Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā)

    ๔. มารสํยุตฺตํ

    4. Mārasaṃyuttaṃ

    ๑. ปฐมวโคฺค

    1. Paṭhamavaggo

    ๑. ตโปกมฺมสุตฺตวณฺณนา

    1. Tapokammasuttavaṇṇanā

    ๑๓๗. อุรุเวลาย สมีเป คาโม อุรุเวลคาโม, ตํ อุรุเวลคามํ อภิมุขภาเวน สมฺมเทว สพฺพธเมฺม พุชฺฌตีติ อภิสโมฺพธิ, สพฺพญฺญุตญฺญาณํ, เตน สมนฺนาคตตฺตา จ ภควา อภิสมฺพุโทฺธติ วุจฺจติฯ ตสฺส ปญฺจจตฺตาลีสาย วเสฺสสุ อาทิโต ปนฺนรส วสฺสานิ ปฐมโพธิ, อิธ ปน สตฺตาหพฺภนฺตรเมว อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา อโนฺตสตฺตาหสฺมิํ เยวา’’ติฯ อสุขภาเวน อเญฺญหิ กาตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ทุกฺกรํ กโรตีติ ทุกฺกรกาโร, โส เอว อิตฺถิลิงฺควเสน ทุกฺกรการิกาฯ ตาย มุโตฺต วตมฺหีติ จิเนฺตสิฯ ยทิ เอวํ กสฺมา ตํ โลกนาโถ ฉพฺพสฺสานิ สมนุยุญฺชติ? กมฺมปีฬิตวเสนฯ วุตฺตเญฺหตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๙.๙๒-๙๔) –

    137. Uruvelāya samīpe gāmo uruvelagāmo, taṃ uruvelagāmaṃ abhimukhabhāvena sammadeva sabbadhamme bujjhatīti abhisambodhi, sabbaññutaññāṇaṃ, tena samannāgatattā ca bhagavā abhisambuddhoti vuccati. Tassa pañcacattālīsāya vassesu ādito pannarasa vassāni paṭhamabodhi, idha pana sattāhabbhantarameva adhippetanti āha ‘‘abhisambuddho hutvā antosattāhasmiṃ yevā’’ti. Asukhabhāvena aññehi kātuṃ asakkuṇeyyattā dukkaraṃ karotīti dukkarakāro, so eva itthiliṅgavasena dukkarakārikā. Tāya mutto vatamhīti cintesi. Yadi evaṃ kasmā taṃ lokanātho chabbassāni samanuyuñjati? Kammapīḷitavasena. Vuttañhetaṃ apadāne (apa. thera 1.39.92-94) –

    ‘‘อวจาหํ โชติปาโล, สุคตํ กสฺสปํ ตทา;

    ‘‘Avacāhaṃ jotipālo, sugataṃ kassapaṃ tadā;

    กุโต นุ โพธิ มุณฺฑสฺส, โพธิ ปรมทุลฺลภาฯ

    Kuto nu bodhi muṇḍassa, bodhi paramadullabhā.

    ‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, อจริํ ทุกฺกรํ พหุํ;

    ‘‘Tena kammavipākena, acariṃ dukkaraṃ bahuṃ;

    ฉพฺพสฺสานุรุเวลายํ, ตโต โพธิมปาปุณิํฯ

    Chabbassānuruvelāyaṃ, tato bodhimapāpuṇiṃ.

    ‘‘นาหํ เอเตน มเคฺคน, ปาปุณิํ โพธิมุตฺตมํ;

    ‘‘Nāhaṃ etena maggena, pāpuṇiṃ bodhimuttamaṃ;

    กุมฺมเคฺคน คเวสิสฺสํ, ปุพฺพกเมฺมน วาริโต’’ติฯ

    Kummaggena gavesissaṃ, pubbakammena vārito’’ti.

    มาเรตีติ วิพาเธติฯ วิปตฺติอาทิสํโยชนญฺหิ สาธูนํ ปรมตฺถโต มรณํ สจฺจปฎิเวธมารณตฺตา, ปาปตรตฺตา ปาปตโมติ ปาปิมาฯ สา จสฺส ปาปตมตา ปาปวุตฺติตายาติ อาห ‘‘ปาเป นิยุโตฺต’’ติฯ อธิปตีติ กามาธิปติฯ อปฺปหีนกามราเค อตฺตโน วเส วเตฺตตีติ วสวตฺตีฯ เตสํเยว กุสลกมฺมานํ อนฺตํ กโรตีติ อนฺตโกฯ วฎฺฎทุกฺขโต อปริมุตฺตปจฺจยตฺตา นมุจิฯ มตฺตานํ ปมตฺตานํ พนฺธูติ ปมตฺตพนฺธุ

    Māretīti vibādheti. Vipattiādisaṃyojanañhi sādhūnaṃ paramatthato maraṇaṃ saccapaṭivedhamāraṇattā, pāpatarattā pāpatamoti pāpimā. Sā cassa pāpatamatā pāpavuttitāyāti āha ‘‘pāpeniyutto’’ti. Adhipatīti kāmādhipati. Appahīnakāmarāge attano vase vattetīti vasavattī. Tesaṃyeva kusalakammānaṃ antaṃ karotīti antako. Vaṭṭadukkhato aparimuttapaccayattā namuci. Mattānaṃ pamattānaṃ bandhūti pamattabandhu.

