Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๓. ตณฺหามูลกสุตฺตวณฺณนา
3. Taṇhāmūlakasuttavaṇṇanā
๒๓. ตติเย (ที. นิ. ฎี. ๒.๑๐๓) เอสนตณฺหาติ โภคานํ ปริเยสนวเสน ปวตฺตา ตณฺหาฯ เอสิตตณฺหาติ ปริยิเฎฺฐสุ โภเคสุ อุปฺปชฺชมานตณฺหาฯ ปริตสฺสนวเสน ปริเยสติ เอตายาติ ปริเยสนา, อาสยโต ปโยคโต จ ปริเยสนา ตถาปวโตฺต จิตฺตุปฺปาโทฯ เตนาห ‘‘ตณฺหาย สติ โหตี’’ติฯ รูปาทิอารมฺมณปฺปฎิลาโภติ สวตฺถุกานํ รูปาทิอารมฺมณานํ คเวสนวเสน ปฎิลาโภฯ ยํ ปน อปริยิฎฺฐํเยว ลพฺภติ, ตมฺปิ อตฺถโต ปริเยสนาย ลทฺธเมว นาม ตถารูปสฺส กมฺมสฺส ปุเพฺพกตตฺตา เอว ลพฺภนโตฯ เตนาห ‘‘โส หิ ปริเยสนาย สติ โหตี’’ติฯ
23. Tatiye (dī. ni. ṭī. 2.103) esanataṇhāti bhogānaṃ pariyesanavasena pavattā taṇhā. Esitataṇhāti pariyiṭṭhesu bhogesu uppajjamānataṇhā. Paritassanavasena pariyesati etāyāti pariyesanā, āsayato payogato ca pariyesanā tathāpavatto cittuppādo. Tenāha ‘‘taṇhāya sati hotī’’ti. Rūpādiārammaṇappaṭilābhoti savatthukānaṃ rūpādiārammaṇānaṃ gavesanavasena paṭilābho. Yaṃ pana apariyiṭṭhaṃyeva labbhati, tampi atthato pariyesanāya laddhameva nāma tathārūpassa kammassa pubbekatattā eva labbhanato. Tenāha ‘‘so hi pariyesanāya sati hotī’’ti.
สุขวินิจฺฉยนฺติ สุขํ วิเสสโต นิจฺฉิโนตีติ สุขวินิจฺฉโยฯ สุขํ สภาวโต สมุทยโต อตฺถงฺคมโต อาทีนวโต นิสฺสรณโต จ ยาถาวโต ชานิตฺวา ปวตฺตญาณํว สุขวินิจฺฉยํฯ ชญฺญาติ ชาเนยฺยฯ ‘‘สุภํ สุข’’นฺติอาทิกํ อารมฺมเณ อภูตาการํ วิวิธํ นินฺนภาเวน จิโนติ อาโรเปตีติ วินิจฺฉโย, อสฺสาทานุปสฺสนา ตณฺหาฯ ทิฎฺฐิยาปิ เอวเมว วินิจฺฉยภาโว เวทิตโพฺพฯ อิมสฺมิํ ปน สุเตฺต วิตโกฺกเยว อาคโตติ โยชนาฯ อิมสฺมิํ ปน สุเตฺตติ สกฺกปญฺหสุเตฺต (ที. นิ. ๒.๓๕๘)ฯ ตตฺถ หิ ‘‘ฉโนฺท โข, เทวานมินฺท, วิตกฺกนิทาโน’’ติ อาคตํฯ อิธาติ อิมสฺมิํ สุเตฺตฯ วิตเกฺกเนว วินิจฺฉินนฺตีติ เอเตน ‘‘วินิจฺฉินติ เอเตนาติ วินิจฺฉโย’’ติ วินิจฺฉยสทฺทสฺส กรณสาธนมาหฯ เอตฺตกนฺติอาทิ วินิจฺฉยนาการทสฺสนํฯ
Sukhavinicchayanti sukhaṃ visesato nicchinotīti sukhavinicchayo. Sukhaṃ sabhāvato samudayato atthaṅgamato ādīnavato nissaraṇato ca yāthāvato jānitvā pavattañāṇaṃva sukhavinicchayaṃ. Jaññāti jāneyya. ‘‘Subhaṃ sukha’’ntiādikaṃ ārammaṇe abhūtākāraṃ vividhaṃ ninnabhāvena cinoti āropetīti vinicchayo, assādānupassanā taṇhā. Diṭṭhiyāpi evameva vinicchayabhāvo veditabbo. Imasmiṃ pana sutte vitakkoyeva āgatoti yojanā. Imasmiṃ pana sutteti sakkapañhasutte (dī. ni. 2.358). Tattha hi ‘‘chando kho, devānaminda, vitakkanidāno’’ti āgataṃ. Idhāti imasmiṃ sutte. Vitakkeneva vinicchinantīti etena ‘‘vinicchinati etenāti vinicchayo’’ti vinicchayasaddassa karaṇasādhanamāha. Ettakantiādi vinicchayanākāradassanaṃ.
