Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๙-๑๐. ตณฺหาสุตฺตาทิวณฺณนา
9-10. Taṇhāsuttādivaṇṇanā
๑๙๙-๒๐๐. นวเม ตโย ภเว อโชฺฌตฺถริตฺวา ฐิตํ ‘‘อชฺฌตฺติกสฺส อุปาทาย อฎฺฐารส ตณฺหาวิจริตานี’’ติอาทินา วุตฺตํ ตํ ตํ อตฺตโน โกฎฺฐาสภูตํ ชาลเมติสฺสา อตฺถีติ ชาลินีฯ เตนาห ‘‘ตโย วา ภเว’’ติอาทิฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ภเว, อารมฺมเณ วาฯ อปิจาติอาทินา นิเทฺทสนเยน วิสตฺติกาปทสฺส อตฺถํ ทเสฺสโนฺต นิเทฺทสปาฬิยา เอกเทสํ ทเสฺสติ ‘‘วิสมูลา’’ติอาทินาฯ อยเญฺหตฺถ นิเทฺทสปาฬิ (มหานิ. ๓; จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิเทฺทโส ๒๒, ขคฺควิสาณสุตฺตนิเทฺทโส ๑๒๔) –
199-200. Navame tayo bhave ajjhottharitvā ṭhitaṃ ‘‘ajjhattikassa upādāya aṭṭhārasa taṇhāvicaritānī’’tiādinā vuttaṃ taṃ taṃ attano koṭṭhāsabhūtaṃ jālametissā atthīti jālinī. Tenāha ‘‘tayo vā bhave’’tiādi. Tattha tatthāti tasmiṃ tasmiṃ bhave, ārammaṇe vā. Apicātiādinā niddesanayena visattikāpadassa atthaṃ dassento niddesapāḷiyā ekadesaṃ dasseti ‘‘visamūlā’’tiādinā. Ayañhettha niddesapāḷi (mahāni. 3; cūḷani. mettagūmāṇavapucchāniddeso 22, khaggavisāṇasuttaniddeso 124) –
‘‘วิสตฺติกาติ เกนเฎฺฐน วิสตฺติกา? วิสตาติ วิสตฺติกา, วิสฎาติ วิสตฺติกา, วิสาลาติ วิสตฺติกา, วิสกฺกตีติ วิสตฺติกา, วิสํหรตีติ วิสตฺติกา, วิสํวาทิกาติ วิสตฺติกา, วิสมูลาติ วิสตฺติกา, วิสผลาติ วิสตฺติกา ฯ วิสปริโภคาติ วิสตฺติกาฯ วิสาลา วา ปน สา ตณฺหา รูเป สเทฺท คเนฺธ รเส โผฎฺฐเพฺพ กุเล คเณ อาวาเส ลาเภ ยเส ปสํสาย สุเข จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเร กามธาตุยา รูปธาตุยา อรูปธาตุยา กามภเว รูปภเว อรูปภเว สญฺญิภเว อสญฺญิภเว เนวสญฺญินาสญฺญิภเว เอกโวการภเว จตุโวการภเว ปญฺจโวการภเว อตีเต อนาคเต ปจฺจุปฺปเนฺน ทิฎฺฐสุตมุตวิญฺญาตเพฺพสุ วิสฎา วิตฺถตาติ วิสตฺติกา’’ติฯ
‘‘Visattikāti kenaṭṭhena visattikā? Visatāti visattikā, visaṭāti visattikā, visālāti visattikā, visakkatīti visattikā, visaṃharatīti visattikā, visaṃvādikāti visattikā, visamūlāti visattikā, visaphalāti visattikā . Visaparibhogāti visattikā. Visālā vā pana sā taṇhā rūpe sadde gandhe rase phoṭṭhabbe kule gaṇe āvāse lābhe yase pasaṃsāya sukhe cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhāre kāmadhātuyā rūpadhātuyā arūpadhātuyā kāmabhave rūpabhave arūpabhave saññibhave asaññibhave nevasaññināsaññibhave ekavokārabhave catuvokārabhave pañcavokārabhave atīte anāgate paccuppanne diṭṭhasutamutaviññātabbesu visaṭā vitthatāti visattikā’’ti.