    ตโปกมฺมาติ อตฺตกิลมถานุโยคโตฯ อปรโทฺธติ วิรชฺฌสิฯ ‘‘อปราโธ’’ติปิ อตฺถิ, โสเยว อโตฺถฯ กายกิลมถํ อนุยุญฺชโนฺต เยภุเยฺยน อมรตฺถาย อนุยุญฺชติ, โส จ กมฺมวาทีหิ อนุยุญฺชิยมาโน เทวตฺถาย สิยาติ อาห ‘‘อมรภาวตฺถายา’’ติฯ สพฺพํ ตปนฺติ สพฺพํ อตฺตปริตาปนํฯ อตฺถาวหํ น ภวติ โพธิยา อนุปายตฺตาฯ กิญฺจสฺสาติ กิญฺจิ สิยาติ อโตฺถฯ ผิยาริตฺตํว ธมฺมนีติ ธมฺมํ วุจฺจติ วณฺณุ, โส อิธ ‘‘ธมฺม’’นฺติ วุโตฺต, ธมฺมนิ วณฺณุปเทเสติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อรเญฺญ’’ติฯ อุโภสุ ปเสฺสสุ ผิยาหิ อากเฑฺฒยฺย เจว อริเตฺตหิ อุปฺปีเฬยฺย จ

    Tapokammāti attakilamathānuyogato. Aparaddhoti virajjhasi. ‘‘Aparādho’’tipi atthi, soyeva attho. Kāyakilamathaṃ anuyuñjanto yebhuyyena amaratthāya anuyuñjati, so ca kammavādīhi anuyuñjiyamāno devatthāya siyāti āha ‘‘amarabhāvatthāyā’’ti. Sabbaṃ tapanti sabbaṃ attaparitāpanaṃ. Atthāvahaṃ na bhavati bodhiyā anupāyattā. Kiñcassāti kiñci siyāti attho. Phiyārittaṃva dhammanīti dhammaṃ vuccati vaṇṇu, so idha ‘‘dhamma’’nti vutto, dhammani vaṇṇupadeseti attho. Tenāha ‘‘araññe’’ti. Ubhosu passesu phiyāhi ākaḍḍheyya ceva arittehi uppīḷeyya ca.

    สมฺมาวาจากมฺมนฺตาชีวา คหิตา มคฺคสีลสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ สมาธิโน หิ คหเณน สมฺมาวายามสติสมาธโย คหิตา อุปการภาวโตฯ ปญฺญายาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ พุชฺฌติ เอเตนาติ โพโธฯ มโคฺคติ อาห ‘‘โพธายาติ มคฺคตฺถายา’’ติฯ กถํ ปน มคฺคํ มคฺคตฺถาย ภาเวตีติ อาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิฯ เตน ยถา ยาคุปจนารโมฺภ ยาวเทว ยาคุอโตฺถ, เอวํ มคฺคภาวนารโมฺภ มคฺคาธิคมตฺถายาติ ทเสฺสติฯ อารโมฺภติ จ อริยมคฺคภาวนาย พนฺธาปนํ ทฎฺฐพฺพํฯ เกจิ ปน ‘‘มคฺคนฺติ อริยมคฺคํ, โพธายาติ อรหตฺตสโมฺพธาย, เอวญฺจ กตฺวา ‘ปโตฺตสฺมิ ปรมสุทฺธิ’นฺติ อิทมฺปิ วจนํ สมตฺถิต’’นฺติ วทนฺติ, อปเร ปน ‘‘สพฺพญฺญุตญฺญาณสโมฺพธายาติฯ โส หิ สพฺพสฺมาปิ โพธิโต อุตฺตริตโร’’ติฯ นิหโต นิพฺพิเสวนภาวํ ปาปิโตฯ เตนาห ‘‘ปราชิโต’’ติฯ

    Sammāvācākammantājīvā gahitā maggasīlassa adhippetattā. Samādhino hi gahaṇena sammāvāyāmasatisamādhayo gahitā upakārabhāvato. Paññāyāti etthāpi eseva nayo. Bujjhati etenāti bodho. Maggoti āha ‘‘bodhāyāti maggatthāyā’’ti. Kathaṃ pana maggaṃ maggatthāya bhāvetīti āha ‘‘yathā hī’’tiādi. Tena yathā yāgupacanārambho yāvadeva yāguattho, evaṃ maggabhāvanārambho maggādhigamatthāyāti dasseti. Ārambhoti ca ariyamaggabhāvanāya bandhāpanaṃ daṭṭhabbaṃ. Keci pana ‘‘magganti ariyamaggaṃ, bodhāyāti arahattasambodhāya, evañca katvā ‘pattosmi paramasuddhi’nti idampi vacanaṃ samatthita’’nti vadanti, apare pana ‘‘sabbaññutaññāṇasambodhāyāti. So hi sabbasmāpi bodhito uttaritaro’’ti. Nihato nibbisevanabhāvaṃ pāpito. Tenāha ‘‘parājito’’ti.

    ตโปกมฺมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tapokammasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. ตโปกมฺมสุตฺตํ • 1. Tapokammasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. ตโปกมฺมสุตฺตวณฺณนา • 1. Tapokammasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact