Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๓. ตปนียสุตฺตวณฺณนา
3. Tapanīyasuttavaṇṇanā
๓. ตติเย ตปนียาติ อิธ เจว สมฺปราเย จ ตปนฺตีติ ตปนียาฯ ตปฺปตีติ จิตฺตสนฺตาเปน ตปฺปติ อนุโสจติ กายทุจฺจริตํ กตฺวา นนฺทยโกฺข วิย นนฺทมาณโว วิย นนฺทโคฆาตโก วิย เทวทโตฺต วิย เทฺวภาติกา วิย จฯ เต กิร คาวํ วธิตฺวา มํสํ เทฺว โกฎฺฐาเส อกํสุฯ ตโต กนิโฎฺฐ เชฎฺฐกํ อาห – ‘‘มยฺหํ ทารกา พหู, อิมานิ เม อนฺตานิ เทหี’’ติฯ อถ นํ โส ‘‘สพฺพํ มํสํ เทฺวธา วิภตฺตํ, ปุน กิํ มคฺคสี’’ติ ปหริตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิฯ นิวตฺติตฺวา จ นํ โอโลเกโนฺต มตํ ทิสฺวา ‘‘ภาริยํ เม กมฺมํ กต’’นฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิฯ อถสฺส พลวโสโก อุปฺปชฺชิฯ โส ฐิตฎฺฐาเนปิ นิสินฺนฎฺฐาเนปิ ตเทว กมฺมํ อาวเชฺชติ, จิตฺตสฺสาทํ น ลภติฯ อสิตปีตขายิตสายิตมฺปิสฺส สรีเร โอชํ น ผรติ, อฎฺฐิจมฺมมตฺตเมว อโหสิฯ อถ นํ เอโก เถโร ทิสฺวา – ‘‘อุปาสก, ตฺวํ ปหูตอนฺนปาโน, อฎฺฐิจมฺมมตฺตเมว เต อวสิฎฺฐํ, อตฺถิ นุ โข เต กิญฺจิ ตปนียกมฺม’’นฺติ? โส ‘‘อาม, ภเนฺต’’ติ สพฺพํ อาโรเจสิฯ อถ นํ เถโร ‘‘ภาริยํ เต อุปาสก กมฺมํ กตํ, อนปราธฎฺฐาเน อปรทฺธ’’นฺติ อาหฯ โส เตเนว กเมฺมน กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพโตฺตฯ วจีทุจฺจริเตน สุปฺปพุทฺธสกฺกโกกาลิกจิญฺจมาณวิกาทโย วิย ตปฺปติฯ เสสเมตฺถ จตุเตฺถ จ อุตฺตานตฺถเมวฯ ตติยํฯ
3. Tatiye tapanīyāti idha ceva samparāye ca tapantīti tapanīyā. Tappatīti cittasantāpena tappati anusocati kāyaduccaritaṃ katvā nandayakkho viya nandamāṇavo viya nandagoghātako viya devadatto viya dvebhātikā viya ca. Te kira gāvaṃ vadhitvā maṃsaṃ dve koṭṭhāse akaṃsu. Tato kaniṭṭho jeṭṭhakaṃ āha – ‘‘mayhaṃ dārakā bahū, imāni me antāni dehī’’ti. Atha naṃ so ‘‘sabbaṃ maṃsaṃ dvedhā vibhattaṃ, puna kiṃ maggasī’’ti paharitvā jīvitakkhayaṃ pāpesi. Nivattitvā ca naṃ olokento mataṃ disvā ‘‘bhāriyaṃ me kammaṃ kata’’nti cittaṃ uppādesi. Athassa balavasoko uppajji. So ṭhitaṭṭhānepi nisinnaṭṭhānepi tadeva kammaṃ āvajjeti, cittassādaṃ na labhati. Asitapītakhāyitasāyitampissa sarīre ojaṃ na pharati, aṭṭhicammamattameva ahosi. Atha naṃ eko thero disvā – ‘‘upāsaka, tvaṃ pahūtaannapāno, aṭṭhicammamattameva te avasiṭṭhaṃ, atthi nu kho te kiñci tapanīyakamma’’nti? So ‘‘āma, bhante’’ti sabbaṃ ārocesi. Atha naṃ thero ‘‘bhāriyaṃ te upāsaka kammaṃ kataṃ, anaparādhaṭṭhāne aparaddha’’nti āha. So teneva kammena kālaṃ katvā niraye nibbatto. Vacīduccaritena suppabuddhasakkakokālikaciñcamāṇavikādayo viya tappati. Sesamettha catutthe ca uttānatthameva. Tatiyaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๓. ตปนียสุตฺตํ • 3. Tapanīyasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๓. ตปนียสุตฺตวณฺณนา • 3. Tapanīyasuttavaṇṇanā