ฉนฺทนเฎฺฐน ฉโนฺท, เอวํ รญฺชนเฎฺฐน ราโคติ ฉนฺทราโคฯ สฺวายํ อนาเสวนตาย มโนฺท หุตฺวา ปวโตฺต อิธาธิเปฺปโตติ อาห ‘‘ทุพฺพลราคสฺสาธิวจน’’นฺติฯ อโชฺฌสานนฺติ ตณฺหาทิฎฺฐิวเสน อภินิเวสนํฯ ‘‘มยฺหํ อิท’’นฺติ หิ ตณฺหาคาโห เยภุเยฺยน อตฺตคฺคาหสนฺนิสฺสโยว โหติฯ เตนาห ‘‘อหํ มมนฺตี’’ติฯ พลวสนฺนิฎฺฐานนฺติ จ เตสํ คาหานํ ถิรภาวปฺปตฺติมาหฯ ตณฺหาทิฎฺฐิวเสน ปริคฺคหกรณนฺติ อหํ มมนฺติ พลวสนฺนิฎฺฐานวเสน อภินิวิฎฺฐสฺส อตฺตตฺตนิยคฺคาหวตฺถุโน อญฺญาสาธารณํ วิย กตฺวา ปริคฺคเหตฺวา ฐานํ, ตถาปวโตฺต โลภสหคตจิตฺตุปฺปาโทฯ อตฺตนา ปริคฺคหิตสฺส วตฺถุโน ยสฺส วเสน ปเรหิ สาธารณภาวสฺส อสหมาโน โหติ ปุคฺคโล, โส ธโมฺม อสหนตาฯ เอวํ วจนตฺถํ วทนฺติ นิรุตฺตินเยนฯ สทฺทลกฺขเณน ปน ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน มจฺฉริยโยคโต ปุคฺคโล มจฺฉโร , ตสฺส ภาโว, กมฺมํ วา มจฺฉริยํ, มจฺฉโร ธโมฺมฯ มจฺฉริยสฺส พลวภาวโต อาทเรน รกฺขณํ อารโกฺขติ อาห ‘‘ทฺวาร…เป.… สุฎฺฐุ รกฺขณ’’นฺติฯ
Chandanaṭṭhena chando, evaṃ rañjanaṭṭhena rāgoti chandarāgo. Svāyaṃ anāsevanatāya mando hutvā pavatto idhādhippetoti āha ‘‘dubbalarāgassādhivacana’’nti. Ajjhosānanti taṇhādiṭṭhivasena abhinivesanaṃ. ‘‘Mayhaṃ ida’’nti hi taṇhāgāho yebhuyyena attaggāhasannissayova hoti. Tenāha ‘‘ahaṃ mamantī’’ti. Balavasanniṭṭhānanti ca tesaṃ gāhānaṃ thirabhāvappattimāha. Taṇhādiṭṭhivasena pariggahakaraṇanti ahaṃ mamanti balavasanniṭṭhānavasena abhiniviṭṭhassa attattaniyaggāhavatthuno aññāsādhāraṇaṃ viya katvā pariggahetvā ṭhānaṃ, tathāpavatto lobhasahagatacittuppādo. Attanā pariggahitassa vatthuno yassa vasena parehi sādhāraṇabhāvassa asahamāno hoti puggalo, so dhammo asahanatā. Evaṃ vacanatthaṃ vadanti niruttinayena. Saddalakkhaṇena pana yassa dhammassa vasena macchariyayogato puggalo maccharo , tassa bhāvo, kammaṃ vā macchariyaṃ, maccharo dhammo. Macchariyassa balavabhāvato ādarena rakkhaṇaṃ ārakkhoti āha ‘‘dvāra…pe… suṭṭhu rakkhaṇa’’nti.
อตฺตโน ผลํ กโรตีติ กรณํ, ยํ กิญฺจิ การณํฯ อธิกํ กรณนฺติ อธิกรณํ, วิเสสการณํฯ วิเสสการณญฺจ โภคานํ อารกฺขทณฺฑาทานาทิอนตฺถสมฺภวสฺสาติ วุตฺตํ ‘‘อารกฺขาธิกรณ’’นฺติอาทิฯ ปรนิเสธนตฺถนฺติ มารณาทินา ปเรสํ วิพาธนตฺถํฯ อาทิยนฺติ เอเตนาติ อาทานํ, ทณฺฑสฺส อาทานํ ทณฺฑาทานํ, ทณฺฑํ อาหริตฺวา ปรวิเหฐนจิตฺตุปฺปาโทฯ สตฺถาทาเนปิ เอเสว นโยฯ หตฺถปรามาสาทิวเสน กาเยน กาตโพฺพ กลโห กายกลโหฯ มมฺมฆฎฺฎนาทิวเสน วาจาย กาตโพฺพ กลโห วาจากลโหฯ วิรุชฺฌนวเสน วิรูปํ คณฺหาติ เอเตนาติ วิคฺคโหฯ วิรุทฺธํ วทติ เอเตนาติ วิวาโทฯ ‘‘ตุวํ ตุว’’นฺติ อคารววจนสหจรณโต ตุวํตุวํฯ สเพฺพปิ เต ตถาปวตฺตโทสสหคตา จิตฺตุปฺปาทา เวทิตพฺพาฯ เตนาห ภควา ‘‘อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺตี’’ติฯ
Attano phalaṃ karotīti karaṇaṃ, yaṃ kiñci kāraṇaṃ. Adhikaṃ karaṇanti adhikaraṇaṃ, visesakāraṇaṃ. Visesakāraṇañca bhogānaṃ ārakkhadaṇḍādānādianatthasambhavassāti vuttaṃ ‘‘ārakkhādhikaraṇa’’ntiādi. Paranisedhanatthanti māraṇādinā paresaṃ vibādhanatthaṃ. Ādiyanti etenāti ādānaṃ, daṇḍassa ādānaṃ daṇḍādānaṃ, daṇḍaṃ āharitvā paraviheṭhanacittuppādo. Satthādānepi eseva nayo. Hatthaparāmāsādivasena kāyena kātabbo kalaho kāyakalaho. Mammaghaṭṭanādivasena vācāya kātabbo kalaho vācākalaho. Virujjhanavasena virūpaṃ gaṇhāti etenāti viggaho. Viruddhaṃ vadati etenāti vivādo. ‘‘Tuvaṃ tuva’’nti agāravavacanasahacaraṇato tuvaṃtuvaṃ. Sabbepi te tathāpavattadosasahagatā cittuppādā veditabbā. Tenāha bhagavā ‘‘aneke pāpakā akusalā dhammā sambhavantī’’ti.
ตณฺหามูลกสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Taṇhāmūlakasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๓. ตณฺหามูลกสุตฺตํ • 3. Taṇhāmūlakasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๓. ตณฺหามูลกสุตฺตวณฺณนา • 3. Taṇhāmūlakasuttavaṇṇanā