ตตฺถ (มหานิ. อฎฺฐ. ๓; สํ. นิ. ฎี. ๑.๑.๑ โอฆตรณสุตฺตวณฺณนา) วิสตาติ วิตฺถตา รูปาทีสุ เตภูมกธมฺมพฺยาปนวเสนฯ วิสฎาติ ปุริมวจนเมว ต-การสฺส ฎ-การํ กตฺวา วุตฺตํฯ วิสาลาติ วิปุลาฯ วิสกฺกตีติ ปริสหติฯ รโตฺต หิ ราควตฺถุนา ปเรน ตาฬิยมาโนปิ สหติ, วิปฺผนฺทนํ วา ‘‘วิสกฺกน’’นฺติ วทนฺติฯ วิสํหรตีติ ตถา ตถา กาเมสุ อานิสํสํ ทเสฺสนฺตี วิวิเธหิ อากาเรหิ เนกฺขมฺมาภิมุขปฺปวตฺติโต จิตฺตํ สํหรติ สํขิปติฯ วิสํ วา ทุกฺขํ, ตํ หรติ อุปเนตีติ อโตฺถฯ อนิจฺจาทิํ นิจฺจาทิโต คณฺหนฺตี วิสํวาทิกา โหติฯ ทุกฺขนิพฺพตฺตกสฺส กมฺมสฺส เหตุภาวโต วิสมูลา, วิสํ วา ทุกฺขทุกฺขาทิภูตา เวทนา มูลํ เอติสฺสาติ วิสมูลาฯ ทุกฺขสมุทยตฺตา วิสํ ผลํ เอติสฺสาติ วิสผลาฯ ตณฺหาย รูปาทิกสฺส ทุกฺขสฺส ปริโภโค โหติ, น อมตสฺสาติ สา วิสปริโภคา วุตฺตาฯ สพฺพตฺถ นิรุตฺติวเสน ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ โย ปเนตฺถ ปธาโน อโตฺถ, ตํ ทเสฺสตุํ ปุน ‘‘วิสฎา วา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Tattha (mahāni. aṭṭha. 3; saṃ. ni. ṭī. 1.1.1 oghataraṇasuttavaṇṇanā) visatāti vitthatā rūpādīsu tebhūmakadhammabyāpanavasena. Visaṭāti purimavacanameva ta-kārassa ṭa-kāraṃ katvā vuttaṃ. Visālāti vipulā. Visakkatīti parisahati. Ratto hi rāgavatthunā parena tāḷiyamānopi sahati, vipphandanaṃ vā ‘‘visakkana’’nti vadanti. Visaṃharatīti tathā tathā kāmesu ānisaṃsaṃ dassentī vividhehi ākārehi nekkhammābhimukhappavattito cittaṃ saṃharati saṃkhipati. Visaṃ vā dukkhaṃ, taṃ harati upanetīti attho. Aniccādiṃ niccādito gaṇhantī visaṃvādikā hoti. Dukkhanibbattakassa kammassa hetubhāvato visamūlā, visaṃ vā dukkhadukkhādibhūtā vedanā mūlaṃ etissāti visamūlā. Dukkhasamudayattā visaṃ phalaṃ etissāti visaphalā. Taṇhāya rūpādikassa dukkhassa paribhogo hoti, na amatassāti sā visaparibhogā vuttā. Sabbattha niruttivasena padasiddhi veditabbā. Yo panettha padhāno attho, taṃ dassetuṃ puna ‘‘visaṭā vā panā’’tiādi vuttaṃ.
ตนฺตํ วุจฺจติ (ที. นิ. ฎี. ๒.๙๕ อปสาทนาวณฺณนา; สํ. นิ. ฎี. ๒.๒.๖๐) วตฺถวินนตฺถํ ตนฺตวาเยหิ ทณฺฑเก อาสญฺจิตฺวา ปสาริตสุตฺตวฎฺฎิ ‘‘ตนียตี’’ติ กตฺวา, ตํ ปน สุตฺตํ สนฺตานากุลตาย นิทสฺสนภาเวน อากุลเมว คหิตนฺติ อาห ‘‘ตนฺตํ วิย อากุลชาโต’’ติฯ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สมาเนตุนฺติ ปุเพฺพนาปรํ สมํ กตฺวา อาเนตุํ, อวิสมํ อุชุํ กาตุนฺติ อโตฺถฯ ตนฺตเมว วา อากุลํ ตนฺตากุลํ, ตนฺตากุลํ วิย ชาโต ภูโตติ ตนฺตากุลกชาโตฯ วินนโต คุลาติ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนามสฺส ตนฺตวายสฺส คุณฺฐิกํ นาม อากุลภาเวน อคฺคโต วา มูลโต วา ทุวิเญฺญยฺยเมว ขลิพทฺธตนฺตสุตฺตนฺติ อาห ‘‘คุลาคุณฺฐิกํ วุจฺจติ เปสการกญฺชิยสุตฺต’’นฺติฯ
Tantaṃ vuccati (dī. ni. ṭī. 2.95 apasādanāvaṇṇanā; saṃ. ni. ṭī. 2.2.60) vatthavinanatthaṃ tantavāyehi daṇḍake āsañcitvā pasāritasuttavaṭṭi ‘‘tanīyatī’’ti katvā, taṃ pana suttaṃ santānākulatāya nidassanabhāvena ākulameva gahitanti āha ‘‘tantaṃ viya ākulajāto’’ti. Saṅkhepato vuttamatthaṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘yathā nāmā’’tiādi vuttaṃ. Samānetunti pubbenāparaṃ samaṃ katvā ānetuṃ, avisamaṃ ujuṃ kātunti attho. Tantameva vā ākulaṃ tantākulaṃ, tantākulaṃ viya jāto bhūtoti tantākulakajāto. Vinanato gulāti itthiliṅgavasena laddhanāmassa tantavāyassa guṇṭhikaṃ nāma ākulabhāvena aggato vā mūlato vā duviññeyyameva khalibaddhatantasuttanti āha ‘‘gulāguṇṭhikaṃ vuccati pesakārakañjiyasutta’’nti.
สกุณิกาติ ปฎปทสกุณิกาฯ สา หิ รุกฺขสาขาสุ โอลมฺพนกุฎวา โหติฯ ตญฺหิ สา กุฎวํ ตโต ตโต ติณหีราทิเก อาเนตฺวา ตถา วินติ, ยถา เต เปสการกญฺชิยสุตฺตํ วิย อเคฺคน วา อคฺคํ, มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ วิเวเจตุํ วา น สกฺกาฯ เตนาห ‘‘ยถา’’ติอาทิฯ ตทุภยมฺปิ ‘‘คุลาคุณฺฐิก’’นฺติ วุตฺตํ กญฺชิยสุตฺตํ กุลาวกญฺจฯ ปุริมนเยเนวาติ ‘‘เอวเมว สตฺตา’’ติอาทินา วุตฺตนเยเนวฯ กามํ มุญฺชปพฺพชติณานิ ยถาชาตานิปิ ทีฆภาเวน ปติตฺวา อรญฺญฎฺฐาเน อญฺญมญฺญํ วินนฺธิตฺวา อากุลพฺยากุลานิ หุตฺวา ติฎฺฐนฺติ, ตานิ ปน น ตถา ทุพฺพิเวจิยานิ ยถา รชฺชุภูตานีติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา ตานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เสสเมตฺถ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ
Sakuṇikāti paṭapadasakuṇikā. Sā hi rukkhasākhāsu olambanakuṭavā hoti. Tañhi sā kuṭavaṃ tato tato tiṇahīrādike ānetvā tathā vinati, yathā te pesakārakañjiyasuttaṃ viya aggena vā aggaṃ, mūlena vā mūlaṃ samānetuṃ vivecetuṃ vā na sakkā. Tenāha ‘‘yathā’’tiādi. Tadubhayampi ‘‘gulāguṇṭhika’’nti vuttaṃ kañjiyasuttaṃ kulāvakañca. Purimanayenevāti ‘‘evameva sattā’’tiādinā vuttanayeneva. Kāmaṃ muñjapabbajatiṇāni yathājātānipi dīghabhāvena patitvā araññaṭṭhāne aññamaññaṃ vinandhitvā ākulabyākulāni hutvā tiṭṭhanti, tāni pana na tathā dubbiveciyāni yathā rajjubhūtānīti dassetuṃ ‘‘yathā tānī’’tiādi vuttaṃ. Sesamettha heṭṭhā vuttanayameva.
อปายาติ อวฑฺฒิกา, สุเขน, สุขเหตุนา วา วิรหิตาติ อโตฺถฯ ทุกฺขสฺส คติภาวโตติ อาปายิกสฺส ทุกฺขสฺส ปวตฺติฎฺฐานภาวโตฯ สุขสมุสฺสยโตติ อพฺภุทยโตฯ วินิปติตตฺตาติ วิรูปํ นิปาตตฺตา, ยถา เตนตฺตภาเวน สุขสมุสฺสโย น โหติ, เอวํ นิปติตตฺตาฯ อิตโรติ สํสาโรฯ นนุ ‘‘อปาย’’นฺติอาทินา วุโตฺตปิ สํสาโร เอวาติ? สจฺจเมตํ, นิรยาทีนํ ปน อธิมตฺตทุกฺขภาวทสฺสนตฺถํ อปายาทิคฺคหณํฯ โคพลีพทฺทญาเยนายมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Apāyāti avaḍḍhikā, sukhena, sukhahetunā vā virahitāti attho. Dukkhassa gatibhāvatoti āpāyikassa dukkhassa pavattiṭṭhānabhāvato. Sukhasamussayatoti abbhudayato. Vinipatitattāti virūpaṃ nipātattā, yathā tenattabhāvena sukhasamussayo na hoti, evaṃ nipatitattā. Itaroti saṃsāro. Nanu ‘‘apāya’’ntiādinā vuttopi saṃsāro evāti? Saccametaṃ, nirayādīnaṃ pana adhimattadukkhabhāvadassanatthaṃ apāyādiggahaṇaṃ. Gobalībaddañāyenāyamattho veditabbo.
ขนฺธานญฺจ ปฎิปาฎีติ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ เหตุผลภาเวน อปราปรปฺปวตฺติฯ อโพฺพจฺฉินฺนํ วตฺตมานาติ อวิเจฺฉเทน วตฺตมานาฯ ตํ สพฺพมฺปีติ ตํ ‘‘อปาย’’นฺติอาทินา วุตฺตํ สพฺพํ อปายทุกฺขญฺจ วฎฺฎทุกฺขญฺจฯ มหาสมุเทฺท วาตกฺขิตฺตา นาวา วิยาติ อิทํ ปริพฺภมนฎฺฐานสฺส มหนฺตทสฺสนตฺถเญฺจว ปริพฺภมนสฺส อนวฎฺฐิตตาทสฺสนตฺถญฺจ อุปมาฯ ยเนฺต ยุตฺตโคโณ วิยาติ อิทํ ปน อวสีภาวทสฺสนตฺถเญฺจว ทุปฺปโมกฺขภาวทสฺสนตฺถญฺจาติ เวทิตพฺพํฯ
Khandhānañca paṭipāṭīti pañcannaṃ khandhānaṃ hetuphalabhāvena aparāparappavatti. Abbocchinnaṃ vattamānāti avicchedena vattamānā. Taṃ sabbampīti taṃ ‘‘apāya’’ntiādinā vuttaṃ sabbaṃ apāyadukkhañca vaṭṭadukkhañca. Mahāsamudde vātakkhittā nāvā viyāti idaṃ paribbhamanaṭṭhānassa mahantadassanatthañceva paribbhamanassa anavaṭṭhitatādassanatthañca upamā. Yante yuttagoṇo viyāti idaṃ pana avasībhāvadassanatthañceva duppamokkhabhāvadassanatthañcāti veditabbaṃ.
‘‘สมูหคฺคาโหติ ตณฺหามานทิฎฺฐีนํ สาธารณคฺคาโห’’ติ วทนฺติ, ‘‘อิตฺถํ เอวํ อญฺญถา’’ติ ปน วิเสสํ อกตฺวา คหณํ สมูหคฺคาโหติ ทฎฺฐโพฺพฯ วิเสสํ อกตฺวาติ จ อนุปนิธานํ สมโต อสมโต จ อุปนิธานนฺติ อิมํ วิภาคํ อกตฺวาติ อโตฺถฯ อิตฺถนฺติ หิ อนุปนิธานํ กถิตํฯ เอวํ อญฺญถาติ ปน สมโต อสมโต จ อุปนิธานํฯ อญฺญํ อาการนฺติ ปรสนฺตานคตํ อาการํฯ
‘‘Samūhaggāhoti taṇhāmānadiṭṭhīnaṃ sādhāraṇaggāho’’ti vadanti, ‘‘itthaṃ evaṃ aññathā’’ti pana visesaṃ akatvā gahaṇaṃ samūhaggāhoti daṭṭhabbo. Visesaṃ akatvāti ca anupanidhānaṃ samato asamato ca upanidhānanti imaṃ vibhāgaṃ akatvāti attho. Itthanti hi anupanidhānaṃ kathitaṃ. Evaṃ aññathāti pana samato asamato ca upanidhānaṃ. Aññaṃ ākāranti parasantānagataṃ ākāraṃ.
อตฺถีติ สทา สํวิชฺชตีติ อโตฺถฯ สีทตีติ นสฺสติฯ สํสยปริวิตกฺกวเสนาติ ‘‘กิํ นุ โข อหํ สิยํ, น สิย’’นฺติ เอวํ ปริวิตกฺกวเสนฯ ปตฺถนากปฺปนวเสนาติ ‘‘อปิ นาม สาธุ ปนาหํ สิย’’นฺติ เอวํ ปตฺถนาย กปฺปนวเสนฯ สุทฺธสีสาติ ตณฺหามานทิฎฺฐีนํ สาธารณา สีสาฯ ‘‘อิตฺถํ เอวํ อญฺญถา’’ติ วุตฺตสฺส วิเสสสฺส อนิสฺสิตตฺตา ‘‘สุทฺธสีสา’’ติ วุตฺตาฯ ตตฺถ ทิฎฺฐิสีเสหิ ทิฎฺฐิยา คหิตาย ตทวินาภาวินี ตณฺหา ทสฺสิตา, จตูหิ สีเสหิ ทฺวาทสหิ จ สีสมูลเกหิ มานทิฎฺฐีหิ อยเมว ตณฺหา ทสฺสิตาติ อาห ‘‘เอวเมเต…เป.… ตณฺหาวิจริตธมฺมา เวทิตพฺพา’’ติฯ นนุ จ มานทิฎฺฐิคฺคาโหปิ อิธาธิเปฺปโต, ยโต ‘‘ตณฺหามานทิฎฺฐิวเสน สมูหคฺคาโห’’ติ อฎฺฐกถายํ วุตฺตํ, ตสฺมา กถํ ตณฺหาวิจริตานีติ อิทํ วจนํ? วุจฺจเต – ทิฎฺฐิมาเนสุปิ ตณฺหาวิจริตานีติ วจนํ อญฺญมญฺญํ วิปฺปโยคีนํ ทิฎฺฐิมานานํ ตณฺหาย อวิปฺปโยคานํ ตํมูลกตฺตา ตปฺปธานตาย กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ทสมํ อุตฺตานเมวฯ
Atthīti sadā saṃvijjatīti attho. Sīdatīti nassati. Saṃsayaparivitakkavasenāti ‘‘kiṃ nu kho ahaṃ siyaṃ, na siya’’nti evaṃ parivitakkavasena. Patthanākappanavasenāti ‘‘api nāma sādhu panāhaṃ siya’’nti evaṃ patthanāya kappanavasena. Suddhasīsāti taṇhāmānadiṭṭhīnaṃ sādhāraṇā sīsā. ‘‘Itthaṃ evaṃ aññathā’’ti vuttassa visesassa anissitattā ‘‘suddhasīsā’’ti vuttā. Tattha diṭṭhisīsehi diṭṭhiyā gahitāya tadavinābhāvinī taṇhā dassitā, catūhi sīsehi dvādasahi ca sīsamūlakehi mānadiṭṭhīhi ayameva taṇhā dassitāti āha ‘‘evamete…pe… taṇhāvicaritadhammā veditabbā’’ti. Nanu ca mānadiṭṭhiggāhopi idhādhippeto, yato ‘‘taṇhāmānadiṭṭhivasena samūhaggāho’’ti aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ, tasmā kathaṃ taṇhāvicaritānīti idaṃ vacanaṃ? Vuccate – diṭṭhimānesupi taṇhāvicaritānīti vacanaṃ aññamaññaṃ vippayogīnaṃ diṭṭhimānānaṃ taṇhāya avippayogānaṃ taṃmūlakattā tappadhānatāya katanti veditabbaṃ. Dasamaṃ uttānameva.
ตณฺหาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Taṇhāsuttādivaṇṇanā niṭṭhitā.
มหาวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mahāvaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
จตุตฺถปณฺณาสกํ นิฎฺฐิตํฯ
Catutthapaṇṇāsakaṃ niṭṭhitaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya
๙. ตณฺหาสุตฺตํ • 9. Taṇhāsuttaṃ
๑๐. เปมสุตฺตํ • 10. Pemasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)
๙. ตณฺหาสุตฺตวณฺณนา • 9. Taṇhāsuttavaṇṇanā
๑๐. เปมสุตฺตวณฺณนา • 10. Pemasuttavaṇṇanā