Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๙. ตณฺหาสุตฺตวณฺณนา
9. Taṇhāsuttavaṇṇanā
๕๘. นวเม ตณฺหายนเฎฺฐน ตณฺหา, รูปาทิวิสยํ ตสตีติ วา ตณฺหาฯ อิทานิ ตํ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘กามตณฺหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปญฺจกามคุณิโก ราโค กามตณฺหาฯ รูปารูปภเวสุ ฉนฺทราโค ฌานนิกนฺติ สสฺสตทิฎฺฐิสหคโต ราโค ภววเสน ปตฺถนา จ ภวตณฺหาฯ อุเจฺฉททิฎฺฐิสหคโต ราโค วิภวตณฺหาฯ อปิจ ปจฺฉิมตณฺหาทฺวยํ ฐเปตฺวา เสสา สพฺพาปิ ตณฺหา กามตณฺหา เอวฯ ยถาห –
58. Navame taṇhāyanaṭṭhena taṇhā, rūpādivisayaṃ tasatīti vā taṇhā. Idāni taṃ vibhajitvā dassetuṃ ‘‘kāmataṇhā’’tiādi vuttaṃ. Tattha pañcakāmaguṇiko rāgo kāmataṇhā. Rūpārūpabhavesu chandarāgo jhānanikanti sassatadiṭṭhisahagato rāgo bhavavasena patthanā ca bhavataṇhā. Ucchedadiṭṭhisahagato rāgo vibhavataṇhā. Apica pacchimataṇhādvayaṃ ṭhapetvā sesā sabbāpi taṇhā kāmataṇhā eva. Yathāha –
‘‘ตตฺถ กตมา ภวตณฺหา? สสฺสตทิฎฺฐิสหคโต ราโค สาราโค จิตฺตสฺส สาราโค – อยํ วุจฺจติ ภวตณฺหาฯ ตตฺถ กตมา วิภวตณฺหา? อุเจฺฉททิฎฺฐิสหคโต ราโค สาราโค จิตฺตสฺส สาราโค, อยํ วุจฺจติ วิภวตณฺหา ฯ อวเสสา ตณฺหา กามตณฺหา’’ติ (วิภ. ๙๑๖)ฯ
‘‘Tattha katamā bhavataṇhā? Sassatadiṭṭhisahagato rāgo sārāgo cittassa sārāgo – ayaṃ vuccati bhavataṇhā. Tattha katamā vibhavataṇhā? Ucchedadiṭṭhisahagato rāgo sārāgo cittassa sārāgo, ayaṃ vuccati vibhavataṇhā . Avasesā taṇhā kāmataṇhā’’ti (vibha. 916).
อิมา จ ติโสฺส ตณฺหา รูปตณฺหา…เป.… ธมฺมตณฺหาติ วิสยเภทโต ปเจฺจกํ ฉพฺพิธาติ กตฺวา อฎฺฐารส โหนฺติฯ ตา อชฺฌตฺตรูปาทีสุ อฎฺฐารส, พหิทฺธารูปาทีสุ อฎฺฐารสาติ ฉตฺติํส, อิติ อตีตา ฉตฺติํส, อนาคตา ฉตฺติํส, ปจฺจุปฺปนฺนา ฉตฺติํสาติ วิภาคโต อฎฺฐสตํ โหนฺติฯ ปุน สงฺคเห กริยมาเน กาลเภทํ อนามสิตฺวา คยฺหมานา ฉตฺติํเสว โหนฺติ, รูปาทีนํ อชฺฌตฺติกพาหิรวิภาเค อกริยมาเน อฎฺฐารเสว, รูปาทิอารมฺมณวิภาคมเตฺต คยฺหมาเน ฉเฬว, อารมฺมณวิภาคมฺปิ อกตฺวา คยฺหมานา ติโสฺสเยว โหนฺตีติฯ
Imā ca tisso taṇhā rūpataṇhā…pe… dhammataṇhāti visayabhedato paccekaṃ chabbidhāti katvā aṭṭhārasa honti. Tā ajjhattarūpādīsu aṭṭhārasa, bahiddhārūpādīsu aṭṭhārasāti chattiṃsa, iti atītā chattiṃsa, anāgatā chattiṃsa, paccuppannā chattiṃsāti vibhāgato aṭṭhasataṃ honti. Puna saṅgahe kariyamāne kālabhedaṃ anāmasitvā gayhamānā chattiṃseva honti, rūpādīnaṃ ajjhattikabāhiravibhāge akariyamāne aṭṭhāraseva, rūpādiārammaṇavibhāgamatte gayhamāne chaḷeva, ārammaṇavibhāgampi akatvā gayhamānā tissoyeva hontīti.
