaṅgaṇena gacchantaṃ disvā ‘‘esa mayhaṃ agghāpanikakammaṃ kātuṃ sakkhissatī’’ti taṃ pakkosāpetvā ‘‘sakkhissasi, bhaṇe, amhākaṃ agghāpanikakammaṃ kātu’’nti āha. Sakkhissāmi, devāti. Rājā attano dhanarakkhaṇatthāya taṃ bālaṃ agghāpanikakamme ṭhapesi. Tato paṭṭhāya so bālo hatthiassādīni agghāpento agghaṃ hāpetvā yathāruciyā katheti. Tassa ṭhānantare ṭhitattā yaṃ so katheti, tameva mūlaṃ hoti.

    ตสฺมิํ กาเล อุตฺตราปถโต เอโก อสฺสวาณิโช ปญฺจ อสฺสสตานิ อาเนสิฯ ราชา ตํ ปุริสํ ปโกฺกสาเปตฺวา อเสฺส อคฺฆาเปสิฯ โส ปญฺจนฺนํ อสฺสสตานํ เอกํ ตณฺฑุลนาฬิกํ อคฺฆมกาสิฯ กตฺวา จ ปน ‘‘อสฺสวาณิชสฺส เอกํ ตณฺฑุลนาฬิกํ เทถา’’ติ วตฺวา อเสฺส อสฺสสาลายํ สณฺฐาเปสิฯ อสฺสวาณิโช โปราณอคฺฆาปนิกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ ปวตฺติํ อาโรเจตฺวา ‘‘อิทานิ กิํ กตฺตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิฯ โส อาห ‘‘ตสฺส ปุริสสฺส ลญฺชํ ทตฺวา เอวํ ปุจฺฉถ ‘อมฺหากํ ตาว อสฺสา เอกํ ตณฺฑุลนาฬิกํ อคฺฆนฺตีติ ญาตเมตํ, ตุเมฺห ปน นิสฺสาย ตณฺฑุลนาฬิยา อคฺฆํ ชานิตุกามมฺหา, สกฺขิสฺสถ โน รโญฺญ สนฺติเก ฐตฺวา สา ตณฺฑุลนาฬิกา อิทํ นาม อคฺฆตีติ วตฺตุ’นฺติ, สเจ สโกฺกมีติ วทติ, ตํ คเหตฺวา รโญฺญ สนฺติกํ คจฺฉถ, อหมฺปิ ตตฺถ อาคมิสฺสามี’’ติฯ

    Tasmiṃ kāle uttarāpathato eko assavāṇijo pañca assasatāni ānesi. Rājā taṃ purisaṃ pakkosāpetvā asse agghāpesi. So pañcannaṃ assasatānaṃ ekaṃ taṇḍulanāḷikaṃ agghamakāsi. Katvā ca pana ‘‘assavāṇijassa ekaṃ taṇḍulanāḷikaṃ dethā’’ti vatvā asse assasālāyaṃ saṇṭhāpesi. Assavāṇijo porāṇaagghāpanikassa santikaṃ gantvā taṃ pavattiṃ ārocetvā ‘‘idāni kiṃ kattabba’’nti pucchi. So āha ‘‘tassa purisassa lañjaṃ datvā evaṃ pucchatha ‘amhākaṃ tāva assā ekaṃ taṇḍulanāḷikaṃ agghantīti ñātametaṃ, tumhe pana nissāya taṇḍulanāḷiyā agghaṃ jānitukāmamhā, sakkhissatha no rañño santike ṭhatvā sā taṇḍulanāḷikā idaṃ nāma agghatīti vattu’nti, sace sakkomīti vadati, taṃ gahetvā rañño santikaṃ gacchatha, ahampi tattha āgamissāmī’’ti.

    อสฺสวาณิโช ‘‘สาธู’’ติ โพธิสตฺตสฺส วจนํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา อคฺฆาปนิกสฺส ลญฺชํ ทตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิฯ โส ลญฺชํ ลภิตฺวาว ‘‘สกฺขิสฺสามิ ตณฺฑุลนาฬิํ อคฺฆาเปตุ’’นฺติฯ ‘‘เตน หิ คจฺฉาม ราชกุล’’นฺติ ตํ อาทาย รโญฺญ สนฺติกํ อคมาสิฯ โพธิสโตฺตปิ อเญฺญปิ พหู อมจฺจา อคมิํสุฯ อสฺสวาณิโช ราชานํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘เทว, ปญฺจนฺนํ อสฺสสตานํ เอกํ ตณฺฑุลนาฬิํ อคฺฆนกภาวํ ชานาม, สา ปน ตณฺฑุลนาฬิ กิํ อคฺฆตีติ อคฺฆาปนิกํ ปุจฺฉถ เทวา’’ติฯ ราชา ตํ ปวตฺติํ อชานโนฺต ‘‘อโมฺภ อคฺฆาปนิก, ปญฺจ อสฺสสตานิ กิํ อคฺฆนฺตี’’ติ ปุจฺฉิฯ ตณฺฑุลนาฬิํ, เทวาติฯ ‘‘โหตุ, ภเณ, อสฺสา ตาว ตณฺฑุลนาฬิํ อคฺฆนฺตุฯ สา ปน กิํ อคฺฆติ ตณฺฑุลนาฬิกา’’ติ ปุจฺฉิฯ โส พาลปุริโส ‘‘พาราณสิํ สนฺตรพาหิรํ อคฺฆติ ตณฺฑุลนาฬิกา’’ติ อาหฯ โส กิร ปุเพฺพ ราชานํ อนุวตฺตโนฺต เอกํ ตณฺฑุลนาฬิํ อสฺสานํ อคฺฆมกาสิฯ ปุน วาณิชสฺส หตฺถโต ลญฺชํ ลภิตฺวา ตสฺสา ตณฺฑุลนาฬิกาย พาราณสิํ สนฺตรพาหิรํ อคฺฆมกาสิฯ ตทา ปน พาราณสิยา ปาการปริเกฺขโป ทฺวาทสโยชนิโก โหติฯ อิทมสฺส อนฺตรํ, พาหิรํ ปน ติโยชนสติกํ รฎฺฐํฯ อิติ โส พาโล เอวํ มหนฺตํ พาราณสิํ สนฺตรพาหิรํ ตณฺฑุลนาฬิกาย อคฺฆมกาสิฯ

