Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi |
ตสฺสปาปิยสิกาวินโย
Tassapāpiyasikāvinayo
๒๓๘. ‘‘สิยา อนุวาทาธิกรณํ เทฺว สมเถ อนาคมฺม – สติวินยญฺจ, อมูฬฺหวินยญฺจ ; ทฺวีหิ สมเถหิ สเมฺมยฺย – สมฺมุขาวินเยน จ, ตสฺสปาปิยสิกาย จาติ? สิยาติสฺส วจนียํฯ ยถา กถํ วิย? อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภิกฺขุํ สงฺฆมเชฺฌ ครุกาย อาปตฺติยา โจเทติ – ‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา, ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา’ติฯ โส เอวํ วเทติ – ‘น โข อหํ, อาวุโส, สรามิ เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา, ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา’ติฯ ตเมนํ โส นิเพฺพเฐนฺตํ อติเวเฐติ – ‘อิงฺฆายสฺมา สาธุกเมว ชานาหิ, ยทิ สรสิ เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา, ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา’ติฯ โส เอวํ วเทติ – ‘น โข อหํ, อาวุโส, สรามิ เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา, ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วาฯ สรามิ จ โข อหํ, อาวุโส, เอวรูปิํ อปฺปมตฺติกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’ติฯ ตเมนํ โส นิเพฺพเฐนฺตํ อติเวเฐติ – ‘อิงฺฆายสฺมา สาธุกเมว ชานาหิ, ยทิ สรสิ เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา, ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา’ติฯ โส เอวํ วเทติ – ‘อิมญฺหิ นามาหํ, อาวุโส, อปฺปมตฺติกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา อปุโฎฺฐ ปฎิชานิสฺสามิฯ กิํ ปนาหํ เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา, ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา, ปุโฎฺฐ น ปฎิชานิสฺสามี’ติ? โส เอวํ วเทติ – ‘อิมญฺหิ นาม ตฺวํ, อาวุโส, อปฺปมตฺติกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา อปุโฎฺฐ น ปฎิชานิสฺสสิฯ กิํ ปน ตฺวํ เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา, ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา, อปุโฎฺฐ ปฎิชานิสฺสสิ? อิงฺฆายสฺมา สาธุกเมว ชานาหิ, ยทิ สรสิ เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา, ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา’ติฯ โส เอวํ วเทสิ – ‘สรามิ โข อหํ, อาวุโส, เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา, ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วาฯ ทวา เม เอตํ วุตฺตํ, รวา เม เอตํ วุตฺตํ – นาหํ ตํ สรามิ เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา, ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา’ติฯ ตสฺส โข, ภิกฺขเว 1, ภิกฺขุโน ตสฺสปาปิยสิกากมฺมํ กาตพฺพํฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, กาตพฺพํฯ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –
238. ‘‘Siyā anuvādādhikaraṇaṃ dve samathe anāgamma – sativinayañca, amūḷhavinayañca ; dvīhi samathehi sammeyya – sammukhāvinayena ca, tassapāpiyasikāya cāti? Siyātissa vacanīyaṃ. Yathā kathaṃ viya? Idha pana, bhikkhave, bhikkhu bhikkhuṃ saṅghamajjhe garukāya āpattiyā codeti – ‘saratāyasmā evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitā, pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā’ti. So evaṃ vadeti – ‘na kho ahaṃ, āvuso, sarāmi evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitā, pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā’ti. Tamenaṃ so nibbeṭhentaṃ ativeṭheti – ‘iṅghāyasmā sādhukameva jānāhi, yadi sarasi evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitā, pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā’ti. So evaṃ vadeti – ‘na kho ahaṃ, āvuso, sarāmi evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitā, pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā. Sarāmi ca kho ahaṃ, āvuso, evarūpiṃ appamattikaṃ āpattiṃ āpajjitā’ti. Tamenaṃ so nibbeṭhentaṃ ativeṭheti – ‘iṅghāyasmā sādhukameva jānāhi, yadi sarasi evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitā, pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā’ti. So evaṃ vadeti – ‘imañhi nāmāhaṃ, āvuso, appamattikaṃ āpattiṃ āpajjitvā apuṭṭho paṭijānissāmi. Kiṃ panāhaṃ evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitvā, pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā, puṭṭho na paṭijānissāmī’ti? So evaṃ vadeti – ‘imañhi nāma tvaṃ, āvuso, appamattikaṃ āpattiṃ āpajjitvā apuṭṭho na paṭijānissasi. Kiṃ pana tvaṃ evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitvā, pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā, apuṭṭho paṭijānissasi? Iṅghāyasmā sādhukameva jānāhi, yadi sarasi evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitā, pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā’ti. So evaṃ vadesi – ‘sarāmi kho ahaṃ, āvuso, evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitā, pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā. Davā me etaṃ vuttaṃ, ravā me etaṃ vuttaṃ – nāhaṃ taṃ sarāmi evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitā, pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā’ti. Tassa kho, bhikkhave 2, bhikkhuno tassapāpiyasikākammaṃ kātabbaṃ. Evañca pana, bhikkhave, kātabbaṃ. Byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –
‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ สงฺฆมเชฺฌ ครุกาย อาปตฺติยา อนุยุญฺชิยมาโน อวชานิตฺวา ปฎิชานาติ, ปฎิชานิตฺวา อวชานาติ, อเญฺญนาญฺญํ ปฎิจรติ, สมฺปชานมุสา ภาสติฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ตสฺสปาปิยสิกากมฺมํ กเรยฺยฯ เอสา ญตฺติฯ
‘‘Suṇātu me, bhante saṅgho. Ayaṃ itthannāmo bhikkhu saṅghamajjhe garukāya āpattiyā anuyuñjiyamāno avajānitvā paṭijānāti, paṭijānitvā avajānāti, aññenāññaṃ paṭicarati, sampajānamusā bhāsati. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho itthannāmassa bhikkhuno tassapāpiyasikākammaṃ kareyya. Esā ñatti.
‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ สงฺฆมเชฺฌ ครุกาย อาปตฺติยา อนุยุญฺชิยมาโน อวชานิตฺวา ปฎิชานาติ, ปฎิชานิตฺวา อวชานาติ, อเญฺญนาญฺญํ ปฎิจรติ, สมฺปชานมุสา ภาสติฯ สโงฺฆ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ตสฺสปาปิยสิกากมฺมํ กโรติฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ตสฺสปาปิยสิกากมฺมสฺส กรณํ, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ
‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ itthannāmo bhikkhu saṅghamajjhe garukāya āpattiyā anuyuñjiyamāno avajānitvā paṭijānāti, paṭijānitvā avajānāti, aññenāññaṃ paṭicarati, sampajānamusā bhāsati. Saṅgho itthannāmassa bhikkhuno tassapāpiyasikākammaṃ karoti. Yassāyasmato khamati itthannāmassa bhikkhuno tassapāpiyasikākammassa karaṇaṃ, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.
‘‘ทุติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ…เป.… ตติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ…เป.…ฯ
‘‘Dutiyampi etamatthaṃ vadāmi…pe… tatiyampi etamatthaṃ vadāmi…pe….
‘‘กตํ สเงฺฆน อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ตสฺสปาปิยสิกากมฺมํฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ
‘‘Kataṃ saṅghena itthannāmassa bhikkhuno tassapāpiyasikākammaṃ. Khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmī’’ti.
‘‘อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อธิกรณํ วูปสนฺตํฯ เกน วูปสนฺตํ? สมฺมุขาวินเยน จ, ตสฺสปาปิยสิกาย จฯ กิญฺจ ตตฺถ สมฺมุขาวินยสฺมิํ? สงฺฆสมฺมุขตา, ธมฺมสมฺมุขตา, วินยสมฺมุขตา…เป.… กา จ ตตฺถ ตสฺสปาปิยสิกาย? ยา ตสฺสปาปิยสิกากมฺมสฺส กิริยา กรณํ อุปคมนํ อชฺฌุปคมนํ อธิวาสนา อปฺปฎิโกฺกสนา – อยํ ตตฺถ ตสฺสปาปิยสิกายฯ เอวํ วูปสนฺตํ เจ, ภิกฺขเว, อธิกรณํ การโก อุโกฺกเฎติ, อุโกฺกฎนกํ ปาจิตฺติยํ; ฉนฺททายโก ขียติ, ขียนกํ ปาจิตฺติยํฯ
‘‘Idaṃ vuccati, bhikkhave, adhikaraṇaṃ vūpasantaṃ. Kena vūpasantaṃ? Sammukhāvinayena ca, tassapāpiyasikāya ca. Kiñca tattha sammukhāvinayasmiṃ? Saṅghasammukhatā, dhammasammukhatā, vinayasammukhatā…pe… kā ca tattha tassapāpiyasikāya? Yā tassapāpiyasikākammassa kiriyā karaṇaṃ upagamanaṃ ajjhupagamanaṃ adhivāsanā appaṭikkosanā – ayaṃ tattha tassapāpiyasikāya. Evaṃ vūpasantaṃ ce, bhikkhave, adhikaraṇaṃ kārako ukkoṭeti, ukkoṭanakaṃ pācittiyaṃ; chandadāyako khīyati, khīyanakaṃ pācittiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / ตสฺสปาปิยสิกาวินยกถา • Tassapāpiyasikāvinayakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อธิกรณวูปสมนสมถกถาวณฺณนา • Adhikaraṇavūpasamanasamathakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อธิกรณกถาวณฺณนา • Adhikaraṇakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ตสฺสปาปิยสิกาวินยกถา • Tassapāpiyasikāvinayakathā