คาถาสุ ตณฺหาโยเคนาติ ตณฺหาสงฺขาเตน โยเคน, กามโยเคน, ภวโยเคน จฯ สํยุตฺตาติ สมฺพนฺธา, ภวาทีสุ สํโยชิตา วาฯ เตเนวาห ‘‘รตฺตจิตฺตา ภวาภเว’’ติฯ ขุทฺทเก เจว มหเนฺต จ ภเว ลคฺคจิตฺตาติ อโตฺถฯ อถ วา ภโวติ สสฺสตทิฎฺฐิ, อภโวติ อุเจฺฉททิฎฺฐิฯ ตสฺมา ภวาภเว สสฺสตุเจฺฉททิฎฺฐีสุ สตฺตวิสตฺตจิตฺตาติฯ เอเตน ภวตณฺหา, วิภวตณฺหา จ ทสฺสิตาฯ อิมสฺมิํ ปเกฺข ‘‘ตณฺหาโยเคนา’’ติ อิมินา กามตณฺหาว ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพาฯ เต โยคยุตฺตา มารสฺสาติ เต เอวํภูตา ปุคฺคลา มารสฺส ปาสสงฺขาเตน โยเคน ยุตฺตา พทฺธาฯ ราโค หิ มารโยโค มารปาโสติ วุจฺจติฯ ยถาห –
Gāthāsu taṇhāyogenāti taṇhāsaṅkhātena yogena, kāmayogena, bhavayogena ca. Saṃyuttāti sambandhā, bhavādīsu saṃyojitā vā. Tenevāha ‘‘rattacittā bhavābhave’’ti. Khuddake ceva mahante ca bhave laggacittāti attho. Atha vā bhavoti sassatadiṭṭhi, abhavoti ucchedadiṭṭhi. Tasmā bhavābhave sassatucchedadiṭṭhīsu sattavisattacittāti. Etena bhavataṇhā, vibhavataṇhā ca dassitā. Imasmiṃ pakkhe ‘‘taṇhāyogenā’’ti iminā kāmataṇhāva dassitāti veditabbā. Te yogayuttā mārassāti te evaṃbhūtā puggalā mārassa pāsasaṅkhātena yogena yuttā baddhā. Rāgo hi mārayogo mārapāsoti vuccati. Yathāha –
‘‘อนฺตลิกฺขจโร ปาโส, ยฺวายํ จรติ มานโส;
‘‘Antalikkhacaro pāso, yvāyaṃ carati mānaso;
เตน ตํ พาธยิสฺสามิ, น เม สมณ โมกฺขสี’’ติฯ (สํ. นิ. ๑.๑๕๑; มหาว. ๓๓);
Tena taṃ bādhayissāmi, na me samaṇa mokkhasī’’ti. (saṃ. ni. 1.151; mahāva. 33);
จตูหิ โยเคหิ อนุปทฺทุตตฺตา โยคเกฺขมํ, นิพฺพานํ อรหตฺตญฺจ, ตสฺส อนธิคเมน อโยคเกฺขมิโนฯ อุปรูปริ กิเลสาภิสงฺขารานํ ชนนโต ชนา, ปาณิโนฯ รูปาทีสุ สตฺตา วิสตฺตาติ สตฺตาฯ
Catūhi yogehi anupaddutattā yogakkhemaṃ, nibbānaṃ arahattañca, tassa anadhigamena ayogakkhemino. Uparūpari kilesābhisaṅkhārānaṃ jananato janā, pāṇino. Rūpādīsu sattā visattāti sattā.
‘‘ขนฺธานญฺจ ปฎิปาฎิ, ธาตุอายตนาน จ;
‘‘Khandhānañca paṭipāṭi, dhātuāyatanāna ca;
อโพฺพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติฯ –
Abbocchinnaṃ vattamānā, saṃsāroti pavuccatī’’ti. –
เอวํ วุตฺตํ ขนฺธาทีนํ อปราปรุปฺปตฺติสงฺขาตํ สํสารํ คจฺฉนฺติ, ตโต น มุจฺจนฺติฯ กสฺมา? ตณฺหาโยคยุตฺตตฺตา ฯ ชาติมรณคามิโน ปุนปฺปุนํ ชนนมรณเสฺสว อุปคมนสีลาติฯ เอตฺตาวตา วฎฺฎํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ วิวฎฺฎํ ทเสฺสตุํ ‘‘เย จ ตณฺหํ ปหนฺตฺวานา’’ติ คาถมาหฯ สา เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา สุวิเญฺญยฺยาวฯ
Evaṃ vuttaṃ khandhādīnaṃ aparāparuppattisaṅkhātaṃ saṃsāraṃ gacchanti, tato na muccanti. Kasmā? Taṇhāyogayuttattā . Jātimaraṇagāmino punappunaṃ jananamaraṇasseva upagamanasīlāti. Ettāvatā vaṭṭaṃ dassetvā idāni vivaṭṭaṃ dassetuṃ ‘‘ye ca taṇhaṃ pahantvānā’’ti gāthamāha. Sā heṭṭhā vuttanayattā suviññeyyāva.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Navamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๙. ตณฺหาสุตฺตํ • 9. Taṇhāsuttaṃ