    Assavāṇijo ‘‘sādhū’’ti bodhisattassa vacanaṃ sampaṭicchitvā agghāpanikassa lañjaṃ datvā tamatthaṃ ārocesi. So lañjaṃ labhitvāva ‘‘sakkhissāmi taṇḍulanāḷiṃ agghāpetu’’nti. ‘‘Tena hi gacchāma rājakula’’nti taṃ ādāya rañño santikaṃ agamāsi. Bodhisattopi aññepi bahū amaccā agamiṃsu. Assavāṇijo rājānaṃ vanditvā āha – ‘‘deva, pañcannaṃ assasatānaṃ ekaṃ taṇḍulanāḷiṃ agghanakabhāvaṃ jānāma, sā pana taṇḍulanāḷi kiṃ agghatīti agghāpanikaṃ pucchatha devā’’ti. Rājā taṃ pavattiṃ ajānanto ‘‘ambho agghāpanika, pañca assasatāni kiṃ agghantī’’ti pucchi. Taṇḍulanāḷiṃ, devāti. ‘‘Hotu, bhaṇe, assā tāva taṇḍulanāḷiṃ agghantu. Sā pana kiṃ agghati taṇḍulanāḷikā’’ti pucchi. So bālapuriso ‘‘bārāṇasiṃ santarabāhiraṃ agghati taṇḍulanāḷikā’’ti āha. So kira pubbe rājānaṃ anuvattanto ekaṃ taṇḍulanāḷiṃ assānaṃ agghamakāsi. Puna vāṇijassa hatthato lañjaṃ labhitvā tassā taṇḍulanāḷikāya bārāṇasiṃ santarabāhiraṃ agghamakāsi. Tadā pana bārāṇasiyā pākāraparikkhepo dvādasayojaniko hoti. Idamassa antaraṃ, bāhiraṃ pana tiyojanasatikaṃ raṭṭhaṃ. Iti so bālo evaṃ mahantaṃ bārāṇasiṃ santarabāhiraṃ taṇḍulanāḷikāya agghamakāsi.

    ตํ สุตฺวา อมจฺจา ปาณิํ ปหริตฺวา หสมานา ‘‘มยํ ปุเพฺพ ปถวิญฺจ รชฺชญฺจ อนคฺฆนฺติ สญฺญิโน อหุมฺห, เอวํ มหนฺตํ กิร สราชกํ พาราณสิรชฺชํ ตณฺฑุลนาฬิมตฺตํ อคฺฆติ, อโห อคฺฆาปนิกสฺส ญาณสมฺปทาฯ กหํ เอตฺตกํ กาลํ อยํ อคฺฆาปนิโก วิหาสิ, อมฺหากํ รโญฺญ เอว อนุจฺฉวิโก’’ติ ปริหาสํ อกํสุ –

    Taṃ sutvā amaccā pāṇiṃ paharitvā hasamānā ‘‘mayaṃ pubbe pathaviñca rajjañca anagghanti saññino ahumha, evaṃ mahantaṃ kira sarājakaṃ bārāṇasirajjaṃ taṇḍulanāḷimattaṃ agghati, aho agghāpanikassa ñāṇasampadā. Kahaṃ ettakaṃ kālaṃ ayaṃ agghāpaniko vihāsi, amhākaṃ rañño eva anucchaviko’’ti parihāsaṃ akaṃsu –

    .

    5.

    ‘‘กิมคฺฆติ ตณฺฑุลนาฬิกายํ, อสฺสาน มูลาย วเทหิ ราช;

    ‘‘Kimagghati taṇḍulanāḷikāyaṃ, assāna mūlāya vadehi rāja;

    พาราณสิํ สนฺตรพาหิรํ, อยมคฺฆติ ตณฺฑุลนาฬิกา’’ติฯ

    Bārāṇasiṃ santarabāhiraṃ, ayamagghati taṇḍulanāḷikā’’ti.

    ตสฺมิํ กาเล ราชา ลชฺชิโต ตํ พาลํ นิกฺกฑฺฒาเปตฺวา โพธิสตฺตเสฺสว อคฺฆาปนิกฎฺฐานํ อทาสิฯ โพธิสโตฺตปิ ยถากมฺมํ คโตฯ

    Tasmiṃ kāle rājā lajjito taṃ bālaṃ nikkaḍḍhāpetvā bodhisattasseva agghāpanikaṭṭhānaṃ adāsi. Bodhisattopi yathākammaṃ gato.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา เทฺว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา คามิกพาลอคฺฆาปนิโก ลาลุทายี อโหสิ, ปณฺฑิตอคฺฆาปนิโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā dve vatthūni kathetvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi ‘‘tadā gāmikabālaagghāpaniko lāludāyī ahosi, paṇḍitaagghāpaniko pana ahameva ahosi’’nti desanaṃ niṭṭhāpesi.

    ตณฺฑุลนาฬิชาตกวณฺณนา ปญฺจมาฯ

    Taṇḍulanāḷijātakavaṇṇanā pañcamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕. ตณฺฑุลนาฬิชาตกํ • 5. Taṇḍulanāḷijātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact